หวัดดีคับ ขอโทดทีคับ เมื่อวานผมหลงไปทู้ของพี่ซัมซิกอ่ะ :serius2:แล้วแบบ
:like6:หาทางออกไม่เจอก็เลย....ไม่น่าเชื่อทำไมผมไม่เคยเข้าไปเลย พลาดอย่างแรง
เอ่อ...คุณพี่เจ๊สองคับ ผมขอแค่บางๆนะคับ
........
*************************
บทที่ 38 กลับสู่กรุงเทพฯ
หลังจากวันที่แบ๊งค์ออกโรงพยาบาลได้ไม่นาน ก็ถึงกำหนดที่เราจะกลับกรุงเทพฯ กันแล้วครับ จะว่าไปเราก็มาอยู่นานเหมือนกันนะครับ เดือนกว่า ๆ เห็นจะได้มั้ง ไหน ๆ ก็จะกลับแล้ว แบ๊งค์ก็เลยชวนพี่โป้งไปซื้อของฝากให้เพื่อน ๆ ทั้งหลาย
แม่แนะนำให้ไปซื้อที่ตลาดวโรรส ( กาดหลวง ) ถ้าจะซื้อเป็นอาหารครับ ส่วนของทั่วไป หรือของตกแต่งบ้าน แบ๊งค์ว่าไปที่ถนนคนเดินดีกว่านะ เมื่อได้ความคิดดังนั้นแล้ว แบ๊งค์กับพี่โป้งก็เลยได้ฤกษ์ ออกไปซื้อของฝากให้เพื่อน ๆ กันครับ โดยวันนี้เราจะไปซื้อของฝาก ประเภทของตกแต่งบ้าน หรือเครื่องประดับกันที่ถนนคนเดินครับ
เราออกจากบ้านในเวลาค่อนข้างเย็น พอไปถึงก็พอดีเลยครับ อากาศไม่ค่อยร้อนมาก คนก็ยังไม่ค่อยหนาตาเท่าไหร่ อย่างนี้สิ ค่อยน่าเดินหน่อย
"ที่นี่มีของขายเยอะเลยนะครับ" พี่โป้งพูดขึ้น
"ครับ มีแต่ของสวย ๆ น่าซื้อเต็มไปหมด" แบ๊งค์เสริม
"แล้วแบ๊งค์จะซื้ออะไรไปฝากพวกเพื่อน ๆ ล่ะครับ" พี่โป้งถาม
"อืม...ลองไปดูที่นี่ก่อนดีกว่านะ แบ๊งค์ว่านะจะถูกใจ" แบ๊งค์ยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ที่ไหนหรอครับ" พี่โป้งทำหน้างง ๆ
"ตามแบ๊งค์มาเหอะน่า" แล้วแบ๊งค์ก็ลากพี่โป้งเดินตาม จนมาถึงบริเวณที่ใกล้ ๆ กับโรงพักกองเมือง ( ชื่อเต็มอะไรไม่รู้ล่ะ จำไม่ได้ ) ซึ่งจะมีร้าน ๆ อยู่ร้านหนึ่งขายเสื้อยืด โดยส่วนมากจะเป็นเสื้อยืดที่สกรีนคำว่า เชียงใหม่ ในตัวหนังสือที่มีลักษณะแตกต่างกันไป
"เป็นไง ร้านนี้นะจะถูกใจนะ" แบ๊งค์พูดกับพี่โป้ง
"อืมครับ มีแต่เสื้อสวย ๆ ทั้งนั้น" พี่โป้งพูด
ดูท่าทางพี่โป้งจะพอใจกับเสื้อของร้านนี้มาก เราก็เลยซื้อมา 3 ตัวสำหรับ พี่ตั้ม แมค และกาว จากนั้นเราก็เดินต่อไปกันเรื่อย ๆ ตอนนี้แบ๊งค์เริ่มหิวแล้วล่ะสิ เดินผ่านร้านของกินมาตั้งเยอะแล้ว แวะซื้ออะไรทานมั่งดีกว่า
"พี่โป้ง แบ๊งค์เริ่มหิวแล้วอ่ะ" แบ๊งค์พูด
"ซื้ออะไรไปทานกันก่อนมั้ยล่ะครับ" พี่โป้งถาม
"อืม...เอาสิ ซื้อ ๆ ไปก่อน เดี๋ยวไปทานที่ลานหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์กัน" แบ๊งค์เสนอความคิดออกไป
"ก็ได้ครับ" พี่โป้งนี่ช่างดีซะเหลือเกิน ไม่เคยขัดใจแบ๊งค์เลย เราก็ซื้อของกินไปตลอดทางครับ มีแต่ของน่าทานทั้งนั้นเลย พี่โป้งไปสดุดกับสิ่ง ๆ หนึ่งครับ ที่นี่เค้าเรียกไข่ป่าม เป็นลักษณะคล้าย ๆ ไข่ตุ๋นน่ะครับ แต่เราเอาไปใส่กระทงใบตองแล้วย่างแทน
"ไม่เคยเห็นล่ะสิ" แบ๊งค์แซวไป
"ครับ รสชาติเหมือนไข่ตุ๋นรึเปล่าครับ" พี่โป้งถาม
"ไม่รู้สิ เกิดมาแบ๊งค์ก็ไม่เคยกิน เคยแต่เห็นเนี่ยแหละ" แบ๊งค์พูดไปตามความจริง
"อ้าว....ซะงั้นอ่ะน้องแบ๊งค์" พี่โป้งทำท่างง ๆ
"ก็จริง ๆ นี่นา แบ๊งค์ไม่เคยทานจริง ๆ นะ" แบ๊งค์บอก
"งั้นเราซื้อไปทานกันนะ" พูดเสร็จพี่โป้งก็ซื้อมาครับ เราก็เดินซื้อไปเรื่อย ๆ เดินวนไปวนมานั่นแหละ เพราะของอร่อย ๆ จะอยู่กระจัดกระจาย ( เหนื่อยว่ะ ) เราเดินจนไปถึงที่หน้าศูนย์โทรศัพท์ดีแทค ที่นั่นจะมียำมะม่วงอยู่หนึ่งเจ้า เป็นที่กล่าวขวัญกันมากว่าอร่อย ( ก็อร่อยจริง ๆ อ่ะ ) คนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
แล้วเราสองคนก็เดินไปเรื่อย ๆ จากที่กะว่าจะไปทานกันที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ก็ยกเลิกไป เพราะเราเดินมาไกลไปหน่อย หุหุ ก็เลยเข้าไปทานในวัดพันอ้นแทน เพราะที่วัดนี้เค้าจะมีที่นั่งจัดไว้ให้
"ในวัดนี้ก็มีของให้ทานเยอะเหมือนกันนะครับ" พี่โป้งพูด
"ออกไปข้างนอก ตรงข้ามเป็นวัดสำเภา ของกินในวัดนั้นก็เยอะเหมือนกันนะ" แบ๊งค์พูด
"เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำก่อนนะครับ" แล้วพี่โป้งก็เดินออกไปซื้อน้ำ แบ๊งค์ก็เลยลองแกะดูว่าซื้ออะไรมามั่ง มีแต่ของกินเต็มไปหมด ทั้งไข่ป่าม ข้าวจี่ ไส้กรอกอิสาน ( มันเกี่ยวอะไรกับเชียงใหม่วะเนี่ย ) เฉาก๊วยโบราณ ยำมะม่วง แล้วพี่โป้งก็เดินกลับมาพร้อมด้วยน้ำสองขวดและ หอยทอดหนึ่งจาน อะไรกันเนี่ย ซื้อมาเต็มไปหมด
"ซื้ออะไรมานักหนาเนี่ย พี่โป้ง" แบ๊งค์ถาม
"ก็ซื้อมาทานกับแบ๊งค์ไงครับ" พี่โป้งพูด
"เดี๋ยวยังต้องเดินอีก ซื้อมาทานมาก ๆ เดี๋ยวก็ท้องอืดหรอก" แบ๊งค์บอก
"อ่ะครับ ทาน ๆ ไปเหอะครับ จะได้โตเร็ว ๆ" พี่โป้งพูดแซว
"อ่ะนะ งั้นมาก็เอามาเลย" แล้วแบ๊งค์ก็ดึงจานหอยทอดมาวางไว้ที่หน้าตัวเอง แล้วเราสองคน ก็นั่งเติมพลังด้วยของที่เพิ่งซื้อมาเนี่ยแหละครับ พอทานอะไรเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ก็ได้เวลาเดินทางไปหาซื้อของฝากให้เพื่อน ๆ ต่อแล้วครับ
แบ๊งค์เดินจนไปเจอกับตะเกียงเซรามิค สำหรับจุดพวกธูปหอมอ่ะครับ ก็เลยซื้อมา คิดว่าจะเอาไปฝากพี่ปอยน่ะครับ ส่วนพี่ตี๋น่ะหรอ อืม....เอาอะไรดีนะ นั่นไง เอาเป็นโคมไปกระดาษสาดีกว่า สวยดีด้วย จากนั้นเราก็เดินดูของต่อเรื่อย ๆ เผื่อว่าจะมีของไปฝากพวกเพื่อน ๆ อีก
แล้วเราก็เดินมาจนเจอกับร้าน ๆ หนึ่ง เป็นร้านที่ขายพวกสร้อยข้อมือ กับสร้อยข้อเท้า โดยสร้อยพวกนี้จะเป็นเชือกถัก ๆ แล้วเอากระดิ่งหรือกระพรวนเล็ก ๆ มาห้อยไว้ คล้ายกับ....ของที่แบ๊งค์ซื้อให้พี่อาร์ทที่สะพานพุทธ แบ๊งค์หยิบมันขึ้นมาดู เห็นแล้วก็นึกถึงวันคืนเก่า ๆ นะครับ
แบ๊งค์เลยซื้อไปอีกสองเส้น พี่โป้งคงสังเกตได้ ว่าสร้อยพวกนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับแบ๊งค์แน่ ๆ แต่พี่เค้าก็ยังไม่ถามอะไรครับ
แบ๊งค์ยังคงปล่อยให้พี่โป้งสงสัยไปเรื่อย ๆ แล้วเราก็เดินต่อจนไปถึงร้านพวงกุญแจ
"น้องแบ๊งค์ดูนี่สิครับ น่ารักดีจัง" พี่โป้งชี้ชวนแบ๊งค์ดู
"อ...อ่ะครับ" แบ๊งค์เดินเข้าไปแบบอึ้ง ๆ เพราะพวงกุญแจร้านนี้จะเป็น ตุ๊กตาเชื่อที่ถัก ๆ พันกันจากแกนจนออกมาเป็นรูปร่าง มันเป็นสิ่งที่แบ๊งค์เอาไปร้อยกับกุญแจรถของพี่อาร์ท แบ๊งค์ค่อย ๆ หยิบมันขึ้นมาดู ทีละตัว ทีละตัว
"แบ๊งค์...... " พี่โป้งเรียกแบ๊งค์อย่างแผ่วเบา
"ค...ครับ" แบ๊งค์สะดุ้ง ก่อนจะหันไปหาพี่โป้ง
"มีอะไรหรอครับ" แบ๊งค์ถาม
"สร้อยข้อมือร้านเมื่อกี้ กับพวงกุญแจตุ๊กตาที่ร้านนี้"
"มันเกี่ยวข้องอะไรกับอาร์ทใช่มั้ยครับ" พี่โป้งถามมา มะนทำให้แบ๊งค์อึ้งเล็กน้อย
"ครับ..... " แบ๊งค์ตอบออกไป พอตอบไป พี่โป้งก็ยืนขึ้น แบ๊งค์เลยยืนขึ้นตามบ้าง
"เราไปหาของฝากให้อาร์ทบ้างดีกว่านะ" พี่โป้งพูดแล้วยิ้ม ๆ
"แบ๊งค์....ข..ขอ" ยังไม่ทันที่แบ๊งค์จะได้พูด พี่โป้งก็จูงมือแบ๊งค์เดินตามไปเรื่อย ๆ แบ๊งค์สังเกตที่ดวงตาของพี่โป้ง ตอนนี้เหมือนมันจะเริ่มมีน้ำใส ๆ ปริ่ม ๆ อยู่ที่ขอบตาแล้ว
"เอาอะไรดีล่ะ แบ๊งค์ว่าอาร์ทมันจะชอบอะไร"
"เอาของร้านนันดีมั้ย หรือจะเป็นของร้านนี้ดี" พี่โป้งพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
"........................" แบ๊งค์ไม่ตอบอะไร แต่ตอนนี้แบ๊งค์เริ่มที่จะร้องไห้แล้ว แบ๊งค์เลยสะบัดมือพี่โป้งออก แล้วเดินกลับไปที่รถ อย่างไม่สนใจอะไร แบ๊งค์นั่งร้องไห้ที่ข้าง ๆ รถ มีคนมองมาเยอะเหมือนกันนะครับ แต่แบ๊งค์ไม่สนอะไรแล้ว
ซักพักก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมายืนข้าง ๆ พอแบ๊งค์แหงนหน้ามอง ไม่ใช่ใครหรอกครับ พี่โป้งนั่นเอง
"พี่ขอโทษครับ" พี่โป้งพูดออกมาสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แบ๊งค์
"......................." แบ๊งค์ก็ยังคงไม่พูดอะไร
"พี่ขอโทษ พี่เพียงแค่อิจฉาไอ้อาร์ทก็เท่านั้น"
"อิจฉา....ที่มันมีคนที่รักมันมากขนาดนี้ อิจฉาที่มันได้หัวใจแบ๊งค์ไปครอง ซึ่งไม่ว่าพี่จะทำดีกับแบ๊งค์อย่างไร พี่ก็คงไม่มีวัน....ไม่มีวันที่จะได้เป็นแบบมัน" พี่โป้งเริ่มร้องไห้ออกมา
"พอเถอะพี่โป้ง.......ถือว่าแบ๊งค์ขอร้อง" แบ๊งค์พูด
"มันจบแล้ว ทุกอย่างมันจบไปนานแล้ว!!!! " แบ๊งค์ตะคอกออกมา
"พี่ผิ...... " พี่โป้งกำลังจะพูด แต่แบ๊งค์สวนขึ้นมาก่อน
"ไม่มีใครผิดหรอก แบ๊งค์เนี่ยแหละที่ผิดเอง"
"ผิดที่เกิดมาอ่อนแอ ผิดที่เอาแต่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีสันที่เค้าจะกลับมาอีกต่อไปแล้ว" แบ๊งค์ร้องไห้ไม่หยุด แล้วพี่โป้งก็ดึงแบ๊งค์เข้าไปกอดไว้
"ไม่หรอก แบ๊งค์ไม่ได้อ่อนแอ พี่ไม่โทษอะไรแบ๊งค์ทั้งนั้นนะ"
"ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว เราก็อย่าไปสนใจมันเลย" พี่โป้งกอดแบ๊งค์แล้วพูด
"เรากลับบ้านกันดีกว่านะ ได้ของครบแล้วนี่" พี่โป้งพูด แบ๊งค์ก็ได้แต่พยักหน้ารับคำ
เรากลับมาถึงบ้านค่อนข้างดึก แม่กับโอโต้ซังหลับไปหมดแล้ว ดีแล้วล่ะ ขืนมาเห็นรอยน้ำตาแบ๊งค์ จะได้แย่ไปกว่านี้อ่ะสิ พอไปถึงแบ๊งค์ก็รีบอาบน้ำแล้วเข้านอนเลยไม่พูดอะไรกับพี่โป้งอีกจนกระทั่งถึงตอนเช้า ที่พี่โป้งมาปลุก
"แบ๊งค์ แบ๊งค์" พี่โป้งเขย่าตัวแบ๊งค์ครับ
"อะไรหรอ..... " แบ๊งค์ตื่นมาอย่างงัวเงีย
"ไปซื้อของกินไปฝากเพื่อน ๆ กันได้แล้ว" พี่โป้งพูด
"เออ...ใช่ แบ๊งค์ยังเก็บกระเป๋าไม่เสร็จด้วย" พูดเสร็จ แบ๊งค์ก็กระโดดลงจากที่นอน แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที พอออกมาก็เจอพี่โป้งกำลังจัดกระเป๋าของแบ๊งค์อยู่
"ทำอะไรน่ะ" แบ๊งค์ถามไป พี่โป้งสะดุ้งเล็กน้อย
"ก็จะช่วยน้องแบ๊งค์จัดกระเป๋าไงครับ" พี่โป้งอธิบาย
"ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ แบ๊งค์ก็เหลืออะไรไม่มาก เดี๋ยวก็เสร็จแล้วครับ" แบ๊งค์พูด
"ครับ ๆ เอางั้นก็ได้" แล้วพี่โป้งก็เดินออกนอกห้องไป คงลงไปรอแบ๊งค์ข้างล่างล่ะมั้ง แบ๊งค์เลยจัดกระเป๋าต่อให้เสร็จ แล้วลงไป
"มาแล้วหรอลูก ปล่อยให้พี่เค้ารออยู่ตั้งนาน" แม่บ่นมาอันดับแรกเลย
"ก็จัดกระเป๋าอยู่อ่ะ ป่ะไปกันเหอะ" แบ๊งค์เรียกพี่โป้ง
"ครับ ไปก็ไป" พี่โป้งก็เลยขอกุญแจรถจากแม่แบ๊งค์ แล้วไปทำหน้าที่สารถี ขับรถให้แบ๊งค์ตามเดิม ขับไปได้ไม่นานหรอกครับ เราก็ถึงที่หมาย ตลาดวโรรส หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า กาดหลวงนั่นเอง คนจ๊อกแจ๊ก จอแจ ทุกวันเลย ถ้าเปรียบเทียบก็คงคล้าย ๆ สำเพ็งนั่นแหละ เพียงแค่ว่าที่นี่ ถ้าเข้าไปในตัวตลาดจริง ๆ จะมีของฝากขายอยู่ด้วยก็เท่านั้น
"คนเยอะจังนะครับ" พี่โป้งพูด
"ก็เป็นแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ บางวันเยอะกว่านี้อีก อุ้ย...ขอโทษครับ" ยังไม่ทันจะขาดคำ แบ๊งค์ก็เดินชนซะแล้ว ที่นี่คนเยอะแบบนี้แหละครับ เยอะทุกวัน ไม่รู้มาจากไหนกันนักกันหนา และแล้วในที่สุดเราก็หลุดมาถึงในตลาดซะที
"เฮ้อ~~~~ นึกว่าจะมาไม่ถึงซะแล้ว คนเยอะจริง ๆ" แบ๊งค์พูด
"นั่นสิครับ คนเยอะจริง ๆ ด้วย แล้วเราจะซื้ออะไรหรอครับ" พี่โป้งถาม
"ไปซื้อนี่ก่อนดีกว่า" แล้วแบ๊งค์ก็ดึงพี่โป้งไปที่ร้านขายกาละแม แบ๊งค์ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ากาละแมมันเกี่ยวอะไรกับเชียงใหม่ รู้แค่ว่ามันอร่อย และคนก็มาซื้อเยอะมาก ๆ กาละแมที่นี่จะทำเป็นรูป สามเหลี่ยมเล็ก ๆ มีหลายรส หลายกลิ่น
จากนั้นเราก็เดินวน ๆ กันไปต่อ จนไปเจอกับแคบหมูไร้มัน ของดีของขึ้นชื่อเมืองเชียงใหม่ ( รึเปล่าวะ ) นอกจากร้านนี้จะมีแคบหมูไร้มันแล้วยังขายน้ำพริกตาแดง กับน้ำพริกหนุ่มอีกด้วย เราก็เลยซื้อไปตามระเบียบ หุหุ
พอเราซื้อของเสร็จ ก็กลับบ้านเลยครับ ร้อนมาก ๆ พอไปถึงก็ไปจัดแจงของให้เรียบร้อยเข้าที่อีกทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากบ้าน เพื่อไปยังสนามบิน ( ขากลับได้เงินจากแม่ เลยกลับเครื่องบิน หุหุ ) แม่เป็นคนขับรถไปส่งแบ๊งค์กับพี่โป้งครับ รู้สึกใจหายเหมือนกัน จะต้องจากแม่ไปอีกแล้ว ดูท่าทางแม่ก็เศร้า ๆ เหมือนกันครับ เพื่อไม่ให้บรรยกาศเศร้าไปกว่านี้ แบ๊งค์ก็เลยรีบลาแล้วเข้าห้องพักผู้โดยสารไป ต้องไปสู้ชิวิตคนเดียวอีกแล้วสินะ
.
.
.
แล้วเราก็มาถึงสุวรรณภูมิแล้วครับ ในขณะที่แบ๊งค์กำลังจะไปเรียกรถแท็กซี่ พี่โป้งก็รีบคว้าแขนแบ๊งค์ไว้ บอกว่าโทรไปบอกที่บ้านแล้ว เดี๋ยวจะมีคนขับรถมารับ ( คุณหนูว่ะ ) แบ๊งค์กับพี่โป้งก็เลยรอรถ ไม่นานรถจากบ้านพี่โป้งก็มาถึง
พี่โป้งไปส่งแบ๊งค์ที่คอนโด ตอนแรกพี่จะขึ้นไปส่งที่ห้อง แต่แบ๊งค์ห้ามเอาไว้ก่อน แบ๊งค์เลยต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปอย่างทุลักทุเล ( รู้งี้บอกให้มาช่วยขนกระเป๋าก่อนก็ดีว่ะ ) ห้องยังคงสภาพเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีกสองอาทิตย์มั้ง กว่าพี่นุ่นจะกลับมา ช่วงนี้แบ๊งค์ก็คงต้องอยู่คนเดียวไปก่อน พอแบ๊งค์เก็บข้าวของ และโทรศัพท์ไปหาเพื่อน ๆ เสร็จแล้วก็เผลอหลับไปเลย เหนื่อยจริง ๆ วันนี้
************************