๓๑
สร้อยฟ้าเดินเข้ามาขวางหญิงชราไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปใกล้บ้านที่กำลังลุกไหม้อยู่ตอนนั้น แม้หญิงชรา จะไม่ได้แก่มากแต่หล่อนก็ไม่ใช่สาวรุ่นอย่างหล่อน หากจิตราเข้าไปในบ้านหลังนั้น สร้อยฟ้าไม่คิดว่าป้าของหล่อนจะกลับออกมาได้อีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทนความร้อนจากเปลวไฟเลย แค่สูดควันเข้าไป จิตราจะหายใจออกหรือไม่ ขนาดเข้าไปในเมืองจิตรายังไม่อาจทนกลิ่นควันรถได้เลย แล้วนี่ควันไฟขนาดนี้จะไม่เป็นลมล้มพับลงไปเลยหรือ
“คุณป้าคะ อย่าเข้าไปเลยค่ะ” หล่อนว่าเสียงสั่น “มันอันตราย คุณป้าเข้าไปจะ... จะไหวหรือคะ สร้อยเข้าไปเองค่ะ”
“ไม่ได้ครับ” ณัฐแทรกขึ้นมาทันที “ผมเป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นเพื่อนสนิทของพาทิศผมไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงเข้าไปเสี่ยงภัย แทนผมครับ ผมจะเข้าไปเอง”
จิตราส่ายหัวเบาๆ ไม่ตะโกนเถียงอะไร แต่ส่ายหัวอย่างนิ่งๆอย่างนั้น เหมือนว่าหล่อนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น หล่อนตัดสินใจแล้วไม่มีใครมาเปลี่ยนใจหล่อนได้ง่ายๆหรอก
“ต้องเป็นป้าเท่านั้นค่ะคุณณัฐ” หล่อนว่า “ถ้าเป็นป้าเขาคงอนุญาตให้เข้าไป ถ้าเป็นคนอื่น ป้าไม่แน่ใจ”
หญิงชรายิ้มอย่างเยือกเย็น สงบตามแบบของหล่อน
“อีกอย่าง คนแก่อย่างป้าอยู่ไปได้อีกไม่นานก็ตายแล้ว ให้ป้าได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นก่อนตายป้าก็จะดีใจมาก พวกหนูอย่าห้ามป้าเลยนะ”
“ไม่ค่ะ หนูไม่ให้คุณป้าเข้าไป”
“เชื่อเถอะ เรายังหนุ่มยังแน่น อย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเลยจ้ะ อยู่ต่อไปอีกให้มันนานๆยังไม่แต่งงานมีลูกอย่าเพิ่งมาเสี่ยง” หล่อนว่าแล้วก็ออกเดินไป กระนั้นสร้อยฟ้าก็ยังยึดคุณป้า ผู้ซึ่งเป็นเหมือนแม่ เลี้ยงหล่อนมาตั้งแต่เด็กเอาไว้ไม่ยอมให้เข้าใกล้เรือนเทามากกว่านั้น
“คุณป้า...”
“ป้าพึงพอใจให้มันเป็นอย่างนี้ หนูสร้อยอย่าห้ามป้าเลย ป้าสัญญาว่าคุณพาทิศจะรอดกลับมาค่ะคุณณัฐ” ประโยคสุดท้าย หญิงชราหันไปพูดกับชายหนุ่มโดยเฉพาะ “เอาล่ะค่ะ เสียเวลามากแล้ว ป้าไปแล้วล่ะค่ะ ถ้าป้าจะตายจริงๆ ป้าก็หมดห่วง ไม่มีอะไรแล้วทางนี้ นอกจากแม่สร้อยจะได้แต่งงาน มีลูกสืบสกุลไป”
หญิงชรา แกะมือสร้อยฟ้าออก ฉับพลันหล่อนก็เข้าใจแล้วว่า เมื่อจิตราบอกอย่างนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ จะไปเปลี่ยนใจหล่อนไม่ได้
“คุณณัฐ ป้าฝากแม่สร้อยด้วย”
พอเห็นณัฐพยักหน้าและรับคำหล่อนแล้ว จิตราก็เดินไปที่ประตูหน้าเรือนเทาที่มีเศษหน้าต่างไม้ตกลงมาเมื่อครู่นี้ หล่อนจับมันโยนไปพ้นทางอย่างง่ายดาย แล้วก็ก้าวเข้าไปในเรือนเทาในที่สุด ก่อนปิดประตูหล่อนหันมาหาสร้อยฟ้า และณัฐ ยิ้มให้หลานทั้งสองคนอย่างอิ่มใจ หล่อนพร้อมที่จะเข้าไปในเรือนเทา แล้วไม่กลับมาอีกเลย
“ณัฐคะ รอยยิ้มคุณป้า” สร้อยฟ้าเห็นป้าของหล่อนก็น้ำตาไหล “คุณป้ายิ้มแบบนี้ ...เหมือนคุณพ่อยิ้มตอนที่ท่านเสีย ยิ้มแบบคนปลงตก ฉัน... ฉันไม่สบายใจเลยค่ะ ฉันไม่อยากเสียคุณป้าไปอีกคน”
ณัฐรวบตัวหล่อนเข้ามากอดไว้แนบอก ไม่ต่างจากเวลาพาทิศกอดให้กำลังใจเขา หากพาทิศเคยทำให้เขารู้สึกดีได้ เขาก็อยากทำให้คนอื่นรู้สึกดีเพราะเขาได้ด้วย อ้อมกอดของณัฐต่างจากพาทิศตรงที่ มันอบอุ่น แนบแน่น แม้คำพูดของณัฐก็เป็นคำพูดที่กลั่นกรองมาแล้วจากใจ ไม่ใช่พูดไปอย่างนั้น อย่างเสียงที่ผ่านลำคอมากระทบอวัยวะในปาก ไม่มีความหมายจริงใจอย่างพาทิศ
“ผมจะดูแลคุณเอง ไม่ทิ้งไปไหนเด็ดขาดอย่างที่สัญญากับป้าจิตราไว้”
จิตราเดินผ่านเปลวไฟกองแล้วกองเล่าไปอย่างไม่เกรงกลัว กายของหล่อนอาจจะแสบร้อน หรือเจ็บปวด แต่จิตของหล่อนไม่เจ็บไปด้วย จิตราเข้าใจว่าเมื่อแยกสองสิ่งนี้ให้เป็นคนละอย่างกันแล้ว หล่อนก็ไม่เกรงกลัวอะไรอีก ร่างกายหล่อนถูกทำลายได้ง่ายๆ แต่จิตที่เข้มแข็งของหล่อนไม่มีทางถูกทำลายไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม หญิงชราเห็นทุกอย่างรอบกาย ก็นึกถึงตอนที่หล่อนเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก พร้อมกับพ่อแม่ของหล่อน เมื่อครั้งพามารู้จักกับผ่านฟ้า
หล่อนจำได้ว่ารังเกียจ และกลัวบ้านหลังนี้แค่ไหน แม้จะรู้สึกราวกับเคยเห็นมาก่อน เคยอยู่มาก่อนแล้วก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่อยากเข้าใกล้บ้านหลังนี้สักครั้ง หล่อนรู้สึกว่ามีใครบางคน “เฝ้า” บ้านหลังนี้อยู่ รอคอยใครสักคนที่จะกลับมาหาเขา หล่อนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไม่คู่ควรกับหล่อน แม้ผ่านฟ้าก็ไม่คู่ควร เขาไม่ใช่ทายาทของหลวงพินิจราชอักษร เขาเป็นทายาทของเทิด ถ้าบ้านหลังนี้ไม่คู่ควรกับเทิด มันก็ไม่คู่ควรกับเขาเช่นกัน หล่อนจึงพูดตลอดเวลาให้เขาออกจากบ้านนี้ไปเสีย พอรู้ว่าไม่ทำตามคำสั่ง หล่อนก็พาลไม่ชอบหน้าเขาขึ้นมา
หล่อนตัดสินใจพลาดไม่แต่งงานกับเขา พลาดที่ไม่ยอมมาอยู่บ้านนี้
แต่ตอนนี้ เมื่อบ้านที่ไม่ใช่ของหล่อนกำลังพังทลายลง หล่อนกลับนึกเสียใจ อาลัยอาวรณ์มันขึ้นมาอย่างไม่มีประโยชน์อันใดเลย เพราะหล่อนไม่สามารถรักษามันไว้อีก เสียดายแทนที่คนที่ “เฝ้า” มันมาตลอด ไม่มีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกครั้ง ในฐานะ “คน” คนหนึ่ง เป็นเพียงจิตที่ปกปักษ์รักษามันเอาไว้นานเป็นร้อยปีเท่านั้น น่าเสียดายที่รอ “ใครอีกคนหนึ่ง” มาหาที่นี่ แต่กลับไม่มีโอกาสจะได้พบ ไม่มีโอกาสจะได้อยู่ที่นี่ด้วยกัน
จิตราขึ้นไปชั้นบน บางส่วนของเฉลียงพังทลายลงไปด้านล่างแล้วก็จริง แต่ทางที่หล่อนใช้เดินเข้าไปถึงห้องนอนของหลวงพินิจราชอักษรกลับปลอดภัยดีอยู่ หล่อนเดินเข้าไปได้เฉยๆ สบายๆ พื้นห้องมีไฟลุกอยู่ท่วม แต่มันแหวกเป็นทางไว้อย่างน่าประหลาดไปจนถึงตัวพาทิศได้
ในขณะที่จิตราเดินเข้ามาถึงตัวชายหนุ่ม แสงสีขาวก็สว่างจ้าจนเส็งตกใจ พาทิศเองก็ประหลาดใจ ก้มมองดูจิตของตนก็เห็นว่า เสื้อผ้าของหยาดหายไปแล้ว เขากลับมาเป็นพาทิศคนเดิม จู่ๆ จิตของชายหนุ่มก็สว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆ แล้วฉับพลันก็หายวูบไปอย่างนั้นเสียเฉยๆ “คุณหยาด จะไปไหน อย่าเพิ่งไปขอรับ!”
จิตราแตะบ่าพาทิศเบาๆ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างง่ายดาย
“คุณป้า!” เขาตกใจ เมื่อเห็นสภาพรอบๆตัว มีไฟพวยพลุ่งอยู่ตลอดเวลา อย่างน่ากลัว หญิงชราอยู่ข้างๆเขาดูสงบอย่างที่หล่อนเป็นอยู่ตลอด “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ไม่เห็นหรือคะ ไฟไหม้ค่ะ ดิฉันไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่น่าจะเทียนล้ม” หล่อนอธิบาย “พบเส็งแล้วหรือคะ”
“ครับคุณป้า ผม... ผมคือหยาดครับคุณป้า” พาทิศน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้ น้ำตาของเขานึกอยากมาก็มาง่ายๆอย่างนั้น พาทิศเข้าใจดีว่ามันเป็นความอัดอั้นที่อยู่ในใจ เมื่อได้ระบายออกมาก็สุดจะทนเก็บไว้ได้อีก เขาร้องโฮออกมาอย่างเด็กๆ ร้องอย่างที่เสียใจสุดชีวิต
“ดิฉันพอจะเดาได้ค่ะ”
“คุณป้าไม่บอกผมเลย...”
“ดิฉันเพิ่งนึกออกวันนี้เอง ขอโทษด้วยนะที่บอกไม่ทัน คิดโน่นคิดนี่ จับนี่ผสมนั่นก็นึกได้ค่ะว่าคงเป็นคุณหยาด”
“ป้าจิตราครับ ผมมันเป็นคนบาป ผม... ผมฆ่าเส็ง ผมฆ่าหลวงพินิจ ผมโกหก ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ผมมันแย่ครับคุณป้า มิน่าผมถึงได้เกิดมาเป็นเกย์ เป็นโรคถ้ำมองเป็นคนไม่รู้จักรักใครสักคน เพราะผมทำเขาเอาไว้มาก ผมมันไม่ควรจะอยู่ต่อไปเลย สมควรตายเสียอยู่ที่นี่ครับคุณป้า”
“คุณพาทิศคะ สิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นในอดีตก็คือสิ่งที่เกิดในอดีตค่ะ คุณจะตามไปแก้ไขมันไม่ได้ แต่อย่าลืมซีคะว่ากรรมน่ะเป็นแค่ตัวกำหนดสภาพของมนุษย์เท่านั้น มันกำหนดปัจจุบันของคุณได้ แต่มันกำหนดอนาคตคุณไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามันจะต้องตามคุณไปทุกๆชาตินี่คะ เราตัดกรรมได้ด้วยการทำความดีนะคะ คุณพาทิศ ความชั่วเก่าเราก็ไปชดใช้ให้หมด พอไม่ทำชั่วใหม่สุดท้ายก็มีแต่ความดีเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าท่านจะปรินิพพานได้หรือคะ
คุณพาทิศลองคิดดีๆนะคะ ว่าสิ่งที่คุณได้ทำไว้ในอดีตชาติของคุณ มันสมควรแล้วหรือยัง ที่จะส่งผลมาให้คุณเป็นแบบนี้ในชาตินี้ ถ้าคุณพาทิศเห็นว่าไม่สมควร ก็ฟูมฟายโทษตัวเองอย่างนี้ต่อไปเถอะค่ะ แต่ถ้าเห็นว่าเราผิดจริง เวลาที่เราจะแก้ไขมันก็พอมีไม่ใช่หรือคะ”
พาทิศนั่งฟังจิตรามาตลอดก็เข้าใจ เห็นด้วยกับที่หล่อนว่าทุกประการ
“ผมเอาของมาคืนแล้ว ผมขอโทษเขาแล้ว แล้วควรทำอย่างไรอีกต่อไปดีครับคุณป้า”
“คุณพาทิศทำเท่าที่จะทำได้แล้วนี่คะ ถ้าในอนาคตจะทำอะไรอีก ก็แล้วแต่คุณพาทิศจะคิดได้เถอะค่ะ ดิฉันเห็นว่าคุณทำมาเยอะแล้ว คราวนี้ถึงตาดิฉันบ้าง” หล่อนยิ้มให้พาทิศ พูดราวกับว่าที่สอนไปเมื่อครู่นั้นเหมือนสอนตัวเองมากกว่าจะสอนชายหนุ่มตรงหน้า “ไปเถอะค่ะ ข้างนอกยังมีใครรอคุณอยู่อีก คุณยังหนุ่มยังแน่น ทำอะไรให้สังคม ให้คนอื่นได้อีกตั้งเยอะ เอาเรื่องนี้เป็นแรงขับ เร่งทำความดีเสียให้มากเถอะค่ะ”
พาทิศลุกขึ้นแต่ก็ยัง ไม่รีบออกไป
“คุณป้า... จะดีหรือครับ ไฟไหม้อย่างนี้ เกิดบ้านพังขึ้นมา”
“ดีซีคะ ดิฉันจะปลอดภัย คุณพาทิศไปเถอะ”
เงียบ แล้วพาทิศก็ทำสิ่งที่เขาไม่คิดจะทำ
“คุณป้าครับ ผมขอกอดคุณป้าได้ไหมครับ” จิตรายิ้ม ดึงพาทิศเข้ามากอด ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้คุยกัน ฝ่าฟันเรื่องต่างๆมาด้วยกันทำให้พาทิศรู้สึกผูกพันกับหญิงชราคนนี้เหลือเกิน เขากระซิบเบาๆ ว่า“ผมอยากเป็นหลานแท้ๆของคุณป้าจริงๆครับ คุณป้าดีกับผมเหลือเกิน ดีกว่าที่ใครเคยทำ ทั้งๆที่เราก็รู้จักกันได้ไม่นานเอง”
จิตรายิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดันหลังพาทิศออกไปจากห้องนั้น ก่อนปิดประตูหล่อนบอกเขาเบาๆว่า
“ชาติที่แล้วดิฉันทำคุณเสียใจมาพอแล้วค่ะ”
พอประตูปิดลง พาทิศก็ขนลุกซู่ ไม่รู้จะเชื่อสายตาของตัวเองดีหรือไม่ เพราะแวบสุดท้ายที่เหลือบมองหญิงชรา เขาไม่ได้เห็นจิตราอย่างที่ควรจะเห็น แต่กลับเห็นใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นต่างหาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาช่างเขลาจนนึกไม่ออกเลยจริงๆ แต่มาตอนนี้เขามั่นใจว่าเรื่องมันต้องเป็นอย่างที่เขาคิด... ทำไมจิตราถึงเข้ามาช่วยเหลือเขาแต่แรก ทำไมจิตราถึงดีกับเขาทุกอย่าง ให้ความรัก ความผูกพันอย่างกับเป็นหลานแท้ๆ ทำไมจิตราถึงรู้ว่าหลวงพินิจราชอักษรพูดอะไรไว้ก่อนตาย ถ้าหากว่ามันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้หรือ!
ในห้องนั้น จิตราหลับตาแน่น ยืนอยู่กลางห้องไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแม้ไฟจะลุกไปทั่ว ลามขึ้นมาตามกระโปรงของหล่อนแล้ว จิตราก็ได้แต่ยืนหลับตา ดึงจิตเข้าสู่สมาธิหล่อนกางแขนออกราวกับจะกอดใครแม้จะไม่มีใครอยู่ตรงหน้า “เรากลับมาหาแล้วนะเส็ง...”