ภาคต่อ ตอนที่ 32
คุณกำชัยและคุณเจนนิเฟอร์ผู้เป็นพ่อกับแม่ของพลกฤษณ์เดินทางมาถึงสนามบินหาดใหญ่ในเวลาแปดโมงครึ่งเพราะคนทั้งสองหาตั๋วเครื่องบินได้ทันในเที่ยวแรกของวันตามที่ต้องการ เมื่อถึงแล้วพวกเขาจึงโทรหาลูกชายทันที
“ฮัลโหล แจ๊ค ตอนนี้ป๊ากับม้าถึงสนามบินแล้วนะลูก”
“เหรอครับ” เขาดีใจ “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมไปรับนะครับ”
“อ่าดี เดี๋ยวป๊ากับม้าไปเช่ารถรอเราเลยนะ” คนเป็นพ่อตอบกลับ
“ครับ ๆ ได้ครับ เจอกันนะฮะป๊าม้า”
เขาแต่งตัวด้วยชุดที่ไม่ได้ไปทำงานที่ร้านของพ่อกับแม่พีร์เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่เขาจะตกใจไปเสียก่อน ป๋องเห็นชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนที่เขาเคยเห็นในรูปตามข่าวจึงร้องทัก
“โอ้โห น้องแจ๊ค แต่งตัวหล่ออย่างนี้จะไปไหนเนี่ยะ”
พลกฤษณ์ตอบรับ “พ่อกับแม่ผมมาถึงหาดใหญ่แล้วหน่ะครับ เดี๋ยวผมจะไปรับ”
“เหรอ โห รวดเร็วทันใจจริง ๆ”
“ผมไปก่อนนะครับพี่ป๋อง ขอบคุณมากนะครับ”
“เออ ๆ โชคดีน้องแจ๊ค เดี๋ยวพี่บอกเสี่ยให้”
เขาออกไปจากห้อง ก็เจอกับอุสนาที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี
“คุณแจ๊ค วันนี้จะไปไหนเหรอคะ”
“อ่อ ไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบินครับ”
“ค่ะ โชคดีนะคะ” เธออวยพรให้ชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มจริงใจ พลกฤษณ์ยิ้มรับแล้วรีบซ้อนท้ายมอเตอร์ไชค์รับจ้างไปยังสนามบินเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ของเขารอนาน
เมื่อไปถึงสนามบิน เขาก็ไปยังส่วนของรถเช่าตามที่นัดหมายกับพ่อแม่ไว้ เมื่อคนทั้งสามเจอกันก็เข้ามากอดกันอย่างคิดถึงและเป็นห่วงซึ่งกันและกันอย่างอบอุ่น
“แจ๊ค ลูกผอมไปหรือเปล่าเนี่ยะ” คนเป็นแม่ถาม
“ก็ นิดหน่อยครับ”
“ป๊าเช่ารถเรียบร้อยแล้ว งั้นเราไปกันเลย ป่ะ”
“โห นี่คุณไม่คิดจะไปเช็กอินที่โรงแรมก่อนเหรอ” คนเป็นแม่ท้วงขึ้น
“มาถึงแล้ว จะรออีกทำไมให้ตื่นเต้น ใช่มั๊ยแจ๊ค”
“อ่าครับ” เขายิ้มกับคนเป็นพ่อ และช่วยเก็บสัมภาระของพ่อกับแม่ใส่ท้าย Toyota Camry สีขาวที่เช่าไว้ เมื่อพนักงานส่งกุญแจรถมาให้ พลกฤษณ์ก็ขึ้นนั่งในตำแหน่งคนขับ เพื่อที่จะพาพ่อกับแม่ของตัวเองไปที่บ้านของพีร์ อย่างอดตื่นเต้นไม่ได้
เพราะเกิดมาเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องให้พ่อกับแม่มาคุยกับครอบครัวของคนรักแบบนี้
ยังกับว่าเขาจะไปขอผู้หญิงอย่างนั้นแหล่ะ ชายหนุ่มคิด
รถซีดานหรูสีขาวจอดเทียบหน้าบ้านของพีร์อย่างรู้ที่ทาง พ่อกับแม่ของพีร์นึกรู้ว่าใครมาตามที่ป๋องบอกไว้ พวกเขาพร้อมกับพีร์จึงออกไปต้อนรับผู้มาเยือนอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน
พ่อกับแม่ของพลกฤษณ์ เปิดประตูรถลงมา และก็เดินตามลูกชายเข้าไป ก็พบว่าพ่อกับแม่ของพีร์ยืนรออยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยกมือไหว้กันและกันตามมารยาท แต่พ่อของพลกฤษณ์และพ่อของพีร์มองหน้ากันอย่างสงสัยในตัวแต่ละฝ่าย
“เอ หน้าคุ้น ๆ นะ” พ่อของพีร์มองพ่อของพลกฤษณ์อย่างสังเกตุเช่นเดียวกัน
“เอ่อ ขอโทษนะครับ นี่ใช่กวงหรือเปล่าครับ” พ่อของพลกฤษณ์ถามออกไป
“ใช่ครับ แล้วนี่ใช่อากิมหรือเปล่าครับ” พ่อของพีร์ก็ถามไปเพื่อความแน่ใจเหมือนกัน
“ใช่ ๆๆ เฮ้ยย อย่าบอกนะว่า แกเป็นพ่อของหนูพี”
“เออ แล้วแกก็อย่าบอกนะว่าพ่อเจ้าแจ๊คก็คือแกเองเหรอ”
ผู้เป็นพ่อทั้งสองตกใจในตัวแต่ะละคน เช่นเดียวกับคนรอบข้างที่ก็งงไม่แพ้กันในตอนนี้ คนเป็นพ่อทั้งสองกอดคอกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“เข้ามานั่งคุยกันข้างในดีกว่านะคะ” แม่ของพีร์เชิญให้ทุกคนเข้ามาในส่วนที่เป็นห้องแอร์ก่อนจะชวนลูกชายไปนำน้ำมาต้อนรับ
“นี่มันยังไงอ่ะครับป๊า ผมงงไปหมดแล้ว” พลกฤษณ์ถามขึ้น
“ก็ พ่อของหนูพีเนี่ยะ เป็นไอ้กวง เพื่อนสมัยเรียนช่างกลของป๊าเอง ฮ่ะ ๆๆ”
“จริงเหรอครับ”
“อื้ม ใช่แล้ว ผมกับพ่อคุณเป็นเพื่อนกันมาก่อน” พ่อของพีร์สมทบ
“แล้ว นี่มันยังไงวะกวง เรียนจบแล้วแกกลับมาปักษ์ใต้เลยเหรอ”
“เออ ใช่ พ่อกับแม่ของชั้นให้กลับมาเลย เพื่อมาแต่งงานกับแม่ของพีนี่หล่ะ แล้วแกล่ะ หายหน้าหายตาไปเลย ได้ข่าวว่าไปเมืองจีนแล้วไม่ส่งข่าวมามั่งเลยนะ”
“เฮ่ยย มันยุ่ง ๆ ว่ะช่วงนั้น ก็ ไปเรียนต่อที่ฮ่องกง ไม่ได้ไปแผ่นดินใหญ่หรอก ก็เนี่ยะ เรียนไปเรียนมาก็เจอเจนนี่นี่หล่ะ” เขาพูดถึงภรรยาใบหน้าลูกครึ่งฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ
“อ่าวเหรอ แล้วแกกลับมาอยู่เมืองไทยเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็ลูกคนเล็กสามขวบก็กลับเมืองไทย และก็ไป ๆ มาๆ อย่างงี้แหล่ะ”
“เหรอ...” พ่อของพีร์ตอบรับ พอดีที่คนเป็นแม่ของพีร์ยกน้ำเข้ามาพอดี
“อ่านี่ หงีมาพอดี จะแนะนำให้รู้จัก” เขาพูดกับพ่อของพลกฤษณ์
“อากิม นี่ อาฟุง แม่ของพี อาฟุง นี่อากิม เพื่อนสมัยเรียนช่างกลของไหง กับ คุณเจนนี่”
“สวัสดีค่ะ” คนเป็นแม่ของพีร์ยกมือไหว้คนทั้งสองที่รับไหว้ทันที
“ไม่ต้องหรอกครับคุณฟุง คนกันเองทั้งน้านนน”
“เอ่อ แจ๊คกับน้องพีจ๊ะ ช่วยออกไปก่อนได้มั๊ย คือ เดี๋ยวขอพวกเราคุยกันก่อนนะจ๊ะ” แม่ของพลกฤษณ์บอกอย่างนั้นทำให้คนเป็นลูกต้องลุกออกไปข้างนอกตามที่ขอร้อง
“คุณแจ๊ค คุณลุงคุณป้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ” พีร์ได้โอกาสถามทันทีขณะที่ออกมาอยู่ในครัวด้วยกัน เพราะเขาก็ตกใจเหมือนกัน ที่พ่อแม่ของพลกฤษณ์จะมาได้รวดเร็วอย่างนี้
“ลงเครื่องปุ๊บก็มาเลยเนี่ยะ”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม ป๊ากับม้าเค้ากลัวพ่อแม่คุณเปลี่ยนใจหน่ะเลยรีบมา”
เขาตอบยิ้ม ๆ ทำให้พีร์เองก็เขินไปเหมือนกัน
“คุณว่าไงอ่ะ ป๊ากับม้าพวกเราคุยกันอย่างนี้แล้ว” พลกฤษณ์หันมาถามพีร์อย่างอยากรู้
“ผมก็เดาไม่ได้เหมือนกันอ่ะ”
“แล้วคุณอยากให้มันเป็นแบบไหนล่ะ”
“ก็ ไม่รู้อ่ะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” พีร์ตอบไม่ถูก พร้อมกับมองไปที่พวกผุ้ใหญ่คุยกันอย่างครุ่นคิด
“อากวง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ชั้นก็เจนนี่ก็จะมาคุยกับแกตรง ๆ ละกันนะ”
“อืม ที่ชั้นให้แจ๊คเรียกพ่อกับแม่มาคุยนี่ก็จะคุยกันเรื่องของพีเหมือนกันหล่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแกไปได้”
“อืม แล้วแกโอเคมั๊ยกับลูกชายชั้น”
“ก็ ดีนะ เด็กคนนี้อดทนดี ตอนแรกชั้นก็จะนึกว่าเค้าจะหนีกลับไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ที่ไหนได้ อยู่ทำงานทุกวันโดยไม่ปริปากพูดอะไรซักคำเลย”
“แล้วลูกแกล่ะ”
“เฮ่ยยย ตอนแรกชั้นก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่พอมาคิด ๆ ดู ลูกก็ลูกเรา มันก็เป็นเด็กดีมาตลอด เออ ว่าแต่ ตอนแกรู้เรื่องเจ้าแจ๊คเป็นอย่างนี้นี่ แกเป็นไงมั่งวะ”
“เป็นไงเหรอ” เขาหัวเราะออกมา “ก็เฉย ๆ หน่ะ เพราะแจ๊คมันฉายแววตั้งแต่อยูอนุบาลแล้ว”
“หะ ยังไงวะ”
“ก็ ครูมันตอนอนุบาลมาฟ้องทุกเย็นเลยว่าเจ้าแจ๊คชอบไปไล่หอมแก้มเด็กผู้ชายตัวเล็กคนนึงที่ตัวเล็ก ๆ อ่ะ เจนนี่ เธอจำได้มั๊ย”
“จำได้สิ ตอนนั้นชั้นก็ไม่คิดอะไรมากหรอกนะคะ จนแจ๊คเป็นวัยรุ่นเค้าก็เริ่มคบผู้ชายด้วยกัน ตอนแรกเค้าก็ไม่อยากบอกพวกเราหรอก แต่ชั้นก็เข้าไปคุยกับลูกดี ๆ ก็เป็นอันว่าเข้าใจกัน”
“แล้วไม่ตกใจกันมั่งเหรอคะ”
แม่ของพลกฤษณ์ส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ แต่ชั้นก็บอกลูกเสมอนะว่าเป็นอย่างนี้แล้วอย่าทำให้ใครเดือดร้อน ทำอะไรก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองมากขึ้น”
พ่อกับแม่ของพีร์มองหน้ากันอย่างกรุ่นคิด
“แต่แจ๊คหน่ะ ดูภายนอกเป็นคนเจ้าชู้ก็จริง แต่จริง ๆ แล้วเค้าไม่เคยพาใครมาให้ชั้นกับกิมรู้จักเลยนะคะ นอกจากหนูพี”
“จริงๆ นะ หนูพีก็เป็นเด็กน่ารัก พวกชั้นก็ชอบเค้ามากเลย”
“ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจลูกของเรา ก็อยากจะขอ....”
“ตกลงค่ะ” คนเป็นแม่ของพีร์ที่นั่งเงียบ ๆ มาตลอดตอบตกลงโดยที่แม่ของพลกฤษณ์ยังพูดไม่จบ ทำให้พ่อของพีร์หันไปมองภรรยาตัวเองอย่างตกใจ
“อ่าว หงี...”
“ค่ะ ชั้นเห็นว่าแจ๊คเป็นคนดี ดูแลพีได้ ชั้นในฐานะคนเป็นแม่ก็ดีใจนะคะที่ลูกของชั้นจะมีคนที่ดีมาดูแลอย่างนี้”
“เป็นอันว่าตกลงใช่ไหมครับคุณฟุง ใช่มั๊ย ไอ้กวง” พ่อของพลกฤษณ์ถามเพื่อความแน่ใจ
“เออ..” พ่อของพีร์พยักหน้าไปอย่างเสียไม่ได้ เขาแอบเคืองภรรยาเล็กน้อยที่แย่งชีนสำคัญของเขาไป
“งั้นเป็นอันว่าตกลงนะ แล้วทางชั้นจะลงมาทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียมอีกที”
“หะ ยังไงวะ”
“ก็ ไหน ๆ ก็ไปมาหาสู่กันอย่างถูกต้องอย่างนี้ ชั้นก็อยากให้ลูก ๆ มายกน้ำชาและก็ส่งตัวให้มันถูกต้องไปเลยแกว่าไง”
“เอางั้นเลยเหรอวะ”
“ดีค่ะ ดี ชั้นเห็นด้วย” แม่ของพีร์ตอบรับ “ไม่ดีเหรอป๊า เค้าให้เกียรติเราขนาดนี้”
“อืม ก็ดีนะ แต่อย่าเอิกเกริกมากได้มั๊ยวะ”
“ได้สิ จัดกันเล็ก ๆ ให้เป็นพิธีก็พอ”
“อืม ดี ๆ งั้นชั้นตกลงเรื่องของพีกับเจ้าแจ๊ค ให้เป็นไปตามนี้ละกัน” คนเป็นพ่อของพีร์เอ่ยออกมาอย่างเชื่อใจคนเป็นเพื่อน และเริ่มเชื่อมั่นในตัวของพลกฤษณ์
หลังจากคุยธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อตอนกลางวัน ตกเย็นเมื่อพลกฤษณ์ช่วยงานที่ร้านของพ่อพีร์เสร็จแล้วเขาจึงก็ได้ขออนุญาตพ่อแม่ของพีร์ ให้พีร์พาเขาออกมาเที่ยวรอบ ๆ ตัวเมืองหาดใหญ่ เพราะเขาเองก็ยังไม่เคยมาและไม่เคยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่มาถึง
“พี่ คุณว่าไงอ่ะ เรื่องที่ป๊าผมบอกว่าจะให้เราแต่งงานกัน” พลกฤษณ์ถามขณะที่อยู่กับอีกฝ่ายในห้องพักของเขาที่โรงแรมขณะที่พีร์มาส่ง
“ก็ ไม่รู้สิ”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากอยู่กับผมเหรอ”
“คือ มันเร็วไปหน่ะ ผมก็ยัง งง ๆ อยู่เหมือนกัน” พีร์ตอบไปออกไปโดยที่ไม่ได้สบตาอีกฝ่าย
เขาจับแขนพีร์ทั้งสองข้างเบา ๆ พร้อมกับมองหน้าพีร์อย่างจริงจัง “หรือว่า คุณยังรักไอ้หยก”
พีร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง เขาไม่เคยปิดบังอะไรพลกฤษณ์มิดจริง ๆ น้ำตาของพีร์ค่อย ๆ ไหลออกมาเมื่อนึกถึงตรงนี้
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” พลกฤษณ์ปล่อยมือ และถอนหายใจออกมาอย่างรับรู้และยอมรับ เขาค่อย ๆ พาตัวเองออกไปจากห้อง ปล่อยให้พีร์ได้อยู่คนเดียวกับความจริงในใจของตัวเอง
http://www.youtube.com/v/IHRgM3M_oJM