Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ  (อ่าน 153197 ครั้ง)

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #180 เมื่อ05-07-2010 01:52:23 »

อ่านรวดสองตอน ดีใจมากมายค่ะ
มุมมองและอะไรหลายๆอย่างของกวินก็เปลี่ยนไปด้วยเนอะ แต่วิศนุเย็นชาไปป้ะ เหมือนจะเป็นคนเก็บกฏ หรือไม่ก็ไม่แสดงออกทางอารมณ์ ระวังจะเป็นโรคจิตชนิดหนึ่นะ
เตือนมาด้วยเป็นห่วง55+
ส่วนขจรนั้น ถ้ามีคนลองแง้มเปิดโอกาสให้เขาคงมีคนสนใจ เปลี่ยนทัศณคติใหม่ๆให้ตัวเอง เลิกทำตัวงี่เง่าไปวันๆอ่ะคะ ถามว่าสงสารมั้ย มันก็สงสารนะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #181 เมื่อ07-07-2010 00:05:24 »

เริ่มออกมาจาก มุมมืด แล้วววววววว

เมื่อไหร่จะมาเจอกันอีกนะ

ขอบคุณค่ะ  :L2:

hephzibah

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #182 เมื่อ07-07-2010 09:20:04 »

ยากนะที่จะพูด
นิยายของขจรก็คงเป็นนิยายแบบที่เราไม่แตะเหมือนกัน
แต่อ่านนิยายของตัวเอกมากๆเข้าก็คงเอียนไม่แพ้กัน

มันเป็นอะไรแบบนั้นแหละ นิยายที่แบนไปด้านเดียวน่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #183 เมื่อ07-07-2010 10:20:13 »

 :L1:

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #184 เมื่อ07-07-2010 22:19:49 »

ดีใจจังเลย

ไม่ได้มาอ่านเสียนาน

คนอ่านมากขึ้นเยอะเลย

Cheerrrrrrrrrrrr

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #185 เมื่อ18-07-2010 22:08:08 »

19

   ท่าทีของมธุรสเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อหล่อนได้กลับเข้ามาในห้องทำงานขนาดกะทัดรัดอันดูเหมือนจะถูกสร้างไว้เป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ของหล่อนเสียเอง หญิงสาววัยกลางคนร่างทะมัดทะแมงยืนชื่นชมเหล่ากระถางกระบองเพชรขนาดจ้อยที่ตั้งเรียงรายไว้ตรงบริเวณริมหน้าต่าง ถัดจากตู้ปลาขนาดย่อมที่จัดแต่งอย่างวิจิตร กวินค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ ก่อนที่จะสบายใจขึ้นเมื่อมธุรสหันมายิ้มกว้างให้ ผกผันกับอารมณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามกวินยังทำตัวได้ไม่ค่อยจะถูกเท่าไรนัก เพราะถึงอย่างไรก็ยังเดาไม่ได้ว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์เช่นไร และมีธุระปะปังอันใด

    “พี่อ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ รวดเดียวจบเลยล่ะ” มธุรสพูดขึ้นราวกับเปิดประเด็น ซึ่งทำให้กวินงุนงงมากกว่าเดิมเพราะไม่คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ “ให้ตายสิ พี่ไม่เคยเห็นงานไหนของกวินจะลงตัวเท่านี้มาก่อนเลย มันสมบูรณ์แบบมาก”

    กวินขมวดคิ้ว ในขณะที่มธุรสวางกระถางกระบองเพชรลงที่เดิมแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ กวินร้องถามขึ้นทันทีเมื่อสติเริ่มกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว

    “นี่พิมให้พี่อ่านหรือครับ”

    มธุรสยิ้มเล็กน้อย ยังไม่ยอมตอบคำถามของกวิน หล่อนหันหน้าไปมองจอคอมพิวเตอร์ เอนหลังลงกับพนักพิงอย่างสบายอารมณ์ เปิดเกมไพ่ขึ้นมาเล่นราวกับกำลังรื่นรมย์เสียเต็มประดา ท่าทางเช่นนี้ทำให้กวินตระหนักรู้ถึงความคิดของเจ้าหล่อนอย่างทันทีและนั่นทำให้เกิดความไม่สบายใจอย่างถึงที่สุด

    “ไม่มีทางนะครับพี่” กวินพูดเน้นคำ “ผมเคยบอกแล้วไงครับว่างานชิ้นนี้จะไม่ตีพิมพ์เด็ดขาด”

    “โธ่ ! กวินจ๊ะ” มธุรสพูดแทรกขึ้นมาอย่างทันท่วงที “ไม่เอาน่า งานดีแบบนี้เราจะเก็บเอาไว้กับตัวทำไม ให้คนอ่านได้อ่านจะดีกว่า”

    “แต่ว่า...” กวินพยายามจะเถียง แต่สุดท้ายก็เถียงไม่ออก อันที่จริงก็ไม่แน่ใจนักว่าต้องการจะห้ามปรามมธุรสไปเพื่ออะไรกันแน่ ถามว่าตอนนี้ยังคงตั้งแง่รังเกียจงานชิ้นนี้เหมือนเช่นเมื่อก่อนไหม ก็เปล่า ทั้งหมดอาจจะเป็นเพียงเพราะความไม่มั่นใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียก็เท่านั้น ด้วยเหตุนี้กวินจึงคิดหาเหตุผลอย่างหนักแน่นได้ไม่ออก สบช่องให้มธุรสรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “เอาอย่างนี้นะกวิน ก่อนเธอจะพูดอะไร พี่อยากให้เธอรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเงินหลายแสนที่อาจจะได้จากงานเล่มนี้”

    เงียบไปนานพอสมควร นานพอที่กวินจะค่อย ๆ นึกไตร่ตรองก่อนจะพบคำตอบว่าเอาเข้าจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะตีพิมพ์งานนี้ แถมมันอาจจะมีแต่ข้อดีด้วยซ้ำ มธุรสคงจะโปรโมตว่าเป็นงานที่เขียนอุทิศแก่วรรณี วรรณรัตน์ ซึ่งกลุ่มผู้อ่านคงจะกว้างขึ้น และสิ่งที่ตามมาก็คือยอดขายของเขาที่อาจจะเพิ่มพูนขึ้นไปอีกขั้น แต่กระนั้น ความไม่มั่นใจก็ยังไม่ได้จะหายไปเสียทีเดียว

    “พี่ว่ามันโอเคจริงหรือครับ”

    ดูเผิน ๆ อาจจเหมือนว่ากวินยอมจำนนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่ความจริงนั้นกวินไม่อาจจะปฏิเสธแก่ตัวเองได้ว่าทั้งหมดที่แสดงออกไปนั้นเป็นเพราะความไม่มั่นใจหาใช่การไม่พอใจไม่ ถ้าหากว่ามธุรสสามารถให้ความมั่นใจได้ว่างานของเขาไม่ได้แย่ กวินก็ไม่ได้จะรังเกียจในโอกาสที่จะได้รับ

    “โอเคสิจ๊ะ พี่รับรองว่ามันจะขายดี” มธุรสให้คำมั่น “นามปากกาวรรณีไม่เคยทำให้พี่ผิดหวัง ยิ่งโดยเฉพาะในฐานะเล่มสุดท้าย พี่ตั้งเป้าไว้เลยว่าสองหมื่นเล่ม แหม ! นี่ถ้ามีแชมเปญอยู่แถวนี้นะ พี่จะเปิดฉลองกับเธอเสียเลย”

    “เดี๋ยวนะพี่...” กวินแย้งขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปร่ง ๆ อยู่ในคำพูดนั้น “ผมไม่เข้าใจ เกี่ยวอะไรกับนามปากกาของคุณวรรณี”

    กวินมองหน้ามธุรสอย่างไม่เข้าใจและแฝงด้วยท่าทีแบบที่คาดคั้นเอาคำตอบ แม้ว่าในใจนั้นพอจะเริ่มคาดเดาได้แล้วก็ตามว่าความคิดของมธุรสนั้นคืออะไร และทันใดนั้น กวินก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างประหลาด จิกนิ้วเท้าลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่อาการชาดิกจะเริ่มแผ่ไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ให้ตายเถิด... กวินรู้สึกใจคอไม่ดีกับคำตอบที่อาจจะออกมาจากปากของมธุรสเสียเหลือเกิน ในขณะที่มธุรสนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อยราวกับไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะถูกถามเช่นนี้

    “กวิน...” บรรณาธิการสาวใหญ่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนใจอย่างยืดยาว ทำเอากวินมั่นใจมากกว่าเดิมถึงแผนการของเจ้าหล่อน แล้วเขาก็รู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ตั้งท่าจะร้องโวยวายออกไป แต่ก็ไม่ทันอีกฝ่ายที่ชิงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับได้เตรียมการเอาไว้มาพอสมควร “เราก็โต ๆ กันแล้ว พี่จะขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน เธอไม่คิดหรือว่ามันจะดีกับเราทั้งคู่มากกว่าถ้าเราจะพิมพ์งานนี้ในนามปากกาของคุณวรรณี ไม่ใช่กวิน”

    “ไม่จริง” กวินสวนไปอย่างทันท่วงที รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า มธุรสกล้าดีอย่างไรถึงพูดออกมาเช่นนี้ “มันดีกับพี่ฝ่ายเดียวต่างหาก ไม่ได้ดีกับผมเลยสักนิด”

    “อย่าพูดเหมือนกับพี่เป็นคนเห็นแก่ตัวสิกวิน” มธุรสพยายามจะอธิบายอย่างใจเย็นและอดทน

    “ผมไม่ได้บอกว่าพี่เห็นแก่ตัว” กวินร้องโวย “พี่ก็แค่กำลังจะเอางานที่ผมทุ่มเทแทบเป็นแทบตายไปหาผลประโยชน์”  

    “ผลประโยชน์ของพี่ฝ่ายเดียวหรือ มันผลประโยชน์ของเธอเหมือนกันนั่นแหละ” มธุรสสวนมาอย่างไม่ยอมแพ้ “คำนวณดูให้ดีสิกวิน การที่ทำแบบนี้พี่ได้ฝ่ายเดียวหรือเธอก็ได้ด้วย จะเถียงไหมล่ะว่าเธอจะได้แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นแหละ ถ้างานนี้เป็นชื่อเธอ ตั้งแต่พิมพ์งานให้เธอมาไม่เคยมีเล่มไหนของเธอที่จะขายได้เกินสามพันเล่ม ตรงกันข้าม คุณวรรณีมีคนอ่านเป็นหมื่น ๆ ให้ตายสิ เธออาจจะได้เป็นล้านเลยด้วยซ้ำ ถ้าพิมพ์งานนี้เป็นชื่อของคุณวรรณี เธอจะใจกล้าทิ้งเงินขนาดนี้ไปได้ลงคอเชียวหรือ”

    มธุรสนิ่งเงียบไปอีกสักครู่ ราวกับจะรอให้คำพูดของตนเองเข้าไปตกตะกอนในห้วงความคิดของกวิน ก่อนจะที่จะเอ่ยซ้ำขึ้นมาอีก หมายจะย้ำให้กวินคล้อยตามให้ได้

    “พี่เข้าใจ เธออาจจะรู้สึกเหมือนถูกพรากความภูมิใจและพรากความนับถือจากคนอ่าน แต่เชื่อพี่เถอะ งานชิ้นนี้ไม่ใช่งานที่เธอสมควรจะไปภูมิใจอะไรกับมันนักหนาหรอก เพราะมันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”

    ไม่จริงเลยสักนิด... กวินร้องค้านอยู่ในใจ แม้จะยังคงเหลือความย้อนแย้งบางอย่างในจิตใจอยู่บ้าง อาทิ เช่นจุดยืนแบบเก่า ๆ ที่อยู่ดี ๆ มธุรสก็กลับมาพูดสนับสนุนทำให้แอบรู้สึกหัวใจพองโตอยู่นิดหน่อย แต่พอมาพิจารณาที่รายละเอียดในส่วนของความรู้สึก ก็ปรากฏพบว่ามันมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยกับกล่าวหาเช่นนั้นของอีกฝ่าย  

    “พี่รสครับ ไม่ว่าพี่จะเชื่อหรือไม่ แต่ตอนเขียนเรื่องนี้ ผมไม่ได้เสแสร้งเลยนะพี่” กวินพยายามจะอธิบาย “ถึงแม้มันจะต่างจากเล่มก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง และผมก็จะไม่บอกว่าตัวเองเปลี่ยนไปหรืออะไรยังไง แต่ที่แน่ ๆ งานเล่มนี้มันก็คือตัวตนของผมเหมือนกันนั่นแหละพี่”

     “คือพี่จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันไม่สำคัญหรอกจ้ะกวิน” มธุรสว่าต่อไปอย่างไม่ลดละ “คนอ่านต่างหากที่สำคัญ เธอพูดได้อ้างได้ว่าเธอเขียนมันขึ้นด้วยความรู้สึกนึดคิดอันใดก็ตามแต่ สำคัญที่ว่าแล้วจะมีใครเชื่อล่ะ ลองคิดดูเยอะ ๆ สิกวิน แฟนหนังสือของเธอจะรู้สึกยังไง ถ้าพบว่างานเล่มนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด จะมีใครเขาเชื่อหรือว่าจู่ ๆ กวินจะพูดถึงชีวิตและความรักในสำเนียงที่ผิดไปขนาดนี้ โธ่ ! ร้อยทั้งร้อยเขาก็ต้องคิดว่าเธอเสแสร้งทั้งนั้น เอาจริง ๆ พี่ว่าเขาจะคิดว่าเธอกำลังหลงทางด้วยซ้ำไป และพี่เองก็คิดเช่นเดียวกับพวกเขา เธอกำลังหลงทางแน่ ๆ เลยล่ะกวิน”

    กวินทำท่าจะเถียง หัวสมองเต้นตุบ ๆ ราวกับร้องค้านในสิ่งที่มธุรสพูด แต่พอครั้นจะขยับปาก ก็กลับพูดไม่ออก คล้ายกับเจ้าบรรดาก้อนความคิดทำได้แค่กระจุกตัวอยู่ในสมอง มิอาจแปรเปลี่ยนเป็นภาษาได้ เห็นดังนั้น มธุรสจึงชิงพูดออกมาก่อน ราวกับจะไม่เปิดเวลาให้กวินได้คิดหาคำพูดมาโต้แย้ง

    “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปเจออะไรที่บ้านหลังนั้นมาบ้าง แน่นอน สิ่งพวกนั้นมันก็ดีต่อเธอสำหรับการที่จะเขียนงานเล่มนี้ แต่... เธอจะปล่อยให้มันมาครอบงำแล้วหลงใหลไปกับมันตลอดไปไม่ได้หรอกนะ พอเขียนงานนี้จบแล้ว รับเงินเสร็จ เธอก็ควรจะลืมมันไปให้ได้ ทำในแบบที่มืออาชีพเขาทำกันยังไงล่ะ” มธุรสพูดเน้นเสียงอย่างมากมายจนทำให้กวินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พร้อม ๆ กับที่ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อเค้าในห้วงจิตใจ แม้จะยังบอกไม่ถูกนักว่าเป็นความรู้สึกเช่นไรก็ตามที “เรื่องราวที่นั่นน่ะมันไร้สาระทั้งเพ พี่เคยไปมาแล้วถึงได้รู้ เห็นชัดเลยว่าคุณวรรณีแกสร้างอาณาจักรของตัวเอง เพื่อให้กลายเป็นสถานที่ที่บรรดาคนอ่อนแอทั้งหลายจะไปอยู่เพื่อที่จะหลอกตัวเอง หึ... หลอกตัวเองแล้วก็หลอกคนอื่นต่อไปเป็นทอด ๆ คนที่นั่นน่ะหลอกเก่งจะตายไป เขาจะพูดโกหกสารพัดเพื่อให้เธองมงายไปกับพวกเขา โดยเฉพาะตาวิษณุน่ะตัวดี”

     ราวกับมีกระแสไฟฟ้าชอตขึ้นมาที่กลางลำตัวอย่างไรก็อย่างนั้น กวินสะดุ้งขึ้นมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ยเมื่อมธุรสเอ่ยมาถึงตรงจุดนี้

    “อะไรนะครับ”

    “เขาเก่งนะ ตาวิษณุน่ะ” ราวกับมธุรสรู้ดีว่ากวินกำลังรู้สึกเช่นไร หล่อนยิ้มเบา ๆ ไม่พูดทวนซ้ำ หรือพูดให้ง่ายคือ แม้กวินจะแสร้งทำทีเป็นได้ยินไม่ชัด แต่มธุรสกลับรู้ทันว่าความจริงนั้นไม่ใช่ หล่อนจึงพูดต่อไปอย่างราบรื่นโดยที่ไม่ปล่อยให้ท่าทางของกวินมาขวางกั้น “เขาได้รับมรดกจากคุณวรรณีไปเยอะมากเลยทีเดียว พูดให้กำลังใจคนเก่ง มีความสามารถทำให้คนรู้สึกดี แล้วที่สำคัญ... เขามีเสน่ห์ ! พี่เลยเชื่อว่าการได้อยู่กับเขาจะทำให้เธอเขียนงานได้”

    ความรู้สึกที่ก่อเค้ามาตั้งแต่ต้น เริ่มแสดงชึดมาในตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก แม้ยังไม่มาก แต่มันก็เหมือนจะค่อย ๆ ลามไปทีละน้อย

    “หมายความว่าไงน่ะพี่รส”

    “โอย... ไม่อยากพูดเลย พี่กลัวเธอโกรธ” มธุรสพูดทำนองเหมือนรู้สึกผิด แต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับเป็นไปในทำนองขบขันและสนุกกับความคิดตัวเองอย่างบอกไม่ถูก “คือตอนแรกน่ะ พิมเขาจะเดินทางไปด้วย พอพี่รู้พี่ก็เลยห้ามไว้”

    “พี่รส...” กวินแทบอยากจะบ้า เกิดความรู้สึกชั่ววูบที่ว่ารู้สึกรังเกียจผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คนอะไรทำได้ถึงขนาดนี้ ไม่แน่ใจด้วยว่าควรจะนึกโกรธหรือนึกสมเพชดีกับการพยายามจะวางแผนไปเสียทุกอย่างแม้แต่กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง แต่ความรู้สึกเช่นนั้นก็มีบทบาทอยู่ได้ไม่นานนัก มันมาแค่เพียงวูบเดียวแล้วก็หายไป เพราะห้วงความรู้สึกที่ปกคลุมเอาไว้ก่อนหน้ามันมีบทบาทและทรงพลังมากกว่า และตอนนี้มันก็ขยายตัวเองใหญ่ขึ้น ครอบงำความคิดของกวินให้หมกมุ่นอยู่กับมัน จนเกิดเป็นความเจ็บปวดแบบไม่คิดฝัน พาลให้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

    “เอาน่า อย่ามองพี่แบบนั้นสิ” มธุรสถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ สาบานได้ว่าหล่อนคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดเลยแม้แต่น้อย “มันก็โรแมนติกออกไม่ใช่หรือ เดินทางกับผู้ชายสองต่อสอง แถมยังเป็นคนอบอุ่นชวนฝันขนาดนั้น แต่คนอย่างเธอคงไม่ได้ไปคิดจริงจังกับอะไรโง่ ๆ แบบนั้นหรอกใช่ไหม”

    ความรู้สึกเจ็บปวดยังไม่ทันจะหาย แถมถูกสาดซ้ำเข้ามาอีกระลอก คราวนี้กวินรู้สึกทั้งเจ็บและชาไปในคราวเดียวกัน เพราะจำได้แม่นว่าคำพูดพรรค์นั้นเขาล้วนเคยพูดออกมาด้วยตัวเองทั้งสิ้น รู้สึกเหมือนกำลังตายด้วยปลายดาบของตัวเอง กวินมึนงงจนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรหรือพูดอะไรออกไปอีกดี

    “ว่าไง พี่พูดถูกใช่ไหม”

    “ครับ พี่พูดถูก ผมไม่ได้เชื่ออะไรพรรค์นั้นอยู่แล้ว” ที่กวินพูดออกไปเช่นนี้ก็เพราะคิดมาได้ในตอนนั้นว่าพูดแล้วคงจะทำให้ตัวเองสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่

    “ดีแล้วล่ะจ้ะ” มธุรสว่า “เธอไม่ทำให้พี่ผิดหวังจริง ๆ เลยกวิน พี่ชอบเธอก็ตรงนี้ เอาจริง ๆ นะ หล่อน่ะไม่เถียง แต่พี่ว่าตาวิษณุน่ะเห่ยออกจะตาย คิดดูสิ เรียนก็ไม่จบ แทนที่จะได้จบออกมาเป็นหมอ ทำงานโกยเงิน ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน แล้วแทนที่จะหาโอกาสเรียนต่อ กลับขี้เกียจ อยู่บ้านนอก ทำตัวสบาย ๆ ไปวัน ๆ ถ้าจะดีก็ดีตรงที่เขารักป้าของเขามาก  พูดก็พูดเถอะ เขาอาจจะแค่ทำทุกทางให้เธอเขียนงานของป้าเขาเสร็จน่ะ”

    “พูดเว่อร์ไปหรือเปล่าพี่”

    “เอ้า ! คนเรามันก็ยังงี้แหละ มาหาว่าพี่เวอร์เสียอย่างนั้น” ในที่สุด มธุรสก็ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อ ๆ “อ่อนี่ ไปเขียนคำนำหนังสือเล่มใหม่ด้วยนะ พี่มาอ่าน ๆ ดูอีกรอบ พี่รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่คราวก่อนปล่อยผ่านไป ไม่น่าโดนนายขจรเป่าหูเลย”

    “พี่จะพิมพ์งานนั้นให้ผมหรือครับ”

    “จ้ะ! คาวความรักของเธอนั่นยังไง กะจะออกพร้อมกับงานคุณวรรณีเล่มนี้แหละ แหม... รวยเลยนะจ๊ะเราน่ะ มีรายได้จากหลายทางพร้อม ๆ กันเลย”

    มธุรสพูดพร้อมกับมองกวินด้วยสายตาที่คาดหวังจะเห็นความดีใจอย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่กวินยังคงรู้สึกย้อนแย้งอยู่ไม่หาย แม้ใจหนึ่งจะเห็นภาพถึงสิ่งที่น่าอภิรมย์มากองอยู่เบื้องหน้า เงินในบัญชีคงจะเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างนึกไม่ถึง อาจจะพอให้ชีวิตมีสีสันและมีสิ่งที่น่าสนใจหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นได้ ใช่สิ... นี่เป็นสิ่งที่ควรจะดีใจ และถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อสักหลายเดือนก่อน แน่นอนว่ากวินคงจะกระโดดหอมแก้มมธุรสไปแล้ว แต่ในวันนี้ เขาทำได้เพียงนั่งนิ่ง และตั้งคำถามต่อความรู้สึกดีใจที่เกิดขึ้นอย่างแห้งแล้งเต็มทน

    “ก็ดีครับ...” สายตาคาดคั้นของมธุรสทำให้กวินต้องจำพูดออกไปในสิ่งที่หล่อนคาดหวัง แม้ว่าลึก ๆ จะรู้อยู่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับหล่อนเลยก็ตาม “ดี... ผมดีใจมาก แต่ผมขอตัวก่อนนะครับ”

    รู้สึกว่าไม่อาจจะทนนั่งอยู่ที่เดิมได้อีกต่อไป กวินรีบลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “อยากเลี้ยงข้าวพี่เมื่อไหร่ก็โทรมานะจ๊ะ” เสียงของมธุรสดังแว่วมาจากด้านหลัง แต่กวินไม่มีความรู้สึกจะสนใจใยดีอะไรอีกต่อไป รู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก แสบร้อนตรงนัยน์ตาจนเหมือนจะมีน้ำใส ๆ คลอหน่วงอยู่เล็กน้อย แต่ก็พยายามจะไม่ใส่ใจ รีบเปิดประตูออกไป สวนกับอรพรรณที่เดินเข้ามาพอดี หล่อนร้องทักอย่างเริงร่า ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน

    “ฮาย... กวิน”

    “หวัดดีพี่” กวินตอบรับอย่างกระชับ ก่อนจะเดินก้มหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว อรพรรณเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่คาดคิดว่าจะได้ปฏิกิริยาเช่นนี้จากรุ่นน้องคนสนิท รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างผิดปรกติ หันมามองมธุรสเหมือนประสงค์จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มธุรสก็ได้แต่ยักไหล่ ไม่ตอบคำถามอันใด



*** **** ***** **** ***


    คนเราตื่นจากฝันเพื่อที่จะมาอยู่ในจุดเดิม... กวินพูดแก่ตัวเองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ในขณะหนึ่งที่พูด จะตั้งใจว่าให้มันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่ย้ำคิดย้ำทำในประเด็นนี้อีก แต่ก็ไม่รู้ว่าด้วยความหมกมุ่นอันใดที่ทำให้ต้องกลับมาคิดอีกรอบจนได้ และสุดท้ายก็ต้องพูดให้ตัวเองฟังอีกรอบว่าคนเราตื่นจากฝันเพื่อที่จะมาอยู่ในจุดเดิม

    ความอึกทึกเบียดเสียดครึกโครมที่เป็นบรรยากาศโดยรอบ หาได้มีอิทธิพลอันใดกับกวินในเวลานั้นไม่ นัยน์ตาของกวินจดจ้องไปที่ยังโทรศัพท์มือถือที่ควงเล่นอยู่ในฝ่ามือ ราวกับรอคอยให้มันส่งเสียง แต่เนิ่นนานมาแล้ว มันก็ยังเงียบสงบอยู่เช่นนั้น

    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างยืดยาว เมื่อสติเริ่มรางเลือนและความทรงจำก็เริ่มจะเลือนรางว่าบัดนี้ดื่มไปเป็นจำนวนกี่แก้วแล้ว กวินมิได้ครุ่นคิดถึงสิ่งใดอีกเลย หรืออีกนัยหนึ่ง กวินพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นอันจอมปลอมแก่ตนเองว่าไม่ได้คิดอะไร หรือถ้าจะมีแวบหนึ่งที่คิด เขาก็มิได้คิดอะไรที่ซับซ้อนไปกว่าความรู้สึกที่เหมือนตื่นขึ้นจากฝันแล้วโซซัดโซเซมาอยู่ที่จุดเดิม จุดที่เป็นที่ทางของตัวเองอย่างจริงแท้

    แสงไฟวูบวาบที่สอดรับกับดนตรีอันครื้นเครงเป็นฉากหลังอันดีเยี่ยมที่เสริมให้มนุษย์เพศผู้ทั้งหลายแหล่ดูน่าสนใจและเย้ายวนอย่างประหลาด พฤติกรรมที่ทั้งน่าสนใจและน่าสมเพชทั้งหลายก็เช่นกัน มันปลุกความรื่มรมย์ให้เกิดขึ้นได้เสมอในค่ำคืนอันแสนจะลักลั่น

    “ดื่มหนักจังเลยนะครับ” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นข้าง ๆ ท่ามกลางเสียงครึกโครมที่กังจากลำโพงโดยรอบ ผู้พูดเป็นชายหนุ่มร่างโปร่งที่ปิดบังใบหน้าไว้ภายใต้ความสลัวของแสงไฟ และพูดก็พูดเถิด กวินมิได้จะใส่ใจเลยว่าถ้าสาดไฟใส่ขึ้นมาแล้วมนุษย์ผู้นี้จะเผยโฉมออกมาเป็นอะไรกันแน่ กวินแทบไม่ได้จะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำไป

    “มาคนเดียวหรือครับ” ยังคงถามซ้ำด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แสดงออกถึงความมึนเมาของผู้พูดอย่างเห็นได้ชัด กวินไม่มีอารมณ์จะตอบ นอกเสียจากพยักหน้าไปส่ง ๆ

    “ท่าทางแบบนี้ อกหักมาหรือเปล่าครับ” อีกฝ่ายยังคงเย้า ทำเอากวินแทบจะสำลักโซดา

    “แล้วถ้าใช่จะทำไมหรือครับ” กวินพูดออกไปส่งเดช

    “ก็ทำไมหรอกครับ” หนุ่มนิรนามหัวเราะ “รู้ดีว่าคนหน้าตาอย่างคุณน่ะอกหักไม่นานหรอก”

     ตอแหลสิ้นดี... เกย์กะล่อน ๆ มักจะพูดตอแหลเช่นนี้เสมอกับคนที่อยากได้ในคืนนั้น พะอืดพะอมจะฟัง กวินคิดอย่างคะนองพร้อมแสดงท่าว่ายิ้มอย่างเหยียดเยาะ แต่ให้ตายเถอะ ยามใดที่กวินยิ้มเหยียด ยามนั้นก็มักจะเป็นเวลาที่มนุษย์เมามายละแวกนี้อยากจับกวินกดลงบนเตียงมากที่สุด และในทุกครา กวินมักจะภูมิใจในคุณสมบัติแบบนี้ แต่ในคราวนี้กลับรู้สึกย้อนแย้งอย่างบอกไม่ถูก

    “ผับปิดแล้วจะไปต่อไหนหรือเปล่าครับ”

    “ไม่รู้สิ” กวินตอบไปจากใจจริง แต่ก็คงเปล่าประโยชน์ อีกฝ่ายคงตีความไปแล้วว่าเป็นการเล่นตัวอย่างชวนหัวร่อ

    “แล้วคืนนี้อยากทำอะไรหรือเปล่าล่ะ”

    “ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ได้คิดเลย”

    “งั้นผมคิดให้เอาป่ะ”

    “อืม” กวินตอบไปอย่างแกน ๆ พร้อมกับรินเหล้าเพิ่มแล้วคว้ามาดื่มอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มเบียดร่างเข้ามาใกล้ วางมือไว้ที่ต้นขาแล้วค่อย ๆ ลูบ แต่กวินก็ยังคงทีท่าเหมือนไม่แยแสว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ช่างเถิด... ทุกอย่างมันก็แค่กลับมาสู่จุดเดิม... ไม่แน่ว่าคืนนี้อาจจะมีอะไรตื่นเต้นมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายดูคล้ายจะใจถึงพอสมควร

    “ไปที่รถผมไหมครับ”

    “...”

    อีกฝ่ายเริ่มซนมากขึ้น มือเลื่อนมาใกล้ส่วนสำคัญในขณะที่กวินยังไม่มีทีท่าอันใด ก่อนที่ชายหนุ่มนิรนามจะเอ่ยถามเสียงกระเส่า

    “คุณเคยลองบนรถป่ะ”

    “ไม่เคยหรอก”

    อันที่จริง กวินรู้อยู่แก่ใจว่าถึงยังไงก็หาได้แยแสต่อใครหรือสิ่งใดอยู่ดี และก็รู้แก่ใจเช่นกันว่าความพยายามจะแยแสมันล้มเหลวมาหลายครั้งหลายครา กวินจะหลอกตัวเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับมาเป็นเช่นเดิม ณ จุดเดิมได้เช่นไร ในเมื่อเวลาผ่านเลยมาขนาดนี้ ความกระเหี้ยนกระหือรือต่อความมีค่าในยามราตรีที่มักจะต้องเกิด กลับยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิด และกวินก็ยังไร้กะจิตกะใจที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างให้ลุล่วงเหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มา ราวกับสิ่งที่ต้องการในยามนี้มิใช่อะไรอื่น นอกเสียจากนั่งอยู่คนเดียวแล้วดื่มมันไปเรื่อย ๆ ดื่มไปแบบที่ไม่รู้และไม่สนใจว่าปลายทางของความมึนเมาจะนำไปสู่อะไร...

    ...เหมือนอยากจะเมาให้หลับแล้วกลับไปฝันเหมือนเดิมอย่างไรอย่างนั้น

    โทรศัพท์มือถือของเขายังเงียบสนิท จนน่าจะจับมันโยนทิ้งไปเสียรู้แล้วรู้รอด ในขณะที่ห้วงความคิดกำลังบริภาษถึงใครสักคนที่ไร้หัวใจเสียเหลือเกิน !  


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2010 03:18:13 โดย kranwa »

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #186 เมื่อ18-07-2010 22:09:55 »

20

   บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงหอบหายใจเล็กน้อย การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทำให้วิษณุรู้สึกเหนื่อยได้ทุกครั้ง ยังไม่นับที่ว่าความเหนื่อยล้าจากวันที่ผ่าน ๆ มายังคงสั่งสมอยู่เล็กน้อย ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินเข้าในบ้าน วางถุงข้าวของมากมายลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อย ๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา หยิบถุงใบแรกขึ้นมาไว้ในฝ่ามือ แล้วค่อย ๆ ดึงของด้านในออกมา

    ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งกับงานศพ เลยไม่ได้มีเวลาจัดการในเรื่องที่น่าจะสำคัญเช่นนี้ วิษณุแกะมือถือเครื่องใหม่ออก พร้อมกับคว้าซิมการ์ดขึ้นมาใส่ ขณะเดียวกับที่สายตาเหลือบไปเห็นโบรชัวร์พีอาร์งานเปิดตัวหนังสือใหม่ของวรรณี วรรณรัตน์ที่เด่นหราอยู่บนโต๊ะ ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างฉงน ในขณะที่ฝ่ามือค่อย ๆ หยิบมันขึ้นมาดู

    “นี่คืออะไร” วิษณุร้องถามออกไป เมื่อเห็นว่าพิมกำลังเดินเข้ามาจากในครัว แม้ชายหนุ่มจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันคือใบปลิวพีอาร์งานเปิดตัวหนังสือของคุณป้า ความจริงเหมือนจะเป็นการถามที่แฝงนัยยะอื่นมากกว่า เขารู้ดีว่างานเขียนเล่มนี้เป็นงานของกวิน

    พิมไม่ตอบคำถามทันที อันที่จริงหล่อนแทบจะไม่ได้ใส่ใจ หรือถ้ามากกว่านั้น ก็คือว่าหล่อนไม่ได้ยินคำถามเลยด้วยซ้ำไป หญิงสาวร่างผอมหยิบขนมเข้าปากหนึ่งชิ้น แล้วกดรีโมตเกิดทีวี จนกระทั่งวิษณุถอนหายใจแรงขึ้นมานั่นแหละ หล่อนถึงตอบออกมาอย่างอ้อมแอ้ม

    “พี่รสส่งมาให้”

     วิษณุขมวดคิ้วหนักขึ้น แต่ภายในใจกลับพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บางอย่าง รู้สึกใจคอไม่ดีเท่าไรนัก

    มือถือของพิมดังขึ้น เจ้าหล่อนกดรับอย่างเริงร่า ทว่า วิษณุไวกว่า แย่งมือถือของน้องสาว กดตัดสาย พร้อมกับกดไล่หารายชื่อในนั้น

    “เฮ้... วอท เดอะ ฟัค อาร์ ยู ดู อิ่ง” พิมตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกับพยายามจะแย่งมือถือคืน แต่วิษณุเบี่ยงตัวหลบ

    “ยืมแป๊บน่า”

    “ไม่มีมารยาท ไม่เห็นหรือว่ามีคนโทรหา”  

    วิษณุลุกหนี พร้อมกับกดคัดลอกเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งจากเครื่องของพิม โยนโทรศัพท์คืนให้พิมอย่างไม่แยแสแล้วกดโทรออกไปเบอร์นั้นทันที

    ...คล้ายว่าปลายสายจะปิดเครื่อง

    

*** **** ***** **** ****



    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เดินออกจากลิฟต์ พร้อมกับก้าวยาวไปตามทางเดินแคบ ๆ ของอาคารสำนักงาน ใจมุ่งตรงไปยังห้องแคบ ๆ ที่อยู่มุมสุดของทางเดิน ก่อนจะประจัญหน้ากับหญิงสาวร่างเล็กตัวป้อม ๆ ที่เดินมาจากอีกฝั่ง ทั้งคู่ยืนนิ่งกันอยู่ที่หน้าประตู

   “คุณวิษณุ?” ฝ่ายหญิงเริ่มพูดขึ้นมาก่อน ด้วยท่าทางที่ไม่แน่ใจนักในนามของอีกฝ่าย

    “คุณอรพรรณ?” ชายหนุ่มทำซ้ำ ราวกับเลียนแบบ แต่นั่นเป็นไปโดยไม่ตั้งใจทั้งสิ้น อรพรรณถอนใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มฝืน ๆ ออกมา

    “มาคุยกับพี่รสหรือคะ”

    “ครับ”

    “เสียใจนะคะ ดิฉันต้องคุยก่อน”

    อรพรรณยิ้มกว้าง พร้อมกับตั้งท่าจะคว้าลูกบิดประตู แต่วิษณุคว้ามือไว้อย่างรวดเร็ว

    “แต่ผมต้องคุยเรื่องสำคัญมาก” วิษณุยิ้มให้เจ้าหล่อนเช่นหัน “และแน่นอนว่ารอไม่ได้”

     “ฉันก็สำคัญค่ะ และสำคัญกว่าคุณแน่ แล้วก็รอไม่ได้เช่นกัน”

    อรพรรณบิดลูกบิดประตูอย่างรวดเร็ว ในขณะที่วิษณุเองก็ใช่ว่าจะช้า ทั้งคู่กระโจนเข้าไปในห้องอย่างพร้อมเพรียงกัน ยืนท้าทายอยู่หน้าโต๊ะทำงานของมธุรส บรรณาธิการสาวใหญ่งุนงงเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นจากต้นฉบับ ค่อย ๆ ถอดแว่นออก มองอรพรรณสลับกับวิษณุด้วยสายตาที่เหมือนจะว่างเปล่าด้วยความรู้สึก

    “พี่รสคะ” อรพรรณเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน “เราต้องคุยกันในเรื่องของกวิน”

    “ใช่” วิษณุเสริมอย่างรวดเร็ว “พี่ทำแบบนี้กับกวินไม่ได้”

    มธุรสมองหน้าทั้งคู่อย่างงง ๆ ในขณะที่วิษณุและอรพรรณก็มองหน้ากันโดยอัตโนมัติ

    “นี่เธอสองคนนัดกันมาหรือเปล่า”

    “เปล่า” ผู้ร้องอุทธรณ์ในเรื่องเดียวกันทั้งสองต่างพูดออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

    “แล้วเธอกำลังพูดถึงเรื่องเดียวกันหรือเปล่า” มธุรสถามย้ำ ทำเอาอรพรรณกับวิษณุถอนหายใจพร้อมกันอีกหนึ่งครั้ง ก่อนที่วิษณุจะเอ่ยออกมาอย่างพยายามจะอดทน

     “ผมแต่สงสัยว่าทำไมงานเล่มนี้ถึงเป็นนามปากกาของคุณป้า ทั้ง ๆ ที่ไปถามเด็กอกมือที่ไหนมันยังบอกได้ว่าคุณป้าไม่ได้เขียนแม้แต่จุดสักจุดบนหนังสือเล่มนี้ด้วยซ้ำไป”

   มธุรสลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน ถอนใจยืดยาวอย่างผ่อนคลาย ดูก็ออกว่าเจ้าหล่อนกำลังพยายามระงับไว้ซึ่งความพลุ่งพล่านโดยการหยิบกระบอกฉีดน้ำไปฉีดเหล่าต้นกระบองเพชรที่ตกแต่งอยู่ตรงมุมห้อง

    “มันไม่มีเหตุผลอะไร นอกเหนือไปจากว่ามันเป็นข้อตกลงระหว่างพี่กับกวิน”

    “ข้อตกลงหรือข้อบังคับ” วิษณุสวนไปอย่างไม่ลดละ กระบองเพชรเจ้ากรรมถูกน้ำฉีดใส่เสียชุ่มจนน่ากลัวว่ามันจะเฉาตาย มธุรสถอนใจอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

    “ข้อตกลง พี่ไม่เคยบังคับอะไรใคร กวินตกลงด้วยความสมัครใจต่างหาก”

    “แต่กวินไม่โอเคกับเรื่องนี้เลยนะคะพี่รส” อรพรรณแย้งขึ้นมาอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ และดูเหมือนว่าจะความกลัวจะมากกว่าความกล้าอยู่เยอะ เพราะยังไม่ทันจะพูดจบ เพียงมธุรสหันขวับมาหา อรพรรณก็ถึงกับพูดต่อไม่ถูก

    “เธอเอาอะไรมาพูด หือ.. พรรณ เธอไปตรัสรู้จากไหนว่านายกวินมันไม่พอใจ”

    “ตอนนี้กวินเตลิดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แถมยังปิดโทรศัพท์อีก” อรพรรณพูดเสียงอ่อย ในขณะที่วิษณุผ่อนลมหายใจคล้ายกับส่งเสริม เขายืนยันความจริงข้อนี้ได้ เพราะโทรหาเป็นล้านรอบแล้วก็ยังไม่รับ แถมเมื่อเช้าบุกไปหาถึงคอนโด ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับ คล้ายกับบนห้องไม่มีใครอยู่ ให้ตายเถอะ... ยืนรออยู่ที่ลอบบี้เป็นสองสามชั่วโมงหวังว่าจะได้เจอโดยบังเอิญ ก็เปล่า ถ้าเจอตัวคงอยากจะจับเอามาลงโทษเสียให้เข็ด ไม่รู้บ้างหรือไงว่าทำตัวแบบนี้มันทำให้เป็นห่วงมากแค่ไหน

    แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ได้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัว ขอเพียงอย่าให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ประเภทไม่คาดฝันก็พอ ไม่รู้ว่าจะเสียใจเตลิดไปถึงไหน ยิ่งบุคลิกนิสัยเป็นแบบนั้นอยู่ด้วย คิดมาถึงจุดนี้ วิษณุก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างประหลาด พอหันไปมองอรพรรณก็สัมผัสได้ว่าเจ้าหล่อนก็คงไม่ต่างอะไรกับเขา มีเพียงมธุรสเท่านั้นที่ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

    “เธออย่ามาทำเป็นไม่รู้จักเด็กคนนี้หน่อยเลย อรพรรณ” มธุรสพูดเรื่อยเจื้อยอย่างไม่มีสะดุด “เธอก็น่าจะเข้าใจนะ การที่กวินมันจะเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนน่ะ มันไม่มีทางเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ๆ คนอย่างนายกวินน่ะรึ มันเป็นของมันแบบนี้มาโดยสันดาน ต่อให้ชีวิตมันราบรื่นมากกว่านี้ มันก็หาทางเหลวแหลกของมันไปได้อยู่ดี มันไม่คิดอะไรมากหรอก แค่ได้เงินไปเที่ยว กินเหล้า มั่วผู้ชาย แค่นั้นมันก็แฮปปี้แล้ว”

     “ผมว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของพี่ที่จะวิจารณ์ว่าคนนู้นคนนี้เป็นยังไง” วิษณุกระชากเสียงขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความโกรธ“ตอนนี้ที่พี่ต้องทำก็คือแก้ไขงานทุกอย่าง ให้งานชิ้นนี้เป็นนามปากกาของกวินอย่างที่มันควรจะเป็น”

     “เธออย่ามาทำตลกน่ะวิษณุ ตอนนี้พี่ไม่มีอารมณ์”

    มธุรสกระแทกกระบอกฉีดน้ำลงกับโต๊ะวางกระถางกระบองเพชร พร้อมกับเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน สวมแว่น แล้วแสร้งทำเป็นอ่านต้นฉบับต่อ เห็นได้ชัดว่าความพยายามจะประคับประคองอารมณ์ของเจ้าหล่อนได้พังไปอย่างไม่เป็นท่าแล้ว วิษณุได้ที เดินเข้าไปเท้าโต๊ะทำงาน พร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งเป็นเชิงท้าทาย ในขณะที่อรพรรณมองดูเหตุการณ์อย่างใจคอไม่ดีเท่าไรนัก

    “พี่มีเวลาอีกสี่วัน จัดการแก้ไขปกหนังสือเสีย ในงานเปิดตัวอีกสี่วันนี้ กวินจะต้องได้ขึ้นไปพูดในฐานะที่เป็นคนเขียน” วิษณุสั่งการอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในขณะที่มธุรสสวนมาอย่างไม่ยอมแพ้แก่ผู้ด้อยอาวุโสกว่า

    “แล้วถ้าพี่ไม่ทำล่ะ”

    วิษณุทุบโต๊ะเบา ๆ เป็นเชิงขู่ แต่อันที่จริง กระบวนการควบคุมอารมณ์ของเขาก็พังไปแล้วเหมือนกันต่างหาก

    “พี่ไม่ทำก็เรื่องของพี่ แต่ผมก็จะประกาศแม่งกลางงานนั่นแหละ ว่าสำนักพิมพ์ของพี่น่ะหลอกลวงคนอ่าน ใช้นามปากกาของคุณป้าหาผลประโยชน์ เอาให้แม่งเสียเครดิตกันไปข้างเลย”

    มธุรสหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดงอแงของชายหนุ่ม

    “เธอไม่กล้าหรอก”

    มธุรสกับวิษณุมองตากันอย่างท้าทาย แต่เหมือนมธุรสจะแพ้ หล่อนเลียริมฝีปาก กระพริบตา และเบือนหน้าหนีไปทางอื่นก่อน

     “ถ้าเธอทำแบบนั้น ก็ไม่ได้มีแต่พี่นะที่เสีย กวินก็เสีย แล้วป้าของเธอก็อาจจะเสียด้วย ซึ่งรวม ๆ ออกมาแล้วจะเห็นได้เลยว่าผลเสียก็จะพุ่งไปที่เธอเหมือนกัน”

   “ครับ” วิษณุยิ้มอย่างไม่ยี่หระ มองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย “ผมกล้าแลก ว่าแต่พี่รสเถอะ กล้าหรือเปล่าล่ะครับ”

    มธุรสยังไม่ตอบคำถาม หากแต่กัดริมฝีปากเล็กน้อย



*** **** ***** **** ***



   วิษณุยืนอยู่คนเดียวตรงบันไดตึก สายตามองผ่านกระจกออกไปด้านนอก ใจยังคงว้าวุ่นอย่างประหลาด ยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรออกหากวินอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังโทรไม่ติดอยู่ดี กดวางสายพร้อมกับถอนใจ ปล่อยแขนเท้าหน้าต่าง ในขณะที่โสตประสาทได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง หันกลับไปพบอรพรรณที่ค่อย ๆ เดินมาหา

    “ติดต่อกวินได้หรือยังคะ” หญิงสาวถามด้วยเสียงแผ่วเบา

    วิษณุส่ายหน้า  ในขณะที่อรพรรณถอนใจ

    “กวินมันนิสัยเสีย แก้ไม่หาย ทำอะไรชอบเอาแต่อารมณ์ ไม่รู้จักโตเสียที พูดตรง ๆ นะคะ ฉันเป็นห่วงมันมาก”

    “คุณรู้หรือเปล่าครับ ว่าเขาไปไหน”

    อรพรรณผ่อนลมหายใจ มองหน้าวิษณุอีกครั้ง แล้วยื่นมือถือให้

    “เมื่อคืนน่ะค่ะ มันปิดเครื่องก็จริง แต่ก็ส่งข้อความเสียงมาให้ตลอด สงสัยมันคงจะเหงาน่ะค่ะ แต่พอโทรกลับไป มันก็ปิดเครื่องหนี เด็กบ้าเอ๊ย... ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบทำตัวขวางโลกนักก็ไม่รู้” อรพรรณถอนใจยาว ก่อนจะหันมาสบตากับวิษณุ “คุณอ่านงานของกวินมันหรือยังคะ หมายถึงเล่มที่เขียนให้ป้าคุณน่ะค่ะ”

    วิษณุส่ายหน้าช้า อรพรรณยิ้มกว้าง

    “กวินมันบรรยายตัวคุณได้ดีจริง ๆ เหมือนทุกกระเบียดเลย”

    “อะไรนะครับ”

    “ดิฉันหมายถึงว่ามันมีตัวคุณอยู่ในนั้นค่ะ สาบานได้ว่ามันคือคุณจริง ๆ รูปร่างหน้าตา บุคลิกถอดมาเลย แม้แต่คำพูดก็ยังเหมือน ให้ตายสิ ฉันอยากจะรู้นักเชียวว่ามันจะแอบมองคุณบ่อยแค่ไหนกันเวลาเขียน”

    วิษณุใจคอไม่ดีไปมากกว่าเดิม

    “คุณไม่รู้จริง ๆ หรือว่าเขาไปไหน”

    อรพรรณผ่อนลมหายใจยาว แล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้วิษณุ

    “ลองฟังข้อความดูสิคะ”

    วิษณุรับมือถือมา มองหน้าอรพรรณสักครู่ แล้วค่อย ๆ กดฟัง เสียงคลื่นรบกวนดังสะท้านจนบาดแก้วหู ในขณะที่เสียงของกวินฟังดูอู้อี้จนแทบจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

    “เฮ้...พี่พรรณ ได้ยินไรไหม ฟังไม่ออกอ่ะเดะ บอกให้ก็ได้ ทะเลไงล่ะพี่... ทะเล ฮ่า ๆ อิจฉาอ่ะเด้” ให้ตายเถิด ฟังยังไงก็รู้ว่าเป็นสำเนียงที่ตรงข้ามกับความรู้สึกอย่างชัดเจน “ตอนนี้ผมอยู่พงันนะ มาคนเดียวด้วยแหละ เดาเอาเองล่ะกันว่ามันจะสนุกสุดเหวี่ยงขนาดไหน คิดดูดิ ผู้ชายแก้ผ้าเดินร่อนกลางหาดขาว ๆ เบื้องหน้าคือทะเลสวย ๆ แล้วกลางคืนก็.... ปาร์ตี้ ! ฮ่า ๆ ๆ ทำงานไปนะพี่ ผมจะเที่ยวเผื่อ นี่ถ้าตอนนี้ใครมาถามชอบทะเลหรือภูเขามากกว่ากัน จะตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าทะเล ! ภูเขาน่ะแม่งเห่ย ! โคตรเห่ย !”

    ข้อความจบลง วิษณุกดฟังข้อความต่อมาทันที

    “พี่พานนน” เสียงที่บันทึกไว้เต็มไปด้วยเสียงดนตรีอึกทึก และสำเสียงของผู้พูดก็ดูเหมือนจะดื่มหนักอย่างเห็นได้ชัด “สนุกโคตรอ่ะพี่ เสียดายว่ะพี่ไม่ได้มา ตอนนี้พี่ก็คงกำลังอยู่ที่สำนักพิมพ์สินะ พี่รสคงเร่งงานจะออกให้ทัน หึ ! ฝากบอกพี่รสด้วยนะพี่ ว่าผมขอให้ไอ้หนังสือระยำนั่นขายดี แล้วผมจะได้เอาเงินมาแดกเหล้าให้แม่งเมากันไปข้าง ฮ่า ๆ ๆ”

   ข้อความจบลงอีก วิษณุรู้สึกเปราะบางขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใจคอก็กระวนกระวายมากกว่าเดิม ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ห้วงความรู้สึกมันพลุ่งพล่านไปหมด คล้ายจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ไปเสียอย่างนั้น ให้ตายเถิด... ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกไม่สงบได้ขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะคนเพียงคนเดียวแท้ ๆ คนบ้า... บ้าจริง ๆ วิษณุคิดอย่างเดือดดาล เป็นไปได้ว่าเจอตัวเมื่อไรคงอยากจะจับลงโทษเสียให้สาสม ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้

    กดดูข้อความสุดท้าย เหมือนจะไม่มีเสียงใดเลย นอกไปจากเสียงความเงียบเชียบของบรรยากาศ เคล้ากับเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ที่แว่วมาพร้อมกับถ้อยคำที่ฟังไม่ค่อยเป็นภาษา

    “พี่พรรณ” เสียงพูดออกมาแค่นั้นแล้วก็เงียบไปนาน ตรงกันข้ามกับเสียงสะอื้นที่เหมือนจะมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นการปล่อยโฮอย่างเสียสติ ตรงกันข้าม... มันดัง ๆ หยุด ๆ อยู่เช่นนั้น เหมือนกับผู้พูดพยายามจะฝืนตัวเองให้หยุดร้องไห้ให้ได้ เสียงขาดห้วงไปสักระยะ คล้ายกับผู้พูดลังเลว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็พูด  “เขาบอกว่าจะโทร แต่เขาไม่เห็นโทรมาเลยอ่ะพี่”

    ข้อความตัดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้พูดรู้ตัวว่าไม่อาจระงับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ได้ วิษณุนั้นก็รู้สึกเหมือนนัยน์ตาร้อนผ่าว ห้วงความคิดแปรปรวนไปด้วยอารมณ์ที่หลายหลาก ค่อย ๆ มือถือคืนให้อรพรรณ ในขณะที่ร่างกายค่อย ๆ สั่นเทิ้มออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “ความจริงไอ้การทำตัวเสียสติแบบนี้น่ะ มันเป็นของธรรมดา” อรพรรณพูดพลางถอนใจอีกคำรบ “แต่ไอ้การเมาเกรอะกรังแล้วโทรศัพท์มาฟูมฟายเนี่ย มันไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้วค่ะ มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เดินงง ๆ ตาใสปิ๊งมาที่คณะในวันแรกของการรับน้อง ให้ตายสิ ตอนนั้นนะมันทั้งเซ่อซ่า พารานอยด์ แล้วก็ขี้แยเหลือเกิน คุณคงนึกไม่ออกหรอกค่ะ ไม่มีใครนึกออกหรอกว่ากวินมันเคยเป็นยังไง ถ้าไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง”

    “ไม่จริงหรอก” วิษณุพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาอรพรรณงงไปเล็กน้อย ทั้งคู่สบตากันสักพัก ก่อนที่วิษณุจะบอกลาแล้วพยายามจะเดินจากไปอย่างสงบ แม้ว่าภายในใจนั้นจะครึกโครมราวกับพายุหมุนก็ตามที

    แต่ถึงอย่างไร ภายใต้ความครึกโครมเหล่านั้น บางสิ่งได้ตกผลึกให้วิษณุได้เห็นและเริ่มมั่นใจได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจนขึ้นในทุกขณะ  



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2010 03:14:06 โดย kranwa »

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #187 เมื่อ18-07-2010 22:11:48 »

สวัสดีครับ ขอโทษที่หายไปนาน พอดีตอนนี้ไม่มีเนตใช้น่ะครับ ต้องมาลงที่ร้าน



ลงไปสองตอนรวดเลยนะครับ


ขอบคุณผู้อ่านทุกคนครับผม

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #188 เมื่อ18-07-2010 23:34:49 »

โอ๊ะๆๆๆ คิดว่าตาฝาดดดดดดดดด 55555

ได้อ่าน 2 ตอนเลย ขอบคุณค่ะ  :L2:

 :m15: กวินอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยย

ไงหล่ะ โทรช้า เตลิดไปเลย เหอะ ๆ

หัวข้อไม่ได้แก้รึเปล่าคะ มันยังเป็นตอนที่ 18 อยู่เลยอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2010 23:37:18 โดย monoo »

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #189 เมื่อ18-07-2010 23:52:18 »

อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว พึ่งรู้ว่ากวินก็เปลาะบางมากเลยทีเดียว ซึ่งทุกคนก็มีอยู่แล้วเพียงแต่ไม่เคยสังเกตเท่านั้นเอง
มีบางมุมที่ซ่อนอยู่ในห้วงความคิด เหมือนว่าเขามองโลกโหดร้าย
แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นกวินเริ่มแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาแล้ว
รู้สึก ว่ายายรสเนี่ยจะเห็นแก่ประโยชน์ของ สนพ. เอ๊ะหรือว่าผลประโยชน์ของตัวเองกันแน่

แล้ววิษณุ ถ้าเจอกวิน จะทำไมกับเค้าเหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อยนิ ถ้าเจอแล้วจะไปทำอะไรกับชีวิตเค้าล่ะ555555+

แสดงว่าเริ่ม เป็นห่วง เริ่มที่จะมีความรู้สึกว่าเกือบรักหรือความรู้สึกดีๆกับเค้าแล้วใช่ป้ะละ

PS. ลืมแก้หัวเรื่องหรือเปล่าคะมันยังเป็น 18 ตอนอยู่เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
« ตอบ #189 เมื่อ: 18-07-2010 23:52:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #190 เมื่อ19-07-2010 07:05:05 »

เกลียดอีรสว่ะเห็นแก่ตัวฉิบหายผู้หญิงอะไร   สงสารกวินแค่อารมณ์ตัวเองก็จะเอาไม่ใหวแล้วยังมาเจอผู้หญิงแบบนี้เอาความรู้สึกคนอื่นมาเล่นอีก

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #191 เมื่อ19-07-2010 22:48:03 »

พี่รสแม่ง (ขอแม่งหน่อย) เข้าใจนะว่าะธุรกิจคือธุรกิจ
แต่นี่มันจะดูถูกคนทำมากไปหน่อยรึป่าว งานเขียนนะเว้ยมาจากสมองและ
สติปัญญาคนล้วนๆ ทำแบบนี้เอาเท้ามาแนบหน้ากวินเลยดีกว่ามั๊ย ทั้งๆทีก็เป็นลููกน้องตัวเองแท้ๆ
นิสัย!! คือแบบพูดหว่านล้อมเอาซะให้ได้อ่ะนะ กวินมันคงอึ้งอยู่เลยไม่รู้จะปั้นคำพูดยังไง
ทั้งคงงงและคงหมดหวังแปลกๆ เฮ้อออออ ทำแบบนี้อ่ะน่านับถือมากๆเลยเนอะ ฮ้วย

เฮ้อนี่คงทั้งเสียใจและผิดหวังในหลายๆเรื่องอ่ะนะเป็นไงล่ะคุณวิษณุ
ได้ยินทั้งเสียงพูดเสียงสะอื้นสะใจมั๊ยล่ะแล้วแบบนี้จะหาเดะดื้อน่าลงโทษจากไหนกัน
บอกว่าอยู่ทะเลๆนี่ทะเลจิงป่าวเนี่ย ไม่ใช่โดนไอ่หนุ่มที่ไหนลากไปนะ เฮ้อ
ไอ่คำตัดพ้อต่อว่าถากถางเรื่องงานเขียนตัวเองเอยอะไรเอยคงไม่ร ู้สึกสะเืทือนใจได้เท่า
คำตัดพ้อไอ่คนที่ว่ามันจะโทรมาแต่ก็ไม่มีสักกริ๊ง คนเราอ่ะนะต่อให้ยุ่งแค่ไหน
แต่ก็อย่าเอาคำว่าไม่มีเวลามาเปนข้ออ้างเลยว้า
กวินไปพักซะให้พอนะ ทั้งตัวและใจผ่อนคลายแล้ว ค่อยกลับมาเผชิญโลกค.จริงที่โคตรเลวร้าย
เพราะมนุษย์ใหม่เน้อ

 o13 o13 เป็นกำลังใจให้คะ +1

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 03/07/2010ลงแล้ว18ตอน
«ตอบ #192 เมื่อ19-07-2010 23:51:06 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบสองตอนล่าสุดที่ลงมากๆ มันมีอารมณ์เยอะดี

ในโลกธุรกิจมีคนอย่างพี่รสก็เยอะ


ขอความรักจงสถิตที่กวินและวิษณุที กร๊ากกกก
แอบชอบสองตอนนี้จริงๆ มันให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด ๕๕๕๕

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #193 เมื่อ19-07-2010 23:57:00 »

กวินเอ้ย

เด็กน้อยที่หลงทาง

I do miss you.

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #194 เมื่อ20-07-2010 15:20:08 »

ยัยมธุรส นี่บ้าหรือเปล่า  คนเรามันก็ต้องมีหลายแง่ หลายมุมดิ ใครมามีแต่มุมมืดอย่างเดียวละเว้ย อิป้านี่

กวินผู้อ่อนแอ ผู้ที่สร้างเกราะของความก้าวร้าวมาป้องกันตัวเอง ถึงกะสติแตกไปเลย วิษณุรีบไปหากวินเลย ไปปรับความเข้าใจกันซะ  ให้ไวๆๆ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #195 เมื่อ20-07-2010 22:23:21 »

โอ๊ะๆๆๆ คิดว่าตาฝาดดดดดดดดด 55555

ได้อ่าน 2 ตอนเลย ขอบคุณค่ะ  :L2:

 :m15: กวินอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยย

ไงหล่ะ โทรช้า เตลิดไปเลย เหอะ ๆ

หัวข้อไม่ได้แก้รึเปล่าคะ มันยังเป็นตอนที่ 18 อยู่เลยอ่ะ

ครับ ลืมแก้ครับ ตอนนี้แก้เีรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ที่เตือนครับผม

อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว พึ่งรู้ว่ากวินก็เปลาะบางมากเลยทีเดียว ซึ่งทุกคนก็มีอยู่แล้วเพียงแต่ไม่เคยสังเกตเท่านั้นเอง
มีบางมุมที่ซ่อนอยู่ในห้วงความคิด เหมือนว่าเขามองโลกโหดร้าย
แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นกวินเริ่มแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาแล้ว
รู้สึก ว่ายายรสเนี่ยจะเห็นแก่ประโยชน์ของ สนพ. เอ๊ะหรือว่าผลประโยชน์ของตัวเองกันแน่

แล้ววิษณุ ถ้าเจอกวิน จะทำไมกับเค้าเหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อยนิ ถ้าเจอแล้วจะไปทำอะไรกับชีวิตเค้าล่ะ555555+

แสดงว่าเริ่ม เป็นห่วง เริ่มที่จะมีความรู้สึกว่าเกือบรักหรือความรู้สึกดีๆกับเค้าแล้วใช่ป้ะละ

PS. ลืมแก้หัวเรื่องหรือเปล่าคะมันยังเป็น 18 ตอนอยู่เลย

ขอบคุณมรายังติดตามกันครับ ส่วนวิษณุถ้าเจอกวินแล้วจะทำอะไร โปรดติดตามตอนหน้าครับผม  :3123:

เกลียดอีรสว่ะเห็นแก่ตัวฉิบหายผู้หญิงอะไร   สงสารกวินแค่อารมณ์ตัวเองก็จะเอาไม่ใหวแล้วยังมาเจอผู้หญิงแบบนี้เอาความรู้สึกคนอื่นมาเล่นอีก

555 อย่าไปเกลียดมธุรสเลยครับ แกอาจจะหวังดีก็ได้ อยากให้กวินได้เงินเยอะ ๆ ขอบคุณที่ติดตามครับผม

พี่รสแม่ง (ขอแม่งหน่อย) เข้าใจนะว่าะธุรกิจคือธุรกิจ
แต่นี่มันจะดูถูกคนทำมากไปหน่อยรึป่าว งานเขียนนะเว้ยมาจากสมองและ
สติปัญญาคนล้วนๆ ทำแบบนี้เอาเท้ามาแนบหน้ากวินเลยดีกว่ามั๊ย ทั้งๆทีก็เป็นลููกน้องตัวเองแท้ๆ
นิสัย!! คือแบบพูดหว่านล้อมเอาซะให้ได้อ่ะนะ กวินมันคงอึ้งอยู่เลยไม่รู้จะปั้นคำพูดยังไง
ทั้งคงงงและคงหมดหวังแปลกๆ เฮ้อออออ ทำแบบนี้อ่ะน่านับถือมากๆเลยเนอะ ฮ้วย

เฮ้อนี่คงทั้งเสียใจและผิดหวังในหลายๆเรื่องอ่ะนะเป็นไงล่ะคุณวิษณุ
ได้ยินทั้งเสียงพูดเสียงสะอื้นสะใจมั๊ยล่ะแล้วแบบนี้จะหาเดะดื้อน่าลงโทษจากไหนกัน
บอกว่าอยู่ทะเลๆนี่ทะเลจิงป่าวเนี่ย ไม่ใช่โดนไอ่หนุ่มที่ไหนลากไปนะ เฮ้อ
ไอ่คำตัดพ้อต่อว่าถากถางเรื่องงานเขียนตัวเองเอยอะไรเอยคงไม่ร ู้สึกสะเืทือนใจได้เท่า
คำตัดพ้อไอ่คนที่ว่ามันจะโทรมาแต่ก็ไม่มีสักกริ๊ง คนเราอ่ะนะต่อให้ยุ่งแค่ไหน
แต่ก็อย่าเอาคำว่าไม่มีเวลามาเปนข้ออ้างเลยว้า
กวินไปพักซะให้พอนะ ทั้งตัวและใจผ่อนคลายแล้ว ค่อยกลับมาเผชิญโลกค.จริงที่โคตรเลวร้าย
เพราะมนุษย์ใหม่เน้อ

 o13 o13 เป็นกำลังใจให้คะ +1


ขอบคุณที่ติดตามครับ  :man1:

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบสองตอนล่าสุดที่ลงมากๆ มันมีอารมณ์เยอะดี

ในโลกธุรกิจมีคนอย่างพี่รสก็เยอะ


ขอความรักจงสถิตที่กวินและวิษณุที กร๊ากกกก
แอบชอบสองตอนนี้จริงๆ มันให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด ๕๕๕๕

ดีใจที่ชอบครับ  :pig4:

กวินเอ้ย

เด็กน้อยที่หลงทาง

I do miss you.

ครับ หลงทางไปไกลอยู่ อันที่จริง คนเขียนก็หลงทางอยู่ประจำเช่นกัน 555 ขอบคุณที่ติดตามครับ

ยัยมธุรส นี่บ้าหรือเปล่า  คนเรามันก็ต้องมีหลายแง่ หลายมุมดิ ใครมามีแต่มุมมืดอย่างเดียวละเว้ย อิป้านี่

กวินผู้อ่อนแอ ผู้ที่สร้างเกราะของความก้าวร้าวมาป้องกันตัวเอง ถึงกะสติแตกไปเลย วิษณุรีบไปหากวินเลย ไปปรับความเข้าใจกันซะ  ให้ไวๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามครับผม


-----------------------------------

ตอนหน้าเดี๋ยวจะเอามาลงเร็ว ๆ นี้นะครับ อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วล่ะครับ แหะ ๆ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #196 เมื่อ21-07-2010 19:38:05 »

อีกไม่กี่ตอนก็จบหรือว้า  :a5:

ตอนจบขอกุ๊กกิ๊กบ้างได้เปล่าอ่ะคะ  :impress2: อิอิ

ขอบคุณมากค้าที่แต่งเรื่องดีๆ ให้อ่าน  :L2:

@24

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #197 เมื่อ24-07-2010 00:16:38 »

ชอบเรื่องนี้จังเลยครับ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #198 เมื่อ28-07-2010 19:00:52 »


กดบวกด้วยความพึงพอใจ  อิอิ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #199 เมื่อ03-08-2010 15:05:21 »

ตอนใหม่ครับผม


--------------------------------------


21


รถญี่ปุ่นสีดำสนิทแล่นฉิวไปอย่างสายฟ้าแลบบนถนนที่ทอดยาวไปด้านหน้า ในขณะที่ภายในห้วงใจของคนขับก็พุ่งทะยานออกไปไกลไม่ต่างกัน หน้าปัดคันเร่งขยับสูงขึ้นเรื่อง สะท้อนถึงความกระวนกระวายไม่สงบนิ่งของชายหนุ่มที่กำพวงมาลัยแน่นราวกับจะเป็นการกระทำที่เจ้าตัวหมายมั่นเอาเองว่าจะช่วยผ่อนคลายการขมวดตึงขอเส้นประสาทให้คลายตัวลงได้ แต่ตราบใดที่จิตใจยังพะว้าพะวงเช่นนี้ การกระทำดังกล่าวก็ไม่พ้นเป็นเพียงการหลอกตัวเอง

    ผ่านโค้งโดยไม่ยอมผ่อนคันเร่ง พบรถพ่วงคันโตปรากฏเด่นอยู่เบื้องหน้าไม่กี่เมตร วิษณุเหยียบเบรกตัวโยน เสี่ยงนักหนาว่ากันชนจะทิ่มเอากับล้อหลังของรถพ่วง ใจของวิษณุกระตุกวูบ ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบเล็กน้อย ชะลอความเร็วลง ใจหายวูบแล้วเปลี่ยนกลับเป็นปลอดโปร่งโล่งอก เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ความปลอดภัยเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด

    ถอนหายใจยาว มิอาจปฏิเสธได้ว่าจิตใจนั้นว้าวุ่นนักหนา ความว้าวุ่นส่งอิทธิพลมิให้ร่างกายหยุดนิ่ง หากแต่ต้องทำอะไรสักอย่าง แถมทำไปในลักษณะที่วูบวายผาดโผนเสียด้วย ถึงขั้นที่ชีวิตอาจจะถูกปลิดไปได้อยู่รอมร่อ

    วิษณุผ่อนลมหายใจยาวเข้าออกอย่างเชื่องช้า พยายามจะระงับสติให้เรียบนิ่ง ตระหนักได้อันตรายที่จะเกิดหากยังทำอะไรวู่วามเช่นนี้ แต่ก็นั่นแหละ ไม่แน่ใจว่าความพยายามนี้จะสูญค่าอยู่ดีหรือไม่ เพราะห้วงใจก็ยังถูกรบกวนจากใบหน้าของคนเดิม ๆ รวมไปถึงน้ำเสียงของคนเดิม ๆ ที่พอนึกขึ้นมาได้เมื่อไรก็มีแต่จะพาให้จิตใจโบยบินไปหาพายุหมุนก็เสียเท่านั้น

    คน ๆ หนึ่งที่อยู่ดี ๆ ก็มีอิทธิพลกับเขามากเสียขนาดนี้ มากไม่มากไม่รู้ รู้แต่ว่าอย่างน้อยก็ทำให้เขาระเห็จจากกรุงเทพลงใต้มาไกลเกือบห้าร้อยกิโลเมตรในเวลาแค่ไม่ถึงสามชั่วโมงนี้ก็แล้วกัน แล้วก็คงจะมีอิทธิพลพาเขาไปไกลกว่าเดิมอย่างแน่นอน

    ให้ตายเถิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนวิษณุคงได้แคลงใจยิ่งกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง รวมไปถึงอาจจะไม่แน่ใจด้วยว่าความรู้สึกประเภทไหนที่ขับเคลื่อนให้เกิดการกระทำเช่นนี้ น่ากลัวที่ ณ เวลานี้นั้นไม่ใช่อีกแล้ว ตรงกันข้าม ทุกสิ่งทุกอย่างมันชัดเจนเสียจนไม่อาจจะโกหกใจตัวเองได้ วิษณุแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองกำลังทำอะไรและทำไปเพื่ออะไร

    ถอนหายใจคำรบสุดท้าย ก่อนจะเหยียบคันเร่งไปอีกรอบ พารถยนต์มุ่งหน้าไปตามถนนที่ทอดยาวไปสู่จุดมุ่งหมาย



*** **** ***** **** ***



     เสียงดนตรีอึกอึกดังสอดรับกับเสียงคลื่นที่แลดูคล้ายจะแผ่วเบาลงไปถนัดหู เมื่อเทียบเคียงกับเสียงอันเริงร่าของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายที่แออัดเบียดเสียดอยู่บนพื้นทรายที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าผืนทะเลสีดำ แสงสีต่าง ๆ นา ๆ วิบวับระยิบระยับเข้ากับจังหวะเพลง สอดรับกันจนเป็นลวดลายสีสันอันยวนใจ ชวนให้ใครต่อใครต่างหลงใหลพร้อมใจพาตัวเองหลุดเข้าไปสู่ภวังค์อันมหัศจรรย์พันลึก โดยมีอบายมุขทั้งหลายเป็นประตูนำทาง

    แม้จะอยู่ในบรรยากาศของความชุลมุนวุ่นวายและสนุกสุดเหวี่ยง แต่ถึงกระนั้น กวินก็มิพ้นที่จะรู้สึกแปลกแยกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในจักรวาลอันว่างโล่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายอย่างไรได้ กวินไม่เคยเป็นเช่นนี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้มานานมาก ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดที่เป็นตัวส่งเสริมให้เกิดภาวะอารมณ์อันขุ่นมัวแปลกแยก กวินมิอาจจะสืบทราบไปถึงสาเหตุ หรืออีกนัยหนึ่ง กวินก็ไม่อยากทำ เพราะถ้าทำแล้วล่ะก็ คำตอบที่ได้ก็คงจะยิ่งพาให้จมดิ่งลงเหวไปมากกว่าเดิม

    น่าขันนัก... ทั้ง ๆ ที่พยายามพาตัวเองหนีมาไกลถึงขนาดนี้ มาอยู่ท่ามกลางความผาดโผนพิสดารต่าง ๆ โดยหวังว่าจะช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากสภาพอันน่าสมเพชนี้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย กวินยังคงรู้สึกว่าตัวเองยังถูกกักอยู่ในภวังค์มืดอันร้างเงียบ ภวังค์ที่มีแต่กลิ่นหืนเหียนของความไร้ค่าไร้ราคา มันส่งผลให้จิตใจหดหู่อย่างประหลาด รวมไปถึงร่างกายก็เช่นกัน กวินรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว คันคะเยออย่างประหลาดอยู่ในกล้ามเนื้อ เกาเท่าไรก็ไม่หาย รวมออกมาเป็นความรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดอันมิอาจจะช่วยให้มันบรรเทาลงไปได้ง่าย ๆ เลย

    ความรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดนี้ส่งผลให้กวินรู้สึกหงุดหงิดและผิดที่ผิดทางอยู่ตลอด เช่นว่าถ้ากำลังอยู่ตอนกลางวันก็จะพาลนึกอยากให้มันเป็นกลางคืนเร็ว ๆ พอตกกลางคืนก็กลับเบื่อ อยากจะให้มันรีบเช้า หรือเช่นว่าพออยู่คนเดียวก็เปลี่ยวเหงา อยากจะเข้าไปอยู่ในหมู่คน แต่พอมาอยู่ท่ามกลางคนมากมาย กวินก็นึกรำคาญความวุ่นวาย อยากจะอยู่คนเดียวเงียบ

    ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้ดั่งใจไปเสียหมดอย่างไรอย่างนั้น

    “เฮ้...” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นจากด้านข้าง แม้จะไม่ได้หันไปมองเต็มมา แต่กวินก็พอจะดูออกว่าผู้พูดเป็นชายต่างชาติร่างสูงใหญ่ แต่ก็ไม่สนใจจะหันไปพินิจพิจารณาว่าเป็นคนชาติใดและมีหน้าตาหล่อเหลาเสียขนาดไหน อันที่จริง กวินไม่ได้แยแสต่ออะไรเลย “Can I sit here?”

    กวินมิได้ตอบออกมาเป็นคำพูด ไม่ได้หันไปมองหน้าด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าได้พยักหน้าไปหรือเปล่า ไม่ว่าอย่างไรก็ดี ชายต่างชาติผู้นั้นก็นั่งลงข้าง ๆ กวินในที่สุด และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ชายผู้นั้นยิ้มแถมมองมาด้วยสายตาที่กวินคุ้นเคยดีท่ามกลางความรู้สึกมึนเมาในแสงสลัวและเสียงดนตรีอึกทึก

    “Do you come alone?” หนุ่มต่างชาติถามอีกครั้งด้วยสำเนียงอู้อี้ ในขณะที่กวินถอนใจ เอื้อมหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด เมื่อนั้นเองที่พอจะหันไปสังเกตคนที่นั่งข้าง ๆ เขาดูอ่อนเยาว์กว่าที่คิด ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ผมสีน้ำตาล ตาสีฟ้า อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ “I’m James. And you?”     

     “Sorry” กวินตอบอย่างไร้เยื่อใย “I can’t speak British English”

    พูดจบ กวินก็ฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์ราวกับว่าน้ำหนักของศีรษะตนเองได้เพิ่มสูงขึ้นจนมิอาจต้านทานไหว มิได้หันไปสนใจว่าชายหนุ่มข้าง ๆ กำลังขมวดคิ้วมุ่นอย่างฉงนสักเพียงใดต่อคำตอบโต้ที่ชวนให้งงและชวนให้ขบขันของกวิน

    อย่างที่บอก กวินไม่ได้แยแสและมิได้ยี่หระต่อสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย

    ยกเว้นก็แต่เขา... คนที่เป็นสาเหตุทั้งหมดของความรู้สึกแปลกแยกแตกต่างเช่นนี้ เขา...ที่ทำให้กวินว้าวุ่นอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เขา... ที่ยังคงเข้ามาปั่นป่วนโจมตีจิตใจของกวินให้บอบช้ำอยู่ทุกวินาที

    วิษณุ...

    กวินยังคงคิดถึงเขา... คิดถึงอย่างรุนแรงแบบที่มิอาจจะต้านทานหรือหักห้ามได้เลย   

    

*** **** ***** **** ***



    ท่ามกลางชายหาดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่สนุกสุดเหวี่ยงกับเหล้ายาปลาปิ้ง วิษณุรู้สึกแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงสติสัมปชัญญะของเขาก็หาได้จดจ่ออยู่กับความครื้นเครงรอบข้างไม่ ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกำลังหมกมุ่นอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไร้ความเกี่ยวพันกับบรรยากาศ สมองของเขาครุ่นคิดเพียงสิ่งที่ต้องทำให้ลุล่วง นัยน์ตาของชายหนุ่มพยายามจะจ้องมองผ่านความขวักไขว่รอบด้านเพื่อมองหาในสิ่งที่ไม่แน่ใจถึงการมีอยู่

    เขากำลังมองหากวิน มองไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง

    คิดแล้วก็อดพะวงไม่ได้ว่าการบึ่งรถด้วยความเร็วสูงจากกรุงเทพจนเสี่ยงว่าจะตายอยู่ข้างถนนหลายครั้งเป็นเวลาเกือบวันเต็ม ๆ จะเป็นการกระทำที่คว้าน้ำเหลว การสืบเสาะต่อสิ่งใดสักสิ่งที่นี่โดยไร้เบาะแสแทบไม่ต่างอะไรกับพยายามมองหาความเงียบสงบในความอึกทึก เป็นความหวังที่บางเบาแต่ก็ขาดมันเสียไม่ได้ เช่นเดียวกับความคิดของชายหนุ่มต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะทำไปแล้วไม่ได้อะไร แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้ตัดสินใจทำ เพราะไม่อย่างนั้นจิตใจของเขาก็คงว้าวุ่นไม่เลิกรา

    ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมคายมีเสน่ห์พยายามเดินแทรกเบียดร่างของผู้คนหลากหลาย กวาดสายตามองหาชายหนุ่มอีกคนที่เป็นสาเหตุของความว้าวุ่นทางจิตใจตลอดหลายชั่วโมงมานี้ แต่ก็นั่นแหละ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ยากยิ่งกว่ายาก มันคงหาไม่เจอได้ง่ายนัก

    แต่โอกาสของมันก็ใช่ว่าจะไม่มี !

    บางครั้งบางคราว สิ่งยาก ๆ มักคลี่คลายลงง่ายดายเพียงเพราะโชคชะตา วิษณุไม่ได้ครุ่นคิดอะไรถึงมันหรอก อันที่จริง ทุกสิ่งทุกอย่างง่ายดายกว่านั้นเยอะ หาได้ซับซ้อนลึกซึ้ง เพียงว่าพอเดินล่วงจากผับริมหาดแห่งหนึ่งมายังผับแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ สายตาของเขาได้สบกับนัยน์ตาคมกริบคู่หนึ่งที่จ้องมาจากด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์เหล้าที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อย นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นจ้องกลับมาเหมือนตกใจเล็กน้อย ราวกับไม่คาดคิด

    ให้ตายเถิด ต่อให้ไกลกว่านี้หรือมืดกว่านี้ วิษณุก็มั่นใจว่านั่นคือกวิน และให้ตายอีกที วิษณุครุ่นคิดถึงใบหน้านั้นอยู่แทบตลอดเวลา ไม่มีทางเลยที่ความทรงจำเกี่ยวกับลักษณะของกวินจะรางเลือนไปได้ง่าย ๆ

    เมื่อได้พบกับคนที่ต้องการพบ วิษณุไม่สนใจที่จะร่ำร้องขอบคุณโชคชะตาเลยแม้แต่น้อย หากแต่ชายหนุ่มพยายามจะรีบเดินฝ่าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่ก็นั่นแหละ อะไรที่เหมือนง่ายกลับกลายเป็นยากได้อยู่เสมอในช่วงเวลาเสี้ยววินาที อยู่ดี ๆ ก็กลับกลายเป็นว่ามีอุปสรรคมากมายมาขวางกั้นในช่วงเวลาที่น่าจะราบรื่น วิษณุไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ ผู้คนละแวกนี้ถึงแออัดมากขึ้นเสียอย่างนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายเริ่มออกท่าทางสุดเหวี่ยงมากขึ้นเมื่อเสียงเพลงใหม่ ดังแว่วมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องอันคึกคะนองของดีเจ วิษณุโดนเบียดเล็กน้อยจนเสียการควบคุม เกือบจะเซล้ม ดีที่คว้าร่างของคนข้าง ๆ ไว้ พอตั้งหลักได้ ยืนตรงตามเดิม มองไปเบื้องหน้าก็พบว่าตำแหน่งของบุคคลที่เฝ้าตามหาได้หายไปเสียแล้ว

    ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย ไร้วี่แววของกวินอย่างสิ้นเชิง

    

*** **** ***** **** ***

 

    กวินใช้ความพยายามพอสมควรกับการเดินอยู่คนเดียวบนชายหาดมืด ๆ มารู้ตัวว่าดื่มไปหนักพอสมควรก็เมื่อพบว่าตัวเองเดินไม่ค่อยจะตรงเท่าไร เหมือนจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายแกว่งไปแกว่งมาไม่คงทน รู้เพียงว่าที่พักยังอยู่อีกไกล แต่อันที่จริงเขาไม่อยากจะกลับที่พักเลยแม้แต่นิด เรื่องอะไรที่จะต้องกลับไปนอนในเวลาที่ยังไม่ถึงครึ่งของราตรี แต่ก็นั่นแหละ พอนึกถึงใบหน้าของคนที่เพิ่งได้บังเอิญเจอก็พาให้รู้สึกขุ่นมัวยิ่ง ไม่เข้าใจโชคชะตาเลยสักนิดว่าทำไมถึงเล่นตลกแบบนี้

    กวินไม่อยากเจอหน้าเขา... มันเป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งอย่างประหลาด กวินรู้ดีแก่ใจว่ากำลังมีการโกหกตัวเองเกิดขึ้น ยิ่งต่อเมื่อมาพิจารณาดูแล้วก็พบว่ามันมีความจริงและไม่จริงอยู่คนละครึ่งและมันก็สลับสับสนจนบอกไม่ถูก กวินไม่แน่ใจนักถึงสาเหตุที่ต้องรีบเดินหนีออกมาทั้ง ๆ ที่ร่างกายหาได้พร้อมจะเดินออกมาเพียงลำพังแบบนี้ไม่ อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะความกลัว

    ใช่... ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อได้พบเขา เมื่อได้เห็นใบหน้าคมคายนั้นส่งสายตามาให้ ถ้าจะพิจารณาให้ดี เริ่มแรกนั้นความรู้สึกของกวินพองโตอย่างอัตโนมัติ หัวใจนั้นเล่าก็เต้นเร่าราวกับกลองศึก มิอาจปฏิเสธได้เลยว่านั่นคือความรู้สึกที่เข้าข่ายยินดีอย่างออกนอกหน้า กวินแทบจะกระโดดไปกอดเขาแล้วด้วยซ้ำ แต่พอจังหวะต่อมา ความรู้สึกอีกด้านกลับเข้ามาครอบงำ เป็นความรู้สึกประเภทที่ถูกขับเคลื่อนออกมาจากทิฐิบางอย่าง มันร่ำร้องบอกกวินว่าวิษณุได้ทำสิ่งใดบ้างที่ทำให้กวินต้องเจ็บช้ำและเสียใจ และวิษณุเองก็หาได้จะแยแสในข้อนั้นไม่ ใช่... ประสบการณ์เลวร้ายที่เคยประสบทำให้กวินขยาดนักกับการต้องเป็นคนโง่ เรื่องอะไรที่กวินจะต้องลดตัวให้ตนเองไปรับบทบาทเช่นนั้นอีก ในเมื่อทางเลือกที่จะฉลาดก็ยังมีอยู่

    กวินได้เลือกแล้วว่าจะเลิกคิดอะไรทำนองนี้ให้ไปในทางเข้าข้างตัวเองอีกอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นไม่ใช่วิถีของคนฉลาด เห็นกันชัด ๆ ว่าวิษณุมิได้สนใจไยดีตัวเขาแม้แต่น้อย ง่ายที่สุดก็คือแค่จะโทรหามาหาสักครั้งตามสัญญาก็ยังไม่ทำ รวมไปถึงที่ว่าถ้าหากการเจอกันครั้งนี้เป็นความบังเอิญ แน่ใจหรือว่าวิษณุจะอยากเจอกับเขาจริง ๆ เขาอาจจะแค่เผลอมาสบตาโดยมิได้ตั้งใจก็ได้ กวินไม่อยากจะจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากว่าทำเป็นดีใจเข้าไปทักแล้วปรากฏว่าวิษณุแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินหนีไป นั่นมิเท่ากับว่ากวินมิต้องเจ็บปวดมากขึ้นหรอกหรือ ความคิดคร่าว ๆ เช่นนี้เองที่สั่งการให้กวินเดินหนีออกมา พร้อมกับพยายามทึกทักเอาเองอย่างมักง่ายว่าวิษณุไม่ได้ปรากฏกายอยู่ที่นั่น หากเป็นแค่เพียงภาพลวงตาจากอาการเมาเสียก็เท่านั้น ควรจะลืมๆ มันไปเสีย    

    รู้สึกปวดขมับขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่ก็พยายามจะฝืนเดินต่อไปเพื่อให้ถึงที่พัก แม้ว่าร่างกายนั้นแทบอยากจะโผลงไปสลบอยู่บนพื้นทรายมากเท่าไรก็ตาม บรรยากาศโดยรอบมืดสนิทและเงียบสงัด บริเวณนี้ไม่มีผับ ในขณะที่บังกะโลที่พักอยู่เบื้องหน้าไกลออกไปราวร้อยเมตร

    ไม่แน่ใจว่าแอลกอฮอล์ทำให้ประสาทหลอนหรือไม่ กวินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากด้านหลัง มิทันได้ประมวลผลว่าเป็นเสียงจริงหรือเสียงหลอก หรือมิทันได้หันกลับไปมองว่าเป็นอะไร กวินกลับรู้สึกเหมือนมีร่างสูงร่างหนึ่งเข้ามาประชิดตัว โอบรัดจากด้านหลัง ตกใจในแวบแรก ยังคงมองไม่ชัดว่าเป็นใคร ในขณะที่ร่างหนา ๆ จากด้านหลังพยายามรัดกวินให้แน่นขึ้น พร้อมกับซุกใบหน้าลงมาตามลำคอ ในขณะที่มือใหญ่ก็ลูบไล้ไปทั่ว

    กวินพยายามจะสะบัดมันออก แต่ก็ไร้ผล รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นกายและผัวสัมผัสจากคนด้านหลังส่อให้กวินรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามันไม่ใช่คนไทย... แน่นอน.. กวินมั่นใจขึ้นมาในเวลานั้น มันต้องเป็นไอ้ฝรั่งสำเนียงอังกฤษคนที่มานั่งข้าง ๆ เมื่อครู่

    ยิ่งมั่นใจขึ้นมามากขึ้นเมื่อหันกลับไปมองได้สำเร็จ กวินรู้สึกย้อนแย้งในตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใจหนึ่งนั้นวูบไหวและวาบหวิวไปกับสัมผัสของคนตรงหน้าที่บุกรุกจู่โจมอย่างดุดันบนบรรยากาศอันเปล่าเปลือยเงียบสงบของผืนทรายอันมืดมิดที่คลอเคล้าด้วยเสียงคลื่นจากทะเลสีดำที่สะท้อนจากแสงจันทร์ริบหรี่ และหนักเข้าก็คือยิ่งเมื่อได้จินตนาการถึงตรอกซอกหินและสุมทุมพุ่มไม้รอบด้านที่กำลังขยุกขยิกไปพร้อมกับกิจกรรมหฤหรรษ์ทั้งหลายแหล่ของมนุษย์เพศผู้ที่จับคู่กันนุ่งลมห่มฟ้าหาประสบการณ์อันเริงใจ

(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2010 15:09:05 โดย kranwa »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
« ตอบ #199 เมื่อ: 03-08-2010 15:05:21 »





kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 18/07/2010ลงแล้ว20ตอน
«ตอบ #200 เมื่อ03-08-2010 15:05:44 »

(ต่อ)

     แต่ในอีกด้าน... กวินกลับรู้สึกรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก รังเกียจกับร่างอันใหญ่ยักษ์ ผิวสาก ๆ และกลิ่นกายที่แสนจะไม่คุ้นเคย รังเกียจกับความแปลกแตกต่างของร่างกายที่บ่งมาจากสัญชาติและความคนละเผ่าคนละพันธุ์ มันชวนให้นึกสยดสยองอยู่เล็กน้อยเมื่อจินตนาการถึงสัตว์เพศผู้สองตัวที่อยู่กันคนละโพ้นทะเล มีชีวิตคนละแบบ มีคติกันคนละอย่าง มีเส้นทางของชีวิตที่ไม่น่าจะมาบรรจบกัน เรียกได้ว่าคนละชาติคนละศาสนา แต่กลับมาได้กันโดยบังเอิญก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันไปตามทางโดยไม่มีวันได้พบเจอและรู้จักกันอีก ลักษณะของความเป็นชายต่างชาติขยายความรู้สึกแบบนี้ให้กวินจับต้องได้ชัดเจน โดยที่ผ่านมาไม่เคยชัดเจนเท่านี้มาก่อน ความคิดดังกล่าวนี้ทำให้กวินรู้สึกขยะแขยงตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พยายามจะผลักร่างสูงออกไป แต่มันก็ยังจะเหมือนกลับมากอดรัดและลูบไล้ตัวกวินอย่างหื่นกระหาย กวินใช้แรงกำลังเท่าที่มีผลักมันออกแล้วเดินหนี ด้วยความเมาทำให้เดินได้ไม่เร็วนัก เซเล็กน้อยจนกระทั่งโดนกระชากกลับเข้าไปในที่สุด

    ร่างสูงใหญ่ของมนุษย์คนละเผ่าจับกวินกดลงกับพื้นทราย พร้อมกับพยายามจะฉีกเสื้อผ้าของกวินออกเป็นชิ้น ๆ ราวกับจะประกาศแจ้งว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะบังเกิดขึ้นตรงนี้ ตรงผืนทรายโล่ง ๆ เบื้องหน้าเกลี่ยวคลื่นที่โหมเข้าฝั่งอย่างเป็นจังหวะจะโคน มิต้องอาศัยมุมมืดให้อึดอัดคับข้อง กวินพยายามจะขัดขืนเสียให้ได้ แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล ความเมาทำให้เรี่ยวแรงน้อยลงอย่างน่าเหลือเชื่อ

    ทันใดนั้น ก่อนที่กวินจะอ่อนเปลี้ยจนยอมให้ทุกอย่างดำเนินไป ร่างสูงก็ถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว เทียบกันแล้ววิษณุตัวเล็กกว่าเล็กน้อย แต่เรี่ยวแรวของเขาก็คล้าย ๆ จะพอกัน วิษณุกระชากแล้วผลักมันออกไปจากกวิน ไม่ได้สื่อสารอะไรออกมาเป็นคำพูด แต่จากการกระทำก็แสดงออกมาชัดว่าจะบอกอะไรกับชายต่างชาติผู้นั้น

    จากความมืด กวินรู้สึกได้ว่าแววตาของวิษณุนั้นมองคู่กรณีอย่างหาเรื่องและโมโห ในขณะที่ชายต่างเผ่าคนนั้นสบตากับวิษณุสลับกับมองกวินที่นั่งอยู่บนพื้นทราย คล้ายจะปะติดปะต่อเรื่องราวของตัวเองแล้วจากนั้นก็ยักไหล่เดินจากไป วิษณุถอนใจ หันไปมองกวินที่สภาพดูไม่ค่อยจะได้ เสื่อผ้าหลุดรุ่ย ตาปรือ พยายามจะลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง

    วิษณุหันมามองกวิน ก่อนจะพยายามยื่นมือช่วยดึงกวินให้ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล กวินบอกไม่ได้แน่ชัดนักว่ากำลังรู้สึกเช่นไรในขณะนั้น รู้แต่ว่ามันต้านทานโจมตีกันเต็มไปหมด พอยืนขึ้นได้ กวินก็สะบัดมือของวิษณุออกโดยไม่รู้ตัว แล้วเดินต่อไปแบบไม่ค่อยจะตรง ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนปวดหัว ในขณะที่วิษณุเดินตามอย่างเป็นห่วง

    “โอเคป่าวหรือเนี่ยคุณ”

    กวินยกมือส่ายบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเดินต่อ ไม่ได้หันมามองคนถาม วิษณุนิ่งอึ้งไปนิดหน่อยกับท่าทีเหมือนไม่ไยดีจากอีกฝ่าย ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่กระนั้น ชายหนุ่มก็ยังเดินตามต่อไป พร้อมกับพูดขึ้นมาอีกราวกับหวังว่ามันจะช่วยทำให้กวินสนใจเขาขึ้นมาบ้าง

    “พี่รสเปลี่ยนแผนเรื่องหนังสือแล้วนะ เขาจะให้มันเป็นงานของคุณ” กวินยังคงเดินต่อไป ไม่ยอมหันมา “ซึ่งผมว่ามันก็ดีแล้ว”

    “ตรงไหนวะ” กวินเอ่ยประชดออกโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้แม้กระทั่งด้วยว่าความรู้สึกประเภทไหนขับเคลื่อนการประชดดังกล่าวออกไป ในขณะที่วิษณุก็ยังคงไม่ลดความพยายาม

    “ผมอยากให้คุณกลับไปเปิดตัวหนังสือ” ความเย็นชาจากกวินจะทำให้วิษณุรู้สึกหัวใจเบาหวิวขึ้นมาอย่างประหลาด แต่ก็ในส่วนเสี้ยวของจิตใจ ชายหนุ่มก็ยังหวังว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะได้เห็นรอยยิ้มหรือความดีใจจากอีกฝ่ายให้ได้ “มันเป็นความสำเร็จของคุณ เป็นสิ่งที่คุณควรจะไปภูมิใจกับมันด้วยตัวเอง โอเคนะ พรุ่งนี้คุณกลับไปกับผม แล้วเราจะได้...”

    เกินกว่าจะทนได้อีกต่อ กวินหันไปตะคอกใส่วิษณุอย่างทันที ไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ

    “ขอโทษนะ ! คุณมาเสือกเรื่องของผมทำไม”

    วิษณุชะงักไปเล็กน้อย ในขณะที่กวินหายใจแรงอย่างอึดอับคับข้อง หัวใจเต้นโครมครามพาลให้สรรพางค์กายสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ

    “บ้าหรือเปล่า อยู่ดี ๆ ก็โผล่มา แล้วก็มาทำเป็นสั่งการกับชีวิตผม” ให้ตายเถิด... ยิ่งพอหันมามองหน้าคมคายหล่อเหลาและบวกกับถ้อยคำสู่รู้ทั้งหลายที่เขาพรั่งพรูมาเมื่อสักครู่ ยิ่งโหมพัดความโกรธเกรี้ยวให้ลุกโชนในจิตใจของกวินจนแทบอยากจะแผดเผาทุกสิ่งรอบด้านให้วอดวาย ทั้ง ๆ ที่จริง กวินก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังโกรธในเรื่องอะไรอยู่กันแน่ รู้แต่ว่าสัญชาตญาณบางอย่างมันเรียกร้องการหาเรื่อง ใช่... กวินอยากจะหาเรื่องคนตรงหน้า “แล้วผลงานอะไรหรือที่ผมจะต้องไปภูมิใจ ไร้สาระน่ะ คุณนี่พูดจาเหมือนเด็กปัญญาอ่อน”

    หัวคิ้วของวิษณุเริ่มขมวดมุ่นราวกับไม่พอใจ แต่กวินก็หาได้แยแส พูดต่ออย่างสะใจ โดยที่ไม่ได้สนใจอะไรกับความรู้สึกอันจริงแท้ของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

    “แล้วนี่อีกสองวันจะฟูลมูนปาร์ตี้ คุณจะให้ผมทิ้งปาร์ตี้ไปเพื่อไอ้หนังสือบ้า ๆ เล่มนั้นน่ะหรือ หึ... คุณละเมอแล้วล่ะ ที่นี่ต่างหากคือตัวตนของผม ไม่ใช่ไอ้หนังสือดัดจริตนั่น”

    วิษณุถอนหายใจยาว แม้จะรู้สึกโกรธเช่นกันกับวาจาท่าทางหาเรื่องไม่มีเหตุผลของอีกฝ่าย แต่ก็พยายามจะไม่เอามาใส่ใจ เดินเข้าไปหาพร้อมตั้งท่าจะคว้าข้อมือเพื่อช่วยพยุง

    “ผมว่าคุณเมาแล้วล่ะ ไปนอนเหอะ”

    “ไม่ !” กวินชักมือหลบ พร้อมกับตะโกนลั่น “ผมจะสนุกต่อ อย่ามายุ่ง”

    “เห้ย !” เมื่อนั้นเองที่ความอดทนของชายหนุ่มร่างสูงกว่าเริ่มจะหมดลง วิษณุตะคอกกลับไปเช่นกัน “นี่ผมเป็นห่วงคุณนะ รู้หรือเปล่า”

    มันเป็นถ้อยคำที่ฟังยังไงก็น่าจะทำให้รู้สึกดีแท้ ๆ เพราะความห่วงใยจากอีกฝ่ายมิใช่สิ่งที่กวินเรียกร้องอยู่ลึก ๆ หรอกหรือ เกิดความย้อนแย้งบางอย่างในห้วงใจของกวินอีกครั้ง แต่การกระทำที่แสดงออกไปอย่างไร้สติกลับกลายเป็นกิริยาอันโกรธเกรี้ยวที่เพิ่มระดับ โทสะบางอย่างทำให้กวินหน้ามืดตามัว มิได้สนใจจะพิจารณาไตร่ตรองอันใดอีกแล้วว่าควรหรือไม่ควรทำสิ่งใด ยิ่งรวมเข้ากับความมึนเมาและนิสัยส่วนตัวที่ชอบหาเรื่อง ถ้อยคำของวิษณุเมื่อครู่ยิ่งเหมือนกับเชื้อเพลิงอย่างดี  

    “โอ๊ย... ฟังแล้วจะเป็นลม นี่คุณกำลังคิดเล่นละครน้ำเน่ากับผมงั้นหรือ ถึงมาปากดีพูดอะไรน่าขยะแขยงพรรค์นั้น” กวินพูดเสียงเยียบเย็นจนวิษณุฟังแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อย แววตากร้าวของอีกฝ่ายที่สะท้อนมาจากความมืดทำให้วิษณุแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะอยากเอาชนะคะคานเขาถึงเพียงนี้ วิษณุถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตรงกันข้ามกับอีกคนที่พรั่งพรูถ้อยคำออกมาอย่างไร้สติ

    “เราไม่ใช่พระเอกนางเอกนะคุณ แต่เราเป็นเกย์ เข้าใจป่ะว่าเราเป็นเกย์ ! เป็นผู้ชายที่เอากันเอง พูดแล้วก็ขนลุก อุบาทว์จริง ๆ” กวินพูดพลางกัดริมฝีปากแน่น ฝืนแสร้งหัวเราะ ในขณะที่นัยน์ตาร้อนผ่าว คล้ายจะมีน้ำใส ๆ ทะลักออกมาถ้าไม่ขืนเอาไว้ “แล้วสรุปว่าคุณยังต้องการอะไรจากผมงั้นหรือ ถึงต้องมายุ่งกับชีวิตผมนักหนา งานของป้าคุณผมก็เขียนให้เสร็จแล้ว คุณยังอยากได้อะไรจากผมอีก พูดมาตรง ๆ เลยนะ ไม่ต้องอ้อมค้อม”

    จู่ ๆ กวินก็หยุดพูด ชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับทำหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้

    “อ๋อ.... เข้าใจแล้ว....” กวินกับวิษณุมองหน้ากันสักพัก ตาคู่หนึ่งวาวโรจน์ไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ในขณะที่อีกคู่นั้นแน่นิ่งคล้ายกับทอดถอน กวินยิ้มมุมปากอย่างเสแสร้ง พร้อมกับเดินเข้ามาประชิดร่างกำยำของวิษณุอย่างรวดเร็ว

    “คุณเสียดายที่เรายังไม่ได้เอากันใช่ไหมล่ะ”

    วิษณุชะงักนิ่งราวกับไม่เชื่อหู เหมือนถูกทุบด้วยค้อนแรง ๆ จนวิงเวียนแทบจะทรงตัวไม่ได้ ในขณะที่กวินจู่โจมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ถอดเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแนบตัวเข้ากับแผงอกของวิษณุ พร้อมกับพยายามล้วงมือเข้าไปในกางเกง ท่ามกลางกระแสของอารมณ์ที่กำลังขับเคลื่อนไปอย่างผาดโผนและพิลึกพิลั่น วิษณุยังตั้งสติเพื่อประมวลเหตุการณ์และความรู้สึกของตัวเองแทบไม่ได้ บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นสิ่งที่ตัวเขาต้องการหรือไม่ มันมีความก้ำกึ่งอยู่ในนั้น แต่ดูคล้ายว่ากวินจะไม่ยอมครุ่นคิดถึงสิ่งใดเลย กอดรัดร่างหนาของวิษณุไว้แน่น ซุกไซร้ใบหน้าที่ลำคอแข็งแกร่ง เลื่อนลงไล้มาเรื่อย ๆ ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดำเนินไปอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นเพียงสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ผ่านพ้นเป็นกิจวัตร

    เมื่อนั้นเองที่วิษณุให้คำตอบแก่ใจตนเองได้ ถอนใจแรง กัดฟันเล็กน้อย ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดผลักร่างของกวินออกไปจนกระเด็นลงไปกองกับพื้นทราย ความมึนเมาทำให้กวินทรงตัวไม่ได้ ล้มตัวนอนลงไปบนพื้นทรายอย่างน่าสมเพช ฝ่ามือสองข้างกำเศษทรายไว้แน่น ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเป็นทวีคูณ การผลักไสของวิษณุเมื่อครู่แทบไม่ต่างอะไรกับการหยามเหยียด คนอวดดี... เป็นไปได้อยากจะเอาทรายขว้างใส่หน้าหล่อเหลานั่นนักให้สมกับความจองหอง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง ได้แต่ตะโกนปาว ๆ ออกไปอย่างหมดค่า น้ำตาไหลออกมาแต่ก็เบือนหลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

    “ไปให้พ้น ! อย่ามายุ่งกับผม !”

    วิษณุหลับตาเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก ๆ ตั้งสติ ก่อนจะพูดออกมา

    “ผมตามอ่านงานของคุณทุกเล่ม เพราะอ่านแล้วมันรู้สึกว่ามันตลกดี  คุณแม่งบ้าบอ จิตตก แล้วก็เหมือนจะเป็นโรคประสาท ผมเคยคิดว่าถ้าได้เจอตัวเป็น ๆ ของคุณสักครั้ง คงพิลึกดี” ถ้อยคำของวิษณุดูจะเพิ่มระดับขึ้นไปเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเองก็เริ่มจะควบคุมอารมณ์โกรธไม่ค่อยจะอยู่แล้วเช่นกัน ชายหนุ่มขบฟันแน่น ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่เริ่มเจือด้วยความกราดเกรี้ยว “แล้วก็จริง ! พอได้เจอคุณนะ... คุณแม่งโคตรตัวปัญหา ! พารานอย ! พูดมาก ! น่ารำคาญ ! แล้วก็...”

    เสียงของวิษณุคล้ายจะหายไปในลำคอ

    “..น่ารัก”

    กวินชะงักไปอย่างทันทีราวกับได้ยินไม่ชัด แต่ก็ไม่คิดจะถามว่าวิษณุพูดบ้าอะไรออกมาในคำสุดท้าย ในขณะที่เจ้าของคำสูดลมหายใจลึก พยายามจะระงับความโกรธแต่ก็เหมือนจะไม่สำเร็จ วิษณุตัดสินใจปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมาด้วยประโยคสุดท้าย

    “ใช่ ! ฟังไม่ผิดหรอก คุณน่ารัก... รู้ไว้ซะ ! แล้วผมก็ชอบคุณมากด้วย”

    อาจจะด้วยเพราะกลัวอารมณ์ตนเอง วิษณุจึงตัดสินใจหันหลังเดินหนี ปล่อยให้กวินค้างนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ก็ไม่วายหันกลับมาพูดอีกรอบเมื่อเดินห่างไปสักสามก้าว

    “คุณโกรธที่ผมไม่โทรหาคุณ ผมมานี่ก็เพื่อจะขอโทษและยอมรับกับคุณตามตรงว่าผมทำโทรศัพท์หาย” วิษณุพูดด้วยเสียงที่คล้ายจะสงบความโกรธลงมาแล้ว แต่กลับแฝงความเย็นชาไว้มากขึ้น “ขากลับตอนที่แวะช่วยพวกรถเสีย คุณบอกเองว่าพวกนั้นไม่น่าไว้ใจ แต่ผมก็ไม่เชื่อ ไอ้พวกเหี้ยนั่นแหละที่ขโมยมือถือผมไป ผมเงียบปากไว้ตลอดทาง ไม่อยากบอกเพราะกลัวว่าคุณจะหัวเราะเยาะ เอาจริง ๆ คุณพูดถูกนะ ผมมันมองโลกในแง่ดีเกินไป”

    พูดจบแล้ว วิษณุก็เดินจากไปราวกับไม่ไยดี ในขณะที่กวินค่อย ๆ ลุกขึ้นจากทราย มองตามหลังวิษณุอยู่สักพัก ความรู้สึกหลากหลายต้านทานโจมตีกันอย่างวุ่นวาย แต่กวินก็ไม่มีสติพอจะแยะแยะกลั่นกรองว่าอันไหนเป็นความรู้สึกที่แท้อันไหนเป็นความรู้สึกที่ลวง แต่สิ่งที่คล้ายจะมีอยู่แน่ ๆ ก็คือความคุกรุ่นของอารมณ์อันพลุ่งพล่านที่วูบไหวอึมครึมคล้ายกับบรรยากาศของท้องทะเลอันมืดมิดรอบด้าน

    กวินหันหลับเดินไปอีกด้าน ถ่มน้ำลายลงพื้นเพื่อขับไล่เศษทรายที่ปนเข้ามาในปาก รู้สึกเจ็บใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่หันหลังเดินไปอีกด้าน

    คนปากดี !      




mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #201 เมื่อ03-08-2010 15:43:49 »

 :m4: :m11:
ไปว่าเค้าว่า คนปากดี...ปากดีแล้ว..รักมั๊ยล่ะ  :-[ :impress2: กีซซซซซซซซซซซซซซซซ

คุณวิษณุคะ จะเอาอะไรกับคนเมาแ้ล้วก็คนบ้าล่ะคะนั่น
นุ้งกวินก้แค่อยากระบายค.อึดอัดเก็บกดที่มีในใจ ก็เลยแสดงกิริยาเหมือนคนไร้หัวใจ
ยังไงอย่างงั้นออกไปก็เท่านั้นเอง...อั๊ย อย่าพึ่งทอดใจสิคะ ตามมาง้อกันก่อนถึงจะเป็นมนุษย์เกย์ๆ
แต่ก็มีหัวใจบอบบางนะคะ.................กวินไม่ใ่ช่สาวน้อยคงไม่ต้องง้อนานหรอกน่า
รอให้สร่างเมาก็เป็นพอ กีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

อุตส่าห์หนีมาไกลโพ้นแล้วแต่ก็ยังหนีใจตัวเองไม่พ้นอ่ะนะกวินเอ้ย
แล้วแบบนี้ยังมาปากแข็งอีก ตัวเองนั่นล่ะปากดีไม่ใช่น้อยเลย แคร์เค้า น้อยใจเค้า
นี่เค้าก็ถ่อสังขารมาอธิบายแล้วไง หงะ ถ้าสร่างเมาแล้วอย่าลืมไปหาคนปากดีนะ
ปุนนี้แล้วงอนเป็นเดะๆไม่น่ารักนะ อิอิ

รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นกายและผัวสัมผัส
จากคนด้านหลังส่อให้กวินรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามัน ไม่ใช่คนไทย... แน่นอน

>> o22 คำว่า "ผิว" เน้อ ไม่ใช่ "ผัว" :laugh: :laugh:

 o13 o13 วิทยายุทธ์ยังเยี่ยมยอดเหมือนเดิมเลยนะคะ  :impress2:

ออฟไลน์ Shock_n2n

  • Deep cute...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #202 เมื่อ03-08-2010 17:11:46 »

อิอิ
ได้อ่านแล้ว ชื่น ใจ จริงๆ *v*
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #203 เมื่อ03-08-2010 18:58:20 »

กวินบ้าเหมือนที่เขาว่าจริงอ่ะแหละ เก็บกดอะไรหนักหนา มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #204 เมื่อ03-08-2010 20:42:55 »

กวิน เคยเป็นคนมองดลกในแง่ดี มาก่อน แต่เพราะเหตุใดจิึงเปลี่ยนเป็นคนละคน

เวลาทำให้คนเปลี่ยนแปลง ใจก้เปลี่ยน  แต่ทำไม คุณรส ถึงไม่ยอมเปลี่ยน เหอๆๆ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #205 เมื่อ03-08-2010 23:01:27 »

อ่านมาเครียด เครียด เครียด


มาอ๊ายยยยยยยยยยย ตรงคำว่า แต่ น่ารักเนี้ยแหล่ะ  :o8:

 :laugh:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #206 เมื่อ04-08-2010 00:22:27 »


แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

อีนังกวิน

เอาไป 10 10 10 เลยคะเท้อออออออออออออออออออออออออออออออออ

อรั๊ยส์ !!!

ออฟไลน์ wowhaha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #207 เมื่อ04-08-2010 01:00:05 »

แล้วมาต่อไวๆนะครับ

ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #208 เมื่อ04-08-2010 13:47:23 »

ได้ใจจัง อย่างนี้สิดูเป็นเกย์น้ำดี
ให้คะแนนเต็มทั้งกวิน ทั้งวิษณุเลยจ้า 

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #209 เมื่อ04-08-2010 14:30:33 »

วิษณุอย่าเพิ่งไป๊ มาเอากวินกลับที่พักก่อน เดี๋ยวฝรั่งแถวนี้ก็ปู้ยี่ปู้ยำเละหรอก

แล้วอยู่ปรับความเข้าใจกันก่อนตอนนี้กวินยังประมวลผลไม่ได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด