มาแล้วจ้าขอโทษที่ให้คอยนาน
เรื่องราวหลังเสร็จกิจ
======================================
ตอนที่ 17เมื่อเสร็จสิ้นจากศึกสงคราม สิ่งที่ตามมาคือร่องรอยของความเสียหาย และความเงียบสงบแห่งสนามรบนั้น
เหมือนตอนนี้ที่ห้องทั้งห้อง มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่ของมันตามปกติ
แต่ที่ไม่ปกติ คือ ไอ้คนที่มันนอนอยู่ข้างๆ แขนข้างนึงเป็นหมอนอย่างดีให้ผมหนุน
แต่แขนอีกข้าง กับก่ายเกยอยู่บนหน้าผากของมันเอง
มีเสียงประกอบฉาก
เป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่เคล้าคลอเสียงแอร์ไปตลอดเวลา
นั่นทำให้ อารมณ์ของผมเริ่มจะครุกกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านเมฆเป็นคนที่ทนทุกอย่างได้ แต่ ไม่นาน
เมื่อผมอยากรู้ นั่นคือผมต้องรู้ เรียกว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองก็คงจะไม่ถูกนัก
เพราะเรื่องที่ผมอยากรู้ เป็นเรื่องที่ค้างคาใจผมมาตลอด 15 ปีที่ผ่านมา
มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ไม่มีวันที่จะเข้าใจ หากไม่ได้มาอยู่จุดนี้ด้วยตัวเอง
ผมพลิกตัวเข้าหา คนที่อยู่กับผมมาแทบจะตลอดเวลาทั้ง 15 ปี
มึงกลายเป็นคนติดสำผัสตั้งแต่เมื่อไหร่วะเมฆ.....
จุดประสงค์คือต้องการอยากจะซักถามไอ้คนข้างๆ ว่า อมดอกพิกุลไว้หรือไง
กูถามไปตั้งนานแล้ว มึงยังเงียบใส่อยู่ได้ ต้องให้กูง้างปากมึงใช่มั้ย...กูถึงจะรู้อะไรเป็นอะไร
เดี๊ยวปั๊ด !!! เจอท่านเมฆ ง้างปากหมาฉาน ด้วยปาก ซะเลยนี่
ฮึ่ม!!!
ผมได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในลำคอนั่นแหละครับ
เพราะในความจริงกับความฝันมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เพราะตอนนี้ สิ่งที่เป็นอยู่คือ
ผมพลิกตัวมากอด “เพื่อนสนิท” เอ่อ เรียกว่าคนสำคัญก็ได้
จะให้เรียกสามี-ภรรยา ก็คงจะกระดากปาก เนื่องจากยังไม่รู้ว่าเกมส์นี้ ใครจับได้ไม้สั้นหรือไม้ยาว
ถึงแม้ความสัมพันธ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปของเราทั้งคู่ จะมากกว่าที่เพื่อนสนิทตามปกติเค้าทำกัน
แต่จะให้เรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอะไรนั้น ผมเองก็สุดจะรู้
“คนรักของฉาน” คำนี้ลอยเข้ามาในหัวผม ไอ้ฉานมันบอกไว้แบบนี้
ทันที่ที่นึกถึง ขนมันก็ลุกซู่ ที่ผ่านมาวาจาที่ผมกับไอ้ฉานสนทนากันนั้น เรียกได้ว่า
มากกว่าคำว่าสถุล คำหยาบออกจากปากเรา มากพอกับเม็ดข้าวที่เรากินเข้าไปได้มั้ง
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาซาบซึ้ง กับถ้อยคำที่แสนจะอบอุ่นใจนั้น
หากคำว่า “คนรักของฉาน” มีผลบังคับใช้ไปตลอด ผมก็ยังมีเวลาซาบซึ้งกับมันได้ตลอดชีวิต
หากมันต้องการนะ
“ฉาน” ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองตามัน..
“ หือ”
“กูอยากฟังเรื่องแม่ เล่าให้กูฟังหน่อยสิ นะ” ไม่ลืมที่จะเอาใจมันด้วยการกดริมฝีปากไปที่แก้มนั้น เร็วๆ
สาวแตกเข้าไปทุกทีแล้วนะมึง ไอ้เมฆ ที่ผ่านมา ออกจะแมน นี่ขนาดไอ้ฉานมันล่อลวงแค่ภายนอก มึงยังเป็นขนาดนี้
แล้วถ้ามากกว่านี้ มึงต้องแต่งหญิง แล้วลุกขึ้นมาพับเพียบร้อยมาลัยเลยมั้ยวะ
ผมคงช้อนตามองไอ้ห่านี่นานไป มันเลยหลิ่วตาใส่มาแบบนี้ ก่อนที่มันจะเอาปลายตีน
เออ....มือมันนั่นแหละ เฮ้ออ!!! มาหนีบปลายจมูกผม มันยิ่มร่า แถมส่งสายตากวนตีน
“ถ้ารู้ว่า เป็นเมียพี่ฉานแล้วน่ารักแบบนี้ กูปล้ำมึงไปก่อนหน้านี้นานแล้วเมฆ”
“ถ้ากูรู้ว่า มึงจะกวนตีนกูแบบนี้ กูก็จะกระทืบหน้ามึงไปนานแล้วเหมือนกัน ตอบได้ยัง “ เริ่มไม่ขำแล้วนะโว้ย
พี่เมฆเริ่มอยากใช้กำลัง
“ดุจริงๆ เมียกู ยังไม่ทันไร เริ่มใช้อำนาจ “
“ฉาน” ใช้ไม้แข็งไม่ได้ เริ่มใช้สายตาอ้อนวอน มารยาพี่เมฆมีเยอะ เอามาใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดหรอกน่า
“ กูไม่ค่อยรู้อะไรนักหรอก”
“มึงรู้” ไม่จริงหรอก มันยืนปรึกษากับแม่นิ่มซะขนาดนั้น จะมาบอกว่าไม่รู้อะไร ใครจะไปเชื่อ
ผมไม่ได้รู้จักมันเมื่อวานนะ รู้อยู่หรอกว่าเรื่องที่ถามไป ทำให้มันลำบากใจ
ปกติหากผมถามเรื่องอะไรที่มันไม่สำคัญ ไอ้ฉานมันจะหาทางเลี่ยง ไม่ตอบคำถามผม ด้วยอาการเนียนของมันตามสันดาน
แต่ถ้าเรื่องอะไรที่มันลำบากใจแบบนี้ มันจะอึกอักและติดขัดไปหมด อย่างที่เป็นอยู่นี่แหละครับ
แต่นั่น มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากเค้นถามให้ต้องรู้ให้ได้
“มึงไม่สงสารกูเหรอฉาน” ต้องออกแนวดรามานิดๆครับ เรียกความสนใจจากมันดีนักแหละ
ไอ้ฉานมันอ่อนไหวและอ่อนโยนนะครับ เพียงแต่นานๆ มันจะเอาออกมาให้ผมได้เห็น เนื่องจาก นิสัยนี้ ต้องแลกมาด้วยอาการสาวแตกขั้นพื้นฐาน อย่างที่ผมเพิ่งทำไปนั่นแหละ
อนาถชีวิตตัวเองอีกสักที
“ ก็แค่รู้ว่า หลังจากที่แม่มึงหายไปนานหลายปี เค้าก็ติดต่อแม่นิ่มกลับมา” ปากมันตอบผม แต่ตามองฝ้าเพดาน
ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่า ไฟดาวไลท์ 1 ดวงถ้วน
ไอ้ดร๊วกกกกกกกก!!! หน้ากูมีทำไมไม่มอง แถมเรียกได้ว่าหน้าตาดีด้วยนะมึง
“แค่นี้ “ บอกได้เลยว่าพี่เมฆหาได้พอใจในคำตอบไม่
“ เค้ามีสามีใหม่เป็นชาวตะวันออกกลาง แต่ไม่รู้ว่าประเทศไหนนะ “ มันเริ่มเหล่มามองหน้าผมบ้างแล้ว
กูโครตจะดีใจ.....ที่หน้ากูเริ่มมีความหมายกว่าไฟดาวไลท์ดวงนั้น
ผมพยักหน้าหงึกหงักใส่มันให้รู้ว่า ผมตั้งใจฟังอยู่
“ แม่มึงอะอยู่ในไทยนี่แหละ แต่พ่อเลี้ยงมึงไปๆ มาๆ “ ชิส์ ถึงกูไม่รู้ว่าพ่อกูอยากมีกูเป็นลูกมั้ย แต่ยังงัยพ่อกูก็มีคนเดียวเว้ย
ผมย่นจมูกใส่มัน เลยต้องเสียแก้มให้มันแก้หมั่นไส้ไปที....ไอ้เชี่ยนี่ โครตฉวยโอกาส
“แล้วงัยต่อ” จ่ายค่าเปิดปากเป็นแก้มไปแล้วต้องเอาให้คุ้ม
“เค้าทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แถวๆทางใต้ ทำรีสอร์ทหรือโรงแรมกูไม่แน่ใจ มีลูกกับพ่อใหม่มึง 1คน
ติดต่อกับแม่นิ่มมาตลอด เกือบสามปีที่แล้ว แล้วเค้าก็บอกว่าตอนนี้เค้าพร้อมแล้ว” นี่ขนาดมันบอกมันไม่ค่อยรู้นะ
“พร้อมอะไร”
“พร้อมแล้วที่จะเอามึงกลับไปดูแลบ้าง”
“ทั้งๆ ที่ทิ้งกูมาได้ ตั้ง 15 ปี นี่นะ”
“ อือ”
“ มึงตอบได้แค่นี้เหรอฉาน มึงจะปลอบใจกูบ้าง กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ “ ดูสิมันสิครับ ตอบมาแค่นี้ เลยเจอเหวี่ยง
“แล้วมึงคิดว่างัยหละ” กลายเป็นผมเองแหละครับทีนี้ ที่ต้องเงียบไป
ผมรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้นะเหรอ ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าผมสับสนมากในตอนนี้
ผมไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผมต้องการอะไร
ผมโหยหาสิ่งไหน
ความรัก หรือแค่พบหน้า หรือมากกว่านั้น
ก่อนหน้านี้ผมอยากเจอแม่ อยากรู้ข่าวคราวสารพัด
อยากรู้ว่าแม่อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ จะคิดถึงผมมั้ย คิดถึงลูกอย่างผมบ้างหรือปล่าว
แล้วตอนนี้หละ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า
แม่อยู่เมืองไทย
แม่คงคิดถึงผมอยู่บ้างละนะ ไม่งั้นคงไม่ติดต่อมา
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากตอนรอฟังข่าวแม่จากไอ้ฉาน
ผมรู้สึกเต็มตื้นในใจตอนที่รู้ว่าแม่ยังอยู่แผ่นดินเดียวกับผม
แม่คงมีความสุขดี กับครอบครัวใหม่ของแม่ จนมีเวลามาคิดถึงผมบ้าง
ความหวังที่จะได้เจอแม่ของผมอีกครั้ง ดูจะสว่างไสวขึ้นมาทันทีทันใด
“ คิดอะไรอยู่” กำลังคิดอะไรเพลินๆ
“อ้าว เฮ้ยยยยยยยย”
อยู่ๆ ไอ้ (เดร) ฉาน มันขึ้นคร่อมผมอยู่ตอนไหน ตอนนี้มันยื่นหน้าลงมา จนปลายจมูกชนกันแล้ว
มันเลื่อนปลายจมูกปัดไปมากับปลายจมูกผมอีกครั้ง ก่อนจะ ฟัดแก้มผมไป เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ววะ
เดี๋ยวกูคิดราคาทั้งต้นทั้งดอกเลย เชี่ยนี่
“ยิ้มอะไร บอกกูบ้างสิ มึงนี่หลายอารมณ์ จริงๆนะ ตอนมึงช็อคตาตั้งอยู่ที่บันได กูตกใจแทบสิ้นสติ”
อันนี้ผมรู้แล้ว ผมยังจำแววตาของมันตอนนั้นได้ดี แล้วยังกระแทกใจผมมาถึงตอนนี้เลยเถอะ
พูดถึงตอนนั้นขึ้นมาทำไมวะ กูกำลังจะลืมความรู้สึกนั้นอยู่แล้ว
“ก็มึงกะแม่นิ่ม ปิดบังกูมาตลอด ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญกับกูที่สุด” ผมขอตัดพ้อเรื่องนี้หน่อยเถอะครับ
“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างมึงไม่รู้อะไรหรอกน่า” ชิส์..ไอ้ผู้ใหญ่ ข่าวว่ามึงกะกูอายุเท่ากัน แล้วอีกอย่าง มึงจะว่าอะไรกู มึงดูซะบ้าง ว่ามึงกอดกูอยู่นะ สาดดดดด ได้แต่กัดฟันด่ามันในใจ
“แล้วเมื่อกี้ เมียใครไม่รู้ ร้องเรียกพี่ฉานตลอดเวลา แถมทำตาเคลิ้มอีก ใครจะไปทนไหววะ” มันหอมแก้มผมอีกแล้วครับ
ครั้งที่เท่าไหร่ ช่วยกันจดไว้ด้วย ท่านเมฆไม่อยากขาดทุน
“กูเรียกมึงตอนไหน มึงอย่ามาใส่ความกู” ผมจำได้ครับว่าไม่ได้เรียกมันแน่ จะเอาเวลาไหนไปเรียก แค่สะกดจิตใจ ไม่ให้ครางออกมา ก็ลำบากแล้ว ถึงกระนั้น ผมก็ยังหลุดเสียงน่าอาย ให้มันเอามาล้อจนได้สิ
“ตอนไหน เดี๊ยวกูจำลองตอนนั้นให้มึงดูใหม่เอาป่ะ” มันไม่พูดปล่าวครับ มันพร้อมทำจริงๆ
“พอก่อน ตอนนี้มึงเลิกหื่นก่อน กูขอร้อง กูกำลังใช้ความคิด” กูเพิ่งผ่านอารมณ์เศร้าหมองมาเมื่อกี้เองนะ สาดนี่ไม่คิดมั่ง
“งั้นกูขอรางวัล ที่กูจะต้องเงียบรอคุณมึงใช้ความคิดด้วยครับ” ผมหันขวับไปจ้องไอ้ตัวดี เห็นมันลอยหน้ารอรางวัล จากผมอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันทำดีอะไรไว้
“ถ้ากูไม่ได้รางวัลปลอบใจ กูจะทำอย่างอื่นแล้วนะ ไม่ต้องคงต้องคิดมันแล้ว” แล้วมันเป็นความรับผิดชอบของกูตรงไหนเนี่ยไอ้ฟาย ผมกับมันนี่ใครสาวแตกมากกว่ากันวะเนี่ย ขี้งอนฉิบหาย
แต่ว่าทำไม มันทำหน้าเจ้าเลห์จังวะ
เอาเป็นว่า สิ่งที่จะทำต่อไปนี้ ผมไม่ได้เต็มใจนะครับ เสียค่าน้ำร้อนน้ำชา เพื่อเรียกเวลาส่วนตัวกลับมานิดหน่อย
“ตกลงเอาไง กูจะได้มั้ยรางวัล นี่รอรับเต็มที่เลยนะเนี่ย” อยากจะกระโดดเอานิ้วตะกายหน้ามันมากครับ
สีหน้ามันตอนนี้ เป็นต่อผมอยู่ชัดๆ ไอ้หมาป่าเจ้าเลห์
ผมจะทำยังไงได้ละครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ก้อนเมฆที่ลอยกระจายอยู่เต็มฟ้า เคยบดบังแสงสว่างจ้าของดวงอาทิตย์ ได้เสียที่ไหนละครับ
ผมเลยต้องจำใจ ยื่นจมูกออกไป สูดกลิ่นแก้มมันเบาๆ ก็ว่าจะทำลายสถิติโลก ให้ชนะความเร็วแสง
แต่
“หอมแก้ม มึงได้เปรียบอยู่คนเดียวอะเมฆ “ ไอ้กูปรีหนีน้ำ มึงเอาที่ไหนมาพูด ว่ากูได้เปรียบ
ตอนนี้หน้าผมกำลังร้อนฉ่าครับ แต่ไม่ใช่มาจากการเขิลอายแต่อย่างใด
แต่มันร้อนเพราะว่าไอ้หมาป่าเจ้าเลห์ ที่มันจ้องจะงับลูกแกะแสนเทห์อย่างผม
งับปากมันให้ขาดเลยจะดีมั้ยครับ ไอ้คนที่ไม่รู้จักพอเนี่ย
“จูบดีกว่าไหม จะได้ยุติธรรมต่อกันทั้งสองฝ่าย” มีมันคนเดียวแหละครับในประเทศโลกนี้ ที่คิดตรรกะความยุติธรรมนี้ขึ้นมา
ผมถอนหายใจ ส่ายหน้าใส่มันด้วยความระอา ก่อนที่จะค่อยๆก้มหน้าลงไปหามัน
แต่จะทันใจ วัยรุ่นไทยอย่างไอ้ฉานเหรอครับ
มันฉกปากมันมาถึงปากผม ก่อนที่ผมจะตั้งสติอีกครับ รอยยิ้มที่บอกผมว่า มันเหนือกว่าผมทุกอย่างนั้น
ทำให้ผมแบบจะรัวเท้าหน้าไปตามลำตัวมันให้สาแกใจ
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้แก่สายตารู้ทันอีกจนได้
เอาวะ จูบก็จูบ ให้ความร่วมมือกับมันก็ได้
แล้วเราสองคนก็ทำสงครามกัน ในโพรงปาก
ลิ้นผมและลิ้นมันพัวพันกันแทบไหม้
กว่าที่เราจะปล่อยให้ความหอมหวานดับร้อนของสงครามครั้งนี้ได้
ก็เล่นเอาแทบหายใจไม่ทันครับ
มันยอมแพ้ ออกมาโกยอากาศหายใจก่อนผมที่ยังลุกไล่ไม่ยอมแพ้
อืม......แพ้ด้วยก้ได้ เริ่มหายใจไม่ทัน
“ อะ กูให้มึงคิดเต็มที่ ขออย่างเดียว อย่าคิดไปจากกู ไม่งั้นตายหมู่แน่มึง” มันข่มขู่ก่อนที่จะเอาฟันงับปลายจมูกผม
ก่อนล้มลงไปนอนแผ่ ข้างๆอีกครั้ง
ไปจากมันงั้นเหรอ น่าแปลก ที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในสมองผมเลย
จริงที่ว่าผมอยากเจอแม่
จริงที่ว่าผมคิดถึงเค้า
แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องอยู่ด้วยกัน
15 ปีที่ห่างกัน มันทำให้มีความห่างเหินเกิดขึ้นระหว่างผมกับผู้ให้กำเนิดมากพอ
เราผูกพันธ์กันด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้น
ผมสนิทใจกับแม่นิ่มมากกว่าผู้ให้กำเนิดผมมาแน่ๆ อันนี้ผมแน่ใจ
หรือว่า สิ่งที่แม่นิ่มกับไอ้ฉานกลัวก็คือ
“แม่อยากเอาตัวผมคืน” อย่างนั้นเหรอ
ผมว่าก่อนที่อะไรๆ จะบานปลายไปกันใหญ่มากกว่านี้
ผมเองก็ควรจะชัดเจน กับตัวเองเสียที
“ ฉาน เราไม่ไปกันแล้วได้มั้ย ทางใต้อ่ะ”