ระโนด <by ต้นคุง>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ระโนด <by ต้นคุง>  (อ่าน 179924 ครั้ง)

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
ระโนด <by ต้นคุง>
« เมื่อ09-08-2009 04:39:04 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง กาเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


---------------------------
เรื่องนี้เราได้รับอนุญาตให้โพสจากผู้เขียน (ต้นคุง) เรียบร้อยแล้วนะคะ  ผิดพลาดประการใด ขอความกรุณาไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ  
 :pig4:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2010 18:49:48 โดย THIP »

ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #1 เมื่อ09-08-2009 04:53:59 »

ว้าววววววววว
นิยายใหม่ เอิ้กกกกก
ปู เสื่อ + แทะ เม็ด กวย จี๊ รอ ^^
 :z2:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #2 เมื่อ09-08-2009 04:55:09 »

๑ ปฐมบท

          รถเก๋งโตโยต้าคัมรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดวิ่งห้อตะบึงไปตามถนนสายเล็กๆสายหนึ่งในจังหวัดสงขลา หลังพวงมาลัยของรถหรูราคาเหยียบสองล้านปรากฏร่างของ “ธีร์”หนุ่มน้อยวัยยี่สิบสี่ปี เขาเพิ่งเข้าทำงานในตำแหน่งผู้แทนฝ่ายขายของบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่สุดของประเทศ ธีร์เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯในสาขาการตลาด แล้วงานนี้ก็เป็นงานที่เขาเองอยากจะทำเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะชื่อเสียงขององค์กรที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ความจริงแล้วแม่ของธีร์เองก็ไม่เห็นด้วยที่ลูกชายคนเดียวต้องมาทำงานในภาคใต้ ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากกับชีวิตอันสดใส เพราะปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำให้ผู้เป็นแม่อดเป็นห่วงไม่ได้อีกทั้งเรื่องของการขับรถของธีร์ แม้ว่าธีร์จะขับรถเป็นตั้งแต่เรียนม.ปลาย แต่ว่าระยะทางที่ไกลแสนไกลต่างหากที่ทำให้ผู้เป็นแม่มักไม่สบายใจอยู่เสมอ

“แม่ครับ...รถของแม่ที่ธีร์ขับไปเรียนสภาพมันไม่ไหวแล้วนะครับแม่”ธีร์กำลังอ้อนภาณีแม่ของเขาในเช้าวันหนึ่งที่เขารู้ว่าบริษัทตกลงรับเขาเข้าทำงานในตำแหน่งนี้
“ทำไมล่ะธีร์...จะให้แม่ซื้อให้ใหม่เหรอ...”ภาณีพูดพลางลูบหัวลูกชายคนเดียวด้วยความรักและเอ็นดู ธีร์ชอบมาอ้อนและประจบอย่างนี้เสมอเมื่อต้องการได้อะไรจากนาง
“ครับแม่...วิ่งก็ช้าเป็นเต่า...แซงสิบล้อยังไม่ขึ้นเลยแม่”ธีร์เพิ่มน้ำหนักและเหตุผลให้ภาณีเห็นว่ารถที่เขาใช้อยู่มันแก่เกินกว่าจะขับไปไกลๆ
“เอาไปเทิร์นสิลูก...ได้เงินเท่าไหร่แล้วแม่จะเพิ่มเงินดาวน์ให้...แต่ธีร์ต้องผ่อนต่อเองนะ”ภาณีต้องการให้ลูกชายของนางรู้จักการเก็บหอมรอมริบและไม่เอาแต่แบมือขอเงินเป็นอย่างเดียว เพราะอย่างน้อยธีร์เองก็มีงานทำแล้ว และเงินเดือนบวกเบี้ยเลี้ยงก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ

          ธีร์ใจลอยคิดถึงวันที่เขาคุยกับแม่เมื่อเดือนก่อน แล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจในรถเก๋งคันงาม พลางลูบไล้คอนโซลหน้าด้วยความทะนุถนอม ก่อนกดคันเร่งพาเครื่องยนต์ขนาดสองพันสี่ร้อยซีซี บึ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วปานพายุ เขามองออกไปข้างหน้า เลนซ้ายมือของเขามีรถกระบะบรรทุกอะไรบางอย่างวิ่งอยู่อย่างช้าๆ ด้วยสภาพที่เก่าแก่ของมันและสิ่งของที่บรรทุกมาเต็มหลังรถ ฟางข้าวนั่นเอง มันปลิวเกลื่อนถนนไปหมด

“เฮ้อ...ทำไมไม่หาอะไรมามัดไว้ซะหน่อยนะ...อย่างนี้กว่าจะถึงบ้าน...ฟางข้าวปลิวหมดคันแน่ๆ...แล้วจะเอาอะไรให้ควายกิน”ธีร์รู้สึกเห็นใจผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แล้วเตรียมจะแซงออกขวา “สัญญาณไฟเลี้ยว”ธีร์นึกขึ้นมาแวบนึง...แค่นึกเท่านั้น เขาไม่ได้ให้สัญญาณว่าจะแซง แต่หักพวงมาลัยออกมา แล้วกดคันเร่งเพื่อแซงทันที รถของธีร์พุ่งขึ้นมาเทียบรถกระบะได้ครึ่งคัน ธีร์ก็เห็นเงาตะคุ่มของคนชายคนหนึ่งเดินตัดหน้ารถของเขาในระยะกระชั้นชิด เขาไม่ทันจะแตะเบรกด้วยซ้ำ ธีร์มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นในการตัดสินใจ เขาตัดสินใจหักพวงมาลัยไปทางซ้ายแต่ก็หักได้เล็กน้อยเท่านั้นเพราะรถกระบะด้านซ้ายยังขวางทางอยู่

“โครม”ไม่มีเสียงเบรกใดๆ มีแต่เสียงหนักๆกระแทกกับกันชนหน้า ร่างเล็กๆของชายวัยกลางคนลอยละลิ่วไปไกลและหล่นตุ๊บลงไปในร่องน้ำกลางถนน เสียงเบรกของล้อทั้งสี่ดังขึ้น ไฟเบรกของระบบเบรกเอบีเอส โชว์หราที่หน้าปัดรถหรู ธีร์ตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเบนรถเข้าจอดข้างทาง เสียงโหวกเหวกโวยวายของชาวบ้านในละแวกนั้นดังขึ้น ธีร์ลงมาจากรถด้วยความตกใจ เขาสับสนไปหมด ชายคนนั้นมาได้ยังไงกัน ชายคนนั้นเดินออกมาจากทางไหน ทำไมเขาไม่เห็นมาก่อน แล้วนี่เขาจะเป็นอะไรมากรึเปล่า ธีร์นึกถึงตำรวจขึ้นมาได้

“ใช่สิ...โทรหาตำรวจก่อน”ธีร์ก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดเบอร์ที่เขาคิดว่าคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ...ใช่แล้ว “191”
“ที่นี่สถานีตำรวจภูธรระโนด ผมสิบตำรวจตรี......รับสายครับ”เสียงตำรวจหนุ่มรายงานตัวราวกับเปิดเทปที่อัดไว้
“...ผมขอแจ้งเหตุร้าย...มีคนถูกรถชนครับ”ธีร์เสียงสั่นด้วยความตกใจ
“ครับ...เหตุเกิดบริเวณไหนครับ”ตำรวจส่งเสียงมาตามสาย
“เอ่อ...ไม่ทราบครับ...เอ่อ...ผมดูก่อนนะ...ปากทางเข้าสำนักสงฆ์หัวสิงโตครับ”ธีร์เพ่งมองฝ่าความมืดไปยังป้ายสำนักสงฆ์สีขาวหม่นๆผุๆ
“มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตรึเปล่าครับ”
“ผมไม่ทราบครับ...เห็นแต่ตกลงไปในร่องน้ำกลางถนนครับ”
“กรุณาแจ้งชื่อและนามสกุลของคุณด้วยครับ”เสียงตำรวจดุๆทำเอาธีร์สั่นหนักเข้าไปอีก
“ผมชื่อธีร์ นันทนกุลครับ...ผมเป็นคนขับรถชนเองครับ”ธีร์สารภาพเสียงสั่น
“คุณธีร์...คุณคอยอยู่ที่นั่นนะครับผมจะรายงานผู้บังคับบัญชาและให้หน่วยกู้ภัยไปที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด”ตำรวจส่งเสียงดุๆมาตามสายแล้วก็วางหูไป

          ธีร์ก้าวช้าๆ เขากำลังจะเดินไปที่ร่องน้ำกลางถนน ที่ตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านมามุงดูชายคนนั้นบ้างแล้ว หลายคนเบือนหน้าหนีพลางส่ายหน้า “ตาอินเอ้ย...แกข้ามถนนทำไมไม่ดูรถเลยว้า...” ยายคนหนึ่งเดินออกมาพลางเช็ดน้ำตาป้อยๆ
“ไอ้หนู...เอ็งไปบอกที่บ้านตาอินมันที...ตาอินมันถูกรถชนตาย” สิ้นเสียงยายคนนั้น ธีร์ถึงกับเข่าอ่อน เขาทรุดลงนั่งกับพื้นก้าวขาไม่ออก ความตกใจและเสียขวัญทำให้เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ธีร์คิดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จนมีมือมาจับที่ข้อมือเขาไว้แล้วจูงข้อมือชายหนุ่มให้เดินออกมา
“นั่งตรงนี้ก่อนไอ้หนุ่ม...”เสียงผู้ชายสำเนียงทองแดงพูดอย่างใจดี
“ฮืออ...ฮือออ...”ธีร์ร้องไห้ออกมา เขาเอามือปิดหน้าไว้ไม่มองอะไร ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้
“ใจเย็นๆลูกใจเย็นๆ...ทำใจดีๆไว้...ไม่ต้องไปดูนะ...ตายแล้วแหละ”เสียงชายคนเดิมพูดอยู่ไม่ไกลนัก
“ฮืออ...ฮือออ....ผมทำเค้าตาย...ฮืออ...ผมทำเค้าตาย...”ธีร์ฟูมฟายออกมามากขึ้น สติสตังกระเจิดกระเจิงไปแล้ว ธีร์คิดถึงแม่ขึ้นมาได้ แม่...เค้าต้องโทรบอกแม่ก่อน...อย่างน้อยจะได้รู้สึกอุ่นใจ...แม่เป็นที่พึ่งให้เขาเสมอ...ชีวิตนี้ธีร์มีแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น...ธีร์กดโทรศัพท์หาแม่
“แม่ครับ...แม่...ฮือออ...ฮือออ...”ธีร์พูดไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเดียวทำเอาภาณีใจหายวาบ
“ธีร์...ธีร์เป็นอะไรลูก...ร้องไห้ทำไม...บอกแม่สิ...ใครทำอะไรลูก”เสียงของผู้เป็นแม่บ่งบอกว่าเป็นห่วงลูกชายคนเดียวสุดชีวิต
“ธีร์ขับรถชนคนตายครับแม่”สิ้นเสียงธีร์ ภาณีถึงกับเข่าอ่อน นางควานหาเก้าอี้มานั่งเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะยืน นางเป็นห่วงลูกชายสุดที่รักเอามากๆ ตั้งแต่เกิดมาธีร์ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ร้ายๆอย่างนี้มาก่อน
“ธีร์...ธีร์อยู่ที่ไหนลูก...”ภาณีถามลูกชาย
“ธีร์อยู่อำเภอระโนดครับแม่...แม่มาช่วยธีร์ด้วย...ธีร์กลัวครับแม่...ธีร์ชนเค้าตายครับ...ไม่น่าเกิดขึ้นเลยครับ...ธีร์กลัวครับแม่...ฮือ...ฮือ...ฮือ”เสียงร้องไห้ของลูกชายสุดที่รักดังก้องอยู่ในโสตประสาท

          ภาณีมืดแปดด้านตอนนี้นางคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไป นางไม่รู้จักใครที่ไหนเลย เพราะตั้งแต่คุณวัลลภสามีของนางเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อธีร์ยังอายุได้แค่สิบขวบ นางก็ได้แต่ทำงานๆๆ...ไม่ได้เข้าสังคมเลย “แล้วจะทำยังไงดีนะ” ภาณีตั้งสติอยู่สักพัก ก็นึกถึงน้องชายของนางขึ้นมาได้ น้องชายของภาณีเป็นนายอำเภออยู่ทางภาคอีสาน “เจ้านพมันน่าจะมีพวกพ้องอยู่ทางใต้บ้าง มันน่าจะช่วยเหลือได้ อย่างน้อยเจ้าธีร์ก็หลานของมัน” ภาณีหาเบอร์โทรศัพท์ของนายอำเภอนภดล น้องชายคนเล็กของนาง หลังจากได้เบอร์มาแล้ว ภาณีต้องวิ่งหาแว่นตาอีกเพราะนางเองก็อายุเกือบห้าสิบเข้าไปแล้ว เป็นธรรมดาอยู่ที่สายตามันจะเริ่มสั้น มองไม่เห็นตัวเลข นางกดแป้นโทรศัพท์ด้วยมือที่สั่นเทา

“อะโหล...นพใช่มั๊ย...นี่พี่ณีเองนะนพ...”ภาณีพูดกับคนที่รับโทรศัพท์ปลายสาย
“ครับพี่ณี...มีอะไรหรือพี่”เสียงนพดลสงสัย เพราะผิดสังเกตที่พี่สาวโทรมาหา ร้อยวันพันปีพี่สาวคนนี้แทบไม่ได้โทรหาเขาเลย ต้องมีเรื่องด่วนอะไรสักอย่าง
“นพ...ตอนนี้เจ้าธีร์น่ะมันขับรถไปชนคนตาย...ที่อำเภอระโนด...แกมีเพื่อนฝูงอยู่แถวนั้นบ้างมั๊ย...แกช่วยมันทีนะ...”เสียงภาณีร้อนรนและมีน้ำเสียงเครือๆเหมือนจะร้องไห้
“เหรอครับพี่ณี...เอ่อ...เดี๋ยวนะ...ผมนึกก่อน...”นพดลเงียบไปพักนึง
“ไงเจ้านพ...แกมีเพื่อนอยู่แถวสงขลาบ้างมั๊ย”เสียงภาณีร้อนรน
“เออ...มีครับพี่...เพื่อนผมเป็นปลัดอำเภออยู่สิงหนคร...เดี๋ยวผมจะติดต่อมันดู...ไม่รู้ว่ามันอยู่รึเปล่า”
“พี่ฝากหลานด้วยนะ...ได้ความยังไง...แกโทรบอกพี่หน่อยแล้วกัน”ภาณีวางหูโทรศัพท์ลงกับแป้นแล้วกดเบอร์ลูกชายของนางทันที
“ธีร์เป็นไงบ้างลูก...”
“ผมโทรบอกหัวหน้าแล้วครับแม่”ธีร์บอกแม่เสียงยังสั่นอยู่
“อืม...แล้วหัวหน้าเค้าว่าไงล่ะลูก”ภาณ๊ถามด้วยความร้อนรน
“เค้าจะต้องรายงานไปตามขั้นตอนก่อน...เค้าก็ถามว่าธีร์เป็นอะไรบ้างรึเปล่า”ธีร์บอก
“แล้วตำรวจมารึยังลูก”
“มาแล้วครับ...ผมคอยตำรวจอยู่จะต้องไปที่โรงพักครับ...”ธีร์บอก
“ธีร์ไปกับตำรวจนะลูก...น้านพเค้ากำลังโทรหาเพื่อนเค้าให้ไปดูลูกแล้วนะ”ภาณีบอกลูกชาย
“ครับแม่...หัวหน้าผมเค้าก็โทรให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆกันมาหาผมแล้วแม่...”น้ำเสียงธีร์ค่อยดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไงนางก็เป็นห่วงอยู่ดีนั่นแหละ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปหานะลูก”ภาณีบอกลูกชาย ใจนางอยากจะไปหาซะแต่คืนนี้ด้วยซ้ำแต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ทางตั้งไกล เครื่องบินก็ไม่น่าจะมีแล้ว นางจะทำยังไงดี
“โทรหานังสาดีกว่า...”ภาณีนึกถึงเลขาส่วนตัวขึ้นมาได้ ปกติภาณีไม่เคยโทรศัพท์ไปหาสานิตย์ นอกเวลางานเลย “แต่ครั้งนี้มันจำเป็น...”ภาณีกดโทรศัพท์หาสานิตย์ทันที
“ค่ะคุณณี...มีอะไรรึเปล่าคะ”เสียงใสๆของเลขานุการส่วนตัวดังขึ้น
“นี่สา...พี่ณีรบกวนหน่อยเถอะ...สาช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปหาดใหญ่ให้พี่หน่อยนะ...”
“เมื่อไหร่คะคุณณี”
“พรุ่งนี้เช้าจ๊ะ”
“คุณณีมีประชุมสิบโมงเช้าไม่ใช่เหรอคะ...”
“เออ...แจ้งทางเมลไปก่อนว่าพี่ขอเลื่อนประชุมออกไปไม่มีกำหนด...”
“คุณณีจะไปหาดใหญ่ทำไมคะ”เลขาจอมจุ้นถาม
“เอ่อ...ไปธุระนิดหน่อยจ่ะ...”
“ได้ค่ะเดี๋ยวสาจองให้...แล้วสาจะโทรไปหาคุณณีอีกทีนะคะ”

          ภาณีนึกขึ้นมาได้ว่าแล้วรถของเจ้าธีร์จะทำยังไง ถ้านางลงไปแล้วพาลูกชายกลับทางเครื่องบิน รถเก๋งคันใหม่เอี่ยมขนาดนั้น ใครจะขับกลับ “เจ้าเต้”ภาณีคิดถึงลูกของวันดี น้องสาวของคุณวัลลภ “เต้”เป็นลูกผู้น้องของธีร์แต่ทั้งสองอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเรียนกันมาตั้งแต่เล็กๆ จนถึงมหาวิทยาลัย ธีร์กับเต้สนิทกันมากแทบจะไม่เคยห่างกันเลย จนเรียนจบแล้วต่างคนต่างทำงานในสาขาที่ตัวเองเรียนมา ตอนนี้เจ้าเต้กำลังเริ่มงานใหม่เป็นพนักงานบริการบนเครื่องบิน ในสายการบินแห่งชาติ ภาณีกดโทรศัพท์หาเต้ด้วยความร้อนรน
“เต้...อยู่ที่ไหนลูก”ภาณีเรียกลูกอย่างสนิทปาก เพราะเต้ก็เหมือนกับลูกของนางคนหนึ่งเหมือนกัน
“อยู่บ้านครับคุณป้า”เต้ส่งเสียงใสๆมาตามสาย
“เอ่อ...เจ้าธีร์มันไปขับรถชนคนตายน่ะลูก...ตอนนี้มันอยู่สงขลา”ภาณีบอกเต้
“หา...ธีร์เป็นอะไรรึเปล่าครับ...แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ”เต้ร้องออกมาด้วยความตกใจและเป็นห่วง เพราะทั้งคู่สนิทกันเหมือนพี่น้อง
“อยู่อำเภอระโนดลูก...พรุ่งนี้ป้าจะชวนเต้ไปหาธีร์ด้วยกัน...เอ่อ...นั่งเครื่องไปน่ะลูก”ภาณีบอกเด็กหนุ่ม น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเกรงใจเพราะไม่รู้ว่าเต้จะว่างหรือเปล่า เต้เพิ่งทำงานได้ไม่กี่วันเอง
“ได้ครับคุณป้า...แล้วคุณป้าจะไปไฟล์ทกี่โมงครับ...ผมให้เพื่อนจองตั๋วให้มั๊ยครับ”เต้รีบรับปากทั้งๆที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะลางานได้รึเปล่า
“เออ...ป้าให้เลขาจองให้แล้วแต่เดี๋ยวป้ายกเลิกก่อนก็ได้...ป้าให้เต้จองให้ดีกว่า”ภาณีลืมนึกไปว่าหลานชายก็ทำงานอยู่การบินไทย ถ้าให้เต้จองจะได้ตั๋วราคาถูกและมีที่นั่งแน่นอนกว่า นางจึงโทรหาเลขาแล้วก็ให้ยกเลิกการจองตั๋วไป

“ธีร์...เป็นยังไงบ้างลูก”หัวใจนางจะขาดรอนๆซะให้ได้เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของคนรอบข้าง ดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์
“แม่ครับ...ธีร์กลัวครับ...”เสียงเด็กหนุ่มเบาแผ่วเอามากๆ เหมือนกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียง
“...ธีร์ไม่ต้องกลัวนะ...ไปหาตำรวจนะลูก...อยู่ใกล้ๆตำรวจไว้” ภาณีกลัวบรรดาญาติพี่น้องของคนที่เสียชีวิตจะมากลุ้มรุมทำร้ายลูกชายของนาง
“ครับแม่...”ธีร์เป็นเด็กดีและไม่เคยดื้อ ตลอดเวลาที่นางเลี้ยงดูลูกชายคนนี้มา ธีร์ไม่เคยขัดใจนางเลย แต่ธีร์ก็ไม่ใช่เด็กหัวอ่อนที่ไม่มีความคิด นางมักจะเลี้ยงลูกด้วยเหตุและผล ให้ลูกได้ฝึกการตัดสินใจด้วยตัวเองและสอนให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาตลอด
“เดี๋ยวแม่โทรกลับนะลูก...น้านพโทรมาแล้ว” ภาณีกดวางสายแล้วกดรับโทรศัพท์ของน้องชายนาง

“ว่าไงนพ...เพื่อนแกอยู่มั๊ย”ภาณีเสียงระรัว
“อยู่ครับพี่ณี...มันบอกว่าจะโทรไปหารองผู้กำกับฯให้ก่อนแล้วเดี๋ยวมันจะตามไปที่ระโนด”ภาณีโล่งใจสุดๆ นางขอบอกขอบใจน้องชายซะยกใหญ่ ทำเอานภดลถึงกับต้องบอกกับภาณีว่า
“พี่ณีครับ...เจ้าธีร์มันก็หลานผมเหมือนกันนะครับ...ยังไงผมก็ต้องช่วยมัน...พี่ณีสบายใจได้เลย...เดี๋ยวให้เพื่อนผมมันรับเจ้าธีร์ไปนอนกับมันที่สิงหนครก็ได้...ส่วนรถเจ้าธีร์ถ้ายังขับได้เดี๋ยวให้ลูกน้องมันขับกลับมา”นพดลบอกกับพี่สาวเป็นชุด เหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งหมดจะถูกคลี่คลายในไม่ช้านี้แล้ว...แต่ใครจะรู้ว่า...เรื่องนี้มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเอง



ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #3 เมื่อ09-08-2009 05:03:07 »

อหงะ
โผล่มาตอนแรกก็ขับรถชนคนตายซะแล้ว
น่าสงสารคุณตากับหลานจังเลย
ท่าทางจะมีกันสองตาหลานแหงเลย
ใช่ป่าวนิ = =
ยังไงก็รออ่านต่อนะครับ สนุกดีอ่ะ
> w <
 :กอด1:

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #4 เมื่อ09-08-2009 07:42:40 »

 :pig2:  มาให้กำลังใจเรื่องใหม่ครับ

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #5 เมื่อ09-08-2009 11:53:56 »

มาจิ้มเรื่องใหม่จ้า

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #6 เมื่อ09-08-2009 16:02:17 »

มาอ่านเรื่องใหม่

พร้อมกำลังใจค่ะ :L2:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #7 เมื่อ09-08-2009 16:56:10 »

 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่
+1 เป็นกำลังใจให้นะคราบที่เอาเรื่องมาลง
อ่านตอนแรกแล้วรู้เลยว่าเรื่องนี้เนื้อเรื่องปึ้กมาก
ภาษาที่ใช้ค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ดี แล้วจะมารออ่านต่อครับ
เหตุรักเกิดที่ระโนดจะเป็นเช่นไรหนออออออออออออออออออออออออ

นิว

ออฟไลน์ 0nePiece

  • ++..ชีวิตไร้รัก..++
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #8 เมื่อ09-08-2009 21:37:16 »

มาเจิม เรื่องใหม่

 :a5:แต่

นั่น.
.
.
.
มันบ้านเกิดเรานี่หว่า


รออ่านตอนต่อไป

อิอิ 

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #9 เมื่อ09-08-2009 22:12:28 »

ขยันลงน่ะครับ อย่าหายไปนาน(เหมือนเรา อิอิ)

เป็นคนสงขลาเหรอครับ

 :m4: สู้ๆครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
« ตอบ #9 เมื่อ: 09-08-2009 22:12:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #10 เมื่อ10-08-2009 01:39:20 »

 :mc4:
บวก 1 แต้มเป็นกำลังใจให้กับเรื่องใหม่จ้า
สนุก น่าติดตาม
รออ่านต่อนะจ๊ะ

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #11 เมื่อ10-08-2009 01:50:32 »

น่าติดตามมากกกกกกกกกกก



ประเดิมเรื่องก็มีคนตายซะงั้น



รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบ

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #12 เมื่อ10-08-2009 04:43:14 »

๒ หาดใหญ่

          เครื่องบินโบอิ้ง 737-200 ลำมหึมา ร่อนลงจอดที่สนามบินหาดใหญ่ด้วยความนิ่มนวล ภาณีร้อนรุ่มไปทั้งตัว นางอยากให้ถึงเร็วๆจะแย่ เมื่อคืนนางนอนไม่หลับเอาซะเลย ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าลูกชายคนเดียวของนางปลอดภัยและอยู่ในความดูแลของเพื่อนเจ้านพที่เป็นปลัดอำเภอ แต่กว่าที่ธีร์จะออกจากโรงพักได้ก็เล่นเอาดึกโขอยู่ ตำรวจต้องสอบปากคำและเรียกประกันภัยมาดูที่เกิดเหตุ กว่าธีร์จะกลับมาถึงบ้านพักเพื่อนเจ้านพได้ก็ดึกมาก รถของธีร์ยังขับได้ดี ลูกน้องของปลัดอำเภอ เป็นคนขับกลับมาให้
“ตอนนี้รถธีร์อยู่ที่ไหนครับคุณป้า”เต้ถามหลังจากเหม่อมองไปข้างนอก เต้เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วนางจึงรู้สึกเกรงใจเอามากๆ เมื่อเต้นั่งมองออกนอกหน้าต่างมาตลอดทาง ภาณีไม่อาจคาดเดาได้ว่าเด็กหนุ่มคิดอะไรอยู่
“ก็คงอยู่ที่สิงหนคร...เอ่อบ้านปลัดอำเภอนั่นแหละ”ภาณีตอบพลางมองเข้าไปในดวงตาหลานชาย... “เด็กคนนี้เป็นคนที่มีแววตาช่างคิด” 

          ธีร์มารับภาณีที่สนามบิน แต่เขาไม่ได้ขับรถมาเอง ปลัดอำเภอให้ลูกน้องขับมาให้ ธีร์ยังขยาดกับการขับรถอยู่ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉียดรถตัวเองด้วยซ้ำ
“ธีร์...เป็นไงบ้างลูก”ภาณีสวมกอดลูกชายสุดที่รักด้วยความห่วงใย 
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่...ธีร์ดีขึ้นแล้วครับ”ธีร์กอดตอบนางด้วยเช่นกัน ธีร์น้ำตาไหลอาบแก้มเหมือนเด็กๆ เขาไม่อยากบอกผู้เป็นแม่ว่าเมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย จนเกือบเช้า ภาพของชายคนนั้นยังติดตาธีร์อยู่ หลับตาทีไรก็ให้นึกถึงภาพนั้นทุกที ภาพที่ศีรษะของชายคนนั้นชนเข้ากับกระจกหน้ารถเขา แล้วร่างนั้นก็ลอยละลิ่วเหมือนไม่มีน้ำหนัก ตกลงตรงร่องน้ำกลางถนน ธีร์คิดแล้วก็น้ำตาไหลออกมาอีก
“ทำใจดีๆไว้ธีร์”เต้เดินมาลูบหลังธีร์ด้วยความห่วงใย เขาไม่เคยเห็นธีร์เป็นแบบนี้มาก่อน ธีร์ เด็กหนุ่มที่มีแต่ความร่าเริงสดใส ช่างพูดช่างคุยหายไป มีเด็กหนุ่มหน้าอมทุกข์และแววตาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าตลอดเวลามาแทน เต้ไม่อยากเห็นธีร์เป็นแบบนี้เลย
“ขอบใจนะเต้”ธีร์บอกพลางปาดน้ำตา ตั้งแต่เกิดมาก็มีเต้นี่แหละ ที่เป็นเพื่อนและยืนเคียงข้างเขาเสมอมา คอยให้กำลังใจเขาในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าเรื่องเรียนหรือเรื่องรัก

          ทั้งหมดเข้าเปิดโรงแรมในตัวเมืองหาดใหญ่แล้วก็ออกเดินทางด้วยรถส่วนตัวของปลัดฯไปยังสภ.ระโนด ส่วนรถของธีร์นั้นจอดอยู่ที่บ้านพัก เพราะตอนบ่ายๆจะมีตัวแทนศูนย์รถเข้ามาเอาไปซ่อมให้ หมดปัญหาไป ส่วนเรื่องที่ต้องไปเคลียร์กับตำรวจ ประกัน และเจ้าทุกข์ตอนบ่ายนี้คงจะพอรู้เรื่อง ภาณีอยากให้เรื่องมันจบโดยเร็วที่สุด
“เราเข้าไปเคารพศพก่อนดีกว่านะลูก” ภาณีคุยกับลูกชาย
“ได้ครับแม่...เห็นตำรวจบอกว่าอยู่ที่วัดหรือสำนักสงฆ์อะไรสักที่นี่แหละ”
“อยู่ที่สำนักสงฆ์ตรงที่เกิดเหตุนั่นแหละครับน้อง”พี่คนขับรถที่ปลัดฯส่งมาอำนวยความสะดวกบอกกับธีร์
“ครับพี่...งั้นไปที่นั่นก่อนแล้วกันครับ”ธีร์บอก
“ได้ครับ”คนขับรถพูด
“ธีร์...ไม่กลัวญาติพี่น้องเค้าเหรอ”เต้ซึ่งนั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้าง
“ไม่น่าจะมีอะไร...เราเอาเงินไปช่วยเค้าก่อนเท่าไหร่ดีครับแม่”ธีร์หันมาถามภาณี
“ห้าหมื่นก็แล้วกันเนอะ”ภาณีบอกลูกชาย
“ครับ...”

          รถของราชการสี่ประตูมาจอดนิ่งสนิทที่หน้าวัด ทำเอาสายตาทุกคู่หันมามอง วัดบ้านนอกอย่างนี้ไม่น่าจะมีเจ้าใหญ่นายโตจากอำเภอเข้ามา แถมนี่ยังมาจอดหน้าศาลาสวดศพ “นายอิน ขันโหมด” ชาวบ้านจนๆคนหนึ่ง แม้แต่ญาติมิตรที่มาร่วมงานก็ประมาณสิบคนเท่านั้น
“ไปลูกลงไปเคารพศพกัน”ภาณีจับมือลูกชายแล้วก็ต้องมองหน้าธีร์ เพราะมือเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้น ธีร์หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ก้าวเท้าลงมาจากรถอย่างไม่อิดออด “ลูกผู้ชายทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิด” ธีร์บอกกับตัวเอง
          ทั้งหมดเดินเข้าไปที่หน้าโลงศพภายในศาลาสวดศพ ที่มีเพียงศาลาเดียวในวัดแห่งนี้ โลงศพใบเดียวตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นที่วาง ไม่มีดอกไม้ประดับหน้าโลงเลยสักดอก ด้านหน้าโลงศพมีกระถางธูป และตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดอยู่ส่งกลิ่นอวลไปทั้งศาลา กลิ่นควันธูปและน้ำมันก๊าดกระตุ้นประสาทรับรู้ของผู้มาเยือนว่าที่แห่งนี้มีความสูญเสียเกิดขึ้น เสาหลักของครอบครัวได้หักสะบั้นลงด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าพนมมือไหว้ศพอยู่ สักพักเสียงอึงอลแว่วเข้ามาทำให้สายตาผู้มาเยือนทุกคู่หันไปมอง คนขับรถที่แยกไปคุยตั้งแต่ทีแรก ส่งสัญญาณมาบอกว่าทางญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตเริ่มรู้แล้วว่า “ธีร์เป็นใคร”
“เดี๋ยวแม่เข้าไปคุยเอง...เต้อยู่กับธีร์นะลูก” ภาณีสั่งก่อนจะเดินเข้าไปหาญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต...ภาณีกล้าหาญเสมอยามที่ต้องตัดสินใจและเผชิญหน้ากับบางสิ่ง นางเด็ดเดี่ยวขึ้นมากหลังจากที่สามีนางเสียชีวตจากอุบัติเหตุ...ตั้งแต่ธีร์ยังเด็กๆ เพราะนางต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ของลูกไปพร้อมๆกัน

          ธีร์นั่งเหม่อมองโลงศพที่ตั้งอยู่กลางศาลา น้ำตาของเด็กหนุ่มเริ่มซึมออกมาทางหางตา เต้นั่งนิ่งมองธีร์ด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เป็นเต้เองคงจะร้องไห้ไปแล้ว
“เต้...ธีร์เสียใจ...ธีร์ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย”ธีร์ร้องไห้มากขึ้น สะอื้นจนตัวโยน เต้เข้ามานั่งข้างๆญาติสนิทแล้วโอบกอดธีร์ไว้
“ใจเย็นๆนะธีร์...เราไม่ได้ตั้งใจ...เราไม่ได้ตั้งใจ...มันเป็นอุบัติเหตุ”เต้พยายามบอกธีร์ แล้วธีร์ก็หันมากอดเต้เอาไว้แน่น น้ำตาไหลลงมาเปียกเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดของเต้จนชุ่มบ่าไปหมด

          ทั้งสองนั่งกันเงียบๆสักพักก็ปรากฏร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งถือถาดใส่น้ำมาสองแก้ว แล้วมายื่นให้ชายหนุ่มสองคน เต้รับน้ำมาแล้ววางเอาไว้ข้างตัว เขากินไม่ลงหรอก...ไม่รู้เอาน้ำอะไรมาให้กิน...ที่รับไว้เพราะเป็นมายาท เต้หยิบน้ำอีกแก้วนึงส่งให้ธีร์ ธีร์จิบน้ำเล็กน้อยแล้ววางไว้ข้างตัวเหมือนกัน แต่ธีร์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขารู้สึกคอแห้งผากขึ้นมา ดีซะอีกที่ได้น้ำมาจิบทำให้ชุ่มคอขึ้นมาบ้าง
“นั่นแหละค่ะ...หลานชายของชั้น...หลานคนเดียว...ตาอินรักและห่วงหลานคนนี้มาก” ยายอิ่มผู้เป็นเมียของตาอินชี้ให้ภาณีดูเด็กคนที่เอาน้ำมาให้ธีร์และเต้
         ครอบครัวนี้มีกันอยู่แค่ ๓ คน ตาอินเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของบ้าน ยายอิ่มนั้นป่วยกระเสาะกระแสะด้วยโรคเบาหวาน ทำงานอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ปลูกผักหักหญ้าแถวบ้านกินไปเรื่อยๆ เลี้ยงไก่ เลี้ยงนกไว้กินไข่ ตาอินและยายอิ่มสองคนผัวเมียมีลูกชายคนเดียว ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วจากเหตุการณ์สึนามิที่พังงา ลูกชายทำงานที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่เขาหลัก และในวันที่สึนามิเข้าถล่มนั้น ลูกชายตาอินก็หายสาบสูญไป ตาอินเทียวไปเทียวมาที่พังงาหลายเที่ยวเพื่อตามหาลูกชายคนเดียว สุดท้ายก็ได้แต่ศพกลับมา ลูกชายคนเดียวของครอบครัวจากไปด้วยวัยเพียง ๒๗ ปี ทิ้งไว้แต่เพียงลูกชายวัย ๗ ขวบชื่อ”หนุ่ย”ไว้ให้เลี้ยง ตาอินและยายอิ่มจึงทั้งรักและห่วงหลานชายคนนี้เอามากๆ

“ฉันก็ไม่รู้จะมีปัญญาเลี้ยงมันยังไง...สิ้นตาอินแล้ว...ใครจะมาดูแลส่งเสียมัน”ยายอิ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาผู้ที่อยู่บริเวณรอบข้างสะเทือนใจไปตามๆกัน ภาณีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหัวตาที่มีน้ำตามาเอ่อ...
“หนุ่ย...มานี่สิ”ญาติคนหนึ่งร้องเรียกเด็กชายให้เข้ามาตรงที่ภาณีนั่งอยู่
“สวัสดีครับ”เด็กชายยกมือไหว้ภาณี
“มานี่สิหนู”ภาณีดึงเด็กชายเข้ามาพินิจดูรูปร่างหน้าตา เด็กชายวัย ๑๒ ปี รูปร่างหน้าตาคมคายแบบฉบับเด็กใต้ จมูกโด่งเป็นสัน ตากลมโต ผิวที่ไม่คล้ำมากเหมือนคนท้องถิ่นทั่วไป รูปร่างเด็กชายที่เริ่มโตเป็นหนุ่มบวกกับแววตาที่ซุกซนและใฝ่รู้ทำให้ผู้พบเห็นอดไม่ได้ที่จะนึกเอ็นดู กิริยาที่แสดงออกมาก็บ่งบอกว่าได้รับการอบรมมาอย่างดีจากปู่และย่า ภาณีนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นนางจะทำยังไงเมื่อคนที่ทำให้ปู่อันเป็นที่รัก ต้องจากไปมานั่งอยู่ตรงหน้า นางจะเก็บอาการได้ครึ่งหนึ่งของเด็กคนนี้หรือไม่ ภาณีรู้สึกนับถือน้ำใจเด็กคนนี้ขึ้นมามากทีเดียว
“เต้...พาธีร์มานี่สิ”ภาณีเรียกเต้ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแต่ไม่แข็งกระด้าง
“คุณยายอิ่มคะ...นี่คือลูกชายดิฉัน...คนที่ขับรถชนคุณตาอินเสียชีวิต...”ภาณีแนะนำ พลางส่งสายตาให้ธีร์นั่งลงกับพื้นหน้าเก้าอี้ที่ยายอิ่มนั่งอยู่ ธีร์ทำตามอย่างง่ายดาย เขาไม่ใช่คนดื้อด้านอะไร
“ธีร์กราบขอโทษคุณยายอิ่มสิลูก...”ธีร์คุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้ายายอิ่ม ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอีก
“ธีร์กราบขอโทษคุณยายด้วยนะครับ...ความผิดครั้งนี้ธีร์ขอรับผิดชอบเองทั้งหมด...ไม่ว่าจะต้องชดใช้ด้วยอะไรก็ตาม...” ธีร์น้ำตาไหลออกมาอีก เต้ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ซับน้ำตา
“ไม่เป็นไรลูก...มันเป็นอุบัติเหตุ...มันเป็นเวรเป็นกรรม...เอ็งไม่ได้ตั้งใจ...ยายรู้...ไม่ต้องร้องไห้”เพียงแค่คำปลอบโยนเล็กน้อยจากยายอิ่มเท่านั้น ทำให้ธีร์ต้องก้มลงกราบแทบเท้าอีกครั้ง...พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอีก ภาณีเองก็พยายามกลั้นน้ำตาด้วยความรู้สึกเต็มตื้น ที่ครอบครัวหนึ่งต้องมาประสบความลำบากในความสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปแต่ไม่ได้นึกโกรธหรืออาฆาตแค้นอะไรเลย

          แต่ถ้าใครสังเกตสักนิด...ในแววตาของเด็กน้อยที่เป็นหลานชายคนเดียวของตาอิน...แววตาซุกซนและใฝ่รู้นั้น...มีสิ่งหนึ่งที่เด็กน้อยซ่อนมันเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน...เนียนเสียจนกระทั่งเจ้าตัวยังไม่รู้สึกเลย


ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #13 เมื่อ10-08-2009 05:42:39 »

ม่ายฌผล่มาก็เศร้าเลยยย :m15:

ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #14 เมื่อ10-08-2009 08:14:24 »

ง่ะ ยังไงล่ะทีนี้
ซ่อนอะไรไว้ตาหนุ่ย = =
แค้น หรือ รัก >w<
เอิ้กๆ มาต่อเร็วๆนะคร้าบบบบ

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #15 เมื่อ10-08-2009 11:10:45 »

แววตาที่ซ่อนไว้

คือไรเอ่ย

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #16 เมื่อ10-08-2009 12:58:04 »

ทำไมเลือก ระโนด เป็นที่เดินเรื่องเหรอครับ

ทำไมถึงให้ธีร์เป็นผู้แทนยาหล่ะครับ

ช่วยตอบหน่อยนะครับ...

แล้วจะติดตามผลงานนะครับ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #17 เมื่อ10-08-2009 13:05:59 »



เหตุเกิดบนถนนสาย  นครศรีฯ - สงขลา

ช่วง  หัวไทร  ระโนด  ถนนสองเลน  อิอิอิ   ข้ามเลน้อยจากระโนดไป  พัทลุง  อ้าย  บ้านใครหว่า?

นิดนึงครับ . . .

เครื่องบินโบอิ้ง 737-200 ลำมหึมา

. . . เครื่องรุ่นนี้  ไม่มีบินในรูท  DOM  เมืองไทยนะครับผม  แล้ว 737 - 200  ลำมันจิ้ดดดดดดดดด  เดียวเองครับ  เมื่อก่อนภูเก็ตแอร์เคยเอามาบิน  คาดว่า  ลำมหึมา  น่าจะ . . .

. . .น่าจะเป็น 777 - 200   ในบางเวลา  ทีจีเอามาบินแทน  AB6  รูท  หาดใหญ่ครับ

ตามมาอ่านต่อ  ชอบเรื่องเกิดที่บ้านนอก 


DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> ==
«ตอบ #18 เมื่อ10-08-2009 13:35:32 »

น่าสนใจจังเลยเรื่องนี้



อยากรู้จัง   คนแต่งเรื่องนี้อะ  เปนคนระโนดใช่ป่าว




ได้บรรยากาศชนบทดีจริง ๆ




 :z2: :z2:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #19 เมื่อ10-08-2009 19:38:55 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
« ตอบ #19 เมื่อ: 10-08-2009 19:38:55 »





ออฟไลน์ 0nePiece

  • ++..ชีวิตไร้รัก..++
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #20 เมื่อ10-08-2009 21:55:49 »

เป็นกำลังใจให้ ครับ

+1ให้  แล้วคนแต่งเป็นคนในพื้นที่ป่ะครับ


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #21 เมื่อ10-08-2009 22:23:23 »

 :z2: :z2: :z2:
มาเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยคน อิๆสู้ๆ
เรื่องแนวๆนี้มีน้อย เลยยิ่งทำให้งานที่ออกมายิ่งน่าอ่าน และน่าติดตาม

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #22 เมื่อ11-08-2009 03:15:58 »

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ  ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ

สำหรับคำถาม เดี๋ยวเราก๊อปส่งไปให้นายต้นนะคะ   ขอบคุณมากค่ะ    :pig4:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 2=
«ตอบ #23 เมื่อ11-08-2009 03:23:34 »

๓ เขาหลัก

          นอกจากเงินห้าหมื่นบาทที่ภาณีให้กับยายอิ่มไว้เป็นค่าทำศพเบื้องต้นแล้ว ข้อตกลงที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ เมื่อใดก็ตามที่ยายอิ่มร้องขอ ธีร์และภาณีต้องรับผิดชอบการดูแล “หนุ่ย”ต่อจากยายอิ่ม เพราะสิ่งเดียวที่ยายอิ่มคุยให้ภาณีฟังก็คือ ความต้องการของตาอินที่อยากให้หลานคนเดียวเรียนให้สูงที่สุด และหนุ่ยเองก็เป็นเด็กที่เรียนดี สอบได้ที่ ๑ ทุกเทอม เป็นหัวหน้าห้อง เป็นเด็กที่ทำกิจกรรมและเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆตลอดมา ภาณีเองก็เต็มใจให้ความช่วยเหลือเพราะภาณีดูแล้วว่ายายอิ่มคงจะเลี้ยงดูหลานชายต่อไปได้อีกไม่นาน
          หลังจากเผาศพตาอินเรียบร้อยแล้ว ภาณีคุยกับตำรวจและยายอิ่มผู้เป็นภรรยา ยายอิ่มได้รับเงินส่วนหนึ่งตามข้อตกลงที่ประกันต้องจ่าย ภาณียังให้เงินสดกับยายอิ่มไว้เป็นเงินหนึ่งแสนบาท หนุ่ยเองก็ได้บวชเณรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับตาอินผู้ล่วงลับอีกด้วย

          หลายปีผ่านไป...ยายอิ่มกังวลอยู่ว่าตัวนางเองจะอยู่ดูแลเด็กน้อยไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะอาการเบาหวานที่กำเริบขึ้นทุกวัน บางทีนางมองอะไรพร่ามัวไปหมด ยาฉีดอินซูลินที่ต้องฉีดอยู่บ่อยๆก็ต้องไปรับจากโรงพยาบาลที่อำเภอ ตาอินก็จากไปแล้วนางจึงได้ยาบ้างไม่ได้บ้าง ทำให้อาการแย่ลงทุกวัน ยายอิ่มก็ต้องทนเพราะนางเองก็มีรูปร่างที่ใหญ่และอ้วนจึงไม่สามารถไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่ว เรื่องเงินที่ได้รับมาหลายแสนยายอิ่มก็ได้แต่ฝากเอาไว้ในธนาคาร เบิกเอาแต่ดอกเบี้ยอันน้อยนิดมาใช้จ่าย เรื่องกินเรื่องอยู่นั้น ยายอิ่มไม่คิดว่าเป็นปัญหา เพราะเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาก็พอยาไส้ไปได้ ไม่ได้ใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยอะไร อีกอย่างหนุ่ยเองก็เป็นเด็กที่ประหยัด และพยายามหาทางช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียนด้วยการรับจ้างไปทั่ว ใครมีงานอะไรมาจ้างให้ทำ หนุ่ยไม่เคยเกี่ยงขอให้ได้เงินมาเถอะหนุ่ยเอาทั้งนั้น

“หนุ่ยเอ้ย...ปีนี้เรียนชั้นไหนแล้วล่ะ”ยายอิ่มถามเมื่อเห็นเด็กชายกำลังแต่งตัวไปเรียน
“ปีนี้ขึ้นม.๔แล้วครับย่า”หนุ่ยใส่รองเท้านักเรียนคู่เก่าแล้วเตรียมเป้ใส่หนังสือเรียนสะพายขึ้นหลัง
“เออ...ขยันเรียนเข้านะ”ยายอิ่มอวยพรหลานคนเดียว
“สวัสดีครับย่า...ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ...”หนุ่ยบอกยายอิ่มแล้วยกมือไหว้ เด็กหนุ่มยิ้มตาเป็นประกาย รูปร่างที่ใหญ่โตขึ้นตามวัย แต่ก็ดูใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกันมากมายนัก
“เร็วเหลือเกินตาอินเอ้ย...หลานเราเรียนจนม.๔แล้ว นี่ถ้าแกอยู่แกคงจะปลื้มน่าดูนะ...สามปีมานี่...ฉันแก่ลงไปเยอะเลย...ไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลไอ้หนุ่ยมันไปได้อีกนานแค่ไหน...”ยายอิ่มปาดน้ำตา พลางเอื้อมมือไปปัดหยากไย่ที่รูปถ่ายหลังโกศใส่กระดูกเบาๆ
          ยายอิ่มวิตกเอามากๆถึงอนาคตของหลานชายที่มันไม่รู้ตัวเอาเลยว่า ยายอิ่มผู้ที่เป็นหลักคนเดียวของบ้านมีอาการของโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง เสียงของหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของแกอยู่ทั้งคืน
“คุณยายต้องมารับยาให้ได้ตลอดนะครับ...อย่าขาดยาเด็ดขาด...เพราะว่าอาการที่เกี่ยวเนื่องกับโรคเบาหวานของยายตอนนี้ลุกลามไปจนคุณยายเป็นโรคหัวใจเพิ่มอีกโรคนึงแล้ว”หมอหนุ่มบอกกับยายอิ่ม
          ยายอิ่มกลับมาถึงบ้านก็เฝ้าแต่ทอดถอนใจ...กินไม่ได้...นอนไม่หลับ...จนวันหนึ่งยายอิ่มตัดสินใจติดรถผู้ใหญ่บ้านไปอำเภอ...เพื่อไปโทรศัพท์หาคุณภาณี...เบอร์โทรที่ให้ไว้ในกระดาษสีเกือบเหลือง ตัวเลขเลือนลงไปมากจนเกือบจะมองไม่เห็น ยายอิ่มไปค้นมาจากหิ้งใส่โกศตาอิน...ยายอิ่มเก็บกระดาษใบนั้นไว้ที่นั่นตลอดมา

          หลายวันต่อมายายอิ่มเรียกหลานชายคนเดียวมาคุยหลังจากที่ล้างจานและเก็บสำรับอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว
“หนุ่ยเอ้ย...เอ็งโตขึ้นจะทำงานอะไร”
“จบม.หกผมจะทำงานโรงงานแถวๆนี้แหละย่า” หนุ่ยตอบยายอิ่มด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นและเต็มไปด้วยประกายวิบวับ แกสังเกตว่าปีนี้หนุ่ยโตขึ้นมากเป็นหนุ่มเกินวัย ไอ้ไข่ลูกผู้ใหญ่บ้านยังตัวไม่ใหญ่เท่าหลานแกเลย
“สมัยเอ็งเล็กๆ...ย่าเห็นเอ็งอยากจะเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอลูก”ยายอิ่มลูบหัวเด็กหนุ่มที่ตอนนี้มานอนซุกอยู่ที่ตักแกด้วยความรักและเอ็นดู
“ครับ...แต่ถ้าผมจะไปเป็นตำรวจแล้วใครจะดูแลย่าล่ะ...ย่าไม่สบายด้วยอย่างนี้...ผมไปไหนไกลไม่ได้หรอกครับ...”หนุ่ยมองหน้าผู้เป็นย่าแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ เขารู้สึกว่าย่าแก่ลงไปมาก เดินเหินไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อน บางทีเขาเห็นย่าเหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดนึงก็ต้องนั่งพัก บ่อยครั้งย่าเหนื่อยขนาดที่นอนไม่ได้ต้องนั่งหลับ หนุ่ยเคยถามย่าว่าเป็นอะไร...แต่ย่าไม่เคยบอกสักที...
“เอ็งมันก็เป็นซะอย่างนี้...ถ้าปู่เอ็งรู้ขึ้นมา...ย่าจะบอกปู่เอ็งว่ายังไงหึ...”ยายอิ่มพูดแล้วมองไปที่รูปตาอินบนหิ้ง
“โธ่ย่าครับ...ฟ้องปู่อย่างนี้...เดี๋ยวปู่มาเข้าฝันผมละแย่เลย”เด็กหนุ่มพูดติดตลก ทำเอาผู้เป็นย่าต้องหัวเราะไปด้วย ปกติบ้านนี้ไม่ค่อยจะมีเสียงหัวเราะเท่าไหร่นัก นับแต่การจากไปของตาอิน วันนี้เด็กหนุ่มทำให้ย่าของเขาหัวเราะออกมาได้...เขารู้สึกมีความสุขจริงๆ “อยากให้ย่ายิ้มแบบนี้ทุกวัน”หนุ่ยคิดในใจ
“ย่ามีอะไรรึเปล่าครับ...”หนุ่ยเห็นยายอิ่มเหม่อมองไปที่รูปตาอินสักพัก
“เอ้อ...หนุ่ยเอ้ย...ย่าน่ะอยากให้เอ็งได้เรียนสูงๆ...เป็นเจ้าคนนายคน...อยากให้เอ็งทำความฝันของปู่ให้เป็นจริง”ยายอิ่มพูดพลางดึงชายพกเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่มันเอ่อออกมา
“ปู่ฝันอยากให้ผมเป็นอะไรเหรอย่า”หนุ่ยถาม
“ปู่เอ็งอยากให้เอ็งได้เรียนสูงๆ...จะได้ไม่ลำบากเหมือนปู่กับย่า”ยายอิ่มเอามือลูบผมหลานชายด้วยความรัก หนุ่ยกุมมือยายอิ่มมาแนบแก้มแล้วหอมเบาๆก่อนจะพูดว่า
“ย่าครับ...ปู่เสียไปแล้วนะครับ...เราก็มีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น...ถ้าผมไปเรียนแล้วใครจะคอยดูแลย่าล่ะครับ... ย่าไม่ต้องกลัวนะ...ถึงแม้เราจะไม่รวย...แต่ผมก็จะไม่ทำให้ย่าอดตาย...ให้ผมอยู่กับย่าไปเรื่อยๆอย่างนี้นะครับ”หนุ่ยพูดด้วยความรู้สึกว่าชีวิตนี้มีเขากับย่าแค่สองคนเท่านั้น...
“ย่าน่ะอายุมากแล้ว...จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้...แต่อนาคตเอ็งมันอีกยาวไกล...ถ้าสิ้นย่าไปแล้วเอ็งต้องทำให้ฝันของปู่เอ็งเป็นจริงนะลูก...เงินที่มีอยู่นั้นเอาไปใช้เรียนหนังสือ...แล้วก็จงเป็นคนดี...กตัญญูรู้คุณคน”ยายอิ่มน้ำตาไหล...นึกเวทนาหลานชายของแกจริงๆหนุ่ยนอนฟังอย่างตั้งใจแต่ก็แปลกใจอยู่ที่ย่าพูดแบบนี้ทั้งๆที่ตลอดมาย่าไม่เคยพูดอะไรที่เป็นลางอย่างนี้เลย...มันทำให้หนุ่ยน้ำตาไหลออกมาแต่ก็พยายามไม่ให้ย่าเห็น...หนุ่มแอบปาดน้ำตาแล้วสูดน้ำมูกเบาๆ
“เป็นหวัดเหรอลูก”ยายอิ่มถามหลานชายด้วยความห่วงใย
“ไปพักผ่อนไป...พรุ่งนี้ต้องไปเรียนไม่ใช่รึ”ยายอิ่มดันหัวหลานชายให้ลุกขึ้นนั่งแต่หนุ่ยยังไม่ยอมหันมากอดยายอิ่ม แล้วปล่อยโฮออกมาจนยายอิ่มตกใจ
“ไม่ต้องร้องไห้นะลูก...ลูกผู้ชายน่ะเค้าไม่ร้องไห้กันหรอกนะ...เอ็งต้องเข้มแข็ง...”ยายอิ่มกอดหลานชายไว้ด้วยความเป็นห่วงพลางนึกในใจ “ถ้าคุณภาณีรักและสงสารมันสักครึ่งนึงของเรา...คงจะเป็นบุญของหนุ่ยมัน”


          วันหนึ่งยายอิ่มถูกชาวบ้านพาส่งโรงพยาบาลด้วยอาการหมดสติ เด็กหนุ่มรีบมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการของย่า เด็กหนุ่มสอบเสร็จวิชาสุดท้ายพอดี เขาเรียนจบชั้นม.๔แล้ว
“ย่าเป็นยังไงบ้างครับ”เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนเขย่าแขนยายอิ่มที่นอนนิ่ง
“..........”เงียบไม่มีเสียงตอบ มือยายอิ่มกำกระดาษสีหม่นๆยับยู่ยี่ แกพยายามจะยัดใส่มือหลานชายแล้วทำปาก เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่เครื่องช่วยหายใจครอบปากอยู่จึงได้แต่ทำปากพะงาบๆ หนุ่ยรับเอากระดาษยับยู่ยี่อันนั้นเอามาถือไว้ในมือ
          เด็กหนุ่มมองรอบๆเตียง เครื่องมือช่วยชีวิตทั้งสายยาง สายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มไปหมด สักพักเสียงเครื่องวัดชีพจรและการเต้นของหัวใจดังยาวๆขึ้นมา พยาบาลรีบเข้ามาดูอาการพร้อมทั้งฉีดยากระตุ้นหัวใจให้ยายอิ่ม เด็กหนุ่มถูกกันออกมา ผ้าม่านถูกปิด หมอวิ่งเข้ามาดูอาการเสียงโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นในห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลเล็กๆประจำอำเภอ...เด็กหนุ่มหมดแรงนั่งลงกับพื้น...สงสารย่าอย่างที่สุด น้ำตาไหลอาบแก้มสะอึกสะอื้นเป็นที่น่าเวทนากับผู้พบเห็น เขาไม่รู้จะหันไปหาใครเพราะ “ย่า”ที่พึ่งสุดท้ายในชีวิตเขากำลังยื้อชีวิตกับมัจจุราชอยู่

          ตั้งแต่ยังจำความได้ปู่และย่าเลี้ยงหนุ่ยมาตลอด ที่บ้านหลังเล็กๆที่อยู่กันเพียงสามคนเท่านั้น นานๆครั้งพ่อของหนุ่ยจะกลับมาบ้านสักทีหนึ่ง ด้วยระยะทางที่ไกลกันมาก ต้องเดินทางทั้งคืนกว่าจะมาถึง พ่อจึงไม่ได้มาบ่อยๆ แต่ละครั้งที่พ่อมา พ่อจะซื้อของเล่นติดมือมาเสมอ เป็นที่ถูกใจเด็กน้อยยิ่งนัก หนุ่ยรักพ่อมากกว่าใครๆ ถึงพ่อจะไม่ค่อยพูด...แต่หนุ่ยก็รู้ว่าพ่อเป็นคนใจดี ส่วนแม่นั้นหนุ่ยไม่เคยรับรู้เลยว่าอยู่ที่ไหน ไม่มีใครพูดถึงเลย ฤดูหนาววันหนึ่งมีข่าวในโทรทัศน์เรื่องคลื่นยักษ์ หนุ่ยไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง หนุ่ยยังคงเล่นกับไอ้ไข่ไม่ได้สนใจเสียงพูดคุยอย่างตระหนกตกใจกันของผู้ใหญ่ แต่วันนั้นเมื่อกลับบ้านไปก็เห็นปู่ย่านั่งร้องไห้กันสองคน เหมือนมีเรื่องทุกข์ใจใหญ่หลวง ย่าเอาหนุ่ยเข้ามากอดแล้วบอกกับหนุ่ยให้ไปอาบน้ำกินข้าวซะ...หนุ่ยก็ทำตามอย่างว่าง่าย เด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าพ่อที่ใจดีของเขานั้นถูกคลื่นยักษ์ในข่าวคร่าชีวิตไปแล้ว...ไม่ใช่หนุ่ยหรอกนะที่ไม่รู้..แม้แต่ปู่กับย่าก็ยังไม่รู้แม้ชะตากรรมของลูกชายคนเดียวอีกเลย

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #24 เมื่อ11-08-2009 03:38:56 »

เรื่องมันจะดำเนินไปแนวทางใดกันนะ ถ้าหากว่ายายอิ่มไม่อยู่แล้ว
ไม่อยากคาดเดา
รออ่านต่อนะคะ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #25 เมื่อ11-08-2009 03:59:29 »

เศร้าได้อีกมากมาย :sad11: :monkeysad: :m15:

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #26 เมื่อ11-08-2009 12:10:09 »

หนุ่ยน่าสงสารอะ

คนดีๆมักไปไวเนอะ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #27 เมื่อ11-08-2009 14:29:33 »

 :m15:   :m15:



เรื่องราวเพิ่มเริ่มต้น ก้อเศร้ามาตลอดเลย



 :z2:   :z2:



จะรอตอนต่อไปคับ

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #28 เมื่อ11-08-2009 14:46:39 »



เศษกระดาษที่ยายใส่ในมือหนุ่ย . . .

. . . อาจจะ

อาจจะเป็นตัวเชื่อมไปถึงคุณภาณี  แม่ของธีร์

แล้วหนุ่ยก็เข้าไปอยู่ที่บ้านธีร์  (ยายแกขอคุณภาณีเอาไว้แล้วนี่หว่า  ตอนคุณภาณีมาช่วยงานศพสามีแก)   โดยที่เขาพกพาความแค้นในหัวอกเพราะธีร์คือคนทำให้ปู่ต้องตาย  แล้วหลังจากนั้นจึงเกิด "รักในรอยแค้น"

หนุ่ยพยายามแก้แค้นธีร์  แต่  ตัวเอง  ยิ่งทำร้ายธีร์  ยิ่งเจ็บปวดหัวใจตัวเองดี

ปล.  อ่านไป มันนึกต่อแบบนี้อ่ะคร๊าบบบบบบบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2009 14:49:23 โดย ต้นสาย »

g[a]de

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 3=
«ตอบ #29 เมื่อ11-08-2009 15:30:42 »

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด