ตอนที่ 10 (ตอนจบ)
“โอเคครับ การฝึกงานของคุณผ่านไปได้ด้วยดี ขอแสดงความยินดีด้วยครับ หวังว่าเราคงจะได้ร่วมงานกันใหม่นะครับ” ประธานฝ่ายการตลาดกล่าวกับพีร์เพื่อมอบเอกสารผ่านงานให้
“ขอบคุณครับ” พีร์ไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะรับเอกสารออกมา แล้วหลังจากขอบคุณและร่ำลารุ่นพี่ทีมงาน เขาก็ขอตัวกลับทันที ก่อนเขาเดินออกจากตัวตึกนั้น ศิลาก็โทรหาเขา
“น้องพี ยินดีด้วยนะครับฝึกงานผ่านแล้ว” พีร์ยิ้มดีใจที่ชายคนรักโทรหา แต่นี้คงเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายของเขากับศิลาแล้ว
“ครับ ขอบคุณครับ” พีร์ปรับเสียงให้สดใสร่าเริงเหมือนเคย แต่ก็ระวังคำพูดเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
“เย็นนี้ว่างไหมครับ เดี๋ยวพี่พาไปฉลอง”ชายหนุ่มเสนอแนะ
“ไม่อ่าครับ”
“ทำไมครับ” ศิลาถามด้วยความสงสัยปนน้อยใจ
“คือ พีมีนัดกับเพื่อนแล้วครับ” พีร์โกหกเพื่อกลบเกลื่อน
“ครับ งั้นเย็นพรุ่งนี้ละกันนะน้องพี ห้ามปฎิเสธ” ศิลาสั่งด้วยเสียงใจดีเหมือนเคย
“ครับได้ครับ” พีร์ตอบรับ
“โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้ เดี๋ยวพี่ไปรับนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับ” พีร์กดวางสายด้วยหัวใจร้าวรอน และเดินไปเพื่อออกจากบริษัท ความรู้สึกของเขาต่างกับตอนที่เขาเข้ามาครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เขาก้าวจนพ้นตัวตึก แล้วหันหลังกลับไปพูดเบา ๆ ว่า
“ลาก่อนครับ พี่หยก”
“หยก แพรวมีอะไรจะคุยด้วย” หญิงสาวกล่าวกับสามีที่นั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ ด้วยสีหน้ากังวลปนคาดคั้น ก่อนจะนำหน้าชายหนุ่มไปยังห้องทำงาน แล้วปิดประตูเพื่อไม่ให้คนข้างนอกได้ยิน ศิลาเองก็ประหลาดใจกับท่าทีของภรรยาเช่นกัน
“แพรวมีอะไรเหรอ” เขาสงสัย
“หยก แพรวรู้เรื่องหยกกับน้องพีแล้วนะ” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย แต่ทำให้ศิลาตกใจที่สุด
“แพรว.....คุณ หมายความว่าไง” เขาไม่แน่ใจ
“แพรวรู้เรื่องคุณกับน้องพีแล้วนะ” หญิงสาวกล่าวชัด ๆ ทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่าฟังไม่ผิด ศิลาจึงนั่งนิ่ง ฟังต่อ
“หยก หยกอย่าปิดบังแพรวอีกต่อไปเลยได้ไหม” เธอกล่าวเครียด “หยก หยกอย่าลืมสิว่า เราเป็นเพื่อนกันนะ และอีกอย่าง อย่าคิดว่าแพรวไม่รู้สิว่าหยกคิดอะไรอยู่”
“แพรว นี่คุณรู้ได้ไง” เขาสงสัยและแสดงอาการตกใจถึงทีสุด
“แพรวขอโทษที่เคยหยิบมือถือหยกมาดู” เธอสารภาพ “เพราะแพรวสังเกตุ ว่าหยกเปลี่ยนไปนะ หลังจากที่แพรวกลับจากไปเที่ยว” นลพรรณให้ข้อสังเกตุ ทำให้ศิลาตกใจในสัญชาติญาณความช่างสังเกตุของผู้หญิง
“ แพรวเลยคิดว่าหยกมีคนอื่น แล้วหยกก็มีคนอื่นจริงๆ” หญิงสาวกล่าวด้วยความสลดใจเล็กน้อยเมื่อนึกคำว่านอกใจ “หยกเหมือนคนมีความรักไงล่ะ ถึงแพรวจะไม่เคยเป็นแบบหยก แต่แพรวก็ดูออกนะว่าคนที่ตกหลุมรักใครแล้วจะเป็นยังไง” เธอเว้นช่วงยิ้ม ๆ “แต่แพรวก็คาดไม่ถึงว่า หยกไปรักเด็กผู้ชาย” เธอกล่าวยิ้ม ๆ อย่างยินดีเมื่อพูดถึงตรงนี้ “น้องพีเค้าน่ารักนะหยก แล้วแกก็รักคุณมากด้วย แพรวก็เลยไม่รู้จะทำยังไงดีกับเรื่องนี้”
“แพรวเคยเจอพีด้วยเหรอ” ศิลาถาม
เธอพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ “แพรวเคยเจอแกดื่มคนเดียวที่ผับ วันนั้นแกเมามาก เมาเหมือนคนที่อยากจะดื่มให้ตายไปจากโลกนี้” นลพรรณเล่าต่อ “ แล้วมีคนจะมาพาแกไปย่ำยี แต่ แพรวกับเป้ก็ช่วยแกเอาไว้ได้หน่ะ”
ศิลาเองถึงกับนิ่ง อึ้ง เมื่อได้ยินอย่างนี้ เขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนรักต้องทุกข์ใจอยู่คนเดียวและไม่ได้ปกป้องคนรักจากสิ่งชั่วร้ายนั้นเลย
ทำไมพีร์จึงต้องปิดปังเขาโดยการแบกทุกข์นั้นไว้คนเดียวอย่างนี้ด้วย?
“หยก แพรวถามหยกจริง ๆ นะ หยกรักน้องพีไหม” เธอถามสามีด้วยน้ำเสียงเย็นนิ่งด้วยความเห็นใจ
“รักสิ ผมรักน้องพี” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษ” แล้วเขาก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายนลพรรณที่เข้าไปโอบกอดเขาทันที
“ผมขอโทษ ที่ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้” เขาพูดพลางร้องไห้ออกมา ขณะที่นลพรรณลูบผมเขาอย่างปลอบโยน
“ไม่เป็นไรหรอกหยก แพรวเข้าใจ” หญิงสาวปลอบสามี “หยกรู้ไหม หยกยังโชคดีนะที่หยกยังเจอความรัก ที่เป็นความรักจริง ๆ หน่ะ”
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมรักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาระบายออกมา “น้องพีเค้าเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นตัวของตัวเองจริง ๆ เมื่ออยู่กับเค้า อยากออดอ้อนเค้า อยากดูแลเค้า”
“อืม ดีแล้วหล่ะหยก” เธอกล่าวจากใจ “แล้วคุณรักแพรวบ้างหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้คาดคั้น
“รักสิ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมมาโดยตลอด” เขาตอบ “ความรู้สึกของผมตั้งแต่รู้จักคุณตอนเด็กมันไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
“อื้ม ม แพรวก็เหมือนกัน” หญิงสาวยิ้ม เมื่อนึกถึงวัยเยาว์ของเธอและศิลา “แพรวได้ยินแบบนี้ก็ดีใจแล้วหล่ะ” เธอลูบผมศิลาแล้วก้มลงมาถามชายหนุ่มที่หยุดร้องไห้แล้วว่า “แล้วหยกจะทำไงต่อไปล่ะ”
ศิลาเงยหน้ามองนลพรรณอย่างสงสัย “หืม...เรื่องของน้องพีอ่ะเหรอ”
นลพรรณพยักหน้า
“ผมก็ไม่ได้คิดถึงระยะยาวเลยนะ แค่ผมมีเค้าในทุก ๆวัน ผมก็พอแล้ว”
นลพรรณคาดคั้น “แค่ตอนนี้หยกต้องคิดแล้วนะ หยก หยกอย่าลืมสิ พ่อแม่พวกเรายังอยู่นะ ไหนจะลูกของเราหล่ะหยก..โอเค เรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มต้นง่าย ๆ แต่หยกต้องคิดนะว่าจัดการเรื่องของหยกกับน้องพีต่อไปยังไงไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน” นลพรรณถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “น้องพีเค้าเป็นห่วงหยกมากเลยรู้ไหม”
“น้องพี นี่แพรว...คุณหมายความว่าไงนะ” เขาสะดุดกับคำพูดของภรรยา
“หยกรู้ไหมว่าทำไมน้องพีเค้าถึงดื่มให้เมาลืมโลกขนาดนั้น” หญิงสาวถาม ศิลาส่ายหน้าอย่างคิดไม่ออก
“เพราะเค้าจะตัดใจจากหยกหน่ะสิ”
คำพูดของนลพรรณเป็นเหมือนดาบคมที่ฟันลงบนหัวใจของศิลา
“หะ...ตัดใจเหรอ แพรว คุณเล่ามาให้ผมฟังสิ เล่าให้หมดเลยนะ” เขาร้อนรน
หญิงสาวเริ่มเล่าอย่างยากลำบาก “น้องพีบอกกับแพรวว่า หลังจากฝึกงานเสร็จแล้ว เขาจะไปจากหยก”
“จริงเหรอแพรว ทำไมพีเค้าพูดอย่างนั้นล่ะ” ศิลาในตอนนี้ที่เหมือนถูกดูดวิญญาณ กลั่นคำพูดออกมาอย่างยากเย็น
“เค้าไม่อยากให้คุณเดือดร้อนเพราะเค้าไงล่ะ” เธอเฉลย “ แพรวก็เล่าเรื่องของเราให้น้องเค้าฟังนะ แต่น้องพีเค้าก็ยังยืนยันว่า ชีวิตของคุณจะดีกว่านี้ ถ้าคุณไม่รู้จักเค้า” หญิงสาวเริ่มมีน้ำตา เพราะตื้นตันในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่ม
“ไม่ได้นะ น้องพีจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!!!” เขาโผล่งขึ้นมาอย่างไม่ยอม
“แล้วหยกจะทำยังไงล่ะ หรือว่าหยกมีวิธีที่ดีกว่านี้”
“มีสิแพรว” เขาเสนอ “เอางี้นะ ผมไม่ทิ้งคุณกับลูกแน่ ๆ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของพวกเรา อย่าให้ท่านรู้โดยเด็ดขาด และที่สำคัญน้องพีจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เขาพูดต่อ “ยังไงผมก็ไม่ยอมเสียน้องพีไป”
หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเข้าใจ “จ้ะ ดีแล้วหยก” ก่อนจะพูดต่อ “แพรวก็อยากให้หยกมีคนรักจริง ๆ บ้าง”
“แพรว ผมโทษนะ” ศิลาพูดกับภรรยาอีกครั้ง
“จ้ะบอกแล้วว่าไม่เป็นไร” นลพรรณยิ้มให้อย่างเข้าใจ
“ผมต้องไปตามน้องพีกลับมาแล้วหล่ะ” ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะรีบหยิบกุญแจรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“หนูแพรว ตาหยกไปไหนหน่ะ” ผู้เป็นแม่สามีเข้ามาถามนลพรรณ เพราะเห็นลูกชายขับรถออกไปอย่างรีบเร่ง
“อ่อ คุณหยกลืมของไว้ที่ออฟฟิศหน่ะค่ะ พอดีนึกได้เลยรีบกลับไปเอา” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ กับแม่สามี
ศิลาเองที่ตอนนี้หัวใจระส่ำกับการขับรถไปหาคนรักที่หอพัก เขาทางติดต่อหนุ่มน้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทันการหรือไม่ที่พีร์จะยังอยู่ที่เดิม หรือเจ้าตัวอาจจะตัดสินใจไปจากกรุงเทพฯ แล้วก็ได้
รถหรูจอดอย่างทันทีเมื่อถึงที่หมาย เขารีบวิ่งลงไปติดต่อที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อขอโทรติดต่อเจ้าของห้อง เขาดีใจที่มีคนรับ แต่..
“ผมไม่ใช่พีครับ พีออกไปตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว” เป็นเจ้าของห้องตัวจริงที่เพิ่งกลับมาอยู่นี่เอง ศิลาไม่รอช้าที่จะสอบถามข้อมูลจากเพื่อนของพีร์
“น้องพอจะทราบไหมครับว่าน้องพีไปไหน”
“อ่อ เห็นบอกว่า จะกลับไปหาดใหญ่หน่ะครับพี่” ศิลาตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น จึงรีบถาม
“แล้วน้องพีเค้าไปยังไงครับ”
“เค้ากลับรถไฟครับ”
เขาจึงถามอย่างอยากรู้ที่สุด “แล้ว น้องพีไปรถไฟเที่ยวไหนครับน้อง”
“รู้สึกจะรอบสองทุ่มครึ่งนะครับ” ศิลามองนาฬิกาที่ผนัง พบว่าตอนนี้เป็นเวลา หนึ่งทุ่มห้าสิบนาที
“ครับ ขอบคุณน้องมากครับ” เขาวางสายและขอบคุณยาม ก่อนจะรีบบึ่งรถไปหัวลำโพง
แต่ดูเหมือนสถานการณ์การจราจรจะไม่เป็นใจ ศิลาไม่เคยรู้สึกเกลียดกรุงเทพฯ มากมายเท่าวันนี้เลย เขาดูนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาสองทุ่มแล้ว รถติดแบบนี้คงไม่ทันแน่ ๆ เขาจึงตัดสินใจหาที่จอดรถข้างทางและต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างแทน
เขาคิดไม่ผิดที่ทำแบบนี้ เพราะมอเตอร์ไซค์พาเขาลัดเลาะไปตามทางลัดต่าง ๆ ที่รถยนต์ทำไม่ได้อย่างแน่นอน เขาพลางชะเง้อไปข้างหน้าอย่างหาจุดหมาย พร้อมกับดูนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนรน
ในที่สุดมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้พาเขามาถึงที่หมายในเวลาสองทุ่มยี่สิบห้านาที เขากล่าวขอบคุณ และหยิบธนบัตรสีม่วงให้คนขับอย่างรีบเร่งโดยไม่ถามราคา ศิลาวิ่งไปยังข้างในสถานีรถไฟหัวลำโพง สายตาพยายามมองหาร่างอวบที่คุ้นเคย ร่างสูงเด่นนั้นกวาดสายตาไปยังรอบทิศด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ยอมให้พีจากเขาไปอย่างแน่นอน
ศิลาหน้าเสียเมื่อมองไปทางไหนก็ไม่เจอคนรัก จึงวิ่งไปยังบริเวณชานชาลา บางทีเขาอาจจะเจอพีร์ก็ได้
เหมือนโชคเข้าข้างเขา ที่มองเห็นหนุ่มน้อยร่างอวบที่คุ้นตากำลังก้าวขึ้นบนรถไฟ เขาแน่ใจว่าเป็นพีร์ แน่ ๆ จึงไม่รอช้าที่จะวิ่งไปตะครุบร่างอวบนั้นเพื่อไม่ให้ไปไหน
พีร์ที่กำลังก้าวขึ้นรถไฟชะงักเมื่อมีแขนแข็งแกร่งนั้นมาล็อกตัวเขาไว้จากด้านหลัง เขารู้ทันทีว่าเป็นใคร น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ตลอดจึงค่อย ๆ ไหลออกมาอย่างสุดจะห้าม
“น้องพี....” ศิลาร่ำไห้เมื่อพบคนรักที่ตามหา “น้องพีจะทิ้งพี่ไปไหน” เขากอดร่างอวบของคนรักวัยรุ่นแน่น พร้อมทั้งปล่อยโฮลงบนแผ่นหลังของหนุ่มน้อยอย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างที่เริ่มมองอย่างสงสัย
พีร์นิ่ง ไม่มีอาการใด ๆ เขาเชิดหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่สุดท้ายเขาก็สะอื้นออกมาเช่นกัน
“พี่หยกครับ ปล่อยพีเถอครับ พีจะกลับบ้าน” พีร์ที่พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ พยามแกะแขนที่กอดรัดตัวเขาแน่นออก
“ไม่ปล่อย...น้องพี น้องพีจะหนีพี่ไป น้องพีคิดเหรอว่าที่ทำลงไปพี่จะมีความสุข หะ!”
“พี่จะมีความสุขได้ไง ถ้าพี่ไม่มีน้องพี” ศิลาปล่อยโฮออกมาจากใจ
“พอเถอะครับพี่หยก เรื่องของเรา คิดซะว่ามันเป็นแค่ความฝันเถอะครับ รถไฟจะออกแล้ว พีขอตัว” พีร์พยายามพูดเสียงแข็งใส่ชายคนรักที่กอดเขาแน่น
“ไม่น้องพี เรื่องของเรามันเกิดขึ้นจริง พี่รักน้องพี น้องพีก็รักพี่ อย่าทำร้ายกันเองแบบนี้เลย พี่ขอร้องล่ะ”
“แล้วคุณแพรวล่ะครับ พี่หยกคิดถึงเธอมั่งหรือเปล่า” พีร์หันไปถามชายหนุ่ม
“คิดสิ...ฟังนะ พี่จะไม่ให้ใครไปไหนทั้งนั้น น้องพี แพรวเองเค้าก็อยากให้น้องพีไม่ไปไหนนะ” เขาเว้นช่วง “ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอย่างนั้น น้องพีก็อย่าทิ้งพี่ไปนะ ฮือๆๆๆๆๆ” ร่างโปร่งยอมจำนนกับกำแพงความแข็งแกร่งของเขา จึงขอร้องคนรักอย่างถึงที่สุด
เสียงนกหวีดจากนายสถานีดังขึ้น รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีช้า ๆ
พีร์เองที่ตอนนี้ก้มหน้าร้องไห้ในอ้อมแขนศิลาก็ยอมจำนนแล้วเช่นกันกับความรักของชายหนุ่มที่เขาต้องการมาโดยตลอด ถึงแม้เขาจะวิ่งหนีมันมาเพราะข้อจำกัดทางสังคม แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็หนีความรักจากชายหนุ่มและหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจึงหันกลับมากอดศิลา ทั้งสองกอดและร่ำไห้อยู่สักพัก ศิลาปาดเช็ดน้ำตาคนรักด้วยสีหน้าเป็นสุข
“สัญญากับพี่นะ อย่าทิ้งพี่ไปอีกนะครับน้องพี” ศิลาขอร้อง
พีร์พยักหน้าด้วยความยินดี “ครับ”
แล้วทั้งคู่ก็สวมกอดอกอุ่นของรักอีกครั้ง ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นอยู่เต็มหัวใจ
จบแล้วค่ะ..
ก็จบลงไปอย่าง Happy Endding แล้วนะคะ หวังว่าคงจะถูกใจและไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านนะคะ
ขอบคุณนะคะ
สำหรับการตอบรับที่แสนจะอบอุ่น :กอด1:และก็การติดตามที่เหนียวแน่น ดีใจค่ะ ที่มีคนอ่านชอบเรื่องของน้องพีกับพี่หยกมากมายขนาดนี้ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ
อ่อ มีคำถามอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ไม่เกี่ยวก็ได้) ก็สามารถถามกันเข้ามาได้นะคะ ยินดีตอบค่ะ