ตอนที่ 46 เตรียมตัว
...วัน เวลา เป็นสิ่งที่น่าขัน ทุกคนเคยสังเกตไหม เวลาที่เราทุกข์ หรือ เมื่อไรที่เราเร่งรีบ เมื่อนั้นเวลามันชั่งยาวนาน แต่ในขณะที่เรามีความสุข หรือ เฝ้าภาวนาให้เวลาผ่านไปช้าๆ หรือหยุดไปเลยได้ก็ดี เวลานั้นกับเร่งรีบ จนแถบเรียกได้ว่าเวลาติดจรวดเลยทีเดียว
...หลังจากคืนฉลองวันคล้ายวันเกิดย้อนหลังเจ้าแสบ ทุกอย่างก็เรียกว่ากลับมาเกือบเป็นปรกติ ที่เรียกว่าเกือบนั้นเพราะมีสาเหตุหลักๆ อยู่ 2 ประการคือ ผมต้องเป็นทาสเลี้ยงเจ้าปัก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่ถึงจะตั้งไปก็เท่านั้น เพราะเรียกอะไร มันก็มาหาอยู่ดี (เคยเรียก “แซน” ตอนแซนทำงานอยู่ มันได้ยิงมันก็เดินหน้าสลอนมาหาแล้วกระดิกหางไห้ เหมือนเป็นนัยว่าเรียกทำไม จะเล่นด้วยล่ะสิ) ที่เรียกว่า ทาสของเจ้าปักนะ เพราะเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ครับ แซนไม่เลี้ยงเลย ไม่พาแม้นแต่ไปวิ่ง หน้าที่แซนเล่นกับมันก่อนนอนเท่านั้น เคยบอกให้แซนเอามันไปวิ่งข้างนอก สิ่งที่แซนทำคือ วิ่งไล่มันรอบห้อง แล้วก็เปิดประตูระเบียงให้มันออกไปวิ่ง (เรียกว่าออกไปดมจะถูกกว่า) แล้วก็เข้าห้อง แล้วบอกผมว่าพามันออกกำลังกายเสร็จแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ไอ้ปักมันจะโตเร็วผิดปรกติ (โดยเฉพาะด้านข้าง ไม่รู้ว่าเป็นที่พันธุ์มัน หรือว่าเพราะเจ้าของ ใครทราบบอกผมที)
...ประการที่ 2 ตอนนี้แซนติดผมมากกว่าเก่าอีก ไปไหน ไปด้วย และถ้าแซนไปไหน ผมก็ต้องไปด้วย ไม่เว้นแม้นแต่เวลาเรียน โชคดีครับที่ตอนเรียนตีซี้อาจารย์ไว้เยอะ อาจารย์ท่านเลยไม่ว่าอะไร บางทีให้ผมอธิบายแทนด้วยซ้ำ และปรกติทุกเย็นผมกับเพื่อนจะไปเดินเล่นกันที่สวน หรือ ลานวิ่งในมหาวิทยาลัย (ไปเหล่หนุ่มๆ) แต่ตอนนี้ผมกลับต้องมานั่งอยู่สนามบาส ไม่ก็สนามบอลแทน และแน่นอนครับ ผมต้องเอาเจ้าปักไปวิ่งรอบสนามบอล ผมละเซ็งแต่เพื่อผมออกจะปลื้มปิติในน้ำใจเจ้าแสบเพราะงานนี้มันได้ส่องผู้ชายสมอยาก โดยเฉพาะสนามฟุตบอล (เห้ยพวกมึงเป็นผู้หญิงนะโว้ย สำรวมกิริยาบ้าง กุลสตรี กุลสตรี)
...หลังจากที่ 100 วัน 1,000 ปี ที่ไม่ได้เรียน และแล้ววันนี้เป็นอีกวันที่ได้เรียนเจอเพื่อนยกห้องครับผม ก็เป็นวิชาโปรเจคนี้น่า ทุกคนต้องทำก่อนจบ สัปดาห์นี้อาจารย์ให้เสนอความคืบหน้าของโปรเจคเลยได้เรียน ผมนั่งรอเดอะแก๊งค์ของผมที่โรงอาหาร
“หวัดดีพี่” ไอ้จั้มป์ครับ มันทักสไตล์กวนๆของมัน (เงียบ แต่กวน)
“อ่าวว่าไง”
“พี่นี้บัตรเข้างานบายเนียรของรุ่นพี่นะ ไอ้ไปป์ฝากมาให้”
“จัดเมื่อไร”
“ศุกร์นี้พี่”
“เห้ย วันมะรืนแล้วดิ เร็วจังว่ะ”
“สอบสัปดาห์หน้าพี่ จะปิดเทอมแล้ว”
“เออ ลืมวันลืมคืนแหละพี่ ไม่ค่อยได้เรียนว่ะ”
“อือ ผมไปก่อนนะพี่”
“เออ โชคดี”
...ผมนั่งดูบัตรเข้างานบายเนียร มันถึงตาพวกผมแล้วเหรอ เสียงนี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าผมพึ่งจัดงานให้รุ่นพี่ผมไปไม่นานนี้เอง ใจหายแว๊ปๆ ผมรีบเก็บมันเข้ากระเป๋าก่อนที่จะรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ จะว่าไปมันก็จะจบแล้วจริงๆ เพราะที่อาจารย์นัดส่งวันนี้ก็เพื่อแก้ไขอะไรข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ แล้วทำเล่นใหญ่ส่งได้เลย ส่วนการนำเสนอครั้งใหญ่อาจารย์จะนัดอีกทีถือเป็นการสอบ มันได้เวลาผมแล้วจริง
…ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เจ้าแซนก็กลับมาพร้อมของกินชุดใหญ่ มันไปหาอะไรกินตามเรื่อง ตามราวนะครับ แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้
“ซื้ออะไรมาเยอะว่ะ”
“โห้ยพี่ มันน่ากินนิ”
“กลางวันก็มีให้กินมั้ง นี้มื้อเช้าอยู่แลย” มันซื้อข้าวมาสามจาน (ของผมหนึ่งจาน) เกี้ยวทอด ลูกชิ้นทอด ไส้กรอก และ กุยฉาย ยังไม่รวมปังเย็นของแซนอีก ผมนั่งดูมันกิน ท่าทางมีความสุขมากมาย กินข้าวคำ ไอ้นู้นคำ ไอ้นี้คำ
“พี่กินด้วยกันดิ”
“โอ้ยพี่กินข้าวก็อิ่มแล้วคร๊าบ”
“อ่ะนะ” แล้วมันก็ก้มกินต่อจนหมด คงเหลือไว้ซึ่งปังเย็น (แซนว่าจะเอาไปกินบนห้องต่อ)
...สรุปโปรเจคกลุ่มผมต้องแก้นิดหน่อยครับ ไม่มากอะไร พวกผมพรีเซนกลุ่มแรก เพราะไม่มีใครกล้า พวกผมก็พรีเซนให้จบๆ จะได้เอาเวลามาแก้งาน และนั่งเล่น อาจารย์บอกกลุ่มไหนที่พรีเซนเสร็จแล้วจะกลับเลยก็ได้ สรุป 3 ชั่วโมง ผมมาได้แค่ 30 นาที แต่ก็กลับไม่ได้อยู่ดีแหละครับ เพราะต้องรอกลับพร้อมเจ้าแสบมันก่อน เพื่อนๆผมก็เป็นใจครับ อยู่เป็นเพื่อนกันจนครบ 3 ชั่วโมง มันบอกว่านานๆที เจอกันที มันเลยสะดวกผมกับการแจกบัตรเข้างานบายเนียรรุ่นผม งานจัดที่โรงแรมในเมืองครับ จัดที่เดิมกับปีที่แล้ว เพราะพวกผมขอไว้ (มันจะเที่ยวต่อเลย) พอแจกบัตรเสร็จผมกับเดอะแก๊งค์ก็ลงมานั่งเล่นกันที่โรงอาหาร มีการถกวาระการทานข้าวร่วมกัน ซึ่งข้อสรุปคือร้านส้มตำหลังมหาวิทยาลัยครับ พอได้ข้อสรุป บางคนก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อ บางคนก็ไปเอารถ ส่วนผมต้องรอเจ้าแสบตามระเบียบ
“หิว หิว หิว” แซนบ่นเมื่อเจอผม
“กินขนาดนั้นยังหิวอีกเหรอ”
“ได้เวลากินแล้วนี่น่า ก็หิวเด่ แล้วเพื่อนพี่ไปไหนหมดอ่ะ”
“มันยัดเจอที่ร้านข้าวหลัง ม. เราจะไปด้วยไหม”
“ไปดิ ใครจะปล่อยให้แฟนไปคนเดียว เดี๋ยวไปจีบเด็กเสิร์ฟจะยุ่งเอา”
“โอ้ยไม่จีบหรอกครับ”
“จริงดิ”
“จริง ก็มีเอิร์ธอยู่ทั้งคนจะจีบทำไม”
“...” มันทำแก้มป่อง
“ไปได้แล้ว หิวไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนรถอีก”
“ไกลเหรอ”
“ไกลมาก”
...พอถึงหอผมจัดการเปลี่ยนรถ เอาเจ้าเต่าของผมไปครับ ออกจะดื้อนิดหน่อย เพราะอากาศเย็นนะครับ ปรกติก็ลงมาสตาร์ททุกวัน กันไว้ก่อน ใช้รถเก่าก็แบบนี้แหละครับ คนมันรักนี้น่า พอสตาร์ทรถได้ผมก็มุ่งหน้าไปร้านส้มตำทันที
...กระท่อมเล็กๆ กลางนา ทานอาหารพื้นบ้าน ได้อารมณ์ดีครับ ตลอด 3 ชั่วโมง (แน่ใจเหรอว่าทานข้าว) พวกผมนั่งทานไปเฮฮากันไปตามประสา มีเพื่อนที่ห้องสมทบมากันเองนะครับ ไม่ได้นัดหมายกัน เพราะคนเยอะก็สนุกขึ้นตามประสา หลังจากที่ทานกันอิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งอารมณ์เราก็แยกย้ายกลับบ้านครับ ท่าทางอิ่มยันเย็น คืนนี้งดข้าวเย็น 555
“แซน” ผมเรียกแซนเมื่อถึงห้อง มีอะไรข้องใจนิดหน่อย
“ครับที่รัก”
“รู้ยังงานบายเนียรวันศุกร์นะ”
“รู้ตั้งแต่วันสอบแล้ว”
“อ่าว”
“บัตรก็ได้วันนั้นแหละ”
“พี่พึ่งได้”
“ก็พี่ไม่มีเรียน ปี 3 ก็ตามพี่อยู่”
“ขอบใจ”
“ทำไมอ่ะ”
“เปล่าไม่เห็นบอกพี่เลย”
“นึกว่ารู้แล้ว”
“แล้วไม่รู้สึกอะไรเหรอ”
“รู้สึกอะไร”
“อ่าวเดี๋ยวอยู่คนเดียวแล้วนะ ...ไม่กลัวเหรอ” ผมครางทำนองเพลงชมรมขนหัวลุก
“ไม่อ่ะ อิอิ”
“ทำไม”
“ไม่บอก”
“ทำไม” ผมเค้น (ทำเสียงแข็ง)
“ก็งานจัดในเมืองใช่ไหม”
“อืม”
“ก็จะได้ไปหาแม่ย้ายไง จัดวันศุกร์ อยู่เสาร์ – อาทิตย์ กลับจันทร์ พี่ก็ต้องเตรียมตัวสอบอีก งานนี้อยู่กันยาว”
“เออคิดได้”
“คิดเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วจะให้คิดเรื่องอะไรล่ะครับ” แซนไม่เปล่าครับ เดินเข้ามาหาผมพร้อมปลดกระดุมตนเองทีละเม็ด จนหมด (ปลดไว้จังว่ะ) ก่อนที่จะเอามือเท้าที่พนังกันผมทั้งสองด้าน หลังผมเริ่มติดกำแพง ชายเสื้อที่เปิดออก ทำไห้เห็นเนินอก และหน้าท้องที่ตอนนี้เริ่มเป็นซิกแพ๊คอ่อน (ไปเล่นกล้ามมาตั้งแต่เมื่อไรฟ่ะ) “ทำไมเงียบล่ะครับ” แซนมากระซิบข้างๆหู แล้วเอาปลายจมูกมาคลอเคลียบริเวณแก้ม ใจผมเต้นแรง ทุกอย่างตื้อไปหมด “ถ้าเงียบถือว่าคิดเรื่องเดียวกันนะ” เห้ยไม่ใช่ ไม่ได้คิดนะ
...มือของแซนสัมพัสที่ต้นคอเบาๆ ก่อนลูปไล้ลงมาบริเวณปกเสื้อ แล้วค่อยแกะกระดุมเสื้อผมทีละเม็ด แซนผละหน้าออก ตาของเราจ้องประสานซึ่งกันแหละกัน พันธนาการส่วนบนของผมหลุดออก แซนก้มดูเรือนร่างผมก่อนเอามือลูปบริเวณท้องผมช้าๆ แล้วไล้ขึ้นมาบริเวณหน้าอก ก่อนที่ปากของเราจะสัมผัสกัน แซนค่อยๆสอดลิ้นเข้ามาที่ปาก มือของแซนค่อยๆถอดเสื้อผมออกช้าๆ แล้วเอามืออีกข้างคลองเอวผม แล้วดันตัวผมให้แนบชิดกับแซน จังหวะนั้นรสจูบของแซนก็ร้อนแรงขึ้น แซนค่อยดันตัวเองช้าๆ เป็นจังหวะ ก่อนหยุดมันพร้อมรสจูบของแซน แซนผละหน้าออกแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจับมือผมทั้งสองข้างมาทาบลงหน้าอกของแซน หัวใจแซนเต้นแรงและเร็วไม่ต่างจากผม
“ผมก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากพี่หรอก พี่ยังกลัวอนู่เหรอ” แซนถามขึ้น
“เออ...” หัวผมตื้อไปหมด ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่กลัวนะ แต่อายมากกว่า ผมไม่เคยมั่นใจในตนเองเลย แซนยิ้ม ก่อนจูบลงที่หน้าผาก
“ถ้าวันนี้ยังไม่พร้อม... ผมรอก่อนก็ได้ครับ” แซนขยับตัวเขามากอดผมไว้ ตอนนี้เสื้อของแซนเองหลุดจากพัธนาการเช่นกัน
...ในฤดูหนาวที่เย็นเฉียบ ชายสองคนที่ท่อนบนเปลือยเปล่า กำลังยืนกอดกันให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน แน่นอนมันไม่ช่วยอะไรเลย ให้ความอบอุ่นเท่าอาภรณ์ใดๆไม่ได้ แต่มันกลับทำให้ภายในจิตใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 46
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องเล่าหลังคอมพ์
...สวัสดีครับทุกท่าน หายไปนานเลยใช่ไหม ก็งอลงอลอ่ะ อุตสาห์หากิจกรรมมาร่วมเล่นกัน ที่ไหนได้ ไม่มีใครเล่นกับเราเลย (มีสามคน ขอบคุณมากๆครับกับความกรุณา ชอบชื่อไส้อั่วนะ น่ารักดี) งั้นเราจะบอกอีกครั้ง กรุณาร่วมมือประกวดตั้งชื่อเจ้าปักกันหน่อยนะครับ (ตอนนี้ผู้แต่งคิดได้ชื่อหนึ่ง แต่กลัวซ้ำ) ชื่อของคนไหนโดนใจ จะเอามาเป็นชื่อน้องปัก ช่วยส่งกันหน่อยนะ
...ส่วนอีกสาเหตุที่ไม่ได้มาอัพให้ ก็ทำรายงานนั้นแหละครับ เรามันพวกดินพอกหางหมู ชอบกินแกงร้อน งานส่งเมื่อไรทำเมื่อนั้น 555 เอาเป็นว่าอย่างไรขอความกรุณาด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
รอ เรือ ไม้หันอากาศ กอ ไก่
โฟล์คเต่า