‘ก่อน 31’ เป็นโปรเจ็คตอนพิเศษ 6 ตอน จาก 6 เรื่อง ลงตั้งแต่วันที่ 25-30 ธันวาคม
ตอน 25 ธันวาตอน 26 ธันวาตอน 27 ธันวาตอน 28 ธันวาตอน 29 ธันวาตอน 30 ธันวา…………………………..
NOV: ก่อน 31
By: Dezair
………....
ตอน วันที่ 28 ธันวาคม (ธันวา-ปวิน)
‘มึงเข้าใจที่กูสั่งใช่มั้ยไอ้ฟู กันไอ้ธันเอาไว้ อย่าเพิ่งให้มันกลับบ้าน กูจะกลับไปแอบจัดงานวันเกิดให้มันที่บ้าน’
‘เข้าใจ แต่...เพื่อนพี่ที่ชื่อธันหน้าตาเป็นยังไง’
‘ก็คนที่มึงเคยกวนตีนตอนงานวันเกิดกูไง ’
‘จำไม่เห็นได้’
‘งั้น...มึงจำตอนรับน้องได้มั้ย ที่มึงหาเรื่องไม่เต้นท่าไก่ย่างน่ะ’
‘บ้าแล้ว ตอนรับน้อง ผมยังเอ๊าะๆ จะกล้าหาเรื่องรุ่นพี่ได้ไง’
‘โอ้โฮ! พูดมาได้! เรื่องของมึงน่ะถึงขั้นเอาเข้าที่ประชุมเชียวนะเว้ย! เอาล่ะๆ ถ้ามึงจำไม่ได้ก็ช่าง! มึงไปถามเพื่อนมึงเอาแล้วกันว่ารุ่นพี่ที่ชื่อธันวาน่ะหน้าตาเป็นไง แล้วมึงอย่าให้ไอ้ธันจับได้นะว่าร่วมมือกับกู’
‘จะจับได้ได้ไงล่ะ ผมไม่ได้อยากจะร่วมมือกับพี่นี่นา ถ้าพี่ไม่ขู่ว่าจะตัดสายผมล่ะก็ ผมไม่ช่วยหรอก’
‘เออ มึงรู้ตัวก็ดีว่ากูมีอำนาจในการตัดสาย ไปจัดการซะ’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ลุงรหัสมีต่อผม แล้วจากนั้นมันก็เผ่นแน่บออกจากคณะ ติดต่อไม่ได้อีก ทิ้งภาระก้อนใหญ่ที่โคตรน่าหนักใจเอาไว้กับเด็กปีหนึ่งหน้าตาสุภาพอย่างหนุ่มน้อยถ้วยฟูคนนี้
‘กันไอ้ธันเอาไว้’
โตๆกันแล้ว ทำไมยังมานั่งเล่นเซอร์ไพรส์วันเกิดกันอีก แล้วไอ้ธันอะไรนั่นถ้าไม่รู้ว่ากำลังจะถูกเซอร์ไพรส์วันเกิด ในช่วงใกล้วันเกิดตัวเอง ผมว่าให้แม่งไปกระโดดหน้าผาตายเถอะครับ!
“มีอะไร มาดักหน้ากู” เสียงทุ้มๆ ตาดุๆ แถมมองต่ำเล่นเอาคนสูง ‘180’ อย่างผมรู้สึกตัวขึ้นมาทันที
หลังจากปรึกษาเพื่อนเป้ และได้เพื่อนโจชี้เป้าให้แล้ว ผมก็พุ่งหลาวมาดักหน้า ‘พี่ธัน’ ที่กำลังจะออกจากคณะพอดี แต่ไอ้หลังจากนี้ที่ต้องยื้อยุดฉุดกระชาก ‘พี่ธัน’ เอาไว้นี่สิครับ เป็นหนทางที่ยากยิ่งยวดนัก!
“อ่า...คือ...คือผมมีเรื่องจะปรึกษาอ่ะครับ” งานตอแหลต้องมา รับภารกิจจากลุงรหัสมาแล้ว กูต้องรอด!
“ปรึกษา? มึงไม่มีสายรหัสรึไง ทำไมไม่ปรึกษาสายมึง” ก็สายรหัสกูอ่ะครับ ที่ให้มาทำอะไรแบบนี้ ตรงนี้
“คือ...วันนี้สายผมเขากลับบ้านไปกันหมดแล้ว แล้ว...แล้วพี่ก็...เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ภูมิ ผมก็เลยว่า...น่าจะเหมารวมกันได้” ช่วงนี้คณะผมเป็นช่วงสอบก่อนปิดปีใหม่ ใครใคร่จะมาสอบก็มา ใครไม่มีสอบก็ไม่ต้องมา ตัวผมนั้นเพิ่งสอบเสร็จหมาดๆ แต่แทนที่จะได้กลับบ้านไปพักใจพักกาย ดันต้องมาทำภารกิจเพื่อชาติอยู่ตรงนี้
“มีอะไรก็ว่ามา” มันพูดแล้วยกแขนขึ้นกอดอก ตาจ้องจิกอย่างกับจะเอาให้ผมตาบอด คือจำเป็นมั้ยที่จะต้องจิกกูขนาดนี้ นี่กูจะขอคำปรึกษานะ ไม่ได้จะขอตังค์
“เอ่อ...ไป...ไปนั่งคุยกันได้มั้ยพี่ แบบ...เรื่องมันยาว...” เป็นอีกครั้งที่ถูกจิกด้วยสายตา แต่มันก็ยอมเดินไปนั่งโต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ใกล้ๆ แล้วพอเรานั่งร่วมโต๊ะกันแล้ว ตาจ้องตา สายตาจ้องมองกัน รู้สึกเสียวซ่านหัวใจ เฮ้ยๆ ไม่สิไม่ ไม่ใช่เสียวซ่านหัวใจดิวะ!
“พูดมาสิ มีเรื่องอะไร หรือไปกวนตีนใครเข้า”
“เปล่าพี่ แต่...เอ่อ...คือ...” คืออะไรดีวะ กูเพิ่งเข้ามาปีหนึ่ง แต่กูปรับตัวได้ง่ายเหมือนจิ้งจก และกูแฮปปี้กับชีวิต กูเอนจอยกับเพื่อน กูเวรี่มีความสุขกับที่นี่ แล้ว...แล้วกูจะ...กูจะปรึกษาเรื่องอะไรดี
“มีอะไรก็พูดมา” เหมือนน้ำเสียงมันจะอ่อนลงนิดหน่อยตอนที่ผมตะกุกตะกัก
“อ่า...พี่ว่า...อักษรฯกับบัญชีฯที่ไหนดีกว่ากัน”
คิ้วมันขมวดฉับทันทีที่ผมถาม
“มึงจะซิ่วเหรอ” ห๊ะ? ซิ่ว? ไม่ๆ กูจะถามว่าผู้หญิงจากสองคณะนี้ที่ไหนโอเคกว่า! กูไม่ได้จะซิ่ว!
…แต่...แต่มันเข้าใจว่าซิ่ว ก็...เลยตามเลยแล้วกันวะ!…
“ก็...ก็คิดๆอยู่อ่ะพี่”
“ทำไมจะซิ่วล่ะ ไม่ชอบคณะนี้? หรือว่ามีปัญหาอะไร?” จากตาจ้องจิก กลายเป็นสายตาจริงจัง และดูเหมือนจะเริ่มห่วงใยในเรื่องของผมซะแล้ว
“เอ่อ...ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่...แต่แบบว่าแค่คิดๆเฉยๆ”
“อยู่ดีๆใครที่ไหนจะคิดซิ่ว” พูดถูกเผงเลยครับพี่ครับ ยิ่งผมไม่มีปัญหาอะไรกับที่นี่ ผมยิ่งไม่เคยคิด แถมเรื่องอะไรต้องไปนั่งอ่านหนังสือสอบเข้ามหา’ลัยใหม่ ในเมื่อขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้
เพื่อนซี้ของลุงรหัสผมถอนหายใจทีนึง แล้วมองผมด้วยสายตาห่วงใย...เอาล่ะสิ รู้สึกเสียวซ่านในหัวใจอีกแล้ววววว แม่คร้าบบบบ ถ้วยฟูรู้สึกแพ้สายตาผู้ชายคนนี้...
“แล้วสอบวันนี้เป็นยังไงบ้าง ทำได้รึเปล่า” จากเสียงดุๆ เริ่มมีโทนของความอ่อนโยน ผมงี้กะพริบตาปริบๆ เพราะรู้สึกน้ำเสียงของ ‘พี่ธัน’ อะไรนี่จะหวานเพราะเสนาะหูอย่างกับกาพย์ญาณี 11
“ก็ทำได้ครับพี่”
“แล้วตอนเรียนในห้องล่ะ เข้าใจรึเปล่า”
“ก็เข้าใจ”
“เข้าใจที่ว่าน่ะ คิดว่าจะได้เกรดมากกว่า 2 มั้ย” อ๊ะหือ! จะดูถูกกูมากไปแล้วนะ หน้าตากูหล่อก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าไร้สมอง ขาดอย่างเดียวคือไม่รวย แต่คุณสมบัติกูก็เพอร์เฟ็คนะจะบอกให้!
“ต้องเกินสิพี่! ผมเรียนรู้เรื่องจริงๆ!”
“แล้วเพื่อนล่ะ”
“เพื่อนก็ดี”
“งั้นมีปัญหาอะไร ทำไมถึงอยากซิ่ว” ปัญหาคือลุงรหัสผมให้ชวนพี่คุย ให้ดักพี่ไว้ไม่ให้กลับบ้าน จนกว่าทางนั้นจะส่งสัญญาณมาว่าจัดปาร์ตี้เรียบร้อยแล้ว ผมถึงจะปล่อยพี่ได้ นั่นแหละ ปัญหาของชีวิตผมมีแค่นั้น
“ก็...ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“ถ้าไม่มีแล้วจะซิ่วทำไม”
“งั้นไม่ซิ่วก็ได้”
“อ้าว แล้วสรุปมึงจะซิ่วหรือจะไม่ซิ่ว” จากสีหน้าเป็นห่วง จากน้ำเสียงอ่อนโยน กลายเป็นแข็งโป้กทั้งเสียงและหน้าตา เอาไงดีล่ะกู อยู่ดีไม่ว่าดี ทำภารกิจเพื่อชาติ แต่กูจะถูกเตะแบบไร้ข้อแก้ตัวก็ตอนนี้
“ไม่ซิ่วแล้วล่ะ”
“แล้วที่มึงบอกว่าจะปรึกษากู เรื่องที่มึงจะปรึกษาคือเรื่องอะไร” เสียงชักมีอารมณ์ หน้าตาก็ชักมีอารมณ์ ถ้าผมตายเพราะตีนใครสักคนในวันนี้ ฝากบอกพ่อแม่ผมด้วยว่าผมรักเขามาก และถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ผมได้เกิดมาเป็นลูกเขาอีก ผมจะชดใช้บุญคุณทั้งของชาตินี้และชาติหน้า ในชาติหน้าทีเดียว
“มึงไม่มีเรื่องจะปรึกษากูตั้งแต่แรกใช่มั้ย?!” อาจจะเพราะผมแสดงออกถึงความเลิ่กลั่ก อาจจะเพราะมันฉลาด และอาจจะเพราะอะไรหลายๆอย่าง ความจริงเลยเปิดเผยและผมก็เลยถูกมันตะคอกใส่แถมหน้าโคตรโหด เล่นเอาหัวใจน้องถ้วยฟูงี้ หล่นลงไปกองที่พื้นดังแหม่ะ!
“เปล่า!!” สัญชาติญาณเอาตัวรอด เราต้องปฏิเสธไว้ก่อน
“เปล่าของมึงแปลว่าอะไร?!”
“ก็...ก็แปลว่าปฏิเสธ...”
“มึงอย่ามากวนตีนกู! คิดว่าเป็นหลานไอ้ภูมิแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรใช่มั้ย?!!”
“เปล่า!!”
“มึงยังจะมาเปล่าอีกเหรอ?!”
“เปล่า!!”
“ไอ้เชี่ยนี่กวนตีน!!” มันลุกจากเก้าอี้ ผมคิดว่าตัวเองคงโดนต่อยแน่เลยหลับตาปี๋รอไว้ก่อน ต่อยมาจะได้ไม่เสียวมาก ณ จุดนี้คือจำต้องสังเวยหนังหน้าหล่อๆเพื่อภารกิจนี้ไปก่อน เดี๋ยวไปตามเคลมค่ารักษาพยาบาลและแผลใจจากพี่ภูมิทีเดียว
ผมหลับตาอยู่อึดใจใหญ่ๆ แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีคามเจ็บปวดใดๆบนใบหน้าซีกไหนทั้งนั้นเลยลองลืมตาขึ้นดู แล้วสิ่งที่เห็นคือตรงหน้าผมมีแต่ความว่างเปล่า ส่วนคนที่ผมคิดว่าน่าจะต่อยผมสักหมัดน่ะเหรอครับ เดินไปนู่นแล้ว
ฉิบหายล่ะ! จะกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้!! พี่ภูมิยังไม่โทร.มาเลย!!
“เดี๋ยวพี่เดี๋ยว!! พี่ธัน รอก่อนพี่!” ผมรีบวิ่งไปดักหน้าหล่อๆ แต่มองผมแบบอยากจะฉีกทึ้งเนื้อตัวผมเอามาปู้ยี้ปู้ยำ เอ๊ะ นี่กูคิดอะไร?
“มึงจะเอาอะไรกับกูอีก!! ถ้าจะกวนตีน ก็ไปเล่นกับคนอื่น!! กูไม่ใช่เพื่อนมึง”
“ผมไม่ได้จะเล่น” มันจ้องผมจิกซะยิ่งกว่าตอนแรก เอาง่ายๆว่าถ้ารอบนี้หาเรื่องอึกอักใส่มันอีก รับรองผมไปเยี่ยมยมบาลแบบไม่ได้กลับมามีชีวิตเป็นครั้งที่สองแน่นอน
...เอาไงดีวะ เอาไงดี! กูจะเอาอะไรมาอ้างดี!!! แล้วพี่ภูมิทำอะไรอยู่ เมื่อไรจะส่งสัญญาณมาบอกให้ผมปล่อยเพื่อนพี่ไปซะที!!!...
“กูนับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง! สอง! ส...”
“ผมไม่มีตังค์อ่ะพี่!”
“อะไรนะ?”
“ผม...หิวข้าว...” เอาวะ เรื่องปากท้องเนี่ยแหละ น่าจะฟังขึ้นที่สุด ขอให้แม่งเลี้ยงข้าวสักจาน แล้วขอให้นั่งเป็นเพื่อน จากนั้นกูก็ละเลียดทีละเม็ด พอพี่ภูมิโทร.มา กูค่อยปล่อยมันกลับ น่าจะเวิร์กสุดแล้ว
“หิวข้าว?”
“ใช่...คือ...คือ...ผมไม่มีตังค์ ลืมเอากระเป๋าตังค์มา แล้ว...แล้วเพื่อนก็กลับไปหมดแล้ว...” ตีหน้าเศร้า ไอ้ถ้วยฟู ตีหน้าเศร้า ทำตาตกนิดนึง เหลือบมองไอ้หล่อหน่อย มันน่าจะใจอ่อน
หลังจากส่งสายตาอ้อนวอน เว้าวอน เร้าหรือไปประมาณสองล้านปีแสง มันก็ล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาหยิบเงินส่งให้ผมแบงค์ใหญ่ๆหนึ่งแบงค์
“อ่ะ มึงเอาไปกินข้าวไป”
“เอ้ย! เยอะไปพี่ ผมขอแค่ค่าข้าว”
“เออหน่า เอาไปหมดนี่แหละ” มันยัดเงินใส่มือผม แม่งน้ำจิตน้ำใจดีงามมาก นอกจากหล่อแล้วยังรวยเงินและรวยน้ำใจแบบนี้ มิน่าพี่ภูมิถึงบอกว่ามันเป็นคนดัง
“ทีหลังก็บอกตรงๆ ไม่ต้องรั้งกูไว้ตั้งนานหรอก แล้วเอาเงินไปกินข้าวล่ะ ไม่ใช่ซื้อของไร้สาระ หน้าตามึงดูไม่น่าจะซื้อของมีประโยชน์” รวยน้ำใจนะ แต่ปากหมามากกกกกก
“พี่ไปซื้อกับผมดิ จะได้เชื่อไงว่าผมเอาตังค์พี่ไปซื้อข้าวจริงๆ”
“ไม่ล่ะ วันนี้กูมีนัดกับที่บ้าน” รู้! ว่ามีนัดกับที่บ้าน แต่ยังกลับตอนนี้ไม่ได้!!!
“ไปนั่งกับผมก่อนไม่ได้เหรอ คือ...พี่เล่นให้แบงค์ใหญ่ผมมางี้ เผื่อแม่ค้าไม่มีทอน ผมจะเอาที่ไหนไปจ่ายเขา ถ้าพี่ไปด้วย มีอะไรขึ้นมา พี่จะได้ช่วยผมได้ไง แล้ว...พี่จะได้เก็บเงินที่เหลือจากซื้อข้าวคืนไปเลย ผมไม่อยากติดหนี้พี่เยอะ นะ ผมไม่อยากนั่งกินข้าวคนเดียวด้วยอ่ะ” เหตุผลกูมาเต็มขนาดนี้ ไปกินข้าวกับกูเถ้ออออออ
มันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วก็เหลือบตามาสบตาผม แล้วแม่งก็นิ่ง เฮ้ย! อย่านิ่งดิวะ ใจๆหน่อย กูอ้อนขนาดนี้แล้ว
“ก็ได้”
แล้วจากนั้น เพื่อนซี้ลุงรหัสของผมก็ยอมเดินตามผมต้อยๆเข้าโรงอาหารคณะ แถมยังนั่งเป็นเพื่อนตอนผมกินข้าวอีกต่างหาก จนผ่านไปครึ่งชั่วโมง ข้าวผมหมดไปครึ่งจาน โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็สั่นหงึกๆ เป็นข้อความจากลุงรหัสที่บอกให้ผมเลิกกักบริเวณเพื่อนแกได้แล้ว พอดีกับที่โทรศัพท์ในมือของพี่ธันก็ดังพอดี
“ว่าไง เม” มันรับสายจากใครสักคนที่ชื่อเม ไม่รู้เมไหน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับผมนี่นา
“พี่จะกลับแล้ว แม่กับป๋ากลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ” มีบุพการีโผล่มาด้วย แสดงว่าน่าจะเป็นสายจากทางบ้าน ซึ่งก็น่าจะฮั้วกันกับพี่ภูมิลุงรหัสของผมที่ไปจัดเซอร์ไพรส์ที่บ้านของหมอนี่
...แต่...ไม่เผือกสิถ้วยฟู ไม่เผือก...
“ได้ เอาร้านเดิมมั้ย เดี๋ยวพี่แวะซื้อ...โอเค...ไว้เจอกัน” ช่างเป็นบทสนทนาที่ไม่มีอะไรเลย แต่หน้าแม่งมีรอยยิ้มจางๆและหล่อมากกกกกกก...
“มองอะไร” มันวางสายพอดีตอนที่หันมาเห็นผมจ้อง และพอถูกถามแบบนั้น ผมก็เลยตาตกลงมองจานข้าวแล้วส่ายหน้า ไม่กล้าบอกแม่งเลยว่าหน้ามันเมื่อกี้ รอยยิ้มจางๆแบบเมื่อกี้ องศาแบบเมื่อกี้ หล่อมาก หล่อสุดๆ หล่อจนหัวใจเสียวซ่าน
“เดี๋ยวกูต้องไปแล้ว มึงนั่งกินคนเดียวได้มั้ย”
“ได้พี่” ตอนนี้ผมยอมปล่อยมันไปทุกกรณี จะไปไหนก็ไปเถอะจ๊ะ กูทำภารกิจเพื่อชาติสำเร็จแล้ว
มันลุกจากโต๊ะ ก่อนจะส่งเงินให้ผม ทำเอาต้องเงยหน้ามอง
“ค่ารถกลับบ้าน” น้ำใจที่มันหยิบยื่นให้โดยไม่ได้ร้องขอ ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนชั่วขึ้นมาทันทีที่โกหกมันว่าไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มา ทั้งๆที่เมื่อเช้าเพิ่งขอเงินแม่ยัดกระเป๋ามาจนตุงเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำข้อสอบ
“เอาไปสิ มึงไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับบ้านยังไง” มันยัดเงินใส่มือผม เป็นครั้งที่สองที่ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เงินไม่กี่บาท แต่น้ำใจที่มันมีให้กลับรู้สึกยิ่งใหญ่กว่าเงินที่มันให้ซะอีก
“ขอบคุณครับพี่” ผมยกมือไหว้ขอบคุณ ดูเหมือนมันจะอึ้งไปหน่อย
“ไว้...เปิดมาหลังปีใหม่ ผมจะเอาเงินมาคืน”
“ไม่ต้องหรอก มันไม่ได้มากอะไร กินข้าวให้หมดแล้วก็กลับบ้านซะ กูไปแล้ว” ผมได้แต่พยักหน้า แล้วปล่อยให้มันเดินออกจากโต๊ะไป ทั้งๆที่เราไม่สนิทกันเลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพื่อนสนิทกับลุงรหัสผมก็ตาม แล้วไอ้เป้ก็บอกว่าผมเคยกวนตีนมันตอนรับน้องด้วย แต่ก็ผมยังจำหน้ามันไม่ได้อีก ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น...แต่...มันก็ยังมีน้ำใจกับผม
“พี่ธัน” ผมตะโกนเรียกคนที่กำลังจะเดินออกจากโรงอาหาร เจ้าของชื่อหันกลับมามอง และด้วยอะไรดลใจไม่รู้ ผมเลยตัดสินใจพูด
“เอ่อ...แฮปปี้เบิร์ธเดย์” มันชะงัก มองผมเหมือนคาดไม่ถึงว่าผมจะพูดคำนี้
“พี่ภูมิบอกผมว่า...ช่วงนี้วันเกิดพี่...” มันยิ้มน้อยๆ ยิ้มแบบที่ผมบอกว่าหล่อนั่นแหละ
“กูเกิดวันที่ 31 ไม่ใช่วันนี้”
“อวยพรล่วงหน้าไงพี่” ผมพูดแล้วยิ้มขำๆ มันก็พลอยหัวเราะไปด้วย
“มึงเป็นคนแรกเลยว่ะ” เราสบตากัน และนั่นทำให้หัวใจผมเต้นแปลกๆ มันยังคงยิ้มให้ผม ก่อนจะชี้นิ้วมาที่เงินที่มันยัดใส่มือผมเมื่อกี้นี้
“กลับบ้านดีๆล่ะ อย่าทำเงินหาย” นั่นคือประโยคสุดท้าย ก่อนที่มันจะหมุนตัวเดินจากไป ผมมองตามแผ่นหลังของมันแล้วก้มลงมองเงินในมือก่อนจะเบี่ยงสายตามาที่จานข้าว เสียงหัวใจเต้นแปลกๆเมื่อกี้หายไปแล้ว แต่น้ำใจของรุ่นพี่ร่วมคณะยังคงอยู่ตรงหน้า
ผมสัญญา...จากนี้ไป ผมจะไม่ลืมว่าผู้ชายที่ชื่อธันวาหน้าตาเป็นยังไง ผมจะจำเขาให้ได้ แม้ว่าผมอาจจะหยุดกวนตีนเขาไม่ได้ก็ตาม คึคึคึ...
FIN
ถ้วยฟูพี่ธันเวอร์ชั่นรักแรกพบ กร๊ากกกกกก พี่ธันแกพลาดจริงๆค่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี ไปใจอ่อนเป็นที่ปรึกษาปัญหา(ไร้สาระ)ให้ถ้วยฟูจำหน้าได้ สุดท้ายเวรต้องเป็นไปตามกรรมนะคะ ฮา
พรุ่งนี้เจอกันใหม่ วันนี้ปวดหัวมากๆเลย ไม่รู้มีคำผิดตรงไหนมั่งมั้ย ขอโทษล่วงหน้านะคะ
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงพี่ธันและถ้วยฟู และพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ