ภาคต่อ ตอนที่ 12
“หะ พี่พจกับพีเนี่ยะนะ......คบกัน..” บรรดากลุ่มเพื่อนสาวของพีร์ตะลึงเมื่อนั่งกินข้าวเย็นกับคนทั้งสองในร้านข้าวแถว ๆ มหาวิทยาลัย
“อืม...” พีร์ตอบรับนิ่ง ๆ แต่เขินอาย ศิริพจน์เองก็มองพีร์เช่นกันว่าจะตอบเพื่อน ๆ ที่เคยไปทำโครงการด้วยกันมาที่ตอนนี้นั่งอยู่รายล้อมยังไง
“อ๊ายยยยยยยยย” เสียงกรี๊ดอย่างตกใจดังขึ้นด้วยความประหลาดใจที่สุด เพราะแสดงว่าทั้งสองแอบสานรักกันตอนทำงานใช่ไหมนี่ พวกเธอคิดอย่างนั้น
“พี่พจ....” เพื่อนสาวหลายคนทำเสียงเสียดาย เพราะศิริพจน์เองก็เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมคนหนึ่งเช่นกัน ซึ่งตอนนี้พวกหล่อนก็คงหมดสิทธิ์กันถ้วนหน้าแล้ว
“ช่วยไม่ได้ พวกแกไม่สวยเอง” พีร์ยิ้มเยาะเพื่อน ๆ ตามนิสัยสนุกสนานของตน
“อี๊....” เพื่อน ๆ พร้อมใจกันอุทาน แต่จู่ ๆ ก็มีเพื่อนคนนึงคิดอะไรได้ “นี่แสดงว่า รอยแดง ๆ ที่ชั้นเคยเห็นที่คอแกนี่ก็คงเป็น..ฝีมือพี่พจใช่ไหม” เธอกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะคิดถึงที่มา ใครจะเชื่อ ผู้ชายท่าทางสุภาพบุรุษอย่างศิริพจน์จะทำแบบนั้น
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็วูบในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ศิริพจน์เองก็มองพีร์อย่างเป็นห่วงความรู้สึกเช่นกัน พีร์แกล้งทำเขินอายพร้อม ๆ กับศิริพจน์ที่ทำหน้าตาเหมือนจะยอมรับกับข้อหานั้น
“อ๊ายยยยยยยย” บรรดาหญิงสาวต่างก็กรี๊ดออกมาด้วยความอิจฉาคู่รักคู่ใหม่ที่พวกหล่อนเพิ่งรับรู้ แต่ก็ยินดีกับพีร์ที่ก็มีแฟนดี ๆ อย่างศิริพจน์
แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ ที่เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ดี ๆ หมดไปแล้วอีกหนึ่งคน
“หวัดดีครับ พี่แพรว พี่เป้” ศิริพจน์ทักทายทั้งสองคนขณะที่นัดมาเจอกันตามปกติ แต่ครั้งนี้เป็นที่ร้านกาแฟสุดหรูแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท
“เป็นไงมั่งคะ สามี กับนังหนูนั่นเดี๋ยวนี้ได้ข่าวคืบหน้าไปใหญ่แล้วนะคะ”
“อ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพี่เป้” ศิริพจน์ตอบยิ้ม ๆ
“แต่ก็โอเคใช่ไหมพจ”
“ครับ โอเคเลยพี่แพรว”
“อืม ดีแล้วหล่ะ พี่ก็ดีใจนะว่าสิ่งที่เราเลือกมันโอเค”
“เออ ว่าแต่พี่หยกเป็นไงมั่งฮะ” เขาเลียบเคียง
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะพจ ว่าลึก ๆ แล้วหยกคิดยังไง แต่รวม ๆ แล้วเค้าก็ใส่ใจครอบครัวมากขึ้นนะช่วงนี้ เค้าก็คุยกับพี่ปกติ ไม่มีอะไร แต่พี่ไม่เห็นห่วงนี้เค้าออกไปไหนเท่าไหร่เลยอ่ะ กลับบ้านดึกทุกครั้งก็จริงนะ แต่พี่มั่นใจว่าเพราะงานแน่ ๆ”
“อืม ครับ”
“ทำไมเหรอพจ”
“อ่อ ไม่มีอะไรพี่ ผมนึกว่าพี่หยกจะตามมาทวงทีหลังไง ฮ่ะ ๆๆ”
“ต๊ายย แรงนะคะ น้องแกเนี่ยะ” ปกรณ์กรีดเสียงตกใจและทำให้ทั้งสองคนหัวเราะตามจนได้
“พจ พี่ว่าเราต้องมีรถเป็นของตัวเองแล้วนะ” นลพรรณพูดขึ้นมา
“รถเหรอฮะ ก็คันนี้ไง” เขาพูดถึงรถที่เขาให้นลพรรณไปขับ
“ได้ไง มันสี่ปีมาแล้วนะพจ อีกอย่างเราเองก็ไม่ค่อยได้ขับด้วย เหมือนมันเป็นรถพี่ไปซะแล้วอ่ะ”
“อืม...”
“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่นะ ห้ามปฎิเสธ”
“โอเคครับ”
“พจอยากได้แบบไหนล่ะ ยี่ห้อไหนดี”
“รถญี่ปุ่นก็พอมั๊งครับ ขอประหยัดน้ำมันหน่อยก็ดี อ่อ ไม่เอาเล็กซัสนะ ผมขอ…ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากรถเยอรมันหรอกผมว่า”
“อ่าจ้ะๆๆ” เธอรับคำ “น้องพี่จะได้ขับรถจริงจังซะที คันนี้พี่ซื้อให้นะ อย่าไปยกให้ตาพลขับล่ะ” เธอพูดถึงน้องชายคนเล็กที่เรียนอยู่อังกฤษ
“ขอบคุณครับพี่แพรว”
“เออ คุณน้องพจคะ ว่าแต่มีโครงการจะไปฮันนีมูนกับนังหนูที่ไหนหรือเปล่าคะเนี่ยะ”
“คิด ๆ อยู่ครับ พี่เป้”
“อู๊ยยย เก๋เนอะ” ร่างยักษ์เอามือทาบอก แล้วพูดต่อ “คราวนี้ล่ะค่ะ น้องพจกับนังหนูจะได้เป็นผัวเมียกันจริง ๆ ซะที”
ศิริพจน์เขินหน้าแดง แต่นลพรรณตีแขนเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ “อิจฉาเค้าล่ะสิ”
“มากค่ะ”
“เป็นไงอย่าลืมมาเล่าให้พี่ฟังมั่งนะคะ คริ คริ”
“อ่าคับ ได้เลย เดี๋ยวมีอะไรผมจะรายงานพวกพี่นะครับ” เขายิ้ม ๆ
หลังจากสอบเสร็จ ศิริพจน์กับพีร์ก็มีโครงการจะไปเที่ยวทะเลหัวหินด้วยกัน งานนี้ศิริพจน์เองก็เกือบจะไปตรงกับครอบครัวของศิลา เขาจึงปรึกษานลพรรณ และขอร้องให้พี่สาวโน้มน้าวครอบครัวหล่อนให้ไปเที่ยวเขาใหญ่แทน
ไม่งั้นละก็ ทะเลเดือดแน่ เขาคิดอย่างนั้น
พีร์เองตอนแรกเหมือนจะลังเล เพราะว่าในใจแล้ว เขาก็ไม่อยากให้เรื่องของเขากับศิริพจน์ไปไกลกว่านี้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็ได้จัดการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพราะไม่อยากที่จะติดต่อกับอีกฝ่าย ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับศิริพจน์รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
เขายอมรับว่า เขาเองก็มีใจให้ศิริพจน์
แต่เขายังรักศิลาอยู่ แต่ก็ไม่อาจที่จะทำใจได้กับเรื่องที่ศิลาทำลงไป
คืนใดที่เขาไม่ได้ศิริพจน์มานอนด้วย ฝันร้ายที่เกิดขึ้นจริงก็มาเยือนไปเสียทุกที
หรือถ้าเรื่องของเขากับศิลามันจบลง ณ จุดนี้ เขาก็พอรับได้
พีร์รู้สึกเหมือนศิลากำลังทำอะไรสักอย่างอยู่กับเรื่องของเขา แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร
เพราะคนอย่างศิลา ถ้าวิธีไหนไม่ได้ผล ก็จะไม่ทำอีก เรื่องนี้เขารู้ดี
แต่เขาเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าชายหนุ่มจะทำอะไรกันแน่?
ตอนแรกที่พีร์กะจะไม่ไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของศิริพจน์แล้วทำให้เขาอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ อีกอย่าง เขาเองก็อยากจะใช้เวลากับศิริพจน์ อันนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไม
แต่สุดท้าย ศิริพจน์ก็ได้ไปหัวหินกับพีร์อย่างราบรื่น ศิริพจน์พลางมองคนข้าง ๆ ที่ผลอยหลับซบไหล่เขาขณะอยู่บนรถไฟด้วยกัน เขากุมมือนิ่มนั้นอย่างแสนรักเช่นเคย
เขางงเหมือนกันที่อยู่ดี ๆ จะได้อยู่เคียงข้างคนที่เขาประทับใจจากการเจอกันครั้งแรกแบบนี้ ศิริพจน์คิดไม่ถึงกับโชคชะตาของตัวเอง และก็ลอบมองพีร์ด้วยความรู้สึกรักจากใจของเขา
นี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ ที่ได้มาเที่ยวทะเลกับคนที่เขารัก
คนทั้งสองถึงหัวหินในเวลาเกือบเที่ยง จึงไปตระเวนหาอะไรกินกัน ซึ่งพีร์ก็ไม่พลาดที่จะตระเวนชิมของอร่อยในร้านต่าง ๆ ตกบ่ายทั้งสองก็ได้เข้าพักที่ห้องเกสเฮาส์ขนาดเล็กที่อยู่ริมชายหาด จนตกเย็นศิริพจน์กับพีร์ก็ออกมาเดินรับลมทะเลด้วยกัน
มือของคนทั้งสองประสานกันอย่างหลวม ๆ เข้ากับบรรยากาศสบาย ๆ
เท้าของทั้งสองเปลือยเปล่า เพื่อรับสัมผัสจากผืนทรายและฟองคลื่นที่กระทบฝั่ง
ทั้งสองคนไม่อยากจะเอ่ยอะไรออกมา ด้วยบรรยากาศพลบค่ำอย่างนี้ ทำให้ความรู้สึกและใจของทั้งสองสื่อสารกันได้มากขึ้น
ศิริพจน์หยุดเดินและหันมามองพีร์ที่ก็มองเขาอยู่เหมือนกัน
“พีครับ..”
“หืม...” ร่างอวบนั้นมองร่างสูงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายเช่นกัน ศิริพจน์พลางกดอะไรสักอย่างในกระเป๋ากางเกง และเสียงเพลงก็ออกมา
“ชั้นไม่ใช่ผู้วิเศษ....ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ...ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอ...แต่ชั้นมีใจพิเศษที่จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป ชั้นเป็น เพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ...”
ศิริพจน์ยิ้มให้ร่างอวบที่กำลังประหลาดใจแกมซาบซึ้งอย่างอบอุ่น พีร์นั้นเหมือนจะร้องไห้ออกมาด้วยความซึ้งใจ ศิริพจน์จึงสวมกอดร่างอวบนั้นคลอไปกับเพลงที่เขาตั้งไว้จากโทรศัพท์มือถือ เขาก้มมองดูพีร์ที่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคออย่างคนที่มีความสุข แล้วยิ้มออกมา
เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ - เพชร โอสถานุเคราะห์
http://www.youtube.com/v/lpJR-8M52ZQ“พีครับ ...”
“ผม รักพี นะครับ” เขาก้มลงบอกร่างอวบที่มองเขาอยู่ ทำให้พีร์ยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้ง
ศิริพจน์ค่อยจูบซับน้ำตานั้นอย่างอ่อนโยน ถึงแม้จะเป็นน้ำตาแห่งความสุขก็ตาม พีร์เองเห็นอย่างนั้น จึงเขย่งตัวขึ้นไปสัมผัสริมฝีปากของศิริพจน์ทันทีเพื่อตอบแทนความรักจากชายหนุ่ม
ศิริพจน์เองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รับสัมผัสลึกซึ้งแรกนี้จากคนที่เขารัก ศิริพจน์ค่อย ๆ ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยริมฝีปากอย่างอ่อนโยน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกอีกใบ ที่ซึ่งมีแต่เขาและพีร์เพียงสองคน
เมื่อถอนริมฝีปากออก เขาก็หอมแก้มนุ่มของพีร์อย่างแสนรักอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นลากจูงร่างอวบนั้นไปเล่นน้ำทะเลด้วยกันอย่างสนุกสนาน
ศิริพจน์หวังว่า การมาเที่ยวทะเลครั้งนี้ คลื่นน้ำจะช่วยพัดพาความเศร้าใจของพีร์ไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
“พจ วันนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ” พีร์พูดขณะที่นอนกอดกับร่างสูงบนเตียงนุ่ม “ขอบคุณมากนะที่ชวนผมมาเที่ยว”
“ไม่เป็นไรหรอก” เขายิ้มรับ และมองใบหน้าของพีร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาในระยะปลายจมูกแทบชิดกัน ในตอนนี้ที่ต่างคนต่างโอบกอดกันอยู่ ก็รู้สึกว่าเหมือนมีกระแสไฟอ่อน ๆ ไหลผ่านสัมผัสจากกันและกัน
ริมฝีปากพลันประกบเข้าหากันอย่างอ่อนโยน แต่ทว่าดูดดื่ม เหมือนจะเป็นสัญญาญแรกที่จะนำพาทั้งสองคนให้ไปสู่โลกของพวกเขาอย่างแท้จริง....
“พี....ผมเป็นไงมั่งอ่ะ” เขาถามร่างอวบที่หนุนแขนของเขาต่างหมอนถึงบทรักของตัวเขาเมื่อครู่นี้
“ก็..ดีนะ” พีร์ยิ้ม ๆ
“เหรอ....” เขาโล่งอก “รู้มั๊ย นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะ”
พีร์ตกใจเล็กน้อย “ครั้งแรกเลยเหรอ...” เขานึกถึงสิ่งที่เคยได้ยินได้ฟังมาของคู่รักแบบเขา ว่าครั้งแรกของคนนำ มักจะทำได้ไม่เต็มที่ หรือไม่กล้าที่จะรุกเร้าคนตาม แต่นี่..
“หื่นอ่ะ.....” พีร์ล้อเลียนอีกฝ่าย เพราะศิริพจน์สามารถทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์
ศิริพจน์อมยิ้ม นึกขอบคุณปกรณ์ที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเขาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ความจริงเขาก็ไม่เรียกร้องให้ฝ่ายนั้น สอนให้เลย แต่ปกรณ์ก็คะยั้นคะยอบอกเรื่องนี้ให้เขาทุกครั้ง
“แล้วพีไม่ชอบเหรอ...”
“ก็...ชอบสิ” พีร์ตอบเสียงเบา ๆ พลางย้อนนึกถึงครั้งแรกของตัวเองกับศิลาเหมือนกัน
บทรักของชายหนุ่มสองคนนี้ช่างต่างกันเป็นอย่างมาก พีร์คิดว่าของศิลานั้นเหมือนเหล้าคอกเทลที่หวานหอม แต่ก็เจือไปด้วยความร้อนแรงและบางครั้งก็ทำให้เขาแทบคลั่ง ส่วนของศิริพจน์นั้นก็เหมือนชีสเค้กหวานนุ่ม อบอุ่นและสนุกสนาน และที่สำคัญความอบอุ่นนี้ก็ทำให้เขาลืมความเข็ดขยาดจากการผ่านศึกหนักมาได้
แต่เขาก็เลือกไม่ได้ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน ณ จุดนี้
“พีคับ ผมก็มีความสุขมากนะ”
“อืมๆ” พีร์หยักหน้าและพูดต่อ “ผมก็เหมือนกันนะ”
“แล้วคุณรักผมมั่งไหม”
“ก็....ซะขนาดนี้แล้ว ไม่รักก็คงไม่ยอมหรอก” พีร์ยิ้มเขิน ศิริพจน์ได้ยินอย่างนั้นจึงหอมสองแก้มอย่างมันเขี้ยว
เวลานี้เขากับพีร์ได้มีชีวิตร่วมกันแล้วอย่างแท้จริง