Imprison 60: ปิดกระดาน
เสียงฝนสาดกระเซ็นหลังคากระเบื้องเป็นจังหวะนั้นขาดหายไปได้หลายวันแล้ว และลมเย็นๆที่พัดมากับบรรยากาศอึมครึมของท้องฟ้านั้นไม่ได้ทำให้คนมองรู้สึกแย่อย่างที่ควรเป็น..ตรงข้าม พวกเราต่างก็ดีใจ ที่สามารถออกมาข้างนอกเรือนนอนได้ และยังสามารถกวาดพื้น ทำความสะอาดต่างๆได้โดยไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก ด้วยไม่มีแสงอาทิตย์ส่องทอประกายกล้าให้หงุดหงิด
ผมนั่งมองท้องฟ้าสีหม่นที่มีเมฆสีเดียวกันไหลผ่านท้องฟ้า เอนตัวพิงลำต้นมะม่วงที่ประจำอย่างเคยชิน สายตามองไปยังพรรคพวกที่นั่งสนทนากันอยู่หลังจากพักกับการทำความสะอาดอันยาวนาน
“...แบบนี้ชวนง่วงจริงแฮะ..” ผมบ่นลอยๆพลางบิดตัวคลายเมื่อยขบ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนาตะปบเข้าที่เอวออกแรงจี้ไม่เบานัก จนต้องหัวเราะก๊าก..
“...พี่โต...อะไรกันอ่ะ ..” ผมทำหน้าบูดส่งไปให้คนทำ วันนี้พี่โตไปหาพวกป๋ามา คิดว่าคงจะไปคุยเรื่องที่ตกลงกับพี่กันย์เรื่องหัวหน้าแล้วนั่นล่ะ ผมหันไปมองหน้าพี่โตคิดสะระตะไว้ในหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าพี่เขาจะทำหน้ายังไงบ้าง..แต่..สีหน้าปกตินั้นก็ทำให้ผมขมวดคิ้ว..
“...ไม่มีเรื่องอะไรเหรอ?..”
“ อะไรกัน...คิดว่าทุกครั้งที่กูไปต้องมีแต่เรื่องรึไง..” พี่โตบ่นออกมา ขณะที่ผมส่งเสียงหึขึ้นจมูก แล้วพยักหน้ารับทันที..
“..ปฏิเสธมั่งก็ได้..” พี่โตว่าแล้วเอื้อมมือยกตัวผมให้นั่งตัก ผมเอื้อมมือคว้าแขนหนาไว้ขณะที่ถูกยกตัวขึ้น..แหม หมั่นไส้คนแรงเยอะจริงๆแฮะ..
“...ป๋าไม่ว่าไรจริงอ่ะ?..” ผมยังคงอยากรู้ เอียงคอถามอย่างสงสัย
“..จะว่าอะไร...ก็ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของพวกมันนี่..” พี่โตว่า ริมฝีปากบิดขึ้นคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ คาดว่าคงไม่พอใจที่ตัวเองต้องเดินตามเกมส์คนอื่นอีกเช่นเคย..
“..ก็ยังดีกว่าโดนลงโทษไม่ใช่รึไง? “ ผมจ้องตากลับ ออกปากถามบ้าง
“..ก็ใช่...แต่ยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี..”พี่โตบ่นงึมแล้วถอนใจเฮือก แขนรัดเอวผมไว้แล้วเอาหน้ามาทาบลงตรงไหล่
“...แหมพี่...ทำอ้อนอ่ะ...” ผมแซวใส่อย่างไม่จริงจังนัก ส่วนขาใหญ่แห่งแดนสิบสองก็ยิ้ม แล้วเอามือขยำหัวผมให้หันไปทางพี่ๆในกลุ่มที่นั่งคุยยืนคุยกันอยู่ สายตาหลายคู่ที่มองมาทางผมกับพี่โตยังคงฉายแววยั่วล้อเช่นเคยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมอับอายหรือเขินจนสู้หน้าใครไม่ได้แล้ว..ผมไม่ได้หน้าด้านขึ้นนะ แค่ชินแล้วเท่านั้นเอง..
“....เฮ้ย โตมะ......เฮ้ย !!!!!!! “ เสียงร้องทักของพี่วิทย์ที่กลายแป็นเสียงร้องจ๊ากทำเอาผมชะงัก ชะเง้อไปมองเหตุการ์ณ ปรากฏว่าพี่วิทย์กำลังนั่งกุมนิ้วเท้าตัวเองที่เลือดโชก มีจอบอันใหญ่แน่นิ่งอยู่แนบเท้าและมีเมฆยืนเหวอ
“...เป็นไรอีกว่ะมึง..ห่านี่...จอบอยู่ตรงนี้ดีๆเสือกเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ..” พี่โตร้องบ่นใส่อย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะปัดมือเชิงว่าเรื่องที่จะถามไว้ทีหลัง ตอนนี้รักษาตีนมึงซะถ่อนเถอะ...
ผมมองตามพี่วิทย์ที่พยายามจะลุกขึ้นเดินโขยกเขยก เสียแต่เท้าไม่ทันถึงพื้น เมฆก็ร้องว้ากใส่แล้วสั่งให้ลูกน้องพี่แกลากคอท่านหัวหน้าไปขึ้นเขียง..เอ๊ย...เย็บเท้าที่ห้องพยาบาลด่วน
แต่ก่อนที่เหล่าลูกน้องจะลากพี่วิทย์ที่ร้องโวยวายใหญ่ไปห้องพยาบาล เมฆก็ลากแขนพี่กันย์มาลิ่วๆแล้ว..เหมือนผมจะมองเห็นประกายไฟแว้บๆในดวงตาเมื่อสองหนุ่มหันมามองตากัน ก่อนพี่วิทย์กับพี่กันย์จะเริ่มสงครามกันเหมือนที่ผมเคยเจอทั้งสองคนนี้แรกๆ...
ผมมองแล้วยิ้มขำๆ นึกถึงตอนที่ผมเจอทั้งสองคนนี้ นึกถึงตอนที่ผมมาที่นี่ใหม่ๆ มาจนถึงตอนนี้ ผ่านมาสามเดือนแล้ว..สามเดือนที่ผมใช้ชีวิตอยูที่นี่ ทั้งที่เคยคิดว่าคงอยู่ไม่ได้...รู้สึกแย่..และ..อะไรอีกมากมาย..
ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่โตที่หันไปคุยกันพี่ซันที่เดินมาหา นึกไปถึงตอนที่เจอคนๆนี้แรกๆ คนตัวโต หน้าโหดๆชอบทำตัวแปลกๆเดานิสัยไม่ออก...ทั้งใจร้าย แต่บางทีก็คอยดูแลใส่ใจ ทั้งทำตัวลึกลับ วางแผนอะไรลึกลับมากมาย..คนที่ผมเคยนึกเกลียด...และนึกชิงชัง..ที่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นคนที่นั่งกอดผมทำให้ผมนั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆแบบนี้...
“พี่โต...” ผมเรียกเบาๆ ขณะที่พี่โตหันมามองหน้าตามเสียงเรียก..
“...อยู่มาได้จนสามเดือนเนี่ย..ผมอึดเนอะ..” ว่าแล้วก็ชมตัวเองซักหน่อย..
“...เหอะ...ร้องไห้น้ำตาไหลไปกี่ปี๊ปแล้วล่ะ..”พี่โตเอามือมาขยี้หัวผมแรงๆ “ แต่ก็เอาเถอะ...อึดได้จริงๆนี่..นึกว่าจะบ้าตายแขวนคอคาห้องขังไปล่ะ..”
“...ถ้าทำจริงจะยอมมั้ยล่ะ...” ผมหรี่คาลงน้อยๆ ออกปากถาม
“..อืม....ตอนโน้นไม่แน่ใจ...แต่ตอนนี้ไม่ยอมหรอก..” ผมฟังแล้วหัวเราะหึหึ เอื้อมมือดึงแขนที่พาดลงตรงคอมาบีบเล่น เห็นท่อนเนื้อแน่นๆแล้วหมั่นเขี้ยวอยากจะอ้าปากงับด้วยความอิจฉา...กล้ามโตได้ใจจริงๆ
“..ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วนี่..เรื่องอะไรจะไปแขวนคอตาย..” ผมว่าก่อนจะนิ่วหน้าน้อยๆ “นอกจากว่าพวกป๋าจะหาอะไรมาเล่นให้ชาวบ้านเขาปวดหัวอีกนะ..”
“ ไอ้นั่นพวกมันก็ทำประจำอย่แล้ว..” พี่โตหน้ามุ่ยเมื่อนึกถึงพลางถอนหายใจเฮือก “ เตรียมใจไว้เถอะ ว่าจากนี้ก็จะมีเรื่องวุ่นวายอีกเยอะ...”
“ อืม.....” ผมรับคำเบาๆ จากการใช้ชีวิตมาสามเดือน ทำให้พอจะทำใจได้ว่าการอยู่ในแดนสิบสอง โดยเฉพาะอยู่กับผู้ชายชื่อโตนี่..รับรองว่าไม่มีเรื่องอะไรน่าเบื่อหรือไม่มีอะไรทำแน่นอน..
“..เฮ้อ....อยู่กับพวกอื่นอาจจะดีกว่าก็ได้นะ..” พี่โตแกล้งถอนใจแล้วพูดออกมา
“ พูดยังกะจะปล่อยให้ผมไปอยู่กับพวกอื่น..โดนท่านทั้งหลายกำหนดมาแต่แรกแล้วนี่..จะหนียังไงก็ไม่พ้นหรอก..” ผมว่าอย่างหมั่นไส้กับคำพูดที่ได้ยิน ทั้งที่ทำยังไงตัวเองก็ไม่ปล่อยแท้ๆ
“แน่นอน..” ยืนยันขนาดนี้ แล้วเมื่อกี้มาทำเหมือนเสียสละ ชิ
“..ความจริงมันก็มีอะไรที่มึงต้องรู้อีกเยอะ...แต่ก็ช่างเถอะ..” พี่โตงึมงำแล้วยักไหล่ ผมก็รู้อยู่หรอกว่าแค่สามเดือนแรกนี่ผ่านมาได้ก็ไม่ใช่ว่าผมจะรู้อะไรไปเสียทุกเรื่อง
“ ก็สอนผมสิคร้าบบบบบ..” ผมทำเสียงยานก่อนจะลุกขึ้น “ ไปซ้อมไวโอลินก่อนนะ..แล้วตอนเย็นๆจะมา..”
“ ซ้อมอะไรนานนัก “ พี่โตร้องถามสีหน้ายุ่ง ขยับตัวลุกขึ้นบ้าง
“ โห...ก็ต้องซ้อมนานดิ ไม่งั้นจะจำได้ยังไง.....อยากฟังมั้ยล่ะครับ..มาด้วยกันสิ..” ผมว่าแล้วหันหลังเดินไม่ได้ใส่ใจว่าพี่โตจะเดินตามมารึเปล่า
“..ฟังแล้วง่วงจะตาย...แต่ก็เอาเถอะ..อย่างน้อยก็กล่อมให้หลับฝันดี..” เสียงบ่นของพี่โตไล่หลังมา พร้อมกับมือหนาที่คว้ามือผมมาบีบไว้ ผมหันไปยิ้มแยกเขี้ยวให้พี่แกแล้วหัวเราะเบาๆ ตามองเห็นห้องดนตรีตั้งอยู่ตรงหน้า หูฟังเสียงพี่โตตะโกนคุยกับพวกพี่ๆที่อยู่ข้างหลัง
ผมมองท้องฟ้าที่ยังคงเป็นสีครึ้มหม่นแล้วยักไหล่..ต่อให้ท้องฟ้าไม่สดใส วันนี้ผมก็ยังมีความสุขอยู่ดี
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
เสียงประตูเปิดดังเอี้ยดอ๊าดเบาๆ สะท้อนก้องในความเงียบของเรือนอน คนมองหันไปยิ้มให้แล้วพยักเพยิดให้นั่งลงบ้าง..
“..เป็นไง...” น้ำเสียงทักเรียบเฉย..จากชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม ไรหนวดบางๆที่อยู่บนริมฝีปากขยับทุกครั้งที่เขาออกปากถาม..
“..อืม...คิดว่ากำลังใกล้จะแพ้..” ชายคนนั้นตอบพลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ นัยน์ตาพราวระยับเจ้าชู้นั้นก้มมองกระดานหมากรุกที่ตนเองกำลังเสียท่า..
เสียงถอนใจยาวๆ มาจากชายหน่มผู้ถาม เจ้าตัวยังคงยืนอยู่ที่ประตูห้องขัง ไม่ได้นั่งตามคำเชิญแต่อย่างใด..
“ เรื่องไอ้พวกแดนสิบสองต่างหาก..”
“ ..คนของกูชนะ..” รอยยิ้มพรายประดับบนใบหน้าดูดี ผู้ตอบขยับหมากรุกในมือไปยังหมากของฝ่ายตรงข้ามอย่างใจเย็น “รุก..”
“...ใจร้อนจริงๆน้า...คุณป๋า.. “ คนจะแพ้บ่นงึมงำพร้อมกับขยับหมากหนี..
“..อ่อนเองต่างหากเล่า..ท่านผู้พัน..” ป๋าหัวเราะแล้วขยับตัวหมากไล่ตามไม่ห่าง..” แล้วมึงจะว่ายังไงกับผล..ชาติ...?..”
“...ไม่ว่ายังไง ไอ้กันย์แพ้ก็คือแพ้..มันอ่อนเอง ช่วยไม่ได้..” คนถูกถามยักใหล่ “ ใครจะครองแดนนั้นก็ช่างเถอะ..ยังไงก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ดี..”
“ เอ...จะดีเร้อ...คนของกูทั้งนั้นนะ..” นัยน์ตาฉายแววยั่วล้อกราดมอง ขณะที่มือก็ยังขยับหมากในมือไล่ตามหมากที่อีกฝ่ายขยับหนีอยู่ “ กลัวป๋าอย่างกูหักหลังรึไง..?..”
“ ถ้ามึงฉลาดพอก็คงไม่ทำแบบนั้นหรอก..เพราะกว่าจะถึง”วันนั้น“มันอีกนาน...มีเวลาลองใจกันอีกเยอะ..” ชาติ ยิ้มอย่างไม่สนใจ มองสองชายหนุ่มที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่เบื้องหน้าด้วยดวงตาสงบนิ่ง..
“..นั่นสินะ...แต่ต่อไปก็คงจะมีปัญหาตามมาเยอะ..เพราะในแดนสิบสอง...” ป๋าเกริ่นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ มีแต่ไอ้พวกดื้อด้าน..แต่นิสัยน่าสนใจ..น่าเล่นตั้งหลายคน..”
“ เพลาๆบ้างก็ได้ เดี๋ยยวลูกน้องมึงตบะแตก..ไล่ฆ่าลูกพี่เหี้ยๆอย่างพวกมึงไปซะก่อน..” ชาติว่าพลางส่ายหัวช้าๆอย่างนึกระอาใจกับนิสัยของคนที่เขาตัดสินใจร่วมกลุ่มด้วย..เพื่อ..จะทำการใหญ่ในวันหน้า
“ มันไม่ทำหรอก...เพะรามันรู้..ว่าถ้าทำกู ต่อให้ออกไปข้างนอกนั่นได้..มันก็ไม่รอดเหมือนกัน..” ป๋าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะวางตัวหมากลงไปอีกหนึ่ง.. “รุกฆาต..”
“ เฮ้อ....แพ้ทุกที...” เสียงโอดดครวญนั้นทำให้คนชนะหัวเราะรับ
“ แพ้แล้วก็ทำตามกติกาด้วยละ...”เสียงหัวเราะเบาๆของสองคู่หูทำให้คนฟังอย่างชาติมีสีหน้าเบื่อหน่าย เจ้าตัวออกปากลาแล้วเดินหนีออกมาจากห้องขัง..แต่ ก็ยังช้าเกินที่จะไม่เห็นภาพหนุ่มใหญ่สองคนนั่งแลกน้ำลายกันอยู่ดี..
“ หึหึ..ทำหน้าตื่นเชียว..” ป๋าหัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวลองนอนบนตักของอีกหนึ่งหนุ่มในชุดนัดโทษ..เสียงโซ่ตรวนซึ่งถูกใส่ไว้ที่ข้อเท้าดังกริ้งเบาๆ..ตามการขยับกาย..
“...ก็ชอบทำอะไรโจ่งแจ้งนี่นา..สมควรแล้ว..เนอะ...” ผู้พันหัวเราะเบาๆขณะที่ไล้ปลายนิ้วลงด้านหลังใบหูของชายผู้ทอดตัวลงบนตักของตน
“...ก็ตามกติกา...ต้องนั่งให้หนุนทั้งวันละ...” น้ำเสียงสั่งการนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากลำคอคนฟัง ป๋าขยับศรีษะที่หนุนตักอีกฝ่าย จัดที่จัดทางให้สบายตัว
“..อย่าใจร้อน...” ผู้พันไล้ปลายนิ้วนั้นขึ้นมาบนริมฝีปากบาง ยกมือมันเบาๆให้เผยออกอย่างง่ายดาย..
“ อืม....” รอยิ้มจากมุมปากที่มองลงมานั้นแปลกตาแต่ชวนให้รู้สึกดี ริมฝีปากทีเผยออกจึงเผยปลายลิ้นเรียว ไล้เลียปลายนิ้วที่ไล้ปลายฟันพร้อมทั้งขบกัดจนเลือดสีเข้มไหลออกมาจากปลายนิ้ว ด้วยนัยน์ตาพราวระยับ..
“ มีเวลาอีกตั้งนาน...”
ทั้งสองประสานเสียงหัวเราะ..ก่อนจะโน้มศรีษะเข้าหากันแบ่งปันลิ้มชิมรสเลือดจากริมฝีปากของกันและกัน ภายในห้องขังของแดนพิเศษที่เงียบงันและหนาวเย็น..
กระดานหมากที่หมดความสำคัยแล้วถูกปัดให้ตกลงจากเตียงอย่างไม่มีใครสนใจมันอีก ตัวหมากตกกระจัดกระจายลงบนพื้นซีเมนต์สีเข้ม แต่เสียงกระทบพ้นของมันกลับดังน้อยกว่าเสียงหัวเราะปนเสียงหอบครางของสองร่างบนเตียงนัก..
ริมฝีปากที่ทาบทับกันยังคงเปื้อนรอยยิ้ม เมื่อแผนการ์ณต่างๆเป็นไปดังหวัง..
ท่วงท่าการเคลื่อนไหวเชื่องช้าทว่าแฝงด้วยความเร่าร้อนนั้น..สอดคล้องกันคำกล่าวสุดท้าย..
เพราะ...มีเวลาอีกตั้งนาน..
[/b]
แฮ่ม...หมดครึ่งแรกแล้วละค่ะ

ตอนสุดท้ายสั้นเนอะ.. แถมยังมีเหล่ารุ่นดึกมาเขย่าขวัญตอนจบอีกต่างหาก..(แต่รู้นะ ว่าหลายคนชอบ)
ตอนนี้เป็นตอนสบายๆส่งท้ายค่ะ ไม่มีอะไรมาก รอคอยครึ่งหลังกันดีกว่าค่า..
ความจริงควรจะมาต่อเมื่อวาน แต่ไม่ไหวจริงๆค่ะ พอดีไม่สบาย(กลับบ้านทีไรไม่สบายตลอด แถมคราวนี้ต้องงดกินกับข้าวบางอย่างด้วย เซ็งชิบ

)แต่งได้ไม่ถึงหน้าเลยกลับไปนอน แบบว่าไม่ไหวแล้วววว..วันนี้ถึงคลานมาต่อได้ แหะๆ..
ตอนต่อไปเป็นตอนพิเศษนะค่ะ..รออ่านได้เลย