ระโนด <by ต้นคุง>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ระโนด <by ต้นคุง>  (อ่าน 179937 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #30 เมื่อ11-08-2009 21:56:23 »

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:



สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ะ ครับบบบบ



เปนกำลังใจไห้ ครับบ

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #31 เมื่อ11-08-2009 23:35:02 »

ได้อ่านเรื่องนี้จากอีกบอร์ดหนึ่งเหมือนกัน ถึงตอนที่ 1x ละ เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆเลย

เป็นกำลังใจให้ครับ  :3123:

ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #32 เมื่อ12-08-2009 00:00:21 »

เมื่อไหร่ถึงจะมีความสุขเสียที
แง๊ >< ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า
 :sad4:

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #33 เมื่อ12-08-2009 00:12:20 »

ต่อด่วนนะครั้าบบบบ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #34 เมื่อ12-08-2009 00:21:42 »

 :m15:
เศร้าคำเดียวเลยสำหรับตอนนี้
อ่านแล้วมันอึ้งๆอะ แล้วจะรออ่านต่อน๊า

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #35 เมื่อ12-08-2009 05:12:46 »

๔ หัวลำโพง

          ยายอิ่มจากหลานชายคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ นำความเศร้าโสกเสียใจมาให้เด็กหนุ่มยิ่งนัก หนุ่ยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านรับศพยายอิ่มกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเดียวในหมู่บ้าน วัดเดียวกับที่ทำศพตาอิน ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลมีพี่พยาบาลคนนึงวิ่งตามหนุ่ยออกมาแล้วเรียกให้หนุ่ยกลับเข้ามาคุยกันก่อน
“น้องได้กระดาษในมือยายไปแล้วใช่มั๊ย”พยาบาลพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา
“เอ่อ...”หนุ่ยกำลังงงกับคำถามที่ยังนึกไม่ออกว่ากระดาษอะไร...เขายังทำใจไม่ได้กับการจากไปของย่า
“กระดาษที่ยายอิ่มถืออยู่ในมือน่ะน้อง...แกไม่ยอมให้ใคร...บอกแต่จะเอาให้หลานชาย...ก็คือน้องใช่มั๊ยล่ะ”
“อ๋อครับ...”หนุ่ยนึกขึ้นมาได้ว่าย่าพยายามยัดกระดาษเหลืองๆใส่มือเขาให้ได้ จนป่านนี้เขายังไม่รู้เลยว่ากระดาษนั้นมีข้อความอะไร หนุ่ยควักกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อช้าๆ สีเหลืองหม่นบ่งบอกถึงการเก็บมาเป็นเวลานาน ตัวหนังสือซีดจางลงมากแต่ยังอ่านได้อยู่ว่า “ภาณี 081-XXX-XXXX”
“นั่นแหละ...ย่าเค้าสั่งพี่ไว้ก่อนจะเสียนะว่าให้เราน่ะโทรหาเบอร์นี้...ให้ได้...ยังไงต้องโทรหาให้ได้”พยาบาลบอกเท่านี้ก็ควักเงินออกมาใส่ซองแล้วยื่นให้
“อ่ะน้องรับนี่ไปด้วยนะ...พี่ช่วยทำบุญด้วย”พยาบาลผู้เปี่ยมด้วยเมตตาพูดเบาๆแล้วกำชับอีกครั้งว่า
“โทรหาเบอร์นี้ด้วยนะ...ย่าเราน่ะเค้าฝากไว้จริงๆ...”

          งานศพของยายอิ่มจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว สวดเพียง ๓ คืนแล้วก็เผาเลย ญาติโกโหติกาที่ไหนก็ไม่มี หนุ่ยต้องทำเองทั้งหมด ดีที่มีเพื่อนๆมาช่วยงานกันทุกคืนทำให้คลายเหงาไปได้บ้าง ในวันสุดท้ายหลังจากที่เผาศพยายอิ่มเรียบร้อย หนุ่ยมานั่งร้องไห้คนเดียวที่หน้าบันไดบ้าน สงสารย่าที่ต้องเจ็บปวด...เขาไม่รู้หรอกว่าความเจ็บปวดแค่ไหนถึงจะทำให้คนเราตายลงไปได้ หนุ่ยคิดถึงปู่ ปู่ที่จากเขาและย่าไปเมื่อ ๓ ปีก่อน ป่านนี้ท่านทั้งสองคงจะได้พบกันอยู่บนฟากฟ้า “ปู่ครับ...ย่าครับ...มองลงมาที่ผมบ้างนะครับ...ผมอยู่คนเดียว...ผมไม่เหลือใครแล้ว” เด็กหนุ่มสะอื้นไห้เบาๆ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม สงสารชีวิตตัวเองที่มันอ้างว้างเหลือเกิน หันไปทางไหนก็ไม่มีใคร อนาคตเป็นยังไงเด็กหนุ่มยังไม่รู้เอาซะเลย
          หนุ่ยมองขึ้นไปบนฟ้า “ปู่ครับ...ย่าครับ...ชีวิตผมจะต้องเดินต่อไป...ผมจะทำให้ได้ตามที่ปู่ฝันเอาไว้...ปู่กับย่าเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”เด็กหนุ่มปาดน้ำตาทิ้งอีกครั้ง ดวงตากลมโตกลับมาเป็นประกายเหมือนเดิม...แววตาแห่งความมุ่งมั่น ใฝ่รู้และซุกซน
          รุ่งเช้าเด็กหนุ่มเข้าไปในอำเภอ เข้าไปถอนเงินที่ธนาคาร หนุ่ยตั้งใจแล้วหลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืน เขาจะจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อย จัดสร้างเจดีย์เพื่อเก็บกระดูกปู่กับย่าไว้ด้วยกันที่วัด ส่วนบ้านที่เขาอยู่นั้นปิดเอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยมาจัดการ เมื่อวานนี้บอกไอ้ไข่ไว้แล้วว่าว่างๆให้มาดูแลบ้านตัดหญ้าถางหญ้าให้เขาบ้าง ส่วนตัวเขานั้นจะไปทำความฝันของปู่ให้เป็นความจริง....เขาจะเข้ากรุงเทพฯ...

          สถานีรถไฟหาดใหญ่บนขบวนรถไฟยะลา-กรุงเทพฯ หนุ่ยนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกรถ รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่จะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน เขาไม่เคยเดินทางมากรุงเทพฯมาก่อนเลยในชีวิต ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเขา หนุ่ยนั่งคิดถึงคำพูดของคุณภาณีที่ดังอยู่ในหู น้ำเสียงที่เฉียบขาดแต่แฝงไว้ด้วยความใจดี
“พรุ่งนี้เช้าป้าจะให้คนขับรถไปรับที่หัวลำโพง”
“ขอบคุณครับ...แต่ไม่ต้องก็ได้ครับ...ผมไปหาคุณภาณีเองก็ได้ครับ...ผมเกรงใจ”หนุ่ยบอกอย่างเจียมตัว
“...เธอจะมาถูกได้ยังไง...เข้ากรุงเทพฯครั้งแรกไม่ใช่เหรอ...กรุงเทพฯนะ...ไม่ใช่หาดใหญ่”ภาณีบอกอย่างรำคาญเพราะงานค่อนข้างจะยุ่งนั่นเอง
“ครับๆ...”หนุ่ยรับคำอย่างเกรงใจ ตัวใหญ่ๆลีบลงเกือบจะแทรกลงไปในหูโทรศัพท์ได้เลยทีเดียว

          ค่ำคืนของการเดินทาง หนุ่ยหลับไม่ลง คืนนี้ไม่มีเสียงหรีดหริ่งเรไรมาขับกล่อมประโคมเหมือนเดิม มีแต่เสียงกระฉึกกระฉักของรถไฟดังหนวกหู ความเมื่อยขบน่ะไม่เท่าไหร่เพราะความที่ยังหนุ่มแน่น

          รถไฟมาถึงหัวลำโพงเกือบเที่ยง ช้ากว่ากำหนดตามมาตรฐานรถไฟไทย หนุ่ยเดินไปหาตู้โทรศัพท์เพื่อโทรฯหาคนขับรถที่มารอรับตามเบอร์ที่ภาณีให้ไว้ หนุ่ยได้พบลุงสดคนขับรถ ลุงสดอายุประมาณ ๕๐ปีมารอรับอยู่ที่จุดนัดพบ ลุงสดขับรถไปส่งหนุ่ยที่บ้านภาณีระหว่างทางไปบ้านช่างตื่นตาตื่นใจเด็กหนุ่มเหลือเกิน กรุงเทพฯเมืองใหญ่ที่มีแต่รถรา และผู้คนมากมาย เขาเคยเห็นแต่ในรูปและในเวปไซต์ในอินเตอร์เนตที่โรงเรียน มาเจอของจริงวันนี้เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ นั่นรถไฟลอยฟ้ามันใหญ่โตมโหฬารจริงๆ นี่ถ้าได้กลับไปบ้านจะไปเล่าให้ไอ้ไข่เพื่อนรักฟัง บ้านคุณภาณีอยู่แถวๆเพลินจิต เมื่อมาถึงบ้าน“ป้าจิต”แม่บ้านวัย ๔๕ ซึ่งเป็นภรรยาลุงสดได้เตรียมห้องไว้ให้หนุ่ยในปีกด้านหลังบ้าน ห้องเล็กๆมีห้องน้ำในตัว บ้านหลังนี้ใหญ่โตมากๆถึงจะดูเก่าไปหน่อยแต่ก็น่าอยู่ไม่น้อย ดูร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่ๆมากมาย สะอาดและเป็นระเบียบ 
“คุณหนุ่ยนอนที่ห้องนี้ก่อนนะคะ...ห้องข้างบนคุณภาณีกำลังให้ช่างตกแต่งอยู่...อีกไม่นานก็เสร็จ...”ป้าจิตบอกอย่างใจดี คนที่นี่ดีกับเขาเหลือเกิน แค่วันแรกหนุ่ยก็สัมผัสได้
“ผมต้องช่วยทำอะไรบ้างครับป้า”หนุ่ยถามป้าจิตด้วยความนอบน้อม
“ไม่ต้องค่ะ...คุณภาณีสั่งไว้ว่า...ให้คุณหนุ่ยพักผ่อนก่อน”ป้าจิตพูดเสร็จแล้วก็ออกไป
“ขาดเหลืออะไรเรียกป้านะคะ”ป้าจิตหันมาพูดแล้วยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณครับป้า”หนุ่ยกำลังจะยกมือไหว้
“อุ๊ย...ไม่ต้องไหว้ค่ะ...เจ้านายจะไหว้คนรับใช้ไม่ได้นะคะ”ป้าจิตรีบกลับมาจับมือหนุ่ยไว้ไม่ให้ไหว้
“เอ่อครับ...”หนุ่ยเกาหัวอย่างเขินๆ

          หนุ่ยปลดเป้เดินทางใบใหญ่ลงวางที่พื้น แล้วทรุดตัวลงนั่ง เอนหลังพิงเตียงไม้ที่วางอยู่มุมห้อง เขากวาดตาไปรอบๆห้อง แค่นี้ก็ดีถมเถไปแล้วสำหรับเขา “นี่คุณภาณีจะให้ไปนอนบนตึกอีกหรือ” เด็กหนุ่มถอดเสื้อยืดตัวเล็กๆพาดไว้กับราวตากผ้าในห้อง ใบหน้าอิดโรยเล็กน้อย จมูกโด่ง ตากลมโต ผมทรงนักเรียนที่เริ่มยาวออกมาแล้ว นี่ถ้าอยู่ที่โรงเรียนเก่ามีหวังถูกอาจารย์สั่งให้ไปตัดแล้ว เพราะว่าตามระเบียบจะไว้ยาวอย่างนี้ไม่ได้ แต่นี่เขาบอกอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนมาอยู่ที่นี่ว่า จะขอลาออกมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ อาจารย์ยังถามอยู่ว่าจะไปกินไปอยู่ยังไง...เขาไม่ตอบได้แต่ยิ้ม
          หนุ่ยมองไปที่หน้าท้องเป็นลอนแกร่ง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพองามของตัวเองแล้วลูบไล้ไปมา ไรขนที่หน้าท้องเริ่มมากกว่าเมื่อก่อน มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว มันลามออกมาจากขอบกางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ อีกทั้งความรู้สึกบางอย่างที่มีมากขึ้น มันไม่เหมือนเดิม เวลาที่เขาคุยกับเพื่อนผู้หญิงบางคนที่รู้สึกพึงใจ เขาจะรู้สึกแปลกๆ มันเขินๆยังไงไม่รู้ บางทีหน้าแดงซ่านออกมาโดยไม่รู้ตัวจนเพื่อนแซวบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเขาคุยกับ “แต้ว”เพื่อนหญิงที่สนิทที่สุดของเขา หนุ่ยคิดถึงแต้วขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต้วลูกสาวของอาจารย์วิชัย แต้วเรียนเก่งมาก แต่ก็ไม่เท่าเขา แต้วชอบมาคุยกับเขาเรื่องเรียนบ่อยๆ โดยเฉพาะวิชาที่เธอไม่ถนัด เขาสอนและติวให้แต้วอยู่เสมอ...จนทำให้สามารถเข้าออกบ้านแต้วได้อย่างสนิทสนม อาจารย์วิชัยพ่อของแต้วก็ดูจะพอใจด้วยซ้ำเมื่อเห็นเด็กทั้งสองหรือมีเพื่อนคนอื่นๆมารวมกลุ่มกันอ่านหนังสือ หนุ่ยหยิบกระดาษเขียนจดหมายออกมาจากเป้ เขาเตรียมซองและแสตมป์มาจากบ้านด้วยกลัวว่าจะหาซื้อที่กรุงเทพฯลำบาก หนุ่ยจรดปากกาเขียนจดหมายถึงแต้ว อยากจะบอกว่าเขาถึงกรุงเทพฯแล้วไม่ต้องห่วง
...........................

          หนุ่ยสะดุ้งตื่นเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ พร้อมกับร้องเรียกชื่อเขาดังลั่นไปหมด หนุ่ยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จดหมายถึงแต้วที่เขากำลังเขียนอยู่นั้นเขียนไปได้ครึ่งหน้า หนุ่ยรีบกระโดดไปเปิดประตูห้องทันที
“ครับป้าจิต...”หนุ่ยยืนแคะขี้ตาพลางหาวเล็กๆ
“หลับอยู่หรือคะ...”
“เผลอไปหน่อยครับ...สงสัยเมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ”หนุ่ยบอกแม่บ้าน
“คุณธีร์เรียกให้ไปพบค่ะ”ป้าจิตบอกเสียงตื่นเต้นดูเหมือนทุกคนจะเกรงชื่อนี้เป็นพิเศษ แต่หนุ่ยยังจำได้ไม่ลืมว่า “ธีร์”ชื่อนี้เองที่ทำให้ปู่ต้องจากเขาและย่าไป ชื่อนี้เองที่ทำให้เขาต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลขนาดนี้ ถ้าไม่มีคนๆนี้เขาคงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้...

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #36 เมื่อ12-08-2009 05:40:54 »

หนุ่ยแค้นธีร์อยู่ในใจนี่นะ
แบบนี้จะมีการแก้แค้นกันเกิดขึ้นหรือเปล่า
บวก 1 แต้ม รอตอนต่อไปค่ะ

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #37 เมื่อ12-08-2009 12:05:10 »

เอาอีกครับ...ยังวไม่สาแก่ใจเลยครับ

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #38 เมื่อ12-08-2009 12:27:59 »

มารอตอนต่อไปเช่นกันจ้า

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #39 เมื่อ12-08-2009 15:00:45 »

+เป็นกำลังใจให้ครับ+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
« ตอบ #39 เมื่อ: 12-08-2009 15:00:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #40 เมื่อ12-08-2009 15:05:19 »

เอาอีกๆๆๆๆ

ออฟไลน์ 0nePiece

  • ++..ชีวิตไร้รัก..++
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #41 เมื่อ12-08-2009 16:14:07 »

มาเป็นกำลังใจให้ครับ
แล้วความแค้นที่ฝังใจ จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหนกันนะ
  รอติดตาม ตอนต่อไป

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #42 เมื่อ12-08-2009 16:16:16 »

 o22 เปิดมาก็ดราม่าซะแล้ว  อ๊ากกกกกกกกกกก
รออ่านต่อไป เหอะๆ

ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #43 เมื่อ12-08-2009 19:46:10 »

เอิ้กๆ แล้วจะเป็นยังไงต่อไปล่ะนี่
ธีร์เรียกมาทำอะร้าย
อยากจะรู้จริงๆเยย
มาต่อไวๆนะคร้าบบ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #44 เมื่อ13-08-2009 01:42:12 »

 :z2: :z2: :z2:
มาเรื่อยๆ แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป น่า+1คะแนนให้จริงแต่ยังบวกไม่ได้
อ่านแล้วชวนให้ติดตามต่อนะ ภาษาดึงดูดดีแล้วจะรออ่านต่อคราบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #45 เมื่อ13-08-2009 02:19:29 »

แค้นมันฝังใจ


สงสัยธีร์จะโดนแก้แค้นแน่งานนี้

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #46 เมื่อ13-08-2009 04:05:13 »

 :z13:


คนแต่งนะคับ




+1 ให้ด้วยเลย




 o18  แค้นฝังใจ จะกลายเป็นอย่างอื่นหรือป่าวนะ






 :z2:    :z2:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #47 เมื่อ13-08-2009 06:56:57 »

อ่านเม้นท์ของแต่ละคนแล้ว ไม่อยากจะคิดเล้ย... ว่าถ้าอ่านตอนต่อๆไปแล้วจะรู้สึกยังไง หุ หุ หุ


ปล.รู้ดี เพราะตอนอ่านครั้งแรก ก็คิดแบบที่หลายๆคนคิดเหมือนกัน  :oni2:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 4=
«ตอบ #48 เมื่อ13-08-2009 09:43:31 »

๕ เพลินจิต

“คุณหนุ่ยอาบน้ำอาบท่าก่อนก็ได้นะคะ...ขึ้นไปสภาพนี้มีหวังคุณธีร์ตะเพิดแน่ๆ”ป้าจิตพูดเบาๆเหมือนกลัวใครมาได้ยิน
“ครับป้า...”หนุ่ยเข้าห้องปิดประตูแล้วค้นเป้เพื่อหาผ้าเช็ดตัวที่เตรียมมาด้วย แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เป้ใส่เสื้อผ้าก็ใบเท่านี้เอง สงสัยจะลืมเอามาด้วย หนุ่ยนึกฉุนตัวเองที่ไม่เก็บของให้ดี ของสำคัญที่ต้องใช้ทุกวันก็ดันลืมเอามาด้วย “จะทำยังไงดีว้า...อาบน้ำมันทั้งอย่างนี้แหละ จะขออะไรป้าจิตก็เกรงใจเดี๋ยวจะหาว่าแค่นี้ก็ไม่รู้จักเตรียมมา” หนุ่ยคิดในใจ
          เด็กหนุ่มถอดกางเกงยีนส์ออกแล้วพาดไว้ที่ราวตากผ้า เผยให้เห็นผิวเนียนเรียบสีน้ำผึ้งใต้ร่มผ้า เอวคอดรับกับช่วงต้นขาที่แน่นหนัน กางเกงในสีเขียวราคาถูกๆที่หนุ่ยใช้มานานจนขอบยางยืดย้วยไปหมดถูกถอดตามออกไปพาดทับกางเกงยีนส์ไว้ “เดี๋ยวใส่อีกทีแล้วค่อยซักก็ได้”หนุ่ยบอกกับตัวเองแล้วเดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำไป หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเกิดปัญหาขึ้นมาละสิ จะเอาอะไรเช็ดตัว หนุ่ยเห็นเสื้อยืดที่ใส่เมื่อวาน ก็คว้าเอามาเช็ดตัวอย่างลวกๆแล้วก็หยิบกางเกงในมาใส่ก่อนจะสวมทับด้วยกางเกงยีนส์อีกชั้น หนุ่ยคุ้ยหาเสื้ออีกตัวมาใส่ลวกๆแล้วรีบวิ่งออกไปหาป้าจิต เพื่อให้ป้าจิตพาเข้าไปพบคุณธีร์

          วันนี้ “ธีร์”อายุล่วงเข้ายี่สิบแปดปี ปัจจุบันหน้าที่การงานของชายหนุ่มก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ธีร์มีตำแหน่งเป็นแบรนด์เมเนเจอร์ ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อดังของฝรั่งเศสและยังร่วมหุ้นกับเต้เปิดบริษัททัวร์อีกด้วย ธีร์ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ฉะนั้นการที่ต้องมานั่งคอยเด็กบ้านนอกคนนึงอาบน้ำแต่งตัว จึงเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าในสายตาของธีร์นัก...เขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่เป็นคำสั่งของคุณแม่เขาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำตาม...
“คุณธีร์คะ...คุณหนุ่ยมาแล้วค่ะ”ป้าจิตตัวลีบเล็กเมื่อเห็นธีร์ที่กำลังเริ่มเดินไปเดินมา
“ป้าจิตครับ...ผมไม่มีเวลาจะมานั่งคอยเด็กเล็กๆอาบน้ำแต่งตัว...หรอกนะ...งานผมเยอะแยะมากมาย...ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย”ธีร์ส่งเสียงเกรี้ยวกราดลั่นบ้าน ทำเอาป้าจิตตัวลีบลงไปอีก แต่ที่หน้าซีดกว่าคือ “หนุ่ย”ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ผมเปียกลู่ลงมาเพราะลืมเช็ด น้ำหยดติ๋งๆลงมาที่ใบหู หน้าตาที่บ่งบอกว่าเพิ่งตื่นนอน เสื้อที่ใส่ก็ยับย่นยู่ยี่ แต่ดวงหน้ายังคงสดใสตามวัย แววตาที่ซุกซนสลดลงเล็กน้อย หนุ่ยก้าวขึ้นมายืนข้างหน้าป้าจิตเพื่อไม่ให้คุณธีร์...ต่อว่าป้าจิตต่อไป...เพราะเขาเองเป็นคนผิด...ที่เผลอนอนหลับไป
“สวัสดีครับคุณธีร์”หนุ่ยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“.........”ธีร์รับไหว้ด้วยอาการตะลึง เด็กน้อยที่เขาพูดถึงเมื่อกี้นี้คือเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มวัยเพียง ๑๖ ปี แต่พาความสูงเกือบ ๑๘๐ เซนติเมตร สูงเกือบเท่าเขาเลยทีเดียว เวลาเพียง ๔ ปีทำให้เด็กน้อยในวันนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ ดวงตากลมโต สีสนิมเหล็ก ส่งประกายมุ่งมั่นและซุกซน จมูกโด่งเป็นสัน ผิวพรรณสดใส เนียน ไร้สิวฝ้าของเด็กหนุ่มทำเอาธีร์ตะลึงงันอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ...คุณ...ธีร์”หนุ่ยยกมือไหว้อีกครั้ง ธีร์รับไหว้แล้วนั่งลง ทำให้ป้าจิตนั่งลงที่พื้นตามด้วยหนุ่ยที่ยืนเก้ๆกังๆ เขาจึงตัดสินใจนั่งลงที่พื้นบ้านข้างๆป้าจิต
“เอ้า...ไปนั่งทำไมตรงนั้น...”ธีร์ตะคอกเสียงดังลั่น
“ขึ้นมานั่งตรงนี้สิ”ธีร์ชี้มาที่เก้าอี้รับแขกอีกตัว
“เอ่อ..ค...ครับ...”หนุ่ยตัวสั่น หน้าซีดเผือด
“เดี๋ยวชั้นจะพาเธอไปซื้อของใช้ส่วนตัว...และเสื้อผ้า”ธีร์ปรายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อเห็นสภาพการแต่งตัวของเด็กหนุ่มจากบ้านนอก...ชายหนุ่มถอนหายใจ...
“ครับ...แต่...เอ่อ...ผม...”หนุ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อย
“แต่อะไร...”ธีร์หันมาถามเสียงดังทำเอาหนุ่ยสะดุ้งเฮือก
“ผมไม่มีเงินครับ...”เด็กหนุ่มตอบพลางหลบตาลงต่ำ
“ชั้นบอกแล้วไงว่าจะพาไปซื้อ...นั่นก็หมายความว่า...ชั้นจะเป็นคนออกเงินทุกบาทให้เธอเอง”ธีร์พูดพลางลุกขึ้นเดินนำออกไป หนุ่ยรู้สึกกลัวและประหม่าจนไม่กล้าเดินตามออกไป ทำให้ชายหนุ่มต้องหันมาถามอีกครั้ง
“จะให้ชั้นอุ้มเธอไปคงไม่ไหวหรอกนะ”เสียงดังเด็ดขาดทำให้หนุ่ยสะดุ้งแล้วรีบวิ่งตามลงจากตึกไปทันที
         เด็กหนุ่มเดินตามมาถึงรถเก๋งบีเอ็มดับบลิว ซีรี่ 3 รุ่นใหม่ป้ายแดง ธีร์ขึ้นรถแล้วปิดประตูสตาร์ทเครื่อง เด็กหนุ่มเปิดประตูด้านหลังเข้าไปนั่งแต่สักพักก็ต้องรีบเปิดออกมาแล้วเปิดประตูด้านหน้าเข้าไปนั่งข้างคนขับทันที
“ชั้นไม่ใช่คนขับรถให้เธอ...จำไว้นะ...ทีหลังถ้านั่งรถกับชั้นแล้วไม่มีคุณแม่หรือคุณเต้นั่งหน้า...เธอต้องมานั่งคู่กับชั้นด้านหน้าเสมอ”หนุ่ยตัวสั่นด้วยความกลัวเป็นทวีคูณ อีกอย่างนึงตอนนี้ใจเขาสั่นหวิวๆด้วยความหิว เพราะตั้งแต่เช้าที่มีเพียงก๋วยเตี๋ยวห่อบนรถไฟเท่านั้นที่ตกถึงท้อง นี่มันก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “แต่จะบอกได้ยังไงว่าหิว...เขาต้องอดทน...ไม่ได้กินแค่นี้ไม่ตายหรอก”หนุ่ยนึกในใจ
“ทำไมน้า...พออยู่ต่อหน้าคุณธีร์แล้วเขากลับกลัวและประหม่าขนาดนี้”หนุ่ยคิดอยู่ในใจระหว่างที่นั่งรถไปห้างสรรพสินค้า
          ธีร์พาหนุ่ยไปซื้อของใช้ส่วนตัว ทุกอย่างทุกยี่ห้อ...ธีร์จะเป็นคนเลือกให้หนุ่ยทั้งนั้น อีกทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวทั้งหลาย ธีร์แปลงโฉมเด็กบ้านนอกด้วยเสื้อผ้า รองเท้าตามสมัยนิยม อย่างที่เด็กกรุงเทพฯคนหนึ่งๆจะมีได้ ที่ห้องลองเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งที่ธีร์พาหนุ่ยเข้าไปซื้อสำหรับใส่ไปทานข้าวคืนนี้ ใช่เขานัดกับภาณีและเต้เอาไว้ที่ห้องอาหารหรูในโรงแรมชั้นนำแห่งหนึ่ง...เพื่อเป็นการเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว...เพราะนี่คือคำสั่งของภาณี

“เสร็จรึยัง...”ธีร์ถามเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องลองเสื้อ
“เอ่อ...เอาไซส์ L มั๊ยคะ...เสื้อรุ่นนี้ทำเล็กกว่าปกติค่ะ”พนักงานขายอธิบาย
“ครับ...”หนุ่ยส่งเสียงตอบออกมาธีร์พยักหน้าให้พนักงานขายไปเอาเสื้อไซส์ L มาลอง
“ไหนดูสิ...”ธีร์ถือวิสาสะเปิดม่านเข้าไปดู เห็นเด็กหนุ่มกำลังถอดเสื้อที่ลองอยู่ออก ผิวเนียนเรียบ กล้ามท้องเป็นลอน เนื้อตัวแน่นหนันด้วยมัดกล้าม ท่อนแขนและหัวไหล่ที่ผึ่งผาย ทำเอาชายหนุ่มอดที่จะมองไม่ได้
“มันคับไปหน่อยครับคุณธีร์...ผมใส่ไม่ได้”หนุ่ยบอกพลางถอดออกมา ธีร์มองไปที่ขอบกางเกงยีนส์ตัวเก่าที่หนุ่ยใส่อยู่ ชายหนุ่มเห็นขอบกางเกงในสีเขียวตัวเก่าที่ยางยืดมันย้วยเสียจนแทบจะหลุดอยู่แล้ว ชายหนุ่มนึกในใจ “ต้องเปลี่ยนกันใหม่ทั้งตัวเลยนะเนี่ย”
“น้องครับพี่ขอกางเกงในไซส์....”ธีร์ประเมินคร่าวๆว่า...หุ่นอย่างหนุ่ยน่าจะใส่ไซส์อะไร
“ไซส์ L ครับ...ขอสีขาวนะ”
“เอากี่ตัวค่ะคุณธีร์...”พนักงานขายถาม
“เอามาตัวนึงก่อน...จะเปลี่ยนเลย”ธีร์บอกพนักงานขายแล้วหันกลับมาที่เด็กหนุ่ม
“เอ่อ...ของเก่ามันก็ยังใส่ได้นี่ครับ”หนุ่ยบอกด้วยความเกรงใจ เขาไม่อยากให้ธีร์ต้องมาเปลืองเงินกับเรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยๆแบบนี้ แค่กางเกงใน ๒-๓ ตัว เขาหาซื้อได้อยู่แล้ว ถ้าแถวๆบ้านมีตลาดนัดที่เขาพอจะเดินไปเองได้
“เปลี่ยนให้หมด...กางเกงในสีๆแบบนี้อย่ามาใส่ให้ชั้นเห็นอีก...”ธีร์ดุเอาจนได้ เด็กหนุ่มได้แต่งงๆ กับแค่กางเกงใน ทำไมต้องให้มันวุ่นวาย เขาเองก็ใส่มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่เห็นปู่กับย่าจะต้องมาบอกเขาเลยสักครั้ง
“เอ้า...ถอดตัวเก่าใส่ถุงไว้แล้วจะได้ฝากเขาเอาไปทิ้ง...”ธีร์ชี้ไปที่ขอบกางเกงในสีเขียวย้วยๆตัวนั้น เด็กหนุ่มหน้าสลดลงไปอีกด้วยความเกรงใจ ธีร์รูดม่านปิดเพื่อให้เด็กหนุ่มจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาเลือกดูกางเกงตัวใหม่ให้หนุ่ยอีกสักตัว เพราะยี่ห้อที่ซื้อเมื่อกี้นี้มันไม่เหมาะกับสถานที่ที่จะไปเอาซะเลย หลังจากได้กางเกงแล้ว ธีร์เดินไปดูเสื้อเชิ้ตอีกตัวนึงแล้วเดินไปที่ห้องลองเพื่อเอาไปให้หนุ่ยลองใส่
“เอ้านี่...ลองใส่ทั้งชุดเลย...น่าจะพอดีนะ”เด็กหนุ่มเปิดม่านออกมา ร่างกายท่อนบนมีเสื้อยืดขนาดพอดีตัวแต่ท่อนล่างนี่สิ กางเกงในสีขาวที่เด็กหนุ่มใส่อยู่ทำเอาธีร์ถึงกับต้องเหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ กระเปาะที่เป้าดูสวยงามได้รูป ชายหนุ่มรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
“เอ้าใส่กางเกงซะ...”ธีร์ยื่นกางเกงให้เด็กหนุ่ม สักพักนึงหลังจากที่หนุ่ยใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“คุณธีร์ครับ...เป็นไงครับ”หนุ่ยเปิดม่านออกมา ทำเอาธีร์ต้องตะลึงใน“ลุคส์”ใหม่ของเด็กบ้านนอกแห่งอำเภอระโนด หนุ่ยในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงทรงอินเทรนส์ ดูดีขึ้นมาทันตาเลยทีเดียว ขาดแต่รองเท้า ถุงเท้าและเข็มขัดเท่านั้นเอง
“ออกมาดูรองเท้าก่อน”ธีร์บอกเด็กหนุ่ม
          เด็กหนุ่มเดินตามอย่างว่าง่าย ธีร์ให้พนักงานขายเอารองเท้าทุกแบบในร้านมาให้ลอง จนได้คู่ที่ธีร์ถูกใจ รวมทั้งเข็มขัดและถุงเท้า บัดนี้เด็กหนุ่มบ้านนอกได้กลายมาเป็นเด็กกรุงเทพฯเต็มตัวซะที ดูจากการแต่งตัวที่ดูดีจนทุกคนต้องเหลียวมามอง ประกอบกับหน้าตาที่คมสัน คิ้วดกดำเป็นเส้นคมโค้ง ขับให้ใบหน้าดูหล่อเข้าไปอีก หนุ่ยถือของพะรุงพะรัง ส่วนธีร์เดินตัวปลิวไปยังชั้นล่างของห้าง หนุ่ยเดินตามแทบไม่ทันทีเดียว ใส่รองเท้าแบบนี้เดินก็ไม่ถนัด แถมยังเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไม่มั่นใจเอาซะเลย ไม่เหมือนชุดเดิมที่ใส่มาจากบ้านเลย
“ชั้นจะพาเธอไปตัดผม”ธีร์บอกพลางเดินไปตามทาง
“หวัดดีครับพี่แป้ว...”ธีร์เอ่ยปากทักทายเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม
“จับโมให้หน่อย...น้องผมน่ะ...มาจากต่างจังหวัด”ธีร์บอกพลางหยิบนิตยสารมาเปิดอ่าน
“น้องเอาของวางไว้ก่อนนะครับ...แล้วมานั่งนี่”หนุ่ยเก้ๆกังๆเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ทำไมเครื่องไม้เครื่องมันถึงได้เยอะแยะอย่างนี้วะ มากกว่าร้านตัดผมหลังโรงเรียนที่เคยตัดอีก

ครู่เดียวผมทรงใหม่ก็ออกมาตามความต้องการของธีร์
ชายหนุ่มพอใจเอามากๆที่เด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้ จนถึงกับเอ่ยปากชม

“แต่งตัวให้ดีก็ดูดีนี่...”
“.............” หนุ่ยยิ้มอย่างเขินๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาเอ่ยปากชม ว่าดูดีเลยสักครั้ง



ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #49 เมื่อ13-08-2009 10:06:24 »

คุณธีร์

ทำไมดุหนุ่ยอย่างงี้อะ

หนุ่ยก็กลัวซะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
« ตอบ #49 เมื่อ: 13-08-2009 10:06:24 »





DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #50 เมื่อ13-08-2009 11:31:52 »

คุณธีร์  ชอบเด็กบ้านนอกแล้วหละสิ




 :กอด1:   หนุ่ย ดีกว่านะ




 :z2:   :z2:

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #51 เมื่อ13-08-2009 13:58:39 »

ว๊ายย รักเด็ก

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #52 เมื่อ13-08-2009 14:34:01 »

เจี๊ยกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กินเด็กอ่ะ กินเด็ก

รึจะโดนเด็กกินหว่า

ronney

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #53 เมื่อ13-08-2009 15:35:29 »

ไม่ไหวจะเคลียร์ . . .

. . . อิคุณธีร์  นี่  ลุคออกแนวกะเทยจ๋าเลย  ไม่มีแอ๊บแมนมั่งเล้ยยยยยยย

xiiiNG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #54 เมื่อ13-08-2009 17:08:29 »

ใครจะเสร็ตใครกันแน่เนี้ย ค่ะ ...*

แล้ว หนุ่ยจาแก้แค้นป๊ะ..ไมมาสั่นใส่พี่เค้าเนี้ยย 5555*

~ ~*

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #55 เมื่อ13-08-2009 17:45:36 »

ไม่ไหวจะเคลียร์ . . .

. . . อิคุณธีร์  นี่  ลุคออกแนวกะเทยจ๋าเลย  ไม่มีแอ๊บแมนมั่งเล้ยยยยยยย

ผมว่า ออกแนวพวกลูกคุณหนูที่ถูกเอาอกเอาใจจนเคยตัวมากกว่านะ ดูทำเข้ายังกะน้องเป็นตุ๊กตาตัวใหม่เลย

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #56 เมื่อ13-08-2009 21:07:33 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #57 เมื่อ14-08-2009 00:50:02 »

หนุ่ยก็กลัวจนสั่น
ธีร์เองเริ่มด้วยการดุ แต่ตอนนี้ก็คิดอยากจะกินเด็กบ้างแล้วสิ
ที่แน่ๆกว่าจะตัดผมเสร็จหนุ่ยคงหิวข้าวจนเป็นลมแล้วมั้ง
บวก 1 แต้มนะคะ รออ่านต่อ ขอบคุณค่ะ

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #58 เมื่อ14-08-2009 05:58:49 »

๖ สิงคโปร์

          ค่ำคืนนั้นที่โรงแรมหรูริมแม่น้ำย่านบางรัก ครอบครัว “นันทนกุล”ก็ได้มีโอกาสต้อนรับสมาชิกใหม่ เด็กหนุ่มจากระโนดถูกชุบตัวในบ่อเงินบ่อทอง ด้วยความเต็มใจจากครอบครัวนี้ คุณภาณีออกอาการดีใจเอามากๆที่ได้หนุ่ยมาเลี้ยง...เพื่อชดใช้ความผิดที่ลูกชายนางได้ทำไว้เมื่อ ๔ ปีก่อน
“นั่งรถไฟมาเหนื่อยมั๊ย”ภาณีถามเด็กหนุ่ม
“ไม่ครับคุณภาณี”หนุ่ยเรียกตามป้าจิตที่เป็นแม่บ้าน
“ไม่เอาอย่าเรียกอย่างนั้น...ต่อไปนี้ให้เรียกชั้นว่าคุณป้า...หรือจะเรียก “แม่”ก็ได้นะ”ภาณีพูดจบก็หัวเราะออกมาด้วยความสุข...สุขในความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ นางเต็มใจเหลือเกิน
“ถ้าห้องตกแต่งเสร็จแล้ว...ต่อไปก็ย้ายของขึ้นมานอนข้างบนตึกได้เลย...ห้องของหนุ่ยน่ะติดกับห้องเจ้าธีร์”ภาณีบอก
“ธีร์ลูกดูแลเรื่องเสื้อผ้า ข้าวของให้กับน้องรึยัง”ภาณีหันไปถามลูกชายซึ่งกดตัดสายโทรศัพท์พอดี
“เรียบร้อยครับแม่”ธีร์พูดพลางมองหน้าเต้ ญาติสนิทที่คบกันมานานและมีหุ้นส่วนบริษัททัวร์ด้วยกันอีก ตอนนี้เต้ไม่ได้ทำงานที่การบินไทยแล้ว แต่มาลุยธุรกิจทำทัวร์ทั้งในและต่างประเทศแทน
“จะให้หนุ่ยเรียนที่ไหนครับแม่...”ธีร์ถามภาณีเรื่องเรียนของหนุ่ย ซึ่งชายหนุ่มยังเห็นขัดแย้งกับแม่ของเขาอยู่ในเรื่องนี้
“ก็โรงเรียนเก่าลูกไง...”ภาณีพูดถึงโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนที่ธีร์จบม.ปลายมา
“แต่ผมว่าเราน่าจะส่งน้องไปเรียนที่ออสเตรเลียมากกว่านะแม่”ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร
“แม่ว่าให้หนุ่ยเรียนให้จบม.ปลายก่อนดีกว่า...แล้วค่อยส่งไป”ภาณีบอกลูกชาย
“ผมว่าส่งไปเลยดีกว่านะครับ”ธีร์พูด ทั้งแม่และลูกไม่ได้มองมาที่หนุ่ยเลย เลยไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มรู้สึกอย่างไร จนทำให้เต้ซึ่งลอบมองหนุ่ยอยู่ต้องพูดขึ้นมาบ้าง
“ทำไมเราไม่ให้หนุ่ยตัดสินใจเองล่ะครับ”เต้พูดน้อย แต่พูดแต่ละครั้งทำเอาทุกคนต้องหันมามอง
“เอ้อ...หนุ่ยว่าไงล่ะลูก...”ภาณีถามเจ้าตัว...ที่ตอนนี้นั่งงงอยู่
“ผมอยากเรียนที่นี่มากกว่าครับ”คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ธีร์ไม่พอใจอย่างมาก ธีร์ตั้งใจจะให้เด็กหนุ่มได้มีโอกาสในการเรียนให้สูงที่สุด
          ดูเหมือนว่าทั้งภาณีและธีร์ต้องการจะชดเชยสิ่งที่เด็กคนหนึ่งต้องสูญเสียไป...โดยไม่ได้ถามเด็กหนุ่มเลยว่าเขาต้องการสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ อาหารมื้อเย็นที่ภาณีเลี้ยงต้อนรับลูกชายคนใหม่ของบ้านจบลงด้วยดี หนุ่ยกินได้ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะอาหารฝรั่งที่กินกันไม่ถูกปากเขาเอาซะเลย สู้แกงเหลืองของย่าก็ไม่ได้ สรุปเรื่องโรงเรียนของหนุ่ยนั้นคงเป็นโรงเรียนเก่าที่ธีร์เคยเรียนนั่นเอง
“เรื่องเข้าเรียนเดี๋ยวแม่จัดการเอง...”ภาณีรู้วิธีการที่จะทำให้หนุ่ยได้เข้าเรียนต่อม.๕ที่โรงเรียนแห่งนี้ดี
“ห้องข้างบนจะเสร็จเมื่อไหร่ล่ะครับคุณแม่”ธีร์คุยเรื่องการตกแต่งห้องใหม่ของหนุ่ยขึ้นมาอีก ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ที่ต้องถามภาณีเพราะว่าธีร์ไม่ค่อยกลับมานอนบ้านสักเท่าไหร่ เขามีคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ถนนพระราม ๓ อีกแห่ง ส่วนมากจะกลับมาทานข้าวเย็นกับภาณีในบางวันเท่านั้นเอง
“...ฝากธีร์ช่วยไปดูเฟอร์นิเจอร์ใส่ห้องให้น้องด้วยนะ” ภาณีสั่งอีกเรื่อง
“อาทิตย์หน้าได้มั๊ยครับแม่...พรุ่งนี้ผมต้องไปประชุมที่สิงคโปร์”ธีร์บอกผู้เป็นแม่
“มันจะไม่ทันน่ะสิห้องจะเสร็จอยู่แล้ว...เดี๋ยวแม่ฝากเต้ก็ได้ถ้าแกไม่ว่างละก็”ภาณีใจร้อนเสมอเพราะนางเป็นคนที่จะทำอะไรต้องทำให้เสร็จลุล่วงโดยเร็ว
“ผมไปเองดีกว่าครับ...อย่าไปกวนเต้เค้าเลย...งานเค้าเยอะจะตาย”ธีร์หัวเสียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าภาณีสังเกต นางจะเห็น
“ก็ธีร์ไม่ว่างนี่...”ภาณีหันมายิ้มให้หนุ่ยแล้วพยักเพยิดให้เด็กหนุ่มดูลูกชายคนเดียวของนางที่กำลังอารมณ์เสีย
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ตอนบ่ายผมพาไปดูก็ได้ครับ...เพราะผมบินตอนเย็น” ธีร์จัดเวลาให้น้องชายคนใหม่ของบ้านตามใจคุณแม่สุดๆ...หรือตามใจตัวเองก็ไม่รู้
“หนุ่ยพรุ่งนี้ตอนบ่ายพี่จะมารับ...เตรียมตัวไว้แล้วกัน”ธีร์มองผ่านกระจกมองหลังมาที่หนุ่ย
“ครับคุณธีร์...”หนุ่ยรับคำเบาๆ
“เรียกชั้นใหม่ว่าพี่ธีร์”ธีร์แกล้งวางอำนาจด้วยสายตาผ่านมาทางกระจกมองหลังอีกครั้ง
“ครับพี่ธีร์” หนุ่ยรับคำเบาลงไปอีก ก้มหน้าไม่สบตาธีร์อีกเลยจนถึงบ้าน

          ค่ำคืนแรกในบ้านนันทนกุลเด็กหนุ่มนอนหลับเป็นตาย คงเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อคืน จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่มีผ้าเช็ดตัวใช้อยู่ดี “เมื่อวานนี้น่าจะซื้อสักผืนนึงก่อน...ไม่น่าลืมเลย”หนุ่ยนึกในใจ หนุ่ยยังคงใช้วิธีเดิมคือใช้เสื้อยืดเก่าๆเช็ดตัวไปก่อน ขณะที่หนุ่ยกำลังนอนเขียนจดหมายถึงแต้วอยู่นั้น ป้าจิตก็เดินมาเรียกหนุ่ยที่ห้อง เด็กหนุ่มจึงโผล่ออกมาคุยด้วยในสภาพที่นุ่งบ๊อกเซอร์ตัวเดียว
“คุณธีร์โทรมาให้คุณหนุ่ยเตรียมตัว...คุณธีร์จะมารับไปทานข้าวและจะพาไปซื้อของค่ะ”ป้าจิตรายงานอย่างเร็ว
“ครับป้า...”เด็กหนุ่มรับคำแล้วจึงกลับเข้าห้องไป

          หนุ่ยเลือกเอาเสื้อออกมาจากถุง และแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มขนาดพอดีตัว เขาถอดบ๊อกเซอร์แล้วเอาพาดกับราวไว้ ก่อนจะก้มลงหากางเกงในที่ซื้อมาเมื่อวาน หนุ่ยสวมกางเกงในสีขาวตัวใหม่ ถุงเท้าและรองเท้าถูกนำออกมาใส่ โดยเร็ว เพราะถ้าช้ากลัวคุณธีร์จะต่อว่าเอา ขณะที่เขากำลังใส่กางเกงยีนส์อยู่นั้นเอง ธีร์เดิมมาหาเขาถึงหน้าห้อง ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาในห้องแล้วก็พบกับเด็กหนุ่มที่กำลังใส่กางเกงอยู่ เป้าที่อวบอูมที่เห็นทำให้ธีร์ถึงกับอ้าปากค้าง
“เอ่อ...หนุ่ย...เสร็จรึยัง”ธีร์ตะกุกตะกักอย่างเห็นได้ชัด
“อุ้ย...คุณธีร์...มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย...ผมตกใจหมด”หนุ่ยตกใจจนเกือบล้ม ยิ่งเห็นชายหนุ่มมองมาที่เขาด้วยสายตาตกตะลึงด้วยแล้ว ทำเอาหนุ่ยหน้าเปลี่ยนสีเลยทีเดียว
“เสร็จแล้วก็ไปกันเลย”ธีร์หันหน้าออกมาแล้วเดินกลับไปที่รถ “ทำไมไอ้เด็กคนนี้มันไม่ค่อยระวังเนื้อระวังตัวซะเลยนะเจอทีไรต้องแก้ผ้าทุกที”ธีร์คิดในใจแล้วรีบเดินกลับไปที่รถ ใจเขามันรู้สึกวาบหวิวยังไงชอบกล ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันหายไปนานแล้ว...จำได้ว่าตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาเมื่อปีที่แล้วเขาก็ไม่ค่อยรู้สึกแบบนี้อีกเลย

          หลังจากที่ธีร์ขับรถชนปู่ของหนุ่ยตายเมื่อหลายปีก่อน ภาณีก็ให้ลาออกจากงานแต่หนุ่มไม่ยอมจนต้องขอให้หัวหน้าเปลี่ยนเขตการทำงาน ธีร์ย้ายไปทำงานในภาคเหนืออยู่ได้อีกไม่กี่เดือน ก็ทนการบีบบังคับจากภาณีไม่ไหวจึงจำใจต้องไปเรียนต่อโทที่อเมริกา ที่อเมริกา.....ธีร์นึกแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวๆแล้วหลับตาลง
“ขอโทษครับคุณธีร์”หนุ่ยเปิดประตูเข้ามานั่งคู่กับเขาด้านหน้า
“ช้าได้ทุกวัน...อีกหน่อยถ้าชั้นต้องไปส่งเธอไปโรงเรียนด้วย...ชั้นคงไม่ต้องทำงานทำการกันพอดี”ชายหนุ่มวีนได้อีก ทำเอาหนุ่ยถึงกับหน้าซีดลงไปเลย
“ขอโทษครับ...ทีหลังจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกแล้วครับ”หนุ่ยก้มหน้า

          ธีร์ขับรถขึ้นมาบนถนนสุขุมวิท ระหว่างทางที่รถวิ่งมาบนถนน หนุ่ยเหม่อมองดูสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ด้านบนเป็นรางสำหรับรถไฟฟ้าที่ดูเหมือนหลังคาคลุมถนนให้ความร่มเงาตลอดเวลา ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีกันแน่ ควันพิษจากท่อไอเสียลอยขึ้นไปข้างบนไม่ได้คนที่อยู่ข้างล่างก็ต้องสูดมันเก็บเอาไว้ “ช่างน่าอึดอัดแท้ๆ”

“อยากกินอะไร”เสียงของธีร์ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก
“เอ่อ...อะไรก็ได้ครับ”หนุ่ยรีบตอบเสียงระรัว
“ใจลอยถึงแฟนอยู่รึไง”ธีร์ถาม
“เอ่อ...เอ่อ...เปล่าครับ...”หนุ่ยตอบตะกุกตะกัก
“นั่งเหม่ออยู่...นึกว่าคิดถึงแฟน”ธีร์ดักคอ
“เปล่าครับ...ผมยังไม่มีแฟน”หนุ่ยตอบอายๆ
“ชั้นไม่เชื่อ...หน้าตาอย่างเธอเนี่ยนะ...ไม่มีแฟน”
“ยังครับ...ใครจะมาสนใจผม...”หนุ่ยก้มหน้า ใจหวนคิดถึง “แต้ว”ขึ้นมาอย่างฉับพลัน อย่างแต้วจะเรียกว่าแฟนได้ไหม...หรือเขาแค่คิดไปเอง
“ชั้นอยากกินอาหารอิตาเลี่ยนจัง...เธอไปกินเป็นเพื่อนชั้นหน่อยนะ”ธีร์ออกคำสั่งแกมขอร้อง
“พิซซ่าฮัทเหรอครับ”หนุ่ยเข้าใจอย่างนั้นจริงๆเพราเด็กบ้านนอกอย่างเขารู้จักก็แค่พิซซ่า...เพื่อนเคยพาไปกินตอนวันเกิดมัน
“จะบ้าเหรอ...พิซซ่าฮัทเนี่ยนะ...ชั้นกินไม่ลงหรอก”ธีร์ทำหน้าบ่งบอกว่าพิซซ่า อาหารสุดหรูของหนุ่ยกลายเป็นอาหารขยะในสายตาของคุณธีร์ไปได้
“ผมไม่ทราบครับ...ผมเคยกินแต่พิซซ่านี่ครับ”เด็กหนุ่มก้มหน้าลง
“เด็กน้อยเอ้ย...ชั้นจะพาแกไปในที่ๆแกไม่เคยไป...แกจะได้กินอะไรที่แกไม่เคยได้กินมาก่อน”ธีร์คิดในใจแล้วส่ายหน้าน้อยๆให้กับความไร้เดียงสาของหนุ่ย

          ธีร์พาหนุ่ยไปนั่งทานอาหารอิตาเลี่ยนที่เป็นอิตาเลี่ยนแท้ๆ ไม่ใช่พิซซ่าฮัทแบบที่หนุ่ยเคยกิน ตั้งแต่หนุ่ยเกิดมา อาหารมื้อนี้เป็นอาหารมื้อที่ไม่ถูกปากเอาซะเลย แต่หนุ่ยก็ต้องกล้ำกลืนฝืนกิน เพื่อว่าจะได้ไม่หิวและไม่เป็นปัญหาให้คุณธีร์ดุเอา หลังอาหารมื้อที่แสนทรมาน(ปาก)แล้ว ธีร์พาหนุ่ยไปยังบริษัทแห่งหนึ่งที่เกี่ยวกับการตกแต่งภายใน ในห้องประชุมธีร์นั่งคุยกับพนักงานถึงความต้องการของเขา ก่อนจะสรุปกันอีกครั้งโดยให้ทางบริษัทส่งงานให้เขาทางอีเมลและค่อยโทรคุยกัน ระหว่างที่ธีร์ไปสิงคโปร์
“คุณธีร์ไม่น่าจะต้องลำบากขนาดนี้เลยครับ”เด็กหนุ่มเกรงใจธีร์สุดๆ...กับสิ่งที่ธีร์ทำให้เขา
“...ชั้นอยากจะทดสอบฝีมือบริษัทนี้ด้วย...มีคนแนะนำว่าฝีมือดี...อีกอย่างคุณเต้ต้องการให้บริษัทนี้ออกแบบออฟฟิศใหม่ให้กับเรา...คุณเต้น่ะเรื่องมากสุดๆ...ยิ่งกว่าชั้นซะอีก...ชั้นอยากจะดูฝีมือในการตกแต่งห้องของเธอก่อน...ถ้าไม่ถูกใจชั้นก็จะไม่จ้างต่อ...”ธีร์ขับรถมาส่งหนุ่ยที่บ้านก่อนจะกลับออกไปข้างนอกอีกครั้ง แต่ก่อนจะออกไปธีร์หันมาพูดกับหนุ่ยว่า
“เธอใช้คอมพิวเตอร์เป็นมั๊ย”
“เป็นครับ...”หนุ่ยเคยเรียนมาบ้าง อินเตอร์เนตเค้าก็เคยเข้าอยู่บ่อยๆที่โรงเรียนก็มี
“ฉันอยากให้เธอหาที่เรียนพิเศษช่วงที่ยังไม่เปิดเทอม...เอาโน๊ตบุ๊คชั้นไปใช้สายแลนบนห้องชั้นก็มี...เธอไปต่อเนตใช้ได้...ให้ป้าจิตเปิดห้องให้นะ...ลองเสิร์ชหาที่เรียนพิเศษในเวปไซต์ดู...ปิดเทอมจะได้ไม่ว่าง...กลับมาแล้วชั้นจะพาเธอไปสมัครเรียน...”ธีร์สั่งเป็นชุดพลางลงจากรถแล้วเปิดท้ายรถ เพื่อหยิบโน๊ตบุ๊คอีกเครื่องนึงมาส่งให้หนุ่ย...
“คุณธีร์จะกลับเมื่อไหร่ครับ”หนุ่ยถาม...ไม่รู้ว่าจะถามทำไม
“วันเสาร์...ตอนค่ำๆ”ธีร์บอกแล้วเดินไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไป
          หนุ่ยหิ้วโน้ตบุคเข้าห้องของตัวเองไป ความรู้สึกมันโหวงๆ...เหมือนกับว่าขาดอะไรไป...เหงาๆเงียบๆ...บรรยากาศตอนบ่ายแก่ๆของบ้านหลังใหญ่ๆมันเหงาชะมัดเลย มันทำให้คิดถึงบ้าน...คิดถึงย่า...


RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 5=
«ตอบ #59 เมื่อ14-08-2009 10:15:32 »

หนุ่ยกินได้ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะอาหารฝรั่งที่กินกันไม่ถูกปากเขาเอาซะเลย สู้แกงเหลืองของย่าก็ไม่ได้



คนกรุงเทพฯ  เรียก "แกงเหลือง"

แต่ . . .

. . . คนใต้เรียก  "แกงส้ม"

หนุ่ยเด็กระโนด  เมื่อนึกถึงฝีมือย่า  ควรจะใช้คำว่า  "แกงส้ม"

นิดนึงเท่านั้นเองครับ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด