ต้องขออภัยนะคะ ช่วงนี้คนโพส มีภารกิจฟิชโช่
เลยไม่ได้เข้าเล้าเท่าไหร่
แล้วอีกเรื่องคือ สต๊อกที่มีทันจะหมด
คนเขียนทราบแล้วเปลี่ยน ส่งต้นฉบับมาอีก ด่วน!!!
=================================================
ตอนที่ 13ไม่เห็นต้อง sad อะไร อะไรมากมาย
ไม่กลัวอยู่แล้ว ยังไง ยังไง ไม่ตาย
ตะโกนคำนี้ไปเลย ให้ดังๆ.. It’s alright..
ไม่ใช่ครับ เสียงนี้ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ท่านเมฆแน่ๆ แต่ว่าน่ารักดี (คนร้อง )
มันเป็นเสียงตามสาย ในคณะผมนี่แหละครับ เพราะโทรศัพท์หนะ ตั้งสั่นไว้
“สวัสดีครับ สยมภูรับสาย” ไม่รู้ใครสุภาพไว้ก่อนครับ เผื่อสาวหลงมา
“ใจร้าย โทรไปไม่เคยรับเลยนะ” โดนต่อว่ายามเช้าซะงั้น ว่าแต่ ใครวะ
“ใครครับเนี่ย” วันนี้พี่เมฆอารมณ์ดี นานๆมีทีนะเนี่ย
“ว่าแล้วว่าไม่ได้เมมไว้ แล้วก็จริงอย่างที่คิดด้วย” หือ....ว่ากันตอนไหนวะ
“เราเคยเจอกันหรือครับ”
“เคยสิ คุยกันด้วยนะ ทำไมถึงลืมกันง่ายๆหละ พี่ยังจำนายได้ตลอด” ออกแนวตัดพ้อด้วย ท่านเมฆเคยไปเหยียบตาปลาใครไว้วะ
“พี่เต้เอง เจอกันที่โรงหนัง จำได้มั้ย อยู่ไหนครับเนี่ย” รัวขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกกระสุน ไอ้เมฆตายไปนานแล้วครับ
“อ๋อ จำได้แล้วครับพี่เต้ อยู่คณะ ที่มหาลัยครับพี่ “ จริงๆแล้วแอบรื้อความจำอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน
“ดีเลยๆ เดี๋ยวพี่ไปรับ กินข้าวเที่ยงกันหน่อยนะ โทษฐานที่ไม่รับโทรศัพท์พี่” อ้าว จะปฎิเสธยังงัย ไหนเมื่อพูดเหมือนกูผิดเลย
“ครับพี่เต้ ว่าแต่ พี่รู้เหรอว่าผมอยู่ มหาลัยไหน คณะ อะไร “ ถึงพี่เมฆจะใจง่าย แต่ก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจกันหน่อย
“รู้สิ คนที่น่าสนใจ พี่ก็ต้องสนใจหารายละเอียดของเค้าสิ “ หือ....ถ้าเป็นผู้หญิง คิดว่าโดนจีบอย่นะเนี่ย
“ครับ ครับ เมฆ รออยู่ที่คณะแล้วกันครับ “
สงสัยมากครับ ว่าพี่เต้ รู้จักมหาลัยและคณะที่ผมเรียนได้ยังงัย เพราะเราไม่ได้คุยกันระเอียดเจาะลึกในดีเทลขนาดนี้
แล้วอีกอย่าง วันนั้นให้เบอร์ไปตามมารยาท ไม่คิดว่าเค้าจะสานต่ออะไร แล้วพี่เค้าคุยกับผมเหมือนสนิทกันมาสักสามชาติได้ เอาเถอะครับ ไม่อยากจะสงสัยอะไรมากไปกว่าตอนนี้ และตอนนี้ ผมต้องโทรรายงานผู้ปกครองก่อน เดี๊ยวมันจัดเทศนาชุดใหญ่ โทษฐานที่ผมใจง่ายอีก
“ฉะ ฉะ ฉานแสงงงงง คร๊าบบบบบ” ปัญญาอ่อนใส่มันวันละนิด จิตแจ่มใส
“เรียกใหม่ว่า ผัวจ๋า เดี๊ยวนี้” พ่อมึงสิ ปัญญาอ่อนกว่ากูอีก
“ มึงอยู่ไหนอ่ะ “ เข้าเรื่อง ดีกว่า ดูท่าจะไม่ชนะมัน
“คงไม่ได้นั่งอยู่กลางใจมึงหรอก ไม่งั้นมึงคงไม่ใจร้ายกับกูขนาดนี้” มันเริ่มเชี่ย ใส่ผมแล้วมั้ย จะอารมณ์ดีอะไรนักหนา
เดี๊ยวกูชวนทะเลาะ ประเดิมที่เราเพิ่งหายงอนกันซะนี่ ไอ้นี่ขี้งอนยังกะผู้หญิง
“ ฉาน มึงพอก่อน กูจะบอกว่า กูมีนัดกินข้าวกะพี่เต้ นะ เดี๊ยวหาว่ากูไม่บอกอีก “
“เต้ไหน ทำไมกูไม่คุ้นวะ” แล้วมึงต้องคุ้นกะคนรู้จักกูทุกคนเลยปะเนี่ย
“พี่เต้ คนที่เจอโรงหนังวันนั้นไง วันที่ไปส่งน้องฟางของมึงอ่ะ” ขอประชดมันสักนิด หมั่นไส้
“ อ๋อ เชี่ยนี่ เป็นไรมากมั้ย อยู่ไกลกันสามโลก แถกมารับเมียกูเนี่ย กูไปด้วย” โธ่ มึงอยากกินฟรีอะดิ๊ แล้วไปด่าเค้า
“ เฮ้ย กูไม่ได้บอกนะว่าจะเอาเพื่อนไปด้วย ไม่น่าเกลียดเหรอวะ เค้าคงแค่ผ่านมาหนะ “ ท่านเมฆ แม่นิ่มสอนมาดีนะครับ เรื่องเกรงใจคน ท่านเมฆมีเต็มเปี่ยม
“ ผ่านบ้านป้ามึงสิ ไกลขนาดนี้ ส่วนของกู กูจ่ายเองได้ แต่กูต้องไปด้วย จะไปเฝ้าเมีย มีไรมั้ย ถ้าเรื่องมาก มึงก็ไม่ต้องไป”ไปก็ไปดิว๊า กูจะว่าไรได้ครับพ่อ
“เค้าว่าจะมารับที่คณะ กูรออยู่ที่เดค มึงรีบมานะ “ ขอสั่งบ้างสักนิดปิดท้ายเหอะ
ป๊าบบบบบบบบบบบ! เสียงวัตถุบางกระทบหัวพี่เมฆ ครับ เจ็บแบบชินๆยังงัยไม่รู้
“ อ้าว เฮ้ย มึงมาตอนไหนเนี่ย ซุ่มอยู่ใช่มั้ยมึง “ ไอ้ฉานครับ มันซุ่มมาตอนไหนไม่รู้ หันไป ตกใจหมดเลย
“ก็มึงบอกให้รีบมา เป็นงัยจ๊ะเมียจ๋า เร็วทันใจดีมั้ย” ทันใจดีมาก ทันใจจนกูตกใจ ห่า ถ้าหน้าตาไม่ดี กูนึกว่าผีมาหลอกเทวดา
“ แรด จริงๆ เมียกู อยู่ๆ มีผู้ชายมารับถึงบ้าน ไหนๆ พี่ฉานดูสิ นอ ออกมาแค่ไหนแล้ว “ ใครก็ได้เอาไอ้ปากจัดนี่ไปเก็บที มันปากแบบนี้กะผมคนเดียวแหละครับ กับคนอื่นมันสุภาพดีอยู่ แต่ตอนนี้ มันพยายามจับหัวผมไปใกล้มันอ่ะ เหมือนชิมแปนซี จ้องหาเห็บยังงัยยังงั้นเลย
“ ฉานมึงอย่าพูดแบบนี้สิ กูขนลุกนะเนี่ย กูผู้ชาย แล้วก็แมนขนาดนี้ แค่เป็นเมียมึง เนี่ย กูก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ผู้หญิงไม่เข้าหา ทั้งๆ ที่กูหน้าตาดี “ แย่ ครับ แย่ ผู้หญิงที่คนที่ผ่านเข้ามา เสร็จไอ้ฉานหมดเลย พี่เมฆ ไม่ดีตรงหนายยยยยยย
“ ปวดหัวทำไม มึงไม่รู้อะไร ใคร ๆ ก็อยากเป็นเมียกูทั้งนั้นแหละ แต่มึงเนี่ย กูเต็มใจ” ไอ้นี่ก็บ้า ตอนเด็กๆ มันก็หวงผมแบบนี้นะ แต่ตอนนี้ มันเยอะกว่าเมื่อก่อน แต่ก่อน มันแค่หวงผมไม่ให้ไปสนิทกะใครมากกว่ามัน ต้องเป็น “พวกมัน” คนเดียว แต่พอผมไปเล่นกับคนอื่น มันก็ไม่ว่าอะไร มากไปกว่า แค่บ่นนิดหน่อย แต่ตอนนี้ มันเริ่มเฝ้าผมแล้วด้วย
“ อ้าวๆ มึงสองตัว ฟัดกันที่บ้านไม่พอ หรือ งัย มาต่อภาคสองอะไรกันตรงนี้ เสียลูกกะตาชะมัด” โห เพื่อนหน่า มาได้เวลาพอดี แต่เพื่อนปากแบบนี้ ไม่ต้องมาจะดีกว่านะ
“ หน่าๆ มึงดูเพื่อนมึงนะ เอาใหญ่แล้วเดี๋ยวนี้ มีคนมารับกินข้าวถึงคณะ “ อะ อะ มึงฟ้องเข้าไปไอ้ฉาน มึงจะรอให้ครบก่อนมั้ย แล้วให้พวกมันรุมกูทีเดียว
“ ชัดช้า เดี๊ยวนี้ โตเป็นสาว ตัวผู้หรือตัวเมียละมึง แบบนี้ พ่อมึงก็เหนื่อยแย่สิ ต้องกำจัด เห็บไรที่ตั้งใจมาดูดมึงเนี่ย” โฮยย
อะไรกันนักหนาเนี่ย ปกติ ไอ้หน่ามันจะกัดไอ้ฉานไม่ใช่เหรอ วันนี้ทำไมมากัดผมได้
“ กำจัดทำไม เค้าเป็นผู้ชาย เดี๋ยวเค้ามาที่นี่ มึงก็เห็น มึงสนใจป่ะหละ กูติดต่อให้” ถ้ามันบอกว่าเอา นี่ พี่เมฆกลุ้มใจเลยนะครับ สงสารพี่เต้ ไอ้หน่ามันก็หน้าตาดี แต่ที่ไม่ดี คือมันห้าว และก๋ากั่น อย่างที่เห็นนี่แหละครับ
“ยิ่งผู้ชายนี่แหละ ยิ่งตัวดี จริงมั้ย ไอ้พี่ฉาน” แล้วมันก็หันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้ไอ้ฉาน เออ มึงไปกัดกะไอ้บ้านั่นมั่งเหอะ กูปวดหัว
“ อืม มึงว่า กูจ้างยามเฝ้าเมียกูดีมั้ยวะหน่า เดี๊ยวท้องไม่มีพ่อขึ้นมา กูขี้เกียจให้เป็นปัญหาสังคมหวะ” แล้วมันสองตัวก็หัวเราะครับ ปล่อยให้พี่เมฆคนนี้นั่งน้ำตาตกในไปคนเดียว
“ กูผู้ชาย พวกมึงเข้าใจมั้ย ถ้ายัดเยียดให้กูเป็นเกย์เมื่อไหร่ กูจะอยู่บน อย่างเดียว เข้าใจป่ะ เป็นเมียพี่เมฆ ไม่ต้องทำอะไร
ร้องครางเพราะๆ ให้พี่เมฆชื่นใจก็พอ”
“ถุย ไอ้เมฆ มึงก็กล้าพูด ข่าวว่าวันนั้น กับสาวไซด์ มึ่งก็นั่งจ้องตา แล้วคิดว่านั่นคือเซ็กส์อันร้อนแรงไม่ใช่เหรอ “ ใช่ที่ไหน ถ้าไอ้ฉานไม่มา ก็กะว่าจะคลุกวงในแหละเว้ย แต่เก็บไว้ดีกว่าครับ สุภาพบุรุษ ไม่ควร พูดเรื่องอย่างว่าต่อหน้าสตรีเพศ
ผมว่าผมเองชาติที่แล้วคงทำบุญไว้บ้างเหมือนกัน
เพราะหันไปเห็นพี่เต้ ระฆังช่วยชีวิตไม่ให้ท่านเมฆเป็นเก้ง เดินเข้ามาพอดี พี่เต้มาถูกจริงๆด้วยครับ มาถูกมหาลัย และถูกคณะด้วย
ไม่รู้พี่เต้เก่ง หรือท่านเมฆคนนี้ ไม่มีอะไรที่สืบยากนะครับ
แต่จะยังงัยก็เถอะ ถือว่าพี่เต้มีความดีความชอบ ที่หยุดปากไอ้หน่าได้ ไม่งั้นท่านเมฆคนนี้จะต้องเป็นตัวอะไรอีกสักอย่างสองอย่าง ที่ไอ้หน่ามันสรรหามายัดเยียดให้ได้แหละครับ
“สัวสดีครับพี่เต้ มาถูกจริงๆ ด้วย ผมนับถือเลยนะเนี่ย” พี่เมฆนั้นทุกคนล้วนออกจากใจครับ
“ สวัสดีครับ สวัสดีครับทุกคน “ หน้าตาไม่ถึงกับดี แต่บุคลิคและมารยาทดีได้ถ้วยครับ
“พี่เต้ครับ นี่ฉาน กับหน่า เพื่อนผมครับ พวกมึง นี่พี่เต้ “ รวมท่านเมฆเข้าสู่สุภาพบุรุษมารยาทงามไปอีกคนนะครับ
“งั้นเชิญทุกคนด้วยเลยนะครับ ผมกับเมฆจะไปทานข้าวเที่ยงกัน” นี่ถ้าพี่เต้เป็นผู้หญิง พี่เมฆจะรีบติดป้าย”จอง” เลยครับ
“ปกติ ผมก็ต้องไปด้วยอยู่แล้วครับ เราต้องใช้รถคันเดียวกัน” รู้สึกหมั่นไส้ไอ้คนตอบ แต่รู้สึกดีนิดหน่อยที่มันใช้คำว่า “เรา” ให้อภัยมัน ก็ได้ ชิส์
“ไปรถพี่เต้ก็ได้นะครับ ประหยัดทานเสร็จแล้วพี่เต้กลับมาส่ง “ ทำงัยดี น้องพลับอยากได้ทั้งสองคน
“ เอางั้นก็ได้ หน่า มึงไปนั่งหน้าปะ กูกะไอ้เมฆ นั่งหลัง” ผมเริ่มร็สึกว่ามีลางสังหรณ์อะไรในใจอะไรบางอย่างว่าไอ้ฉานมันตีรวนพี่เต้อยู่หรือเปล่า
ตามมารยาท ผมต้องนั่งหน้า เนื่องจากรู้จักพี่เต้ นี่ไอ้ฉานมันยัดเยียด ไอ้หน่าไปนั่งแทนแบบนี้ ทางที่ดีประสบการณ์สอนพี่เมฆไว้ว่า ต่อไปนี้ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว ว่าง่ายต่อผู้กำกับแห่งชาติซะแล้ว
ตลอดทางพี่เต้ชวนพวกเราคุยตลอดครับ พี่เต้เป็นคนอัธยาศัยดีทีเดียว เราคุยกันเหมือนสนิทกันมานาน ขนาดไอ้หน่า ยังไหลคุยเนียนไปกับพี่เต้ซะงั้น
แต่มีอยู่คนนึงครับ ที่มันนั่งเงียบมาตลอดทาง แล้วมันก็หันมาบอกผมว่ามันง่วง แล้วก็หลับซบไหล่ผมไปเลย ไอ้ห่าเอ้ย
หนักชิบหาย แถมยังทิ้งน้ำหนักลงมาแบบไม่เกรงใจคนรับภาระในครั้งนี้เลย แถมมันรู้งานมันตื่นตอนที่พี่เต้ขับรถมาจอดที่หน้าร้านพอดี
แต่ ตอนที่ไอ้ฉานมันซบไหล่ผมหลับมาตลอดทางนั้น ทำไมผมเห็นพี่เต้ เหลือบมองมาทางกระจกหลังบ่อยๆ หรือว่า พี่เต้จะคิดว่าผมกับไอ้ฉานเป็นคู่เกย์จริงๆ อย่างที่ใครเค้าแซวกัน
ก็แล้วทำไมท่านเมฆคนนี้จะต้องแคร์
ไม่รู้สิครับ ความรู้สึกของผมในตอนนี้ พี่เต้ยังเป็นคนนอก ผมกับเค้าเรารู้จักกันแบบผิวเผินมาก ถ้าเค้าเข้าใจผิดคิดว่าผมกับไอ้ฉานเป็นอะไรกัน ก็คงรู้สึกเซ็งนิดๆ ที่พี่เต้ก็มองผมตามสายตาคนภายนอก ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ที่เค้าแซวกัน
สำหรับพวกเพื่อนๆ ในคณะผมหรือคณะไอ้ฉาน หรือคนในมหาลัย ผมเฉยๆมาก เพราะผมรู้ว่า พวกเค้าแค่แซวเล่นเท่านั้น
แต่
ถ้าถามว่า แล้วถ้าผมต้องเป็นคู่เกย์กับไอ้ฉานจริงๆ ผมจะรู้สึกอะไรมั้ย
ผมตอบไม่ถูกครับ
เพราะทุกวันนี้ ผมกับไอ้ฉาน ความรู้สึกมันเหมือนคู่ชีวิตไปแล้วนะครับ
เราอยู่บ้านติดกัน
มันยัดเยียดผมเป็นเพื่อนเล่น
เราเรียนโรงเรียนเดียวกัน ถึงจะคนละห้อง
แต่ทุกครั้งเราก็กลับบ้านพร้อมกัน
ชีวิตผมกับมัน ก็เหมือนปาท่องโก๋
ผมสุข มันก็สุขด้วยเสมอ
ผมทุกข์ มันยังเคยนั่งร้องไห้เป็นเพื่อนผมบ่อยๆ
เวลาไม่สบายก็ได้มันนี่แหละคอยดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ ถ้าไม่นับแม่นิ่ม
แม้แต่เวลาเรียน เวลาสอบ มันก็ยังต้องนั่งจ้ำจี้จำไช ให้ผมผ่านมาได้เสมอ
ถ้าถามว่า หากวันนึง เราต้องแยกจากกัน
ผมเองก็ไม่รู้ว่า “ผมจะใช้ชีวิตอย่างไรถ้าไม่มีมัน”
เราห่วงกันและกัน อันนี้ผมรู้ เพราะผมก็ห่วงมัน ไม่น้อยกว่าที่มันห่วงผมหรอก
ต่างกันตรงที่ มันแสดงออกตลอดเวลา แต่ผมไม่ได้แสดงมันออกมาก็แค่นั้น
แล้วถ้าถามอีกว่า ผมรักมันมั้ย
ผมก็กล้าพูดได้เลยว่า “ผมรักมันมาก”
แต่อย่าถามว่าผม “รัก” มันแบบไหน
จำได้ว่าเคยบอกไปแล้วว่า “ไม่รู้”
แต่ถ้าอะไรที่ผมกับมันแสดงออกมา
กลั่นกรองด้วยชั้นที่ละเอียดที่สุดออกมาแล้วได้ว่า
“ผมกับมันรักกันแบบคู่เกย์”
ไอ้เมฆคนนี้ มันก็พร้อมที่จะยืดอกบอกกับทุกคนว่า “เออ กูเป็นเกย์ “
วันนั้นในร้านอาหาร ไอ้ฉานมันก็ผูกขาดตัวผมเอาไว้กับมัน มันคุยกับผม มันคุยกับไอ้หน่า
แต่ว่ากับพี่เต้ ถ้าไม่จี้ถามมันจริงๆ มันก็ไม่คุย แถมบางที มันยังเสนอหน้าตัดบททำลายบรรยากาศ ระหว่างการคุยของผมกับพี่เต้อีกต่างหาก อย่างเช่นตอนนี้
“น้องเมฆ มาเรียนไกลขนาดนี้ ปกติกลับบ้านยังงัยเหรอครับ”
“ก็กลับกับฉานครับ พอดีผมกับมันอยู่บ้านติดกัน เลยกลับด้วยกันอะครับ” แต่ไม่ได้บอกนะว่าผมกับไอ้ฉานเป็นเจ้าของรถร่วมกันด้วย เดี๋ยวพี่เต้ จะอึ้งไปกว่านี้
“แต่น้องเมฆกับน้องฉาน อยู่คนละคณะกันไม่ใช่เหรอครับ ก็ต้องมีบ้างที่ว่างไม่ตรงกันใช่มั้ย”
“ครับ ก็ถ้าสัปดาห์ไหน ที่ใครคนใดคนนึงไม่ว่าง ก็ไม่กลับอะครับ” เพราะอีกคนจะต้องอยู่ช่วยกันปั่นงานนรกส่งอาจารย์ให้กัน อันนี้ผมก็ไม่ได้บอก 555
“เอาแบบนี้มั้ยครับ วันไหนที่น้องฉานไม่ว่างกลับบ้าน พี่มารับน้องเมฆก็ได้นะ พี่เต้ปี 4 แล้ว นอกจากปริญญานิพนธ์ แล้วก็ไม่มีอะไร”
“ไม่ดีมั้งค่ะพี่ ไอ้นี่พ่อมันหวงจะตาย ทั้งๆที่ไอ้นี่หน้าตาดี แต่สันดานแย่ แต่พ่อมันหวงยังกะจงอาง” ไอ้หน่า เสนอหน้าแบบข้าวแทบสำลักออกทางจมูก ถึงมันไม่เสนอหน้า ผมก็จะปฎิเสธ พี่เต้อยู่แล้ว ก็พี่เมฆหนะ นิสัยดีขี้เกรงใจ
มีแค่เพื่อนกับไอ้ฉานเท่านั้นและที่พี่เมฆอาศัยความหน้าด้าน ไม่มีคำว่าเกรงใจ ในกฎกติกาของพี่เมฆระหว่างเพื่อนและไอ้ฉานอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ พี่เต้จะได้รู้จักกับที่บ้านของน้องเมฆด้วยไง คุณพ่อชอบต้นไม้มั้ย” ชอบครับ มัน เอ้ย คุณพ่อชอบต้นไม้มาก แต่หันไปสบสายตาแล้วคาดว่า อย่าดีกว่า
“พี่ก็ถามพ่อมันสิคะ พ่อมันนั่งอยู่ข้าง คอยจ้องจะงับหัวมันอยู่นั่นอะค่ะ” ดูพี่เต้งงกับไอ้หน่ามากครับ สงสารพี่เต้เหมือนกันที่เหมือนหลุดออกมาอีกโลกนึง ซึ่งไม่รู้เค้าคุยอะไรกัน ที่สำคัญ ดันรู้กันแค่ในกลุ่ม
“ขอบคุณพี่มากนะครับ ที่มีน้ำใจกับเมฆมัน แต่เรื่องนี้มันหน้าที่ผม คนของผม ผมคิดว่าผมดูแลได้นะ” ไอ้ฉานมันตอบฉะฉานสมชื่อมันแหละครับ ที่สำคัญ มันพูดแบบตาจ้องตา สบเป็นสบ ไม่มีหลบอีกต่างหาก
==========================
แล้วเจอกันตอนต่อไปนะคะ คนโพสรักทุกคนที่เม้นท์