ตอนที่ 54 BLOODY VALENTINe
...ตอนนี้แซนกลับไปเรียนได้เกือบ 2 สัปหาด์แล้ว ส่วนผมยอมรับครับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแซนเริ่มสั่นครอนอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแซนทำตัวเหมือนเรียกร้องความสนใจ และหึงหวง จนผมรู้สึกว่ามันมากเกินไป ปรกติเวลาฝึกงานพี่ที่ผมไปฝึกงานด้วยไม่ค่อยจอแจกับผมสักเท่าไร ท่าทางจะหวาดๆเรื่องที่ผมเป็นหลานผู้หลักผู้ใหญ่ขององค์กร นานๆทีจะมีคนมากล้าคุยด้วยที บางคนก็โชคร้ายมาทักตอนแซนโทรมาพอดี เลยมีสักนู้นสักนี้ไม่เว้นแม้นแต่ตอนพี่เขามาขอให้ช่วยทำงาน จนสุดท้ายพี่เขาต้องทำเอง นี้ยังไม่ร่วมเพื่อนที่ฝึกงานด้วยทุกคนโดนเหมือนกันหมด
...บ่ายแก่ๆ ที่ผมนั่งดูงานที่พี่เขาให้ดูแล้วสรุปส่งสุดสัปดาห์นี้ ผมนั่งดูมันเหมือนมันเป็นหนังสือเท๊คเล่มใหญ่ เห็นที่ไรง่วงทุกที ต้องกล้ำกลืนฝีนใจอ่านไป แล้วรีบสรุปๆให้มันจบ
“อ่าวว่าไงน้องโอ๊ต”
“อ่าว สวัสดีครับคุณลุง” ผมลุกขึ้นยกมือไหว้
“อ่าวๆ ไม่เป็นไร ลุงแค่มาทักทาย เห็นฝึกงานจะ 2 สัปดาห์แล้ว ยังไม่มีโอกาสทักเลย”
“ครับสบายดีครับ”
“คุณพ่อเป็นไงบ้างหล่ะ”
“สบายดีครับ”
“อืมดีแล้ว... เอาหล่ะทำงานเถอะ”
“ครับ” ผมยืนรอให้คุณลุงเดินผ่านไปก่อนที่จะนั่งลง
“เออ อย่างไงเวลาทำงานอย่าใช้โทรศัพท์ให้มากนักนะ” ท่านได้จากไปได้ 2-3 ก้าว แล้วหันกลับมากำชับผม
“ครับ ครับ” ผมทราบดีว่าตอนนี้หน้าของผมถอดสีอย่างเห็นได้ชัด จะทำอย่างไงได้หล่ะครับ ผู้ใหญ่ที่ท่านฝากฝังมาพูดแบบนี้ จะให้ดีใจหรือ งานนี้อีโอ๊ตซึมเลย หลังจากที่ทำงาน (ความจริงนั่งน้ำตาตกใน) ไปพักใหญ่ๆ
“เห้ยโอ๊ต” เอ็มทักขึ้น
“หืมห์”
“ได้เวลาเลิกงานแล้ว นั่งเหม่ออยู่ได้” เอ็ม น้ำ ก้อย และโอ๊ต มาบืนรอผมตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้
“โทษที่ นั่งคิดอะไรเผลินๆนะ”
“วันนี้ไปไหนดี” ก้อยถามขึ้น
“ไปเดินเที่ยวเซ็นทรัลก่อน แล้วค่อยว่า” เอ็มตอบ ส่วนผมได้แต่เดินอย่างไรจุดหมาย พวกผมเดินลงมาออกจากตึก
ปี้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!! เสียแตร่รถดังขึ้น มีใครคนหนึ่งฉุดผมขึ้น ข้าวครับ ผมยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“น้องเดินดูถนนบ้างสิ”
“ขอโทษครับ” ผมรู้ตัวอีกทีผมอยู่บริเวณถนนใหญ่แล้ว
“เป็นอะไร ดูโอ๊ตใจลอยนะ” น้ำทัก
“เปล่า” ผมปด
...ตลอดทางผมเดินโดยไม่ได้พูดอะไรกับใคร และมีข้าวคอยยืนคุมอยู่ข้างๆ คอยจับ คอยดึง แขนผมเวลาข้ามถนน จนผมรู้สึกเหมือนคนตาบอด จนสุดท้ายเพื่อนๆ ที่ฝึกงานลากผมเขาแม๊กโดนอล
“เป็นอะไร” ข้าวถามขึ้น
“เปล่านิ”
“อย่าโกหก” น้ำแทรกขึ้น
“ใช่ๆ โอ๊ตไม่เคยเป็นแบบนี้นะ” ก้อยเสริม
“มีอะไรโอ๊ต” เอ็มถามซ้ำ ...เอาไฟฉายส่องหน้าเลยไหม จะได้บิวท์อารมณ์
“...”
“ไม่อยากพูดเหรอโอ๊ต” ข้าวพูดขึ้น ผมได้แต่ผยักหน้าเบาๆ ผมได้ยินเสียงทุกคนถอนหายใจ “แต่เรารู้เรื่อง เราได้ยินพี่เขาพูดกันเมื่อเย็น”
“จริงดิ มีอะไรว่ะข้าว” เอ็มพูดขึ้น
“ถ้าเจ้าตัวไม่อยากพูดเราอย่าเซ้าซี้ดีกว่า รอเขาพูดเองจะดีกว่า”
“อ่ะนะ” เอ็มตัดพ้อ ผมได้แต่มองไปที่ข้าว ข้าวนั่งกอดอกมองมาที่ผม นัยตาที่มองผมนั้นเหมือนคนไร้ความรู้สึก
“ข้าวเล่าเถอะ เราไม่อยากพูด เรารับได้แค่ไม่อยากพูดถึง”
“แน่ใจ”
“อืม” ผมนั่งก้มหน้า
“โอ๊ตโดนลุงตำหนิเรื่องการคุยโทรศัพท์ขณะทำงาน” ข้าวพูดเสียงเรียบ
“แค่เนี้ย” เอ็มแทรก
“โอ๊ตเราทำผิดแล้ว มันไม่ผิดไปตลอดหรอกนะ” ก้อยพูด
“ใช่คิดมากว่ะ” น้ำเสริม
“ลุงเรามาพูดด้วยตนเองเราเลยรู้สึกแย่ว่ะ”
“แล้วคุยกับใครว่ะ” ข้าวถามขึ้น ผมมองหน้าข้าวก่อนก้มหน้า เหมือนข้าวรู้คำตอบ เขาถอนหายใจแล้วเบนหน้าหนี
“เอาน่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้เอาใหม่ อีกอย่างลุงก็แค่เตื่อน ต่อไปก็บอกคนที่โทรมาว่าไม่สะดวกจริงๆ เวลาทำงาน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องอีก” เอ็มพูดขึ้น
“เพื่อนๆ เขาเป็นห่วงที่แกเป็นแบบนี้” ข้าวเสริม
“ขอบใจ เราไม่มั่นใจแล้วอ่ะ พรุ่งนี้คงหาย”
“งั้นวันนี้เที่ยวให้เต็มที่เลย”
“วันนี้เราขอตัวดีกว่า เรารู้สึกเหนื่อย” ผมบอกเพื่อนๆ
“งั้น อาทิตย์นี้ บ่าย 2 ไปเที่ยวกัน”
“ทำไมต้องวันอาทิตย์ว่ะเอ็ม” ข้าวถามขึ้น
“วันตรุษจีน ไปขอแต๊ะเอียก่อน”
“ไอ้ห่านี้ เมิงโตขนาดนี้แล้วยังขออีกเหรอ”
“อิจฉากูอ่ะดิ”
...ผมนั่งดูพวกเพื่อนเขาเล่นกัน ผมเริ่มคิดถึงเดอะแก๊งค์ของผม รู้สึกว่าเราห่างกับกลุ่มเพื่อนเรื่อยๆ ส่วนมากคุยทางเอ็ม ไม่ก็โทรคุยกัน ทั้งๆที่ฝึกงานที่เดียวกันแท้ๆ เห้อ
...ผมขอตัวกลับมาห้อง ถึงเสร็จก็โทรรายงานแซนหน่อยว่าถึงแล้ว เดียวโดนว่าอีก ...สรุปไม่รับสายครับ สงสัยเล่นบอล ผมเลยนอนเกือกกลิ้งอยู่บนที่นอน พรุ่งนี้วันเสาร์จะนอนให้สมอุราเลย แต่วันนี้ขอนอนเล่นไปเรื่อยๆก่อน ผมนอนดูผนังห้องผมเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ งานสีขาวออกครีม เป็นสีส้ม แล้วก็สีม่วง ก็ที่จะมืดสนิท ผมนอนอยู่ในความมืดใจหนึ่งก็คิดอะไรไปเรื่อย ใจหนึ่งก็รอโทรศัพท์แซน เวลาว่างคุยไม่โทรมาคุย เวลาทำงานโทรมาเอาจริงเอาจังเห้อ ผมรู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว สรุปเมื่อคืนผมนอนตอนไหนยังไม่รู้ตัว วันเสาร์ผมจัดการจัดห้อง เอาเสื้อผ้าไปซักตามประสา กว่าจะเสร็จงานก็เย็น วันนี้ไร้วี่แววของโทรศัพท์ เออแปลกดี ผมโทรไปก็ไม่รับ จนผมโทรไปอีกที่หลังจากออกไปทานข้าวเย็น
“ฮะโหลว” แซนรับสาย
“อือ...กินข้าวยัง” ผมทักไปตามปรกติ
“ทานแล้ว”
“โทรไปไม่เห็นยิงกลับอ่ะ”
“ลืม”
“...”
“...”
“...เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
“แน่ใจ”
“แน่”
“ตรุษจีนมากรุงเทพป่ะ”
“ไม่อ่ะ ขี้เกียจ”
“ม้าไม่ว่า”
“ไม่”
“...”
“มีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีอ่ะ”
ตุ๊ด...ตุ๊ด...ตุ๊ด... แซนตัดสายผมทิ้ง นี้มันอะไรกัน ผมเข้าใจแซนจริงๆ ดีพรุ่งนี้จะเที่ยวให้ลืมไปเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เห้ย อยู่ไหนว่ะ” เอ็มโทรถามผม
“เออ กำลังออกจากคอนโด”
“จะออกตั้งแต่ครึ่งขั่วโมงที่แล้วแล้วมั้ง”
“เออน่า”
...เมื่อวานผมนั่งคิดมากเรื่องแซนทั้งคืน วันนี้เลยตื่อนสาย ไม่สิ เขานัดบ่าย 2 ผมตื่น บ่าย 2.15 ก็เอ็มนี้แหละโทรตามผม ตอนนี้พวกเอ็มรออยู่ที่เยาวราชเรียบร้อยแล้ว ผมถามเส้นทางที่ไปใกล้ที่สุด สรุปกว่าจะถึงก็เกือบ 4 โมงครับ รถติดซะสะใจเลย ตลอดทางเดินมีของกินมากมายเลย ละลานตา ผมกินตั้งแต่เจ้าแรกถึงเจ้าสุดท้าย 555+
“ไปต่อไหนอ่ะ” น้ำถามขึ้น
“ท่าทางมีคนกินต่อไม่ไหวนะค่ะ” ก้อยกัดเราเหรอ
“ไปสามย่านไหม” เอ็มเสนอความคิด
“ไป” น้ำ ก้อย และข้าว ตอบรับ
“เดียวดิ ไหง๋ไม่บอกไปกินสเต็กสามย่านอ่ะ เราก็อยากกินนะ” ผมท้วง
“อ่าวช่วยไม่ได้เองนิ” เอ็มตอบ เอ็มใจร้าย
...หลังจากที่เดินทางไปสามย่าน ไปนั่งดูพวกเพื่อนใจร้ายนั่งกินสเต็ก อยากกินก็อยาก แต่ถ้ากินอีกผมอ้วกแน่ๆ กว่าพวกนั้นจะกินเสร็จปาไปจะสองทุ่ม มั่วละเมียดละมัย พูดง่ายๆยั่วผมนั้นแหละครับเซ็งๆ หลังจากนั้นเราก็ไปเดินย่อยกันต่อที่สยามผมสังเกตุที่วันนี้เขาเดินกันเป็นคู่ๆ ผมแอบเซ็งแฟนไม่มา ชิชิ ไม่มาแถมงี่เง่าใส่อีก
“วันนี้เขาเดินกันแปลกๆเนอะ” ผมทักขึ้น
“แปลกอย่างไง เขาใช้ก้นเดินรึ” เอ็มถามขึ้น ตั้งแต่สนิทนี้กวนบาทามากนะเอ็ม
“เปล่าเขาเดินเป็นคู่ๆโว้ย”
“ก็วันนี้วันวาเลนท์ไทน์นิ”
“อ่าวไหง๋ว่าวันตรุษจีนไง”
“ปีนี้มันวันเดียวกันโว้ย”
“อ่าวเหรอ”
“เออถึงว่าวันนี้ข้าวติดโอ๊ตไม่ห่างเลยนะ” น้ำแซว
“บ้าดิ” แล้วพวกผมก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆครับ จนมีคนเริ่มอยากกินไอศกรีมนั้นแหละ ไม่ใช่ใครก้อยครับ ที่เป็นอ้อน แถมอ้อนเอ็มด้วย แบบนี้มีหรือเอ็มจะไม่ยอม (เอ็มชอบก้อยครับ ใครเห็นก็รู้ ท่าทางก้อยก็รู้ แต่เอ็มไม่กล้าพูด) งานนี้ผมกินได้ เพราะอาหารเริ่มย่อยแล้ว
...พอไปถึงก็ไปนั่งโต๊ะติดกระจกเลย พวกผมก็เริ่มทยอยสั่ง ก่อนที่ เอ็ม ก้อย และน้ำ ขอตัวเข้าห้องน้ำ ก่อนทิ้งผมกับข้าวอยู่กัน 2 คน ยิ่งข้าวนั่งตรงข้ามผมด้วย ผมรู้ว่าข้าวยังไม่ตัดใจจากผมจากการกระทำหลายๆอย่าง แต่สำหรับผมเป็นเพื่อนแบบนี้ดีแล้ว แต่บรรยากาศวันนี้นะสิ สยามที่ประดับประดาด้วยโคมไฟรูปหัวใจหลากสี แหละหลอดไฟเล็กที่ส่องประกายเหมื่อนดาวยามค่ำคืน ไหนจะในร้านที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ และรูปหัวใจ บรรยากาศน่าบอกรักจริงๆ ข้าวนั่งก้มหน้าเหมือนจะพูดอะไร ส่วนผมก็นั่งก้มหน้า เพราะไม่อยากให้สิ่งที่คิดมันเกิดขึ้น
“เห้ย...นาย” เสียงดังขึ้นฝั่งข้าวครับ คนรู้จักมั้ง
ครืด... ผั๊วะ!!!
...ผมหันไปมองแซนยืนอยู่ตรงนั้น หายใจแรงมากครับ สายตาแซนจ้องมาที่ผม สายตาของความก้าวร้าวผสมกับความเจ็บปวด น้ำตาที่เริ่มเอ่อ ส่วนข้าวล้มลงไปกองอยู่กับพื้น กำลังเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปาก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 54
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
...ไม่แต่งนานฝีมือตกแน่เลย ขอโทษด้วยครับ สอบแล้ว งานยังไม่เสร็จ ส่งพรุ่งนี้ด้วย แม่เจ้า...