แอบแวะมาคับ
ขอบ่นได้มั้ย เกรงใจพี่ ๆ นะแต่ขอเหอะ อกจะแตกตาย
เสียงสั่น ๆ กับคำพูดที่ว่า
“จา ใจร้ายกับพี่มากเลยรู้มั้ย” เพียงเพราะเราบอกเค้าขอให้คิดกับเราแค่น้องชาย ใจร้ายตรงไหนกัน กินเหล้า คิดมากแล้วก็เกิดอุบัติเหตุจนได้ ขาหักเข้าเฝือก แขนก็เข้าเฝือก ไหล่ก็หลุด

ก็ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่...ยังบอกจะรอ รออะไร??? รอให้ผมเป็น..ยังงั้นรึ มันเครียดนะ ทำไมการที่ผมเข้าบอร์ดแบบนี้ ผมชอบอ่าน ผมสนใจ ผมชื่นชม ชื่นชอบชีวิตของพวกเค้า มันสามารถซึมซับกันได้ด้วยหรือ หรือผมรู้เรื่องของพวกเค้ามากเกินไป หลายครั้งที่ผมโดนหยอดทำนองนั้นจาก VENDOR ที่ผมติดต่องานด้วย ผมไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้อะไรเลยนะ แต่เพราะอะไรล่ะ หรือว่าต่อไปผมจะเลิกเข้าบอร์ดดี แต่ผมคงทนไม่ได้มันเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ผมขอลาออกจากงานเพื่อจะได้ไม่เจอเค้า.... มีอำนาจขนาดสั่งไม่อนุมัตข้ามแผนกได้ด้วยรึ
OK เข้าใจเป็นห่วงเรา อายุ 19 เรียนด้วยมันลำบาก เห็นด้วยก็ได้ แต่สั่งห้ามเล่นเน็ต (ฆ่ากันเลย..ดีไหม)ที่ทำงานโดนตัดเน็ตไปแล้วเรียบร้อย อยากจะบ้า แล้วยังให้ไปนอนเฝ้าที่โรงบาล...ได้ ถือว่ารับผิดชอบ ไม่พอให้ไปดูแลที่บ้านจนกว่าจะหายอีก จะเป็นปาท่องโก๋กันอยู่แล้ว อะไรมันจะนักหนา เงินก็แยะ คนอยากไปเฝ้าก็เยอะ :m8:พี่ชายอารายเรื่องมากฉิบเป๋ง....เหนื่อย เบื่อ เซง จะมีใครเข้าใจผมมั้ยเนี่ย
บ้างครั้งผมเห็นหน้าพี่เค้าผมก็ทุกข์ใจนะ ก็ผมเองไม่ใช่คนดี และผมก็ไม่ใช่.......ผมเป็นแบบนี้ผมผิดมากใช่มั้ย
ขอร้องเข้าใจผมหน่อยนะ :m5:ปล่อยผมไปเถอะ ถ้าผมเป็น..เมื่อไหร่ผมจะบอก นะคับ
.
.
อย่าเพิ่งเกลียดผมกันนะคับ พี่ๆ

**********************
บทที่ 54 วันหยุด
ช่วงเวลาปิดเทอมยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ ตอนนี้แบ๊งค์ได้กลับมาเป็นแบ๊งค์คงเดิมแล้ว เป็นนายเด็กดื้อ ไอ้ตัวเล็ก จอมซนประจำกลุ่มเหมือนเดิมแล้ว เรื่องของพี่โป้งน่ะหรอ แบ๊งค์ไม่มีวันลืมหรอกนะ ยังคงจำได้เสมอแหละ พี่เค้ายังอยู่ในใจแบ๊งค์ตลอด
วันนี้พี่อาร์ทมารับแบ๊งค์ที่คอนโดครับ บอกว่าอยากไปเที่ยว ก็เลยโทรมาบอกให้แบ๊งค์แต่งตัวรอไว้ ตอนเย็น ๆ จะมารับ แบ๊งค์ก็ไปจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้แบ๊งค์กำลังตรวจดูความเรียบร้อยขั้นสุดท้าย สายตาก็เหลือบไปเห็นพวงกุญแจตุ๊กตาโอชาเคนที่แปะติดอยู่ที่กระจก
“เดี๋ยวแบ๊งค์จะออกไปเที่ยวแล้วนะ”
“เฝ้าห้องให้แบ๊งค์ด้วยล่ะ” แบ๊งค์มักจะพูดแบบนี้กับ เจ้าตุ๊กตาโอชาเคนเสมอ เปรียบเสมือนว่าเจ้าตุ๊กตาตัวนี้เป็นพี่โป้งนั่นเอง แล้วแบ๊งค์ก้มลงไปยิ้มให้ตุ๊กตาตัวนั้น ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป
“อ้าวพี่นุ่นจะไปไหนน่ะ แต่งตัวซะสวยเลย” แบ๊งค์ทักขึ้น
“ทีแบ๊งค์ยังออกไปเที่ยวได้ เจ้ก็ขอไปแดนซ์บ้างสิจ๊ะ” พี่นุ่นตอบกลับมา
“อ่านะ แล้วจะกลับกี่โมงเนี่ย” แบ๊งค์ถามบ้าง
“ไม่รู้สิ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วแบ๊งค์ไม่กลับใช่มั้ยคืนนี้” พี่นุ่นถามกลับ
“หา.....แบ๊งค์หรอ กลับดิ” แบ๊งค์ทำหน้างง ๆ
“ไม่ต้องเลย เห็นพูดแบบนี้ก็ไม่กลับทุกที” พี่นุ่นพูด
“ง่า......ก็พูดจริง ๆ นะ” แบ๊งค์แย้งกลับ ซักพักก็มีเสียงคนมากดกริ่งที่หน้าประตู แบ๊งค์กับพี่นุ่น เลยเดินไปใส่รองเท้าแล้วเดินเปิดประตูออกไป
“กะแล้วว่าต้องเป็นพี่อาร์ท” แบ๊งค์พูด
“แล้วจะออกไปไหนกันหรอครับเนี่ย” พี่อาร์ทถามแบ๊งค์กับพี่นุ่นครับ
“เจ้น่ะออกไปเที่ยวส่วนตัว ไม่ได้ไปเป็นก้างอาร์ทหรอกค่ะ” พี่นุ่นตอบไปครับ เล่นเอาพี่อาร์ทเขินจนหน้าแดงไปเหมือนกัน
“อ่ะ.....ครับ” พี่อาร์ทรับคำไปอย่างสั้น ๆ
“คืนนี้เอาเจ้าแบ๊งค์ไปฝากไว้ที่บ้านอาร์ทด้วยนะคะ ไม่ต้องปล่อยกลับมานะคะ เจ้ขี้เกียดดูแล” พี่นุ่นพูด
“อ้าว.......ได้ไงล่ะ” แบ๊งค์ทำท่างอน ๆ
“ไม่เป็นไรครับ นอนบ้านผมก่อนก็ได้” พี่อาร์ทพูด
“ค่ะโอเคค่ะ ไปก่อนนะคะ” แล้วพี่นุ่นก็เดินออกไป
“เที่ยวให้สนุกนะครับ” พี่อาร์ทตะโกนตามหลังไป พอเห็นว่าพี่นุ่นลงลิฟต์ไปแล้ว แบ๊งค์เลยเอาศอกกระทุ้งท้องพี่อาร์ทเบา ๆ ถึงจะแบบนั้นก็เหอะ ก็คงจุกไปเหมือนกัน
“อุ๊ก.......แบ๊งค์ทำอะไรน่ะ” พี่อาร์ทเอามือกุมท้องเอาไว้
“ก็ไปรับปากพี่นุ่นทำไมล่ะ แบ๊งค์ไม่ค้างบ้านพี่อาร์ทหรอกนะ” แบ๊งค์พูด
“ก็รับปากนุ่นไปแล้วอ่ะ ทำไงดีล่ะ” พี่อาร์ททำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“..........................” แบ๊งค์ทำท่างอนไม่พูดไม่จา แล้วพี่อาร์ทก็เปิดประตูห้องเข้าไป โดยที่ไม่รอแบ๊งค์เลยครับ
“จะเข้าไปทำอะไรน่ะ จะปิดห้องแล้วนะ” แบ๊งค์รีบถาม
“ก็เข้ามาเอาชุดนอน กับของใช้ส่วนตัวของแบ๊งค์น่ะสิ” พี่อาร์ทพูด ตอนนี้พี่อาร์ทเข้าไปอยู่ในห้องแบ๊งค์แล้ว พลางจัดแจงเก็บข้าวของอย่างคล่องแคล่ว
“จะเอาไปทำไม” แบ๊งค์รีบวิ่งตามเข้ามาในห้อง แล้วพูด
“ก็จะไปค้างบ้านพี่ไง” พี่อาร์ทหันมาตอบ
“ไม่เอา แบ๊งค์ไม่ค้างนะ” แบ๊งค์ยังดื้อต่อไป
“ดื้อจริง ๆ เลย ค้างหน่อยนะ พ่อกับแม่พี่บ่นคิดถึงน่ะ” พี่อาร์ทพูดครับ
“............................” แบ๊งค์ไม่ตอบอะไรเมื่อได้ยินเหตุผล
“สรุปว่าค้างใช่มั้ย” พี่อาร์ทหันมาทำท่าเจ้าเล่ห์ใส่
“ก็ทำไงได้ล่ะ คุณลุงกับคุณป้าพูดแบบนั้นก็” แบ๊งค์ตอบไป
“เรียกพ่อกับแม่ได้แล้ว เดี๋ยวท่านได้ยินก็โกรธหรอก” พี่อาร์ทพูด แล้วพี่อาร์ทก็จัดเก็บของจนเสร็จ พี่อาร์ทเลือกมาหมดเลยครับ ทั้งชุดนอน และชุดที่จะใส่พรุ่งนี้ พี่อาร์ทเลือกเสื้อที่เป็นลาย Astroboy ที่แบ๊งค์ไปซื้อที่จตุจักรมาด้วย
“เสื้อลายน่ารักดีนี่ ซื้อที่ไหนหรอ” พี่อาร์ทถาม
“ซื้อที่จตุจักรน่ะ จริง ๆ มีสองตัวนะ”
“แต่อีกตัวมันใหญ่ไป” แบ๊งค์ตอบ
“อ๋อ......จำได้แล้ว” แล้วพี่อาร์ทก็นึกถึงเหตุการณ์ในครั้งก่อน ที่ไปคลาดกันที่จตุจักร จนพี่อาร์ทนั่งร้องไห้ต่อหน้าน้องแทม อาร์ทเลยได้แต่ยิ้ม ๆ ออกมา
“จำอะไรได้น่ะ แล้วยิ้มทำไม” แบ๊งค์ถาม
“เปล่า ก็แค่อารมณ์ดี” พี่อาร์ทหันมายิ้มยั่วแบ๊งค์ครับ แล้วสายตาของพี่อาร์ทก็เหลือบไปเห็นตุ๊กตาโอชาเคนที่แบ๊งค์แปะไว้ที่กระจก
“จะเอาเจ้าตัวนี้ไปรึเปล่าครับ” พี่อาร์ทถาม
“ไม่ต้องหรอก ให้เฝ้าห้องแบบนี้นี่แหละ” แบ๊งค์หันไปพูดกับตุ๊กตา
“เดี๋ยวเค้าก็เหงาหรอก” พี่อาร์ทพูด
“ไม่หรอก เค้าอยู่กับแบ๊งค์เสมอแหละ อยู่ในใจแบ๊งค์ไง” หันไปบอกกับพี่อาร์ท
“อืม.........งั้นไปก่อนนะ” พี่อาร์ทหันไปพูดกับเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นบ้าง
“ไปแล้วนะ บาย” แบ๊งค์บอกลากก่อนที่จะเดินออกห้องไป แล้วเราสองคนก็ไปยังรถกันครับ พี่อาร์ทเอาข้าวของเครื่องใช้แบ๊งค์เก็บไว้ที่ท้ายรถ แล้วเราก็ขึ้นรถไปกัน
“จะพาแบ๊งค์ไปไหนหรอ คงไม่ได้กลับบ้านก่อนแน่ ๆ” แบ๊งค์ถาม
“มารู้ทันพี่อีกนะ เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง” พี่อาร์ทพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นครับ สรุปแล้วพี่อาร์ทพาแบ๊งค์มาเยาวราชครับ
“พาแบ๊งค์มาที่นี่ทำไมอ่ะ” แบ๊งค์ถามแบบงง ๆ
“ก็พามาหาอะไรทาน อีกอย่าง”
“พามารำลึกความหลังสมัยโน้นน่ะ” พี่อาร์ทพูดลากเสียงยาว จริงด้วยสินะ แบ๊งค์เคยมาเยาวราชกับพี่อาร์ทแล้วครั้งหนึ่ง พี่อาร์ทนี่ความจำแม่นจริง ๆ
“คราวที่แล้วแบ๊งค์เป็นคนนำพี่เที่ยว คราวนี้นี้คิวพี่แล้วนะ” พี่อาร์ทพูดพลางหันมายักคิ้วให้ทีหนึ่ง
“ก็แน่นอนสิ ลองให้แบ๊งค์พาเที่ยวอีกครั้งสิ แบ๊งค์ไม่ทำหรอก” แบ๊งค์ทำท่ากวน ๆ
“พอได้แล้ว พูดมากเดี๋ยวก็ไม่ได้ทานกันพอดี” แล้วพี่อาร์ทก็จับมือแบ๊งค์แล้วเดินตามกันไปครับ เราจูงมือกันไปวิ่งบ้าง เดินบ้าง สลับกันไป ก็สนุกดีนะ ได้ทานของอร่อยเพียบเลย มาย่านนี้ไม่ผิดหวังจริง ๆ มาคราวนี้เราไปนั่งทานติ่มซำกัน เค้าบอกว่าเป็นติ่มซำฮ่องกง ไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันแตกต่างกันยังไง แต่ก็อร่อยอ่ะ รู้แค่นั้นแหละ
มีบางช่วงนะ ที่คนมันเยอะไปอ่ะ เราสองคนก็เลยลงไปเดินตรงขอบ ๆ ถนน ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ รถเยอะมากมาย แต่พี่อาร์ทนี่สิ จับมือแบ๊งค์แน่นเลย อย่างกับกลัวว่าจะหลุดไปซะอย่างนั้น ก็ได้แต่เดินไปยิ้มไป ตอนนี้แบ๊งค์ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ แค่ได้มีพี่อาร์ทอยู่เคียงข้างก็เพียงพอแล้ว
พอเราหาอะไรทานกันเสร็จก็ตามเดิมแหละครับ ตอนแรกเราก็คิดว่าจะไปเดินสะพานพุทธกัน แต่แบ๊งค์ไม่อยากเดินแล้ว เพราะเหนื่อยจริง ๆ คงเพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
“แบ๊งค์ว่ากลับเหอะ พีอาร์ท แบ๊งค์เหนื่อยแล้ว” แบ๊งค์พูด
“งั้นขี่หลังพี่ไปก็ได้นี่นา” พี่อาร์ท อาสา
“จะบ้าหรอ” แบ๊งค์มาพูดอย่างตกใจ
“ฮะฮะฮะ ก็ดูเหมือนพี่น้องให้ขี่หลังไง น่ารักดีออก” พี่อาร์ทพูดไปหัวเราะไป
“พี่น้องอะไรล่ะ คนหนึ่งก็หุ่นนักกีฬา อีกคนก็ผอมเก้งก้าง มาขี่หลังกัน คนก็มองกันหมดน่ะสิ” แบ๊งค์พูดแบบอาย ๆ
“ล้อเล่นน่า พี่ไม่ทำหรอก พี่รู้” พี่อาร์ทพูดพลางเอามือ มาลูบหัวแบ๊งค์
“งั้นเรากลับกันเถอะนะ” พี่อาร์ทพูด แบ๊งค์เลยได้แต่ พยักหน้าแทนคำตอบ แล้วเราสองคนก็กลับไปที่รถครับ แบ๊งค์ยังคงนั่งที่เดิม คอยมองสิ่งต่าง ๆ สองข้างทางไปเรื่อย ๆ
“ไม่เปลี่ยนเลยนะ แบ๊งค์น่ะ” พี่อาร์ทพูด
“ทำไมหรอ ไม่เปลี่ยนยังไง” แบ๊งค์หันมาถามพี่อาร์แบบงง ๆ
“ก็เหมือนเด็กไม่เปลี่ยนแปลงไงล่ะ มองทุกอย่างรอบ ๆ ตัวอย่างน่าสนใจ”
“เหมือนกับว่าอยากรู้ อยากเห็นไปทุกเรื่อง ดูน่ารักใส ๆ ดี เนี่ยแหละ เหตุผลที่พี่ชอบแบ๊งค์” พี่อาร์ทยิ้มไปด้วย
“...................................” แบ๊งค์ไม่พูดอะไร ได้แต่หันกลับไปมองข้างทางเหมือนเดิม เพราะตอนนี้น่ะ อายจนหน้าแดงไปหมดแล้ว (-////-) แล้งอยู่ ๆ ในรถก็มีเพลงดังขึ้น แบ๊งค์คาดว่าพี่อาร์ทคงเป็นคนเปิดน่ะ
บอกรัก ทำเป็นไม่รู้ ฉันบอกนก
เธอบอกว่าไม้ ฉันเลือกซ้าย
เธอว่าทางขวา ดีกว่าไหม
บอกร้อน เธอบอกว่าหนาว
ฉันตื่นสาย เธอให้ตื่นเช้า
ฉันหยุดแล้ว เธอหละ จะรีบไปไหน
รู้อยู่ว่าใจนะใจไม่เคยเหนื่อย ใจนะใจไม่เคยเบื่อกัน
เราบางทีแม้จะต่าง เราจูงมือไม่เคยห่าง เรามีเราแค่เธอกับฉัน
ต่างแค่ไหนสองใจก็ อยู่ข้างกัน
เรายังไปด้วยกัน แม้วันคืนจะหมุนไป
นานแค่ไหนสองเราก็อยู่ข้างกัน
เรายังไปด้วยกัน ก็เพราะว่าเรา...ต่างใจเดียว
“แบ๊งค์.....พี่ยังไม่กลับบ้านน่ะ ไม่กลับได้มั้ย” พี่อาร์ทถาม
“อืม....ได้สิ จะไปไหนล่ะ” แบ๊งค์ถามกลับ
“ไปหัวหินกันนะ” พี่อาร์ทพูด
“เย้ยยยย” แบ๊งค์อุทานออกมาเสียงดัง
“ฮะฮะฮะ ล้อเล่นน่า ใครจะไปกันล่ะ” พี่อาร์ทหัวเราะร่วน
“ตกใจหมด ไอ้เราก็นึกว่าจะไปจริง ๆ” แบ๊งค์ทำท่างอน ๆ
“อยากไปมั้ยล่ะ พี่พาไปได้นะ” พี่อาร์ทพูด
“ไม่ต้องหรอก แบ๊งค์ยังไม่อยากไปตอนนี้หรอก” แบ๊งค์ตอบกลับไป
“งั้น summer นี้เราไปกันนะ” พี่อาร์ทพูด
“อืม.....ได้สิ” แบ๊งค์พยักหน้าไป
“แล้วที่ว่าจะยังไม่เข้าบ้านน่ะ รู้รึยังว่าจะไปไหน” แบ๊งค์ถามกลับ
“ไปถนนแห่งความทรงจำของเราไง” พี่อาร์ทพูด ถึงพี่อาร์ทจะพูดแค่นั้น แบ๊งค์ก็รู้แล้วว่า สถานที่ที่เราจะไปนั้นเป็นที่ไหน ถนนอักษะนั่นเอง ทำไมไม่รู้สินะ เราสองคนถึงได้ชอบถนนนี้มากมาย พี่อาร์ทชอบพาแบ๊งค์นั่งรถเล่นที่นี่บ่อย ๆ แต่แบ๊งค์กลับไม่เคยเบื่อซักครั้ง
ตอนนี้เราขับรถจนมาถึงถนนอักษะกันแล้ว ไฟสีเหลืองนวล ยังคงส่องสว่างตลอดเส้นทาง จะว่าไปก็เป็นภาพที่สวยงามติดตาดีนะ ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม กับแสงไฟบนถนนอักษะ
“มาบ่อย ๆ แบบนี้ไม่ช่วยชาติเลยนะ” แบ๊งค์หันไปว่าให้พี่อาร์ท
“ไม่ช่วยชาติยังไงหรอ” พี่อาร์ทถามกลับแบบงง ๆ
“ก็มาซะไกลเลย เปลืองน้ำมันมากเลยรู้มั้ย” แบงค์ตอบไป
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปซักเท่าไหร่ แลกกับการที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับแบ๊งค์ พี่ยอมหมดแหละ” พี่อาร์ทตอบกลับมา ประโยคสั้น ๆ เพียงแค่นั้น หลายคนฟังแล้วอาจดูน้ำเน่า แต่สำหรับแบ๊งค์มันได้ทำให้หัวใจที่มีอยู่ดวงนี้ พองโตและรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
“เป็นอะไรไปน่ะ นั่งยิ้มอยู่ได้ เขินใช่มั้ยล่ะ” พี่อาร์ทแกล้งแซวครับ
“ใครเขิน ไม่เห็นมีเลย” แบ๊งค์แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พี่อาร์ทก็เลยได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ
“พี่อาร์ท เอากระจกลงได้มั้ยอ่ะ” แบ๊งค์หันมาพูดกับพี่อาร์ท
“อืมได้สิ” แล้วพี่อาร์ทก็กดกระจกลง ทำให้ตอนนี้ ลมเข้ามาในรถอย่างเต็มที่ ดีนะที่พี่อาร์ทไม่เอาพวกเอกสารวางไว้ในรถไม่อย่างนั้นปลิวไปหมดแน่ ๆ
แบ๊งค์เอาแขนทั้งสองข้าง ไปวางเท้ากันไว้ที่ขอบกระจก แล้วค่อย ๆ วางหน้าลงกับแขน พร้อมกับหลับตา รับสายลมที่พัดเข้ามา ช่วงเวลานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริง ๆ
“แบ๊งค์ ลืมตาได้แล้ว” พี่อาร์ทเรียกครับ
“ทำไมหรอ” แบ๊งค์ค่อย ๆ ลืมตามอง สวยจัง บรรยกาศยามเช้า ที่แสนสดชื่น บวกกับขอบฟ้าสีทอง ที่มีพระอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า และท้องฟ้าอีกฟากหนึ่ง ที่ยังคงเป็นสีน้ำเงินเข้มอยู่ พร้อมด้วยดวงดาว ที่เริ่มอ่อนแสงลงเพราะแสงจสกพระอาทิตย์ แบ๊งค์ได้แต่นั่งมอง แล้วยิ้มตามไป
“พี่จะปิดกระจกแล้วนะ นอนพักได้แล้ว” พี่อาร์ทพูดครับ แบ๊งค์เลยเปลี่ยนมาเอนตัวลงนอน แล้วเผลอหลับกับบรรยกาศของเช้าวันใหม่ไปในที่สุด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีแสงอาทิตย์สาดเข้ามาในห้องนั่นแหละครับ แบ๊งค์มาหลับอยู่ในห้องพี่อาร์ทตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ตื่นแล้วหรอครับ” พี่อาร์ทเดินเข้ามาทักมาย
“พี่อาร์ทเอาแบ๊งค์มานอนให้ห้องหรอ” แบ๊งค์ถามไป
“ครับ....เดี๋ยวนี้ไปทานอะไรมาน่ะ ตัวหนักจัง” พี่อาร์ทแซว
“เฮ้ย...จริงหรอ เดี๋ยวต้องลดน้ำหนักซะแล้ว” แบ๊งค์พูด
“ล้อเล่นน่ะครับ ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดได้แล้ว จะได้ลงไปทานข้าวกัน” พี่อาร์ทพูด แล้วสายตาแบ๊งค์ก็ไปสะดุดเอากับเสื้อยืดของพี่อาร์ท มันเป็นลาย Astroboy ที่ขายคู่กันกับเสื้อที่แบ๊งค์ซื้อมานี่ เพียงแต่ว่ามันเป็นละไซส์ คนละสีก็เท่านั้น
“เสื้อนี่มัน........” แบ๊งค์จับที่เสื้อพี่อาร์ท
“แปลกใจล่ะสิ บอกแล้ว เพราะเราน่ะคู่กัน” พี่อาร์ทยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“โหย มามุกเน่าแต่เช้าเลยนะ” แบ๊งค์ทำท่าทางกวน ๆ ใส่พี่อาร์ท
“ไปอาบน้ำได้แล้ว” พี่อาร์ทพูด แล้วผลักแบ๊งค์เข้าห้องน้ำไป แต่ก็ยังไม่วายตีก้นแบ๊งค์ไปหนึ่งที ทำให้แบ๊งค์ที่เข้าในห้องน้ำแล้ว เอามือกุมไว้แล้วหันมาโวย
“พี่อาร์ทน่ะ งอนแล้ว” จากนั้นแบ๊งค์ก็ปิดประตูไป พี่อาร์ทเลยลงมารอข้างล่าง ที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งมีพอ่กับแม่พี่อาร์ทนั่งคอยอยู่แล้ว
“น้องตื่นแล้วหรอลูก” แม่พี่อาร์ทถาม
“ครับ ตื่นแล้วครับ กำลังอาบน้ำอยู่” พี่อาร์ทตอบไป
“แล้วเมื่อคืนไปไหนกันมา กลับซะเช้าเลย”
“เดี๋ยวน้องก็ไม่สบายหรอก” พ่อพี่อาร์ทเตือนครับ
“รายนี้ไม่ต้องห่วงหรอกครับ แข็งแรงจะตาย” พี่อาร์ทตอบ
“หรอ แต่แม่ว่าดูบอบบางล่ะไม่ว่า ตัวเล็กกว่าเราตั้งเยอะ” แม่พี่อาร์ทพูด
“นั่นสิ ดูแลน้องเค้าดี ๆ ล่ะ อย่าเอาน้องเค้าไปทรมานให้มากนักรู้มั้ย” พ่อพี่อาร์ทพูด แล้วเขกหัวพี่อาร์ทไปเบา ๆ หนึ่งที พี่อาร์ทเลยเข้าไปกอดเอวพ่อคืน
“เดี๋ยวนี้รักแบ๊งค์มากกว่าอาร์ทอีกนะครับ อาร์ทงอนแล้ว” พี่อาร์ททำท่าเป็นเด็ก ๆ
“ก็แบ๊งค์เค้าน่ารักนี่ ไม่ได้ถือตัว แม่บ้านในครัวก็ชอบกันใหญ่” แม่พี่อาร์พูด
“ใช่ ๆๆ แล้วก็เลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้ว อ้อนไปก็ไม่น่ารักเท่าแบ๊งค์หรอก” พ่อพี่อาร์ทพูด แล้วทั้งพ่อ และแม่ก็หัวเราะออกมากันยกใหญ่
“นั่นสิเดี๋ยวน้องมาเห็น จะอายน้องเปล่า ๆ นะลูก” แม่พี่อาร์ท แล้วเอามือ ตบที่ขาพี่อาร์ทเบา ๆ
“ครับผม!!!” พี่อาร์ทเลยลุกขึ้นมา ทำท่าตะเบ๊ะ เป็นทหาร ทั้งพ่อและแม่ก็เลยได้หัวเราะกันอีกรอบ อีกซักพัก แบ๊งค์ก็เดินลงมา แล้วเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” แบ๊งค์เดินเข้าไปไหว้ แล้วนั่งที่โซฟาตัวข้าง ๆ
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะลูก เรียกพ่อกับแม่ได้แล้ว” แม่พี่อาร์ททักขึ้น
“ครับคุณป้....เอ้ย คุณแม่” แบ๊งค์ตอบกลับไปแบบอาย ๆ
“พาน้องไปทานข้าวเช้าได้แล้วป่ะ” พ่อพี่อาร์ทพูดครับ พี่อาร์ทเลยค่อย ๆ เดินก้มตัวผ่านหน้าคุณแม่มาจูงมือแบ๊งค์ไปห้องทานอาหาร พอไปถึงเราก็ไม่เห็นใครอยู่ซักคน
“สงสัยมาช้าไปน่ะ แม่บ้านคงเก็บไปแล้ว” พี่อาร์ทพูด
“อืม....งั้นเราก็ไปทำมาทานเองสิ” แบ๊งค์เสนอความคิด
“ก็ได้ ดีเหมือนกัน จะได้ทำอะไรทานเพิ่มด้วย” พี่อาร์ทก็เห็นด้วยครับ เราสองคนก็เลยเดินไปที่ห้องครัวครับ ไม่มีคนอยู่ซักคนเลย พี่อาร์ทบอกว่า เป็นช่วงเวลาสาย ๆ คนงานของบ้านนี้เค้าไปพักกันน่ะครับ อาจไปนั่งดูทีวี หรือนั่งคุยกันที่เรือนเล็ก แบ๊งค์ก็เลยคิดว่าปล่อยเค้าไปดีกว่า ไม่อยากไปกวนเวลาพักผ่อน แล้วเราสองคนก็เลยช่วยกันทำอาหารครับ
“แบ๊งค์อยากทานอะไรล่ะ” พี่อาร์ทถาม
“ไม่รู้สิ ดูวัตถุดิบก่อนดีกว่า จะได้คิดออก” แบ๊งค์กับพี่อาร์ก็เลยเดินไปดูของในตู้เย็นกันครับ ในตู้เย็นก็มีของสดครบเลยครับ ทั้งผัก ทั้งเนื้อ แล้วเราสองคนจะทำอะไรทานดีล่ะเนี่ย
“มีของเต็มไปหมดเลย ทำอะไรดีล่ะ” พี่อาร์ทถาม
“อืม......ทำผัดมาม่าดีกว่า” แบ๊งค์พูด
“ได้เลย ดี ๆๆ อยากทานพอดีเลย” พี่อาร์ทตอบตกลง เราสองคนคนก็เลยเตรียมการครับ เอามาม่าไปลวก พี่อาร์ทบอกอยากทานเยอะ ๆ เลยลวกไปซะ 4 ซอง ของแบ๊งค์หนึ่ง ที่เหลือน่ะของพี่อาร์ท โดยมีพี่อาร์ททำหน้าที่ลวกเส้น
เสร็จแล้วแบ๊งค์ก็หั่นผักส่งให้ แบ๊งค์อยากทานผักบุ้งน่ะครับ ก็เลยหันผักบุ้งส่งไป จนโดนพี่อาร์ทบ่นกลับมา ก็เลยต้องหั่นแครอทเพิ่มแล้วส่งให้พี่อาร์ทลวกต่อ
แล้วเราก็ลวกของทั้งหมดพอสุก แบบไม่ต้องสุกมากอ่ะ แล้วก็มาถึงขึ้นตอนสำคัญครับ ขั้นตอนการผัดนั่นเอง เราสองคนต่างยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างไม่เคยทำ เราเริ่มจากใส่เนื้อลงไปผัดกับน้ำมันก่อน จากนั้นก็ค่อยเทผักลงไป สงสัยผักที่ลวกคงมีน้ำติดไปน่ะครับ น้ำมันเลยกระเด็นซะยกใหญ่เลยหลบกันแทบไม่ทัน
จากนั้นก็ใส่เส้น ใส่ไข่ แล้วก็ปรุงเครื่องปรุง เราสองคนช่วยกันชิมจนรสชาติเป็นที่น่าพอใจ ก็เลยตักใส่จาน แล้วเราทั้งสองคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน พอเป็นแบบนั้นเราก็ได้แต่หัวเราะครับ
“ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าจะทำได้” แบ๊งค์พูด
“นั่นสิ พี่ขอตั้งชื่อว่า”
“ผัดบะหมี่คู่รัก ลำดับที่ 56 ก็แล้วกัน” พี่อาร์ทพูด
“อ้าว แล้วลำดับที่ 1- 55 ล่ะ” แบ๊งค์ถามไปแบบงง ๆ
“อ๋อไม่มีหรอก เห็นศิลปินเวลาวาดภาพชอบตั้งชื่อแบบนี้แล้วมันเท่ดี”
“ก็เลยทำตามน่ะ” พี่อาร์ทพูด
“ไปนั่งทานที่ไหนดีล่ะ” พี่อาร์ทถามครับ
“นั่งโต๊ะนั่นก็ได้ ป่ะไปกัน” แล้วเราก็ไปนั่งทานที่โต๊ะ ที่คนงานชอบมานั่งทานข้าวกันน่ะครับ พอนั่งทานไปได้ซักพัก ก็ได้ยินเสียงแม่บ้านของพี่อาร์ทบ่นมาแต่ไกล
“ได้ยินเสียงตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ตอนนี้ได้กลิ่นอีก”
“ใครมาทำอะไรทานน่ะ” แม่บ้านบ่นเมื่อเข้ามาถึงครัวครับ แบ๊งค์กับพี่อาร์ท ก็เลยหันไปมองในขณะที่เส้นยังคงคาปากอยู่
“อ้าว!!!น้องแบ๊งค์ คุณอาร์ท มาทำอะไรทานกันคะ” แม่บ้านทักขึ้น
“ผมหิวน่ะครับ เลยมาทำผัดมาม่าทานกับน้องเค้า” พี่อาร์ทพูดครับ
“โอ้ย.....ป้าขอโทษนะคะ ลืมตั้งสำรับไว้ให้ทั้งสองคน” ป้าแม่บ้านรีบขอโทษครับ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แบ๊งค์กับพี่อาร์ททำทานกันเสร็จพอดีเลยครับ” แบ๊งค์บอกไป
“งั้นเดี๋ยวป้าไปล้างกระทะ ล้างจานให้นะคะ” ป้าแม่บ้านอาสาครับ แบ๊งค์กับพี่อาร์ทเลยรียวางจาน แล้ววิ่งไปขวาง
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมกับแบ๊งค์ทำเองครับ” พี่อาร์ทพูดครับ
“นั่นสิครับ แบ๊งค์ทำเอง เดี๋ยวแบ๊งค์ล้างเองได้ครับ”
“ป้าไปพักผ่อนเถอะนะครับ ทำงานมาเหนื่อย ๆ” แบ๊งค์พูด แล้วพี่อาร์ทก็พยักหน้าเห็นด้วย ป้าเค้าก็เลยได้แต่ยิ้ม
“ก็ได้ค่ะ ดื้อจริง ๆ เลยคู่นี้” ป้าพูดแซวเราสองคนครับ
“งั้นป้าไปก่อนนะคะ” แล้วป้าก็เดินไปเรือนเล็กเพื่อพักผ่อนเหมือนเดิมครับ เราสองคนก็เลยมานั่งทานกันต่อ พอทานเสร็จก็เข้าไปช่วยกันล้างอุปกรณ์ต่าง ๆ จะว่าไป ทำกับข้าวทานเองก็สนุกเหมือนกันนะเนี่ย
ขณะที่กำลังคิดเพลิน ๆ พี่อาร์ท ก็เอาน้ำมาสลัดใส่แบ๊งค์ครับ
“พี่อาร์ท!!!!เล่นอะไรเนี่ย” แบ๊งค์โวยครับ แต่ไม่ทันหรอก พี่อาร์ทวิ่งหนีเข้าบ้านไปแล้ว แบ๊งค์เลยวิ่งตาม วันนั้นเราเล่นกันอย่างสนุกสนานเลยครับ คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่อาร์ท และคนงานต่าง ๆ ในบ้าน ก็ได้แต่มองแล้วยิ้ม ไปตาม ๆ กัน