ตอนที่ 47 อำลา
“อ่าวเร็วๆ สิ เดี๋ยวไปงานไม่ทันหรอ” ผมเร่งเจ้าแซนที่มั่วแต่ทะเลาะกับหูกระต่าย
“เดี๋ยวดิพี่ แล้วเจ้านี่เอาไงอ่ะ” แซนชี้นิ้วไปที่เจ้าปัก
“เอาฝากไว้ที่พี่เอ๋ มันเลี้ยงปักอยู่เหมือนกัน อีกอย่างตอนนี้มันก็เป็นเพื่อนกันแล้ว” (
...เอ๋ เพื่อนสตรีของผม มันเอาน้องหมานามว่ากะทิ ไปด้วยตอนไม่ส่องนักบอล ตอนนี้ไอ้กะทิ และปักของผมเลยสนิทกันเป็นพิเศษ ว่าแล้วผมก็จูงปักของผมลงจากหอ ส่วนแซนล๊อคห้องใส่สูท เดินตามลงมา ผมเอาปักฝากไว้กับกะทิ เพราะวันจันทร์กว่าผมกลับแซนจะกลับเข้า มหาวิทยาลัย ผมกับเพื่อนนัดเจอกันหอเอ๋ด้วย
“ไง” ผมทักเอ๋ “เสร็จกันยังอ่ะ”
“เสร็จแล้ว” เพื่อนๆ ผมพร้อมกันหมดแล้ว ทุกคนใส่ชุดที่ดูเหมือนไปเดินเล่นมากกว่าที่จะไปงานบายเนียร
“งั้นไปกันเลยแล้วกัน” ว่าแล้วพวกผมก็เริ่มเคลื่อนขบวน รถเต่าของผมรับผู้โดยสารอีก 3 คน รวม 5 คน ส่วนรถแจ๊สของเอ๋ก็บรรทุกพอพอกัน ผมยังงอยู่ว่าขากลับจะกลับกันอย่างไร
...เมื่อขับรถมาถึงโรงแรมที่จัดงานก็เริ่มมีน้องๆมากันบ้างแล้ว ปี 4 มีมาแล้ว 2 กลุ่ม กลุ่มผมเป็นกลุ่มที่ 3 ผมเข้าไปสวัสดีอาจารย์ที่มาร่วมงาน (แต่งตัวสบายมาก เสื้อยืดกางเกงยีนส์ อาจารย์ท่านทานเสร็จก็กลับ ท่านว่าอย่างนั้น) ก่อนถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และน้องๆ หลังจากนั้นก็ไปทานข้าวร่วมกัน
...บรรยากาศในงานก็สวนเสเฮฮาไปตามประสา โดยเฉพาะปี 4 ที่เหมือนเป็นงานของตนเอง (ก็ใหญ่สุดนิ) แล้วยังจะมีความตื่นเต้นของชีวิตฝึกงานรออยู่เบื้องหน้าเข้ามาสมทบ ความสนุกก็เพิ่มเป็นเท่าตัว (แซนคอยถามผมและผองเพื่อนว่าผมฝึกที่ไหน เพื่อนมันก็ดีครับ ปิดเป็นความลับให้ มันบอกว่าผมกับแซนจะได้ไปใช้ชีวิตร่วมกันที่กรุงเทพฯ บ้างก็เรียกว่า ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์) พอเสร็จงานจากห้องประชุมโรงแรม พวกผมก็ไปต่อกันที่เธคของโรงแรมต่อเลย เมื่อน้ำเมาเข้าปาก งานนี้ไม่มีคราบนิสิตผู้แก่เรียนเหลืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะพี่จะน้องงานนี้ดิ้นกันมันส์หยด วันนี้เธคของโรงแรมถูกจองด้วยสาขาวิชาของผมไปโดยปริยาย เพราะยกสาขาเข้ามางานนี้แขกที่จะมาเปิดโต๊ะก็ยาก ลำพังพวกผมก็โต๊ะจะไม่พออยู่แล้ว พวกผมและคณะใช้เวลาบริหารร่างกาย เผาผลาญไขมันไปร่วมๆ 4 ชั่วโมงได้ (ถ้าไม่ปิดก็คงอยู่ต่อ)
...งานนี้ผมกลับถึงบ้านก็ตี 3 ได้ ไปหาข้าวทานรอบดึก พอถึงบ้านก็อาบน้ำแต่งตัว ไล่ไอ้แสบไปอาบน้ำอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้นอนจริงก็ตี 4 นั้นแหละครับ
“โอ๊ต... โอ๊ต... โอ๊ต...”
“หือ”
“ไปกินข้าวเร็วลูก” แม่ผมมาปลุกไปทานข้าวนี้เอง
“กี่โมงแล้วอ่ะ” ขี้เกียจไหมล่ะผม
“เที่ยงแล้ว”
“อือ ไอ้แซนอ่ะ”
“ลงไปดูการ์ตูนแต่เช้าแล้ว”
“เป็นเด็กมันดีแบบนี้นี่เอง...” ผมลุกขึ้นมา งัวเงียอยู่สักพัก ไปกินข้าวแล้วมานอนต่อดีกว่า... พอลงไปข้างล่างก็แซนนอนกอดไอ้มะลิสบายใจ (แกมันหมาที่บ้านฉันหรือเปล่าไอ้มะลิ)
“อ่าวแซนมาทานข้าวได้แล้วลูก”
“คร๊าฟ” มันรีบวางไปที่โต๊ะอาหาร ก่อนยิ้มกว้างให้ผม ผมอยากเอาเท้าสะกิดหน้ามันเหลือเกิน
“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ โอ๊ต”
“ไม่ไปอ่ะแม่”
“พี่เขาแฮงค์ครับ” แซนแทรก
“เมื่อคืนดื่มเหล้าเหรอ”
“งานสังสรรค์นิแม่”
“แล้วขับรถขับรามันอันตรายนะรู้ไหม”
“โห้ยลูกแม่รู้ลิมิตของตนเองน่า”
“จริงๆเลยนะเรา”
“เอาน่าเปล่ามันเถอะ มันก็ปี 4 แล้ว” พ่อผมแทรก ขอบคุณครับพ่อ อิอิ
...หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมก็ขึ้นมานอนต่อ ชีวิตวันหยุดอยู่บ้านมันสบายอย่างนี้นี่เอง กินแล้วนอน นอนแล้วกิน
“พี่โอ๊ต ดูหนังกัน”
“...”
“พี่โอ๊ต ดูหนังกัน”
“...”
“พี่โอ๊ต ถ้าไม่ตื่น พี่จะไม่ได้ดูหนังนะ แต่พี่จะได้เล่นหนังแทน”
“...”
กริ๊ก!!! เสียงล๊อคประตู
“ดูเรื่องอะไร” ผมลุกขึ้นมาจากเตียง ทันที
“ไม่รู้อ่ะ ไปดูหน้าโรงดิ”
“โห้ยวันเสาร์คนเยอะ” เดี๋ยว วันเสาร์เด็ก ม.ปลายก็เยอะด้วย “เออก็ดีเหมือนกันว่างๆ เดี๋ยวอาบน้ำก่อน” ผมรีบหอบเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำโดยด่วน เดี๋ยวมันข่มขืนผมก่อนดูหนังจะแย่
...เป็นไปตามคาดครับ วันเสาร์คนเยอะจริงๆ และเด็กๆ ม.ปลาย ก็เยอะด้วย โอ้อาหารตา ผมเพิ่งรู้ว่าช่วงนี้หนังใหญ่ชนกันทุกสัปดาห์
“คนไม่เต็มทุกโรงเหรอแบบนี้” ผมพยายามรั้งเพื่อดูเด็กๆ
“ไปดูก่อน ว่างเรื่องไหนดูเรื่องนั้น” เหมือนแซนรู้ครับ เดินคลุมผมติดๆ (ถ้ามันขี่คอได้ คงขี่คอผมไปแล้ว)
...ผมกับแซนยืนรอที่ช่องจำหน่ายตั๋ว รอเป็น 10 นาทีกว่าจะได้ซื้อ
“สวัสดีครับ เชิญรับชมภาพยนตร์เรื่องอะไรดีครับ” พนักงานชายสุดหล่อสไตล์เกาหลียิ้มต้อนรับ หุหุ
“เอาเรื่องอะไรก็ได้ครับที่คนน้อยๆ แล้วใกล้ที่จะฉายแล้ว” แซนตัดบท
“เป็นหนังผีไหมครับ หนังจะฉายอีก 15 นาทีนี่”
“ครับ 2 ที่ ครับ”
“เชิญเลือกที่หนังครับ”
“สวีท 9 – 10 ครับ”
“ครับ ขอให้ชมภาพยนตร์ให้สนุกนะครับ”
“ครับ” สรุปผมไม่ได้พูดกับพนักงานสักคำ แซนแย่งซีนหมดเลย
...ผมกับแซนซื้อขนมกับน้ำเข้าไปกินในโรงหนังด้วย หนังที่ดูเป็นหนังผีที่ทำให้ผมรู้สึกหลอนมากๆ หนังผีฝรั่งส่วนมากก็จะมีอะไรที่ขำๆ แต่นี้ค่อนข้างเครียด มันเป็นหนังกึ่งเรียลลิตี้ เหมือนจริงมากๆ (หรือของจริง) แต่ดูแล้วหลอนมากขนาดผมที่ว่าเซียนเรื่องผี ฟังเรื่องผีเกือบทุกสัปดาห์ยังหลอน ไม่ต้องห่วงคนข้างครับ รายนี้กล้าหน้าโรงแต่ในโรงกอดแขนผมแน่น งานนี้เปลืองตัวกว่านอนกับมันอีก พอดูหนังเสร็จผมกับแซนก็ไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าก่อนกลับ หมดไปอีก 1 วัน
...วันอาทิตย์ผมก็ใช้เวลาอยู่บ้านทั้งวันครับ ไม่ได้ไปไหน พรุ่งนี้ก็จะกลับหอแล้วเลยเก็บข้าวของ โดยเฉพาะแซน พอตกดึกแม่ผมคิดอย่างไรไม่ทราบชวนไปกินพิซซ่า ก็ดีครับไม่ได้กินนานแล้วอิอิ
“แซนเรื่องเรียนเป็นไงบ้างลูก” แม่ผมถามขึ้น
“เรื่อยๆ ครับ มีพี่โอ๊ตช่วยสอนให้เลยสบาย”
“อืมดีแล้ว แล้วนี้ปิดเทอมกลับบ้านไหม”
“ไม่ครับ ผมอยู่ต่อ”
“แล้วทำไมไม่กลับอ่ะแซน” ผมแทรก
“ลงเรียนซัมเมอร์นะครับ”
“เอกเราไม่มีเรียนซัมเมอร์นิ” ผมค้าน
“ก็วิชาของเอกอื่นนะ”
“ลงทำไม” ผมถาม
“เอาเกรดนะครับ แล้วอีกอย่างวิชาภาษา จะได้เอาไว้ใช้”
“ดีแล้วลูก” แม่ผมเสริม หนุนกันจริง
“งั้นเสาร์ – อาทิตย์ ผมมาอยู่ด้วยได้ไหมครับ” แซนถามแม่ผม กล้ามาก
“เอาสิ ดีเลย พี่โอ๊ตเขาไม่อยู่เขาไปฝึกงานนะ”
“ฝึกเสาร์ – อาทิตย์ด้วยเหรอครับ”
“เปล่าเขาไปฝึกที่กรุงเทพนะลูก ว่าแต่แซนจะมาอย่างไรล่ะ”
“...” แซนไม่ตอบคำถามครับ ได้แต่มองมาที่ผม สายตาประมาณว่าทำไม ทำไม ทำไม เหมือนจะสะกดจิตกันอย่างนั้นแหละ ผมก็หลบสายตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หม่ำพิซซ่าตนเองไป “คงไม่สะดวกหรอกครับ เพราะถ้าพี่โอ๊ตไม่อยู่ผมก็ไม่รู้ว่าจะมาอย่างไง” แซนตอบ เสียงเรียบ แต่ผมร็สึกถึงความเศร้าเจืออยู่ เล่นผมกลืนไม่ลงเลยทีเดียว
...ตลอดทางกลับบ้าน แซนได้แต่เงียบแล้วมองออกไปนอกรถ พอถึงบ้านแซนก็ขึ้นห้องเลย ผมเดินตามขึ้นไป เห็นแซนนั่งอยู่ที่เตียง แซนมองมาทางผมด้วยสายตาเดียวกับที่ร้านพิซซ่า
“ทำไม...ทำไมพี่ไม่บอกผม”
“...”
“พี่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
“เทอมที่แล้วแล้ว”
“แล้วทำไมไม่บอกผม...”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 47
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------