
ขอโทษที่มาต่อช้าค่ะ ช่วงนี้เลยเหมือนจะมาอาทิตย์ล่ะครั้งแหะๆ

แต่ไม่ว่ากันเนอะยังไงคนแต่งไม่ทิ้งอยู่แล้วค่ะ อ่านต่อกันดีกว่า
*************************************
(ตอนที่๓๖)
ผมจัดการเรื่องของชำร่วยไปด้วยความกังวลใจครับ รู้สึกหนาวๆร้อนๆไม่แน่ใจในแววตาของใหญ่ อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ใหญ่จะให้ผมทำเพื่อแลกกับการคืนดีกับมันคืออะไรกันแน่ แต่ลูกผู้ชายพูดออกไปแล้วก็เหมือนเป็นคำสัตย์ต้องทำตามที่พูด ไม่งั้นก็เสียคำพูด ผมพยายามบอกตัวเองแบบนั้นแต่ใจผมมันก็ยังระแวงอยู่ดี
คืนนี้ที่บ้านผมพลุกพล่านไปด้วยหมู่ญาติที่มารวมตัวกันเพราะพรุ่งนี้เช้าจะมีการแห่ขันหมากมาที่บ้าน ผมเลยเอาของชำร่วยไปส่งให้แล้วถามแม่ว่ายังต้องให้ผมช่วยทำอะไรอีกหรือปล่า
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะฝัน แต่พรุ่งนี้เราต้องตื่นตี5นะ เจ้าบ่าวเค้ามา7โมง”
“โอ๊ย!ไม่ไหวมั้งแม่ มา7โมงแล้วทำไมต้องตื่นมารอตั้งสองชั่วโมง แม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ผมไม่ต้องทำผมแต่งหน้า ผมไม่ใช้เจ้าสาวนะ”
ผมพูดจบไอ้ใหญ่มันขำหัวเราะลั่นเลยครับ แต่แม่หน้าแดงด้วยความโกรธที่ผมไปย้อนเสียงดัง แม่ตีผัวะมาที่แขนผม
“ไอ้ลูกคนนี้นี่ ไม่ตื่นก็ไม่ตื่นสิ ทำไมต้องโวยวาย แม่ก็ลืมไป แต่อย่างช้า6โมงครึ่งเราต้องเรียบร้อยนะ”
“ครับผม แม่...งั้นคืนนี้ผมออกไปข้างนอกได้มั้ยแม่ อยากไปนั่งดื่มกับใหญ่มัน”แม่หันไปมองหน้าใหญ่ที่ส่งยิ้มหวานให้ แล้วบอกแม่อย่างประจบว่า“ผมสัญญาครับว่าจะอนุญาตให้ฝันมันดื่มนิดเดียวจริงๆ”
แล้วพูดต่อกับแม่ว่า“ ผมจะกำกับมันเองครับแม่” แต่สายตามองมาที่ผม
ผมฟังที่ใหญ่พูดแล้วใจไม่ดีเลยครับ ทั้งที่มันก็แค่เรื่องดื่มเหล้านี่หว่า แต่ทำไมสายตาใหญ่มันพุ่งมาที่ผมจัง ใหญ่ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะเบาๆไม่รู้ว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนา
จนเรามาถึงร้านอาหารใหญ่มันก็ยังดูอารมณ์ดีครับ คุยกันไปบางครั้งมันก็ยังเผลอหัวเราะออกมาคนเดียวทั้งที่บางเรื่องก็ไม่ได้ตลกตรงไหนจนผมชักเป็นห่วงว่ามันจะเสียสติไปรึเปล่า
“ทำไมมึงอารมณ์ดีจังวะ ทีเมื่อกี้ไปเอาของชำร่วยกับกูยังหน้างอเป็นม้าหมากรุกอยู่เลย”
ใหญ่ไม่ยักโกรธที่ผมบอกว่ามันหน้างอกลับหันมายิ้มหวานให้ผม “กูอารมณ์ดีมึงไม่ชอบเหรอ”
ใครจะไม่ชอบล่ะครับ “ชอบ แต่มึงขำอะไร? กูเห็นมึงหัวเราะมาตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้ว”
ใหญ่หันมามองหน้าผมอีกแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะกลั้นหัวเราะแต่ก็กลั้นไม่อยู่พูดไปขำไป “กูขำที่แม่มึงบอกว่ามึงจะเป็นเจ้าสาว ฮ่าๆๆ”
ผมส่ายหัว “มันขำตรงไหนวะ ก็กูไม่ใช่เจ้าสาวนี่หว่า” ผมไม่เข้าใจว่ามันตลกตรงไหนกัน
ใหญ่มันยกแก้วมาชนกับแก้วผมที่วางอยู่แล้วเลิกคิ้วถาม
“ก็ถ้ามึงเป็นเจ้าสาวล่ะ?”
“มึงนี่” ผมจะโวยหนักๆแต่พอเห็นสีหน้ายิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ของใหญ่ เสียงพูดต่อมาของผมกลับหายไปในคอ พูดแค่ว่า“พูด...บ้า...บ้า”
ผมกลืนน้ำลายอย่างใจคอไม่ดี นึกในใจว่าทั้งคำพูดของใหญ่และสีหน้าแววตาที่มันมองผม ทำไมทำให้ผมสยองได้ขนาดนี้ ผมขนลุกขึ้นมาเฉยๆทั้งที่อากาศก็ไม่หนาว
“มึงอย่าลืมนะว่ามึงสัญญากับกูแล้วว่าจะทำอะไรก็ยอม”ใหญ่มันลั้ลลามากจริงๆครับ แต่ผมลั้ลลาไม่ออกไอ้รึจะพูดมากไปจะเข้าตัวรึเปล่า ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งเอามือปาดหน้าผากเหมือนๆเหงื่อจะตก
“มึงเป็นอะไรวะ หน้าซีดๆ เหงื่อออกด้วย ร้อนมากรึไง”ใหญ่มันสัพยอกผมอีกครั้ง
ผมกลายเป็นคนพูดน้อยไปโดยปริยายตอบมันไปว่า “เปล่ากูไม่ร้อน” ผมไม่อยากจะบอกมันว่าผมหนาวมากกว่า
ใหญ่มันคงจะแซวผมต่อถ้าไม่มีสายเข้ามาหา ใหญ่ยกโทรศัพท์โชว์ให้ผมดู“น้องออมโทรมา”
“ว่าไงครับน้องออม…จ้า...พ่อรู้ค่ะ...หนูนอนรึยัง...อย่าดื้อกับคุณครูนะคะ...กู๊ดไนท์ค่ะ ” ใหญ่มีสีหน้าสดใสเมื่อคุยกับหลาน ผมรู้เลยว่าน้องออมเป็นแก้วตาดวงใจของมันอีกคน...นอกจากผม หึหึ ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะครับจะว่าผมเข้าข้างตัวเองก็คงใช่
“น้องออมไปนอนบ้านครูน้ำ...”เหมือนใหญ่จะรู้ว่าพูดชื่อต้องห้ามขึ้นมาเลยหยุดพูดไปแค่นั้น แต่ผมกลับคิดว่าไหนๆใหญ่ก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ถ้าเราเป็นฝีทำไมเราจะไม่บ่งให้หนองมันออก ถึงแรกๆมันจะเจ็บแต่ในที่สุดมันก็จะหาย ดีกว่าจะปล่อยให้มันอักเสบเรื้อรังไปอยู่อย่างนั้นรอวันฝีแตก
“ครูน้ำเป็นยังไงบ้าง”ผมฝืนยิ้มถามมันไป แต่ก็รอคำตอบมันอย่างใจจดจ่อ
“กูไม่ได้รักเค้า มึงรู้...”ใหญ่สบตาผมนิ่ง “ใช่ไหม...ว่ากูไม่ได้รักเค้า”
ผมยิ้มนิดๆพยักหน้าว่าผมรู้ แต่ดูเหมือนใหญ่จะกังวลมากเรื่องนี้ ใหญ่จับมือผมไว้แววตาระแวงน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นร้อนรน “กูไม่เคยคิดกับครูน้ำในแง่นั้นจริงๆนะ”
ผมขำท่าทางของใหญ่ต้องเอื้อมมือมากุมมือมันไว้แล้วตบมือมันเบาๆ“กูรู้น่า มึงไม่ต้องกังวลใจ”
ใหญ่ขมวดคิ้ว “ก็มึงทำไมไม่ยอมตอบกู พยักหน้าทำไม มึงเป็นใบ้เหรอ แค่นี้ก็ไม่ยอมพูด”
ผมหัวเราะขำมัน“แค่นี้ก็โกรธแล้วเหรอ มึงชักจะเจ้าอารมณ์ใหญ่แล้วนะ” ใหญ่มันดึงมือออกจากมือผมทันที แล้วทำเบือนหน้าหนีผมเหมือนจะค้อน
“ว่ากูอีกแล้ว คนอุตส่าห์มาหา ชอบกวน...”
ผมคว้ามือมันกลับมาอีกครั้งแล้วบีบแน่นส่งยิ้มให้มัน “ขอบใจนะที่มึงมา กูดีใจที่เห็นมึง”
ใหญ่หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีแล้วพูดเสียงสะบัดว่า “ดีใจอะไรหาเรื่องกูตลอด...พอมาถึงก็แทบจะขับรถชนกัน...” ใหญ่พูดต่อไปเรื่อยๆเหมือนจะบ่นว่าผมแกล้งหรือทำอะไรมันไปบ้าง “ชอบมายั่วโมโหกูเรื่อย..กูไม่น่ามาเล้ย...”
ใหญ่ยังไม่หยุดพูด จนผมหาจังหวะแทรกไม่ได้ ผมเลยเอามือเท้าคางเอียงคอมองหน้าใหญ่พูด มองหน้ามันให้เต็มตา ให้สมกับความคิดถึง หน้าตาใหญ่ดูสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อคราวก่อนที่เราเจอกันผมว่าดูมันออกจะมีแก้มขึ้นมาบ้างแล้ว มันคงอ้วนขึ้นจริงๆ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มมันอย่างไม่รู้ตัว
ใหญ่ทำท่าตกใจแต่ก็ปล่อยให้ผมจับแก้มมันอยู่แบบนั้น แก้มมันร้อนผ่าวอยู่ในฝ่ามือผม ตอนนี้ใหญ่มันเงียบไปแล้วครับ แต่ตาจ้องหน้าผมนิ่ง
ผมบอกได้เลยว่า ถึงแม้จะมีใครนั่งอยู่แถวๆนั้นมากมาย ก็ไม่ได้มีผลต่อผมกับใหญ่เลย ผมไม่สนใครทั้งโลกเมื่ออยู่กับใหญ่ ผมและใหญ่ต่างไม่เอ่ยปากพูดอะไรเหมือนเราสื่อกันอยู่ในใจ...ว่าเรารักกันและโหยหากันมากแค่ไหน
ผมคงไม่เอามือออกถ้าไม่พอดีกับบริกรเดินเอาอาหารมาเสิร์ฟ เราแยกจากกันอย่างเสียดาย
หลังจากนั้นเราต่างกินข้าวกันเงียบๆใหญ่คงลืมเรื่องครูน้ำไปแล้ว แต่ผมเองกลับพูดขึ้นมาอีกทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการทำลายบรรยากาศรึเปล่า
“เรื่องครูน้ำ...กู”พอผมเอ่ยปากใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมาทันทีกำลังจะเอ่ยปากห้ามแต่ผมชิงพูดสวนขึ้นมาก่อน
“กูบอกกับพ่อมึงแล้ว ว่าน่าจะให้เวลากับมึงบ้าง มึงยังไม่พร้อมที่จะมีใคร” ใหญ่ถอนหายใจแล้วพยักหน้า
“พ่อบอกกูแล้ว ขอบใจมึงนะที่ช่วยพูดให้ แปลกนะ...พ่อไม่เคยฟังกูแต่กลับฟังมึง ทั้งที่มันเรื่องของกูแท้ๆ”
ผมพยักหน้าหงึกๆคงเป็นเรื่องจริงที่ว่าลูกทุกคนต้องเคยทะเลาะกับพ่อแม่ตัวเองทั้งนั้น “กูว่าพ่อมึงเค้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง เราคงยื้อเวลาไปได้เรื่อยๆ”
ใหญ่วางช้อนลงทันทีหยุดกินข้าวดื่มน้ำแล้วนิ่งเงียบไป ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ ผมเลยพูดขึ้นมาว่า“กูคิดไม่ออกจริงๆว่าเราควรต้องทำยังไง หรือไม่ควรทำอะไรเลย”
ใหญ่ตอบผมว่า “มึงไม่ต้องทำอะไรเลย มึงแค่อยู่ตรงนี้ที่นี่ แล้วก็รักกู...เท่านั้นเอง”
ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้นแต่ไม่ทั้งหมด ผมจะสวนตอบกลับ “แต่มันก็...”
“มันเป็นเรื่องของกู กูต้องแก้ปัญหาที่ทางกูไม่ใช่ทางมึง” แววตาของใหญ่กลับมาเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง แต่ผมไม่ชอบเลยผมไม่อยากให้มันตัดผมออกจากปัญหานี้ไป
ผมบอกมันว่า“มึงคงลืมอะไรบางอย่างนะใหญ่”ใหญ่มองผมทันทีแววตามีคำถามว่าผมหมายถึงอะไร
“เรื่องของมึง มันก็เรื่องของกู...เพราะมึงกับกูก็เหมือนกูกับมึง” ผมพูดอะไรไปวะ เข้าใจยากไปจนได้ ใหญ่ทำหน้าสงสัยหนักไปกว่าเดิม
“ เพราะกูกับมึงก็คนเดียวกัน มึงจะมาแยกกูออกจากปัญหาของมึงได้ยังไง” ใหญ่ถอนหายใจแล้วรินเบียร์ให้ทั้งตัวเองและของผม
ผมพูดต่อไปว่า “มีอะไรก็บอกกันคุยกัน เรื่องของมึงมันเป็นเรื่องของเราไปตั้งนานแล้วนะใหญ่มึงลืมไปแล้วเหรอ”
“เราเลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหม กูเครียด”ใหญ่บอกผมในที่สุดหลังจากปล่อยให้ผมพูดอะไรไปนาน
ผมส่ายหน้า “พูดเถอะ ปัญหาเมื่อมันเกิดขึ้นมา เราเอาไปซุกไว้มันก็ไม่ได้หายนะ มันก็ยังอยู่ตรงนั้นแหละ รอเวลาให้เรามาแก้หรือไม่ก็รอเวลาให้มันระเบิดออกมาอีกที แล้วเราจะเลือกแบบไหนดีล่ะ รึมึงว่าไง”
ผมพูดจบใหญ่กลับหัวเราะ “เดี๋ยวนี้มึงชักมีคำคมเยอะมากขึ้นไปทุกทีแล้วนะ มึงจะพูดให้โดนใจกูไปถึงไหน แค่นี้มึงก็โดนใจกูไปเต็มๆแล้วนะ”มันพูดจบก็ทำท่าเขินไปเอง
ผมอมยิ้มแล้วบอกมันว่า “มึงก็ใช่ย่อย จะพูดจาหยอดกูไปถึงไหน แค่นี้มึงก็เข้ามาอยู่เสียเต็มใจกูไปหมดแล้ว” ผมก็เขินนะไม่ใช่ไม่เขิน
เราทั้งคู่มองหน้ากันแล้วยิ้ม กลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วที่สุดก็ทนไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา บรรยากาศที่เราคุยกันเครียดๆมันเปลี่ยนไปทันทีครับเมื่อเราหัวเราะขึ้นมา ถ้าผมสนใจคนอื่นที่นั่งอยู่ในร้านอาหารผมคงอายครับเพราะเราสองคนทำอะไรแปลกๆกันมากมาย เดี๋ยวจับมือ เดี๋ยวจับแก้ม เดี๋ยวทำหน้าเคร่งเครียด แล้วก็หัวเราะ อารมณ์เปลี่ยนไปไม่นิ่งจริงๆครับ เค้าจะว่าเราเพี้ยนกันรึเปล่าเราก็ไม่รู้
แต่บังเอิญผมไม่สนใจใครจริงๆ ตอนนี้ผมสนใจและแคร์แค่สายตาใหญ่คนเดียวเท่านั้น “กูว่าเราเลิกหวานกันเถอะ เดี๋ยวจะคุยเรื่องนี้กันไม่จบ กูอยากให้มันจบไปก่อน คราวนี้มึงจะหวานจะหยอดใส่กูยังไงเอาให้สุดโคตรไปเลยไม่ว่ากัน”
ใหญ่ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย “โอเคมึงว่ามา”
“กูคิดว่าตอนนี้มึงก็ทำเป็นเฉยๆไปก่อน พ่อพูดมายังไงก็ฟังไม่ต้องไปเถียง ถ้าเค้ารบเร้ามากๆก็บอกไปเลยว่าขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปก่อน ยังหวงชีวิตโสดอยู่”
“มึงคิดว่าวิธีนี้กับการที่เราจะบอกพ่อเรื่องของเราไปตรงๆอย่างไหนจะดีไปกว่ากัน”ใหญ่ถามผมขึ้นมาอย่างจริงจัง ผมเลยเริ่มกลับมาเครียดอีกครั้ง
ใหญ่พูดต่อไปว่า“มึงคิดว่าพ่อกูเค้าจะยอมให้กูยื้อไปแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน กูยื้อได้กูก็เครียดนะเว้ย มันเหมือนกูกำลังดื้อกับพ่อ ซึ่งกูไม่ใช่ไง กูไม่เคยต่อต้านความคิดพ่อแม่”
ผมฟังมันพูดแล้วก็ถอนหายใจ ใหญ่เสริมต่อว่า“พ่อกูเค้าเป็นพี่เป็นพ่อมาตลอดชีวิต เค้าตัดสินใจให้ทุกคนในทุกเรื่อง การที่เราจะเปลี่ยนความคิดของเค้าได้มันไม่ง่ายเลยนะฝัน”
ผมเอื้อมมือไปกุมมือให้กำลังใจ ใหญ่หงายมือมาบีบมือผมกลับ “กูรู้ว่าพ่อรักกู ทุกอย่างที่เค้าพูดก็เพราะรัก แต่มึงก็รู้ว่าเรื่องอื่นกูไม่ว่า...”ตาใหญ่เริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา ใช่ครับ...มันกำลังจะร้องไห้ เสียงของมันสั่น
“แต่เรื่องนี้กูไม่ไหวจริงๆ” น้ำตาใหญ่ร่วงอาบแก้มแต่มันรีบป้ายน้ำตาทิ้งไปทันที
“แค่กูต้องอยู่ไกลมึงขนาดนี้ทั้งที่เรารักกัน”ใหญ่พูดต่อแล้วมองหน้าผม มันเหลือบตามองไปด้านบนเหมือนคิดว่าน้ำตาจะไม่ไหลลงมาอีกได้เมื่อทำอย่างนั้น
“แค่นี้กูก็เจ็บปวดใจมากพอแล้ว แต่ถ้ากูต้องแต่งงานไปกับใครสักคน กูจะมีหน้ามารักมึงได้อีกเหรอ”ใหญ่ก้มหน้านิ่งผมเห็นหยดน้ำตาร่วงลงมาอีก มันร้องไห้ต่อจนได้
ผมลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆมันทันทีแอบเอามือเช็ดน้ำตาของตัวเองทิ้งไป ฝืนยิ้มให้ใหญ่กอดไหล่มันแล้วตบไหล่เบาๆ
“มึงรักกูได้สิ ต่อให้มึงไปมีใครมึงก็ต้องรักกูนะ สัญญาสิใหญ่”ผมพูดออกมาแบบนี้แล้วกลับแทบน้ำตาร่วงเสียเอง เพราะแค่คิดว่ามันจะไปมีใครคนอื่นผมก็ทนไม่ไหว
ใหญ่เงยหน้าขึ้นมาถามผมทั้งน้ำตาว่า “เรามาถึงทางตันแล้วใช่ไหมฝัน”
ผมเงียบงันไปผมจะตอบว่าอะไรดีเพราะบางขณะผมก็คิดเหมือนใหญ่ หรือว่าเรามาถึงทางตันแล้วจริงๆ
*************************
โอ๊ยยย!!!เครียดอีกแล้ว
