ใช้เวลาก่อนทริปต่างประเทศ รีบเข้ามาโพสครับ กลัวคนอ่านที่รัก รออ่ะครับ
...............................................................
ตอนที่ 32 สาวภูไท (1)
เช้าวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552... วันออกพรรษา
วันนี้ผมกับพวกน้องๆ ตื่นกันแต่เช้า ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะมีการท้าประลองนับเลขกันไปเกือบตีสองก็ตาม... เราอาบน้ำแต่งตัว เดินไปที่ถนนหน้าพระธาตุ... จับจองที่เพื่อชมขบวนรำบูชาพระธาตุพนม ซึ่งจะเริ่มเวลาประมาณ แปดโมง...
คนมากันเยอะ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันอาทิตย์ และคนก็เริ่มเบื่อกับสถานการณ์ของบ้านเมือง ก็เลยออกเที่ยวกันเป็นการคลายเครียด พวกเราได้ที่นั่งบนอัฒจรรย์ เหมาะที่จะมองไปเห็นขบวนทั้งหมดเต็มๆ... แล้ว ขบวนก็เริ่มขึ้นตอนแปดโมงกว่า... นำโดยส.ส. ประจำจังหวัดและ ผู้ว่าฯ... ยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่เสื่อมคลาย... ทั้งเจ็ดแปดขบวนการรำ เคลื่อนเข้ามารวมกันที่ที่ลานหน้าวัด แล้วรำกันอย่างพร้อมเพรียงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าไปในประตูไป
จากนั้น ก็เป็นการรำของแต่ละขบวน แบ่งไปตามประเภทของการรำ ซึ่งสวยงามเป็นเอกลักษณ์แท้ๆ ของชาวอีสาน
ผมนั่งบนอัฒจรรย์ ดูการรำที่ผ่านไปแต่ละชุด... แล้วหวนคิดกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดในวันออกพรรษาเมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว....
………………………………………………….
ผมตื่นมาตอนเช้าตามปกติ... แต่วันนี้ไอ้ชลมันตื่นก่อนผม... เพราะตอนผมลืมตาตื่นขึ้นมา ไอ้ลูกชายตัวดีก็ตื่นทักทายผู้บุกรุกอยู่ก่อนแล้ว ดิ้นขลุกขลักอยู่ในปากไอ้ชลอย่างไม่ยอมแพ้...
นอนลืมตาดูไอ้ชลที่จูบฟัดไอ้ดินน้อยเข้าออกในปากมันอยู่นานพอสมควร บางทีมันก็ลงไปที่ไข่สองลูกของผม อมไว้ในปาก เอาลิ้นดุนเล่นสลับไปมาทีละข้างบ้าง บางทีก็หายเข้าไปทั้งสองลูก ทั้งดูดทั้งดุน ก่อนจะขึ้นมาเล่นกับท่อนKฝังมุกของผมอีก...
ผมขยับตัวเอาสองมือมาหนุนหัว แยกขากว้างอำนวยความสะดวกให้มัน ไอ้ชลเหลือบตามองขึ้นมาสบตาผม พอมันเห็นว่าผมมองมันอยู่มันก็ยิ้มให้อายๆ
“มึงตื่นแล้วเหรอ”
“มึงดูดKกูขนาดนั้น กูไม่ตื่นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วละ”
ผมบอกมันยิ้มๆ แล้วก็ต้องสูดปากตัวงอ เพราะไอ้ชลมันแกล้งถอดKผมแรงๆ จนหัวถอกบานเป็นดอกเห็ด เม็ดมุกกะเส้นเลือดปูดโปนเต็มลำ ก่อนจะตวัดลิ้นเลียที่หัวบานๆ สีแดงเข้มอีกที ดูดหัวบานเข้าไปในปากแรงๆ อย่างมันเขี้ยว
“อูยซซซ กูเสียวนะมึง”
ไอ้ชลมันไม่สนใจ... สองมือยังถอกKผมไม่ปล่อย กดคออีกสองสามที Kผมทั้งแท่ง ความยาวตอนถอกไม่น่าจะต่ำกว่า เจ็ดนิ้ว ความใหญ่ซองบุหรี่แตก แถมฝังมุกเม็ดเขื่องๆ ตามลำอีกหกเม็ด ก็หายเข้าไปในปากมันยันโคน ไม่เหลือไว้ข้างนอกเลยสักกระเบียด... “อูยซซซ ชล... มึง... สุดยอด...” ผมสูดปากคราง... ตัวเกร็งจนกล้ามเนื้อเป็นลอน หน้าแหงนเริด...
แล้วเช้าวันนั้น ผมก็ถูกไอ้ชลมันรีดพิษเข้าปากมัน ฉลองเช้าไปอีกรอบ ด้วยความเต็มอกเต็มใจของผมเอง ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัว
.................................................................
ที่วัดพระธาตุ เมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว คลาคล่ำ ไปด้วยคนในท้องถิ่นที่มาทำบุญวันออกพรรษา คนของทั้งสองฝั่งของ (โขง) ปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร มีนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างถิ่นน้อยมาก... อาจจะเป็นเพราะงานยังไม่มีการประชาสัมพันธ์กันอย่างแพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน
.................................................................
ผมกับไอ้ชลเดินปะปนกับคนที่มางานบุญกัน ต่างทักทายกันไปมาอย่างสนิทสนม หลังจากที่มีการตักบาตรตอนเช้า ทำบุญกันเรียบร้อย พอสายๆ ก็จะออกมาล้อมวงกันที่หน้าลานวัด ที่ปูเสื่อไว้เป็นลานกว้าง
พอได้เวลา คณะที่รำบูชาองค์พระธาตุก็ออกมารำบูชาตามประเพณี ในความรู้สึกของผม เป็นการรำที่สวยงามมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการเซิ้ง หรือรำภูไทที่แสดงเอกลักษณ์การจีบกันของหนุ่มสาวในงานบุญ...
ในการรำภูไทนั้น ผมเห็นนางรำคนนึง มีรูปร่างที่สวยงามสมส่วน ท่าทางการรำที่อ่อนช้อย และเป็นตัวนางที่เด่น มีตัวรำที่เป็นตัวพระเข้ามารำจีบป้อไปมา ทั้งสองคนแสดงท่าทางของหนุ่มสาว พอทั้งสองคนรำเข้ามาใกล้... ผมถึงจำได้ว่า ตัวนางที่รำนั่นก็คือ “น้องบัว” นั่นเอง ไอ้ชลบอกว่าน้องบัว เป็นตัวเด่นของคณะนางรำของโรงเรียน และได้รับเลือกเป็นตัวนางในการรำบูชาพระธาตุปีนี้...
ผมมองดูน้องบัวที่แต่งหน้าแต่งตัวในชุดภูไทที่สวยงามจนเกือบจำไม่ได้... ท่วงท่ารำของเธอก็อ่อนช้อยสวยงาม ชม้ายตามองตัวพระ ดูเหมือนกับหนุ่มสาวที่จีบกันจริงๆ ตอนเดินผ่านผม เราสบตากัน น้องบัวยิ้มให้นิดนึงก่อนจะรำผ่านเลยไป จนกระทั่งการแสดงจบลง...
หลังจากนั้นก็เป็นการรำวง... เสียงโฆษกออกมาประกาศให้คนที่มาชมการแสดงออกมาร่วมสนุกกันโดยมีนางรำและนายรำ ออกมาโค้งเชิญให้เข้าไปร่วมรำวง...
ผมเห็นน้องบัวรำอยู่กับนายรำที่รำคู่กันเมื่อครู่... พอผ่านมาทางผม น้องบัวก็เดินออกมายกมือไหว้...
“อ้ายชล... บัวขออนุญาต เชิญอ้ายดินออกมารำวง กับพวกเราหน่อยนะจ๊ะ...”
ไอ้ชลยิ้มให้เพราะไม่รู้อะไร พยักหน้าอย่างใจดี “แล้วแต่มันดิ... ดินมึงออกไปรำกะน้องเค้าสิ”
ผมไม่ขัดอยู่แล้ว... เดินตามน้องบัวออกไปวาดลวดลายรำวงกับอีกหลายๆ คน ผมสังเกตว่าผู้ชายคนที่รำคู่กับน้องบัวตอนรำภูไทบูชาพระธาตุและรำวงเมื่อกี้ มองมาทางเราสองคนไม่วางตา
“คนนั้นแฟนน้องบัวรึเปล่า” ผมถามน้องบัวขณะที่รำอยู่ด้วยกัน น้องบัวหันไปมองก่อนจะส่ายหน้า
“เปล่าจ๊ะ... เค้าเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเท่านั้นเอง”
แต่ผู้ชายกับผู้ชายย่อมมองกันออกว่าหมอนั่นเอง ก็หมายปองน้องบัวอยู่เหมือนกัน... แต่จะมาเปรียบเทียบอะไรกับผม คนที่มีอาชีพในทางหว่านเสน่ห์ให้คนชอบอยู่แล้วอย่างผมล่ะครับ....
เรารำวงอยู่ด้วยกันจนกระทั่งเพลงจบ ผมก็เดินไปส่งน้องบัวที่กลุ่มเพื่อนๆ ก่อนเดินจากมา ผมสังเกตว่าเพื่อนๆ น้องบัวกระซิบกระซาบถามน้องบัวกันใหญ่เลยว่าผมคือใคร...
กว่าพิธีบูชาพระธาตุวันออกพรรษาจะเสร็จสิ้น ก็ร่วมสิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว ไอ้ชลบอกผมว่า กลับบ้านไปพักผ่อนกันสักประเดี๋ยว... บ่ายๆ จะพาผมไปดูแข่งเรือที่มุกดาหาร...
ผมกับไอ้ชลเดินกลับมาที่บ้านป้ามันก็สิบเอ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว ทานข้าวกลางวันพร้อมกันกับป้ามันสามคน กำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนมาเรียกป้ามันที่หน้าประตูบ้าน...
ไอ้ชลเดินออกไปคุยด้วยสักครู่ ก็เดินกลับมาบอกป้ามัน “ป้าผินปวดท้องอีกแล้ว สงสัยผมต้องไปพามาหาหมอที่ฝั่งนี้อีก อาจจะต้องเข้าโรงพยาบาล”
ป้าไอ้ชลตกใจ บอกจะข้ามไปเยี่ยมป้าผินด้วย ไอ้ชลหันมาบอกผม
“กูพามึงไปดูแข่งเรือไม่ได้แล้วละดิน... เดี๋ยวกูข้ามไปดูป้าผินหน่อย เย็นๆ กูจะกลับมา เราจะไปดูไหลเรือไฟกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกชล แข่งเรือดูที่ไหนก็ได้ เรื่องของมึงสำคัญกว่า ให้กูช่วยอะไรได้มั่งล่ะ”
ไอ้ชลส่ายหน้า... “มึงอยู่คนเดียวได้ป่ะ... หรือไม่ก็เอารถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก... มึงไปเหอะ...” ผมบอกมัน “ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกูก็เดินเที่ยวๆ อยู่แถวนี้แหละ หรือไม่ก็อย่างที่มึงว่าก็ได้...”
สองคนป้าหลานเตรียมตัวอยู่ไม่นานก็ออกไปพร้อมกันกับคนที่มาตาม... เหลือผมอยู่คนเดียวที่บ้านของป้าไอ้ชล...
ผมเดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าที่ใช้แล้วเก็บลงกระเป๋า เพราะวันพรุ่งนี้ค่ำๆ ก็จะกลับแล้ว... อากาศตอนกลางวันร้อนอบอ้าวพอดูสำหรับบนบ้าน คนโบราณถึงได้ออกแบบให้บ้านมีไต้ถุนสูงสำหรับการพักผ่อนตอนกลางวัน... จัดเสร็จผมก็เดินออกมาพร้อมกับเหงื่อออกจนเสื้อชื้น
“ไปอาบน้ำดีกว่าเรา”
ผลัดผ้าเป็นนุ่งผ้าขาวม้าพร้อมกับผ้าเช็ดตัวลงไปอาบน้ำที่ข้างบ่อหลังบ้าน... รั้วรอบขอบชิด ป้าไอ้ชลก็ไม่อยู่ ปลอดคนขนาดนั้น ผมก็เลยปลดปมผ้าขาวม้าที่นุ่งมา พาดไว้ที่ราวไม้ ก่อนจะนุ่งลมห่มอากาศ ตักน้ำในบ่อขึ้นมาอาบอย่างสบายใจ
ระหว่างอาบน้ำ สระผม ฟอกสบู่ ผมก็คิดอะไรของผมไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน น้องษา ไอ้ชล และดันผ่าไพล่ไปคิดถึงเรื่องที่ผมมีอะไรกะน้องษาบ้าง หรือที่ผมมีอะไรกับไอ้ชลบ้าง... จะเหลือเหรอครับ ไอ้ดินน้อย... ผงาดผงกหัวขึ้นมาเจ็ดนิ้วเต็มเหยียดความยาว... หัวบานโร่เป็นดอกเห็ด เม็ดมุกปูด ยิ่งฟอกสบู่ลื่นๆ เป็นฟอง มันก็ยิ่งทำให้เสียวสบาย... บางทีผมก็เอามือกำเป็นรูเล็กๆ ค่อยๆ แหย่ไอ้ดินน้อยดันเข้าไป เหมือนตอนอายุสิบเอ็ด ที่ผมค้นพบการช่วยตัวเองครั้งแรก (ตอนที่ 23 ตัวตนของไอ้ดิน) แต่ครั้งนี้ไม่ถึงกับว่าแหย่เข้าไปปุ๊บเสร็จเลยเหมือนตอนโน้น... (ช่ำชองมาซะขนาดนั้นนี้ครับ)
เล่นกับตัวเองอยู่นานพอควร... เกือบเหมือนกันครับ... เกือบที่ว่าวจะติดลมบนดีแต่ว่า หักห้ามใจไว้ได้ซะก่อน... เลยเอาว่าวลง... ก่อนจะตักน้ำขึ้นมาราดฟองสบู่จนเกลี้ยงสะอาด แล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดจนแห้ง ก่อนจะนุ่งผ้าขาวม้าเดินกลับมาที่บ้าน...
กำลังจะเดินขึ้นบันไดหลังบ้าน... ผมก็ได้ยินเสียงเรียกอยู่ตรงหน้าบ้านแถวประตูรั้ว...
“อ้ายชลจ๊ะ... อ้ายชลอยู่หรือเปล่า”
ผมรีบเดินขึ้นบันไดหลังบ้านขึ้นมา ก่อนจะเดินมาที่ระเบียงหน้าบ้าน ตะโกนถาม...
“ใครครับ... ไอ้ชลไม่อยู่ครับ... ข้ามไปฝั่งโน้น”
“เหรอจ๊ะ... อ้ายดินหรือเปล่าจ๊ะ... บัวเอง...”
“น้องบัวเองเหรอครับ... เดี๋ยวนะครับ...” ผมบอกน้องบัว...ก่อนจะนึกในใจ เกือบไปแล้วกู... ยังดีน้องบัวไม่โผล่มาตอนกำลังยืนสาวว่าวอยู่ข้างบ่อน้ำ... เดินกลับเข้าไปเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย ต้อนรับน้องบัวได้...
ระหว่างทางเดินกลับไปที่ห้องเพื่อแต่งตัว... ผมก็ใจหายวูบ... เมื่อเห็นที่พื้น...
.......................................................................................
ยาวครับ... ไม่จบ... ไว้ตอนหน้า ผมจะมาต่อให้นะครับ ว่าผมเห็นอะไรที่พื้น... ใครทายถูกบ้างครับ...
.......................................................................................
สาวภูไทตอน 2 จะเป็นยังไง เฉลยช้าเหรือเร็ว ขึ้นกับเสียงเรียกร้องอ่ะครับ....
ดิน