ตอนที่ 28 : part 2/2
ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนประมาณตีสี่ พอผมขยับตัว พี่วินก็ขยับด้วย
“ทำให้ตื่นเหรอ” ผมถามเสียงงัวเงีย
“ตื่นสักพักแล้ว” พี่วินตอบแล้วก็กอดผมแน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงอะไรที่พี่วินบอกว่า ‘ตื่นสักพักแล้ว’ กำลังดันหลังผมอยู่
“ทะลึ่ง” ว่าแล้วก็ตี ‘น้องวิน’ แบบหยอกๆ เบาๆ
“ก็มันตื่นของมันเองนี่” พี่วินยังคงกดส่วนนั้นเข้ามาเน้นๆ
“ไม่ได้ครับ เอาไว้กลับไปกรุงเทพฯ ก่อน” ผมยังจำที่พ่อบอกเอาไว้ได้นะครับ ‘จะทำอะไรก็อย่าให้เสียงมันดังนักล่ะ บ้านนอกมันเงียบ ดังนิดดังหน่อยก็ได้ยินกันทั่ว’ อีกอย่างก็ยังง่วงอยู่ด้วยแหละ
“งั้นกลับวันนี้เลยมั้ย” พี่วินทำเสียงว้อนท์
“ผมลาพักร้อนอยู่นะ จำไม่ได้เหรอ”
“ก็ไปพักร้อนที่คอนโดพี่ไงครับ”
“พ่อได้ด่าผมอะสิ เพิ่งกลับมานอนบ้านได้คืนเดียวเองนะครับ แต่พี่จะกลับไปก่อนก็ได้ ผมคงอยู่อีกสองสามวัน”
“งั้นพี่ก็ยังไม่กลับครับ”
“ไม่ต้องทำงานรึไง”
“พี่กลัวเหนือจะไม่กลับไปอะครับ”
“วันมะรืนเป็นวันเกิดบริษัท” ผมรู้ว่ายังไงเขาก็ต้องกลับไปร่วมงาน
พี่วินเงียบไป คงเพราะยอมรับกับความจริงที่ผมว่า
วันครบรอบเปิดบริษัททุกปีจะมีการทำบุญตอนเช้า ตอนเย็นก็จะมีเลี้ยงฉลอง ทำงานจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงอะครับ พนักงานคนไหนไม่เคยเห็นชนชั้นเจ้าของบริษัทก็จะได้เห็นกันในวันนั้นแหละ
“ไม่กลับพร้อมกันจริงเหรอ” น้ำเสียงวิงวอนนะ
“ไม่อยากเสียวันลา”
“จะยังไม่ลาออกใช่มั้ยครับ”
“กำลังพิจารณาอยู่ครับ” ผมว่าเสียงเรียบๆ
“ยังต้องพิจารณาอีกเหรอ”
“ก็มีหัวหน้านิสัยไม่ดี ชอบแกล้ง”
“เดี๋ยวพี่จัดการให้ดีมั้ยครับ”
“ยังไงครับ”
“เรียกมาตักเตือน ว่าห้ามแกล้งคนของคุณสิบทิศอีก ดีมั้ยครับ”
“คงจะยาก เขาไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกผมหรอก”
“ถ้าต่อไปเขายังทำตัวไม่ดีอีก พี่จะให้เหนือเป็นคนทำโทษเองเลยดีมั้ย” จากนั้นพี่วินก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเชิญชวน “หรือว่าเหนืออยากจะทำโทษตอนนี้เลยก็ได้นะ”
“ไอ้หื่น”
แล้วก็ไม่ได้มีคนทำโทษหรือโดนลงโทษอะไรหรอกนะครับ เพราะผมไม่ยอมอะ แม้จะเริ่มคล้อยตามคำเชิญชวนไปบ้างแล้วก็เถอะ
“ใจร้าย”
สายวันนั้นพี่วินก็เรียกให้คนมารับ พอรถมาถึงก็รีบๆ ลนๆ แปลกๆ อะครับ แต่ก็ช่างเถอะ ขี้เกียจงี่เง่าเซ้าซี้
รถแล่นออกไปแล้วสักพักถึงได้ไลน์มาคุย
สิบทิศ : คิดถึงแล้ว
เจ้าดาวเหนือ : ใครมารับอะ
ขี้เกียจงี่เง่าเซ้าซี้...แต่ก็เลียบเคียงถามดูหน่อยละกัน
สิบทิศ : อยากรู้ไปทำไม
เจ้าดาวเหนือ : ก็มีพิรุธเอง ทำลับๆ ล่อๆ
สิบทิศ : พี่ชาย
เจ้าดาวเหนือ : เห็นแวบๆ หล่อ
สิบทิศ : ห้ามชมคนอื่น
เจ้าดาวเหนือ : พี่ชาย? คุณพั้นช์ พันทิศ?
สิบทิศ : อือ... งีบละ
ตัดบทซะงั้น
‘ยกระดับความสัมพันธ์’ มันหมายถึงผมต้องเข้าไปรู้จักกับครอบครัวของพี่วินด้วยรึเปล่านะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะดีเหรอ? คือผมเป็นพวกเข้ากับผู้ใหญ่ไม่ค่อยเป็นน่ะครับ จะมีดราม่ามั้ยนะ เช่นว่า ที่บ้านรับไม่ได้ที่พี่วินมีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วถ้าผมย้ายไปอยู่กับเขาจริงๆ จะโดนมองว่าไปเกาะเขามั้ยนะ แบบคนละชนชั้นอะไรแบบนั้น คิดแล้วก็เกร็งเลย
ถ้าเจอแบบนั้นจริงผมว่าผมถอยดีกว่าครับ เพราะคงจะเหนื่อยน่าดู
วันงานบริษัท ผมก็โผล่มาเซอร์ไพรส์เดอะแก๊งที่ออฟฟิศ ก็จะอยู่บ้านทำไมอีกล่ะครับ เบื่อบ้านนา กลับมาเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ดีกว่า
“มายื่นใบลาออกเหรอ” พี่เอ็มกระแนะกระแหน
ผมเท้าเอวแล้วก็ตอบกลับด้วยจริตพร้อมตบ “เข้าใจกับผัวแล้ว จำเป็นต้องลาออกมั้ยอะ”
“มึงก็ชอบแขวะมัน มันกลับมาก็ดีแล้ว คืนนี้จะได้มีคนหารค่าเหล้า” ต้าร์กระโดดเข้ามาแทรกกลางผมกับพี่เอ็ม “คืนนี้มึงไปกับพวกกูนะ ชวนพี่วินไปด้วยก็ได้”
ผมยังไม่ได้ตอบว่าจะไปหรือไม่ไป คนที่ถูกพาดพิงถึงก็เดินมาพอดีครับ ไม่ได้เดินมาคนเดียวด้วย...พี่วินเดินคู่มากับคุณพั้นซ์ คือคนที่ดูเผินๆ มีส่วนคล้ายกัน เพียงแต่คุณพั้นช์ดูออกจะละมุนอ่อนโยนมากกว่า พี่วินดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นผมมาอะครับ อันนี้เข้าใจได้ว่าคงเก็บอาการ แต่ที่แปลกคืออาการของคุณพั้นซ์ที่มองเห็นผมแล้วจากนั้นก็หันไปมองพี่วินพร้อมกับสีหน้าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อนเพื่อรับไหว้พนักงานตัวเล็กอย่างพวกเรา อาการนั้นเกิดขึ้นแปบเดียวก็จริงแต่ก็สัมผัสได้นะว่ามันมีอะไรที่เกี่ยวกับผมแน่นอน
“มาด้วยกันสิ” พี่วินเจาะจงพูดกับผม
“ไปไหนครับ?”
“ไปไหว้แม่พี่” พี่วินบอกด้วยเสียงเรียบๆ แต่มันทำให้ใจผมเต้นตูมตามเลยนะ
“ห้ะ!”
ตั้งตัวไม่ทัน จะบอกว่าไม่ไปก็ไม่ทันละครับ พี่วินลากแขนผมออกมาจากเดอะแก๊งค์เรียบร้อยละ ทั้งที่หน้าผมเหวอๆ นั่นล่ะ
ที่จัดงานเป็นฮอลล์เล็กสำหรับเวลาบริษัทมีกิจกรรมต่างๆ ที่รวมคนเยอะๆ สักยี่สิบคนขึ้นไป ด้านหน้าสุดทำเป็นเวทียกสูงจากพื้นหนึ่งระดับสำหรับพระสงฆ์ที่จะมาทำพิธีสวดให้พร แถวหน้าสุดใกล้กับเวทีเป็นโซฟาสำหรับผู้บริหาร แขกวีไอพีหรือเจ้าของบริษัท แถวถัดมาจึงเป็นเก้าอี้พลาสติกสำหรับพนักงาน
แถวหน้าสุด โซฟากลางสุดมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ บุคลิกท่าทางและผิวพรรณทำให้มีออร่าของคนมีเงินในบัญชีหลายร้อยล้านโดยแท้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ของคนที่ลากผมมาโดยไม่ทันตั้งตัว
“แม่” พี่วินนั่งลงข้างๆ พร้อมกับเรียกคนที่ต้องการพาผมมาพบ จังหวะที่คุณแม่ของพี่วินหันมาตามเสียงเรียกนั่นทำให้ผมลังเลว่าควรจะนั่งตรงไหนดี บนโซฟาตัวเดียวกันหรือว่าพับเพียบลงกับพื้น แต่ด้วยการรั้งข้อมือของพี่วินก็ทำให้ผมต้องหย่อนตูดลงบนโซฟาอย่างเสียไม่ได้
“หายไปไหนมาสองพี่น้อง ให้แม่นั่งคนเดียวตั้งนาน”
ฟังจากน้ำเสียงแล้วคุณแม่ของพี่วินก็น่าจะเป็นคนใจดีนะ
“แล้วนั่นใครกัน” พูดพร้อมกับโคลงตัวมามองผม “เป็นพนักงานที่นี่เหรอลูก” คุณแม่ของพี่วินถามหลังจากที่เห็นป้ายพนักงานที่ห้อยคอผมอยู่ แล้วท่านก็คงเข้าใจในทันทีที่เห็นพี่วินยังจับมือผมนั่นแหละครับ
“นี่เหนือครับ” พี่วินบอกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผม จนผมต้องโค้งศีรษะลงแทนการยกมือไหว้
“สวัสดีครับ” ผมพยายามยิ้มแบบผูกมิตร ฝากเนื้อฝากตัวและนอบน้อมที่สุด แต่ก็คงดูแห้งๆ แหยๆ อะ เพราะขนาดไม่เห็นหน้าตัวเองยังรู้สึกได้เลย
“พระมาโน่นแล้ว จะบอกอะไรก็รีบบอก เดี๋ยวเสียฤกษ์” คุณพันทิศพูดกับพี่วิน ท่าทางประมาณอย่าพิรี้พิไร
“เหนือเป็นแฟนผมครับ” พี่วินพูดออกไปโพล่ง
สิ้นคำสุดท้ายของพี่วินผมก็ชาวาบไปทั้งตัวเพราะสายตาของคุณแม่พี่วินที่มองมาอย่างไม่ยินดีตั้งแต่เส้นผมยันปลายตีนเลยล่ะครับ