ตอนที่ 8
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมงาน ทุกอย่างก็พร้อมเสร็จสรรพสำหรับงานประจำปีของมหาวิทยาลัยคืนนี้
“สวยแล้ววา” นทนทีมองน้องสาวที่กำลังหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในบ้าน ก่อนจะไปงานที่มหาลัยกับเขา
“พี่ก้อ…อย่าแซวสิค่ะ”
น้องสาวเขาขอตามไปเที่ยวงานด้วย และแม่ก็มีอาการดีขึ้นมากจนไม่ต้องมีใครคอยอยู่ใกล้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว เขาจึงอนุญาตให้น้องไปกับเขาด้วย ยังไงก็มีประวิชคอยช่วยดูแลวารีอีกคน
ภายในมหาวิทยาลัยบริเวณรอบสนามฟุตบอลถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่จัดงานประจำปี ซุ้มต่างๆถูกจัดตั้งไว้รอบสนามเพื่อเว้นที่ว่างตรงกลางไว้สำหรับเป็นเวทีคอนเสิร์ต นทนทีมาถึงซุ้มของชมรมหนังสือพิมพ์ก่อนเริ่มงานเวลาหนึ่งทุ่มตรง เพื่อช่วยเพื่อนสมาชิกชมรมเตรียมร้านก็เห็นประวิชมาก่อนเขาแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่วิช” วารียกมือไหว้เพื่อนพี่ชายตน
“วันนี้น้องวาสวยจริง” ประวิชเอ่ยชมอย่างคนคุ้นเคย ด้วยวันนี้วารีที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวเขาคนหนึ่ง แต่งตัวได้น่ารักน่ามองสมวัย กางเกงยีนส์สีเข้มเข้ารูปเอวต่ำพอสวยงาม กับเสื้อคอปาดแขนกระปุกนิดๆสีฟ้าอ่อน ผมสลวยถูกรวบมัดเป็นหางม้าเผยใบหน้าขาวเนียนอ่อนวัย ชวนสะดุดตาหนุ่มแถวนี้กันเป็นทิวแถว วันนี้เขาคงต้องคอยเป็นไม้กันหมาซะละมั้ง
“พองานเริ่มเราค่อยไปเดินเที่ยวกันนะน้องวา”
“ค่ะพี่ แล้วมีอะไรให้วาช่วยมั้ยพี่”
“แน่นอน ไม่ให้มาเที่ยวฟรีๆแน่” ประวิชล้อเด็กสาวด้วยความสนิทสนม
ใกล้เวลาเริ่มงานอนลก็มาปรากฏตัวที่ซุ้มของพวกเขาด้วยไม่ได้เป็นสมาชิกชมรมใด
“ผมไปหาพี่ที่บ้าน กะว่าจะรับมาด้วยกัน พี่นทออกมาก่อนแล้ว”
“ออ…….ต้องมาเตรียมร้านนะนล”
“งั้นขากลับ กลับด้วยกันนะพี่”
“ดีสิ..ขอบใจมาก” นี่เขายังไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์บ้านกับอนลหรอเนี่ย เขาเพิ่งรู้สึกตัวนะนี่ เดี๋ยวเสร็จงานค่อยบอกดีกว่า
“ว้าว….วันนี้น้องวาน่ารักมากเลย” อนลหันไปทักทายเด็กสาวที่ตนพึงใจ
“ขอบคุณค่ะพี่นล”
“สนใจซุ้มไหนเป็นพิเศษรึเปล่าน้องวา”
“ยังไม่รู้อะไรเลย คงต้องเดินดูหมดทุกซุ้มนั้นละค่ะ”
“ได้ๆ วันนี้สามทหารเสือจะคอยบริการเจ้าหญิงเองนะ”
“ดีค่ะ เจ้าหญิงจะชี้นิ้วเอาทุกอย่างเลยค่ะ”
“ฮะ…ฮ้า….ก็แย่สินน้องวา” อนลหัวเราะกับคำประชดของเด็กสาว
“แล้วพี่ปถวีไม่ได้มาพร้อมพี่นลหรอค่ะ”
“รายนั้นเขาอยู่คอนโดแถวประตูน้ำโน้นแนะ ไม่ได้อยู่บ้านใหญ่ด้วยกันกับพี่หรอก อาจมาแล้วแต่คงอยู่ที่ชมรมมวยสากลของเขาละ เห็นว่าออกร้านขายน้ำผลไม้ปั้น คิดได้ไงก็ไม่รู้ นักมวยขายน้ำปั้น ฮ้าๆ เดี๋ยวเราเดินไปดูเขาด้วยเป็นไง”
“ค่ะ”
ผู้คนเริ่มเข้ามาภายในงานหนาตาขึ้นเรื่อยๆ หลายๆร้านมีลูกค้าแน่นขนัดโดยเฉพาะร้านน้ำ ยิ่งเดินมากก็ยิ่งกระหายน้ำ ทำให้ร้านน้ำผลไม้ปั้นของชมรมมวยขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
“ขายดีจริงพี่” อนลเดินพาวารีมาที่ซุ้มชมรมมวยสากล เห็นพี่ชายตนกำลังคันน้ำส้มด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ
“เออวะ ทำไม่ทันเลย” ตอบโดยไม่ทันมองว่ามีเด็กสาวตามน้องชายตนมาด้วย พอเห็นเข้าจึงยิ้มให้วารีเก้อๆ ด้วยเมื่อกี้เขาพูดจาดิบๆใส่น้องชาย ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงอยู่ด้วย
“มาเที่ยวด้วยหรอน้องวา”
“ค่ะ มากับพี่นท แต่ตอนนี้พี่เขายุ่งพี่วิชก็ยุ่ง พี่นลเลยอาสาพาเดินเที่ยวค่ะ” วารีส่งยิ้มให้ปถวีจนเขารู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ทำไมบรรยากาศรอบตัวถึงได้ต่างกับพี่ชายนักก็ไม่รู้ รายนั้นดูอวดดีจนน่า……..น่าอะไรดี……น่าทำให้ร้องไห้มาสยบอยู่แทบเท้าละมั้งถึงจะสมใจเขา ดูท่าเจ้าน้องชายเขาจะชอบเด็กสาวนี่จริงๆ ถึงได้คอยดูแลตลอด แต่ไม่ยักจะแสดงอะไรออกมาให้เด็กสาวรับรู้เลย คงกลัวข้อหาพรากผู้เยาว์ รักเด็กก็ต้องรอกันหน่อยนะไอ้น้องชาย
“รอเดี๋ยวนะ ลองชิมน้ำส้มปั้นฝีมือพี่ก่อน” ปถวีจัดแจงลัดคิวน้ำปั้นให้เด็กสาวตรงหน้าจนสาวๆที่มาคอยมาซื้อน้ำหรือคอยตามตื้อเขาส่งค้อนให้เด็กสาวกันเป็นแถว
“อร่อยค่ะพี่ เยี่ยมๆ” วารีชิมแล้วยกนิ้วให้
เสียงประกาศกลางเวทีคอนเสิร์ตบอกให้ผู้มาร่วมงานรู้ว่าการแสดงบนเวทีกำลังจะเริ่มแล้ว
“ไปดูกันมั้ยน้องวา” ปถวีชวนวารีไปดูนักร้องคนดังที่กำลังจะเปิดการแสดง
“ไปค่ะ แต่พี่นทบอกว่าจะไปดูด้วยกันนะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกพี่นทว่าน้องวาล่วงหน้าไปกับพี่วีแล้ว ให้ตามไปสมทบกันดีกว่า จะได้ไม่ย้อนไปย้อนมา” อนลเสนอความคิด
“ค่ะ”
ปถวีเลือกทำเลให้เด็กสาวเห็นหน้านักร้องได้ถนัดๆ
“หน้าตาดีจังนะค่ะ นักร้องนักแสดงเนี่ย” หญิงสาวเปรยๆ
“ก็เขาใช้หน้าตาทำมาหากินก็ต้องดูแลกันอย่างดีละ”
“แต่พี่วีก็หล่อนะค่ะ มากด้วยค่ะ” ถูกเด็กสาวชมกันตรงๆ ด้วยแววตาซื่อๆก็ทำให้ปถวีเขินได้เหมือนกัน
“ขอบใจ” เขาหัวเราะแก้เขิน จนเห็นพวกน้องชายเดินมาอยู่ไกลๆ จึงยกมือแสดงตำแหน่งที่เขายืนอยู่ ด้วยจำนวนคนที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นทำให้ต้องเบียดเสียดกันเข้ามา
“อา…….วันนี้น้องวาน่ารักจัง” ไผ่ที่ตามมาด้วยเอ่ยชมวารี ด้วยเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้จักคุ้นเคยกัน ส่วนวารีได้แต่ยิ้มรับแก้มแดงเรื่อขึ้น ก็วันนี้ถูกชมหลายครั้งจนเขินแล้ว
“คนเยอะนะ” ประวิชมาด้วยเปรยขึ้นมา
“ก็ธรรมดานี่ วันนี้วันงานคนก็ต้องเยอะสิ” ไผ่ซึ่งไม่สังเกตถึงความผิดปกติตอบ
“ไม่ใช่ตรงนั้น” ประวิชหันไปมองไผ่ด้วยงานนี้เป็นหัวเรือใหญ่คนหนึ่ง
“ใช่ ดูเหมือนจะมีคนนอกเข้ามาเยอะมาก ไม่คุ้นหน้าเลย” ปถวีเองก็รู้สึกได้เหมือนประวิชจึงตอบเสียเอง
“ถ้าไม่เกิดเรื่องก็คงดี” ประวิชพึมพำออกมา
“ไผ่ฉันว่านายไปบอกให้ยามทุกจุดเข้มงวดคนนอกมากกว่านี้ดีกว่านะ เห็นกลุ่มไหน คนไหนไม่น่าไว้ใจก็ให้ยามกักตรวจดีกว่า”
ไผ่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ทันจะก้าวเท้าไป ก็ได้ยินเสียงโวยวายอยู่บริเวณหน้าเวทีซะก่อนแล้ว
“เป็นเรื่องแล้วไง” ประวิชคว้าแขนไผ่พลางรั้งเข้ามาใกล้
“รีบไปจากตรงนี้เถอะ เดี๋ยวจะโดนลูกหลง”
การแสดงบนเวทีต้องหยุดไปด้วยเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมืออยู่บริเวณหน้าเวที
ปถวีที่เดินรั้งท้ายเบียดเสียดผู้คนที่กำลังหาทางหนีกันอลหม่านเช่นเดียวกับพวกเขาหันหลังกลับไปมองจุดที่พวกเขาเดินจากมา เห็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หลายคนต่างเงื้อมัดเข้าใส่กัน จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ต้นสายปลายเหตุเป็นยังไงยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ความรุนแรงเริ่มขยายวงกว้าง พวกที่โดนลูกหลงหลายคนต่างออกหมัดออกเท้าสวนกลับไป แยกไม่ออกว่าใครเป็นคนในคนนอก เพราะแต่งชุดธรรมดากันหมด
“ปัง!”
เสียงดังสนั่นทะลุทะลวงแก้วหูทุกคนที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เสียงที่ใครๆต่างเคยได้ยินในหนังละครบ่อยๆ เสียงปืน ทำให้ทุกคนหยุดนิ่งก่อนจะรีบหนีตายกันชุลมุน
“เหวอ!” นทนทีถูกกระแทกจนมือที่จับน้องสาวตนไว้แน่นหลุดออก ผู้คนที่ต่างพากันวิ่งหนีเข้ามาแทรกระหว่างเขากับน้องสาวจนคลาดกัน แต่ก่อนที่น้องสาวจะหายไปกับคลื่นฝูงชนเขาเห็นอนลอยู่ใกล้ๆน้องสาว อนลน่าจะพาน้องเขาไปที่ปลอดภัยได้ แต่ตอนนี้เขาต้องประคองตัวเองไม่ให้ล้มลงไปโดนเหยียบแบนเป็นกล้วยปิ้ง
“ให้ตายเถอะ” ร่างโปร่งถูกผลักจนเกือบหน้าคะมำลงกับพื้น
“เฮ้ย!” จังหวะที่เขาหันกลับไปมองคนข้างหลัง สายตาก็เหลือบไปเห็นชายวัยรุ่นรูปร่างสูงใหญ่เงื้อขวดเบียร์ฟาดลงบนศีรษะเด็กหนุ่มคนหนึ่ง จนล้มลงไปนอนเลือดไหลอาบหน้า เด็กหนุ่มที่ถูกทำร้ายนอนส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวด มือกุมศรีษะตรงบริเวณที่ถูกขวดฟาดแน่น ขาที่กำลังก้าวไปหยุดลงแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหาร่างที่นอนครวญครางบนพื้นหญ้าหวังจะช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันได้แตะต้องร่างนั้น คอเสื้อเขาถูกกระชากจากด้านหลังโดยชายหนุ่มที่ยังถือเศษขวดติดมืออยู่ ความคมของมันแวววาวจับตาในความรู้สึกสำนึกของเขา
“อา……………” เศษขวดในมือใหญ่กำลังพุ่งตรงมาหาท้องเขาแล้ว เหมือนตัวชาและเย็นเยือกขึ้นมาทันที แต่เพียงชั่วเศษเสี้ยวของวินาทีที่ร่างเขาถูกกระชากออกห่างจากปลายขวดคมกริบ พร้อมกับขายาวๆจากด้านหลังสวนยันกระแทกร่างสูงใหญ่เซออกไป ก่อนจะฉุดเขาให้วิ่งหนีไปจากเหตุการณ์เฉียดตายโดยเร็ว เขาวิ่งตามหลังคนตัวใหญ่ที่ช่วยเขาไป กว่าจะรู้ตัวคนที่ช่วยคือปถวี ก็เล่นเอาเขาหอบไปพักใหญ่
ปถวีพาร่างโปร่งไปยังรถยนต์ของเขาที่จอดเทียบเคียงกำแพงลานจอดรถ ซึ่งอยู่ในมุมที่แสงสว่างจากหลอดไฟนีออนส่องสว่างมาไม่ถึง บริเวณนี้จึงเป็นมุมอับมืดสลัวเห็นเพียงเงาลางๆ ของปถวีที่พยายามจับเขายัดใส่รถคันใหญ่โตของตนแล้วปิดประตูเสียงดังจนคนข้างในสะดุ้ง ร่างสูงเข้ามานั่งประจำที่นั่งคนขับพลางควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรด้วยอาการฉุนเฉียว
“นล ปลอดภัยมั้ย”
“ปลอดภัย พี่ละ ผมโทรหาพี่ไม่ได้เลย”
“ปลอดภัย แล้วคนอื่นๆละ”
“น้องวาอยู่กลับผมพี่ ปลอดภัยดีเหมือนกัน เมื่อกี้พี่ไผ่เพิ่มโทรมาบอกว่าปลอดภัยดีแต่จะไปแจ้งความที่โรงพักกับพี่ประวิชนะพี่ แล้วพี่นทละ” เสียงอนลถามมาตามสัญญาณโทรศัพท์
“อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไร แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน”
“ผมพาน้องวาออกมานอกมหาลัยแล้วพี่ กลัวเขาจะถูกลูกหลง ต้องพาออกมาไกลๆ ก่อน”
“ดี งั้นฝากพากลับบ้านไปเลยแล้วกัน ตอนนี้ฉันอยู่ด้านหลังมหาลัยเดี๋ยวจะตามไปสมทบ”
“ครับพี่ บาย”
สิ้นเสียงการสนทนาร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆหันกลับมามองเขาตาขวางทันที
นทนทีที่กำลังกังวลถึงน้องสาวก็โล่งใจโดยไม่ต้องถามคนข้างๆ ด้วยบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่ ทำให้รู้ว่าทุกคนปลอดภัยดี และอนลกำลังพาน้องสาวเขากลับบ้าน ถ้าเป็นอนลเขาคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก แต่คนข้างๆ นี่สิ ทำหน้ายังกับไปกินรังแตนมาแนะ
“เข้าไปทำบ้าอะไรห๊า อยากถูกเสียบพุงทะลุรึไง” เสียงระเบิดอารมณ์ดังก้องไปทั่วรถยนต์คันงาม
“คิดว่าเข้าไปแล้วจะช่วยอะไรได้รึ สติดีเปล่าวะ”
“ก็……” นทนทีอึกอักไม่รู้จะตอบอะไรออกไปถึงจะดี เพราะตอนนี้เขารับรู้ถึงอารมณ์เกรี้ยวกราดที่ส่งผ่านมาถึงตัวเขาได้เป็นอย่างดี ถ้าตอบผิดหูเจ้ายักษ์นี้ขึ้นมาได้แผ่นดินสะเทือนแน่
“สมองไม่มีหยักรึไง………มันน่านัก” ปถวีสบถออกมาอีกหลายประโยค แต่แล้วต้องหยุดลงเพราะเสียงที่สอดแทรกขึ้นมา
“ไม่ได้ขอให้มาช่วยแล้วจะมาบ่นเอาอะไร” ก็สำนึกอยู่ว่าถูกเขาช่วยไว้ แต่จะให้มาทนฟังคำกระแทกแดกดันเป็นการตอบแทนการช่วยเหลือครั้งนี้ เมินซะเถอะ
“อะไรนะ!” เสียงปถวีตวาดสวนกลับมาทันที
เจ้าบ้านี่จะรู้มั้ยว่าเขารู้สึกยังไงตอนที่เห็นขวดปากฉลามกำลังจะเข้าไปอยู่ในตัวของร่างโปร่ง ที่เขาโกรธ เขาโมโหเพราะอะไร ไม่รู้เลยใช่มั้ย
นทนทีทำเป็นไม่สนใจกับอาการของคนข้างๆ
“ที่พูดมาน่ะใช้หัวแม่โป้งเท้าคิดรึไง”
เจอคนตัวใหญ่ย้อนเข้าแบบนี้ นทนทีก็เลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน
“ไอ้บ้า” ในเมื่อไม่มีความเกรงใจอยู่ในความรู้สึกอีกแล้ว นทนทีก็สวนคำกลับไปทันทีเหมือนกัน พลางเอื้อมมือเปิดประตูรถ
“กึก”
“อะไร!” นทนทีหันไปมองที่มาของเสียง
“ออโต้ล๊อก” ร่างบางพึมพำอย่างตระหนก
“ทำบ้าอะไร เปิดประตูเลยนะ” เสียงตวาดเต็มสองหูปถวี
“อวดดีนักใช่มั้ย” ปถวีกระชากร่างบางเข้ามาใกล้แล้วเขย่า ทำเหมือนเขาเป็นยาน้ำที่ต้องเขย่าก่อนกิน
“มีสมองไว้ทำอะไร จะขอบคุณคนช่วยซักคำก็ไม่มี ยังมาพูดจากวนประสาทอีกนะ”
“นายอยากฟังรึไงกัน”
เหมือนจุดไฟในดวงตาของปถวีได้ มันถึงได้ส่องสว่างจนคนอยู่ใกล้ต้องเบือนหน้าหนี
“ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่”
“หมายความว่าไง”
“กับคนที่ไม่รู้จักบุญคุณแถมยังปากหมาอย่างนาย มันต้องทวง กับคนอื่นไม่ต้องพูดเขาก็ทำกัน แต่นายไม่ใช่ เอ………..รึนายมันเป็นพวกต้องใช้ไม้………ไม่ใช่สิ……..ต้องใช้ปฏักแทงถึงจะรู้สึกใช้มั้ย”
คำพูดถากถางทำให้นทนทีสติขาดผึงทันที
“ว่าฉันเป็นหมา……ฉันไม่ใช่ควายนะโว้ย” ตะโกนจนสุดเสียงพร้อมเหวี่ยงหมัดออกไปหวังจะเอาเลือดปากคนตรงหน้าสักที
ปถวีหลบหมัดนั้นอย่างรวดเร็วทั้งยังรวบร่างโปร่งเข้ามาแนบตัว แผ่นหลังของนทนทีสัมผัสแผงอกหนาอย่างแนบสนิทจนรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย ความแปลกประหลาดกับสัมผัสนี้เริ่มก่อกวนจิตใจร่างโปร่ง นทนทีดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากวงแขนที่ยิ่งดิ้นยิ่งรัดตัวเองไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยหอบ
“ปล่อยเซ”
ร่างขาวดิ้นรนอยู่ในวงแขนคนตัวใหญ่ ผิวกายสัมผัสเสียดสีสร้างความปั่นปวนให้กับปถวีเป็นนักหนา หวนคิดถึงวันที่ไปเที่ยวคืนนั้น ร่างกายนี้เหมือนจะยั่วยวนดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างให้หันมามองร่างกายที่เต็มไปด้วยสีสันของชีวิต ริมฝีปากสีสดที่เผยอหอบหายใจน้อยๆ จากการเต้นอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วยังเจ้าเกย์ยักษ์ที่เดินเข้ามาสีร่างกายนี้อีก ดูจะป๊อบเหลือเกินนะ
“ไอ้เลว ปล่อยโว้ย ถ้าหลุดไปได้ละก็ ฉันจะแตะนกเขาแกให้ใช้การไม่ได้เลย”
“มันไม่มีหนที่สองแน่” ปถวียิ้มเหี้ยมให้กับคนที่อยู่ในวงแขน
“ตั้งใจว่าถ้าพูดกันดีๆก็จะปล่อยไปแท้ๆ แต่คงทำไม่ได้แล้วละ” แขนแข็งแรงเพิ่มแรงโอบกระชับร่างบางยิ่งขึ้น
“เรามาสะสางบัญชีแค้นของเราให้มันหมดๆไปเลยดีกว่า”
---TBC---
มาลงให้สามตอนรวด เดี่ยวมาลงต่อวันจันทร์ค่ะ
Coming Soon!!!
“หยุดดิ้นนะ!” เสียงตะคอกใส่หูไม่ทำให้ร่างโปร่งหยุดความพยายามดังกล่าวได้เลย
“ถ้าไม่หยุด”
นทนทีรู้สึกถึงลิ้นเปียกชื้นไล้ตามขอบใบหูตน จนต้องเกร็งตัวกลั้นหายใจหยุดรอฟังคำพูดต่อไปอย่างหวาดหวั่น
“ฉันจะบีบของนายให้เละไปเลย” 