¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ¤ø,¸¸,ø¤จดหมายจากเพื่อนรัก¤ø,¸¸,ø¤ by M@nfaNG **กลับบ้านเรา**25/01/12  (อ่าน 237916 ครั้ง)

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
หนุ่ยไม่น่าจะเป็นคนเย็นชา
หรือไม่เห็นความสำคัญของความรู้สึกคนอื่นแบบนี้นะ
พี่หนุ่ยเปลี๊ยนไป๋ น้องเกี๊ยงเลยเศร้าใจกันเลย

รอลุ้นต่อว่าเมื่อไรพี่หนุ่ยจะมีน้ำใจกับน้องบ้าง

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
ทำไมไอ่พี่หนุ่ยมันติดเย็นชากับน้องเกี๊ยงจังวะ :angry2:
ในส่วนหนุ่ยน้องเกี๊ยงแค่คนรู้จักห่างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่คิดจะใส่ใจ พอเหมือนจะติดใจว่าน้องมันมีปัญหาอะไรซักอย่าง
ก็ไม่คิดจะสนใจไรมาก  เรื่องของมึง ถ้าอยากเล่าก็เล่า ไม่เล่าก็ช่างมึงไรงี้

แหม ไอ่พี่หนุ่ย จะให้น้องมันมาเล่าปัญหาให้คนที่ทำเป็นไม่สนใจน้องมันอย่างนั้นเหรอ  บอกทำแมวอะไรฟระ  แล้วก็รอให้เค้าเปิดปากพูดมาก่อน

ถ้าวันนั้นที่น้องเกี๊ยงไปบ้านหนุ่ย หนุ่ยไม่พูดแบบนั้นกะน้องมัน น้องมันก็น่าจะเล่าอะไรให้ฟังอยู่หรอก พอเจอพูดแบบนั้น แถมความเย็นชาอีก เป็นใครใครมันจะไปเล่าฟระ กับคนที่ไม่คิดจะสนใจเรา


 
สำหรับหนุ่ยก็แค่คนที่รู้จักกันไม่นาน
แต่กับน้องเกี๊ยง ถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่ ตอนที่น้องมันมีปัญหา กับนึกถึงหนุ่ย

ปล เม้นต์แบบมึน ๆ   :really2:

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
 :call:
***************
“พี่หนุ่ย...ใช่ไหมคะ พี่ว่างรึเปล่าคะ?” กลางดึกคืนวันเสาร์อ้อยโทรหาผม เสียงไม่ค่อยดีเลย เหมือนจะอ้อแอ้นิดหน่อย
“อ้อยอยู่ที่ไหน เป็นอะไรรึเปล่า?” ผมกำลังจะเข้านอน เหลือบดูนาฬิกาห้าทุ่มกว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีจะเที่ยงคืน ทั้งสงสัยทั้งแปลกใจ อ้อยไม่โทรหาผมมานานแล้วตั้งแต่เมื่อผมปฏิเสธเธอไป
“อ้อย ทำไมไม่ตอบพี่ อยู่ที่ไหน?” เสียงเพลงดังแว่วๆเข้ามาในสาย แต่ยังพอได้ยินเสียงคนชัดเจนเหมือนมีคนคุยอยู่ใกล้ๆ แต่ฟังไม่ถนัดว่าพูดอะไร
“อยู่ที่ RiCCo ค่ะ พี่หนุ่ยมาดื่มกันหน่อยนะ ไม่เจอกันตั้งนานแล้ว” ผมบอกตัวเองว่ามันแปลกเกินไป แล้วผมก็ไม่อยากไปด้วย ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะออกไปกับแค่คำชวนนี้
“ไม่ล่ะ พี่จะนอนแล้ว แต่อ้อยไปกับใคร” อย่างน้อยก็ในฐานะพี่ชายและคนรู้จักกัน  ผมห่วงอ้อยอยู่เหมือนกัน

“มากับน้องๆที่มหา’ลัยค่ะ น้องที่อยู่นี่เค้าว่ารู้จักพี่หนุ่ย อ้อยเลยคิดถึง โทรมาชวนนี่ไง” ผมพยายามคิดว่าน้องที่มหา’ลัยคนไหนกันที่ผมรู้จัก
“อย่ามาอำกันดีกว่า ฝันใช่มั้ยล่ะ บอกมันด้วยว่าพี่เบื่อมันแล้ว จะไปเชียงใหม่ ไปไหนก็ไปเลย ” เสียงหัวเราะของผู้ชายดังแว่วแทรกเข้ามาอีก แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้แค่ว่าคงไปกันหลายคน
“ไม่ใช่ฝันสักหน่อย คนนั้นเค้าไม่มาเที่ยวกับอ้อยแล้ว อย่าไปพูดถึงเค้าเลย พี่หนุ่ยก็ใจร้ายอีกคนนะ” อ้อยคงเมาถึงพูดอะไรเหมือนตัดพ้อแบบนี้กับผมได้
“พี่ใจร้ายมานานแล้ว อ้อยเพิ่งจะรู้เหรอ” ผมแกล้งพูดไปหวังว่าอ้อยจะขำ แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้ผมขำไม่ออก

“พี่อ้อยคงรู้มานานแล้ว ผมต่างหากล่ะพี่ที่เพิ่งรู้” เสียงแหบห้าวของผู้ชายที่พูดเข้าสายมา ยังไม่ทำให้ผมรู้ว่าเป็นใครกัน ผมคุ้นเสียงนี้แต่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี
“ใครน่ะ?” ผมถามออกไปอย่างงงๆ “อ้อยไปไหน”
“พี่อ้อยอยู่ข้างๆผมครับ พี่เค้ารอพี่อยู่นะ พี่หนุ่ยไม่มาเหรอ” เสียงที่พูดเหมือนคนเมาๆนิดๆแบบนี้ เหมือนมันติดหูผมมาเมื่อไม่นานนี้เอง ในที่สุดผมก็นึกออก ผมเผลอพูดเสียงดังออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“นี่มึงอีกแล้วเหรอ ไอ้เตี้ย! มึงไปกินเหล้าอีกแล้ว”
เสียงหัวเราะของน้องเกี๊ยงดังเข้ามาในสาย  “พี่รู้ปะ ผมโคตรดีใจเลยที่พี่จำเสียงผมได้ สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องไปทำบุญสักหน่อย กูจะโชคดีแล้วเว้ย เจ้านายจำเสียงกูได้ หึหึ”
แปลกที่มันพูดเล่นแบบนี้แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนมันกำลังแดกดันผม 
“นี่มึงไม่ต้องมาเรียกกูเจ้านายเลย งานเสร็จแล้วเหรอ พาพี่เค้าไปแดกเหล้าได้” เสียงน้องเกี๊ยงแทรกเข้ามาในสายแว่วๆว่า “พี่อ้อยผมขอออกไปโทรข้างนอกได้มั้ย จะคุยเรื่องงานกับพี่หนุ่ยนิดส์นึง”

สักพักเสียงดนตรีเริ่มเงียบลง เสียงพูดของน้องเกี๊ยงดังชัดขึ้นมาอีกครั้ง  “เอ้า...เจ้านายจะถามอะไรผมว่ามาเลยครับ
นายอรุษรอฟังอยู่ครับเจ้านาย” มันก็ยังคงกวนตีนผมได้อีก ผมเริ่มหงุดหงิดกับการพูดจาของมัน
“นี่มึงถามกูดีๆ หรือว่าประชดกูกันแน่ ไอ้เตี้ย”
“ผมพูดไม่เพราะตรงไหนครับ เจ้านายยย”มันลากเสียงยาวกวนผมอีกครั้ง แต่ผมก็เถียงมันไม่ออก
“งั้นกูถามมึง งานเสร็จแล้วรึไง มีเวลาไปเที่ยวกลางคืน เดดไลน์วันไหนรู้รึเปล่า  แล้วนี่พาอ้อยไปด้วยทำไม พี่เค้าเป็นผู้หญิง ดึกๆดื่นๆใครจะไปส่ง”
“...”น้องเกี๊ยงเงียบไปอีกครั้ง จนผมต้องถามย้ำไปอีกที “นี่!ฟังอยู่รึเปล่า ปล่อยให้พูดอยู่ได้คนเดียว”

น้ำเสียงแหบเบาของมันพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฟังสิพี่ กำลังคิดอยู่ ว่าพี่ห่วงพี่อ้อย ห่วงงาน พี่ใจดีจังเลยนะ แม้แต่กับพี่อ้อยที่พี่ไม่รัก พี่ก็ยังห่วงเค้า”
ผมไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้ของน้องเกี๊ยง มันออกมาจากอารมณ์แบบไหนกัน แต่ทำไมผมสัมผัสได้ว่ามันกำลังเศร้า เหงา อย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้จริงๆว่าอะไรทำให้ผมคิดแบบนั้น ผมถามมันออกไปเมื่อมันพูดจบ
 “มึงจะอยู่อีกนานมั้ย รอนะ เราคงมีเรื่องต้องคุยกัน” ผมวางสายไปทันทีไม่รอให้มันตอบรับ บางอย่างบอกผมว่ามันจะรอผมอยู่ที่นั่น ผมแต่งตัวไปก็บ่นกับตัวเองไปด้วย “ไอ้เตี้ยนะไอ้เตี้ย ทำไมมึงชอบทำให้กูต้องวุ่นวายอยู่เรื่อยเลย”

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ไปถึงที่หมาย ผมทักทายกับพนักงานต้อนรับที่คุ้นเคยกันดี แล้วรีบเข้าไปข้างในหาโต๊ะอ้อยกับน้องเกี๊ยง อ้อยไม่นั่งอยู่ที่โต๊ะแต่ผมเห็นน้องเกี๊ยงนั่งก้มหน้าก้มตาดื่มอยู่ตามลำพัง “อ้าว อ้อยไปไหนล่ะ”
 เสียงของผมเรียกให้น้องเกี๊ยงมันเงยหน้าขึ้นมามองทันที คำพูดแรกของมันก็คือ “พี่หนุ่ยมาจริงๆด้วย ผมนึกว่าพี่หลอกผมเสียอีก” ฟังจากน้ำเสียงมันคงดื่มไปอีกเยอะหลังจากที่วางสายไปจากผม น้องเกี๊ยงตาปรือยิ้มมุมปาก ส่งแก้วเหล้าในมือมันให้ผม ผมเอื้อมมือไปรับเอาไว้ แล้วถามซ้ำไปอีกครั้ง
 “อ้อยไปไหน กลับไปแล้วเหรอ”
น้องเกี๊ยงพยักหน้าหงึกๆ ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยฤทธิ์สุรา ยิ้มกวนๆเมื่อบอกผมว่า “กลับไปแล้วว... ผมไม่ได้บอกพี่อ้อยหรอกว่าพี่จะมา พี่อ้อยเค้าง่วงเลยกลับไปก่อน ขอโทษนะ พี่เลยไม่ได้เจอพี่อ้อยเลย หึหึ”
“ดื่มทำไมมากมาย พอได้แล้วนะ” ผมขัดใจกับอาการของมันจริงๆ ผมเองยอมรับว่าชอบดื่มแต่ก็ไม่เคยที่จะเมามายจนไร้สติ  ผมดื่มเมื่อผมรู้สึกสนุก ไม่ใช่ดื่มเพื่อดับทุกข์

น้องเกี๊ยงส่ายหน้าทำท่าจะรินเหล้าใส่แก้วใหม่ แต่ผมดึงแก้วออกจากมือมัน “มึงฟังกูมั่งสิ”
“พี่โกรธผมเหรอ ที่ผมไม่บอกพี่อ้อย ผิดหวังล่ะซี้” ฟังน้ำเสียงแล้วมันพาลใส่ผมแปลกๆ ผมไปทำอะไรให้มันโกรธรึไงกัน
“เปล่า ไม่ได้ผิดหวัง สรุปว่าเค้ากลับกันหมดแล้วเหลือมึงคนเดียวนั่งดื่ม ตกลงจะคุยกับกูดีๆ หรือว่าจะให้กูกลับ แล้วมึงก็ดื่มต่อไป” เสียเวลากับมันจริงๆ ทั้งที่ก่อนจะออกมาผมตั้งใจมาแท้ๆ ไม่นึกว่ามันจะเป็นคนผีเข้าผีออกขนาดนี้
น้องเกี๊ยงยกมือสูงไหว้ผมเหมือนไหว้เจ้า น้ำเสียงยานๆเหมือนคนเมาของมันยิ่งทำให้ทุกคำพูดก่อกวนอารมณ์ผมยิ่งขึ้น “ตามใจพี่ หึหึ พี่ก็แบบนี้ เหมือนจะสนใจ แต่แล้วพี่ก็ทิ้งไป ผมไม่อยากจะคิดแล้ว ปวดหัว แค่นี้ผมก็มีเรื่องมากพอแล้ว”

ผมกอดอกยืนมองมันอยู่สักพักแล้วลากเก้าอี้มานั่งมองมันเงียบๆ น้องเกี๊ยงเอาแก้วที่ส่งให้ผมแต่แรกกลับมาดื่มเสียเอง มันทำเหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น น้องเกี๊ยงนั่งดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนเหล้าที่เดิมเหลืออยู่ครึ่งขวดเกือบหมดผมเปิดปากหาวอย่างง่วงนอน ยังคงรอดูมันต่อไป มันเองก็แอบเหลือบมองผมเป็นระยะแล้วกลับไปดื่มต่อ ผมไม่เข้าใจว่ามันอายุแค่นี้จะมีเรื่องอะไรกันนักหนา แต่ที่รู้แน่ๆตอนนี้มันกำลังแก้ปัญหาที่ไม่ถูกทาง ผมเองไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ถ้าเทียบกันแล้วเป็นเพื่อนร่วมงานก็ยังไม่ใช่เลย ความสัมพันธ์แค่นายจ้างลูกจ้างเท่านั้นเอง ติดก็แค่ที่ว่าไอ้ฝันมันเคยฝากฝังเอาไว้ให้ช่วยดูแล ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไม่เอาธุระกับมันเลย
“พี่ง่วงทำไมไม่กลับไปล่ะ มานั่งหาวปากกว้างน่าเกลียดทำไม” น้องเกี๊ยงพูดกวนขึ้นมาในขณะที่ผมเกือบจะหลับไปแล้ว
“กูนึกว่ามึงไม่รู้เสียอีกว่ากูนั่งอยู่นี่” ผมอดไม่ได้ต้องประชดมันไปมั่ง แล้วก็ขำตัวเองว่ากูมานั่งเป็นสากอยู่ทำไมวะนี่

น้องเกี๊ยงมันหัวเราะเหมือนเยาะแต่หน้ากลับไม่มีความสนุกอยู่เลย “ผมก็เห็นพี่ตลอดแหละ ทั้งที่พี่เห็นผมมั่ง ไม่เห็นมั่ง”  จะว่าน้องเกี๊ยงเมามันก็แค่เสียงที่อ้อแอ้ แต่ปากมันไม่ยักเมาไปด้วย พูดจายอกย้อนผมได้ตลอด
“กูไม่เห็นมึงตอนไหน กูไม่ได้ตาบอด” ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่ผมก็ยังอยากจะฟังมันเล่นสำนวนกับผมต่อไป
“ตาพี่มองเห็น แต่ผม...ไม่อยู่ในสายตาพี่” มันเอาขวดเหล้าที่หมดแล้วมาคว่ำแล้วเขย่าเหมือนจะให้เหล้าออกมาอีก ถ้ามันบิดขวดได้เหมือนบิดผ้าขี้ริ้ว มันคงทำไปแล้ว
“มึงรู้ได้ยังไง ว่ามึงไม่อยู่ในสายตากู” ผมดึงขวดเหล้าออกจากมือมัน “มึงจะเขย่าไปทำไม เห็นๆอยู่ว่ามันไม่มีแล้ว”
น้องเกี๊ยงถอนหายใจ “ผมมันคนรั้น ทั้งที่ตาเห็นว่าเป็นแบบนั้น แต่ผมก็มีความเชื่อว่ามันอาจจะไม่ใช่ ทุกอย่างมันอาจลวงตาผมก็ได้ ผมต้องลองด้วยตัวเองจนมันแน่นอนแล้วผมถึงจะถอย”

“มันก็บางเรื่องเท่านั้นแหละที่หลอกตาคน แต่เรื่องบางเรื่องถ้ามันไม่มี มันก็คือไม่มี ไม่ใช่ก็ไม่มีวันที่จะใช่”
“ผมไม่รู้ไงพี่ ผมไม่อยากเชื่ออะไรง่ายๆ” มันเอามือปิดหน้าตัวเองก่อนที่จะเลื่อนมือเสยผมขึ้น ตอนนี้หน้ามันเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยฤทธิของแอลกอฮอล์ ดวงตาหรี่ปรือ ที่มันยังพูดกับผมได้เป็นเรื่องเป็นราวก็บุญแล้ว
ผมพยักหน้า “กูรู้ แต่ตอนนี้กูอยากให้มึงเชื่อกูก่อน เลิกดื่ม กลับบ้านนอนดีกว่า วันนี้เราคงคุยอะไรกันไม่ได้แล้ว มึงดื่มไปเยอะขนาดนี้ กูขี้เกียจมาพูดใหม่อีกรอบ เอาไว้มึงมีสติครบกว่านี้ก่อน”
“โอเค กลาบก็กลาบ” น้องเกี๊ยงลุกขึ้นทำท่าจะเดินกลับ แต่ผมต้องดึงแขนมันไว้ถามไปก่อน
“นี่จ่ายไปแล้วเหรอ” น้องเกี๊ยงพยักหน้าทำหน้าทะเล้น “พวกพี่ๆเค้าจ่ายให้หมดแล้วว..กินฟรี้....หึหึ”
มันไม่ได้ขอให้ผมช่วยพยุง ผมก็เลยเดินตามมันไปห่างๆ มันก็เดินชนนู่นนี่ ชนคนไปตลอดทาง ผมก็เดินตามหลังขอโทษคนที่มันชนไปด้วย “ขอโทษครับ แทนน้องผมนะครับ”

เราออกมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู เกี๊ยงมันกวาดตามองเหมือนรอใครอยู่ แต่ผมมองตามสายตามันก็ไม่เห็นมีใคร “นี่มึงรอใคร เอารถมารับรึเปล่า”
“ผมมีรถที่ไหนล่ะพี่ ผมรอแท็กซี่ เมาไม่ขับอยู่แล้ว ไม่มีจะให้ขับด้วย ฮ่าๆ” ผมฟังแล้วก็รำคาญ ผมคว้ามือมันมาได้ก็ลากกึ่งประคองถูลู่ถูกังมันไปที่รถ “กูไปส่งเอง ไม่ต้องรอแล้ว”
น้องเกี๊ยงพยายามแกะมือผมออก “ไม่ต้องงง...ไม่ปายย...พี่เป็นแท็กซี่เหรอ พี่ฝันไม่เห็นบอกเลยว่าพี่มีอาชีพพิเศษด้วย พวกป้ายดำเหรอนี่ ฮ่าๆ ”
ผมตวาดมันกลับไปที “เออ มึงคิดซะว่ากูมารับจ๊อบแล้วกัน”
ผมยัดตัวมันไปนั่งข้างหลังแล้วปิดประตูแรงๆให้มันรู้บ้างว่าผมอดทนมากจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมมันวุ่นวายยุ่งยากขนาดนี้ ถ้ามันเป็นน้องชายผมจริงๆ ผมไม่มัวมาใจเย็นอยู่แบบนี้หรอก  ผมคงตบเตะด่ามันไปแล้ว
ผมยังคาดเข็มขัดไม่เสร็จมันก็ยื่นหน้ามาจนใกล้ผม จนเกือบจะกระซิบที่หูผมอยู่แล้ว กลิ่นเหล้าระเหยออกมาจากลมหายใจของมันจนผมได้กลิ่น
 “พี่รังเกียจจนไม่อยากให้ผมไปนั่งหน้า ข้างๆพี่เลยเหรอ” ผมไม่แน่ใจว่านี่คือคำถามหรือมันคิดว่าผมเป็นแบบนั้น

ผมหันไปตอบมันอย่างระอา หน้าเราใกล้กันจนผมใจเต้นแรง “ก็มึงบอกกูเป็นแท็กซี่ กูให้มึงนั่งข้างหลังก็ถูกต้องแล้วนี่”
 เกี๊ยงมันหลับตานิ่ง หรือมันจะหลับไปแล้วก็เป็นได้  มันอาจจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดเลย
 “กูถามมึงคำถามนึง กูฟังมึงพูดอะไรแปลกๆมานานแล้ว ” ผมเงียบไปเริ่มลังเลว่าควรจะพูดต่อดีรึเปล่า ผมกำลังจะล้ำเส้นมันมากจนเกินไป  แต่ผมไม่ชอบอะไรที่มันไม่ชัดเจน

“มึงมีปัญหาอะไรกับกูรึเปล่า?”
น้องเกี๊ยงเอียงคอทำหน้าเบลอๆ กะพริบตาปริบๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ เปิดโอกาสให้ผมได้มองมันเต็มๆ ตา นี่เราใกล้กันเกินไปแล้ว มันย้อนถามผมสั้นๆว่า “เช่น?”
ไม่ต้องคิดนานผมตอบไปได้ทันที “เช่น...ไม่ชอบหน้ากู”

คราวนี้น้องเกี๊ยงหัวเราะเบาๆ ถอยหลังไปนอนกลิ้งไปมาอยู่หลังรถผม แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าสิ่งที่ผมพูดมันน่าหัวเราะเสียเต็มประดา  ผมออกรถอย่างหงุดหงิด ผมไม่เคยจัดการอะไรไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว แต่ทำไมเรื่องของน้องเกี๊ยงมันถึงก่อกวนทั้งตัวและใจของผมได้ขนาดนี้ ผมโมโหมันที่มันหัวเราะ เหมือนผมเป็นตัวตลก ผมไม่อยากพูดต่อแต่ก็จำใจต้องถาม “บ้านมึงอยู่ไหน?”
“กะ..กรุ...” เสียงพูดกลั้วเสียงหัวเราะยังพูดไม่จบ แต่ผมรีบขัดมันขึ้นมาก่อน
“มึงไม่ต้องมาร้องเพลงให้กูฟังเลยนะ กรุงเทพมหานครอะไรนั่น พอเลย”
“อ้าว...ก็พี่ถาม ผมก็จะบอกว่า ผมอยู่...กรุงเทพมหานคร อมร....”ผมก็ห้ามมันไม่ได้อยู่ดี เสียงร้องของมันยังดังต่อเนื่องไปตลอดทาง ผมส่ายหัวอย่างปลงๆ ก็รับอาสาพามันมาส่งแล้วนี่ทำยังไงได้ สุดท้ายผมก็ต้องพามันมานอนที่บ้านผมอีกครั้ง รถเลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ผมลงไปเปิดประตูกำลังจะขับรถเข้า แต่เกี๊ยงมันก็ทะลึ่งเปิดประตูกระโดดลงจากรถผมอย่างไม่มีบอกกล่าวกันก่อน  ดีที่ผมเหยียบเบรกทัน มันก็เลยไม่ต้องหกล้มให้หน้าเสียโฉม ผมจอดรถแล้ววิ่งไปดึงแขนคนเมาที่สุดจะดื้อให้หันมาฟังผมบ้าง
“เชี่ย...เอ๊ย มึงจะบ้าเหรอวะ ลงมาทำไม เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาใครรับผิดชอบวะ” มันสะบัดมือผมออก หันมาพูดกวนประสาทผมอีกจนได้

“พี่ไม่ต้องรับผิดชอบผมหรอก ก็ผมสัญญากับพี่แล้วงาย...ว่าผมจะไม่มารบกวนพี่อีก”
*********************
 :n1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
คนมีใจ กับคนยังไม่มีใจมันต่างกันแบบนี้นี่เอง

น้องเกี๊ยงน่าสงสารจริงๆ
สู้ๆนะน้องเกี๊ยง ตอนนี้พี่หนุ่ยมันยังซื่อและบื้ออยู่มาก

บวก 1 นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

wan2055

  • บุคคลทั่วไป
หุหุ  รอลุ้น
มาต่อเร็วๆน๊า

ออฟไลน์ zingiber

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
สงสารน้องเกี๊ยงจัง เมื่อไหร่พี่หนุ่ยจะรู้ใจตัวเองซะทีน๊า

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
มาให้กำลังใจน้องเกี๊ยง

พี่หนุ่ยใจร้าย  :sad11:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
 แอร๊ยยยยยยยย อ้อยรีเทิร์นนนนนนนน  อารมณ์หมั่นไส้แบบไม่มีเหตุผล o12

นี่่ชียังตัดใจไม่ขาดอีกเหรอ หรืออะไรยังไง

พอบอกว่าน้องเกี๊ยงก็นั่งอยู่กับอ้อย  งงแดรกไปขั่วขณะ ไปรู้จักกันตอนไหนฟระ  พอระลึกชาติ เออ ใช่เค้ารู้จักกันนี่หว่า 555  อารมณ์หายไปนานจนลืม (งานรับปริญญา น้องเกี๊ยงยังไปถ่ายรูปให้อยู่เลย)

หนุ่ยนี่มาแนวเดียวกับฝัน(ตอนแรก)เลยเหอะ  เจ้าน้องเกี๊ยงก็เหมือนจะสื่อความรู้สึกกลาย ๆ  ทั้งเรื่องที่บอกว่า ไม่เคยอยู่ในสายตา ทั้งเรื่องที่แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ยังอยากพิสูจน์ 
 

แต่ชอบฉากสุดท้าย ยังไงไม่รู้ 555 สะใจเล็ก ๆ :laugh: ที่น้องเกี๊ยงโดดลงจากรถ เพราะไม่อยากเข้าไปบ้านหนุ่ยอีก หึหึ

“พี่ไม่ต้องรับผิดชอบผมหรอก ก็ผมสัญญากับพี่แล้วงาย...ว่าผมจะไม่มารบกวนพี่อีก”
 :m4:
+1 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2010 02:54:22 โดย Ak@tsuKII »

morrian

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: น่าสงสารน้องเกี๊ยงจริงๆ

คนที่เรารัก เราก็อยากให้เค้านึกถึงเรา

มองเห็นเราอยู่ในสายตาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร

เราก็มักจะนึกถึงเค้า แต่ตรงกันข้ามกับคนที่เค้า

ไม่มีใจให้ ทำอะไรให้ไปก็เท่านั้น  :z3:

b_hihi

  • บุคคลทั่วไป
น่ารัก
ทำไมไม่คนแอบชอบผมแบบนี้บ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ก็วสงสารน้องเกี๊ยงนะ...แต่ก็ไม่เข้าใจน้องเกี๊ยงด้วย...สรุปว่านอกจากปัญหารักคุดแล้ว มีปัญหาอื่นรึเปล่า?

ยังเข้าข้างพี่หนุ่ยต่อไป หึหึ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
เกี๊ยงเอ้ยเมาหัวราน้ำเลย...ประชดประชันเก่งที่หนึ่งเลยอ่ะ
เฮ้อ จะน้อยใจทำไมกับคนที่มันไม่สนใจเราฟ่ะแต่ก็นะคนที่ไม่รู้มันก็ยังคือคนที่
ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรของใครๆเค้าหรอก......เฮ้อบอกไปสิว่ารู้ยังไงเป็นยังไง
จะกลัวไปไยฟ่ะ
+1

Ploy-Tawan

  • บุคคลทั่วไป
หนุ่ย กินชาดำเย็นมากไปรึเปล่าฮึ  :serius2:
เรื่องหัวใจคนอื่น (ใหญ่) มองเห็นทะลุปรุโปร่ง
เรื่องหัวใจตัวเองเป็นเส้นผมบังภูเขาไปซะงั้น
รอดูวันที่ไม่มีน้องเกี๊ยง

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
ผมเริ่มทนไม่ไหวผมไม่เคยเจอเด็กดื้อให้ต้องมาปราบแบบนี้เลย ผมกระชากแขนลากมันให้เดินเข้าบ้านอีกครั้ง แต่มันก็ยังโวยวายสะบัดแขนไม่ยอม
“ไม่ปายย...ผมไม่เข้าบ้านพี่อีกแล้ว ในเมื่อเจ้าของเค้าไม่เต็มใจผมก็มีศักดิ์ศรีพอ ม่ายปายยย...เจ็บนะ”มันยังโวยวายไม่เลิกในขณะที่ผมเริ่มเหนื่อยกับมัน ผมพูดโดยยังไม่ปล่อยมือมัน
“ศักดิ์ศรีเหรอ ถ้ามึงไม่เข้าบ้านไปคุยกับกูให้รู้เรื่องคืนนี้ มึงก็ไปเลย เก็บเอาศักดิ์ศรีมึงกลับไปด้วย แล้วมึงกับกูก็ถือว่าพอกันที กูจะไม่ยุ่งกับมึงอีก ถือว่ากูไม่เคยรู้จักมึง ไอ้เตี้ย!”

 ไอ้เกี๊ยงมันหยุดดิ้นทันทียืนก้มหน้านิ่ง ยกมือขึ้นปาดหน้าเช็ดน้ำตาที่ร่วงลงมา ผมเห็นแล้วก็ต้องถอนหายใจ ผมตัดสินใจไม่รอฟังคำยินยอมจากมัน ลากมันเดินเข้าบ้านแล้วผลักมันลงนั่งที่โซฟาตัวเดิม ผมจัดการเอารถเข้าบ้านปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้าบ้าน น้องเกี๊ยงสิ้นฤทธิ์นอนตะแคงบนโซฟาที่ผมมาเหวี่ยงมันเอาไว้ แต่คราวนี้ผมคงต้องปลุกมันมานั่งคุยกันให้รู้เรื่อง
“เตี้ย!...ไอ้เตี้ย!” เงียบ มันไม่มีที่ท่าว่าจะตื่นทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเหวี่ยงใส่ผมอยู่แท้ๆ มันเป็นคนที่นอนง่ายเท่าสุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมา ผมลุกไปเอาผ้าชุบน้ำเย็น ชงกาแฟดำมาอีกครั้ง  “ทำไมกูต้องมาทำอะไรซ้ำๆแบบนี้ด้วยวะ”
ผมค่อยๆเดินเข้ามานั่งอยู่ต่อหน้ามัน บ่นกับตัวเองพร้อมส่ายหน้าไปด้วย “กูคงเป็นหนี้มึงชาติที่แล้ว”

 ผมเอาผ้าเย็นค่อยๆเช็ดหน้ามัน แรกๆน้องเกี๊ยงหันหน้าหนีผม ส่งเสียงอื้อๆอ้าๆ ผมต้องเอามือจับใบหน้ามันเอาไว้เห็นมันแล้วผมก็อ่อนใจ ต้องทำเสียงปรามมันไปอีกที แต่นุ่มนวลขึ้น “อยู่นิ่งๆสิ พี่จะได้เช็ดหน้าให้”
คราวนี้น้องเกี๊ยงหยุดหันหน้าหนีผม ผมถึงรู้ว่ามันไม่ได้หลับสนิท ผมเช็ดใบหน้ามันอย่างช้าๆแล้วพูดไปด้วย “ถ้ามึงมีเรื่องอะไรก็บอกพี่ได้ พี่ไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ แต่ก็พอมีสติปัญญา ช่วยรับฟัง ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้มึงได้” ผมเปลี่ยนมาเช็ดคอเช็ดแขนมัน ปากก็ยังสอนมันไปด้วย
“การดื่มเหล้ามันไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้หรอก พอเราสร่างเมา ไอ้ปัญหานั่นมันก็กลับมาวนเวียนอยู่ในใจเราได้อีก”

อยู่ๆน้องเกี๊ยงลืมตาขึ้นดวงตาแดงก่ำ มันจับมือผมไว้แน่น แล้วมองผมเศร้าๆ “ผมเศร้านะพี่ พอผมดื่ม ผมจะได้หลับ ผมหยุดคิดไม่ได้เลย มันอยู่ในนี้ตลอด” น้องเกี๊ยงเอามือทุบอกตัวเองแรงๆจนผมกลัวมันจะตายเพราะมือตัวเอง ผมต้องยึดมือมันเอาไว้
“พอแล้ว ทุบไปได้ ไม่เจ็บรึไง?”
“เจ็บสิพี่ เจ็บที่สุดเลย”
 น้ำเสียงสั่นๆของมันเหมือนเด็กที่หลงทาง เข้ามาอ้อนขอความช่วยเหลือ จนผมสงสารเอามือลูบหน้าลูบหัวมัน ผมถามด้วยเสียงนุ่มนวลไปว่า “อยากเล่ามั้ย”

น้องเกี๊ยงมันยิ้มกว้างแล้วคว้าเอามือผมไปกอดไว้ที่อก พยักหน้าเหมือนเด็กๆ“อื้อ อยากดื่มเหล้าอีก พี่ให้ผมดื่มได้เหรอ”
มันทำเอาผมต้องได้ดุมันอีกครั้ง ผมดึงมือออกจากอกมันแล้วตบหัวมันไปที ต้องขึ้นกูขึ้นมึงอีกจนได้ “กูหมายถึงอยากจะเล่าเรื่องให้กูฟังมั้ย ไม่ใช่ให้ไปดื่มเหล้าอีก ไอ้เตี้ยนี่มันเป็นยังไงวะ”
คราวนี้มันลุกขึ้นนั่ง ทำปากแบะ หน้างอเอามือคลำหัวป้อยๆ “ผมไม่รู้นี่ ก็พี่พูดไม่ชัดเอง”
ผมขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งข้างๆมัน จะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที พยายามสงบจิตใจพูดเข้าเรื่องอีกครั้ง “งั้นพี่ถามอีกที อยากจะเล่าอะไรให้พี่ฟังรึเปล่า”
 มันพยักหน้า บอกผมเสียงอ่อยๆ เอามือมาเกาะแขนเอาหัวมาอิงไหล่ผม “ผมกะมาหาพี่ตั้งแต่คราวก่อน แล้วพี่ก็ดุผม”
“แล้วมึงก็งอน เปิดตูดกลับไป ไอ้เตี้ยเอ๊ย ขี้งอนยังกับเด็กๆ” ผมเอามือขยี้หัวมันแรงๆ เผื่อขี้เลื่อยในหัวมันจะร่วงลงมาบ้าง มันสะบัดหัวหนีมือผม

“อื้อ ไม่ได้งอนนะ แต่กำลังเสียใจ ที่ใครๆก็ไม่รัก ก็เลยต่อมน้อยใจแตกเท่านั้นเอง” ยิ่งคุยไป ผมยิ่งรู้สึกเหมือนมันเป็นน้องคนเล็ก ที่ชอบอ้อน ชอบงอแง
“ตกลงมึงจะเริ่มเล่าให้พี่ฟังได้รึยัง นี่มันจะตีสองอยู่แล้ว กูเอ๊ย...พี่ง่วงแล้วเว้ย” น้องเกี๊ยงหัวเราะกิ๊ก ทำหน้าระรื่น จนผมตามอารมณ์มันไม่ทัน
“พี่หนุ่ยตามสบายเถอะ นึกเสียว่าพี่เป็นญาติผู้ใหญ่ อยากเรียกพี่ เรียกกู  แล้วแต่ชอบเลยพี่ ไม่ต้องเกรงใจ” ผมกำลังจะเอ็นดูมัน ก็ต้องเผลอด่ามันอีก “มึงนี่ชอบลาม”
“ไม่พี่ ผมชอบธรรมศาสตร์มากกว่า รามฯผมว่าไกลไป ผมไปไม่ถูก หึหึ”
ผมฟังมันพูดแล้วส่ายหัวอย่างจนปัญญา ผมคงไม่มีสมองหรือสติมานั่งโต้ตอบมันตอนตีสอง ยังไงก็เถียงสู้มันไม่ไหว ผมโบกมือให้มันหยุดพูด “มึงเล่าเรื่องมึงมาดีกว่า กูขี้เกียจปวดกบาลกับสำบัดสำนวนของมึงแล้ว”

คราวนี้มันหน้าสลดลงไปทันที  เงยหน้ามองผมด้วยน้ำเสียงอ่อนเศร้า ก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องของมัน
“พ่อกับแม่ผมจะหย่ากัน” ผมว่าปัญหานี้มันเป็นปัญหามนุษยชาติไปแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องธรรมดา ตราบใดที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเราเอง
“พ่อมีคนใหม่ หึหึ” เสียงหัวเราะของมันเหมือนเย้ยหยันชีวิต “ในอายุหกสิบกว่านะพี่ อยู่กับแม่ผมมาสามสิบกว่าปี พอจะเลิกกัน แม่ผมไม่มีอะไรดีเลย”
“แล้วแม่ว่าไง”
“แม่ก็ร้องไห้ทุกวัน ทุกคืน ขอร้องพ่อให้กลับมา แต่พ่อไม่แม้แต่จะรับสาย ผมสงสารแม่นะพี่” น้ำตามันไหลออกมาจนได้ครับ มันเอาหลังมือปาดหน้าตัวเอง เช็ดน้ำหูน้ำตาพัลวัน แต่ยังฝืนส่งยิ้มให้ผม “ขอผมร้องนะพี่ มันไม่ไหว”

คราวนี้มันชันเข่าขึ้นแล้วนั่งร้องไห้เหมือนวันนั้น วันที่มันมาหาผม เสียงสะอึกสะอื้นของมันไม่ดัง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ใจผมเศร้าไปด้วย ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นคนอ่อนไหวขนาดนี้  ผมโอบไหล่มันแล้วรั้งตัวน้องเกี๊ยงเข้ามากอดปลอบ ตบไหล่มันเบาๆ
“พ่อเค้าก็คงเลือกทางของเค้าแล้ว โตๆกันหมด ไม่มีใครเลือกทางให้ใครได้หรอกเกี๊ยง”
มันพยายามตอบผมเสียงอู้อี้ น้ำตายังเต็มตา ไหลไม่หยุด  “ผมรู้พี่ แต่มันก็ยังเสียใจ เหมือนพ่อหมดรักเรา ปิดสวิทช์ความรักครอบครัว มันปิดกันง่ายๆเหมือนปิดไฟเลยเหรอพี่”
“ไม่ขนาดนั้นมั้ง พี่คิดว่าพ่อเค้าก็ยังคงรักลูกอยู่ แต่ตอนนี้เค้าก็คงไม่อยากเข้าหน้าทางนี้ เพราะเค้าเลือกทางใหม่ไปแล้ว เราต้องทำใจนะ”
ผมลูบหัวปลอบมันไปด้วย พยายามทำจิตใจให้เข้มแข็ง “เกี๊ยงมีพี่น้องรึเปล่า”
มันพยักหน้า “ผมมีพี่สาวอีกคนครับ”
“อืม...เกี๊ยงกับพี่สาวก็ต้องเป็นกำลังใจให้แม่ คอยอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจเค้า บอกเค้าว่ายังไงเค้าก็ยังมีเรา มีลูกไม่ต้องกังวลใจ ไม่ต้องเสียใจไป”
“ผมอยู่กับแม่ไม่ไหวพี่ แม่ร้องไห้ทุกวัน ผมกลับไปบ้านผมก็หดหู่ พี่สาวก็เอาแต่ปิดประตูอยู่ในห้อง ทั้งบ้านมันมีแต่เสียงร้องไห้ ผมเครียดน่ะพี่ ไม่ไหวจริงๆ”

“แล้วเราจะหนีปัญหาไปแบบนี้เรื่อยๆเหรอ” ผมถามมันก็เหมือนถามตัวเองไปด้วย ถ้าผมเจอแบบนี้ผมควรทำยังไง
“ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆพี่ ถ้าผมยังอยู่ตรงนั้น ผมคงไปทำงานให้พี่ไม่ได้แน่ๆ ผมคงไม่มีสมาธิพอ”
“แล้วเราไม่ห่วงแม่เหรอ”
“ห่วงสิพี่ ผมไปหาแม่ทุกวัน ปลอบใจแม่ แต่ถ้าให้ผมอยู่กับแม่ทุกวัน ผมไม่ไหว มันมีแต่ภาพความสุขเดิมๆ มันหลอน”
ผมเอามือแปะหัวมันจับเขย่าแรงๆ “แม่เค้าก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ผ่านอะไรมาเยอะกว่าเรา อีกหน่อยเค้าก็ทำใจได้ แต่ยังไงเกี๊ยงก็ต้องคอยอยู่ข้างๆเค้า รู้มั้ย”
“ครับพี่ แต่ผมจะแก้ปัญหาเรื่องพ่อแม่อย่ากันได้ยังไงล่ะพี่” แววตาของมันเหมือนเด็ก ใสสว่าง ถ้าไม่มีรอยหม่นเศร้าเล็กๆ มันก็คงร่าเริงเหมือนเดิม
“ปัญหาทุกปัญหาที่คิดว่าเป็นของเรา บางทีมันก็อาจจะไม่ใช่ของเราก็ได้นะ อย่าเอาทุกเรื่องมาเป็นปัญหาของเราสิ พ่อแม่เค้าต้องแก้ปัญหานี้เอง ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆเค้าก็ต้องเลิก”
“ผมจะพยายามคิดแบบนั้นนะพี่”

ผมยิ้มเมื่อมันว่าง่ายขึ้น ผมบีบไหล่มันแรงๆ อีกครั้งแล้วลุกขึ้นเหลือบดูเวลา “ตายห่า...ตีสาม มิน่ากูสอนมึงไปง่วงไป โว้วว...” ผมหาวขึ้นมาอีกครั้ง
 “ไปนอนได้แล้วไป แล้วมึงดื่มกาแฟนี่ด้วย กูชงมาให้มึงสองรอบแล้วนะ ไม่ดื่มอีกครั้งกูได้งอนมึงบ้าง”
น้องเกี๊ยงลุกขึ้นคราวนี้มันลามปามเอามือมาโอบไหล่ผม “ขอบคุณครับพี่ อย่างอนนะ ผมง้อไม่ไหวพี่แก่แล้วท่าจะง้อยาก”
ผมส่งตาเขียวไปให้มันยังไม่ทันอ้าปากด่า น้องเกี๊ยงท่าจะรู้รีบบอก “ ผมดื่มก็ด้าย...แต่มันเย็นแล้วนี่”
ผมเหล่มองหน้ามันอีกครั้งแล้วเหลือบไปที่แขนมันบนไหล่ผม มันคงรู้ตัวเลยค่อยๆปลดขนลง “แหะๆ  ดื่มแล้วคร๊าบบ”
น้องเกี๊ยงยกแก้วกาแฟดื่มแล้วหลับตาปี๋ ผมผละจากมันจะเดินขึ้นบ้านไปนอน “พี่หนุ่ยยย...”
ผมขมวดคิ้วหันไปถามมันหน้าดุ “มีอะไรอีก...กูง่วงแล้ว ปัญหามึงยังไม่หมดรึไง”
น้องเกี๊ยงเดินตามผมขึ้นมา เกาะแขนผมทำหน้ายิ้มประจบ ผมเบี่ยงแขนหนีมันก็ไม่ปล่อย
“ผมขอไปนอนข้างบนด้วยคนนะ นอนกับพื้นก็ได้ ไม่อยากนอนคนเดียวอะ” ถ้าผมไม่ยอมมันจะฟังผมมั้ย ผมก็คงต้องต่อล้อต่อเถียงกับมันต่อไปจนเช้าแน่ๆ ผมสะบัดแขนมันแล้วบอกว่า

“จะนอนก็รีบขึ้นมา นอนพื้นนะกูชอบนอนคนเดียว ”
“คร๊าบบบ...” มันไม่พูดเปล่าเอาหัวมาถูไถไหล่ผมอีก ถ้ามันเลียแขนเลียมือผมได้มันคงทำแล้ว จนผมต้องว่ามัน “มึงนี่เป็นหมาเป็นแมวรึไง ชอบมาไซ้กู ปล่อย!”
“พี่อะ แค่นี้ก็ไม่ได้”
ผมเดินนำมันเข้าห้องนอนไป ผมถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียงนอน ในขณะที่มันยืนเก้ๆกังๆเหมือนไม่รู้จะนอนตรงไหน ผมเลยโยนหมอนให้มันใบหนึ่ง แถมด้วยผ้าห่มผืนบาง “นอนซะ”
น้องเกี๊ยงล้มตัวลงนอนข้างๆเตียงผมนั่นเอง ผมนอนตะแคงหันหลังให้มันแล้วหลับตา
น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ผมหาวแล้วหาวอีก แต่พอจะนอนเข้าจริงๆกลับข่มตาให้หลับไม่ลง คงเหมือนอีกคนที่นอนอยู่ไม่ไกลจากผม ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาหลายครั้งดังขึ้นมาในความเงียบ ก่อนเสียงเรียกเบาๆของมันจะทำให้ผมไม่ได้หลับจนได้ “พี่หนุ่ย...หลับรึยัง”
“หืม...มีอะไร”
“พี่เชื่อมั้ย  ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยนะ”
“อืม...”
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับผม มันช็อกน่ะพี่”

“อืม...” ผมพลิกตัวหันมาข้างที่มันนอนอยู่ ความมืดทำให้ผมไม่เห็นอะไรชัด แต่เมื่อใช้เวลาไม่นานผมก็เห็นแสงแวววาวจากสายตาของมันมองผมจากในความมืด
 “มึงโตแล้วนะ มีเรื่องอีกมากที่ต้องเจอ แล้วมึงจะรู้ว่า ไม่ว่าเรื่องไหน สุดท้ายแล้วมันก็จะจบลง”
“ครับพี่”
“ตอนนี้มึงก็เหมือนอยู่ในความมืด หาแสงสว่างไม่เจอ แต่มึงลองมองไปนานๆ เดี๋ยวมึงก็จะเห็นทุกอย่างชัดขึ้นเอง”
เสียงมันผ่อนลมหายใจเบาๆ “ผมไม่ชอบเลยพี่ มันมืดจนผมกลัว”
“มึงจะกลัวอะไร มีมืดก็มีสว่าง มีกลางคืนก็มีเช้า ชีวิตมันก็แบบนี้” น้องเกี๊ยงขยับตัวลุกมานั่ง มันเข้ามาที่เตียงผมเอามือมาเท้าคางมองหน้าผมในความมืด มันกะพริบตาถี่ๆ พูดเสียงอ่อนเบาเหมือนกลัวๆกล้าๆ
“ในความมืด พี่หนุ่ยจะคอยนำแสงสว่างมาให้ผมได้มั้ย ผมไม่รู้จะหันไปหาใคร” ผมสงสารมันเหมือนสงสารตัวเอง มันก็เดียวดายเหมือนบางครั้งที่ผมเป็น ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน
“ไอ้เตี้ยเอ๊ย   พี่เองยังเอาตัวรอดไปวันๆ จะไปหาแสงสว่างที่ไหนมาให้มึง พี่ไม่ใช่หิ่งห้อยนะจะได้มีแสงในตัว”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่ก็เป็นหิ่งห้อยให้ผม พี่เริ่มแล้วนะ พี่ก็ต้องสานต่อ” มันพูดแล้วก็ยิ้ม ตาเป็นประกายแวววาว ทำลอยหน้าลอยตาให้ผม

มือที่กำลังลูบหัวมันหยุดนิ่งไปอย่างไม่เข้าใจ “กูไปเริ่มอะไร เริ่มตรงไหน”
“พี่เริ่มเข้ามาในชีวิตผมแล้ว ไม่ใช่แค่เมียงๆมองๆอยู่ข้างนอก เข้าแล้วก็ต้องอยู่ไปให้ตลอด ผมไม่ให้พี่เปลี่ยนใจทิ้งกันไปได้หรอก” มันกับผมมองหน้ากันนิ่ง ผมก้าวข้ามเส้นไปแล้วจริงๆ
เอาแล้วไง ผมพึมพำกับตัวเอง “ซวยแล้วสิกู” ผมหันหลังให้มันทันที “ไม่เอาแล้วเว้ย กูจะนอน”
น้องเกี๊ยงยังคงสะกิดหลังผม หัวเราะหึหึ “สัญญาแล้วน้าพี่หนุ่ย”
“อื้อ...ไม่สัญญา นอนๆๆ” ผมเบี่ยงตัวหนีมัน
ได้ยินเสียงมันพูดกับตัวเองกลั้วเสียงหัวเราะ “สัญญาสิ สัญญา”
************************
ขอบคุณที่ยังอ่านกันอยู่นะคะ  :L2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
เด็กน้อยขาดความอบอุ่นขาดที่พึ่ง เล่นอะไรเป็ฯเด็กๆอย่างที่สุด
เข้ามาในใจแล้วห้ามอิพี่หนุ่ยไปไหนชิมิลูก.....น่ารักกกกกกกก
คนเรานี่ดูกันแต่ภายนอกไม่ได้เลยนะเนี่ย ปากหมา ร่าเริงเหมือนจะไม่มี
ความทุกข์ร้อนอะไรแต่...แค่เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ข้างในคนเดียวอ่ะนะ
ลูกผู้ชายจะ้ร้องไห้ให้พี่สาวให้แม่เห็ฯได้ยังกัน เฮ้อ
+1 คะ

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4:

สงสารน้องเกี๊ยงอ่า

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
โห...น้องเกี๊ยง มีปัญหาครอบครัว...ดูซึมผิดฟอร์มไปเลย (แต่ก็ยังกวนอยู่)

ส่วนพี่หนุ่ย ตอนนี้กลับมาท๊อบฟอร์ม เป็นพี่หนุ่ยที่คอยให้คำแนะนำ รับฟังปัญหาเช่นเคย ....ชอบอ่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เด็กน้อยกำลังอ่อนแอเดินอยู่ในความมืดมนหาแสงสว่างไม่เจอ พี่หนุ่ยไม่เห็นใจเด็กมันมั้งเหรอ   :m13:  :m13:

wan2055

  • บุคคลทั่วไป
น้องเกี๊ยงน่าสงสารอ่ะ
ตอนนี้พี่หนุ่ยค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย 
ขอบคุณที่มาต่อค่า

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
หลังจากฉุดกระชากลากถู  ดีนะยังคุยกันได้

สรุปน้องมีปัญหาครอบครัวนี่เอง เฮ้ออออออ สงสาร

อิพี่หนุ่ย คะแนนบวกขึ้นมานิดนุง  555

+1  น้องเกี๊ยงขี้อ้อนนนนนนน  ลัลล้าาาาาาาา อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






McDeliVery

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน สอบซะนาน


พอเข้ามาก็เจอช็อตเด็ดเลย


 :o8:


คิดถึงไรเตอร์นะค๊าบบ  :กอด1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยนิสัยดี
พี่หนุ่ยมีน้ำใจ
พี่หนุ่ยเข้ามาในชีิวิตน้องเกี๊ยงแล้ว ต้องอยู่ช่วยน้องไปตลอดสิ
น้องมีปัญหาชีวิต เข้าใจใช่มั้ย  :monkeysad:

บวกอีก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ
จะตามอ่านต่อไปเรื่อยๆค่ะ

morrian

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: ยังอ่านอยู่สิค้าบ เรื่องออกจะน่าติดตามขนาดนี้

พี่หนุ่ย กะน้องเกี๊ยง  :กอด1:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
 :oni1:  วิ่งมารอ อิพี่หนุ่ย กะ น้องเก๊๊ยงงงงงงงงง

สาวบ้านนอก

  • บุคคลทั่วไป
มาติดตามคู่เจ้าปัญหากันต่อค่ะ :z2:
*******************
หลังจากคืนนั้นน้องเกี๊ยงมันก็มาพัวๆ พันๆ กับผมตลอด แต่ดูท่าทางมันจะผ่อนคลายมากขึ้น กลับมากวนตีนผมได้ต่อ  มันไม่ได้พูดเรื่องที่บ้านอีก ผมก็เลยไม่ถาม ถ้ามันมีอะไรมันก็คงบอกผมเอง ผมยังคงรักษาระดับความห่างกับมันเท่าเดิม แต่มันเองกลับก้าวเข้ามาในกรอบของผมเพิ่มมากขึ้นไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว ทั้งที่มันบอกว่าผมเองที่เข้าไปในชีวิตมัน ตอนนี้เลยเหมือนต่างคนต่างแทรกเข้าไปในช่องว่างของกันและกัน

“โหล...พี่หนุ่ยงานผมเสร็จแล้วนะ วันนี้จะเอาไปให้ดูที่บ้านนะ เจอกันสองทุ่ม”
“เฮ้ย...”
ผมยังไม่ทันตอบมันไปว่าผมว่างรึเปล่า มันก็วางสายไปเสียก่อน ผมไม่มีเวลามาคิดว่าผมจะเจอมันได้ไหมในเวลานั้น ได้แต่ทำงานของผมต่อไปเรื่อยๆ จนบ่ายสามบอสมาบอกว่ามีลูกค้าต่างประเทศวอร์คอินเข้ามาดูสินค้า
การประชุมคุยงานกับลูกค้ายืดเยื้อกว่าที่คิด เพราะต้องสรุปให้เสร็จภายในวันนี้ ผมต้องพาลูกค้าไปดูงานที่โรงงานบางพลี แล้วพาลูกค้าไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ำนั้นเลย ผมหิวจนแสบท้องเลยแวะกินข้าวที่หน้าปากซอยก่อนเข้าบ้าน  กว่าจะได้กลับถึงบ้านก็สามทุ่มกว่า พอมาถึงบ้านผมถึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีไอ้เด็กดื้อมันบอกว่าจะมาหาผมที่บ้านตอนสองทุ่ม ตอนนี้ไอ้เด็กดื้อนั่นนั่งหลับอยู่หน้าประตู...ที่เดิมที่มันเคยนอน

ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วเดินออกมาดูน้องเกี๊ยงที่หน้าบ้าน เอานิ้วจิ้มมันเบาๆมันก็ยังไม่รู้สึกตัว
“หลับง่ายจริงเลยนะ ไอ้เตี้ย”
“เตี้ย! ตื่นดิ”
 ผมก้มตัวลงเรียกมันเสียงดังๆ มันก็ยังหลับแถมขยับปากเคี้ยวจับๆอีกเหมือนเคย ดูแล้วก็ยิ่งเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ ผมเอามือแปะบนหัวมันแล้วจับโยกไปมา “ตื่นๆๆๆๆ ไอ้เตี้ยหมาตื่น”
“อื้อ....อะไรอ่า” น้องเกี๊ยงมันสะบัดหัวหนีมือผม แหงนหน้าขึ้นมามองแล้วหาวปากกว้าง ยังดีที่มันยอมตื่น ถ้ายังไม่ตื่นอีกผมคงต้องเรียกรถปอเต็กตึ๊งมารับศพมันแล้ว
“หูย...พี่หนุ่ยมาช้าอะ แก่แล้วก็งี้” น้องเกี๊ยงมันโวยใส่ผม ลุกขึ้นยืนสะบัดแข้งขา แล้วชูมือขยับเอี้ยวตัวเป็นเกลียวบิดขี้เกียจ
“ก็กูติดงาน แล้วนี่มานานแล้วรึยัง” มันหลับตาพยักหน้าเหมือนยังง่วงๆอยู่ แต่ก็ยังไม่วายบ่น
“นานดิ ก็บอกพี่ไปแล้วว่าจะมาสองทุ่ม แล้วดูดิ๊มาตอนนี้ ไม่ตรงต่อเวลาเลย เป็นผู้ใหญ่ยังไงกัน” มันย่นหน้าใส่ผม คงนึกว่าตัวเองเป็นหมาปักกิ่ง

“ก็มึงโทรมา กูยังไม่ทันบอกเลยว่าว่างรึเปล่า ก็รีบร้อนวางสายไป วันหลังหัดฟังคนอื่นมั่ง นี่ว่าจะไม่ด่าแล้วนะ” ผมอดไม่ได้ต้องกอดอกยืนดุมันอยู่หน้าบ้าน  แต่ผมไม่รู ้ว่ามันจะรู้สึกรู้สารึเปล่า น้องเกี๊ยงยกมือไหว้ผมเหนือศีรษะสูงเหมือนอย่างกับจะไหว้เจ้า ไม่บอกก็รู้ว่ามันประชด
“สาธุ...ไม่ด่าเลยนะพี่ โอเคร เคร ผมผิดเอง กระผมมันไม่มีมารยาทเอง วันหลังผมจะรอพี่ตอบรับก่อน ใช่มะ ที่ต้องการ” คราวนี้มันหน้างอเลยครับ
“พอๆๆเลย กูขี้เกียจเถียงกับมึง เหนื่อย” ผมทำใจไม่โกรธที่มันกวนตีนผม ออกจะเห็นใจที่มันคงมารอนาน ผมโอบไหล่มันแล้วดึงตัวเข้าบ้าน
“กูก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ติดงานด่วนจริงๆ ที่จริงเอางานไปให้ดูที่ทำงานก็ได้นะ ไม่ต้องมาถึงบ้านหรอก” พอผมพูดดีด้วย น้ำเสียงมันก็ร่าเริงขึ้นมาเหมือนกัน
“อยากให้พี่เห็นฝีมือผมไง มันตื่นเต้น อยากรู้ว่าต้องแก้อะไรรึเปล่าด้วย อยู่ที่ทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน”

เราเดินตามกันเข้ามาในบ้าน วันนี้คงเป็นวันแรกที่มันเดินมาดีๆ สติครบไม่ต้องให้ผมประคองมา “นั่งก่อน กินอะไรมายัง” น้องเกี๊ยงยังไม่ทันตอบผมเสียงท้องของมันก็ร้องดังจนผมรู้ว่ามันคงหิวมาก มันหัวเราะแหะๆ เกาหัวแกรกๆ
“ไม่ได้กินอะไรมาเลย ไส้จะขาดแล้ว”
“บ้านพี่ไม่มีอะไรกินซะด้วยสิ มีแต่นม เอาปะ” ผมหันไปจะไปถามมัน แต่ปรากฏว่ามันมายืนส่องตู้เย็นอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  ผมเลยหันมาชนตัวมันอย่างไม่ตั้งใจ
 “เอ๊า มายืนเงียบๆ” ผมออกจะอึดอัดในความใกล้ชิดเลยเดินขยับตัวหลีกออกไปหยิบแก้ว  น้องเกี๊ยงจับแขนผมไว้ทั้งสองข้าง
  “ผมไม่ชอบดื่มนม แต่ถ้านมผสมเหล้าเอา หุหุ” ผมยกมะเหงกเขกหัวมันไปที
“ให้มันเป็นเวล่ำเวลามั่ง เหล้าน่ะดื่มไปมากๆ จะไม่ได้ตายตอนแก่นะเว้ย ถ้าไม่เอานมก็ไม่มีอะไรให้กินนะ”
มันทำหน้ามุ่ยบ่นกะปอดกะแปด “ดื่มก็ดื่ม ทำไมพี่ไม่เคยมีทางเลือกให้ผมเลย คราวก่อนก็ให้ดื่มกาแฟขมๆ คราวนี้ก็ให้ดื่มนมอีก เฮ้อ เป็นนักโภชนาการด้วยรึไง”

ผมยื่นแก้วนมให้มันก่อนที่จะบอกมันว่า “ไอ้เตี้ย เลิกบ่น จะกินนมอย่างเดียว หรือจะกินกำปั้นด้วยเป็นกับแกล้ม ปากดีนักนะมึง”
มันดื่มนมไปก็รื้องานให้ผมดูไปด้วย แต่ผมยังไม่อยากดู “พี่ไปอาบน้ำก่อนได้มั้ยวะ เหนียวตัวมากเลย รอแป๊ปนะ”
“หูยพี่ อะไรอะ คนเค้ามารอตั้งนานยังมาลีลาอีก เกิดจะมารักษาความสะอาดเป็นคุณหนูอนามัยอีกแล้ว...”
ผมฟังแล้วไม่พูดอะไรแต่กอดอกมองหน้ามันนิ่ง   คราวนี้น้องเกี๊ยงมันหุบปากสนิทเลยครับ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงตะกุกตะกัก จนเกือบจะสั่น พูดด้วยกับผมแต่ก็หลบตาไม่ยอมมองตรงๆ
“เอ่อ...ผะ...ผมรอเองพี่ รอมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว จะรออีกสักแป๊ปก็คงไม่เป็นไรเนอะ ยังไงผมก็ไม่ละลาย แหะๆ”
แล้วมันก็รีบหันหลังหนีผมเลยครับ ผมถึงปลีกตัวไปอาบน้ำได้ อาบน้ำไปผมนึกมาได้ว่า ตั้งแต่ผมมาซื้อบ้านหลังนี้ มีก็แต่มันที่มาป้วนเปี้ยนในบ้านผม แม้แต่ไอ้ฝันที่ว่าสนิทกันมันกลับไม่เคยมาบ้านผมสักครั้ง มันเป็นคนแรกที่มาค้างบ้านผม มันเป็นคนแรกที่เข้ามาหาผมอย่างจริงจัง  ผมเป็นคนสนุกเข้ากับคนง่ายก็จริง แต่น้อยคนนักที่จะมาข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผม ผมอาบน้ำเพลินไปหน่อยพอลงมาข้างล่างน้องเกี๊ยงนอนหลับยาวไปแล้ว นมที่มันบอกว่าไม่ชอบกลับดื่มจนหมดขวดทั้งที่ผมเทให้มันเพียงแก้วเดียว รอยนมยังติดเป็นเขี้ยวอยู่ที่แก้มมันดูแล้วยังไงๆมันก็ยังเด็ก

ผมเข้าไปเขย่าตัวมันปลุกให้มันตื่น “เกี๊ยงตื่นๆ” แต่มันกลับพลิกตัวหนีผมมันคงจะเพลียจริงๆ
ผมตัดสินใจนั่งกับพื้นหันหลังพิงโซฟาที่มันนอนเอางานมานั่งดูเองเงียบๆ งานทั้งหมดกว่ายี่สิบห้าชิ้นผมนั่งพิจารณาทีละอัน  ใช้เวลาไปไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง งานที่มันทำจัดว่าใช้ได้กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นมีที่ต้องแก้อีกนิดหน่อย แต่ก็นับว่าไม่มากสำหรับการร่วมงานครั้งแรกของเรา ผมดูรูปเสร็จต้องบิดเนื้อตัวด้วยความเมื่อย ดูเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วออกจะง่วงอยู่นิดหน่อย ผมกำลังจะลุกไปนอน
“งานผมใช้ได้มั้ยพี่” เสียงเบาๆของมันที่ข้างหูกับน้ำหนักมือมันที่นวดที่ไหล่ผมทำเอาผมสะดุ้ง ยังดีที่ไม่ร้องโวยวายออกมา ตัวเย็นเฉียบไปหมด ตกใจจนต้องผ่อนลมหายใจออกมา พอตั้งสติได้แล้วก็อยากจะทุบมันต้องโวยออกไป
“ไอ้เตี้ย! ทำกูหัวใจจะวาย จะตื่นทำไมไม่บอก เฮ้อ” น้องเกี๊ยงมันหัวเราะขำ กลิ้งตัวไปมา กดท้องเอาไว้ด้วย ไม่รู้ขำอะไรนักหนา
“แค่นี้ก็ต้องตกใจด้วย ฮ่าๆ พี่หนุ่ยพูดอะไรแปลกๆ ถ้าผมจะตื่นก็แสดงว่ายังไม่ตื่น แล้วผมจะบอกพี่ได้ไงล่ะ”
ผมส่ายหัว ก็จริงของมัน มันยื่นหน้ามาข้างหูผมแล้วพูด “งานผมเยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะ ช่างภาพหนุ่มไฟแรงก็งี้ อะไรๆก็บรรเจิดดด”  มันทำเสียงห้าว กร่าง ภูมิใจในงานของตัวเองเหลือเกิน

“ไอ้คนหลงตัวเอง มึงมาดูนี่ มีงานต้องไปแก้” คราวนี้มันเลื้อยห้อยหัวลงมาชะโงกอยู่ตรงหน้าผม โดยเอามือยึดไว้ที่ไหล่ผมทั้งสองข้าง
“ไหนๆ มีได้ไงวะ ผมว่าผมดูดีแล้วนะ”
ผมหันหน้าไปมองมัน หน้ามันอยู่ใกล้ผมจนแทบจะแนบแก้มกันอยู่แล้ว เรานิ่งกันไปทั้งคู่เหมือนตกใจในความชิดใกล้ๆ แต่เหมือนผมจะรู้ตัวก่อน เอามือดันหน้ามันออกไป
“นี่มึงจะนั่งดีๆให้เป็นผู้เป็นคนหน่อยได้มั้ย เลื้อยยังกับงู ทำอะไรเป็นเล่นไปหมด” มันหัวเราะร่วน ก่อนจะเลื่อนไถลตัวลงมานั่งข้างๆผม แล้วคว้างานในมือผมไปดู
“รูปไหนพี่  ตรงไหนที่ผมต้องแก้”
 เรานั่งดูงานกันอยู่ตรงนั้น ค่อยๆดูแต่ละภาพ ผมในฐานะเจ้าของงานชี้จุดที่คิดว่าที่ประชุมจะต้องให้แก้ไขให้มันเห็น เกี๊ยงเองก็ดูตั้งอกตั้งใจที่จะรับไปแก้ไขให้งานดีขึ้น  เราคุยกันจนเพลินกว่าจะรู้ตัวก็ตีสองกว่า ผมคุยไปก็เริ่มง่วงจนโงก น้องเกี๊ยงยังนั่งแก้งานจากคอม ผมต้องเขย่าตัวเรียกมัน
“พี่ไปนอนก่อนนะ ถ้าจะนอนนี่เสร็จแล้วก็ตามขึ้นไปแล้วกัน”
ผมบอกมันแล้วผมก็ขึ้นไปนอน ผมไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไปหากมันจะมานอนที่บ้านผม

 จากวันนั้นมาน้องเกี๊ยงก็มานอนค้างที่บ้านผมบ่อยๆ ทั้งที่บางทีก็ไม่ได้ทำงานให้ผมแต่มันกลับเอางานอื่นมานั่งทำ แถมยังมาถามความเห็นผมเรื่องงานเรื่อยๆ  แรกๆ ผมก็ด่ามันที่มายึดเอาบ้านผมที่ทำงานสำรองของมัน มันก็บอกแต่ว่า
“พี่เป็นหิ่งห้อยของผม แค่มาขอใช้สถานที่แค่นี้อย่าทำเป็นบ่น”
พอผมด่ามันไปอีกมันก็กวนประสาทไม่เลิก จนผมรำคาญ “มึงอยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าลืมแล้วกันว่ากูเป็นเจ้าของบ้าน”
 ฝันไปเถอะที่จะให้ผมพูดว่านึกเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง แค่นี้มันก็ตามสบายซะเคยตัวถ้าผมไปให้ท้ายมันอีก มีหวังอีกหน่อยมันต้องมายึดเตียงผมแน่ๆ ยังไงๆที่นอนของมันก็ยังคงเป็นที่เดิมคือข้างเตียงผม แต่มันก็มานอนบ่อยจนผมต้องไปหาซื้อที่นอนสำเร็จแบบปูกับพื้นไว้ให้มัน น้องเกี๊ยงไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องพ่อแม่อีก ผมหวังว่าเรื่องคงจะเรียบร้อยดี ผมเองก็ลืมไปเสียสนิท จนวันหนึ่งที่ผมกลับบ้านมานานแล้ว น้องเกี๊ยงก็โทรเข้ามาด้วยเสียงแหบแห้ง

“พี่หนุ่ยมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ที่เดิมนะ” มันไม่วางสายไปก่อนอีกเพราะผมเคยด่ามันหลายครั้งว่าเสียมารยาท
“ไปกินเหล้าทำไม พรุ่งนี้มีงานไม่ใช่เหรอ” ผมจำได้ มันบอกผมว่ามันได้งานใหม่พรุ่งนี้ต้องไปรับงาน
“มาฉลองไงพี่ พ่อกับแม่เค้าแยกกันถาวรแล้ว พี่มาเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ ผมไม่อยากนั่งคนเดียว”เสียงหงอยๆของมันเงียบไปได้ยินแต่เสียงถอนหายใจ ก่อนที่มันจะพูดมาอีกครั้ง “รอพี่นะ”   
เจอเสียงแบบนี้เข้าไปผมจะไม่ไปได้ยังไงครับ ผมคงทิ้งมันไปไม่ได้อย่างที่มันว่าจริงๆ  คงต้องสานต่อกันไป

ตอนที่ผมเข้าไปมันก็คงดื่มไปแล้วพอควรครับ น้องเกี๊ยงนั่งอยู่เพียงคนเดียว ผู้คนเต้นรำเสียงคุยครึกครื้นของผู้คนเสียงเพลงสนุกสนานที่ดังอยู่รอบๆ กายดูไม่เข้ากับสภาพของมันตอนนี้เลย ถ้าใครไม่รู้จักมันก็คงมองว่าผู้ชายคนนี้คงกำลังอกหักอยู่ พอผมไปนั่งมันก็ส่งแก้วเหล้าให้ผม ผมส่ายหน้าไม่ยอมรับมันก็ยัดใส่มือพร้อมกับพูดว่า
“ฉลองกันหน่อยพี่... อย่างที่พี่เคยบอกผมจริงๆ ทุกเรื่องมันต้องจบ ตอนนี้มันจบแล้วพี่ เหมือนหนังอินเดีย กว่าจะจบเล่นเอาเหนื่อย เสียน้ำตากันเป็นปี๊ปๆ แต่มันก็จบแล้วจริงๆพี่ ไม่ต้องหนื่อยวิ่งรอบต้นไม้ วิ่งขึ้นเขากันอีก หึหึ ”
จบคำพูดน้ำตามันก็ไหลพอดี ผมนึกว่ามันทำใจได้แล้ว เล่นใส่มุกมาเต็มที่ แต่เอาเข้าจริงคงสะเทือนใจมันไม่น้อยเลย  น้องเกี๊ยงยิ้มให้ผมเอามือปาดน้ำตาแรงๆ จนผมกลัวตามันจะช้ำ
“น่าอายพี่จริงๆ  ผมร้องไห้ให้พี่ดูมากี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้  ผมนี่มันไม่ไหวจริงๆเลยเนอะพี่ อ่อนแอชิ...หาย”  ว่าแล้วมันก็ยิ้มเยาะตัวเองก่อนกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร กูเริ่มชินกับภาพมึงร้องไห้แล้ว ”   
“แล้วแม่กับพี่สาวเป็นไงมั่ง”ผมก็ยังสงสัยอยู่ขนาดน้องชายยังเสียใจขนาดนี้ แล้วพี่สาวกับแม่จะไหวเหรอ
“พี่สาวผมก็ยังเศร้าอยู่ แต่เค้ามีแฟนปลอบ ส่วนแม่ หลังๆเพื่อนเค้ามาชวนไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ เค้าก็เริ่มสนุก เพราะแต่ก่อนแม่ไม่ไปไหนเลย ต้องอยู่ที่บ้านตลอด” ผมพยักหน้ารับรู้ความเป็นไป ดูๆทุกคนรับกับปัญหาได้ดีกว่าที่คิด
“แล้วมึงล่ะ จะเลิกร้องไห้ได้รึยัง ลูกผู้ชายนะ ต้องเป็นหลักของครอบครัว” ผมตบไหล่มันเบาๆให้กำลังใจ
“ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อนะ กูคิดว่าคนอย่างมึงน่าจะเสียใจเรื่องผู้หญิง เรื่องแฟนมากกว่า”
น้องเกี๊ยงหัวเราะทั้งที่น้ำตายังติดอยู่ที่หางตามัน “ผมไม่มีแฟนจะไปกลุ้มเรื่องนั้นทำไมล่ะพี่”
“ทำไมมึงไม่หาแฟน มึงจะได้มีเพื่อน ไม่เหงา” ไม่ต้องมาติดอยู่กับกู ผมอยากจะบอกแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
น้องเกี๊ยงส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ทำไมผมไม่รักใคร” คนวัยรุ่นอย่างมันเจอผู้คนมากมาย หน้าตาก็ไม่ขี้ริ้ว ถ้าไม่เลือกมากก็ต้องมีอะไรสักอย่าง

“ไม่มีคนที่ชอบๆบ้างเหรอ” น้องเกี๊ยงมองหน้าผมทำหน้ายู่ยี่ แล้วนิ่งเงียบไปเหมือนคิด
 “ไม่มี พี่จะมาถามทำไม พี่แก่กว่าผมจนจะเป็นลุงได้อยู่แล้ว ยังโสดสลดเลย ผมก็อยู่เป็นเพื่อนพี่ไง ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกูเลย เป็นน้องก็ดีแล้ว มึงมีแฟนได้มีไปเลย  ไม่ต้องมารอ” ผมอยากให้มันมีเพื่อนคู่คิดจะดีกว่า
“พอเลยพี่ แล้วทำไมพี่ไม่ดื่ม แก่แล้วก็ยังดื่มได้ เค้ากำหนดอายุแค่ขั้นต่ำ ไม่กำหนดที่หน้าตา หึหึ”   
ผมเอื้อมมือไปตบหัวมันทีก่อนจะด่า “มึงนี่ ขนาดเศร้าๆหมายังเต็มปาก ปล่อยๆออกไปมั่ง เก็บไว้เยอะขนาดนั้น ยาก็ไม่ฉีดระวังจะเป็นบ้า”
“โอ๊ย!...พี่หนุ่ยอะ เจ็บนะ ชอบเล่นแรงๆ เดี๋ยวผมโง่ขึ้นมาทำงานไม่ได้ให้ใครเลี้ยงล่ะ”
“ให้พี่มึงเลี้ยงดิ ไอ้ฝันน่ะ เออลืมไป น่าจะเรียกมันมา ไม่เจอกันมาหลายเดือนแล้ว”
“เอาสิพี่ ผมก็คิดถึง”

ผมกดโทรศัพท์หาไอ้ฝัน “โหลว่าไงไอ้หนุ่ย โทรมาดึกนะมึง” เสียงไอ้ฝันงัวเงียรับสาย
“ไม่ว่าไง มาดื่มกัน น้องมึงก็อยู่นี่”
“น้องไหนวะน้องกู กูมีแต่พี่ น้องไม่มี พ่อกูมีเมียเดียว ลูกสอง” เสียงมันหัวเราะมาดังๆ
“แม่ง...กวนตีนโคลนนิ่งกันมาเลย ทั้งพี่ทั้งน้อง น้องเกี๊ยงของมึงไง ” น้องเกี๊ยงเอาหน้ามาใกล้โทรศัพท์ผม ตะโกนเข้าโทรศัพท์ดังๆข้างหูผม จนหูผมแทบแตก “พี่ฝันหวาดดีคร๊าบบบ...”
“อ๋อไอ้เกี๊ยงนี่เอง  นึกว่าใคร กูลืมไปว่ามันไปทำงานกับมึง ฝากตบหัวมันทีด้วย”
น้องเกี๊ยงมันยังเอาหูแนบโทรศัพท์ผมอยู่ พอมันได้ยินมันเลยรีบหลบมือผมที่ตวัดขึ้นไปพอดี มันหลบทันอย่างฉิวเฉียด แล้วหัวเราะอย่างสะใจที่หนีได้ ผมชี้หน้ามันคาดโทษแล้วหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ

“เออ นั่นแหละ มาป่าว กูรออยู่”
“อือฮึ ไม่ไปว่ะ กูนอนแล้วขี้เกียจออกอีก มึงหัวราน้ำไปกับมันสองคนแล้วกัน”
“อะไรวะ มีงี้อีก”
“กูเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ ง่วงนอนว่ะ ไปนอนก่อนนะ อย่าลืมดูแลไอ้เกี๊ยงน้องกูด้วยล่ะ” เสียงไอ้ฝันยังฝากฝังน้องมันต่อไป ผมมองดูคนที่มันให้ผม 'ดู' ผม 'แล' มันด้วยก็ได้ แต่ผมก็ได้แค่ดู ผมจะไปรับผิดชอบชีวิตใครได้

ผมยอมดื่มเป็นเพื่อนมันก็จริง แต่ผมก็ยังมีลิมิตของตัวเอง ในขณะที่ผมแค่มึนๆ น้องเกี๊ยงมันก็เมาไปแล้ว ตาปรือ ช่างพูดช่างคุย “พี่หนุ่ย พี่รู้มั้ย บางครั้งผมมาคิดๆนะ ทำไมผมถึงมาสนิทกับพี่ได้ พี่ว่ามันประหลาดมะ”
“ประหลาดสิ แต่มึงพูดผิดไปอย่างนะ มึงสนิทกับกู แต่กูไม่ได้สนิทกับมึงสักหน่อย”
“หูยพี่...เห็นผมเมา มาพูดให้ผมงงอีก ก็เราสนิทกันไง ผิดตรงไหน” น้องเกี๊ยงเอาแขนมากอดไหล่ผมรัดเสียแน่นเหมือนผมเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมัน
“เราสนิทกันตอนไหน กูขอถาม” ผมปัดแขนมันออกจากไหล่ผม
“ก็แต่นี้และตลอดไปไงพี่หนุ่ยก็...ทำเป็นไม่รู้อีก เอิ้กกก...” น้องเกี๊ยงยิ้มแล้วพยายามนวดไหล่ผมต่อ แต่ผมก็เอามือปัดออกไปอีก
“มึงอย่ามาใช้คำว่าตลอดไป พูดน่ะง่ายแต่ทำยาก” ใจคนยากจะเข้าใจ  ผมไม่เคยเชื่อคำว่าตลอดไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม  ผมเผลอทำหน้าเครียดไปโดยไม่รู้ตัว

น้องเกี๊ยงมันเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างหน้าผม เอามือแตะหน้าผากผม ตัวมันเองขมวดคิ้วมุ่น ทำราวกับผมกำลังป่วยและมันกำลังวัดไข้ให้ ผมต้องสะบัดหน้าหนีมือมัน
“พี่เป็นอะรายน่ะ ไม่สบายรึเปล่า” มันเอามือมาจับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้าง ดวงตาหรี่ปรือ แต่คิ้วยังขมวดเป็นปมอยู่
“กูสบายดีเว้ย มึงแหละเมาแล้ว กลับบ้านได้รึยัง” น้องเกี๊ยงส่ายหน้า เอาหัวมาพิงที่ไหล่ผมแล้วเรอเอิ้กๆ ผมกลัวใจมันจริงๆ กลัวมันอ้วกใส่ผม
“ม่ายกลับบ้านผมนะ ไปนอนบ้านพี่ อย่างเคยน้า” คราวนี้ออกแนวดื้อแต่อ้อน
ผมดันตัวมันออกแต่ก็จับประคองเอวไว้ไม่ให้มันเอียงตัวไปมาหรือหงายหลังไป  ผมพูดกับมันอย่างจริงจัง “บ้านมึงก็มีทำไมชอบมานอนบ้านกู แม่มึงเค้าไม่ว่ารึไงฮึ”
มันยิ้มแล้วส่ายหน้าพูดมั่วไปหมด “แม่ไม่ว่า แม่ให้มา แม่บอกว่าอย่าเป็นเด็กดื้อ ให้เชื่อฟังคุณครู อย่าซน เดี๋ยวครูตี”
ผมหัวเราะก๊ากกก แต่พอนึกขึ้นมาได้ก็หัวเราะไม่ออก ในเมื่อมันเมาเละขนาดนี้ ผมมิต้องพามันกลับบ้านไปกับผมอีกหรือนี่ ผมเรียกบ๋อยมาคิดเงินแล้วบ่นกับตัวเอง  “กรรมของกูจริงๆเล้ย”
*********************
อืมมมม มันจะยังไงต่อหว่าไอ้คู่นี้ :m21:
 

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โห คู่นี้สงสัยจะหนังเรื่องยาว ความสัมพันธ์ยังไม่เดินหน้าไปไหนเลยอะ  หนุ่ยยังไม่อิอะอะไรเลย  ไอ้น้องเกี๊ยงก็มาววววววได้อีก   :z3:

wan2055

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยกะน้องเกี๊ยง  ใกล้เข้าไปอีกนิด อิอิ

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยยังไม่รู้สึกอะไรกับน้องเกี๊ยงเลยเหรอ
น้องเกี๊ยงออกขะน่ารักขนาดนี้  :serius2:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
พี่หนุ่ยไม่หวั่นไหวอะไรบ้างเลยเหรอ
ถ้าน้องเกี๊ยงไม่บอกชัดๆถ้าจะยากนะ
แต่ว่าที่มาของเรื่องนี้ก็เพราะน้องเกี๊ยงบอกนี่นา
รอลุ้นว่าน้องเกี๊ยงจะใช้วิธีการบอกแบบไหนค่ะ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากนะคะ

Ploy-Tawan

  • บุคคลทั่วไป
รักซึมลึก
ไม่รู้ว่าลึกเกินไปหรือเปล่าถึงยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น  :z3:
รักของใครจะซึมไปถึงใจใครก่อนนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด