บทที่ ๔๓
“ชั้นละตกใจหมดเลย ตอนที่คิดได้ว่าพี่หมูเป็นคนรักของพี่น้ำหยด” เจนพูดพลางจ้องหน้าชตที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะ ภายในโรงอาหาร
“แต่ชั้นแปลกใจมากกว่า เพราะรู้สึกว่าพวกนายสองคนน่ะ รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว” จินพูดพลางจ้องหน้าโรจน์ ซึ่งนั่งอยู่ข้างชตตาเขม็ง
“เออ ... เออ” โรจน์ถูกจ้องจนรู้สึกอึดอัด “รู้มาก่อนแล้วยังไงล่ะ”
“แล้วทำไมไม่บอกให้น้ำมันรู้ล่ะ” จินพูดพลางจุ๊ปากเบาๆ “ไหนว่าเป็นเพื่อนรักกัน”
“อยากบอกเหมือนกันแหละ แต่กลัวไอ้น้ำฝนของพวกเรามันจะรับไม่ได้” โรจน์ทำเสียงเล็กเสียงน้อย กับสีหน้าเหมือนจะล้อเลียน แต่ไม่มีใครขำด้วยสักคน
“รับไม่ได้อะไรกันล่ะ เข้าไปปลอบซะขนาดนั้น” เจนพูดราวกับหมั่นไส้เสียเต็มประดา แล้วหันไปทางชต “รายนี้ก็เอาแต่เงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พูดอะไรซะบ้างสิ”
“จะให้พูดอะไร” น้ำเสียงของชตราบเรียบ แฝงความเหนื่อยอ่อน “เห็นตำตาขนาดนั้น จะให้พูดอะไรอีก”
“ชั้นนึกว่านายจะโกรธซะอีก คู่แข่งหัวใจไม่ใช่เหรอไง” เจนฟึดฟัด
“เฮ้อ ...” ชตถอนหายใจยาว สีหน้าลำบากใจ “เห็นแบบนั้นแล้วเป็นเธอ จะโกรธลงเหรอ ยอมรับนะว่าไม่ค่อยชอบหน้าไอ้พี่หมูเท่าไหร่ แต่พอเห็นพี่แกเสียอกเสียใจซะขนาดนั้น บอกตรงๆนะ ว่าสงสารมากกว่าหว่ะ ลองคิดดูดิ เห็นหน้าไอ้น้ำฝนของพวกเราทุกวัน คงอึดอัดพิลึก แล้วยิ่งตอนนี้ชั้นว่าคงสับสนน่าดู ว่ากำลังรักใครอยู่กันแน่ ไอ้น้ำฝน หรือพี่น้ำหยด”
“แล้วนี่น้ำมันจะเป็นยังไงล่ะ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนพี่น้ำหยด แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้” จินขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“แล้วจะมีเรื่องวุ่นๆตามมาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ทั้งแก” เจนชี้ไปที่ชต แล้วเปลี่ยนไปชี้ทางทิศที่เป็นหอพักชายของมหาวิทยาลัย “ทั้งพี่หมู แล้วยังมีพี่ติ๊กอะไรนั่นโผล่มาอีกคน ตามมาจากกรุงเทพฯเชียวนะ โอ๊ย ... น่าอิจฉา”
สีหน้าของเจนเหมือนคนที่ถูกขัดใจ ก้มหน้าลงมองโต๊ะ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกผิดปรกติ เพราะไม่ได้ยินเสียงของใครพูดอะไรต่อเลย จึงเงยหน้าขึ้น แล้วก็พบกับดวงตา ๓ คู่ ที่กำลังจ้องมองอย่างสงสัย
“มองอะไร” เจนถามออกไป
“เมื่อกี้พูดว่าอิจฉาใคร” โรจน์ถามสีหน้าเอาเรื่อง
“แหะๆ” เจนยิ้มแหยๆ พูดผิดน่ะ ชั้นพูดผิด จะบอกว่าน่าปวดหัวตะหากล่ะ มีหนุ่มๆมารุมรัก น่าปวดหัวจะตาย จริงมั๊ยยายจิน” พูดแล้วก็หันไปพยักเพยิดกับจิน
“ย่ะ ... น่าปวดหัวมากกกกกก” จินตอบพร้อมกับค้อนให้วงใหญ่
“พี่ไปห้องน้ำก่อนนะ เดี่ยวจะตามขึ้นไป” พูดจบหมูก็เดินแยกออกไปโดยไม่รอคำตอบ
“ตกลงว่าน้องน้ำเป็นรูมเมจเจ้าหมูมันจริงๆเหรอ” เป็นเสียงถามจากติ๊กที่เดินตามเข้ามาในหอชาย ๙
“ครับ” น้ำหันไปตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง กับดวงตาที่หยีลงเกือบครึ่ง “เดี๋ยวผมพาไปห้องเอง”
พูดแล้วน้ำก็เดินนำติ๊กขึ้นบันไดไปจนถึงชั้น ๒ ติ๊กหยุดเดินเหมือนจะรอดูว่าน้ำจะเดินเลี้ยวไปทางไหน แต่น้ำก็ยังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นถัดไป
“น้ำจะไปไหนน่ะครับ” ติ๊กส่งเสียงถาม
“อ้าว ... ก็ไปที่ห้องของพี่หมูกับผมไง” น้ำตอบด้วยสีหน้างุนงง
“พี่จำได้ว่าห้องหมูเค้าอยู่ชั้น ๒ นี่นา” ติ๊กขมวดคิ้ว “พี่เคยมาหนนึงน่ะ” ติ๊กรีบพูดต่อเมื่อเห็นน้ำขมวดคิ้ว
“อ๋อ สงสัยตอนนั้นพี่หมูยังไม่ย้ายขึ้นไปมั๊งครับ แต่เอ๊...” น้ำลากเสียงยาวเหมือนคิดอะไรได้ “เหมือนพี่หมูจะบอกว่าย้ายขึ้นไปนานแล้วน๊า ... พี่ติ๊กเคยมาตอนไหนน่ะครับ”
“เอ่อ ... นานแล้วเหมือนกัน” ติ๊กตอบอ้อมแอ้ม เหลือบสายตาไปทางอื่นเหมือนจะหลบดวงตาใสๆคู่นั้น
“อ๋อ ... ผมรู้แล้ว พี่คงเคยมาตอนพี่น้ำหยดยังอยู่ล่ะสิ” พูดแล้วน้ำก็เดินขึ้นบันไดต่อ “ห้องผมอยู่ชั้น ๓”
ติ๊กเดินตามเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าห้อง ๓๑๕ น้ำหยิบพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง ไขประตูห้องเปิดออก แล้วผลักบานประตูมุ้งลวดพร้อมกับเดินนำเข้าไป
“เข้ามาสิครับพี่” น้ำหันไปเรียก เมื่อหันมาแล้วพบว่าติ๊กยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง
“นี่ ... นี่น้ำอยู่ห้องนี้เหรอครับ” ติ๊กถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
น้ำพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นด้วยความสงสัย มองดูติ๊กที่เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ ไปยืนอยู่กลางห้อง ค่อยๆหมุนตัวกวาดสายตามองไปจนทั่ว น้ำปิดบานประตูมุ้งลวดลงแล้วยืนมองเงียบๆ
“ห้องนี้มีอะไรเหรอครับพี่ติ๊ก” น้ำอดส่งเสียงถามไม่ได้ เมื่อเห็นติ๊กเงียบไปนาน
“พี่จะว่ายังไงดีล่ะ” ติ๊กถอนหายใจ คิดห่วงความรู้สึกของเด็กหนุ่ม
“ผมพอจะรู้แล้วหล่ะ” เหมือนความหม่นหมองจะปรากฎอยู่บนใบหน้าของน้ำอยู่แว่บหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆ “พี่น้ำหยดเคยอยู่ห้องนี้ล่ะสิ” พูดแล้วก็เดินไปนั่งลงบนเตียงที่อยู่ชิดผนังด้านที่มีหน้าต่าง “แล้วพี่น้ำหยดเคยใช้เตียงหลังนี้ด้วยรึเปล่าครับ”
“ไม่รู้สิ” ติ๊กตอบพลางเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่น้ำนั่งอยู่ “ตอนที่พี่มาน่ะ เตียงสองหลังวางชิดกันอยู่กลางห้อง โต๊ะหนังสืออยู่ทางนั้น” ติ๊กชี้ไปทางหัวเตียงอีกหลังหนึ่ง แล้ววาดมือไปชี้ทางปลายเตียง “ชั้นวางของอยู่ตรงนั้น”
“พี่ติ๊กจำแม่นจัง” น้ำพูดเบาๆ
“นั่นสิ พี่ยังแปลกใจเลยว่าทำไมจำได้แม่นขนาดนี้” ติ๊กพูดแล้วจ้องหน้าเด็กหนุ่มนิ่ง “ว่าแต่น้องน้ำไม่เป็นอะไรนะครับ”
“เอ๋ ... เรื่องอะไรครับ” เป็นอีกครั้งที่น้ำเบิกตากว้างด้วยความสงสัย
“ก็เรื่องหมูไง พี่รู้นะ” สายตาของติ๊กแสดงความห่วงใย “น้ำจะทำยังไงค่อล่ะ”
“ผมก็คงเหมือนเดิมแหละครับ เคยทำยังไง เคยคิดอะไร ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลง”
“ ถึงแม้ว่าคนหลายๆคนจะคิดว่าเราเป็นเหมือนตัวแทนน้ำหยดน่ะเหรอครับ”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ผมคงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้หรอก ผมคงได้แต่รอ”
“รอ” ติ๊กทวนคำ
“ครับรอ” น้ำยิ้มกว้าง “รอให้คนเหล่านั้นค่อยๆเข้าใจ แล้วก็ยอมรับว่าผมคือผม ไม่ใช่ตัวแทนของใคร ต้องมีสักวันแหละครับที่พวกเค้าจะต้องคิดได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวพี่ติ๊ก พวกพี่นุช หรือแม้แต่ ...” เป็นอีกครั้งนี้ติ๊กเห็นแววไหววูบอยู่ในดวงตาของคนพูด “หรือแม้แต่พี่หมู”