Imprison 59: ยอมเข้าใจหรือยอมทำใจ
ผมนั่งหน้าบูด ไม่หันไปมองหน้าไอ้พี่โตที่เหลือบมามองตรงนี้ทุกๆสามวิด้วยซ้ำ ขณะที่กำลังก้มมองขวดโลชั่นทาผื่นในมือที่ได้มาจากการไปจิ๊กของเขามา ไม่สนใจว่าคนจะนั่งมองหรือว่าหันไปทางอื่น รู้อย่างหนึ่งว่าตัวผมตอนนี้ กำลัง”ไม่พอใจมากๆ “อยู่ แค่นั้นพอ..
ไม่ต้องเดาใช่ไหมว่าเพราะอะไร ก็ไอ้การอุตริไปล่อฟ้าผ่ากลางสายฝนเมื่อกี้เนี้ย ทำเอาหลังผมคันยิบ จนต้องร้องโวยวายให้ไอ้พี่โตแบกมาที่ห้องพยาบาล เจ้าตัวคนทำเลยหันไปหยิบโลชั่นทาผื่นจากกล่องปฐมพยาบาลของพี่กันย์ ซึ่งตอนนี้หายสาบสูญไปไหนก็ไม่ทราบได้..
ในห้องตอนนี้มีนักโทษนอนแบ๊บอยู่สามราย หนึ่งในนั้นผมจำได้ว่าเป็นคนของพี่กันย์ที่ไปเปิดศึกกับพี่โตเมื่อครู่ ส่วนอีกสองราย...คือพี่ซันและพี่กิตที่นั่งมองหน้าผมกับพี่โตอยู่..
สองคนนั้นไม่แม้กระทั้งอ้าปากถามพี่โตด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรกันมา ได้แต่มองหน้าผมและหลังที่ตอนนี้ผมกำลังพยายามปัดเศาดินเศษแกลบออกให้หมดๆโดยไม่สนใจท่าทีจะเข้ามาช่วยของพี่โต สลับกับสีหน้าของเจ้าตัวแล้วบ่นพึมพำทำนองว่า”ทำไปได้” กันอยู่สองคน
เออ...ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพี่แม่งหน้าด้านทำไปได้ยังไง มีความอายเหลืออยู่บนเสี้ยวหนึ่งของจิตสำนึกบ้างมั้ยว่ะ !!
แล้วอย่ามาพูดจาทำนองว่าผมก็ร่ววมือด้วยเชียว ไอ้นั่นมันแค่เคลิ้ม...ไม่สิ..ก็แค่..เอ่อ...รู้สึกดี..นิดหน่อย แค่นั้นเอง ก็ไอ้พี่โตมันทำแบบนั้น เป็นใครจะไม่เคลิ้ม..เอ๊ย..ไม่ยอมแพ้กับเขาล่ะครับ
ผมหยิบโลชั่นมาและเริ่มจะเทครีมสีขาวลงบนต้นแขน ก็ได้ยินเสียงตุ๊บตับอะไรอยู่ข้างหลัง...พอหันไปมอง ก้พบว่า..เอ่อ บัดนี้ลูกน้องพี่กันย์กำลังถูกพี่โตเอาพระบาทฟาดเข้าที่พระโอษฐ์ของหจ้านั่น และ..พี่กิตกับพี่ซันก็ลากคอหมอนั่นออกจากห้องพยาบาลอย่างรู้งาน..
ตุ๊บ....
ใบหน้าผมสัมผัสเข้ากับหมอนใบโตอย่างกะทันหันทำเอาแสบๆจมูก ผมหันไปทจะท้วง แต่ทว่าพี่โตก็ใช้มือกดผมให้นอนเอนลงไป พร้อมๆกับมือที่ล้วงลึกเข้ามาในเสื้อ พร้อมกับถลกสูงขึ้นทันที...อ้ากกกกกกกก..
“...พะ...พี่โต....” ผมชะงัก ร้องเรียกเสียงสั่นๆ อย่าบอกน่ะเฮ้ย..อย่าบอกน่ะว่าพี่แกจะเอาห้องพยาบาลมา..
“..นอนนิ่งๆน่า...” อะไรเย็นๆหยดใส่แผ่นหลังทำเอาสะดุ้ง ก่อนปลายนิ้วของคนตัวโตจะทาบลงมาและลูบไล้แผ่นหลังที่เป็นผื่นแดงขึ้นเบาๆ...
“...อือ...ทำเองก็ได้...” ผมบ่น พร้อมกับครางอู้อย่างไม่พอใจ..
“...ทำอย่างกับจะเอื้อมถึง..” เสียงบนหัวผมบ่นลอยๆ ชวนให้ขัดใจ ผมหันไปมองหน้า ทำตาเขียวปั๊ดใส่..
“ ก็เพราะใครล่ะ !!! “
“...เออ...ขอโทษ..” คำขอโทษที่ได้ฟังทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ และใบหูรู้สึกถึงลมหายใจที่ใกล้ชิด”..พอดีว่า..งะ..”
“...โว้ยยยย ทายาไปเลยไป ไม่ต้องพูด !!” ผมร้องว้ากใส่ไอ้คุณพี่โตอย่างหงุดหงิด แก้มแดงก่ำ แขนทั้งสองข้างยืดขึ้นมากอดหมอนใบโตไว้แล้วซบใบหน้าลงไปช้าๆ...ขณะที่ปลายนิ้วและมือหนาก็ลูบไล้เนื้อครีมบนแผ่นหลังต่อไปเรื่อยๆ..ช้าๆ ชวนให้ร็สึกดีอย่างบอกไม่ถูก..
“...วันที่กูไปหาป๋าเรื่องของมึงไปอยู่กับไอ้วิทย์..” จู่ๆพอใกล้จะเคลิ้บหลับเสียงพี่โตกลับดังขึ้นเงียบๆ ผมขมวดคิ้วน้อยๆ...นึกไปถึงวันที่อยู่ในห้องน้ำ...วันนั้น..
“....พวกมันพูดกับกูเรื่องจะรวมแกงค์กับไอ้ชาติ..ลูกพี่ไอ้กันย์...” น้ำเสียงเรียบเรื่อยนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วที่กดลงบนแผ่นหลังเบาๆคล้ายจะนวดคลายความเมื่อยขบ..
“...ไม่แน่ใจหรอกนะ..ว่าพวกมันจะรวมกันเพื่ออะไร..อาจจะเพราะพวกมันคิดว่าใกล้จะถึง”วันนั้น”แล้วก็ได้...” คำพูดของพี่โตทำให้ผมชะงัก...วันนั้น..วันนั้นอะไร?..วันนั้นของเดือนเหรอ? หรือวันอะไรกันแน่..
“...บอกตามตรงว่ากูก้ไม่เข้าใจว่าพวกป๋ามันทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร..บางทีอาจจะแค่แก้เบื่อ..หรือไม่ก็เตรียมการอะไรซักอย่างไว้ แต่ที่แน่ๆ มันเริ่มไม่มั่นใจในตัวกู...และ ความสามรถของกูว่าจะทำตามที่พวกมันสั่งได้อีกรึเปล่า..ประกอบกับจะรวมแกงค์...เลยต้องหาหัวหน้า แดนนี้น่ะมันมีแต่ปัญหามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกกูมีสองคนแท้ๆยังกดไอ้กันย์ที่มีคนเดียวไม่ค่อยจะได้..”
ผมขมวดคิ้วน้อยๆ..เมื่อฟังที่พี่โตพูด และพยายามคิดตามเงียบๆ...
“...ทั้งเพราะอยากจะทดสอบว่ากูยังจะทำตามคำสั่งได้อีกมั้ย..ทำได้ดีแค่ไหน...แก้เบื่อไปก็คงใช่ด้วย..มันเลยให้กูกับไอ้กันย์..ต้องแย่งกันเป็นหัวหน้า...เพราะอย่างนั้นเรื่องศพที่ไอ้กันย์มันเอามานั่นก็เพราะจะเล่นงานพวกเรา..และเรื่องที่มันทะเลาะกับไอ้วิทย์เรื่องไอ้เมฆ...และที่มันพยายามจะทำให้กูโดนลงโทษ...ด้วยการให้ออกมาต่อยกับลูกน้องของมัน..นั่นก็ใช่...”
“..แล้ว....ตอนนี้....” ผมออกปากถามเบาๆ..
“..ไอ้กันย์มันแพ้..เป็นได้แค่รอง..งานทุกอย่างที่ได้รับมา ขึ้นอยู่กับกู..เพราะงั้นเรื่องที่มึงเอาไม้กวาดไปทิ่มหน้ามันก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์หรอก..เพราะอย่างน้อยก็สะใจคนแถวนี้..”เหอะ..คำพูดนั้นทำให้ผมหลุดขำ...สะใจไอ้คนแถวนี้..ถ้าไอ้”คนแถวนี้”มันรู้ว่าตอนฟาดพี่กันย์ผมจินตนาการว่ากำลังหวดใครอยู่ ท่าจะยิ้มไม่ออกซะล่ะมั้ง..
“..อยากรู้อะไรอีก..” เสียงทุ้มๆถามออกมาเบาๆ..ขณะที่ผมขมวดคิ้วน้อยๆ หันไปมองหน้าคนถาม..
“..เรื่องที่พี่ควรจะบอกที่สุด...”
“.อะไร..เรื่องแฟนกู หรือเรื่องไอ้วิทย์ ..หรือว่า....”
“ไม่ใช่ !! “ ผมถอนใจแรง..กับคำถามที่งี่เง่านั่น แน่นอนว่าผมอยากรู้เรื่องที่พี่โตพูดมาเหมือนกัน แต่..ยังไงก็น้อยกว่าเรื่องที่กำลังพุดอยู่..ตอนนี้...
“...ทำไมไม่บอกอะไรผมเลย..ไม่บอกพี่ๆทุกคนเลย..เห็นพวกเราเป็นอะไรเหรอ?...โดยเฉพาะผมที่อยู่ใกล้...พี่ขนาดนี้แท้ๆ..ก็ยังไม่รู้อะไรเลย...”
“.............” คำถามนั้นทำให้คนฟังเงียบไป มือที่กำลังนวดแผ่นหลังผมบาๆชะงักและหยุดลง พร้อมกับพับชายเสื้อที่ตลบขึ้นให้คลุมแผ่นหลังไว้เหมือนเดิม..
มือหนากำแขนผมข้างนึงไว้ แล้วออกแรงดึงไม่เบานักก็พลิกตัวผมให้นอนหงายง่ายๆ..ก่อนที่เจ้าตัวจะโน้มตัวมาคร่อมทับ..จ้องมองผมด้วยแววตาสีเข้มคู่นั้น..
“...ไม่พอใจเหรอ?..”
“..เออสิ...” ผมถอนหายใจพรู..ยังจะมาถาม..
“...งอน...?..หรือว่าหึง..?..” น้ำเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยคล้ายจะล้อเลียนไม่ได้ทำให้ผมนึกขำ..ผมซัดกำปั้นลงบนอกหนาแรงๆ แล้วถลึงตาใส่คนพุดมาทันที..
“..อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง..”
“..เรื่องเดียวกันแท้ๆ..” ไอ้บ้านี่ก็ยังไม่ยอมรับ..ทำให้ผมถอนหายใจพรูด้วยความเหนื่อยหน่าย...
“..ไม่พูดงั้นสิ...อย่างนั้นก็ลุกเถอะ กลับไปกินข้าวอาบน้ำดีกว่า..” ผมเอื้อมมือดันแผ่นอกหนาที่คร่อมทับเบาๆ พยายามจะลุกขึ้น แต่มือของพี่โตก็กดใหล่ไว้..บังคับกลายๆให้นอนเอนอยู่แบบนั้น..ผมส่ายหน้าล่อกแล่ก..ขอบอกไว้ก่อนน่ะ ว่าวันนี้ทำมาเยอะแล้ว ผมไม่เอาที่ห้องพยาบาลอีกรอบหรอกน่ะ !!
“...ถ้าพุดไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนรึเปล่า..” หือ?...คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก “..พูดไปแล้ว..บอกไปแล้ว นอกจากจะทำให้ไม่สบายใจกัน มันจะมีอะไรอีกงั้นเหรอ?..ยังไงเรื่องก็ต้องเกิดอยู่ดี แล้วถ้าบอกมึง..ก็คงเป็นกระต่ายตื่นตูมจนชาวบ้านชาวช่องเขารู้หมด...”
ปลายนิ้วจิ้มเข้ากับจมูกผมเบาๆคล้ายจะหยอกล้อ..ทำให้ผมกระพริบตาปริบๆ
“..ไม่พูดหรอกนะว่าเป็นห่วงหรือว่าไม่อยากให้เป็นอันตราย พูดไปคนแถวนี้ก็ไม่เชื่ออยู่ดี..” ไอ้คนคิดเล็กคิดน้อย..ผมย่นจมูกทันทีที่ได้ยิน ไอ้พี่โตคงยังฝังใจกับไอ้เรื่องที่ผม”ไม่เชื่อ”เขาอยู่ไม่หาย แต่จะให้ทำไงได้..อารมณ์ตอนนั้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่หว่า..
ผมหันไปมองหน้าพี่โตแล้วถอนใจเอื้อมมือไปแตะท้ายทอยที่มีผมสั้นๆปกคลุมอยู่แล้วลูบมันเบาๆ..
“..ลองพูดดูอีกครั้งมั้ยล่ะ..บางทีตอนนี้ผมอาจจะเชื่อก็ได้...”
“..งั้นเหรอ..?..” พี่โตชะงัก ก้มหน้ามาสบตาผมแววตาที่สะท้อนภาพของตัวเองนั่นทำให้ผมอดดีใจไม่ได้ ริมฝีปากผมบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ ขณะที่ริมฝีปากหนาตรงหน้าเผยออกกระซิบคำพูดเบาๆ..ใกล้ๆหู
“...เพราะเป็นห่วง...ไม่อยากให้เป็นอะไร..เพราะกลัวจะต้องร้องไห้..เลยไม่อยากบอกออกไป..เข้าใจรึเปล่า?..”
“..อื......อ.......”
คำๆนั้นไม่ได้หมายความว่าผมเข้าใจหรือไม่เข้าใจหรอก..เพราะถึงอยากจะพูด..ริมฝีปากหนาที่ทาบลงมาก็กลืนคำพูดของผมไปหมดแล้ว..ทั้งปลายลิ้นที่เลียไล้..และนัยน์ตาที่ทอแววหวานนั้นทำให้ผมได้แต่ครางรับในคำคอแผ่วเบา..ดวงตาหรี่ปรือใกล้จะปิดลงกับจูบหวานๆ...แม้จะนึกอ่อนอกอ่อนใจว่าตัวเองโกรธคนๆนี้ได้ไม่นานซักที..แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไปจากสมองเพียงไม่นาน...ที่ริมฝีปากคู่นี้คอยปรนเปรอ..มอบความหวานล้ำให้ลองชิมรส..
มือผมค่อยๆผละจากผมสั้นๆตรงท้ายทอยลงมาเกาะไหล่หนาไว้ ปลายเล็บจิกขยี้เสื้อผืนบางที่พี่โตสวมอยู่ ขณะที่หัวสมองว่างเปล่า..ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน..และ มาที่นี่เพื่อทำอะไร..
“.......ขอโทษที่ขัดจังหวะน่ะครับ...แต่นี่คือห้องพยาบาลไม่ใช่”
โรงแรมม่านรูด”..”
.
......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ผมนั่งมองไพ่เอโพธิ์ดำ กับไพ่ข้าวหลามตัดเลขไม่ถึงห้าในมืออย่างเบื่อๆเซ็งๆ... นัยน์ตามองไปยังผู้ร่วมวงไพ่ที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วถอนใจพรูอีกรอบ ตัดสินใจทิ้งใบหนึ่งในมือไปสั่วๆ เพราะยังไงไอ้คนอย่างผมเล่นไปก็มีแต่แพ้กับแพ้..โชคไม่เคยมีจริงๆกับเรื่องการพนัน..ชิ
“...ห่า...ทิ้งลงมาทำไมว่ะ...กูว่าจะลงบอดซักหน่อย..” พี่วิทย์ร้องบ่นขรม ท่ามกลางเสียงหัวเราะเย้ยหยันของผู้ร่วมวง เสียงฝนตกจั๊กๆอยู่ภายนอกชวนให้ง่วงดีแท้ ง่วงจนอยากจะทิ้งตัวนอนกลิ้งกับพื้นแล้วหลับไปให้สาแก่ใจจริงๆ..
“..อย่าด่ามันสิว่ะ เดี๋ยวไม่มีไรกิน...เป็นลาภปาก..” พี่ซันร้องว่าขณะที่ในมือถือถ้วยสังกะสีที่แอบไปเอามาจากห้องครัว ในถ้วยนั้นมีขนมบัวลอยอยู่ และมีพี่ๆอีกสามสี่คนล้อมวงต่างก็ถือช้อนไว้ด้วยท่าทีเตรียมเล็งอย่างมืออาชีพ
“..วันนี้ทำไมมึงมาเร็ว...” พี่ทินถาม พร้อมกับร้องว้ากเมื่อเห็นไพ่ที่ตัวเองได้..
“..อ้อ...แม่จะไปโรงพยาบาลต่อนะ...” ผมว่า..พร้อมกับหรุบสายตาลงต่ำ...วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่วนเวียนมาครบอีกครั้ง หลังจากอาทิตย์ที่แล้วเกิดเรื่องไป อาทิตย์นี้ดูเหมือนจะมีการกวดขันเข้มงวดกว่าเก่า.. ผมเหลือบมองเมฆ ที่นั่งลุ้นไพ่อยู่ข้างๆพี่วิทย์..นัยน์ตาคู่นั้นหันมามองสบตาผมชั่วครู่แล้วมองผ่านเลยไป.. ไม่รู้ว่าความหมายในแววตานั้นคืออะไร แต่ที่แน่ๆคือเมื่อพี่วิทย์สังเกตเห็น รายนั้นก็หันมายิ้มให้บางๆ..
อาจจะบอกว่า...ไม่มีอะไร..น่าห่วงแล้ว..
ยอมรับว่าอยากรู้มาก..ว่าหลังจากผมทิ้งระเบิดไว้ในมือพี่วิทย์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้สามคนนั้นไปพูดคุย..ตกลงอะไรกันยังไง..ตอนไหน แต่ผมคาดว่ามันจะเรียบร้อย หรืออย่างน้อยก็ตกลงกันได้
เมื่อพี่กันย์เข้ามาเจอผมกับพี่โตที่กำลังเอ่อ...ทายากันในห้องพยาบาลนั้น ใบหน้าของคนๆนั้นไม่ได้เศร้าสร้อยหรือสิ้งหวัง หลังจากเขาเอ่ยไล่ผมกับพี่โตอย่างเป็นปกติแล้ว..ก็มีเพียงนัยน์ตาแดงก่ำเท่านั้น ที่ผมเห็นว่ามันผิดจากเดิมได้ข่าวว่าเพราะก่อเรื่อง จึงโดนลดวันลดโทษและลงโทษทำทัณฑ์บนเสียยกใหญ่..
พอผมกับพี่โตถามพี่วิทย์..รายนั้นก็แค่ยิ้ม บอกว่าทุกอย่างเคีลยร์กันจบแล้ว..และเริ่มใช้ชีวิตแบบตัวติดกันกับเมฆเหมือนเดิม และเมื่อภาพนั้นผ่านมาให้เห็นเป็นอาทิตย์ ยอมรับว่าผมก็เริ่มชิน..กับมันบ้างแล้ว..
ก็หวังแต่ว่า..มันจะจบด้วยดีจริงๆแล้วกัน..
“...เนม...คราวหน้าบอกแม่มึงทำแกงบวชฟักทองมาด้วยนะ กูอยากกิน..” ไอ้คำสั่งไร้ความเกรงใจนี่มันอะไรกัน ผมหันไปมองคนพุดที่ยังคงกินบัวลอยที่ตอนนี้เหลือแค่น้ำด้วยสายตาระอา..
“..สาดดดดด..ไม่ขอให้ทำกล้วยบวชชีมาเลยล่ะมึง...” พี่กิตว่าเข้าให้ ทำให้ทั้งห้องขังระเบิดเสียงหัวเราะ ส่วนผมก็ยิ้มบางๆ รับคำขอของกินอือๆอาๆไปอย่างนั้น ขณะที่คิดถึงแม่และ...คิดถึงสาเหตุที่แม่ต้องไปโรงพยาบาล..
“น้องอาการกำเริบ..” ได้ยินแล้วผมไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เรื่องที่น้องสาวผม..มีอาการทางจิตอ่อนๆนั้นผมทราบดี ผมฟังหมออธิบายถึงความกระทบกระเทือนทางจิตใจที่ส่งผลให้น้องสาวของผม..กลายเป็นเด็กที่หวาดกลัวการอยู่ใกล้กับคนแปลกหน้าหรือผู้ชายสองต่อสอง..กลัวการถูกผู้ชายแตะตัวหรือจับมือถือแขน..เนื่องมาจากประสบการ์ณจากการเกือบถูกข่มขืน..โดย...เขาคนนั้น...
ไม่รู้ว่านี่จะเป็นการลงโทษอีกอย่างด้วยรึเปล่า..แต่ถ้าเป็นการลงโทษผมก็ของท้วงว่ามันไม่ยุติธรรมสักนิด แทนที่จะมาลงโทษคนบาปอย่างผม จะไปทำร้ายน้องสาวผมไปทำไม...
ผมมองไพ่ในมือแล้วถอนหายใจเฮือก เกลียดตัวเองที่ไร้ค่า ทั้งที่ไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้..ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในนี้ ในเรือนทำที่ไม่รู้จะมีทางออกรึเปล่า..
ผมปล่อยให้แม่กับน้องต้องเผชิญชีวิตที่ยากลำบากอยู่ข้างนอก ขณะที่ตัวเองก็มานั่งสบายอยู่ตรงนี้..
“...แล้วพี่โตไปไหนว่ะ..ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?..” ใครสักคนออกปากถามหาพี่โต ก่อนจะสะดุ้งและเหลือบมองมาที่ผม..ผมเพียงแค่ยิ้ม แล้วเอนตัวพิงลุกกรงหนา..ไม่ได้โกรธหรือบึ้งอะไร..อาจจะเพราะทำไปก็เท่านั้น..
คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือก รู้สึกเบื่อหน่ายกับเหตุการ์ณที่เหมือนเดิมแทบจะทุกๆอาทิตย์แบบนี้...ฝนตก ไม่ได้ออกไปไหนก็นั่งเล่นไพ่ คุยกันเรื่อยเปื่อย ขณะที่คนมีญาติมาเยี่ยมก็ไปหาญาติแล้วที่เหลือก็นั่งรอ..รอให้เวลาผ่านไป
แอ๊ด....
เสียงเปิดประตูห้องขังเบาๆ..ทำให้ผมหันไปมอง..พบว่าคนที่ทุกคนกำลังบ่นหาเดินเข้ามา พร้อมกับนั่งลงข้างผม ดึงตัวผมมานั่งตัก...เหมือนเดิม..เหมือนอาทิตย์ที่แล้วเปี๊ยบ..
“...ได้ของฝากมาไหม?..” ผมออกปากถาม..ไม่ได้หงุดหงิด..อาจะเพราะชิน..และนึกปลงกับเรื่องนี้ไปเสียแล้ว..
“.........” แต่อีกคนเหมือนจะไม่ได้คิดแบบนั้น..พี่โตมองหน้าผม แล้วเงียบ..ไม่ทำอะไรนอกจากเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ..แล้วหยิบไพ่ในมือผมออกมา..
เขายิ้มเมื่อเห็นว่าไพ่ในมือผมยังห่วยเหมือนเดิม..ก่อนจะลุกขึ้น จูงมือผมให้ลุกตาม..ออกมาข้างนอก..นอกเรือนนอนที่ตอนนี้มีฝนตกลงมาเหมือนกับอาทิตย์ที่แล้ว..ไม่มีผิด..
ผมยังมองเห็นพี่กันย์นั่งทำแผลนักโทษรายหนึ่งที่ประตูใหญ่ โดยมีผู้คุมยืนมองจากทางด้านหลัง..มองเห็นรายนั้นนั่งก้มหน้าก้มตาทำอย่างไม่ปริปากอะไรเหมือนเดิม..
ผมถูกดึงให้ทุรดตัวลงนั่งบนพื้นซีเมนต์..ใกล้ๆกับชายคาเรือนนอนมองเห็นน้ำฝนไหลลงมาบนพื้นดินที่เป็นสีเขียวและเริ่มเอ่อไหลพื้นซีเมนต์สีขาวใกล้กับพื้นที่ผมนั่งอยู่..
ผมมองออกไปข้างนอก ซึ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลายเป็นสนามมวยชั่วคราวตอนนี้มีเพียงหญ้าสีเขียวและต้นไม้รอบๆพื้นที่ที่ผมเห็น ไม่มีใครตากฝนวิวาทกันเหมือนอาทิตย์ที่แล้วสักคน..
ผมหันไปมองพี่โตที่พอทรุดลงก็เงียบ ในมือนั้นมีกระดาษสีขาวอยู่คาดว่าคงจะเป็นจดหมาย..จดหมายของใครนั้น..ผมไม่รู้...และพูดตามตรงว่าอยากรู้..
การยึดติด..กับใครสักคนหรืออยากรู้เรื่องราวทุกอย่างของคนๆนั้น หลายคนเรียกมันว่าความรัก..แต่ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกแบบไหน..มันเหมือนกับว่าพอขยับเข้าใกล้..กลับพบว่าห่างออกไปทุกที แต่พอทำท่าจะเดินหนี..มันกลับเดินเข้ามาหา..
เจ้าสิ่งที่เรียกว่า ..ความรัก..นั่น..
มันทำให้ผมนึกเหนื่ยใจไม่น้อย ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่ต้องมานั่งปวดหัว สับสน ว้าวุ่นใจกับเรื่องแบบนี้และยิ่งถ้าเป็น..คนๆนี้ คนที่กำลังนั่งอยู่ข้างผมด้วยแล้ว..มันเป็นเหมือนโจทย์ที่ยากที่สุด...ซึ่งชั่วชีวิจอาจจะไม่มีวันเข้าใจ..
อยู่นิ่งๆในที่ๆตัวเองควรจะอยู่..รู้...เท่าทีอีกคนต้องการให้รู้ และรู้ เท่าที่ตัวเราควรจะรู้..ละพื้นที่ละระยะห่างจากกันไว้เพียงนิด เพื่อให้มีที่เป็นของตัวเอง..แบบนั้นใช่ไหม? ที่ควรจะเป็น..
..แบบนั้นใช่ไหม?..พี่คนข้างๆผม ต้องการ
“..นี่...” เสียงเรียบเรื่อยนั้นทักเบาๆ ผมครางรับในลำคองึมงำเป็นเชิงรับรู้โดยที่สายตายังคงจ้องมองสายฝนเบื้องหน้าไม่ได้หันไปมองหน้าของพี่โต..
“..จะหึงบ้างก็ไม่ว่าหรอก..” หา? ผมเลิกคิ้ว หันไปมองหน้าพี่โต แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มองหน้าผม หันไปมองต้นไม้ใบหญ้าตรงหน้าทำราวกับพูดลอยๆเท่านั้น
“..เหนื่อยเปล่าๆ..” ผมถอนหายใจพรู..
“..มึงเคยรักใครไหม?..” อ่า..คำถามนั้นทำให้ผมขมวดคิ้ว..พลางนึกถึงคนที่รัก..ผมใช่ว่าจะไม่เคยมีแฟนแต่..มันก็เป็นแค่การคบกันแบบผิวเผิน ไม่ได้จริงจังอะไร ทำเหมือนเป็นแฟชันของเด็กสมัยนี้เสียมากกว่า..
“..ก็....เคย...” ผมหรี่ตาลงแล้วยกแขนขึ้นมาพาดหัวเข่าตัวเองซึ่งงอเข้าหาตัว นึกไปถึง..คนที่ผมเคย..คิดว่ารัก..
“.........” พี่โตหันมามองหน้าผมชั่วครุ่แล้วหันกลับ หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน “..แล้วตอนนี้ยังรักอยู่ไหม?..”
คราวนี้ผมเป็นฝ่ายขมวดคิ้วบ้าง..
“...ไม่รู้...อาจจะ..ยังชอบอยู่..” เพราะผมคิดว่า ความรู้สึกตัวเองไม่ได้มากถึงขั้น..จะรัก ตั้งแต่แรก
“นั้นสิน่ะ ความรู้สึกแบบเด็กๆก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องคิดมากอะไร..”พี่โตหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถอนห่ายใจเฮือก “..ไม่เหมือน......”
ไม่เหมือนอะไร?..ผมหันไปจ้องหน้าพี่โต รายนั้นหันมามองผมเหมือนกัน..
“..อย่าคิดเปรียบเทียบ..ว่ามึง..กับเขาคืออะไรสำหรับกู..” มือหนาทาบลงบนกระหม่อมผมเบาๆ “ มันไม่ใช่..ของที่จะมาเทียบกันได้..ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน...”
“..........” ผมยกยิ้มมุมปาก ไม่พุดอะไร สมองนึกไปถึงคำพูดของพี่ทินเรื่องเมียในคุก กับเมียนอกคุกนั่น..
“..เหมือนกับมึงที่ตอบไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง..ชีวิตที่มันมีแต่ความไม่แน่นอนน่ะ..มันคาดหวังอะไรไม่ได้..” อา...ใช่ คาดหวังอะไรไม่ได้ ต้องมีชีวิต ต้องดิ้นรน ไม่ดิ้นรนก็ไม่รอด...นี่..คือที่ๆผมอยู่ตอนนี้ คือสิ่งที่ต้องทำ..ตอนที่ผมอยู่ในคุก..ตอนที่ผมอยู่ที่นี่..
“...เพราะอย่างนั้น กุถึงไม่อยากจะรั้งเขาไว้..และไม่อยากให้มึงยึดติดกับกู...มากเกินไป...”
“.......” ผมหรุบสายตาลงต่ำ..ไม่พูดอะไร แต่ใจความในเนื้อหานั้นทำให้ขอบตาร้อนผ่าว..ผมรู้สึกเจ็บในอก..ยอกแสยงไปทั้งใจ...
ไม่อยากให้ยึดติด..แล้ว...จะบอกให้อยู่ข้างๆทำไม..จะบอกว่าต้องอยุ่ด้วยกันชั่วชีวิต..ไปทำไม..
“...ตอนที่เรามีอยู่เรายังไม่นึกถึงคุณค่า..แต่พอมันหายไปถึงจะรู้..ว่ามันสำคัญมากแค่ไหน..”พี่โตถอนใจเบาๆพลางลูบหัวผมที่กอดเข่า นั่งตัวสั่นซุกหน้าลงกับท้องแขน.. “..เพราะอย่างนั้น..ถึงไม่อยากให้มึงมายึดติด..ไม่อยากให้ต้องมาเสียใจ..มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะกุเป็นคนทำแบบนั้น และกู..ก็เป็นฝ่ายที่ขาดมึงไปไม่ได้...”
“....เพราะไม่อยากจะรั้งเขาให้มารอคนอย่างกู...ที่ตอนนี้มีมึงอยู่..แต่เขาไม่มีใคร..กุเป็นคนที่เห็นแก่ตัว..เลยไม่อยากจะให้อะไรหลุดมือไปซักอย่าง.."
“........” ผมเบ้หน้า ไม่รู้จะยิ้มหรือบูดบึ้งดี...กับสิ่งที่ได้ฟัง..
ผมยังคงสำคัญ..แต่เขาก็สำคัญพอๆกัน..นั่นใช่ไหมที่จะบอก...
“....ทั้งมึง..และเขา สำคัญกับกูเหมือนกัน..เป็นคนที่กูขาดไม่ได้ทั้งคู่...เพราะอย่างนั้น อย่าให้กูต้องเลือก...กูทำได้ดีที่สุดแค่บอกให้เขาเปิดใจ..หาคนใหม่เข้ามาในชีวิต..และกับมึง...กูทำได้...แค่รั้งให้มึงอยุ่กับกุแบบนี้ต่อไป..แค่นั้น..”
แขนหนากอดรัดบั้นเอวผมแน่นและซบหน้าลงกับไหล่..ขณะที่ผมชะงัก..เอื้อมมือไปแตะแผ่นหลังคนตัวโตที่กอดผมไว้แน่น..อย่างไม่แน่ใจ..
“....เลิกกับแฟนเหรอ?..” นั่นเป็นคำถามที่คนโง่ๆอย่างผมพอใจนึกได้จากคำพุดเหล่านี้..
“..เปล่า...แค่ขอ...บอกให้เขามองคนอื่นบ้าง..” พี่โตกระซิบบอกเบาๆ “..กูไม่ใจแข็งพอที่จะเอากิ๊งออกไปจากชีวิต..เพราะเขาสำคัญกับกู...กูทำได้แค่นี้...กูให้มึงได้แค่นี้...เนม...”
“............” ผมตัวสั่น สุดหายใจเข้าลึก..ถึงพี่โตจะกอดผมอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น..เพราะคำพูดเหล่านั้น..
....พอไหม?...
ทำได้แค่ขอให้แฟนมองหาคนใหม่บ้าง..ขอให้เขา...มองหาอนาคต ไม่ใช่รอนักโทษที่สิ้นไร้ไม้ตอก..
..ให้กับผมได้แค่นี้...
ไม่ใจแข็ง...พอจะทิ้งผู้หญิงที่มั่นคงซื่อสัตย์กับตัวเองมาหลายปี..ไม่อาจจะทอดทิ้งเขา..เพื่อ...คนอย่างผม..
ทำได้แค่นี้...ทำให้ผมได้แค่นี้...
เพราะสำคัญ..ทั้งคู่ เลยตัดใครออกไปไม่ได้..
ผมเม้มปากแน่น รู้สึกว่าแก้มตัวเองเปียกชื้น..ขอตาร้อนผ่าว และริมฝีปากสั่นระริก..
อยากจะเปล่งเสียง แต่..ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้เลย..
ผมไม่มีสิทธิ์จะบอกว่าไม่ยุติธรรม เพราะผมต่างหากคือคนที่เข้ามาแทรกกลาง คนที่น่าสงสาร ควรจะเป็นผู้หญิงคนนั้นมากกว่า..ผู้หญิงที่แสนดี ทนรอพี่โตอยู่หลายปี..
ผู้หญิงคนนั้น ควรจะเจ็บปวด.ยิ่งกว่าผมด้วยซ้ำ..
“..พี่มันชั่ว..เห็นแก่ตัวโคตร..” ผมหัวเราะออกมา ทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม..
“..กูรู้...” พี่โตละอ้อมแขนที่กอดรัดผมไว้ มองหน้าผมแล้วเอามือลูบแก้มเบาๆ “..กูขอโทษ ที่ให้มึงได้แค่นี้..”
“..ช่างเถอะ..” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ... “ คนที่ควรขอโทษน่ะ..มันแฟนพี่มากกว่า..ไอ้ผมน่ะ ต่อให้ไม่บอกว่าสำคัญ..ก็ต้องอยู่ข้างๆแบบนี้ ไปชั่วชีวิตไม่ใช่รึไง..”
“..เพราะมึงก็สำคัญไง...กุถึงต้องทำ...”
“.ขอบคุณ..ครับ....” ผมยิ้มออกมา..ไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหน..แต่ที่แน่ๆ..ผมไมได้มีความสุขมากพอเท่ากับคำขอบคุณที่บอกออกไป..
แค่ขอบคุณ ที่ให่ความสำคัญกับผม..
อาจจะเท่ากัน..กับคนๆนั้น..
แต่ก็ยังดีกว่า..ไร้ความสำคัญ..
ผมถอนหายใจเฮือก...ฟังเสียงเรียกของผู้คุมที่บอกให้เข้าเรือนนอน แล้วลุกขึ้นมองออกไปข้างนอกที่ตอนนี้ฝนเริ่มซา..และ...แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามา..
...หวังว่า..ฟ้าจะสดใสในเร็ววัน..
.
......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
[/color]
กระทืบพี่โตเลย โว้ว เย~~ (เอ็งสิโดนกระทืบ

)
ตอนนี้อย่าโกรธพี่โตน่ะ สงสารเฮียแกหน่อย ห้าๆ
ว่าไปถึงเรื่องแฟนพี่แก จะบอกว่าได้เนมแล้วสลัดแฟนทิ้งเลยเหรอ ก็สงสารกิ๊งเขาบ้าง บอกตามตรงผู้หญิงที่รอแฟนมานับห้าปีนี่น่านับถือและน่าสงสารน่ะ ถ้าพี่โตไปสลัดเขาทิ้งเลย อิชั้นว่ามันเลวไป และถ้าทำแบบนั้นกับคนอื่นได้ กับเนมก็คงไม่ต่าง..ว่ามั้ยล่ะ..
เพราะงั้น ไรท์เตอร์คิดว่า ที่พี่โตยอมบอกให้กิ๊งลองมองหาคนอื่นดูบ้างก็ถือว่าพัฒนาน่ะ เพราะจะไม่ทำก็ได้ กิ๊งที่อยู่นอกคุกไม่มีทางรู้อยู้แล้วว่าพี่โตมีใคร..จะเอาเนมคนนึงเอากิ๊งอีกคนควบสองก็ไม่เป็นปัญหา ไม่เห็นต้องส่าใจเลยว่าเนมรู้สึกยังไง แค่อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็พอแล้ว แบบนี้ก็ยังได้ แต่เพราะทั้งสองคนต่างก็เป็น”คนสำคัญ” พี่โตเลยไม่อยากให้ใครต้องเจ็บ
ถามว่าตอนนี้พี่โตรักใคร เราก็ไม่รู้นะ(ห้าๆ) แต่ทั้งกิ๊งและเนมมีความสำคัญพอๆกัน เพราะสำคัญเลยไม่อยากให้เจ็บและไม่ยากเอาเปรียบ แต่จะให้ตัดใครคนนึงไปเลย เขาก็ทำไม่ลง ถือว่าตอนนี้พี่โตน่าสงสารพอสมควร(อุ๊ย...แต่ทำไมเห็นแต่คนเคืองพี่โต

)
จะว่าไปแล้ว..เรื่องกิ๊งนี่ก็เป็นเหมือนระเบิดเวลาน่ะ ฝังไว้รอเฉลยในครึ่งหลัง แฮ่ๆ
ตอนหน้าตอนส่งท้ายค่ะ จะจบครึ่งแรกแล้ว โอ้วเย..

ปล. โปรโมท..นิยายเรื่องใหม่ Stone rose’s line กุหลาบทรายใต้เงาหิน เป็นเรื่องแนวทะเลทรายค่ะ แอบบู้นิดๆและมีการชิงไหวชิงพริบกันพอสมควร ที่สำคัญ นายเอกนิสัยน่าฆ่ามาก(ห้าๆ) ตัวเอกคนนึงเป็น(ว่าที่)บอสมาเฟีย อีกคนเป็นชี้ค จะรักกันได้ไง งานนี้ต้องติดตามค่ะ
คลิ๊กปล. สอง คนที่สนใจนิยาย จะลงรายละเอียดการสั่งจองต่างๆและความคืบหน้าภายหลังนะค่ะ
ปล. สาม ตอนพิเศษรอก่อนขอเขียนตอนส่งท้ายจบแล้วลงค่ะ แต่หมดเขตรีเควสแล้วน่ะ