<เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน  (อ่าน 159287 ครั้ง)

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #300 เมื่อ23-05-2010 14:13:54 »

ตาอินกับตานา หาปลาเอากินกัน ตาอยู่มาเดี๋ยวเดียวคว้าพุงเพียวเพียวไปกิน
มันชั่งเข้ากันเสียยิ่งกะไรเลยนิ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
<เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #301 เมื่อ24-05-2010 16:48:14 »

ภาคต่อ ตอนที่ 23

“พจ เป็นอะไรไปเหรอ” แคทเธอรีนถามศิริพจน์ที่มีท่าทางเศร้าลง ขณะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
“แฟนผมที่เมืองไทยหน่ะครับ ช็อกเรื่องผมจะแต่งงานจนเข้าโรงพยาบาล” ชายหนุ่มตอบซึม ๆ ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
แคทเธอรีนเองก็ตกใจเหมือนกันเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอถามต่อว่า “แล้วมีคนดูแลเค้าอยู่ทางโน้นหรือเปล่าคะ”
“มีครับ เป็นพี่ชายอีกคนที่ผมเคารพ” เขาพูดถึงพลกฤษณ์ที่เป็นคนโทรมารายงานเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
“ค่ะ ก็ดีแล้วค่ะ”
“เมื่อวานที่ผมโทรคุยกับเค้า..เอ่อ แฟนผมหน่ะฮะ ผมคิดว่าเค้าคงเป็นลมไปหลังจากที่วางสาย”
ศิริพจน์พูดต่ออย่างคับแค้น “ผมรู้สึกผิดมากเลยแคท ที่รับปากพาเค้ามาตามความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผม”
“อย่าคิดมาเลยค่ะพจ ชั้นว่าทุกคนมีสิทธิที่จะฝันและมีความรัก และก็ใช้ความรักนำทางความฝันของตัวเอง” เขาพูดต่อ “อย่างน้อยเค้าก็ปลอดภัยแล้วนะคะ คุณน่าจะหมดกังวลได้บ้าง หรือไม่อย่างนั้น เสาร์อาทิตย์นี้ก็กลับไปเยี่ยมเค้าที่เมืองไทยก็ได้นนี่คะ”
แคทเธอรีนพูดให้สติ ศิริพจน์ยิ้มรับเพราะคิดได้ตามที่หญิงสายพูด หญิงสาวยิ้มสดใสก่อนจะบอกว่า
“แล้วคุณคิดว่าบ่ายนี้นักลงทุนจากยุโรปจะเทขายมาให้เราเท่าไหร่คะ”
ศิริพจน์เองก็ยิ้มกว้างอย่างสดใส แคทเธอรีนช่างเป็นผู้หญิงที่เข้าใจเขาจริง ๆ

  ทันทีที่ถึงเมืองไทย นลพรรณก็รุดไปเยี่ยมพีร์ที่โรงพยาบาลทันทีอย่างเป็นห่วง เธอไม่ลืมชวนปกรณ์ไปด้วยเพราะเด็กหนุ่มก็เป็นคนที่ทั้งสองเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
   เมื่อเธอเปิดประตูห้องก็พบกับพลกฤษณ์ที่กำลังนั่งข้าง ๆ เตียงมองดูพีร์อย่างเป็นห่วง เธอรู้สึกสะเทือนใจที่เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเสียใจมาก ๆ  ใบหน้าจิ้มลื้มที่เคยสดใสของพีร์ดูซีดเซียวถึงแม้จะได้รับการให้น้ำเกลือแล้วก็ตาม ส่วนปกรณ์เองที่ชอบสร้างบรรยากาศครึกครื้น เมื่อเห็นอย่างนี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ออกเหมือนกันนอกจากเริ่มร้องไห้ออกมา
  นลพรรณที่ร้องไห้ออกมาเบา ๆ มองหน้าพลกฤษณ์เหมือนจะบอกเขาว่าเธอสงสารพีร์มากเพียงใด
“น้องพี...” หญิงสาวเรียกชื่อพีร์เบา ๆ ทำให้พีร์ที่รู้สึกตัวได้หน่อย ๆ หันมามองตามเสียง พลกฤษณ์หยิบแว่นตาของเขาที่ถอดอยู่ข้างเตียงสวมให้เขาทันที    พลกฤษณ์เห็นว่าเป็นนลพรรณกับปกรณ์ จึงพยายามยกมือไหว้สวัสดี
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ อยู่เฉย ๆ เถอะ เธอเข้าไปจับมือหนุ่มหน่อยไว้ และกำเบา ๆ อย่างให้กำลังใจเพราะเธอไม่รู้จะพูดอะไรออกมาให้พีร์รู้สึกดีขึ้น
ชายหนุ่มที่ดูแลพีร์มองหน้านลพรรณที่ทำหน้าเหมือนขอเวลาอยู่กันส่วนตัว เขาจึงลุกออกไปข้างนอก

“นี่นายดูแลนังหนูคนเดียวเหรอแจ๊ค” ปกรณ์เดินตามพลกฤษณ์ที่ลุกออกไปข้างนอกเพื่อสอบถาม
 “อืม..ตอนแรกไอ้หยกมันจะขอมานอนด้วย แต่เราด่ามันไปเมื่อวานหน่ะ”
“ยังไง อย่าบอกนะว่าเพราะนังหนู” เขากระซิบถามอย่างตกใจ
“อืม..”
“ยังไงล่ะ เล่าให้เราฟังได้ไหม”
“เราทนไม่ได้ที่เห็นไอ้หยกมันเป็นคนทำให้พจกับน้องพีต้องเป็นอย่างนี้” เขาถอนหายใจ “นายรู้หรือเปล่าว่าน้องพีเข้าโรงบาลเพราะอะไร”
“อืม น้องเค้าช็อกมากที่รู้ว่าพจจะแต่งงาน”
“ใช่ นั่นมันก็เรื่องนึง แต่อีกเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบน้องเขาก็เพราะว่าพ่อแม่น้องเขารู้ว่าน้องพีเป็นเกย์จากข่าวเรา”
“คุณพระช่วย!!” ปกรณ์ตกใจ
“เมื่อวานเราคุยกับแม่ของน้องเค้าแล้วนะ เค้าบอกว่านี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ที่เค้าเปิดใจคุยเรื่องนี้กับลูกตัวเอง เขารู้หล่ะว่าลูกเค้าปิดบังเรื่องนี้มาตลอด แต่น้องพีหน่ะสิเค้ายังรับการเปลี่ยนแปลงของการเปิดเผยไม่ได้ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“เฮ้อออ..”
“เราไม่นึกเลยนะว่าน้องพีเค้าจะต้องทนทุกข์กับเรื่องนี้คนเดียว และไหนจะเรื่องที่ไอ้หยกมันทำไว้อีก”
ปกรณ์ตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ “เฮ้ออ ถ้านังหนูไม่มีน้องพจน์แล้ว นายคงจะเข้ามาดูแลนังหนู หรือเปล่า?”


“น้องพี...” เธอจับมือหนุ่มน้อยไว้อย่างเป็นห่วง “พี่..พี่ขอโทษ”
“พี่แพรว”
“พี่ขอโทษที่ขัดขวางพ่อกับแม่เรื่องพจไม่ได้ ฮือ ๆๆ”
“พี่แพรวครับ…”
“พี่รู้ว่าพจกับน้องพีรักกันแค่ไหน แต่พี่มันไม่ดีเองที่ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ พี่ขอโทษจริง ๆ นะ ฮือ ๆๆ”
“พี่แพรวครับ อย่าโทษตัวเองเลย...ผมต่างหากล่ะ ที่เข้ามาในชีวิตของพจ ถ้าพจไม่รู้จักผม เค้าก็คงไม่ต้องเสียใจแบบนี้”
“น้องพีอย่าโทษตัวเองอีกเลย พี่ขอโทษแทนพ่อแม่พี่ด้วยที่ทำให้น้องพีเป็นแบบนี้”
“อย่าเลยครับ พวกท่านไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก ผมเข้าใจครับว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกตัวเอง”
หญิงสาวมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างสะเทือนใจ พีร์พูดต่อ “ผมรู้สึกผิดตั้งแต่ผมเข้ามาในชีวิตของพี่หยกแล้ว ผมขอล่ะครับ ผมจะไม่ทำให้เรื่องของพจกับผมเป็นเหมือนเรื่องของพี่หยกแน่ ๆ”
“น้องพี..น้องพียังรักหยกอยู่ไหม”
เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าช้า ๆ และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากับคำตอบจากใจของเขา
“แต่พี่แพรวเลิกกังวลได้เลยนะครับ รักของผมมันคงเป็นไปไม่ได้อย่างที่เคยเป็นหรอกครับ ผมรู้ว่านอกจากพี่หยกจะเป็นสามีของพี่แพรวแล้ว เขายังต้องเป็นพ่อของลูก”
“ผมคงไม่ทำให้ครอบครัวของคนที่ผมรักและเคารพอย่างพี่หยกกับพี่แพรวต้องแตกแยกกันหรอกครับ”
นลพรรณได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ เด็กหนุ่มนั้นถึงแม้จะรักศิลาแค่ไหน แค่ก็ไม่เห็นแก่ตัวเพื่อที่จะกักขังคนรักไว้เหมือนที่ศิลาทำ
“น้องพี พี่ต้องขอโทษแทนหยกด้วยนะที่ทำให้พจกับน้องพีต้องจากกัน”
“หะ..” เด็กหนุ่มแปลกใจเพราะไม่รู้เรื่องนี้ นลพรรณเห็นอย่างนั้นก็นึกรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่รู้จึงเงียบไป พีร์จ้องหน้าหญิงสาวอย่างสงสัยและคาดคั้น
“พี่แพรวครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีจ้ะ ไม่มี” เธอกลบเกลื่อน
“พี่แพรวครับ พี่หยกเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของพจเหรอครับ”
“เอ่อ..ไม่จ้ะ”
“พี่แพรวครับ เล่ามาเถอะครับ..”
“น้องพี..”
“นะครับ ผมอยากรู้” เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้เต็มแก่ “นะครับ เล่าความจริงให้ผมฟังเถอะ”
 เธอเห็นอย่างนั้นก็หมดปัญญา จึงพูดออกไป
“ความจริง ที่ตาพจแต่งงานก็เพราะว่าหยกเป็นแนะนำพ่อแม่พี่เองหน่ะ” เธอพูดเศร้า ๆ เพราะอยากให้เด็กหนุ่มรับรู้ที่มาของเรื่องจริง ๆ
พีร์พูดอะไม่ออกด้วยความช๊อก หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวด พีร์ค่อยร้องไห้ออกมาอย่าเจ็บปวดเช่นกัน เขาเอามืออุดปากกันเสียงกรีดร้องของเขา นลพรรณเห็นเด็กหนุ่มร้องไห้หนักขึ้นจึงโทรเรียกปกรณ์และพลกฤษณ์ให้กลับมาดู พอวางสาย สองคนดังกล่าวก็รีบเข้ามาหาพีร์ทันที
“พี....” พลกฤษณ์เข้าไปจับแขนพีร์ที่ใช้มือกุมใบหน้าที่น้ำตานองอยู่ “เกิดอะไรขึ้นแพรว” 
“แพรวเผลอบอกกับน้องพีว่าหยกเป็นคนทำให้พจต้องแต่งงาน ฮือ ๆๆ”
พลกฤษณ์มองหน้าหญิงสาวแบบตกตะลึง และหันไปมองพีร์ที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดหนักขึ้น พีร์ที่ร่างกายและจิตใจอ่อนเพลียอยู่แล้วจึงสลบไปอย่างง่ายดาย ปกรณ์จึงกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที
“แจ๊ค... แพรวขอโทษ” หญิงสาวรู้สึกผิดมาก ๆ ที่ทำให้เด็กหนุ่มเป็นลมไปอีก
“ไม่หรอก สักวันเค้าก็ต้องรู้ ให้รู้ซะตอนนี้หล่ะดีแล้ว” เขาพูดตามความเป็นจริง “ให้พีเค้าร้องไห้ซะตั้งแต่วันนี้ วันต่อไปจะได้ไม่ร้องไห้อีก”
พยาบาลเคาะประตูและรีบเข้ามาทันที พวกเธอกุลีกุจอวัดความดัน และทำอะไรต่าง ๆ นานา สักพักหมอก็เข้ามาตรวจอาการของพีร์ คุณหมอปลดหูฟัง แล้วบอกกับทุกคนว่า
“คนไข้มีอาการเหมือนเดิมหน่ะครับ คือตกใจมากจนหมดสติ” เขาหันไปมองทุกคน “มีใครทำอะให้คนไข้สะเทือนใจหรือเปล่าครับ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันแหย ๆ นายแพทย์เลยพูดต่อ
“หมอจะบอกให้นะครับ อาการของคนไข้ไม่ได้ดีขึ้นเพราะยาหรือการรักษาของหมอ แต่มันขึ้นอยู่กับกำลังใจของคนไข้ด้วยนะครับ”
   คำพูดของนายแพทย์ทำให้คนทั้งสามรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ “วันนี้หมอฉีดยาคลายเครียดให้คนไข้แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณนะครับว่าจะให้กำลังใจคนไข้ดีแค่ไหน หมอขอตัวก่อนนะครับ”
  หลังจากนายแพทย์ออกไป ปกรณ์ก็หันมาแหวใส่เพื่อนตัวเองทันที
“นังแพรว เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่ถ้านังหนูช็อกหนักกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น”
“เอาน่าเป้ อย่าไปว่าแพรวเค้าเลย” พลกฤษณ์ตัดบท “ยังไงช่วงนี้ก็ช่วยกันดูแลน้องพีให้ดี ๆ ละกัน” เขาหันไปบอกนลพรรณโดยเฉพาะ “แล้วบอกไอ้หยกมันด้วยว่า อย่าเพิ่งไปเยี่ยมน้องพี เล่าให้มันฟังด้วยละกันนะแพรวว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่มันทำลงไป”
“อืม ได้สิ” เธอหันไปลูบแขนพีร์เบา ๆ “พี่กลับก่อนนะจ๊ะ” ก่อนจะออกไปพร้อมกับปกรณ์

“ฮัลโหล หยก” เธอโทรหาสามีทันทีหลังจากขึ้นรถ
“ว่าไงแพรว คุณอยู่ไหนเนี่ยะ”
“แพรวเพิ่งออกจาโรงพยาบาลหน่ะ คือ แพรวเพิ่งไปเยี่ยมน้องพีมา”
“เหรอ...เนี่ยผมก็กะว่าจะไปเหมือนกัน”
“หยก หยกอย่าเพิ่งไปเยี่ยมน้องพีตอนนี้ได้ไหม”
“หะ ทำไมล่ะแพรว” เขาสังสัย เพราะนลพรรณพูดด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจ จึงทำให้เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไร
“คือ แพรวไม่รู้ว่าน้องพี ไม่รู้เรื่องที่ตาพจต้องแต่งงานเพราะคุณหน่ะ แพรวพลั้งปากบอกแกไป”
“หา....”
“อืม แล้วน้องพีก็ร้องไห้จนหมดสติไปอีกรอบทันทีที่รู้”
ศิลาเงียบ ไม่นึกว่าสิ่งที่เขาทำลงไป จะเป็นการทำร้ายจิตใจของคนรักได้ถึงเพียงนี้
“ฮัลโหล ๆ หยก”
“โอเค งั้นขอบใจนะแพรวที่โทรมาบอก  แค่นี้ใช่ไหม”
“อืม จ้ะ”
“โอเค บาย”

   ศิลากดวางสาย เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนรักที่เลวร้ายที่สุดในโลก เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วหันกลับไปมองนอกบานกระจกอย่างทุกข์ใจยิ่ง  ฉับพลันคำพูดของพลกฤษณ์ก็หลั่งไหลลอยเข้าหัวมา
“แกหนเห็นน้องพีเสียใจได้ไงวะ หะ!”
“แกมันเป็นคนรักภาษาอะไรวะ”
“แกมันเห็นแก่ตัว คิดหรือเปล่าว่าที่ทำไปมันจะทำลายชีวิตคนอื่น”
“ทำไมแกไม่ปล่อยน้องเขาให้ไปอยู่กับคนที่พร้อมดูแลว่าล่ะ”
เขาหลับตายอมรับความผิดที่เขาลงไป ถึงแม้เขาจะคิดว่า ที่ทำไปก็เพราะว่าเขารักพีร์มากเพียงใดก็ตาม

วันนี้ศิริพจน์มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านแคทเธอรีน คุณโรเบริ์ตและคุณลิซ่าผู้เป็นพ่อแม่ต่างก็ให้การต้อนรับอย่างดี เพราะรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของลูกสาวและว่าที่คู่หมั้นเป็นไปได้ด้วยดี แคทเธอรีนพาศิริพจน์มานั่งเล่นในมุมระเบียงสวนของบ้านเพื่อผ่อนคลายความตรึงเครียดจากการทำงานและไม่ลืมที่จะเปิดโน๊ตบุ๊คสำหรับประเมินข้อมูลในวันต่อไป  ศิริพจน์เองเหลือบไปเห็นนกกรงหัวจุกตัวน้อยที่อยู่ในกรงไม้ลายวิจิตร เขาจึงถามแคทเธอรีนขึ้นมา
“แคท ผมเพิ่งเห็นว่าที่สิงคโปร์เองก็เลี้ยงนกกรงด้วยเหรอครับเนี่ยะ”
“ค่ะ ใช่” เธอเดินนำชายหนุ่มไปยังกรงนก ก็พบนกน้อยที่เกาะกิ่งไม้ในกรงนิ่ง เมื่อศิริพจน์เห็นนกน้อยที่ถูกขังไว้ในกรงอย่างนี้ก็อดขึ้นถึงพีร์ไม่ได้ เขาพูดออกมาว่า
“ผมไม่เข้าใจคนที่เลี้ยงนกเลย ว่าทำไมต้องขังมันไว้ในกรงด้วย เรารักอะไรเราก็ต้องทำให้มันมีความสุขไม่ใช่เหรอ ในเมื่อนกมันชอบบิน ทำไมต้องจับมันมาขังไว้แต่ในกรงด้วยล่ะ”
 แคทเธอรีนหันมาตอบ “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเพราะอะไร” เธอเปิดกรงนกออก ทำให้นกน้อยปินปรื๊อออกไป ศิริพจน์ตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวทำแบบนั้น เขามองแคทเธอรีนที่มีท่าทีนิ่งเฉยต่อไป
“แต่สำหรับนกบางตัว มันอาจจะยินดีที่จะถูกขัง เพราะว่ามันคงจะมีความสุขที่ได้อยู่ในกรงมากกว่าออกบินไปข้างนอกหน่ะค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คุณเห็นนกกรงตัวนี้ไหมคะ”  เธอลูบกรงนกอย่างพินิจเบา ๆ “มันสวยงามและบอบบางเกินกว่าจะไปสู้กับนกตัวอื่นบนท้องฟ้าได้ ดังนั้นการมีเจ้าของมาคอยดูและมัน ให้ที่อยู่มัน และเห็นความสำคัญของมัน มันอาจจะไม่มีอิสรภาพเหมือนนกตัวอื่นก็จริง แต่ชั้นเชื่อว่ามันคงจะมีความสุขที่มันถูกขังอยู่ในกรงนะคะ”
ทันทีที่เธอพูดจบ นกน้อยก็บินกลับเข้ามาในกรงอย่างรู้เวลา
  ศิริพจน์เขาใจทันที เมื่อเห็นอย่างนั้น สิ่งที่หญิงสาวพูดเป็นเรื่องที่เขาสามารถเห็นภาพตามทั้งหมด
คนก็เหมือนกัน ทุกคนย่อมมีความต้องการไม่เหมือนกัน การจะเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
บางทีพีร์อาจจะเหมือนนกกรงอย่างที่หญิงสาวว่าก็ได้ ที่มีความสุขจากการถูกขังด้วยความรักของศิลา

  เพราะเขาสังเกตได้ว่า ถึงแม้พีร์จะมีความสุขเมื่ออยู่กับเขา แต่บางครั้งแววตาของพีร์ก็เศร้าหมองเหมือนคนที่อยู่ห่างจากคนรักเหมือนกัน
  เอาเถอะ ถ้าพีร์จะเลือกกลับไปเป็นนกน้อยในกรงทองของศิลาตามเดิม เขาก็เข้าใจ ถึงแม้ว่าเขาจะรับไม่ได้กับวิธีการกักขังพีร์ไว้ในเงาของศิลา ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากให้นกน้อยนั้นขาดซึ่งอิสรภาพตามธรรมชาติของมัน
   แต่ถ้ามันเป็นความสุขของพีร์จริง ๆ  เขาก็ต้องทำใจยอมรับ
ถึงแม้ความฝันที่จะอยู่ร่วมกันจะสลายไปเหมือนน้ำค้างกลางแดดกล้า แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจเลย ที่ได้รักและได้รับความรักจากพีร์

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #302 เมื่อ24-05-2010 17:05:41 »

รันทดไอ้อีกนะค่ะ นังหนูพีร์

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #303 เมื่อ24-05-2010 17:16:39 »

 :เฮ้อ:อยากจะถอนหายใจสักสิบเฮือก

น้องพีร์เอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #304 เมื่อ24-05-2010 17:17:49 »

ทำมั้ย คุณพี่แพรวไปพูดแบบนั้นเนี้ย แล้วน้องพีคงจะเกลียดหยกแน่ๆเลยนิ เราเชีรย์หยกอยู่น่ะ

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #305 เมื่อ24-05-2010 18:27:39 »

เราว่าคนที่ร้ายที่สุดก้อคือแพรวนะ

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #306 เมื่อ24-05-2010 20:35:13 »

ความรู้สึก
ไปๆมาๆ เหมือนพีร์โดนเอาเปรียบเลย

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #307 เมื่อ24-05-2010 22:50:25 »

รู้สัึกความรักของพีร์ จะมีแต่เรื่องโหดร้ายนะ

สงสารน้องพีร์อ่ะ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #308 เมื่อ25-05-2010 16:17:57 »

มาล่ะค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับการติดตาม



ภาคต่อ ตอนที่ 24

“ฮัลโหล คุณแจ๊ค คุณแจ็คอยู่ไหนเนี่ยะ” หนึ่งในบรรดาเด็กหนุ่มของพลกฤษณ์โทรมา
“อ่อ อยู่โรงบาลหน่ะ”
“ตายแล้ว เป็นอะไรไปเหรอคุณแจ๊ค”
“เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วไปโรงบาลทำไมอ่ะ”
“อ่อ ผมมาเฝ้าแฟน”
“แฟน!!!” เด็กหนุ่มปลายสายตกใจเพราะถึงแม้พลกฤษณ์จะคบใครหลากหลาย แต่ก็ไม่เคยมีใครถูกเขาเรียกว่าแฟนเลยสักครั้ง
“ใช่แฟนผมป่วย ผมก็ต้องมาดูแล”
“ได้ไงอ่ะ คุณแจ๊ค….อ่อนี่แสดงว่านังอ้วนที่เห็นในหนังสือนี่ใช่มั๊ยที่คุณแจ็คเรียกว่าแฟน”
“ใช่ แล้วไง อ่อ แต่อย่าเรียกแฟนผมว่านังอ้วน เพราะยังไง เค้าก็เป็นแฟนผม”
“อ๊ายยย บ้าที่สุด!” ปลายสายวางไปอย่าหัวเสีย พลกฤษณ์เองไม่สนใจ เพราะเขารู้ว่าบรรดาเด็กหนุ่มที่รายล้อมเขาอยู่ใช่จะจริงจังและจริงใจกับเขาเสียเมื่อไหร่
  ตั้งแต่ชีวินเสียชีวิตไป เขาก็ไม่เคยรู้สึกดีและมีความสุขอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับชีวินอีกเลย
แต่เมื่อเขาได้รู้จักหนุ่มน้อยผู้บอบบางอย่างพีร์ ความรู้สึกที่เขาเคยมีกับชีวินก็กำลังค่อย ๆ กลับมาหาเขาอีกครั้ง
เขารู้สึกอยากรับผิดชอบในเรื่องที่พีร์มีข่าวกับเขา เขาไม่คิดจะปฎิเสธเหมือนแต่ก่อน
หรือเป็นเพราะว่าเขาอยากจะรับผิดชอบชีวิตหมองเศร้าของหนุ่มน้อยด้วยตัวเขาเอง…

“พจคะ คุณโอเคมั๊ย” แคทเธอรีนที่มากับศิริพจน์ถามชายหนุ่มขณะจะเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยของพีร์ เพราะคนทั้งสองตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯเพื่อเยี่ยมพีร์โดยเฉพาะ
“ครับ” เขาตอบไป แต่หัวใจก็สั่น ๆ เพราะความตื่นเต้นที่จะได้เจอคนที่เขาเป็นห่วง
“เดี๋ยวชั้นรอข้างนอกนะคะ” เธอยิ้มให้กำลังใจชายหนุ่ม เขายิ้มรับและเคาะประตู
 พลกฤษณ์ที่เห็นว่าเป็นศิริพจน์ก็เดินออกมาเปิดประตูให้ ชายหนุ่มยกมือไหว้พี่ชายอีกคนของเขาที่เข้ามาตบไหล่ชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง
“คุณ ดูสิว่าใครมา” เขาบอกพีร์ที่นอนหันหลังให้ประตูอยู่ พีร์รู้สึกตัวจึงหันหลังกลับไป
“พจจจจจ...” เขาตกใจและดีใจที่สุด ศิริพจน์เองไม่รอช้าที่จะเข้าไปหาพีร์ ส่วนเองพีร์ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง และคนทั้งสองก็โผเข้าหากันอย่างคิดถึงที่สุด
  พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้น ก็ยิ้มให้กับภาพตรงหน้าของคนทั้งสอง เขาพาตัวเองออกไปเพื่อยกพื้นที่ตรงนี้ให้พีร์และศิริพจน์ได้ใช้เวลาร่วมกัน
  ชายหนุ่มคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในการอยู่ด้วยกันฉันท์คนรักของคนทั้งสองก็เป็นได้
เขายิ้มเศร้าให้กับชะตากรรมของคนทั้งสอง และปิดประตูเดินออกมา

ศิริพจน์กอดร่างอวบที่สั่นเทิ้มจากการร้องไห้อย่างหนัก เนื้อตัวของพีร์เย็นเฉียบเพราะอาการความดันต่ำ ทำให้เขากอดรัดพีร์แน่นขึ้นเพื่อแบ่งบันไออุ่นให้เหมือนอย่างเคย เขากอดพีร์ด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนกัน ทั้งโหยหา ปลอบโยน และขอโทษ
ไม่มีคำพูดใด ๆ จากคนทั้งสองที่กอดกันแน่นอยู่ในห้อง
เหมือนภาษากายของทั้งคู่มันคงจะพาใจของทั้งคู่ให้ปลอบโยนกันและกัน

แคทเธอรีนกับพลกฤษณ์เองก็มองผ่านบานกระจกที่ประตูอย่างรับรู้ความรู้สึกของคนที่อยู่ในห้อง เธอรู้สึกเศร้าใจเช่นกันที่เห็นการเจอกันของคนรักทั้งคู่

ศิริพจน์กระซิบข้างหูพีร์ที่เริ่มหยุดร้องไห้เบา ๆ “ผมขอโทษ”
พีร์ส่ายหน้าไปมาในอ้อมอก “พจไม่ผิดหรอก อย่าทำแบบนี้เลย”
“พี..”
“พจ พีรู้นะว่าพจก็คงรู้สึกไม่ต่างจากพีหรอก” เขาจับมืออีกฝ่าย “พจ พีว่ามันคงถึงเวลาแล้วหล่ะ ที่เราจะต้องจากกันจริง ๆ”
“พีคับ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย...มันเร็วเกินไปจริง ๆ”
“พีก็คิดมาตลอดเลยนะว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ แต่พีก็แค่รับไม่ได้ว่ามันเร็วเกินไปจริง ๆ หน่ะแหล่ะ”
เขาพูดต่อ “พีดีใจที่พจจะได้เดินทางไปตามเป้าหมายกับคนที่คู่ควรกับพจจริง ๆ พจอย่าเสียใจเลยนะที่พีจะไม่ได้ไปกับพจ”
ศิริพจน์ยิ้มให้พีรัทั้งน้ำตา แล้วโผกอดกันอีกครั้ง พีร์บอกต่ออีกว่า
“ถ้าพจจะมีครอบครัว พีขอล่ะนะ พี่ไม่อยากเป็นเหมือนที่เคยเป็นกับพี่หยกอีกแล้วนะพจ”
ศิริพจน์พยักหน้าเข้าใจ  คนอย่างศิริพจน์ไม่อยากให้ตัวเองกับพีร์ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับศิลา ในเมื่อหน้าที่ของลูกมันยิ่งใหญ่นัก เขาก็คงต้องทำตาม
 “ผมพยายามให้คุณมาอยู่กับผม เพราะว่าคุณจะต้องเป็นคนในเงาของพี่หยก แต่เมื่อผมจะแต่งงานแล้ว ผมก็คงต้องเลือกให้คุณจากผมไปเพื่อความถูกต้อง” เขาลูบหน้าพีร์เบา ๆ อย่างถะนุถนอมเช่นเคย
“พีขอบคุณพจมากนะ ที่ดูแลพีและรักพีมาตลอด” เขาโผซบอกชายหนุ่มอีกครั้ง “ชีวิตนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครรักและดูแลพีอย่างนี้ได้อีกหรือเปล่า พีขอบคุณมากนะครับ” เขามองหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้มยินดีทั้งน้ำตา
“ลาก่อนนะครับ คนดีของผม”
ศิริพจน์กอดพีร์เช่นกัน พีร์ซบอกอีกผ่านเพื่อฟังเสียงหัวใจของศิริพจน์เต้น เขามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้งเพื่อปิดฉากช่วงเวลาของเขากับศิริพจน์ไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม

   สองคนที่มองอยู่ข้างนอกรู้สึกร่วมไปด้วยกับการร่ำลา แคทเธอรีนนั้นน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง ส่วนพลกฤษณ์ก็ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของคนทั้งสองยิ่งนัก เขาพลางมองดูแคทเธอรีนที่กำลังร้องไห้อย่างสำรวจ ว่าเด็กสาวคนนี้ใช่ไหมคือว่าที่คู่หมั้นของศิริพจน์ เขาคิดว่าเธอดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาววัย 17 ปีมากกว่าคนทำงานแล้ว แต่เธอคงเข้ากับศิริพจน์ได้เพราะจากการที่มองเข้าไปดูชายหนุ่ม เหมือนเธอรับรู้เรื่องของพีร์กับศิริพจน์ และเข้าใจศิริพจน์ดี
“ถ้าเจ้าพจมีคนเข้าใจมันอย่างนี้อยู่ด้วย ไม่นานมันคงจะหายเศร้า” เขาคิดอย่างนั้น

“แล้วนี่พจมากับใครเนี่ยะ” พีร์ที่หายเศร้าแล้วถามศิริพจน์ด้วยความกระตือรือร้น
“เอ่อ พจมากับ..” ศิริพจน์ไม่อยากพูดคำว่าว่าที่คู่หมั้นออกไป
“มากับผู้หญิงสิงค์โปร์คนนั้นใช่ไหม”
“อืมใช่” เขาพยักหน้ายอมรับ
“พจ พามาให้พีรู้จักหน่อยสิ”
“ได้สิ” เขายินดีและลุกไปเรียกสองคนที่อยู่ข้างนอกให้เข้ามาได้แล้ว
“พี่แจ๊คครับ แคทครับ เขามาข้างในเถอะครับ” เธอเดินไปหาเขาภายในสายตาตกใจของพลกฤษณ์ที่งงว่าหญิงสาวฟังภาษาไทยออก
พีร์ลุ้นกับคนที่ศิริพจน์พามาให้รู้จัก พอประตูเปิดออกศิริพจน์ก็พาสาวผมสั้นร่างเล็กผิวขาวใสเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่แฝงท่าทีมั่นใจและแววตาฉลาดเฉลียวแบบผู้ใหญ่เข้ามา พีร์เห็นหญิงสาวก็มองเขาด้วยสายตาที่อยากจะทำความรู้จักเช่นกัน
“พี่แจ๊คครับ พีคับ นี่แคท….แคท นี่พี่แจ๊ค กับพี” เขาแนะนำให้แต่ละคนรู้จักกัน
หญิงสาวทักทายเป็นภาษาไทยชัดเจน “สวัสดีค่ะ” และก็หันไปยกมือไหว้พลกฤษณ์
พีร์ตกใจเหมือนกันที่แคทเธอรีนพูดภาษาไทยกับเขา เขาตอบกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “สวัสดีครับ”

พลกฤษณ์ยิ้มกับภาพตรงหน้า เพราะปัญหาของพีร์มีแนวโน้มว่าจะหมดไปอีกหนึ่งอย่าง แต่ทันทีที่เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเขากัง จึงออกไปรับข้างนอก
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล ก๊อ” เสียงของศุภกฤษณ์ น้องชายคนถัดมาของเขาที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถยนต์ของเขาโทรมาอย่างร้อนรน
“อะไรวะจิม โทรมามีอะไร”
“นักข่าวมาเต็มโชว์รูมเลยก๊อ”
“มีอะไรวะ วันนี้ไม่ได้มีแถลงข่าวรถตัวไหนหนิ”
“แต่ผมว่าก๊อนั่นหล่ะที่จ้องมาแถลงข่าว”
“ข่าวอะไรวะ” เขางง
“ก็ที่ก๊อไปขับรถตามเด็กนั่นไง ไม่รู้ใครหน้าไหนมันบอกว่าเด็กที่ก๊อตามหน่ะเป็นตัวจริงของก๊อ นักข่าวเลยตามมาถามไง”
“เฮ้ยย!!” เขาตกใจ เพราะความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกซะแล้ว
“มาเลยก๊อ เนี่ยผมไม่บอกพวกนั้นแล้วนะว่าก๊ออยู่ที่โรงพยาบาลไหน เพราะนักข่าวทุกคนรู้มาว่าก๊อตามไปเฝ้าเด็กคนนั้น”
พลกฤษณ์ตบหน้าผากตัวเองผ่าง เขารู้เลยทันทีว่าใครกันที่คาบข่าวไปบอกสื่อทั้งหลาย
คงกะจะทำให้เขาอาย หรือ ออกมาปฎิเสธล่ะสิ...เขารู้ทัน
“เออ ๆ ก๊อจะไปเดี๋ยวนี้” เขาวางสายและรีบไปกวักมือเรียกศิริพจน์ออกมาคุยข้างนอก
“มีอะไรครับพี่”
“คือ พี่มีงานเข้าว่ะ ด่วนเลย”
“งานอะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวกลับมาพี่เล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ฝากแกกับน้องแคท ดูแลพีด้วย แกจะพาพีไปนั่งรถเข็นเล่นรอบโรงบาลก็ได้นะ”
“โอเคครับ” เขายิ้มรับ
“อืม พี่ไปล่ะ” เขารีบเดินออกไป ศิริพจน์มองพลกฤษณ์งง ๆ แต่ก็เข้ามาในห้องต่อ
“พีครับ อยากไปข้างล่างกันไหม”
พีร์ดวงตาเป็นประกายอย่างดีใจ “ไปสิ พีนอนมาสองวันแล้วนะ เบื่อจะแย่ อยากออกไปข้างนอกบ้างอ่ะ”
“งั้นไปกัน” เขากันไปยิ้มให้พีร์กับแคทเธอรีน คนทั้งสามมองหน้ากันอย่างสดชื่นเพราะทุกอย่างจบลงสวยงามด้วยความเข้าใจ

“นั่นไง คุณแจ๊คมาแล้ว” นักข่าวตาไวคนหนึ่งเรียกให้ทุกคนที่รอคอยอยู่ตื่นตัวเมื่อเห็น Porsche สีควันบุหรี่ของพลกฤษณ์ขับมาจอดเทียบข้างหน้าโชว์รูม
  ทุกคนลุกฮือเมื่อเห็นอย่างนั้น  ทันทีที่พลกฤษณ์ก้าวเข้าประตูกองทัพนักข่าวทั้งหลายก็รุมเข้ามาทันที
งานนี้เห็นทีจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน เพราะชายหนุ่มที่เปิดเผยชัดเจนว่าเป็นเกย์อันพ่วงไปด้วยภาพลักษณ์ที่เปี่ยมเสน่ห์และความไม่แน่นอนในการสานสัมพันธ์ จู่ ๆ จะประกาศต่อคนทั้งประเทศว่า เขาเจอตัวจริงแล้ว
  แถมตัวจริงที่ว่ายังเป็นหนุ่มน้อยแสนธรรมดา ไม่ได้ฉูดฉาดจากการปรุงแต่งเหมือนที่เจ้าตัวเคยนิยมชมชอบและควงคู่ด้วย
“คุณแจ๊คค่ะ จริงหรือเปล่าคะที่ตอนนี้คุณแจ๊คมีแฟนแล้ว” นักสาวปืนไวคนหนึ่งชิงสัมภาสน์เป็นคนแรก
“ครับ จริงครับ” เขายอมรับ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นแซ่ เขาค่อยปรามทุกคน ก่อนจะให้ถามคำถามต่อมา
“แล้วพอจะบอกได้ไหมครับว่าคบกันกี่เดือนแล้ว”
ชายหนุ่มเริ่มสร้างข้อมูล “เดือนนึงครับ” เขาตอบโดยไม่ลังเล
“แล้วน้องคนนี้เป็นใครคะ”
“คำถามนี้ผมไม่ตอบนะครับ” เขายิ้มเฉียบ ทำให้นักข่าวคนที่ถามหลบตาเขาด้วยความเข็ด
“แล้วเจอกันได้ยังไงคะ”
“เจอกันที่ร้านหนังสือครับ ผมเข้าไปจีบเค้าเอง” เขาตอบเสร็จสรรพแบบมั่นใจ เรียกเสียงฮิ้วจากบรรดานักข่าวทั้งหลาย
“เอ่อ แล้วภาพ ที่มีปาปารัสซี่ถ่ายได้ว่าคุณแจ๊คตามไปง้อน้องเค้าที่โรงแรมนี่ เป็นมายังไงคะ”
“สำหรับรูปนั้นเหรอครับ ก็ วันนั้นพาไปกินข้าวหน่ะครับ ก็มีงอนกันเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”
“เอ่อ แล้วจริงไหมคะ ที่บอกว่าตอนนี้แฟนคุณแจ๊คเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล”
“จริงครับจริง คือ ที่ผมมานี่เพราะพวกคุณโดยเฉพาะเลยนะครับ ปกติผมไปอยู่กับเค้าที่โรงพยาบาล”
“เอ่อ แล้วจริงไหมคะ ที่บอกว่า น้องเค้าเข้าโรงพยาบาลเพราะ เอ่อ....” นักข่าวสาวทำหน้าบอกไม่ถูกเพราะแหล่งข่าวใส่สีมาว่า แฟนของพลกฤษณ์ที่ว่านี้มีอาการฟ้าเหลืองจากภารกิจรักจนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ประกอบกับกิติศัพท์ของวงในจากบรรดาคู่ขาเก่า ๆ ที่ร่ำลือกันว่าพลกฤษณ์นอกจากจะเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเพศและลีลากามรสแล้ว เขาเป็นหนุ่มพลังร้อยแรงม้าตัวจริงอีกด้วย ครั้งหนึ่งมีข่าวหน้าหนึ่งของพระเอกวัยรุ่นหน้าใสเข้าโรงพยาบาลเพราะไม่สบายจากอาการดังกล่าว ก็เป็นที่รู้กันเฉพาะวงในกันว่าเป็นฝีมือชายหนุ่ม ทำให้ต้องปิดข่าวเรื่องนี้กันให้วุ่น
   “อะไรครับ มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ เข้าโรงพยาบาลเพราะคุณแจ๊ค เอ่อ..ไม่ยั้งหน่ะค่ะ” หญิงสาวที่ถือเครื่องอัดเสียงอยู่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเพราะเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ถูก
“อะไรไม่ยั้งนะครับ” เขาคลับคล้ายคลับคลา แต่ก็อยากถามนักข่าวเพื่อความแน่ใจ
“เอ่อ คุณแจ๊คจัดชุดใหญ่ให้น้องเค้าบนเตียงหน่ะค่ะ” นักข่าวอีกคนช่วยเรียงคำพูดออกมาอย่างยากเย็น “จริงหรือเปล่าคะ ที่ชุดใหญ่ที่ว่าทำให้น้องเค้าเข้าโรงพยาบาล”
“ไม่ใช่ครับ จะบ้าเหรอ! ผมยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน” เขาปฎิเสธ เรียกเสียงอ้าวจากทุกคนถ้วนหน้า
“นี่พวกคุณให้เกียรติแฟนผมบ้างนะครับ ถึงเราจะเป็นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้ใจง่ายกันซะทุกคนนะครับ แฟนผมเค้าเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะครับ คุณเห็นใจเค้าบ้างสิ”
พลกฤษณ์ฉุนแทน เพราะชักจะมากเกินไปแล้วสำหรับคำถามที่ล้ำเส้นส่วนตัวและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
“ผมไม่เคยเห็นพวกคุณถามคนอื่นเรื่องส่วนตัวแนวนี้เลย ทำไมถึงต้องถามเฉพาะเจาะจงกับเกย์อย่างผมจังเลยครับ”
นักข่าวทั้งหลายหน้าเจื่อนลง แต่มีอีกคนที่ถามคำถามนี้เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
“แล้วคุณแจ๊คพาน้องคนนี้ไปเจอที่บ้านหรือยังครับ”
“เจอแล้วครั้งนึงครับ และผมก็เคยคุยกับแม่ของน้องเค้าแล้วด้วย ในฐานะ แฟนของลูกเค้า”
“แสดงว่าน้องคนนี้คือตัวจริงของคุณแจ๊คอย่างที่บอกมาหน่ะสิครับ”
“ครับใช่ครับ” เขายอมรับ ท่ามกลางเสียงฮือฮาในความเป็นคนตรงไปตรงมาของพลกฤษณ์
“โอเคคับ หมดเรื่องแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาเดินออกไปจากโชว์รูมอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปตั้งหลักที่บ้านเพื่อเปลี่ยนรถอีกคันไปโรงพยาบาลเป็นการป้องกันนักข่าวตามประกบ

ศิริพจน์กับแคทเธอรีนพาพีร์ที่นั่งรถเข็นไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างล่างกลับขึ้นมาที่ห้องอย่างสดใส พีร์คอยสังเกตว่าคนทั้งสองเป็นอย่างไร และก็พบว่าทั้งสองเข้ากันได้ดีมากเพราะชอบคุยกันในเรื่องที่เขาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน และแคทเธอรีนก็ดูเหมาะสมกับศิริพจน์มาก ๆ ในสายตาเขา ก็ทำให้เขาวางใจที่จะเห็นศิริพจน์มีความสุขในชีวิตข้างหน้า

  “ขอดูทีวีหน่อยนะ” ศิริพจน์เปิดทีวี ขณะที่แคทเธอรีนช่วยพยุงพีร์ให้นั่งบนเตียง
เขาเปิดไปเจอข่าวบันเทิงรอบเย็นพอดี ผู้ประกาศบอกว่า
“มีข่าวด่วนล่าสุดค่ะ แจ๊คตัวพ่อออกมารับแล้วนะคะว่าหนุ่มน้อยปริศนาที่ปาปารัสซี่ถ่ายรูปได้เป็นแฟนตัวจริงค่ะ”
“เฮ้ย !พี่แจ๊ค” ศิริพจน์ตกใจ ไม่เชื่อว่าจะเรื่องที่พลกฤษณ์เคยเล่าให้ฟังจะใหญ่โตขนาดนี้  ในโทรทัศน์ปรากฎภาพการสัมภาสน์ของพลกฤษณ์ในการตอบคำถามเรื่องนี้ พีร์เองรู้สึกงง และก็แอบโกรธคนในทีวีนิด ๆ ส่วนแคทเธอรีนนั้นงงที่เห็นพลกฤษณ์หายไปเพื่อไปออกทีวี ศิริพจน์ตั้งใจดูการสัมภาสน์นั้นและยิ้มนิด ๆ อย่างชื่นชมชายหนุ่มรุ่นพี่

“แสดงว่าน้องคนนี้คือตัวจริงของคุณแจ๊คอย่างที่บอกมาหน่ะสิครับ”
“ครับใช่ครับ”

พีร์ดูทีวีด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างหมั่นไส้ เขาคิดว่า “ขี้ตู่นี่นา ผมไปเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ โกหกชัด ๆ”
 เขาคิดว่าถ้าชายหนุ่มกลับมา เขาคงต้องมีถามบ้างหล่ะว่าทำไมพลกฤษณ์ถึงตอบอย่างนั้น

ปล. ก๊อ แปลว่าพี่ชาย ในการเรียกแบบจีนกวางตุ้งค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2010 14:52:57 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #309 เมื่อ25-05-2010 17:44:26 »

ม้ามืดตัวจริงเสียงจริงมาเเล้วค้า

ขอคนนี้สุดท้ายเเล้วนะคะ สงสารน้องพีเหลือเกิน ซิกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #309 เมื่อ: 25-05-2010 17:44:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #310 เมื่อ25-05-2010 18:19:37 »

นั่น...ว่าแล้วงัย

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #311 เมื่อ25-05-2010 18:27:02 »

เมื่อไหร่ชีวิตน้องพีจะสงบสุขสักทีน้า

ปล. อยากฆ่าอิพี่หยกว้อยยยยยยยยย  :z6: :z6:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #312 เมื่อ25-05-2010 18:47:37 »

เย้........ไม่ต้องเหงาเศร้าอ้างว้างอีกแล้วมั้งค่ะ นังหนูพีร์ แต่อีป้าแก่ๆ ว่า

อนาคตก็ต้องปล่อยให้กาลเวลาชักนำกันไปละค่ะ มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันดีไหมค่ะ 555

ป.ล. หนูพีร์นี่ เหมือนอีป้าแก่ๆจัง สวยเลือกได้ 555 +1

ออฟไลน์ jantaro

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #313 เมื่อ25-05-2010 19:33:57 »

ซับซ้อนจิงๆๆเลยนะเนี่ย

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #314 เมื่อ25-05-2010 23:13:41 »

ดูเหมือนพจน์จะโอเคแล้ว   แต่น้องพีร์ยังเหมือนตุ๊กตาของเล่นที่่ใครก็โยนกันไปมา

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #315 เมื่อ25-05-2010 23:57:28 »

โอ๊วว พี่แจ๊คม้ามืด 55+

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #316 เมื่อ26-05-2010 00:51:01 »

ลองของ "3"

อิอิ

ตัวจริง มาแล้นนนน

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #317 เมื่อ26-05-2010 01:19:03 »

เป็นของเล่นหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวพีร์นินา ถ้าทำตัวอ่อนปวกเปียก ไม่ยืนหยัดเชิดหน้าเลือกทางเดินชีวิต ก็คงต้องโดนคนนู้นคนนี้ลากไปลากมาอย่างนี้แหละ

ปล . เริ่มเชียร์แจ๊คซะงั้น  :laugh: เปิดเผยดี ไม่มีลับคมใน ไม่แคร์สื่อ ชีวิตเป็นของชั้นไม่มีใครบงการ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #318 เมื่อ26-05-2010 11:39:13 »

อ้าวๆๆๆ ตาอยู่ทำท่าทางจะโผล่มาซะงั้น  :interest:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #319 เมื่อ26-05-2010 15:34:21 »

พจน์นี่แบบว่า บทจะปล่อยมือจากพีร์ง่ายๆก็ง่ายเหลือเกิน...เฮ้ออออ....

อิพี่หยก..ไม่เชียร์แกแล้ว..ทำไว้เยอะเกิน...

ขอให้พลกฤษณ์เป็นรักแท้จริงๆของน้องพีร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #319 เมื่อ: 26-05-2010 15:34:21 »





ออฟไลน์ JAROEN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-9
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #320 เมื่อ26-05-2010 17:16:53 »

 :call:

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #321 เมื่อ26-05-2010 21:10:23 »

ภาคต่อ ตอนที่ 25


  ศิลาเองที่เพิ่งดูข่าวบันเทิงเมื่อครู่จบ เขาก็รู้สึกสับสนใจตัวเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก
การที่พลกฤษณ์ออกมาให้สัมภาสน์ว่าพีร์เป็นคนรัก มันทำให้เขารู้สึกตกใจและขัดเคืองเพื่อนตามมา
และจากการที่เพื่อนเขาชอบพูดทำนองว่าเขาไม่เคยสนใจจิตใจของพีร์บ่อย ๆ บวกกับเรื่องที่ไม่ให้เขาไปเยี่ยมพีร์ที่โรงพยาบาล มันยิ่งทำให้เขาแน่ใจแล้วว่า พลกฤษณ์นั้นมีใจให้พีร์อย่างแน่นอน
  เขากำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ เรื่องนี้ยังไงเขาก็ต้องพูดกับเพื่อนตัวเองให้รู้เรื่อง

    พลกฤษณ์กลับมาที่โรงพยาบาลก็พบว่าศิริพจน์และแคทเธอรีนนั้นยังคงอยู่เป็นเพื่อนพีร์ พอคนทั้งสองเห็นว่าชายหนุ่มกลับมาแล้วก็ยิ้มให้อย่างชื่นชม ต่างจากพีร์ที่มองหน้าพลกฤษณ์แบบเหวี่ยง ๆ  พลกฤษณ์พอจะเดาได้ว่า ทุกคนคงจะได้ดูข่าวบันเทิงที่เขาได้ให้สัมภาสน์กันเรียบร้อยแล้ว เขายิ้มให้ทุกคนแบบเสียไม่ได้
“ป่ะ แคท พี่แจ็คกลับมาแล้ว พวกเราก็ กลับกันดีกว่า” ศิริพจน์ชักชวนแคทเธอรีนกลับ เพราะพลกฤษณ์กับพีร์จะได้ปรับความเข้าใจกัน
“ค่ะ ใช่”
“เอ่อ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” เพราะเขาอยากจะคุยอะไรกับศิริพจน์อีก ชายหนุ่มจึงขอตามไปส่ง
“อ่อ ครับ” เขารับคำ “พี ผมไปก่อนนะ” ศิริพจน์เข้าไปลูบผมพีร์เบา ๆ “ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ถ้าว่างผมจะมาหาใหม่นะ”
“อืม ๆ” เขายิ้มรับ พร้อมมองไปที่แคทเธอรีนอย่างขอฝากศิริพจน์ด้วย เธอรับรู้และพยักหน้ายินดี
“ถ้าไม่รังเกียจ เอ่อ ก็มางานหมั้น..นะคะ” เธอชวนพีร์อย่างกล้า ๆ กลัวๆ เพราะถึงแม้เรื่องของเขาสองคนจะจบลงไปแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากพูดอะไรกระทบกระเทือนใจพีร์
“ครับ” เขารับคำ และคนทั้งสองก็ขอตัวออกไปโดยที่พลกฤษณ์เป็นคนไปส่ง

“พี่แจ๊ค โหเมื่อกี๊สุดยอดมากเลยพี่” ศิริพจน์พูดถึงเมื่อครู่ที่เขาเห็นในโทรทัศน์ ขณะที่เดินมากับชายหนุ่ม
“ทำไมวะ”
“ก็แบบ พี่แมนมากเลยอ่ะคับ ที่ออกมาปกป้องพีแบบนี้” เขายิ้มชื่นชม “ผมดีใจนะครับที่ต่อไปนี้พีจะมีพี่คอยปกป้อง”
“เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้น น้องเขาก็มีพ่อมีแม่จริง ๆ ไหมล่ะ ไหน ๆ เขารู้ว่าลูกเป็นเกย์แล้ว รู้ว่าเป็นแฟนพี่อีกอย่างก็คงจะรู้สึกดีขึ้นมั๊ง เออ ว่าแต่ไม่โกรธพี่มั่งหรือไงหะ ที่พี่พูดอย่างนั้น”
ชายหนุ่มรุ่นน้องส่ายหน้า “ไม่ครับ ผมดีใจซะอีก ที่ต่อไปนี้พีจะคนดี ๆ อย่างพีดูแลต่อจากผม”
พลกฤษณ์มองหน้างง ๆ “เฮ้ย ไอ้พจ พี่ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น พี่ไม่ได้คิดจะจีบน้องเขาเลยนะ” เขาสมทบต่อ “อีกอย่าง น้องพีไม่ใช่ตุ๊กตานะเว้ย ที่จะมาโยนให้คนอื่นไปมาอย่างนี้ น้องเขาก็มีสิทธิที่จะไม่อยู่กับพี่ก็ได้”
“ก็ครับ พีไม่ใช่ตุ๊กตาไง ถึงต้องมีคนมาดูแล” เขาพูดต่ออย่างเป็นห่วง “ที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าผมชอบเค้า พอผมรู้เรื่องของเค้ากับพี่หยก ผมก็รู้สึกสงสารที่เค้าต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่ผมก็ทนไม่ได้จริง ๆ ตรงที่พี่หยกทำรุนแรงกับเค้า”
เขาถอนหายใจ “ผมก็เลยเดินหน้าเข้าไปหาเค้าเพราะเค้าจะได้ไม่ต้องอยู่กับคนใจร้ายอย่างพี่หยกอีกต่อไป เพราะว่าผมรักเค้ามากไงครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้ว่าเค้ายังรักพี่หยกก็ตาม แต่ผมดีใจนะครับที่เค้าก็เลือกผมให้เป็นคนดูแล และก็รักผมบ้างเหมือนกัน”
พลกฤษณ์ส่งสายตาว่าเข้าใจ “อืม แต่ทำไมแกถึงไว้ใจพี่ล่ะ ไม่รู้เหรอว่าคนอื่นเค้าว่าพี่เป็นคนยังไง”
“ผมว่าก็ดีกว่าอยู่กับพี่หยกนะครับ”
“แล้วถ้าน้องเค้ารักของเค้าล่ะ”
ศิริพจน์ตอบมาอย่างจนใจ “สุดแท้แต่ใจของเค้าแล้วหล่ะครับทีนี้ แต่ยังไงผมก็ขอบคุณพี่แจ๊คนะครับสำหรับทุกเรื่อง” เขายกมือไหว้รุ่นพี่
พลกฤษณ์ตบไหล่เบา ๆ “เออ ไม่เป็นไร ๆ แล้วนี่ไปไหนกันต่อล่ะสองคน”
“เดี๋ยวคงกลับไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ของพจหน่ะค่ะ” แคทเธอรีนตอบไป
“อืม โอเค มีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะทั้งสองคนเลย”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่แจ๊ค”
“อืม ๆ” เขาพยักหน้าให้รุ่นน้องพี่ยกมือไหว้ ก่อนจะขึ้นไปห้องพักของพีร์

เมื่อเขาขึ้นไปก็พบว่าศิลานั้นอยู่กับพีร์ในห้องพัก พีร์นั้นมองพลกฤษณ์แบบขอความช่วยเหลือ พลกฤษณ์เข้าไปหาพีร์ทันทีอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวว่าพีร์จะร้องไห้จนหมดสติไปอีกครั้ง
“คุณแจ๊ค...”
“ไอ้หยก ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งมาตอนนี้”
“อย่าเพิ่งมาตอนนี้หรือไม่ต้องมาอีกเลยหะไอ้แจ๊ค” ศิลาถามอย่างขุ่นเคือง พลกฤษณ์จึงต้องลากตัวเพื่อนออกไปคุยกันข้างนอก
“แกมานานยัง” เขาถามศิลาอย่างนี้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรให้พีร์เสียใจเข้าไปอีก
“ทำไมวะ ชั้นจะทำอะไรแกเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิวะ” เขาตอบทันควัน ทำให้ศิลามองหน้าเพื่อนอย่าง หาคำตอบ “น้องพีอาการดีขึ้นแล้ว ถ้าเค้าเป็นอะไรไปอีกแกช่วยได้ไหม”
“ไอ้แจ๊ค ชั้นถามแกตรง ๆ และแกก็ตอบชั้นตรง ๆ ที่แกบอกนักข่าวว่าน้องพีเป็นตัวจริงของแก แกทำไปเพื่ออะไรวะ”
“ก็เพื่อน้องพีไง” ศิลาชะงัก ไม่คิดว่าเพื่อนจะตอบแบบนี้
“ไหน ๆ  แม่เค้าก็รู้แล้วว่าลูกเป็นเกย์เพราะใคร ชั้นก็ควรรับผิดชอบในสิ่งที่ชั้นทำ”
เขาพูดต่อ “เอาสิ ถ้าแกอยากจะด่าอะไรชั้นเรื่องนี้แกก็เอาเลย”
ศิลาไม่รู้จะเถียงอะไรต่อเพราะจนด้วยเหตุผล เขาจึงเดินออกไปทันที
พลกฤษณ์ส่ายหน้ากับเพื่อน เพราะตั้งแต่ศิลามีพีร์ ทำให้ชายหนุ่มผู้แสนเงียบขรึมและเก็บอารมณ์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของพีร์ เพื่อดูอาการ
“คุณแจ๊ค พี่หยกกลับไปแล้วเหรอ...” พีร์ถามเศร้า ๆ
“อืม...” เขาตอบรับ “แล้วตอนมันเข้ามาหาคุณหน่ะ มันพูดอะไรกับคุณมั่ง”
“เปล่า..คือเค้าก็เข้ามาถามว่าผมเป็นยังไงมั่งตามเคย”
“ดีใจไหมที่มันมาเยี่ยม”
พีร์พยักหน้าเศร้า ๆ “ก็ไม่รู้สิ มันก็ดีใจนะ แต่ก็รู้สึกแย่ตรงที่...” พีร์ทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดออกมาตรงที่ทำให้ความหวังและชีวิตที่เขาฝันไว้มันพังลง
“เอาน่า...ผมเข้าใจ” เขาพูดปลอบพีร์
“ว่าแต่ คุณแจ๊ค”
“หึ?”
“ทำไมคุณบอกกับนักข่าวอย่างนั้นล่ะ เรื่องของผมอ่ะ” พีร์ถามด้วยความไม่พอใจเล็ก ๆ เพราะจากการที่พลกฤษณ์เป็นห่วงเขา เลยทำให้เขาลดความเหวี่ยงเมื่อสักครู่ของเขาลงได้
“แล้วจะให้ผมบอกว่า อ่อ ไม่ใช่ครับ น้องคนนั้นเป็นเด็กเพื่อนผม งั้นเหรอ”
พีร์เงียบเมื่อได้ยินอย่างนี้
“แล้วพ่อแม่ผมล่ะ”
“อ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น เพราะผมคุยกับพ่อแม่คุณเรียบร้อยแล้ว”
พีร์หันควับทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “หะ! อะไรนะ คุณคุยกับพ่อแม่ผมว่าไง”
“แม่คุณเค้าถามผมว่า ผมเป็นแฟนคุณใช่ไหม ผมก็บอกว่าใช่”
พีร์อึ้งไป พลกฤษณ์พูดต่อ “ผมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงคุณนะ เพราะผมดูแลอยู่”
“ได้ไงอ่ะ!” หนุ่มน้อยแหวขึ้นมาทันที  “แล้วคุณพูดอะไรกับแม่ผมอีก บอกมาให้หมดนะ”
“ก็บอกว่า วันศุกร์หน้าผมกับคุณจะลงไปหาที่หาดใหญ่”
“โอ๊ยยยย ตายล่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“คุณแจ็ค ไม่คิดมั่งเหรอว่าพ่อแม่ผมจะทำใจได้ไหม คุณไม่รับผิดชอบมั่งเลยนะ”
เขาตอบทันที “ก็นี่ไง ผมกำลังรับผิดชอบคุณอยู่”
“พอเถอะ ไม่คิดจะถามผมมั่งเหรอว่าผมเต็มใจไหม”
“ไม่รู้ล่ะ ผมต้องรับผิดชอบคุณ” เขาพูดเด็ดขาด ทำให้พีร์เลิกเถียงแต่ก็ทำหน้าบึงตึงใส่เขาแบบขัดใจ “พรุ่งนี้คุณออกจากโรงพยาบาล พ่อกับแม่ผมบอกว่าให้คุณไปอยู่บ้านผมก่อนนะ”
“ไม่ ผมจะไปหางานใหม่ หาหอใหม่อยู่ก็ได้”
“นี่คุณ แล้วชอบเหรอที่ไปไหนมีแต่คนมอง มีแต่คนรู้ว่าเป็นแฟนผม”
“ใครเป็นแฟนคุณ พูดเองเออเองคนเดียวชัด ๆ”
“ก็ตามสบาย แต่อย่ามาน้ำตาร่วงตอนเจอพวกปากหมามันถากถางเข้าละกัน”
พีร์ถอนหายใจอย่างขัดใจคนตรงหน้า พลางคิดในใจ “เชอะ คิดว่าเราดูแลตัวเองไม่ได้หรือไง”


และวันที่เขาต้องออกจากโรงพยาบาลก็มาถึง เขาจำต้องไปอยู่กับพลกฤษณ์ตามที่เจ้าตัวขอร้องแกมบังคับ เมื่อไปถึงที่บ้านก็พบว่าพ่อกับแม่ของเขาคอยต้อนรับอยู่อย่างใจดี
“สวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างนอบน้อมตามเดิม
“สวัสดีจ้ะ มาอยู่กับลุงกับป้าก่อนนะหนู” หญิงวัยกลางคนใบหน้าลูกครึ่งฝรั่งผู้เป็นแม่ของพลกฤษณ์บอกกับเขาอย่างใจดี
“เอ่อ....”
“น่าลูก อย่าคิดอะไรมากเลย ไหน ๆ ลูกลุงมันก็จริงจังกับเราแล้ว มาอยู่กับลุงกับป้านี่หล่ะ” ผู้เป็นพ่อสมทบ
“ป๊าม้าครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” พลกฤษณ์รีบร้อนออกไป
“อ่าได้ ๆ เดี๋ยวทางนี้ป๊าม้าดูเอง” คนเป็นพ่อรับคำ ก่อนจะหันมาพูดกับพี “ตามสบายนะลูก บ้านลุงอยู่กันหลายคน เดี๋ยวเย็น ๆ ลุงกับป้าจะแนะนำให้รู้จักทีเดียวเลยนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้อีกครั้ง ทำให้คนทั้งสองมองเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
ท่าทางที่เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ ทำให้ได้ใจคนเป็นพ่อแม่ของพลกฤษณ์ไปส่วนหนึ่ง
“คุณหนูคะ !รอพี่เฮียงก่อน...” เสียงแม่บ้านเหมือนจะเรียกตามใครสักกัน พีร์มองตามก็พบหนูน้อยวันสามขวบวิ่งร้องไห้จ้าออกมา
“ไม่เอา  ผมจะหาป่าป๊า..ป่าป๊าปายหนายยยยย” เด็กน้อยร้องไห้งอแง ทำให้ผู้เป็นปู่กับย่าต้องเข้าไปดู
“โอ๋ ๆ ไม่เอานะครับพอล คนเก่งของย่า” เธออุ้มหลานที่ร้องไห้จ้าขึ้นแล้วโยนเบา ๆ
“ใช่ ๆ เดี๋ยวป๊าป่าก็มา”
“ไม่มา ป่าป๊าทิ้งพอลไปแล้ว ฮือ ๆๆๆ”
“โอ๋ ๆๆ ใครทิ้งพอลของย่าไปหะ ไม่มี ๆๆ”
“ฮือ ๆๆ ป่าป๊าใจร้าย..” เด็กน้อยยังร้องไห้ต่อ พีร์เห็นอย่างนั้นจึงพูดว่า
“เอ๊ะ นี่หมีน้อยของใครเอ่ย..” เขาชี้ไปยังตุ๊กตาหมีที่เด็กชายถืออยู่
“ของโผมมม” เด็กน้อยตอบทันที
“แล้วหมีน้อยของน้องพอลชื่ออะไรครับเนี่ยะ”
“ชื่อบีโบ้” เด็กน้อยตอบใส ๆ แบบลืมความเศร้า
“เหรอ...ไหนขอน้าพีคุยกับบีโบ้หน่อยได้ไหม” เขาหยิบตุ๊กตาหมีขึ้นมาคุยด้วย “สวัสดีคับบีโบ้ นี่น้าพีเองนะ บีโบ้สบายดีไหม”
เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มหายเศร้า คนเป็นปู่ย่าด้วยเช่นกัน เธอค่อยปล่อยหลานชายลงพื้น พีร์คุกเข่าลงคุยกับเด็กน้อยอย่างเป็นมิตร
“น้องพอลคับ น้าพีขอเป็นเพื่อนกับบีโบ้ด้วยคนได้ไหม”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างดีใจ ท่ามกลางสายตายิ้มปลื้มของปู่กับย่า

  หลังจากที่เด็กน้อยหลับไปจากการเล่น พีร์ค่อยออกมาจากห้องของพอล คุณกำชัยและคุณเจนนีเฟอร์ก็ได้ชวนหนุ่มน้อยมากินข้าวกลางวันด้วยกัน
“ตาพอลเป็นไงมั่งล่ะพี”
“หลับไปแล้วครับ แล้วน้องพอลเป็นลูกของใครเหรอครับ”
“อ่อ เป็นลูกของตาโจหน่ะ พี่ชายคนที่สองของแจ็ค”
“อ่าครับ”
“ตาพอลแกน่าสงสารนะลูก แกขาดแม่หน่ะ”
“หะ..อะไรนะครับ”
“เมียของโจเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อนหน่ะ เพราะรถชน”
“เสียใจด้วยนะครับ”
“อืม น่าสงสารจริง ๆ ยังไงลุงกับป้าก็ฝากน้องพีดูด้วยนะลูก”
“ครับ ๆ” เขารับคำ และนึกถึงแววตาสดใสของเด็กน้อยเมื่อครู่ขึ้นมา

“ว่าไง คุณ วันนี้เป็นไงมั่ง” พลกฤษณ์ถามขณะอยู่กับพีร์สองคนในห้องนั่งเล่น
“ก็ดีหน่ะ ผมเจอหลานคุณด้วยนะ แกน่ารักดี”
“เหรอ...”
“วันนี้แกเล่นกับผมทั้งวันเลยหล่ะ”
“อืม..” เขาตอบรับ คิดไว้ไม่ผิดว่าพีร์ต้องเป็นคนเข้ากับเด็กได้ พ่อกับแม่เขาบอกว่า หลานชายของเขา คิดพีร์แจตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมออกไปหางานทำนะ อย่ามาห้ามผม”
“อืม แล้วไม่กลัวตาพอลเสียใจเหรอ ที่คุณไม่อยู่กับแก”
พีร์แหวกลับ “นี่คุณอย่าเอาเด็กมาอ้างนะ”
“เปล่า ผมแค่เป็นห่วงหลานผม แกน่าสงสารนะ หยีก๊อออกไปทำงานทุกวัน ส่วนอาซ๊อก็ตายไปแล้ว หลานผมก็กลายเป็นเด็กขาดแม่ เฮ้ออ น่าสงสารจริง ๆ”
เขาพูดจบก็บอกพีว่า “ผมไปนอนก่อนนะ มีงานแต่เช้า อืม ห้องนอนของคุณอยู่ชั้นสองเลี้ยวซ้ายริมสุดนะ เจอกันล่ะ ฮ้าวววว” เขาไม่วายยียวนก่อนจาก ทิ้งให้พีร์ต้องนั่งลำบากใจกับคำพูดของเขา
“จะเอาหลานตัวเองมาอ้างล่ะสิ ไม่มีทาง!” เขานึกหมั่นไส้อาของน้องพอล ก่อนจะทำหน้าลำบากใจเมื่อนึกถึงเด็กชายตัวน้อย

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #322 เมื่อ26-05-2010 21:20:39 »

เอิ่มๆๆๆ

พ่อน้องพอล(โจ) คงไม่มีส่วนร่วมในรักนี้นะครับ

แหะๆๆ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #323 เมื่อ26-05-2010 22:03:09 »

เอิ่มๆๆๆ

พ่อน้องพอล(โจ) คงไม่มีส่วนร่วมในรักนี้นะครับ

แหะๆๆ
ไม่มีหรอกค่า แต่น้องพอลนี่หล่ะค่ะจะเป็นผู้ช่วยอาแจ๊ค หุหุ

ออฟไลน์ JAROEN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-9
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #324 เมื่อ27-05-2010 00:18:49 »

มาต่ออีกนะครับ   :call: :call: :call: :call: :call:

รออยู่นะครับ  :man1: :man1: :man1: :man1:

น้องพีร์จะทำอย่างไงต่อไปดีน๊า 

อยากเกิดเป็นน้องพีร์จัง มีแต่คนรักเต็มไปหมด

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #325 เมื่อ27-05-2010 00:46:28 »

เอิ่มๆๆๆ

พ่อน้องพอล(โจ) คงไม่มีส่วนร่วมในรักนี้นะครับ

แหะๆๆ
ไม่มีหรอกค่า แต่น้องพอลนี่หล่ะค่ะจะเป็นผู้ช่วยอาแจ๊ค หุหุ
พอเเล้วค้า สงสารหนูพีเหอะ แค่ผ่านมาก็สุดทนเเล้ว

tawornfung

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #326 เมื่อ27-05-2010 01:14:42 »

เรื่องท่าจะยาวนะเนี่ย ตอนเป็นเรื่องสั้น เราว่าอบอุ่นดี
แต่พอมีตอนต่อ ก็แสดงถึงธาตุแท้ของแต่ละคนอ่ะ
แบบว่าสุดท้ายเลยมองไม่ออกว่าจะจบยังไง
เป็นกำลังใจให้น้องพีร์แล้วกัน

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #327 เมื่อ27-05-2010 03:01:31 »

หวังว่าน้องพีร์จะเจอคนสุดท้ายแล้วน้า คนอ่านเศร้ามาเยอะแล้ว  :monkeysad:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #328 เมื่อ27-05-2010 15:14:15 »

น้องพอลเป็นกามเทพตัวน้อยเหรอเนี่ย...คิกคิก น่ารักจัง
อาแจ็คเลยได้ทีเอาหลานมาอ้างเลย

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #329 เมื่อ27-05-2010 15:26:26 »

ภาคต่อ ตอนที่ 26

 พีร์นั้นตื่นนอนขึ้นมาในห้องที่พลกฤษณ์จัดให้อย่างงัวเงีย เพราะเมื่อคืนเขานอนคิดอยู่ทั้งคืนเรื่องที่เขาจะไปหางานทำ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม และประกอบกับว่าหลานชายตัวน้อยของเขานั้นมีท่าทางว่าจะติดเขาแทนพี่เลี้ยง
 เขาส่องกระจกมองตัวเอง และตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปหางานใหม่ทำในวันนี้
“ก๊อก ๆๆๆ” เสียงเคาะประตูคังขึ้น พีร์คิดว่าต้องเป็นพลกฤษณ์แน่ ๆ แต่ก็รู้ว่าคิดผิดเมื่อเสียงที่เรียกเขาเป็นพี่เลี้ยงของพอล
“คุณพีคะ คุณพีคะ”
“ครับ ๆ” เขาตอบรับและรีบเปิดประตู “ครับ มีอะไรเหรอครับพี่เฮียง”
“คุณหนูค่ะ คุณหนูไม่สบาย ไม่ยอมไปหาหมอค่ะ”
พีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรุดไปหาเด็กน้อยทันที
“น้องพอล..”
“น้าพีค๊าบบบ..” พอเด็กน้อยเห็นพีร์ก็ดีใจและร้องเรียกด้วยเสียงแหบแห้ง
เขาเข้าไปเอามืออังหน้าผากเด็กน้อยอย่างเป็นกังวล เมื่อเขารู้ว่าเด็กน้อยนั้นดื้อ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล เขาจึงพูดว่า
“น้องพอลจะละลายแล้วนะคับ ไปเติมน้ำเย็นกันดีกว่า”
เด็กน้อยมองหน้างง ๆ แล้วบอกว่า “ละลาย ละลายยังไงคับ”
“ก็ น้องพอลจะค่อย ๆ หายไปเหมือนไปติมไงคับ เดี๋ยวน้าพีกับมาไม่เจอน้องพอล น้องพอลไม่เสียใจเหรอ”
“น้าพีจะไปไหนคับ” เด็กน้อยถามด้วยเสียงกังวล เพราะกลัวว่าพีร์จะทิ้งเขาไปอีกคน
“เอ่อ...” พีร์กลัวทำให้เด็กน้อยเศร้า จึงบอกว่า “อ๋อ น้าพีกลัวว่าน้องพอลจะลายลายไปตอนนี้ไง ถ้าไม่ไปเติมน้ำเย็นกับน้าพี”
“ถ้าน้องพอลละลายไปก็จะไม่ได้อยู่กับน้าพีใช่มั๊ยคับ”
พีร์พยักหน้าแบบเศร้า ๆ ทำให้เด็กน้อยตัดสินใจได้ “ไปคับ น้องพอลจะไปเติมน้ำเย็น น้องพอลอยากอยู่กับน้าพี”
พีร์ยิ้มดีใจและอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา เขานึกได้ว่าเช้าขนาดนี้พลกฤษณ์คงจะยังไม่ไปทำงาน เขาถึงถามแม่บ้านเบา ๆ
“เอ่อ พี่เฮียงครับ คุณแจ็คออกไปทำงานหรือยังคับ”
“ออ ออกไปทำงานกันหมดแล้วค่ะ เหลือแต่พี่กับป้าเง็กสองคนค่ะ”
หนุ่มน้อยถอยหายใจ นี่หล่ะหนา ชีวิตคนมีเงิน สนใจเรื่องนอกบ้านแต่ไม่มีเวลามาสนใจลูกหลาน เขาตัดสินใจเรียกแท็กซี่พาพอลไปหาหมอเด็กที่โรงพยาบาลที่พลกฤษณ์เคยพาเขาไป
 ตลอดทางพอลกอดร่างอวบของพีร์แน่นอย่างหาที่พึ่ง เด็กน้อยรู้สึกว่าพีร์มีความอารีกับเขาคล้ายแม่ที่จากไป ปกติพอลก็ติดพลกฤษณ์ผู้เป็นอามากกว่าบรรดาอาทุกคนอยู่แล้ว แต่เด็กน้อยรู้สึกว่าสมาชิกใหม่ในบ้านเขานั้นให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากอา ๆ ทั้งหลาย
“ไม่ต้องกลัวนะครับคนเก่ง” พีร์บอกเด็กน้อยที่กอดเขาแน่น เด็กน้อยพยักหน้าพลางนึกถึงสัมผัสของผู้เป็นแม่ที่จากไป

  เมื่อถึงโรงพยาบาล เขาก็ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่ลืมเกาะติดไปกับเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง เขาโทรหาพลกฤษณ์เพื่อบอกว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“ฮัลโหล คุณแจ๊ค..”
“ว่าไง...” พลกฤษณ์รับสายด้วยเสียงยียวน เขาคิดว่าพีร์คงจะเจอปัญหาในการหางานเข้าซะแล้ว
“คุณ น้องพอลตัวร้อนจี๋เลยอ่ะ”
“หะ...” เขาใจหล่นไปอยู่ที่เท้าเมื่อได้ฟังว่าหลานชายสุดที่รักของเขาเป็นอย่างไร
“แล้ว ตอนนี้คุณอยู่ไหนเนี่ยะ”
“อ่อ ผมพาน้องพอลมาที่โรงพยาบาลแล้ว โรงพยาบาลที่คุณพาผมไปอ่ะ”
“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้” เขารีบออกไปทันที ไม่ว่าเขาจะยุ่งเรื่องงานแค่ไหน แต่สำหรับหลานชายของเขาแล้ว เขาก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่าง

เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาล เขาก็พบว่าพีร์นั้นกำลังอุ้มหลานชายตัวน้อยของเขาไว้บนตัก เขาจึงรีบเข้าไปหาคนทั้งสองอย่างเป็นห่วง
“อาแจ๊ค....” เด็กน้อยร้องหาผู้เป็นอา พีร์จึงส่งตัวไปให้อีกฝ่ายอุ้ม
“น้องพอล..” เขากอดหลานชายอย่างคลายกังวล แล้วหันไปถามพีร์ “น้องพอลเป็นไงมั่งคุณ”
“เป็นไข้ธรรมดาหน่ะ แต่แกไม่ยอมกินข้าวไง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“ทำไมน้องพอลไม่ยอมกินข้าวล่ะครับ”
“น้องพอลอยากกินกับป่าป๊า” เด็กน้อยตอบไปอย่างใสซื่อ ทำให้คนทั้งสองก็จนใจอยู่เหมือนกัน

“คุณแจ๊ค พ่อน้องพอลเค้ายังอยู่เมืองไทยหรือเปล่าครับ” พีร์ถามขณะที่พลกฤษณ์ขับรถมาส่งพวกเขา
“อืม ใช่ แต่หยีก๊อ เอ่อ พี่โจหน่ะ เค้าเป็นสถาปนิก เค้าเลยย้ายออกไปอยู่คนเดียว และก็เอาหลานมาให้ป๊ากับม้าและพวกผมเลี้ยง”
พีร์ตอบรับ พร้อมกับลูบผมหลานชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ในอก
เขาพูดต่อ “บ้านผมหน่ะ คนเยอะก็จริง น่าจะดูแลพอลดี ถูกไหม แต่ผมว่าสำหรับพอลแล้ว เค้าก็คงไม่ต้องการใครนอกจากพ่อของเค้าหรอก”
“พีคับ คุณอยู่กับหลานผมได้ไหม” พลกฤษณ์ขอร้องจากใจ เพราะ ณ ตอนนี้คงไม่มีใครช่วยหลานเขาได้นอกจากเขากับพีร์แล้ว
“นะครับ”
พีร์นั้นลืมเรื่องที่ตั้งแง่กับพลกฤษณ์ไปเสียสิ้น เขาตอบรับอย่างง่ายดาย “ครับ ผมจะอยู่กับน้องพอล”
พลกฤษณ์ยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ เขาเชื่อแล้วหล่ะว่า พีร์นั้นเริ่มเป็นห่วงหลานชายเขาอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ

แต่พีร์ก็อยู่ดูแลเด็กน้อยได้สองวัน เพราะพอลอาการดีขึ้นจึงต้องไปโรงเรียน เขาไม่อยากไปโรงเรียนเพราะต้องอยู่ไกลจากพีร์ แต่พอพีร์สัญญาว่าจะไปรับทุกเย็น ทำให้เด็กน้อยดีใจเป็นที่สุด
  เพราะหน้าที่ไปรับเขาตอนไปโรงเรียนนั้นเป็นของพลกฤษณ์ แต่เด็กน้อยก็อยากให้พีร์ไปรับเขากับผู้เป็นอาเช่นกัน
เพราะมันทำให้เด็กน้อยรู้สึกว่าตัวเองไม่ขาดครอบครัวอีกต่อไป หลังจากที่เขาเห็นพีร์กับอาของเขาอยู่กับเขาที่โรงพยาบาลในตอนนั้น
   แต่เมื่อเด็กน้อยไปโรงเรียน พีร์ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันที เพราะที่บ้านของพลกฤษณ์ก็มีคนทำงานบ้านอยู่แล้ว แถมพ่อแม่ของพลกฤษณ์ยังกำชับคนรับใช้เหล่านั้นว่าอย่าให้พีร์ต้องลำบากในแต่ละเรื่อง พีร์จึงต้องอยู่กับความเซ็งเพราะไม่มีอะไรทำ นอกเสียจากตอนเย็นที่เขาต้องนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่ไปรับพอล โดยมีพลกฤษณ์มารับเด็กน้อยกับเขาอีกที เพื่อจะมาส่งที่บ้านก่อนที่เขาจะไปทำงานต่อที่โชว์รูม
“ทำงานเป็นด้วยเหรอ นึกว่าดีแต่ไปหาเด็ก” เขาหมั่นไส้พลกฤษณ์นัก เพราะเขาไม่เคยคิดว่า พลกฤษณ์จะเป็นคนจริงจังกับงาน นอกจากจะสนุกไปวัน ๆ

   จนวันที่สามเขาถึงกับทนไม่ได้ เขาออกปากขอร้องพลกฤษณ์ว่าเขาไม่อยากอยู่บ้านชายหนุ่มฟรี ๆ จึงขอไปทำงานกับเขาด้วย พลกฤษณ์ไม่อยากให้ไปเพราะกลัวพีร์จะไม่ชอบ เพราะท่าทางพีร์จะไม่ชอบเครื่องยนต์กลไกลอะไรเลย แต่ก็ทนเสียงรบเร้าจากพีร์ไม่ได้ เขาจึงพาพีร์ไปทำงานด้วยในวันต่อมา
“แล้วให้ผมทำอะไรมั่งเนี่ยะ” เขาถามอย่างกระตือรือร้น
“อืม คอยรับโทรศัพท์ให้ผมก็ละกัน”
“หะ รับโทรศัพท์เหรอ”
“ใช่ สำคัญนะ ตำแหน่งนี้” เขาดันตัวพีร์ให้มานั่งที่โต๊ะฝ่ายติดต่อ “อ่ะ นั่งนี่” แล้วหันบอกพนักงานสาวทุกคนอย่างกันเองว่า
“แฟนผมเอง เค้าอยากมาช่วย รบกวนพวกคุณสอนเค้าหน่อยนะครับ” เขากล่าวยิ้ม ๆ พนักงานทุกคนก็ตอบรับเขาอย่างจริงใจ แต่พีร์นึกหมั่นไส้คนช่างพูด
“ไม่ต้องบอกว่าเป็นแฟนก็ได้..” เขามองค้อน ๆ ทำให้คนรอบข้างยิ้มขำกับแฟนเจ้านายตัวเอง

“อ้าว จิมเป็นอะไรมาวะเนี่ยะ” พลกฤษณ์หันไปถามน้องชายตัวเองที่เดินกุมศรีษะที่เหมือนถูกตีเข้ามาในที่ทำงาน
“ก็เจอคนตีกันสิก๊อ ผมนัดลูกค้าไว้บ่ายโมง แต่รถติดมาก ไม่ทันแน่ ๆ เลยต่อมอไซค์ ขากลับก็นั่งมอไซค์มามาบุญครอง แต่ก็โดนลูกหลงเข้าซะได้”
“เออ ไอ้นี่ เจ็บแล้วทำไมไม่ไปโรงบาลวะ”
“อ่อ พอดีว่า ต้องเอาเรื่องด่วนของลูกค้ามาส่งฝ่ายชั่งหน่ะ เลยกลับมาทิ้งไว้ก่อนค่อยไป”
“ไอ้บ้า ทีหลังไปก่อนเลย แล้วให้เด็กตามไปเอาก็ได้” เขาตำหนิน้องตัวเอง “เออ ไปทำแผลก่อนไป เดี๋ยวก๊อให้พีทำให้”
“พี...อ่อ แฟนก๊อหน่ะหรอ”
“เออ ๆ ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ด..” เขาพาน้องตัวเองไปหาพีที่ทำงานอยู่ในห้อง ก่อนจะออกมาทำงานของตัวเองต่อ
“พี คุณทำแผลให้ไอ้จิมหน่อยสิ” พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกมาดู
“ตายแล้ว..” เขามองเห็นศุภกฤษณ์ที่เลือดอาบ เพราะบริเวณหน้าผากโดนตีเป็นแผล พนักงานที่เหลือเห็นอย่างนั้นก็รีบไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้
พีร์ค่อยใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลอย่างเบามือ และทายาฆ่าเชื้อตามลงไปและใช้ผ้าปิดแผลเป็นขั้นตอนสุดท้าย
“เสร็จแล้วคับ” เขาพูดกับอีกฝ่ายที่ทำหน้ากังวลอยู่
“คับ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ ก่อนจะออกไปจากห้อง

“เฮ้ยย จิม เป็นไงมั่งวะ” พลกฤษณ์เข้ามาถามน้องตัวเองทันที
“อ่อ เจ็บสิก๊อ”
“ไม่ใช่ ๆ ก๊อจะถามว่า พีเค้าทำแผลให้แกเป็นไงมั่ง มือหนักไหม”
เขาทำหน้าแบบเพิ่งนึกออก “แหม นึกว่าอะไร ผมก็นึกว่าก๊อเป็นห่วงผม”
“ก็เป็นห่วง แต่ชั้นรู้ว่าแกไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้หรอก ชั้นก็อยากรู้ว่าพีเค้ามือหนักไหมเวลาทำแผล”
“สบายใจได้ก๊อ แฟนก๊อมือเบามาก เบาจนผมนึกว่าเป็นผู้หญิงมาทำแผลให้ นี่ถ้าหลับตานะผมก็คิดว่าต้องเป็นพยาบาลสวย ๆ มาทำให้แน่ ๆ”
“เออ ๆ แหมไอ้นี่ คิดไปไกลเลยนะเอ็ง”
“อ่า แน่นอน แต่ก๊อก็สบายใจได้ เวลาเค้าตบก๊อคงไม่เท่าไหร่ เพราะมือเค้าเบามาก ฮ่ะ ๆๆ”
“แล้วอยากโดนตีนหนัก ๆ ของชั้นไปก่อนไหมล่ะ” พลกฤษณ์ตอบกลับน้องชายแบบแสบคัน
“โอ๊ย กล้วแล้ว ๆๆ ฮ่ะ ๆๆๆ” เขาหัวเราร่า ก่อนจะปลีกตัวออกไป ที่ให้หลังนั้นพลกฤษณ์ยิ้มออกมาอย่างปลื้มในตัวพีร์  ทั้งเข้ากับพ่อแม่เขาได้ หลานเขายอมรับและติดแจ และอย่างอื่นไม่ผิดที่เขาคาดเดาไว้เกี่ยวกับตัวพีร์
แต่เขาก็ต้องถามใจของพีร์เหมือนกันว่า พร้อมจะยอมมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขาหรือเปล่า

“น้าพีค๊าบบ น้องพอลอยากกินไอติมมม” เด็กน้อยที่อยู่บนตักอ้อนพีร์ ขณะที่พีร์กับพลกฤษณ์มารับที่โรงเรียน
“ได้ไงครับ น้องพอลเพิ่งไม่สบายนะ กินไอติมเดี๋ยวก็ละลายหรอก”
พลกฤษณ์งงว่ากินไอติมแล้วจะละลายได้อย่างไร เขาส่งสายตาส่งสัย แต่พีร์ก็มองเขาแบบอย่าเพิ่งถามอะไรมากในตอนนี้
“งั้นอาแจ๊คกับน้าพีพาน้องพอลไปดูปลาหน่อยได้ไหมค๊าบบบ” เด็กน้อยเรียกร้อง เพราะเขาอยากให้ผู้ใหญ่สองคนพาเขาไปไหนด้วยกันเสียมากกว่า
“อ่อ ได้สิน้องพอล งั้นไปดูปลากันนะ” เขาตอบรับหลานชายอย่างใจดี

      MINI Cooper S สีดำของพลกฤษณ์จอดเทียบหน้าประตูห้างดังให้พีร์กับพอลลงไปก่อน พีร์อุ้มพอลไว้ให้ข้างตัวเด็กน้อยเกาะไหล่  แต่พอเขาหันเข้าไปก็พบว่า ศิลานั้นก็พาลูกสาวทั้งสองกำลังเดินออกมาเช่นกัน
พีร์ตกใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการไม่ให้เด็กน้อยสงสัย ศิลาเห็นพีร์อุ้มเด็กมาด้วย บวกกับครั้งนี้ที่เขามากับลูก จึงทำให้เขาได้แต่มองตามพีร์ ที่พยายามหลบสายตาเขาอยู่อย่างตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน
  
        พีร์อุ้มเด็กน้อยเดินออกมาอย่างรวดเร็ว และจากแววตาที่ประหม่าอย่างปิดไม่มิด ทำให้เด็กน้อยถามว่า “น้าพีหนีใครเหรอครับ”
“ป่ะ ป่าวครับน้องพอล น้าพีกลัวว่าอาแจ๊คจะมาถึงก่อนหน่ะ” เขาพูดต่อ “ป่ะ เราไปรออาแจ๊คข้างล่างกันดีกว่า”

    เด็กน้อยพยักหน้ารับ เขาจึงพาพอลลไปซื้อบัตรเข้าชมรอพลกฤษณ์เมื่อพลกฤษณ์มาถึงพีร์ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มหลานบ้าง คนทั้งสามเดินดูสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ กันอย่างมีความสุข เด็กน้อยเองก็รู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  เพราะว่าวันนี้เขาได้รู้สึกเหมือนตัวเอง ได้กลับไปมีพ่อแม่เหมือนที่เขาเคยมีและเสียไป จากปกติที่เขาเองแทบจะคิดว่าพลกฤษณ์เป็นพ่ออยู่แล้วแต่เมื่อได้รับความรักจากพีร์ ก็เหมือนว่าแม่ที่เขารอคอยก็ได้มาเติมเต็มความเป็นครอบครัวของเด็กน้อยให้สมบูรณ์


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2010 15:30:27 โดย น้ำพริกแมงดา »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด