รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักคือ... รัก >>> ส่งข่าว  (อ่าน 539677 ครั้ง)

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2010 เมื่อ21-07-2012 06:35:12 »

 :pig4:เปิดมาเจอดีใจ...แปะจองไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านให้หายคิดถึง

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2011 เมื่อ21-07-2012 07:09:48 »

อาหารค่ำ ผลไม้ ถ้ากันต์ไม่ลืมเสริฟของหวาน ป่านนี้ คงไม่ถูกกร ทวงของหวาน 3 ถ้วยหรอก  :m20:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ

ออฟไลน์ jaaeyboy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2012 เมื่อ21-07-2012 11:33:21 »

อ้าว เฮ้ยด้วย 
กลับมาก่อนคนแต่ง  มาต่อจากเฮ้ย ให้หน่อย

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2013 เมื่อ21-07-2012 13:58:41 »

รักกันเบาเบา :L1:

Chocorun

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2014 เมื่อ21-07-2012 23:27:31 »

เฮ้ย!!
แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นกันนะ  :laugh:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2015 เมื่อ22-07-2012 03:32:42 »

 :z1: :z1: :z1:  น้องกรขอสาม อิอิ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2016 เมื่อ23-07-2012 17:48:41 »

กันต์จ๋า ฟ้าเหลืองแน่~

Sweet cream

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2017 เมื่อ23-07-2012 20:59:39 »

เดี๋ยวจะเตรียมไข่ลวกไว้ให้คนละสามฟองตอนเช้า  :laugh:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2018 เมื่อ23-07-2012 23:32:46 »

ขอมากกว่าน้องพลับอีกนะนี่ อิอิ

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2019 เมื่อ24-07-2012 21:20:20 »

                  กรนี่เค้าคมกริบเลยนะ คนข้างๆเผลอไม่ได้ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
« ตอบ #2019 เมื่อ: 24-07-2012 21:20:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2020 เมื่อ25-07-2012 09:39:55 »

ไม่ได้อ่านมานานมากเรื่องนี้ คิดถึงจริงๆเล้ยยยย :กอด1:
อ่านเพลินได้ตลอดจริงๆ อยากให้มีตอนพิเศษคู่อื่นๆบ้าง
แอบอยากรู้ เบาๆ  :o8:

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
Re: รักคือ... รัก >>> มื้อค่ำ p. 67 20/7/12
«ตอบ #2021 เมื่อ10-08-2012 20:06:40 »

ลองเอาอีกเรื่องที่เริ่มแต่งไปได้พักหนึ่งมาให้อ่านกันเป็นตอนพิเศษระหว่างรอกันต์กับกร
---------------------------------------------------------------


เมื่อรัก... ยังเด็ก
บทนำ
“รักครับ สวัสดีน้าเตยหรือยังครับ” ชลธิชาก้มลงบอกลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจและยังเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านหลังนี้ให้ปฏิบัติตามคำที่เคยสอนมาเมื่อพบเจอผู้สูงวัยกว่า ซึ่งครั้งนี้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเด็กน้อยคือ มาริสาคุณแม่ลูกหนึ่งวัยสามสิบสองที่ยังคงความสวยไม่ต่างจากช่วงที่เริ่มเป็นสาวสะพรั่งที่การันตรีความงามด้วยตำแหน่งสาวงามของเวทีทางภาคเหนือ แล้วยังกลายเป็นว่าเมื่อตัวเลขบอกอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ความมีสง่าราศีก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเลยยิ่งขับความโดดเด่นให้ฉายชัดออกมาจากคุณแม่ยังสาว เฉกเช่นเดียวกันกับชลธิชาผู้เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่ความงามไม่ด้อยไปกว่ากันเพียงแต่เป็นสาวขี้อายจึงไม่เคยเดินขึ้นเวทีประกวดใดอย่างเพื่อนสนิท

ส่วนรักหรือชื่อจริงว่า “รักษ์” เด็กชายวัยสามขวบที่มีผิวกายขาวเหมือนหยวกกล้วยเนื้อใน แก้มยุ้ยน้อยๆ ขึ้นสีเลือดฝาด ปากสีส้มระเรื่ออย่างเด็กที่ถูกฟูมฟักทะนุถนอมมาอย่างดี เพราะกว่าที่ชลธิชาจะได้ลูกชายคนนี้มานั้น นอกจากตัวชลธิชาต้องอาศัยความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดแล้ว คนทั้งบ้านยังอาศัยความเชื่อต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมาอีก เพราะหวังว่าจะมีดวงใจดวงน้อยของบ้านกำเนิดขึ้นให้สมหวังดั่งใจกันได้ในเร็ววัน และกว่าสี่ปีของพยายามก็เกิดเป็นผลสำเร็จ การตั้งครรภ์ของชลธิชาเป็นข่าวที่ทุกคนต่างยินดี และระหว่างนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยการที่ถูกประคบประหงมกันมากกว่าปกติด้วยเกรงจะเกิดความผิดพลาด

จนถึงวันที่เด็กน้อยผิวแดงได้ออกมาชมโลก ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อสามีถึงได้ตั้งชื่อหลานชายคนแรกให้ว่า “รักษ์” ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “บุญรักษา” และเพื่อไม่ให้เชยย้อนสมัยที่หลานเกิดจนเกินไปคุณปู่จึงเลือกตัดให้เหลือเพียงคำว่า “รักษ์” สั้นๆ ให้เป็นชื่อจริงของหลานชาย พอได้ชื่อจริงว่ารักษ์ ชลธิชากับสามีก็ไม่ต้องใช้เวลาคิดนานในการตั้งชื่อเล่นให้ลูกชาย คำว่า “รัก” ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงกับชื่อจริงจึงถูกใช้เรียกเป็นชื่อเล่นของลูกชายทันที 

“รักครับ ทำยังไงก่อนลูก” ชลธิชาเรียกลูกชายอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลูกของเธอยังไม่ปฏิบัติตามที่เธอบอก เพราะมัวแต่สนใจกับเด็กชายอีกคนที่โตกว่าที่มือข้างหนึ่งถูกกุมไว้ด้วยมือของเพื่อนสนิท อชิระหรือชิน เด็กชายวัยหกขวบเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของมาริสา

“สวัสดีครับ” มาริสาเอ่ยรับเมื่อลูกชายของเพื่อนเธอกระพุ่มมือน้อยขึ้นไหว้ เมื่อเห็นความน่ารักของลูกเพื่อนแล้วมาริสาก็อดไม่ได้ที่จะย่อตัวลงนั่งและยื่นมือออกไปจับแก้มนิ่มนั่น เมื่อปลายนิ้วของมาริสาแตะสัมผัสลงบนแก้มนุ่มเด็กชายผู้เป็นเจ้าของแก้มแดงระเรื่อก็ถดตัวถอยหนีไปหลบอยู่ด้านหลังของผู้เป็นแม่ แต่ยังมิวายยื่นหน้าออกมาดู

แม้จะเคยเจอหน้ากันหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความเป็นเด็กเจอหน้ากันหลายครั้งแต่ด้วยนานๆ เจอกันที เลยให้ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้ากันทุกครั้งกว่าจะยอมให้ถึงเนื้อถึงตัวได้ ก็ต้องสร้างความสนิทสนมกันใหม่ทุกครั้งไป ผิดกับอีกคนที่รักษ์ยังมองตาแป๋วและอยากเข้าไปหาเต็มที แต่ติดที่อีกคนยังไม่กวักมือเรียกไปเล่นอย่างเคยเลยไม่กล้าเข้าหาก่อน

“ชิน ไม่ชวนน้องไปเล่นหรอลูก” มาริสาหันกลับมาถามลูกชายตัวเองที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าไปเล่นกับน้องทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายรบเร้าให้แม่พามาหาน้องแต่เช้า

เมื่อวานเย็นมาริสาคุยกับธันวา ผู้เป็นสามีเรื่องจะไปกินข้าวเย็นกันที่บ้านชลธิชาในวันพรุ่งนี้ พออชิระที่นั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะเล็กอีกฝั่งของห้องได้ยินว่าพ่อกับแม่จะไปไหนกัน ก็ถึงกับทิ้งการบ้านที่ทำอยู่วิ่งปรี่เข้ามาหาแม่แล้วบอกให้พาไปบ้านนั้นแต่เช้าด้วยอยากจะไปเล่นกับน้อง

มาริสาพอได้ยินลูกชายแสดงกริยาออดอ้อนแบบที่มีโอกาสเห็นได้น้อยครั้ง เลยลองถามลูกชายดูว่าทำไมถึงอยากไปหาน้องนัก ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “น้องน่ารักดี ชินชอบน้อง” หลังได้ฟังคำตอบของลูกชายมาริสาก็อดยิ้มไม่ได้ เธอเข้าใจว่าอชิระเป็นลูกคนเดียว พอเจอเด็กเล็กกว่าเลยอยากได้เป็นน้อง ลูกชายเธอคงอยากมีน้อง จึงรีบตอบตกลงรับคำว่าจะพาลูกชายไปหาน้องแต่เช้า ส่วนสามีจะตามไปในช่วงเย็นเพราะช่วงเช้านั้นก็มีนัดไปออกรอบกับคุณสงกรานต์สามีของชลธิชา

“รัก” คนโตกว่าเอ่ยเรียกชื่อของเด็กชายตัวเล็กที่ยังยืนหลบอยู่ด้านหลังของผู้เป็นแม่ ก่อนจะยื่นมือตามออกไปเพื่อหมายจะให้น้องเข้ามาจับมือเขาไว้และจะได้จูงน้องไปเล่นด้วยกันอย่างเคย

ใจจริงที่อชิระยืนนิ่งอยู่นานไม่ใช่อะไร แค่อยากรอให้รักษ์เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาก่อนบ้าง ทุกครั้งที่มาหารักษ์มีแต่เขาที่ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน ไม่มีครั้งไหนที่น้องจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาก่อนเลย นอกจากเล่นกันไปสักพักแล้วนั่นแหละน้องถึงเป็นฝ่ายเดินตามต้อย แต่ยืนรอแล้วรอเล่าน้องก็ไม่ยอมเดินเข้ามาหาสักที ทั้งที่น้องเองมองมาที่ตัวเขาตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว

จนสุดท้ายคนโตกว่าเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมออกปากเรียกน้องก่อน ขืนรอนานกว่านี้เวลาที่ใช้เล่นกันก็ยิ่งหายไปทีละน้อย แล้วไหนช่วงบ่ายน้องจะนอนหลับอีก ซึ่งเขาเองก็หลับไปพร้อมกับน้องเหมือนกัน เห็นไหมมาตั้งแต่เช้าแต่จะได้เล่นกันก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง

“ไปเล่นสไลเดอร์กัน” อชิระเรียกคนที่ตัวเล็กกว่าซ้ำ โดยที่มือยังยื่นรอให้อีกคนเข้ามาจับอยู่อย่างนั้น 

“อยากดูปลา เอาหนมกินด้วย” รักษ์ก้าวออกมาจากด้านหลังของผู้เป็นแม่ เขายังไม่ยื่นมือไปหามือที่รออยู่ แต่รอฟังคำตอบของอีกคนก่อนว่าจะทำตามที่เขาเสนอไหม

“ไปดูปลาก็ได้” เสียงคนที่โตกว่าตอบรับ พอตอบไปแบบนั้น มือเล็กก็เข้าจับมือที่ยื่นรอไว้ทันที ก่อนเป็นฝ่ายออกแรงดึงคนโตกว่าไปเสียเอง

รักษ์ยืนรออยู่ตั้งนานนึกว่าคนโตกว่าไม่อยากจะเล่นกับเขาแล้วเสียอีก พอได้ยินคนโตกว่าเรียกชื่อ แล้วเอ่ยคำชวนให้ไปเล่นด้วยกัน ก็อยากจะยื่นมือไปหาแล้วพาวิ่งไปหลังบ้านตั้งแต่แรกแล้ว แต่คนโตกว่าชวนไปเล่นสไลเดอร์ ส่วนเขาอยากไปดูปลาสีส้มตัวอ้วนกลมที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในบ่อกว้างมากกว่า เลยต้องบอกคนโตกว่าเสียหน่อยว่าเขาจะไปดูปลานะ ไปไหม แล้วคนโตกว่าก็ตกลงเลยรีบยื่นมือไปจับมือกันไว้ทันที แต่เอาเข้าจริงถึงคนโตกว่าจะยอมไม่ตกลงตามใจเขาและยืนยันว่าจะไปเล่นสไลเดอร์ให้ได้ เขาก็จะตามไปเล่นด้วยอยู่ดี

“ไปขอหนมย่ากัน ป่ะๆ” เสียงเด็กตัวน้อยที่พูดบางคำยังไม่ชัดดีดังให้ได้ยินแว่วมาตามหลัง เมื่อเจ้าตัวจูงมือคนโตกว่าพ้นห้องนั่งเล่นไป ส่วนชลธิชาพอเห็นเด็กสองคนเดินออกไปพร้อมกันแล้วก็รีบหันไปเร่งกับคนดูแลลูกชายให้รีบตามเด็กๆ ไป เพราะเกรงว่าลูกชายกับลูกเพื่อนจะพลัดตกบ่อได้รับอันตราย แม้น้ำจะไม่ลึกและแม่สามีของเธอก็สั่งให้คนทำรั่วกั้นบ่อปลาในสวนหลังบ้านไว้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจเรื่องความซนของลูกชายตัวน้อยอยู่ดี 

.
.
.


หลังจากพากันวิ่งไปประจบประแจงขอขนมจากคุณย่าจนได้เค้กแครอทที่แต่งหน้าด้วยครีมขาวและประดับด้วยน้ำตาลที่ปั้นเป็นรูปแครอทจิ๋วมาคนละชิ้นแล้ว  อชิระก็เป็นฝ่ายรับอาสาถือจานเล็กๆ ที่ใส่เค้กสองจานเดินตามหลังน้องไปหลังบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงถือถาดที่มีแก้วใส่น้ำและนมอย่างละสองแก้วตามมาให้

พี่เลี้ยงที่ถือถาดแก้วน้ำเดินตามคุณหนูสองคนไปก็มองแก้วน้ำแก้วนมในถาดไป มองเห็นลายบนแก้วน้ำทีไรก็อดทำคิ้วขมวดมุ่นอย่างคนสงสัยไม่ได้สักที ก็แก้วลายหนูผีแยกเขี้ยว หน้าพิลึกพิลัน ตัวสีฟ้าของคุณหนู ที่คุณหนูเรียกมันว่าตัวอะไรนะ อะไร ติ๊ด ๆ จำไม่ได้ ไม่รู้ว่าน่ารักตรงไหน แต่คุณหนูของเธอชอบเสียจริง ที่จริงมีแก้วลายตัวประหลาดตัวนี้อยู่หลายใบ แต่ชุดนี้คุณชินกับคุณหนูไปเลือกมาด้วยกัน แล้วคุณหนูของเธอก็โปรดปรานเอามาก จนแทบจะกลายเป็นว่าใช้แก้วชุดนี้ชุดเดียว

“พี่ชินแบ่งหนมปลาหน่อย มันหิว” เด็กชายรักษ์หันมาเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พร้อมชี้ปลายนิ้วเล็กไปที่ปลาคราฟสีส้มตัวใหญ่ที่โผล่ขึ้นมางับฟองอากาศก่อนดำดิ่งลงน้ำไป

“มันไม่กินหรอก เป็นปลาต้องกินอาหารปลาสิ” อชิระตอบ พอตอบไปแบบนั้นก็ส่งผลให้อีกคนทำแก้มพองลมขึ้นมาทันที ก็รู้ว่าปลาต้องกินอาหารปลาเพราะรักษ์เคยมาให้อาหารปลาพร้อมกับคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่มีอาหารปลามีแต่เค้กนี่

“ขนมไว้ให้รักกับพี่กิน ปลาต้องกินอาหารปลา” คนโตกว่าพยายามอธิบายต่อ ไม่รู้ว่าคนที่นั่งทำปากจู๋อยู่ข้างๆ จะเข้าใจไหม แต่เมื่อเห็นแก้มพองลมยุบกลับมาอยู่สภาพปกติเลยคิดเอาเองว่าน้องคงเข้าใจที่ตัวเองพูด

“งั้นเอาอาหารปลามาให้มัน” เด็กชายตัวเล็กเรียกร้องหาอาหารของเจ้าปลาตัวอ้วนทันที

“มันกินแล้ว” คนโตกว่าตอบ แล้วตักเค้กในจานเป็นชิ้นเล็กส่งไปจ่อที่ปากน้องที่กำลังส่งสายตามาอ้อนเรื่องให้อาหารปลา แต่พอเห็นขนมเค้กในช้อนที่มาจ่อปากก็เลิกสนใจเรื่องปลาแล้วอ้าปากรับขนมเค้กที่คนโตกว่าตักป้อนไปเคี้ยวตุ้ย

“รู้ได้ไง” รักษ์เอียงคอถามคนโตกว่าที่นั่งอยู่ข้างกัน เขายังไม่เห็นปลากินอาหารเลย ทำไมคนโตกว่าถึงรู้ได้ว่าปลากินอาหารไปแล้ว หลังจากรักษ์กินเค้กหมดไปคำก็ถามต่อ พอถามจบก็อ้าปากรับเค้กอีกคำที่คนโตกว่าคอยตักป้อนให้ไม่ขาด ป้อนน้องสองคำตักกินเองคำ เผลอแป๊บเดียวเค้กชิ้นแรกก็หมด แถมไปอยู่ในท้องน้องเกินกว่าครึ่ง
 
“นั่นไงท้องมันป่องจะแตกแล้ว” คนโตกว่าชี้นิ้วไปที่ปลาสีส้มตัวอ้วนที่ว่ายอยู่ใกล้ๆ พอรักษ์เห็นก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นอันว่าเข้าใจกันแล้วว่าปลาต้องกินอาหารปลา แล้วปลาก็กินอาหารแล้วเพราะท้องมันป่องเหมือนใกล้จะแตกเต็มที

ปลาท้องป่องตลกดีแต่น้องแก้มป่องแล้วน่ารัก ว่าแล้วก็ยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มน้องเบาๆ สองที เจ้าของแก้มป่องสีแดงก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังสนใจเรื่องปลาสีส้มท้องป่องมากกว่า 

“แล้วท้องมันจะแตกไหม” เจ้าของแก้มป่องที่ถูกคนโตกว่าจิ้มเล่นเมื่อกี้ถามแล้วเริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้เพราะกลัวว่าปลาจะท้องแตก ถ้าปลาท้องแตกจะเป็นยังไง ไม่เอาๆ รักษ์ชอบมาดูปลากับพี่ชิน ไม่มีปลาแล้วจะดูอะไร

“ไม่ๆ มันอ้วนเฉยๆ” อชิระรีบบอก เห็นน้องเบะปากก็ทำเอาใจหาย อย่าร้องเชียวนะ อย่าร้อง

“มันจะตัวโตเท่านี้เลยพี่เคยเห็น” อชิระรีบกางสองมือกว้างให้น้องดู พ่อกับแม่เคยพาไปดูที่ฟาร์มเลี้ยงปลา แล้วก็ซื้อกลับไปที่บ้านตั้งห้าตัว ปลาที่นั่นตัวโตกว่าในบ่อปลาของรักษ์ตั้งเยอะ ถึงปลาที่พ่อซื้อกลับบ้านให้เขาจะตัวเท่าๆ กับที่บ้านรักษ์ก็เถอะ

“จริงหรอ อยากเห็นจัง” คนที่ทำท่าเบะปากเหมือนจะร้องไห้อยู่เมื่อครู่ตาวาวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นพี่กางแขนกว้าง แล้วก็ลองกางแขนสองข้างของตนออกบ้าง พอกางแล้วยังสู้ของคนโตกว่าไม่ได้เลย เทียบกันใกล้ๆ แล้วปลายนิ้วของเขายังไม่ถึงข้อมือของคนโตกว่าเลย ปลาที่คนโตกว่าบอกต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ

“จริงสิ ไว้พี่บอกพ่อกับแม่ให้พารักษ์ไปดูด้วยดีไหม” อชิระบอกเมื่อเห็นน้องทำท่าสนใจ พอเห็นน้องยิ้มได้ก็ส่งเค้กป้อนเข้าปากอีกคำ น้องก็เลี้ยงง่ายแสนง่ายพอป้อนขนมให้ก็รับไปเคี้ยวตุ้ย

แต่คนเป็นพี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่สิ กำลังคิดอยู่ว่าถ้าคุณชินมาป้อนข้าวคุณหนูของเธอแบบนี้ได้ทุกวันก็คงดี เพราะปกติกว่าจะให้กินข้าวได้หมดจานต้องหลอกล่อกันสารพัดวิธีไม่เห็นกินง่ายกินดายแบบนี้เลย ถ้าจะกินหมดเกลี้ยงไม่เหลือก็มีอีกทางคือ ต้องเป็นข้าวปั้นฝีมือของคุณปู่ ไม่ใช่ข้าวปั้นแบบญี่ปุ่นที่เธอเห็นทางโทรทัศน์ แต่เป็นข้าวคลุกปลาทูเหยาะซีอิ้วนิดหน่อยพอมีรส

คุณหนูจะให้เธอคลุกข้าวให้เท่านั้น พอได้ข้าวคลุกปลาทูแล้วจะถือชามข้าววิ่งปร๋อไปหาคุณปู่ให้ปั้นข้าวเป็นลูกกลมๆ ให้ พอได้ข้าวปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วล่ะก็ กินหมดทุกครั้งไป แต่จะให้กินแบบนี้ทุกมื้อคงไม่ได้ คุณหนูของเธอขาดสารอาหารกันพอดี คุณย่ากับคุณชลบอกไว้

“จริงนะ รักษ์อยากเห็นปลาตัวโต ๆ ๆ” รักษ์ยังเซ้าซี้ถามต่อ แล้ววาดสองมือกว้าง กว้างมากจนเกือบเสียหลักหงายหลังจนคนโตกว่าต้องรีบดึงมือกลับ ถ้าหงายหลังไปล่ะก็หัวโขกพื้นแน่ แล้วเรื่องที่น้องรบเร้าจะให้ไปดูปลาหรือทำนู่นทำนี่อชิระกลับไม่เคยเบื่อ กลับยิ้มชอบใจเสียอีกยิ่งเวลาน้องขยับเข้ามาเกาะแขนเขย่ารบเร้าเอาเหมือนตอนนี้

“จริง เดี๋ยวพี่ไปบอกแม่ให้เลย” อชิระรับคำ

“ไปบอกตอนนี้เลยนะ ป่ะ” รักษ์กระโดดลุกขึ้นและยื่นมือไปหาอชิระที่ยังนั่งอยู่ พอคนโตกว่ายื่นมือมาจับมือไว้แล้ว ก็ใช้อีกมือมาจับที่ข้อมือ เพื่อใช้ทั้งสองมือช่วยฉุดคนโตกว่าให้ลุกขึ้น พออีกคนลุกขึ้นได้ก็พากันออกวิ่งเข้าบ้านทันที


……………………………………………………….
……………………………………………..
…………………………………..




“พี่ชินมาช้า” คนที่นั่งอยู่บนม้าหินที่ประจำข้างอาคารเรียนยืนขึ้นพร้อมพูดบ่นทั้งที่ริมฝีปากนั้นฉีกยิ้มกว้างดูสวนทางกับคำพูดทันทีที่เห็นคนที่รอเดินเข้ามาใกล้ ก่อนก้มหยิบกระเป๋าเป๋แล้วตวัดขึ้นสะพายหลังเพื่อเดินออกไปขึ้นรถหน้าโรงเรียน

“อ้าว! อยู่รอชินมันหรอ ไม่เห็นเข้าไปข้างใน พี่ยังนึกว่ากลับไปแล้ว” ไม่ใช่คนที่รักษ์รออยู่พูดขึ้น แต่เป็นอีกคนที่เดินออกมาด้วยกัน

“ก็คนเยอะ” รักษ์ตอบแล้วมองไปทางคนที่ตัวเองรออยู่

“พวกนั้นมันกลับไปตั้งแต่ห้าโมงแล้ว เหลือแต่ชิน นุ ไอ้เอ็ม แล้วก็พี่สี่คนเอง” ปกเขตหรือปก พูดกับรุ่นน้อง

“ยุงกัด” อชิระพูดถามเมื่อเห็นคนรอยกขาขึ้นมาเกาจนยืนตัวเอียง พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็ต้องรีบยื่นมือไปดึงเป้สะพายหลังยึดไว้เพราะกลัวเห็นคนหน้าทิ่มลงพื้น

“พี่ชินไม่เห็นบอกว่าคนอื่นกลับเร็ว” รักษ์พูดบ่นกับปกเขต ก่อนหันไปมองอีกคน แล้วทำหน้าเบ้   

“ให้นั่งตากยุงอยู่ได้” รักษ์บ่นต่อ คราวนี้บ่นให้ฟังถูกตัว

“บอกแล้ว ได้ฟังกันบ้างหรือเปล่า” คนที่โดนพาดพิงพูด แต่พอพูดจบเห็นรักษ์ทำหน้าสลด ก็ต้องรีบยื่นมือไปคว้าไหล่บางแล้วดึงเข้ามายืนข้างๆ แล้วละมือมาที่หัวทุยสวยแล้วจับเอนเข้าหาไหล่ตัวเอง เหมือนเป็นการบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะว่า

พอเห็นว่าคนที่ถูกดึงเข้ามาหาไม่มีท่าทีจะพูดว่าอะไรต่อ ก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไอ้ที่เห็นว่าสลดมันแค่ท่าทีเบื้องต้นก่อนพายุจะมาต่างหาก ขืนเขาว่าอะไรต่ออีกนิดละก็ ไม่อยากจะคิดต่อ ทำให้สงบได้ก็ดีแล้ว

“ไอ้นุ มึงจะกลับกับกูหรือเปล่า” อชิระหันไปถามเพื่อน

“ไม่ๆ กูจะแวะกินข้าวกับพี่เอ็ม พี่ปกก่อน แล้วกลับพร้อมกัน มึงไปเหอะ” ธาวินบอกเพื่อนสนิท

“รักไปกินข้าวกับพวกพี่ไหม เดี๋ยวพี่แวะส่งบ้าน” อีกคนที่ยืนเงียบฟังคนอื่นพูดมาสักพักถามขึ้นบ้าง ลองชวนไปอย่างนั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าผู้ปกครองเขาไม่ปล่อยให้ไปด้วยหรอก   

“วันนี้รักไปฝากท้องบ้านพี่ชินแล้ว” คนถูกถามตอบ

“พ่อแม่ไม่อยู่หรอรัก” ธาวินถาม ถ้ารักษ์พูดว่าไปฝากท้องบ้านนั้นเป็นอันรู้กันว่าพ่อแม่ของเจ้าตัวไม่อยู่และรักษ์ก็ไปนอนที่บ้านเพื่อนสนิทของตน

“ไปเชียงใหม่กันกลับอาทิตย์หน้า” รักษ์ตอบ ก่อนจะหันไปหารุ่นพี่อีกคน

“พี่เอ็มจะแวะร้านอินหรือเปล่า รักฝากซื้อขนมปังกรอบหน่อย” ตอนนี้เด็กมอสองกำลังจะไหว้วานรองประธานมอหกให้ซื้อของให้

เรื่องไหว้วานคนในสภานักเรียนมีแต่เจ้าเด็กมอสองคนนี้แหละที่กล้า เป็นคนอื่นถ้าเลี่ยงกลุ่มนี้ได้เป็นเลี่ยงเพราะดูภายนอกแต่ละคนทั้งนิ่งทั้งขรึม จนดูเป็นที่เชื่อถือของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน และยังเป็นตัวอย่างที่ดี ดูน่าเคารพยำเกรงสำหรับรุ่นน้อง อีกทั้งเป็นที่ไว้ใจของเหล่าอาจารย์ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่านิสัยที่แท้จริงของแต่ละคนเป็นแบบไหน มันเกินกว่าที่คนภายนอกจะคิดไปถึง ต้องคนที่เข้ามาคลุกคลีอยู่ด้วยแบบรักษ์เท่านั้นถึงจะรู้จริง มันมีที่ไหนคนที่ดีพร้อมทุกอย่าง มันก็ขาดๆ เกินๆ กันทั้งนั้น ดูกลุ่มนี้เป็นตัวอย่าง

“เนยน้ำตาล หรือเนยกระเทียม” คนถูกไหว้วานถาม ที่จริงร้านนี้มีของให้เลือกเยอะ อย่างขนมปังกรอบก็มีตั้งห้าหน้า เนยน้ำตาล เนยกระเทียม เนยลูกเกด เนยเม็ดมะม่วง แล้วอะไรอีกอย่างจำไม่ได้เพราะไม่เคยได้ซื้อ เนื่องจากเด็กผมเกรียนที่เดินอยู่ข้างๆ กินอยู่แค่สองหน้าเท่านั้น ซื้อมาให้บ่อยหน่อยก็เนยน้ำตาล ส่วนเนยกระเทียมนานๆ จะให้ซื้อที

“เอาเนยน้ำตาลแล้วกันพี่เอ็ม ถุงใหญ่สองถุงนะ” รักษ์ตอบพร้อมชูสองนิ้วขึ้นตามจำนวนถุง

“อืมๆ เดี๋ยวแวะซื้อให้” ชยุตพูด ที่พูดว่าซื้อให้นี่คือซื้อให้จริงๆ ใครจะไปเก็บเงินน้องลง ขนมถุงละไม่กี่สิบบาท แต่คนที่กลับบ้านพร้อมกันทุกวันกับรักษ์ก็มักจะเอาเงินมาให้อยู่ทุกครั้ง เขาก็รับบ้างไม่รับบ้าง จะรับก็ต่อเมื่อซื้อของมาขึ้นหลักร้อยและคนเอาเงินมาให้เป็นค่าขนมแสดงสีหน้าลำบากใจเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นหลักสิบเขาก็จะบอกว่า “กูจะซื้อขนมให้น้องกู” แค่นั้นแหละ คนถือเงินก็จะเอาเงินเก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม แต่ก็มิวายโดนค่อนขอดมาเล็กๆ ว่า “ทีละไม่กี่สิบ หลายๆ ที ก็เป็นร้อย” เขาก็จะยกมือบอกปัดให้รู้ว่าเขาไม่รับฟังแค่นั้น 

“งั้นพี่ไปแล้วนะ ไปช้าเดี๋ยวร้านปิด” คนถูกไหว้วานพูด ก่อนบอกลาพอพูดจบก็โบกมือให้รุ่นน้อง พอรักษ์เห็นแบบนั้นก็รีบยกมือขึ้นโบกตอบ พร้อมยิ้มให้ 

“ลุงชมไปไหน” อชิระก้มหน้าลงถามคนที่ยืนชิดติดอยู่กับตัวเองเมื่อมองไปที่รถที่จอดอยู่ข้างกำแพงโรงเรียนที่ประจำแต่ไม่เห็นคนขับ ตอนนี้คนอื่นออกไปกันหมดแล้วเลยเหลือพวกเขาแค่สองคนยืนอยู่
.
.
.


ทุกวันอชิระกับรักษ์จะมาโรงเรียนพร้อมกัน ออกจากบ้านไปแวะรับรักษ์ที่บ้าน ตกเย็นก็แวะส่งรักษ์ก่อนเข้าบ้านตัวเอง ถ้าวันไหนลุงชมต้องขับรถให้ธันวาพ่อของอชิระผู้เป็นเจ้านายตัวจริงออกไปราชการต่างจังหวัด อชิระจะขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีหน้าบ้านพร้อมโทรบอกรักษ์ให้ออกจากบ้านมาที่สถานีหน้าบ้านรักษ์ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเขาไปสามสถานี  พอถึงสถานีบ้านรักษ์อชิระจะลงไปรับน้องแล้วค่อยขึ้นรถขบวนใหม่ไปโรงเรียนพร้อมกัน

ที่ต้องแวะรับไม่ใช่ว่ารักษ์ขึ้นรถไฟฟ้าเองคนเดียวไม่ได้ แต่รักษ์ให้เหตุผลว่าไม่อยากไปโรงเรียนคนเดียวแค่นั้น พอเขาบอกให้ไปก่อน ก็จะได้ยินคำพูดตอบกลับมาว่า “ไปกับพี่ชินทุกวันจนชินแล้วนิ ไปคนเดียวมันยังไงไม่รู้” แล้วไอ้ที่บอกไม่รู้นี่มันยังไง ใครจะเข้าใจด้วย คนอย่างอชิระก็ไม่กล้าคิดอะไรมาก คิดได้แค่พวกเขาไปโรงเรียนพร้อมกันแบบนี้มาตั้งแต่รักษ์สอบเข้าปอหนึ่งโรงเรียนเดียวกันได้ และเป็นแบบนี้มาเกือบแปดปีแล้ว รักษ์คงเห็นหน้าเขาทุกวันจนชินอย่างที่พูดก็แค่นั้น   

ช่วงนี้อชิระยุ่งกับกิจกรรมของสภานักเรียนเพราะงานกีฬาสีที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า อชิระเป็นประธานนักเรียนโดยที่มีวงเล็บต่อท้ายว่ามอห้า โรงเรียนนี้เลือกตั้งประธานกันโดยใช้ตัวแทนจากมอห้า พอเลือกแล้วก็จะได้เป็นประธานไปจนถึงมอหก ซึ่งว่ากันง่ายๆ คือประธานนักเรียนในแต่ละปีการศึกษาจะมีสองคนคือ ประธานจากมอห้าและมอหก แต่ภาระหนักหรือคนทำงานส่วนใหญ่จะเป็นมอห้า เพราะรุ่นมอหกต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้มากกว่า

หลายวันที่ผ่านมาอชิระอยู่ทำงานตอนเย็นกับเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่จนพระอาทิตย์ตกทุกวัน แต่คนร่วมเดินทางอย่างรักษ์ยังยืนยันว่าจะรอ ไม่ขอกลับก่อน นั่งทำการบ้านบ้าง ฟังเพลงบ้างไปเรื่อย ไม่มีบ่น ปกติอชิระจะให้รักษ์เข้าไปนั่งรออยู่ในห้องสภา แต่ถ้าวันไหนคนเยอะรักษ์จะขอรออยู่ข้างนอก ที่จริงถึงคนจะอยู่กันเยอะก็ไม่เคยมีใครว่าอะไรถ้ารักษ์จะอยู่ด้วย แต่เจ้าตัวขอไม่อยู่เองมากกว่าเพราะมีแต่คนชอบเข้ามาแหย่ พอเป็นแบบนั้นแล้วอีกไม่กี่นาทีถัดมาท่านประธานมอห้าก็จะเริ่มโวยวายเพราะสมาชิกแต่ละคนไม่เป็นอันทำงานทำการ เดี๋ยวๆ ก็ลุกมาเล่นมาคุยด้วย ไม่ก็ไปสรรหาเอาน้ำเอาขนมมาให้ แล้วก็เพราะแบบนี้รักษ์ถึงไม่ค่อยอยากเข้าห้องสภาตอนอยู่กันเยอะๆ คนยิ่งเยอะ ลูกบ้ายิ่งเยอะตามไปด้วย ต้องรอคนน้อยหน่อยถึงเข้าไป เพราะสงสารคนที่ต้องออกโรงปรามพี่ๆ เพื่อนๆ

บางวันที่หนักหน่อยคุณชายนรินทร์เลขาสภามอห้าถึงกับหาหมวกมาเดินถือวนรอบห้องสภา แล้วป่าวประกาศให้คนในห้องควักตังค์ออกมาจากกระเป๋าใส่ลงหมวกเพื่อเอามาสมทบทุนซื้อขนมให้น้องรักษ์ มันจะบ้าอะไรได้ขนาดนั้น ลำพังคนถือหมวกออกมาก็ว่าอาการหนักแล้ว ไอ้คนที่ใส่เงินลงหมวกนี่สิหนักกว่า ปกเขตประธานมอหกแกนนำ ตามด้วยชยุตรองประธานมอหก ต่อด้วยคณะกรรมการชั้นมอห้ามอหก หัวขบวนนำมาแบบนี้ที่เหลือเลยพาลเออออตามกันหมด

ถ้าเป็นกันแบบนี้แล้วงานมันจะเดินไหม ดีแล้วที่วันนี้เลขาสภาทั้งสองคนพากันแทคทีมกันออกไปซื้อกระดาษสำหรับพิมพ์งาน เพราะทั้งกระดาษขาวกระดาษสีในห้องสภาไม่เหลือสักแผ่น พอไปแล้วก็พากันหายทั้งคู่ ได้แต่โทรกลับเข้ามาบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้เย็น ถ้าอยู่กันครบทีมอย่าหวังว่างานจะเดิน จนอชิระอยากยกขาขึ้นมาก่ายหน้าผากอยู่บ่อยๆ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าที่แต่ละคนร่วมมือกันทำแบบนั้นทำเพราะเอ็นดูรุ่นน้องอย่างรักษ์หรือทำเพราะอยากแกล้งอชิระท่านประธานมอห้ากันแน่

วันนี้ตอนแรกคนในสภาอยู่กันครบองค์รวมสิบหกคน แต่ไม่ถึงชั่วโมงก็แยกย้ายกันไปเพราะแค่เข้ามานัดแนะเรื่องที่จะมีประชุมใหญ่วันพรุ่งนี้ บอกรักษ์ไว้แล้วว่าตอนห้าโมงให้เดินเข้าไปหาที่ห้องได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววว่าคนที่รอจะเดินเข้ามา จะออกมาตามก็ไม่ได้เพราะติดคุยงาน เกรงใจคนที่กำลังคุยกันติดพันอีก สุดท้ายรักษ์เลยนั่งตากลมตากยุงรออยู่หน้าอาคารเกือบสองชั่วโมง ไม่อยากจะโทษรักษ์นะว่าพอเข้ามาแล้วงานไม่เดิน แต่วันนี้รักษ์ไม่เข้ามาแต่ละคนทำงานกันจริงจังน่าดู เหมือนจะดีที่รักษ์ไม่เข้ามา แต่กลับมีข้อเสียตรงที่ห้องสภาเหมือนขาดอะไรไป

.
.
.


“รักให้ไปซื้อซาลาเปาฝั่งนู้นให้ นั่นไงมาแล้ว” รักษ์พยักเพยิดหน้าไปทางหน้าประตูโรงเรียนเมื่อเห็นคนที่ถามหากำลังเดินผ่านเข้ามาพร้อมถุงบรรจุแป้งกลมๆ สีขาวในมือ

“พรุ่งนี้จะให้พี่ฝ้ายทำแซนวิชจากบ้านแล้วฝากลุงชมมาให้” อชิระพูดแล้วเดินนำไปที่รถ ส่วนคนตามหลังเดินไปกระโดดไปดูอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

“พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลย ไม่ต้องรอพี่” อชิระพูดระหว่างยื่นมือไปรับซาลาเปาที่รักษ์ส่งมาให้

“เหมือนเดิม” รักษ์พูด แล้วอ้าปากกัดซาลาเปาอุ่นๆ ในมือ ไม่รู้จะพูดเรื่องเดิมทำไม พูดมาแบบนี้รักษ์ก็ตอบเหมือนเดิมอยู่ดี วันนี้เลยพูดตอบไปแบบนี้เสียเลย

“จะนั่งรอทำไมให้ยุงมันกัด” อชิระยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ โดนยุงกัดที่ขาอย่างเดียวไม่ว่า ดันมากัดเข้าที่แก้มอีก ขึ้นเป็นตุ่มแดงเลยนั่น เดี๋ยวกลับไปค่อยเอายาทาให้

“เออน่า รอได้ก็รอได้ดิ กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ อยู่ที่นี่ยังมีพวกพี่อยู่” คนต้องการรอยืนยัน กลับถึงบ้านก่อนก็ต้องกินข้าวคนเดียวเพราะคุณลุงคุณป้ากว่าจะกลับก็หลังสองทุ่มไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้รอกลับพร้อมกันดีกว่า

“เออ ๆ พรุ่งนี้เข้าไปนั่งรอในห้องแล้วกัน ไม่ต้องนั่งข้างนอก” สุดท้ายก็ต้องยอมง่ายๆ เหมือนเคย

“ก็แค่นี้ วันนี้พี่ฝ้ายจะทำอะไรให้กินก็ไม่รู้” คนพูด พูดทั้งที่ยังกินซาลาเปาไม่หมดลูก สงสัยจะนั่งรอนานไปหน่อยเลยหิวมาก

“เฮ้ย! มือเลอะหรือเปล่าเนี่ย” แล้วก็เกิดเสียงเอะอะขึ้นด้านหลังรถ เพราะอีกคนที่ฟังอยู่ทนหมั่นเขี้ยวไม่ไหวยกมือขึ้นจับหัวทุยโยกไปมาเสียหัวสั่นหัวคลอน ส่วนคนถูกทำแบบนั้นได้แต่ร้องโวยวาย แล้วก็ต้องนิ่งเงียบเพราะเจอคนโตกว่าล็อคคอให้อยู่นิ่งๆ จะดิ้นต่อก็ไม่ได้เดี๋ยวซาลาเปาจะติดคอตาย สุดท้ายได้แต่ขึงตามองแบบคาดโทษไว้ แล้วยกซาลาเปาในมือขึ้นกินต่อ โดนล็อคคอไว้หลวมๆ แค่นี้กินต่อได้สบาย แถมยังใจดีบิซาลาเปายกมือขึ้นไปทางด้านหลังป้อนคนที่ล็อคคอตัวเองไว้ได้อีก ถ้าคนป้อนหันกลับไปมองสักนิด คงได้เห็นว่าคนที่ก้มลงมารับซาลาเปาหมูแดงชิ้นน้อยเข้าปากมีสีหน้าอิ่มสุขขนาดไหน 

----------------------------------------------------------- 
 

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
แสดงว่าคู่นี้รู้จักกันมาตั้งแต่ละอ่อนน้อย

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
รู้จักกันตั้งแต่เด็ก
เลยเหรอเนี่ย :L1:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
วัยเด็กช่างละมุนเหลือเกิน  :o8:
เห็นอย่างนี้ยิ่งอยากให้สองคนดีกันแบบสนิทใจซักที

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
รู้จักกันมาตั้งกะเด็กเลยนี่นา  :-[

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
ตอนเด็กน่ารักกันดี
โตแล้ว เกิดอะไรขึ้น
+1

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มาแค่ตอนพิเศษ ก็ดีใจแล้ววววว
รอติดตามอ่านคู่นี้
มาต่อไวๆ นะ  :กอด1: :กอด1:

Chocorun

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะอ่านเรื่องเต็ม ๆ ซะแล้วสิ  :L2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ละอ่อนน้อยคู่นี้น่ารักจัง แต่ไงถึงได้มีเรื่องผิดใจกันได้ล่ะ เกิดไรขึ้นอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Na na

  • บุคคลทั่วไป
มาโปรยแบบนี้ก็ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่ามีเรื่องอะไรถึงทำให้เข้าใจผิดกันใหญ่โต :m16:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
มารอ พี่กาวน์ ป่าน ชิน กับ รัก

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
ตอนที่ 65 พี่เลี้ยง

“เฮ้ย! ไอ้นายรถมึงใส่ได้อีกกี่กล่องวะ” เสียงไอ้ธีที่กำลังยกกล่องบรรจุขนม นม และของใช้จำเป็นสำหรับเด็กใส่ท้ายรถตะโกนถามไอ้นายที่จอดรถต่อท้าย

“เออ เอามาใส่รถกูได้อีกสอง แล้วตรงนั้นยังเหลืออีกกี่กล่อง” เสียงไอ้นายตอบรับแล้วถามกลับ ก่อนเดินไปยกกล่องที่ขนออกมาตั้งอยู่หน้าบ้านไปใส่รถ

“หมดแล้ว เหลือแค่ห้ากล่องนี้แหละ” เสียงกันต์ที่เดินออกจากบ้านมาเป็นคนตอบ หลังจากเข้าไปตรวจดูว่าไม่มีของหลงอยู่ในบ้านอีก

“รถใครยังพอใส่ของได้อีก” คราวนี้เป็นกันต์ที่ส่งเสียงไปทางด้านหลังที่มีรถจอดเรียงต่อจากรถไอ้นายและไอ้ธีอีกสามคัน นับตั้งแต่หัวแถวที่เป็นรถไอ้นายไล่ยาวไปจนถึงรถคันสุดท้ายก็ยาวเต็มถนนทางเข้าบ้านเกือบถึงประตูรั้ว ยังไม่นับรวมรถผม รถพี่กาวน์ รถเพื่อนกันต์ที่จอดอยู่ในโรงรถรวมกันอีกสี่คัน แต่ทางที่ผมอยู่กันต์คงไม่ต้องหันมาถามแล้วเพราะรถเต็มกันหมดทุกคัน จะเหลือที่ว่างก็เฉพาะที่นั่งสองที่ด้านหน้าแค่นั้น แต่ถ้ายังมีของเหลืออยู่อาจต้องวางบนตักไปกันบ้าง

“เอามารถพี่ได้อีกหนึ่ง แล้วมันเหลือกี่กล่อง” เสียงเพื่อนพี่กาวน์ตะโกนตอบจากรถคันที่ต่อท้ายไอ้นาย แล้วถามไปทางด้านหลังต่อไปเป็นทอด ๆ ก่อนที่กล่องที่ตั้งอยู่หน้าบ้านจะถูกขนไปใส่รถจนหมด ทำให้รถทุกคันแทบจะมีสภาพไม่ต่างกันคือเหลือที่ว่างเฉพาะที่คนขับกับคนนั่งไปด้วยแค่นั้น ก็ยังดีที่ใส่ของไปได้หมด 

ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าของกับคนจะเยอะขนาดนี้ แต่พอมีคนรู้กันมาก ๆ เข้าก็ฝากข้าวของกันมากันจนขนไปแทบไม่หมดอย่างที่เห็น นี่ก็ขนใส่รถเกือบสิบคันแล้ว ตอนแรกคิดว่าต้องจ้างรถมาขนไปแล้ว แต่กันต์บอกว่าแค่บอกคนที่จะไปด้วยกันว่าอย่าเอารถใจแคบที่นั่งได้แค่สองคนมา ให้เอารถสี่ประตูห้าประตูมา มากันหลายคนรถก็หลายคันน่าจะขนของใส่รถไปได้หมด ถ้าไม่พอยังไงค่อยเอารถที่บ้านไปเพิ่มไม่ต้องจ้างคนขนไปหรอก ส่วนเรื่องอาหารกลางวันที่จะเอาไปเลี้ยงเด็ก แม่ผมก็นัดให้ที่ร้านเอาไปส่งให้ถึงที่เลย
.
.
.

พอมองบรรยากาศรอบ ๆ ตัวตอนนี้แล้วก็นึกว่าบ้านตัวเองเป็นค่ายทหารเพราะมีแต่ชายล้วน แต่ละกลุ่มไม่มีผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว เหมือนสนามหญ้ากว้าง ๆ ที่ไม่มีดอกไม้ขึ้นมาให้สีสัน จะนึกไปถึงสนามฟุตบอลก็คงไม่ผิด สำหรับกลุ่มผมเองที่มีแต่ชายล้วนเพราะเพื่อนที่เรียนมหา’ลัยก็เป็นเพื่อนที่เรียนมอปลายที่เป็นโรงเรียนชายล้วนมาด้วยกัน พอเข้ามหา’ลัยก็มาเจอเพื่อนจากโรงเรียนชายล้วนที่เคยเจอหน้ากันมาก่อนอีก เลยอยู่เป็นกลุ่มชายล้วนมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนเรียนจบ เพื่อนผู้หญิงก็มีบ้างแต่ไม่สนิทจนถึงขั้นเข้ามาอยู่ในกลุ่ม แค่เป็นเพื่อนเรียนร่วมคณะ ไม่ก็เป็นเพื่อนแฟนเก่า ไม่ก็เพื่อนของแฟนเพื่อนเพื่อนอะไรทำนองนั้น

ลองนับจำนวนคนที่จะไปด้วยกันวันนี้คร่าว ๆ ก็สิบกว่าคนได้และขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีผู้หญิง ไม่ได้คิดจะสนใจใครอีก ทั้งไม่คิดสนใจด้วยตัวเองเอง และไม่คิดสนใจเพราะคนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ ถ้าลองไปสนใจชะตาอาจจะขาดเอาได้โดยไม่รู้ตัวแต่ที่สงสัยเพราะมองไปรอบ ๆ แล้วมันไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะมารวมตัวพากันไปเลี้ยงเด็กที่บ้านเด็กอ่อน ชักจะหวาด ๆ ว่าเด็กจะกลัวกันหรือเปล่า ถ้าบอกว่ามารวมตัวกันเพราะที่นี่เป็นสังกัดนายแบบยังจะฟังแล้วน่าเชื่อกว่า เพราะแต่ละคนเหมือนคัดหน้าตาคนที่คบด้วย กลุ่มผมอาจจะไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นสมัยเรียนก็คงเหมือนวัยรุ่นหน้าตาดีทั่วไปที่หาได้ไม่ยากแถวสยาม พอเรียนจบทำงานก็ดูเป็นผู้เป็นคนเป็นผู้ใหญ่กันขึ้นมาบ้าง  แต่ที่เด่นเรื่องบุคลิคหน้าตาจริง ๆ เป็นกลุ่มพี่ชายกันต์เขาต่างหาก ผมต้องยอมรับในฐานะผู้ชายด้วยกันเลยว่าแต่ละคนดูดี

สำหรับเพื่อนผมที่ไปด้วยกันวันนี้มีไอ้นาย เอิง ไอ้ธี ไอ้ติ๊ด ไอ้เดย์ ไอ้ป่าน ไอ้รายหลังสุดนี่ไม่แน่ใจว่าจะนับมันรวมกับกลุ่มผมหรือพี่กาวน์ดี เอาเป็นว่าวันนี้นับมันรวมกับกลุ่มผมก่อนแล้วกัน เพราะมันทิ้งผู้ปกครองมันมาติดหนึบอยู่กับเอิงตั้งแต่มาถึงแล้ว พูดถึงไอ้เอิงเมื่อเช้าตอนมันลงมาจากรถไอ้นายผมก็เห็นทำหน้าบอกบุญไม่รับ เดินหน้าบูดออกมาก่อนจะปิดประตูรถดังลั่น ก่อนเดินชับ ๆ หนีไปหาไอ้ป่านที่มาถึงก่อนแล้ว แต่ตอนจะเดินผ่านผมไปก็ยังไม่ลืมยกมือขึ้นมาทักทายผมนิดหน่อยพอเป็นพิธี

ตอนแรกผมคิดว่าไอ้เอิงจะเดินผ่านไปเฉย ๆ เลยด้วยซ้ำ ก็มันเล่นทำหน้าไม่รับแขกขนาดนั้น ผมจะทักมันยังไม่กล้าจนมันทักมาก่อนถึงทักตอบ จนมันไปอยู่กับไอ้ป่านแล้วนั่นแหละสีหน้ามันค่อยดีขึ้น ผมเลยเลิกมองไปทางไอ้เอิงกับไอ้ป่านแต่หันกลับมาสนเพื่อนสนิทที่คบกันมาเป็นสิบปีของของตัวเองอย่างไอ้นายแทน แล้วมันก็เหมือนจะรู้ว่าผมจะถามอะไร มันเลยตอบมาก่อนที่ผมจะอ้าปากถามว่า “กูไม่รู้แม่ง สงสัยเมนส์มา” แล้วก็เดินเข้าบ้านไปช่วยกันต์ขนของ ผมเลยเลิกสนใจพวกมัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไอ้เอิงมันมาได้ยินที่ไอ้นายพูดเมื่อกี้ ผมว่ามันคงตีกันตาย จะว่าไปก็ชักจะตงิด ๆ กับไอ้คู่นี้ว่ามันมีอะไรที่ไม่ได้บอกผมหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันถึงเวลาที่มันอยากเล่ามันคงเล่าเอง หรือไม่ผมก็ไปหาข่าวเอาเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่พอไอ้เอิงกับไอ้ป่านอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเหมือนจะมีแสงออกจากตัวมันแปลก ๆ ไม่รู้ขาวไปหรือยังไง

ส่วนกลุ่มกันต์ที่มามีพี่ภพ พี่ยุ พี่ปก พี่สรรค์ สองคนหลังนี่นาน ๆ ผมจะเห็นหน้าสักที มีพี่ภพ พี่ยุ ที่เจอหน้ากันค่อนข้างบ่อย  สุดท้ายกลุ่มพี่กาวน์มีพี่ฟานที่คุยกับกันต์เมื่อกี้ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาเมื่อคืน วันนี้ก็ยังมาด้วยกัน แล้วก็พี่ริวคนนี้ผมรู้จักอยู่แล้วเพราะบริษัทฯ ผมเป็นลูกค้าบริษัทฯ เขา เจอหน้ากันบ่อยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเพื่อนพี่กาวน์ พอรู้ว่าคนกันเองพี่ ๆ น้อง ๆ กัน สรรพนามที่พี่ริวเคยใช้เรียกผมแบบสุภาพอย่างการเรียกชื่อ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นกูมึงไปทันที

สุดท้ายพี่ฟ้า ตอนพี่กาวน์แนะนำนอกจากจะคุ้นหน้าเพราะจำได้ว่าเป็นนายแบบ แล้วยังอึ่ง ๆ เมื่อได้ยินชื่อพี่แกนิดหน่อย ก็พ่อแม่พี่แกช่างตั้งชื่อลูก ชื่อเล่นเต็ม ๆ คือ ข้ามฟ้า แต่พี่แกให้เรียกแค่ฟ้าเฉย ๆ พอ อย่าคิดว่าเรียกฟ้า แล้วพี่แกจะดูหน่อมแน้มไม่แมน เพราะหน้าตารูปร่างของนายแบบอย่างพี่แกต่อให้ชื่อ ตุ๊กแกยังดูดี ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าพี่แกดูดีจนน่าอิจฉา เห็นทีผมต้องหาเวลาออกกำลังกายเพิ่ม

.
.
.

“ไอ้ฟานเดี๋ยวมึงขับตามรถกูแล้วกัน” หลังจากนัดรวมตัวกันคุยและตกลงเรื่องเส้นทางแล้ว พี่กาวน์ก็หันไปบอกเพื่อนตัวเอง ก่อนจะได้เวลาเคลื่อนขบวนกันออกจากบ้าน ก็ขับต่างคนต่างไป ไม่ได้ตามกันเป็นขบวน ไปเจอกันที่นู่นเลย ตอนนี้สิบโมงไปถึงก็คงราว ๆ สิบเอ็ดโมง ก็เตรียมเลี้ยงอาหารกลางวันพอดี

“ป่ะ” ผมหันไปพูดกับกันต์ ก่อนจะพากันเดินไปขึ้นรถตัวเอง ที่จะออกจากบ้านไปเป็นคันสุดท้าย

“ตอนแรกไม่คิดว่าคนจะเยอะ” ผมพูดหลังจากขึ้นรถมาแล้ว

“นั่นสิ สงสัยเย็นนี้ต้องไปซื้อของเพิ่ม” กันต์พูด วันนี้ทุกคนที่มาตกลงรับปากว่าจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน หรือจะเรียกว่ามีปาร์ตี้เล็ก ๆ กันที่บ้านก็ได้ มีแต่ชายล้วนแบบนี้คงหนีไม่พ้นพวกบาร์บีคิว หรืออะไรปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ตอนแรกคุย ๆ กันยังไม่แน่ใจเรื่องจำนวนคน แต่พอมากันเมื่อเช้าเห็นที่ว่าก่อนกลับเข้าบ้านจะต้องไปซื้อของมาเพิ่ม

“จะซื้ออะไรก็บอกมาแล้วกันเดี๋ยวกรไปซื้อให้เอง กันต์กับพวกพี่กาวน์กลับบ้านมาเตรียมอย่างอื่นก่อนก็ได้”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวค่อยไปถามพี่กาวน์อีกทีว่าจะเอาอะไรบ้าง”

................................................................
...............................................


“กินช้า ๆ ก็ได้ครับ ปากเลอะหมดแล้ว เดี๋ยวไม่หล่อนะ” เสียงกันต์กับภาพที่เจ้าตัวนั่งยองอยู่หลังเก้าอี้เด็กแล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดปากให้เจ้าของเก้าอี้ที่มีซอสสปาเก็ตตี้สีแดงเลอะมุมปากทั้งสองข้างทำให้ผมอดยิ้มไปกับภาพนั้นไม่ได้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะยกกล้องที่คล้องสายห้อยไว้กับคอขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่จะว่าไปแด็กแต่ละคนก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ บางคนนี่เลอะไปถึงแก้มเลยก็มี พี่เลี้ยงจำเป็นอย่างพวกผมเลยต้องถือทิชชูในมือแล้วช่วยกันเช็ดออกให้ 

มื้อกลางวันที่เอามาเลี้ยงน้องอาหารหลักจะเป็นสปาเก็ตตี้ ส่วนของกินเล่นก็มีหมูสับปั้นเป็นก้อนทอด ขนมจีบกุ้งกับปู ซึ่งกันต์ขอให้ที่ร้านให้เป็นพิเศษโดยทำเป็นลูกเล็กกว่าที่ร้านเขาขาย ซาลาเปาไส้ต่าง ๆ สั่งมาเป็นลูกเล็กเหมือนกัน ถ้าเป็นผมกินให้กินสิบลูกก็คงไม่อิ่ม แต่มันจะดูน่ากินสำหรับเด็ก แล้วเด็กก็จะได้กินได้หลาย ๆ อย่าง ถ้าเป็นขนมจีบซาลาเปาไซส์ปกติกินคนละไม่กี่ลูกก็คงอิ่มไม่ได้กินอย่างอื่น ส่วนขนมก็ไปสั่งพุดดิ้งนมกับผลไม้ที่ร้านประจำมา แล้วก็มีเอแคลไส้ครีมสตรอเบอรี่กับชอคโกแลตที่พียุเป็นคนซื้อมา

พอถ่ายรูปกันต์แล้วก็หันไปถ่ายรูปไอ้ป่านกับเอิงที่กำลังทำแบบเดียวกันกับที่กันต์ทำ ไล่ไปจนถึงภาพคนอื่น ๆ ด้วย มันก็เป็นภาพที่ดูน่ารักแบบแปลก ๆ ที่ผู้ชายกลุ่มใหญ่พากันมาดูแลเด็กตัวเล็ก ๆ  เรื่องดูแลเด็กก็ดูเหมือนจะสอบผ่านกันเป็นส่วนใหญ่ในสายตาผม ถ้าตอนนี้อยู่ในห้องเรียนวิชาดูแลเด็กก็สอบผ่านกันไปสองในสาม มีร่อแร่แต่พอไปได้สองคน และอีกสองคนสอบตก ส่วนสองคนที่ว่านั้นก็คือ ไอ้นายกับพี่ฟาน ที่โคตรจะไม่มีทักษะการเข้าหาหรือรับมือกับเด็กเลยแม้แต่น้อย

ไอ้นายเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง และไม่เคยเล่นกับเด็กเล็ก ที่รู้ว่ามันไม่เคยเล่นกับเด็กเลย เพราะผมเคยเล่าถึงน้องกอหญ้าหลานของพี่ภพที่พี่ภพเคยเอามาฝากให้กันต์กับผมช่วยเลี้ยง ไอ้นายเลยพูดขึ้นมาว่า ถ้าเป็นมันคงเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงไม่เป็น มันไม่เคยเล่นหรือเคยอยู่กับเด็ก ญาติพี่น้องมันก็ไม่มีใครที่มีลูกเล็ก ๆ  มันเลยไม่รู้ว่าต้องปฎิบัติกับเด็กยังไง เมื่อกี้ผมเห็นตอนที่น้องที่อยู่ใกล้ ๆ มันทำซาลาเปาตกแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไอ้นายถึงกับหันซ้ายหันขวาเลิกลั่ก ก่อนเดินไปดึงตัวไอ้ธีที่อยู่ใกล้ ๆ มารับมือแทน ไอ้ธีมันก็แค่ย่อตัวลงไปหาน้องแล้วบอกว่าเดี๋ยวจะไปเอาซาลาเปาลูกใหม่มาให้น้อง ก่อนจะลุกไปแล้วถือซาลาเปากลับมาให้แค่นั้นก็จบ แต่ไอ้นายมันเอาแต่มึนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองตามไอ้ธีไปมา อะไรมันจะไม่มีเซ้นขนาดนั้นวะ คือมันเป็นเรื่องที่แก้ปัญหาไม่อยาก แต่คงเพราะเห็นน้องจะร้องหาย มันเลยทำอะไรไม่ถูกไปดื้อ ๆ ส่วนผม ๆ ต้องบอกว่าตัวเองสอบผ่านอยู่แล้ว
 
.
.
.

“กร ถ่ายรูปกูกับน้องให้หน่อย เอามือถือกูถ่าย” ไอ้ป่านเรียก พร้อมกับยื่นมือถือมาให้ผม

“พูดเพราะ ๆ ดิ น้องฟังอยู่ แล้วกล้องหน้าก็มีทำไมไม่ใช้” ผมเตือนไอ้ป่าน เมื่อเห็นน้อง ๆ มองผมกับป่านตาแป๋ว และถึงผมจะบ่นไอ้ป่านแต่ก็รับโทรศัพท์จากมือมันมา

“ถ่ายไปแล้วเมื่อกี้ แต่อยากได้แบบธรรมชาติบ้าง ใช้กล้องหน้ามันดูตั้งใจไป”

“เยอะ” ผมตอบกลับสั้น ๆ  ส่วนมือก็จิ้มหน้าจอโทรศัพท์ไอ้ป่านแล้วถ่ายรูปให้มันที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าผมกำลังถ่ายรูปมันอยู่ ทำเหมือนมันถูกถ่ายรูปโดยไม่รู้ตัว

“จะบ่นทำไม ให้ถ่ายก็ถ่ายไป ส่วนรูปในกล้อง เอารูปลงคอมฯ แล้วอย่าลืมส่งมาให้ด้วย” ฟังมันพูดแล้วน่าตบกะโหลกไอ้คนขยันสั่งจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้น้อง ๆ ผมคงไม่หักห้ามใจตัวเองไว้ ทั้งที่มือคันยิบ ๆ อยากทำร้ายคนเต็มแก่แบบนี้

“ถ้าไม่อยากให้บ่นทำไมไม่ไปใช้คนนู้นนู่น มาใช้ทำไม” ผมพูด แล้วหันหน้าไปทางบุคคลที่สามที่ผมพาดพิงถึงให้ไอ้ป่านมันรู้ว่าผมหมายถึงใคร

“เรื่องอะไรต้องให้แฟนลำบาก ให้เพื่อนลำบากดีกว่า”

“เรียกแฟนเต็มปากเต็มคำแล้วหรอจ๊ะ หนูป่าน” ผมพูดแล้วยักคิ้วส่งไปให้มันแบบโคตรจงใจ

“ชะ...”

“อย่าพูดออกมานะ” ผมชี้หน้าและสั่งมันให้หยุดเพราะรู้ว่ามันกำลังจะพ่นคำอะไรออกมา

“เมื่อก่อนละทำสะดีดสะดิ้งไม่ยอมรับ พอมาวันนี้ล่ะพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ” ป่านหยุด แต่ผมใส่ต่อระหว่างที่มันยังยืนอ้าปากค้าง หลังจากถูกผมสั่งหยุดคำเมื่อกี้ แต่พอผมพูดจบมันก็ทำปากพะงาบ ๆ เหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียง แต่ดูจากปากก็รู้ว่ามันด่าผม

“สนใจน้องต่อดิ จะถ่ายรูปให้” ผมพูดต่อ เมื่อเห็นว่ามันยังมองผมไม่เลิก แต่พอบอกว่าจะถ่ายรูปให้แค่นั้น มันก็หันไปสนใจน้อง ทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสต่อได้ทันที ผมยืนถ่ายรูปให้มันห้าหกรูปก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้มัน แล้วบอกมันว่าจะไปหากันต์ มันก็พยักหน้ารับรู้

.
.
.

“ไปแกล้งอะไรไอ้ป่านมันวะกูเห็นมันอ้าปากด่ามึงพะงาบ ๆ เมื่อกี้” ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่กับกันต์ถามเมื่อผมเดินเข้ามาหา ไอ้เดย์มันพยายามถามเสียงเบา เพราะไม่อยากให้น้องได้ยินคำหยาบ

“ไปแกล้งมัน” กันต์หันมาผสมโรงด้วยอีกคน นี่ก็ไม่ได้เลยรักน้องเหลือเกินผมแตะอะไรไอ้ป่านไม่ได้เลย เข้าข้างน้องตลอด 

“แตะไม่ได้เลย” ผมพูดแบบใส่ความหมั่นไส้ไอ้ป่านลงไปในน้ำเสียงนิดหน่อย

“อืม มีปัญหาอะไรไหม” อ้าว ผมโดนดุใส่เสียอย่างนั้น

“ซวยละมึง กูไปดีกว่า” ไอ้เดย์พูด แล้วเดินออกไป แต่ขยับไปแค่สองก้าวแค่นั้นแหละ เพราะมันรู้ว่าไม่ได้มีอะไรจริงจัง มันก็พูด ๆ ไปอย่างนั้น

“น้อยใจนะเนี่ย เห็นน้องดีกว่าแฟน”

“เปลี่ยนจากแฟนมาเป็นน้องไหมละ จะได้รักเหมือนกัน” ฟังกันต์ตอบแล้วแทบจะไปต่อไม่เป็น ใครจะเด็ดกว่านี้มีอีกไหม ได้ยินไอ้เดย์หัวเราะในคอ หึหึ จากข้างหลัง เบาๆ หลังจากที่มันได้ยินที่กันต์พูดกับผม ทำเอาผมอยากหันไปเตะไอ้คนที่เมื่อกี้มันเพิ่งบอกว่า ไปดีกว่าสักป้าบสองป้าบ ทำเป็นไม่สนใจแต่หูพึ่งคอยฟังตลอดนะมึง

“ไม่ดีกว่าเกรงใจ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ผมรีบพูดเมื่อสมองประมวลผลเรียบร้อยแบบไม่ต้องใช้เวลานานว่ายังอยากคงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้ที่ตรงไหน

“ถ้าอย่างนั้นอย่ามาพูดอีกว่ารักใครมากกว่า มันไม่เหมือนกัน” กันต์พูดด้วยคำพูดที่เหมือนจะจริงจัง แต่เสียงไม่ได้ใส่อารมณ์อะไร แถมพูดเบามาก คงไม่อยากให้ใครได้ยิน

“กรก็พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง แล้วนี่หิวยังเที่ยงกว่าแล้ว” ผมถาม หลังจากยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หลังจากมื้อกลางวันของน้อง ๆ ก็จะมีกิจกรรมสบาย ๆ อย่างเล่านิทานให้ฟัง ร้องเพลง ประมาณชั่วโมงนึงก็จะเป็นเวลาเข้านอนตอนบ่าย พอถึงเวลานั้นพวกผมก็จะยกขบวนกันกลับ

กันต์ส่วนหน้ามาเป็นคำตอบก่อนจะพูดว่า “กินซาลาเปาไปสามลูกแล้ว”

“แย่งเด็กซะงั้น”

“ก็ลองชิมดู อร่อยดี”

“ชิมเยอะไปนะ”

“เอาบ้างไหมล่ะ” กันต์พูด แล้วมองผมอย่างคนรู้ทัน ความจริงก็ไม่ได้หิวอะไนเท่าไหร่ แต่เหมือนเมื่อใช้แรงไปพอสมควร มันก็นะ

“รอแป๊บ” กันต์ พูดจบก็หันหลังเดินไปที่โต๊ะที่วางของกินทันที ผมจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่ทันแล้ว

“อ่ะ” กันต์พูดแล้วส่งซาลาเปาลูกเล็ก ๆ มาให้สามลูก

“ขอลูกเดะ” ไอ้เอิงโผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่มือมันมาคว้าซาลาเปาในมือผมไปแล้วลูกหนึ่ง แถมกัดเข้าปากเคี้ยวไปแล้วครึ่งลูกตอนที่ผมหันหน้าไปมองมัน

“ห้ามบ่น ห้ามด่า ...หิว” ไอ้เอิงมันพูด แล้วหยุดคำเว้นวรรค แล้วใช้นิ้วชี้เข้าหาตัวมันเอง บอกให้รู้ว่ามันหิว

ถึงตอนนี้น้อง ๆ ก็เริ่มทยอยกินอิ่มกันแล้ว จากนี้ครูพี่เลี้ยงจะรับหน้าที่จัดการต่อ ส่วนพวกผมถ้าอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมของน้อง ๆ ต่อก็ให้รอกันอีกสักสิบนาที เดี๋ยวครูจะพาน้อง ๆ เข้าห้อง เด็กที่อยู่ที่นี่มีช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึงหกขวบ ซึ่งส่วนที่พวกผมมาช่วยดูแลอยู่ก็จะเป็นช่วงวัยสามถึงหกขวบ เล็กกว่านั้นไม่กล้าเข้าไปเพราะจะให้เข้าไปดูแลก็ทำกันไม่เป็น แค่ไปแอบมอง ๆ กันเฉย ๆ แต่ของที่เตรียมมาให้ก็เตรียมมาให้ครบทุกช่วงวัย

“ยังมีอีกตั้งเยอะไปเอามากินสิ พี่สั่งมาเผื่อ น้องอิ่มกันหมดแล้ว ไปตามคนอื่นด้วย รองท้องไปก่อน กว่าจะได้ออกไปกินก็บ่ายสองบ่ายสาม” กันต์บอกไอ้เอิง มันก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนชวนไอ้เดย์ไปด้วยกัน สักพักพวกที่มาด้วยกันก็ไปยืนรุมกันอยู่ตรงโต๊ะวางของกิน ส่วนของครูพี่เลี้ยงกันต์เขาแยกไว้ให้ต่างหากอีกชุด

“ไปกินบ้างดีกว่า” ผมพูด แล้วพยักหน้าชวนกันต์ไปด้วยกัน รองท้องกันไว้นิดหน่อย แล้วก็จะได้ช่วยเคลียร์สถานที่ เตรียมไปทำกิจกรรมต่อ

.
.
.

“เป็นอะไรวะ หน้าเป็นตูดเลยมึง” ผมถามไอ้เอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าบูดแต่เคี้ยวไม่หยุด

“โมโหหิว” มันตอบ

“เออ หิวก็กิน ๆ เข้าไป เอาหน้าอย่างนี้เข้าไปหาน้อง น้องมันได้ร้องไห้เพราะกลัวหน้ามึง” ผมพูด

“เออน่า เดี๋ยวกูก็หาย”

“แล้วซี้มึงไปไหนวะ ทิ้งมึงอยู่นี่” ผมถามถึงไอ้ป่าน แล้วก็หันไปเจอมันยืนอยู่ข้างพี่กาวน์ กำลังจิ้มขนมจีบกินอย่างเพลิดเพลินหน้าตาโคตรจะสั่นล้าขัดกับคนที่ยืนอยู่ข้างผมมาก

“มีแฟนแล้วลืมเพื่อน” ผมขยับปากบอกไอ้ป่านที่หันมาทางผมพอดี ขยับแต่ปากแต่ไม่มีเสียง พอมันอ่านปากผมได้และเข้าใจว่าผมบอกอะไรมัน ๆ ก็เดินมาทางผมกับไอ้เอิงทันที ส่วนกันต์ตอนนี้ก็คุยอยู่กับพวกเพื่อนเขา หันหลังชนอยู่กับผมนี่ล่ะ

“มีอะไร” ไอ้ป่านถามเมื่อมันเดินมาถึง

“ถามเพื่อนมึงดู” ผมพูด

“มึงเป็นไร” ไอ้ป่านหันไปถามไอ้เอิง

“เปล่า ไอ้กรมันก็พูดไปเรื่อย กูแค่หิวเลยหงุดหงิด”

“เออ หิวก็หิว แต่ถ้ามันมากกว่าเรื่องหิว แล้วพร้อมบอกกูกับไอ้กรก็ค่อยบอกหรือถ้ามึงไม่บอกพวกกู พวกกูก็ไม่ว่า แต่มึงอย่าทำหน้าแบบนี้บ่อย กูเห็นแล้วปวดขี้” ไอ้ป่านพูด เริ่มมาเหมือนจะพูดดีอยู่แต่ลงท้ายนี่แม่งหน้าตบหัวสักที เอาให้ตอนกลางคืนนอนฉี่ราด

“ไอ้เชี่ยป่าน คนกำลังกินอยู่มึงเห็นไหม” ผมด่ามัน

“กูก็พูดให้ได้ยินแค่สามคนแล้วไง” ไอ้ป่านลอยน้าลอยตาตอบ

“แล้วกูกับไอ้เอิงนี่ไม่ใช่คนหรือไง ไอ้ควาย” ผมด่า มันเป็นครั้งที่สองต่อกัน ผมไม่เคยต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนคนไหนได้มากเท่าไอ้ป่านเลยจริง ๆ ให้ตาย

“ด่ากูควายแต่มึงคุยกับกูรู้เรื่อง แสดงว่ามึงก็ควายเหมือนกันละว้า” ไอ้ป่านโต้ตอบกลับมา ซึ่งมาถึง ณ จุดนี้ ผมห้ามมือห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วจริง ๆ

“โอ๊ย!!” แล้วผมก็จัดการทำให้ตัวเองสมปรารถนาด้วยการส่งฝ่ามือลงไปปะทะกับหัวทุย ๆ ของไอ้ป่าน และผลคือมันร้องดังลั่น จนพวกที่ยืนอยู่ด้วยกันหันมามองที่ไอ้ป่านกันหมด

“เป็นอะไร” กันต์หันกลับมาและเอ่ยปากถามก่อนใครเพื่อน ส่วนพี่กาวน์แค่มองมาเฉย ๆ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนตัวเองต่อเมื่อเห็นว่าไอ้ป่านไม่ได้เป็นอะไรนักหนา แค่ยืนลูบหัวปอย ๆ แค่นั้นเอง

“ไอ้ป่านไม่ตอบแต่ชี้นิ้วมาทางผมแทนคำตอบ” ฟ้องเป็นเด็ก ๆ เลยนะมึง

“โดนซะบ้างก็ดี” กันต์พูดแค่นั้น แล้วก็ไม่สนใจไอ้ป่านอีก แต่สนใจผมแทน

“อิ่มยัง”

“อืม” หลังจากกินอะไรรองท้องกันเรียบร้อยแล้วก็ช่วยกันเก็บโต๊ะ ก่อนที่ครูพี่เลี้ยงจะมาตามพวกผมบอกว่าน้อง ๆ พร้อมทำกิจกรรมต่อแล้ว พวกผมถึงตามไป แล้วก็ไม่ใช้จะยกขบวนกันไปเป็นหมู่คณะแบบนี้ แต่แยก ๆ กันไปเป็นสองกลุ่ม แล้วเดี๋ยวถึงเวลาน้องนอนตอนบ่ายค่อยออกมาเจอกัน

............................................................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2012 22:31:41 โดย Angel_K »

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2033 เมื่อ14-09-2012 21:33:13 »

อ่านแล้วอยากขอบคุณแทนเด็กๆ
น่ารักเหมือนเดิมทั้งสองบ้าน
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2012 21:46:10 โดย Horizon »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2034 เมื่อ14-09-2012 21:35:00 »

อยากได้หนุ่มใจบุญคณะนี้มาเลี้ยงข้าวจัง

ชักอยากรู้เรื่องนายกับเอิงแล้วหล่ะ

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2035 เมื่อ14-09-2012 22:14:44 »

ดีใจที่มาเจอพอดี..คิดถึงกรกันต์ ป่นกาวน์มากเลยค่ะ

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2036 เมื่อ14-09-2012 22:32:35 »

ไปเลี้ยงเด็กๆแถวไหนกันคะ อยากไปด้วย  :-[

Chocorun

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2037 เมื่อ14-09-2012 22:38:16 »

อยากร่วมก๊วนไปกับหนุ่ม ๆ กลุ่มนี้จัง เพื่อชาติหน้าได้เกิดมาเจอกันอีก
 :impress2:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2038 เมื่อ15-09-2012 04:19:32 »

หายไปนานเลยนะคะ คิดถึง  :กอด1:

Mafia Mania

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักคือ... รัก >>> พี่เลี้ยง p. 68 14/9/12
«ตอบ #2039 เมื่อ15-09-2012 08:30:33 »

กรกับป่านนี่เพื่อนซี้คู่กัดจริง ๆ เลยนะ
พอแยกกันไปอยู่กับแฟนตัวเองนี่อีกอย่างเลย
แต่ยังไง แบบไหนก็น่ารัก
และตอนนี้ก็สนใจเรื่องนายกับเอิงแล้วสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด