ในที่สุดเรื่องยาวอีกเรื่องที่ติดพันก็จบลงไปด้วยดีแล้วค่ะ
ได้เวลามาต่อเรื่องของนายอิสกับเอดูตามที่เคยสัญญาไว้แล้ว (หวังว่าจะยังจำสองคนนี้ได้นะคะ กร้ากกกกกกกกกกกกกส์)
เอาล่ะค่ะ ไม่พูดอะไรมาก ไปอ่านกันเลยดีกว่า........ติชมหรือมีคำแนะนำอะไรบอกได้ทุกอย่างนะคะ
...............................
บทที่หนึ่งในความทรงจำ
: Ana Julia
เพื่อนๆร้องเพลงให้ผม...... ผมอยู่ที่นี่มาหนึ่งสัปดาห์แล้วครับ ตอนนี้ผมเริ่มจดจำศัพท์ง่ายๆที่เกี่ยวกับของใช้ของกินได้มากขึ้นแล้ว
แต่ก็ยังรู้สึกตัวเองเหมือนคนใบ้ที่ไม่สูญเสียทักษะการฟัง คือประเภทได้ยิน แต่พูดโต้ตอบไม่ได้
เพราะสิ่งที่ได้ยิน บางครั้งก็เข้าใจ แต่ส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจมากกว่า
แถมไอ้อาการพูดโต้ตอบไม่ได้ยังทำให้ผมเมื่อยมือเมื่อยหน้าชะมัดเวลาที่ต้องการจะสื่อสารกับใคร
ไอ้เอดูก็ชักจะใจร้าย มันไม่ค่อยยอมพยายามพูดอังกฤษแปร่งๆกับผมแล้ว
ผมก็เข้าใจนะว่ามันอยากให้ผมเรียนรู้ภาษาบ้านมันได้เร็วๆ
แต่ก็นั่นแหละ วิธีการที่มันใช้ฝึกภาษาให้ผมด้วยการไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษด้วยเลยนี่มัน
....ทั้งเหนื่อย ทั้งอึดอัด แล้วยังทรมานน่าดูจากการมาเรียนไปครบหนึ่งสัปดาห์ทำให้ผมเริ่มรู้ว่าวันพุธหลังเลิกเรียนสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วจะเป็นวันที่ถ้าใครอยากอยู่ทำกิจกรรมกันต่อก็จะอยู่ได้ ที่วันอื่นๆทุกคนรีบกลับบ้านทันทีก็เพราะว่าโรงเรียนจะมีนักเรียนภาคบ่ายเข้ามาเรียนต่อ อีกอย่างเพื่อนๆบางคนก็ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนด้วย
พุธแรกผมก็เห็นแล้วล่ะว่าพวกเพื่อนๆผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่ต่อกันหรอก แต่พวกเพื่อนผู้ชายจะจับกลุ่มแบ่งฝ่ายเตะบอลโกล์เล็กกัน
ผมไม่ได้อยู่เล่นด้วยเพราะที่ปรึกษานักเรียนแลกเปลี่ยนมารับไปรู้จักกับเด็กแลกเปลี่ยนจากนิวซีแลนด์สองคนที่เพิ่งมาถึงพอดี
เพื่อนจากนิวซีแลนด์นี่เป็นผู้ชายคนผู้หญิงคน ผู้ชายก็เหมือนคนขาวทั่วไปผมทองตาฟ้า รูปร่างสูง ส่วนผู้หญิงนี่เธอแนะนำตัวว่าเป็นชาวเผ่าเมารีครับ ผิวก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ แต่เข้มกว่า แล้วก็ผมยาวตรงสีดำสนิท เธอน่ารัก แล้วก็ดูเซ็กซี่ได้โดยไม่ต้องพยายามเลย มีเสน่ห์น่าดู
แต่ผมกะไว้แล้วว่าพุธนี้เลิกเรียนแล้วจะอยู่เล่นบอลกับเพื่อนๆด้วย เห็นมีแป้นบาสเก่าๆแขวนตาข่ายเน่าๆอยู่
อยากเล่น.....เดี๋ยวจะลองถามดูว่าต้องเบิกลูกจากไหนหรือว่าต้องเตรียมมาเอง
เพราะลูกฟุตบอลที่เห็นเมื่อวันพุธนั่นจำได้ว่าเห็นริคาร์โด้มันเอามาจากบ้าน
แล้วตั้งแต่คาบเรียนแรกมันก็เล่นเลี้ยงไปมาด้วยขาสองข้างใต้โต๊ะตลอด
ริคาร์โด้นี่ก็เป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มไอ้เอดูมัน แต่บุคลิกมันจะเงียบๆขรึมๆแล้วก็ดูนิ่งมากกว่าเพื่อนคนอื่นในห้องเยอะ
เอดูบอกว่าจริงๆริคาร์โด้มันไม่ได้นิ่งแบบที่ผมเห็นหรอก แต่ที่เห็นมันนิ่งอย่างนี้เพราะมันเป็นคนขี้อาย
ผมรู้อย่างนี้แล้วเลยงงว่ามันจะมาอายอะไร
พอถามเอดูมันไปมันก็บอกว่า
“tu.”
“Qué?!?” ตู......ผมเนี่ยนะ “ก็มันอายอิสไง”
“louco มันจะมาอายเราทำไม?”
บ้าแล้ว ริคาร์โด้มันจะมาอายอะไรผมล่ะ นี่เห็นมั้ยครับ ขนาดด่ายังด่าแบบเด็กน้อยแถวนี้ได้แล้วเลย โลโค่ แปลว่า ‘บ้า’“ก็อิสน่ารัก ไม่รู้ตัวเหรอ”
ง่า......ไอ้เอดูบ้า ชมมาได้ไงเล่า ผมอายดีเลย์นิดนึงครับ เพราะต้องเปิดดิคก่อนเริ่มอาย
แต่ถ้าแค่รู้ความหมายคงไม่อายหรอก นี่ไอ้บ้าเอดูดันส่งสายตาแปลกๆมาด้วยดิ
ไม่รู้จะตอบโต้ไงเลย อยากจะบอกว่าอย่ามามองแบบนี้นะ แต่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
จะให้เปิดดิคพูดตอบมันก็อาย คือจะว่าอายอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่
แต่.....มันรู้สึกแปลกๆ
แบบว่า อยู่ๆก็รู้สึกว่าการมองสบตากับมันจะทำให้เกิดอันตรายกับตัวเองขึ้นเสียอย่างนั้น“กีต้าร์ ของใคร?”
ก่อนอาจารย์โรซ่าจะเข้ามาสอนภาษาอังกฤษตามปกติ ผมก็เหลือบไปเห็นว่าวันนี้มีกีต้าร์พิงอยู่กับฝาผนังหลังห้อง
“กีต้าร์?”
นี่ไง เอาอีกแล้ว ผมชักจะรู้สึกว่าเอดูมันมักจะเข้ามาใกล้ๆโดยผมไม่ทันรู้ตัวเสมอ
นี่มันคงมาอยู่ข้างๆนานแล้ว เมื่อกี้ที่ผมพูดเบาๆกับตัวเองแท้ๆไอ้บ้านี่ยังอุตส่าห์หูดีได้ยิน แถมทวนคำอีกต่างหาก
ผมหยิบเจ้าดิซิโอน้าริโอ้ที่วางไว้มุมขวาบนของโต๊ะเป็นประจำมาเปิดหาคำว่ากีต้าร์
หลังจากย่นจมูกพร้อมส่งเสียงจิ๊จ๊ะให้ไอ้ติวเตอร์ภาษาโปรตุกีสไม่ได้รับเชิญไปทีหนึ่ง
ก็ดูมันนะ น่าหมั่นไส้แค่ไหน กีต้าร์ก็ตั้งอยู่ตรงนั้น มองตามสายตาไปก็เห็น
แทนที่มันจะบอกๆมาซะว่าเรียกในภาษาบ้านมันยังไง มันกลับอมพะนำเอาไว้ แล้วก็ยิ้มล้อเลียน....แกล้งกันชัดๆ
“guitarra” พอผมชี้ให้มันดูมันก็ยิ้มระรื่นแล้วออกเสียงให้ฟังจนได้....กีต้าหะ
“อาฮะๆ กีต้าหะ.....แล้วมันของใครล่ะ?”
“อยากรู้เหรอ? เล่นเป็นรึเปล่า?” อ้าวไอ้นี่ คนถามไม่ตอบ ดันมาถามกลับซะงั้น
“หึ......อ๊อยยยยยย!!”
ผมส่งเสียงในลำคอพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธ เลยโดนมันบีบจมูกเข้าให้
“ตอบดีๆสิอิส Eu não posso” หงะ....ไอ้อาจารย์โหด
“เอว เนา ปอสโซ่, โปรเฟสซอร์”
คร้าบบบบบบ.....ผมทำไม่ได้คร้าบท่านเอดู ฮึ่ย....ผมได้แต่หวังว่าน้ำเสียงของผมคงทำให้มันเข้าใจได้หรอกว่าผมกำลังประชดมันอยู่
“hahaha eu não sou o professor…..sou teu amigo.”เอาอีกแล้ว ตอบโต้เข้าหน่อยมายาวๆอีกแล้ว แต่ผมจะทำไงได้ ด่าก็ด่าเป็นอยู่คำเดียวนั่นแหละ ไอ้บ้าๆ
แล้วอารมณ์นี้แค่ด่าว่าบ้ามันพอที่ไหน โอเค......เพราะงั้นเอาเวลาคิดคำด่ามันไปเปิดดิคดีกว่า
เข้าใจแล้ว....
ฉันไม่ใช่อาจารย์ของนาย ฉันเป็นเพื่อนของนายต่างหากผมเงยหน้าจากดิคชันนารีในมือขึ้นมองมัน ไอ้บ้าเอดูมันก็ส่งยิ้มกว้างขวางมาให้
ตอนนั้นเอง ผมถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองก็กำลังส่งยิ้มไปให้คนที่เพิ่งบอกว่าเป็นเพื่อนกันเมื่อกี้.....กว้างขวางไม่แพ้กันเลย
“ไปนั่งสิ อาจารย์ตัวจริงมาแล้ว”
เสียงการเคลื่อนไหวพรึบพรับดังขึ้น เมื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนของผมทุกคนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ตามมุมโน้นมุมนี้ของห้องรีบกลับไปนั่งประจำที่
พร้อมๆกับที่เสียงคุยจ้อกแจ้กเงียบลง
ผมก็บอกให้เอดูกลับไปนั่งที่ของตัวเองหลังจากมันมาอาศัยมุมโต๊ะของผมแหมะก้นอยู่เป็นนาน
แต่แทนที่มันจะกลับไปนั่งที่ตามที่ผมบอก ผมกลับเห็นมันส่งภาษาบ้านมันกับอาจารย์โรซ่าจับใจความไม่ได้
แล้วก็เดินไปหยิบกีต้าร์ที่พิงอยู่หลังห้อง มีกีห์บริการลากเก้าอี้ตัวหนึ่งไปตั้งรอที่หน้าห้องเรียน
“อาน่า ชู้ลิยา”แน่ใจนะว่าชื่อเพลง แวบแรกที่ได้ยินผมคิดแบบนั้นจริงๆนะ ไอ้บ้าเอดูพูดออกมาแบบนั้นแล้วมีการขยิบตาส่งมาทางผมด้วยสิ
แต่ไม่ต้องสงสัยนาน เพราะมันเริ่มดีดกีต้าร์ในมือ แล้วเริ่มนำร้องเพลงเพลงหนึ่งขึ้นมาทันที
เอ่อ....ท่าทางเพลงนี้จะดังมากแน่ๆ เพราะทุกคนในห้องร้องได้กันหมดเลย ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์โรซ่าคนงาม
http://www.youtube.com/v/AdGd26pHiE0&hl=en_US&fs=1"เพลงที่คนทั้งห้องร้องอยู่เป็นเพลงจังหวะสนุกๆ ถ้าผมฟังออกก็คงร้องตามได้ง่ายๆ
ก็ไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไร ตอนแรกไม่ได้อยากรู้ด้วยซ้ำ
จนเริ่มสังเกตว่าแทนที่เพื่อนๆมันจะมองไปที่หน้าห้อง....ที่ไอ้คนบ้าหน้าเป็นดีดกีต้าร์สร้างเสียงเพลงอยู่
พวกเพื่อนๆมันกลับมองมาที่ผมกันเป็นตาเดียว มองมาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
ยิ่งผ่านท่อนแรกไป ทีนี้นอกจากเสียงร้องกับเสียงกีต้าร์ก็เริ่มมีเสียงเคาะโต๊ะป๊อกแป๊กประกอบจังหวะไปด้วย
ในวันนั้นถึงผมจะไม่เข้าใจความหมายของเนื้อเพลง แต่ผมรู้ว่าเพื่อนๆทุกคนต้องการจะบอกว่าพวกเขายินดีแค่ไหนที่เราได้มารู้จักกัน
ยิ่งไอ้คนต้นเสียงนั่น......ผมยิ่งมั่นใจว่ามันต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยเชียวล่ะ
แล้วหลังจากนั้นอีกหลายสัปดาห์ เมื่อผมได้เข้าใจเนื้อหาของเพลงเพลงนี้.....ผมก็รู้ตัวทันที
ว่าต่อให้เนิ่นนานจากเวลานี้อีกกี่ปี......
ผมจะไม่มีวันลืมเพลงเพลงนี้ และมนุษย์บ้าหน้าหนาที่มันร้องเพลงนี้ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งห้องได้เลย
.....................................
.....................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..ปล.ฟังเพลงเอาอารมณ์ไปก่อนนะคะ ยังไม่ต้องรู้ความหมายเนอะ เอาไว้รู้พร้อมอิสมันดีกว่า เอ๊ะหรือว่าอยากรู้ก่อนคะ?
ถ้าอยากรู้ใบ้ให้ว่าประมาณเดียวกับการ์ตูนในเอ็มวีนะคะ