“เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกกันนะ” เจ้าตัวบ่นกระปอดกระแปด ที่นอกจากจะถูกพามาฝากที่บ้านหลังนี้ ที่เป็นคนรู้จักมักคุ้นของครอบครัวก็จริง แต่ส่วนตัว ก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ คนที่เคยเป็นเพื่อนเล่นด้วย ก็นานมาก นานมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กนั่น พอเติบโตขึ้น ต้องแยกย้ายกันไป ก็เรียกไม่ได้เต็มปากนักว่า ยังคงสนิทสนมกันอยู่ อย่างที่เคยเป็น เมื่อได้มาเจอหน้ากันอีกที ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเริ่มคุยด้วยเรื่องอะไร
“ใจเหมือนไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เลยสิท่า” เสียงถามนั้น ฟังดูไม่ใช่แค่อยากจะต่อว่า แต่น่าประหลาดที่เจือไปด้วยแววของความน้อยใจ คนที่ถูกตำหนิหันไปมองเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก็หันหน้าออกไปมองสายฝนที่โปรยปรายลงมาตรงหน้า “เช่นนั้นแล้ว จะมาหากันทำไมตั้งแต่แรก” ปฏิเสธได้ยากว่า คนพูดนั้น ใช้น้ำเสียงปนไปด้วยคำต่อว่าต่อขาน ไปที่อีกฝ่ายอย่างจงใจ
“ที่มานี่ เพราะคุณแม่หวังใจว่า คนบ้านนี้จะต้อนรับขับสู้ และให้การช่วยเหลือดุจญาติมิตร แต่ก็มิคิดเลยว่า” เมื่อรู้ตัวว่าถูกค่อนแคะแบบไม่ปิดบัง ก็อดไม่ได้ ที่จะตอบโต้กลับไปในทันทีเช่นกัน “ไม่ใช่เพราะทะนงตน ว่าเกิดในชั้นตระกูลดี แลเป็นลูกครึ่งฝรั่งหัวทอง แห่งครอบครัวฟอล์คเนอร์ ชนชั้นสูงผู้รากมากดี สืบสายจากผู้ฝึกเหยี่ยวฝึกนก จากฝั่งยุโรปหรอกรึ” คนที่เป็นชายหนุ่ม ตัวสูงกว่า สายตานั้นดูดุดันเอาเรื่อง ตอบโต้กลับมาอย่างไม่ลดละ
“วิเรโอ ฟอล์คเนอร์ ชื่อไทยไม่มี ดูเอาเถิดทั้งนามสกุลก็เกี่ยวพันกับนก” ชายหนุ่มร่างสูงที่มองมาหาอย่างเปิดเผย พูดขึ้นต่อ “แถมชื่อ วิเรโอ ก็ยังมีความหมายไปทางเดียวกันนั้น แต่แปลว่านกตัวเล็ก ที่อพยพถิ่นฐานไปเรื่อย ๆ ก็สมแล้ว ที่พอมายืนอยู่ใต้หลังคาศาลาเรือนไม้เดียวกันนี่ ฝนตกนิดหน่อย เจ้านกตัวน้อย ก็อยากจะบินหนีหายไป” ชายหนุ่มเองนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า พอรู้ถึงความต้องการของอีกฝ่าย ทำไมเขาถึงต้องหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้ด้วย
“การพูดจา คำที่ใช้ ฟังดูมีหลักมีการ เต็มไปด้วยความรู้มากมาย เกี่ยวกับทั้งชื่อ ทั้งสกุลของเรา แต่กลับใช้มันอย่างมักง่าย กล่าวหาคนเขาไปทั่ว แบบนี้นี่ เรียกได้มั้ยว่า ต้นกำเนิดดี ไม่ได้แปลว่าจะเติบโตตามนั้นเป็นมั่นเป็นเหมาะ” รู้ตัวดีว่าเพิ่งโดนอีกฝ่ายด่าเข้าให้อย่างจัง แต่ก็แปลกที่ชายหนุ่มไม่ได้นึกโกรธขึ้งแต่อย่างใด กลับเอ็นดูปากบาง ๆ สีชมพู ๆ ของชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่า แต่แววตานั้นทระนงตามศักดิ์ของตัวเองเช่นกัน
“ก็เรายืนอยู่ใต้ศาลานี้ด้วยกัน เธอกลับมองเลยออกไปที่อื่น ให้ฉันยืนเดียวดายราวกับว่าฉันนั้นเป็นที่น่ารังเกียจรังงอนสำหรับเธอปานนั้น” ชายหนุ่มขยับเดินเข้าไปใกล้กับอีกฝ่าย ที่ไม่ได้ทำท่าจะเกรงกลัวแต่อย่างใด “เธอยังมองเห็นฉันมีตัวตนอยู่รึ” ความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็ก ที่เคยวิ่งเล่นในสวนนี้ด้วยกันมา มันวิ่งกรูกันกลับเข้ามาในห้วงคำนึงของชายหนุ่มอีกครั้ง
“ฝนก็ตก หากจะต้องคุยกัน ก็คงถึงกับต้องตะโกน” ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่า ยังไงเถียงกลับไม่ลดละ “ตอนนี้เธอพูดอยู่กับฉัน ต้องจะโกนเสียก็เปล่า ก็แค่เธอจะพูดขอให้ฉันขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ กัน” ชายหนุ่มที่ริมฝีปากบางสีอมชมพู รู้ตัวอีกที ก็ต้องแพ้ให้กับเหตุผลนั้นของอีกฝ่าย เมื่อชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กว่านั้น ตอนนี้มาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้า ใกล้จนแค่คำกระซิบ พูดกันเบา ๆ ก็ยังได้ยินชัดเจน
“คุณวิษธร” วิเรโอเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกไป “เธอก็จำกันได้นี่” ชายหนุ่มตัวสูงกว่าพูดออกมา ด้วยทั้งดวงตาและทั้งริมฝีปากที่ยิ้ม ด้วยความชอบใจในอากัปกิริยาของอีกฝ่าย “คงด้วยเหตุที่ว่า เมื่ออยู่ใกล้กับคนพิษสงเยอะ ก็ต้องระวังตัวเองเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่ากระมัง” วิเรโอตอบกลับไปในทันที ความเชือดเฉือนยังไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ที่บทสนทนานั้น ดูมีความผ่อนคลายว่าต้องการจะเจรจาสงบศึก
“ฉันเกิดปีมะโรง งูใหญ่ ชื่อฉันก็เป็นไปตามนั้น” วิษธรมองอีกฝ่าย ที่ดูจะผิดแผกไปจากบรรดาลูกครึ่งฝรั่งที่เขาเคยพบมา วิเรโอนั้นตัวเล็ก แม้ว่าตอนเด็ก ๆ จะมีแววที่จะสูงเมื่อโตขึ้น แต่กลายเป็นว่า เพื่อนไทยแท้ที่เล่นด้วยกันมา กลับกลายเป็นตัวสูงกว่ามากไปตาม ๆ กัน ยกเว้นวิเรโอ ที่หากจะถามว่าสิ่งใดที่เจ้าตัวมีมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ วิษธรก็คงจะพูดว่า เป็นปลายจมูกที่ยกเชิดขึ้นเล็ก ๆ นั้น มันบอกชัดเจนว่า เจ้าตัวดื้อเอาเรื่อง จนไม่มีใครใกล้เคียง
“คุณก็เลยร้ายกาจ” วิเรโอว่าอีกฝ่ายเข้าให้ “ก็เธอมันรั้น” วิษธรตอบกลับไปในทันที มองเห็นอีกฝ่ายที่เจ้าตัวมีกระ จาง ๆ อยู่บนโหนกแก้ม มันคืออีกสิ่งที่ติดตาวิษธรไม่ลืม ตลอดหลายปีมานี้ วิเรโออยากจะเถียงกลับไป แต่ด้วยความรู้สึกว่า ชายหนุ่มตัวสูงบึกบึนตรงหน้าคนนี้ รู้รายละเอียดรู้ความเป็นมาเป็นไปของเขาดีจนไม่กล้าจะให้วิษธร ได้เผยอะไรที่จะกลายเป็นการถูกเล่นงานเพิ่มเติมได้อีก
“ฝนคงจะตกอีกนาน เราคิดว่าเรา” วิเรโอพูดได้เพียงเท่านั้น “ระวัง เธอมาตรงนี้ มาหลบอยู่ที่ข้างหลังฉันก่อน” วิเรโอถูกวิษธรดึงให้เดินมาอยู่ด้านหลังของเขา และเมื่อวิเรโอมองไปตรงด้านหน้า ตรงที่เป็นที่นั่งด้านข้างของศาลา ก็พบว่า มีงูจงอางตัวใหญ่แผ่ชูแผงคอรอท่าอยู่ก่อนแล้ว “คุณมันอันตราย” วิเรโอร้องห้าม เผลอใช้มือดึงข้อมือของวิษธรเอาไว้ เพื่อห้าม เมื่อเห็นชายหนุ่มนั้นทำท่าจะเดินเข้าไปหางูจงอางตัวนั้น
“เธอไม่ต้องกลัวนะ ฉันแค่จะไล่มันไป” วิเรโอมองวิษธรที่เดินไปตรงที่งูตัวนั้นอยู่ ด้วยความระทึก หัวใจเต้นแรงที่สุด เท่าที่เคยรู้สึกรับรู้มา วิษธรเดินไปจนเกือบจะถึงงูจงอางตัวนั้น วิเรโอก็เห็นว่าเหตุการณ์ตรงหน้าของเขานั้น มันเกิดขึ้นไวมาก เมื่ออยู่ ๆ งูจงอางตัวใหญ่ตัวนั้นก็ลอยขึ้น ตกเลยศาลาออกไปด้านนอก ส่วนวิษธรนั้น วิเรโอได้ยินเสียงของชายหนุ่มร้องดังลั่น ก่อนจะล้มลงนอนแน่นิ่งไปบนพื้นศาลา
“คุณ” วิเรโอทรุดตัวลงนั่งที่ข้าง ๆ กายของวิษธรในทันที “คุณวิษธร” เสียงเรียกของวิเรโอที่มีให้กับอีกฝ่าย ทั้งเต็มไปด้วยความตกใจ รวมถึงความเป็นห่วงถึงอันตรายที่วิษธรได้รับ “คุณได้ยินเรามั้ย คุณ เดี๋ยวเราจะไปหาคนมาช่วยนะ คุณโดนงูพิษนั่นกัด” วิเรโอทำท่าจะผุดลุกไปร้องเรียกให้ใครก็ได้มาช่วยที แต่ก็ต้องกลับลงนั่งที่ข้าง ๆ วิษธรอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มคว้าข้อมือของวิเรโอไว้ได้ทัน ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งเตลิดไป
“ยังไม่ต้อง เธอไม่ต้องไปเรียกหรือรบกวนใครทั้งนั้น” วิษธรหัวเราะออกมาเต็มเสียง ส่ายหน้าไปกับท่าทางตื่นตระหนกของอีกฝ่าย “คุณนี่นะ” วิเรโอเผลอเอามือฟาดเข้าที่ต้นแขนใหญ่ของวิษธรจนเต็มแรง “โอ๊ย ฉันเจ็บ ฉันผิดไปแล้ว แต่เธอก็อย่าตีฉันหนักนัก ใจดีกับฉันหน่อย” วิษธรหัวเราะชอบใจ ที่แกล้งหลอกวิเรโอได้จนเชื่อสนิทใจ “ฉันแค่จับงูนั้น โยนมันออกไปให้พ้นทาง เสียก็เท่านั้น” วิเรโอได้ยินคำอธิบายของวิษธร จะว่าโกรธก็โกรธ แต่ก็โล่งใจเช่นกัน ที่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ ยังปลอดภัยดีอยู่
“คุณสนุกหรรษากับเรื่องแบบนี้ ชอบใจมากสินะ” วิเรโอต่อว่าต่อขานอีกฝ่าย ที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง “ฉันไม่ใช่แค่สนุกและบันเทิงไปกับมันเท่านั้นนะ” วิษธรลุกขึ้นยืนตามวิเรโอขึ้นมา “แต่ฉันนั้นยังไม่รับคำยืนยันอีกว่า” วิเรโอรับรู้ถึงที่วิษธรนั้นขยับเดินเข้ามาจนใกล้ ด้วยความใกล้ที่มันชิดจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้นนั้นจากทั้งสองฝ่าย “เธอยังคงใส่ใจและอาวรณ์ในตัวฉันอยู่ และนั่นมันทำให้ฉันมีความสุขอย่างที่สุด” วิเรโอเห็นแววตาของวิษธรที่มองมา เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ
“แล้วเธอล่ะ มีความสุขเช่นกันมั้ย หากลืมเรื่องที่ฉันเย้าเธอไปก่อน” วิษธรถามคนตรงหน้าออกไป “เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้เจอฉันอีกครั้งเช่นกัน ใช่หรือไม่” ภาพที่เห็นในความฝันจากตรงนี้ มันวูบไหวตัดฉากไปอีกที สิ่งที่วาตะเห็นก็คือ ภาพของเรือเดินทางข้ามทะเลขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากมาย ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ กำลังขนข้าวของสัมภาระ เอาติดตัวขึ้นไปบนเรือลำใหญ่นั่น
ตรงนั้น ที่ตรงบันได วิเรโอก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดทางขึ้นเรือด้วยความสับสนและความลังเล ในใจของเขามีแต่ความคำนึงถึงบุรุษอีกคน บุรุษชาวไทยคนนั้น คนที่เมื่อคืนนี้ เฝ้ารำพึงรำพัน ทั้งขอร้องและอ้อนวอนให้วิเรโอเปลี่ยนใจ ไม่เดินทางกลับไปที่ต่างประเทศ ค่ำคืนทั้งหมดนั้น วิเรโอใช้มันไปกับการได้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม คนที่เป็นอันที่รัก วิษธรเฝ้าบอกคำหวาน คำว่ารักกับวิเรโอนับครั้งไม่ถ้วน
“ฉันจะทำให้มันเป็นไปได้ เธอไม่ต้องกังวลไป ฉันจะทำทุกทาง เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันที่นี่” วิษธรกอดวิเรโอเอาไว้จนแน่น โดยที่วิเรโอนั้นได้แต่พยายามหักห้ามความรู้สึกเอาไว้ “สิ้นบุญคุณแม่ไปแล้ว ความเป็นไทยครึ่งหนึ่งของเรา ก็เหมือนจะมอดดับไปด้วย” วิเรโอรู้ดีว่า เมื่อคุณพ่อของเขาที่เป็นชาวต่างชาติเต็มตัว ที่ทำธุรกิจที่เมืองไทย แล้วมีปัญหากระทบกระทั่งกับกิจการอื่นมาโดยตลอด ที่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ ก็เพราะใบบุญของคุณแม่ของเขาเท่านั้น
“อย่าได้ต้องเดือดร้อนตามไปพร้อมกันเสียทั้งหมดนี่เลย” น้ำตาของวิเรโอไหลลงมาจากทั้งสองหน่วยตา “คุณยังมีหน้าที่การงานที่ต้องเติบโตไปภายภาคหน้า” วิเรโอไม่คิดว่า การอยู่ที่นี่ต่อไปของเขาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อต้องมีวิษธรออกหน้า แล้วตกเป็นเป้าในแสงสว่างให้ต้องถูกหมายหัว มันไม่เป็นการยุติธรรมอันใดกับวิษธรเลยทั้งสิ้น เมื่ออาชีพหน้าที่การงานของเขากำลังรุ่งเรืองและไปได้ดีกว่าใครในรุ่นเดียวกัน การกระทบกระทั่งกันของคนไทยกับต่างชาติ ความขัดแย้งลุกลามไปจนถึงการออกตัวขับไล่ ทำให้การตัดสินใจจากไป มันคือเรื่องที่ถูกต้องที่สุด ที่สมควรจะทำได้แล้ว
“เราอาจจะต้องคอยและอดใจเอาไว้” วิเรโอเดินขึ้นไปด้านบนของเรือเดินสมุทรลำใหญ่ลำนั้น จำได้ถึงสิ่งที่ได้บอกกับวิษธรเอาไว้เมื่อคืน ที่เป็นคืนสุดท้ายที่ทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกัน “เผื่อว่าวันใด อาจจะไม่ใช่ในชาตินี้ อาจจะเป็นภพหน้าอย่างที่คนไทยเชื่อกัน ว่าวันนั้น เมื่อโกลเด้นแลนด์ ดินแดนแห่งสุวรรณภูมิส่องแสงทองมาถึง” วิษธรมองตามวิเรโอที่ไปหยุดยืนอยูี่ที่ด้านข้างเรือ แล้วมองลงมาหาเขา
วิษธรรู้สึกว่าเขากำลังใจจะขาด เหมือนดวงใจของเขาทั้งดวง ถูกริบเอาไป จนไม่เหลือหนทางให้ชีวิตต่อจากนี้ไป จะมีความสุขจากสิ่งใดได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเสียงหวูดเรือดังสนั่นเข้าไปในความรู้สึก ภาพของเรือเดินสมุทรที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากฝั่ง ภาพของวิเรโอที่โบกมือให้เขา มันคือภาพสุดท้าย ที่วิษธรจดจำมันเอาไว้ กับหัวใจของเขาที่มันแตกสลายลงไปกับตา
วาตะสูดหายใจเข้ายาว ก่อนจะสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาต้องรีบหายใจเข้าอีกหลายครั้ง เหมือนจะคว้าอาการเข้าไปทดแทนกับความรู้สึกที่ทำให้เขาเกือบขาดใจลงไปตรงนั้น วาตะลุกขึ้นจากเตียงนอน คว้าเอาขวดน้ำดื่มมาเทน้ำใส่แก้ว ก่อนจะกระดกดื่มมันลงไปถึงสองแก้วติด และนั่นถึงทำให้วาตะผ่อนคลายความรู้สึกที่เหมือนกับยังคงติดค้างอยู่ในใจ มันมีผลมาจากคนที่เขาเห็นในความฝัน และมันเหมือนจริง วาตะรู้ดีว่า เขารู็สึกกับมันจริง ๆ ทั้งความเศร้าโศก ทั้งความมัวหมอง รวมไปถึงความอาลัยอาวรณ์ถึงคนที่วิเรโอทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง คนที่ชื่อวิษธร คนนั้น
วาตะทำได้แค่เพียงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ห้ามอารมณ์ตัวเอง มันเหมือนกับเป็นทั้งการปลดปล่อยของตัววาตะเอง ให้ความรู้สึกนี้ลดทอนลงไปจากใจ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้วิเรโอ ได้ชดเชยกับความรู้สึกเจ็บปวดและทรมานที่ตัวเองได้พบเจอ ให้วิษธรรับรู้ด้วยว่า การจากไปนั้น มันได้สร้างรอยแผลในความรู้สึกของหัวใจที่ชอกช้ำและระทมทุกข์ ให้กับวิเรโอมากแค่ไหน
อุรเคนทร์จอดรถจักรยานยนต์คันใหญ่ของเขาที่ตรงหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอดหมวดกันน็อคแบบเต็มใบออก เมื่อรู้ดีว่า ตอนนี้ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นภายในหัวใจของเขา คงเป็นไปแบบที่พ่อปู่ได้บอกกับเขาเอาไว้ ว่าเขาจะได้พบกับประสบการณ์เช่นนี้ ข้อสองนั้นคือ ถูกกีดกันด้วยถิ่นกำเนิดและถิ่นพำนัก น้ำตาที่อยู่ ๆ ก็ไหลอาบหน้าอุรเคนทร์อยู่ในตอนนี้ หยดน้ำตาอุ่นใส ที่ร่วงรินลงมาอย่างไม่ขาดสาย ความรู้สึกเศร้าเสียใจ หม่นหมอง ที่อุรเคนทร์ได้รับรู้ ต้องเป็นสิ่งที่คนในฝันของเขากำลังรู้สึกอยู่อย่างแน่แท้
วาตะเดินมาหยุดอยู่ที่ระเบียงห้อง แหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้า พระจันทร์กำลังจะใกล้วันเพ็ญส่องแสงสุกสกาว ความคิดคำนึงถึงใครบางคน ที่ต่างเฝ้ารอกันมานานแสนนาน ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้ แม้ไม่รู้ว่าความเป็นจริงมันจะเป็นไปเช่นไร อุรเคนทร์มองไปที่ดวงจันทร์ที่กำลังจะส่องสุกสกาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คนที่เขาต้องการจะเจอเป็นที่สุด คนที่ได้ฝากสัญญาและความรักต่อกันเอาไว้ คนที่อยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา ไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหน คนนั้น
**************************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J
ลั่นทม - COCKTAIL
https://www.youtube.com/watch?v=hr4SdgDFcRQเพราะกลิ่นหอมจางจางที่ลอยตามลมมา
Because of fading fragrance that’s being brought in the wind
หวนให้ใจคำนึงนึกถึงคราเราต้องไกล
That causes the heart to reminisce the day we departed
กลิ่นสุคนธ์ปนหวานใยทำให้ใจต้องขืนข่ม
The sweet essence of smell yet causes bitterness of all
ทุกข์ระทมตรอมตรมทำให้ใจหวั่นไหว
That suffers and also saddens the heart that is already crumbled
หากการพบรักจะต้องเคียงคู่ข้างเคียงกับการร่ำลา
If finding love is the reason to lose the loved one through goodbye
จะสุขสมหวังได้นานเพียงใดก็แล้วแต่โชคชะตา
Then how long being fulfilled to be is up to what has already been destined
ฟ้าให้เวลามาเท่าไหร่
How long will it be that is given by heaven?
และมันจะยาวนานเท่าใด
And how long will it last?
กลิ่นดอกไม้ลั่นทมเจ้าหอมรื่นรมย์
Flowers of Frangipani, they scent so pleasantly
เคยชื่นเคยชมดอมดมให้ชื่นใจ
Used to nourish and hold up that pleases mind
มาบัดนี้ตัวเจ้าร่วงโรยไม่โชยกลิ่นหอม
Until now, they are falling apart with no perfume left
กลีบขาวมัวหมองตรมตรอมเหี่ยวโรยร่วงไป
The white leaves are tarnished and damaged, then gone
จากเคยงามกลายเป็นความทรามที่ไม่จีรังหรือไร
From what people say beautiful to something wicked not permanent
และความรักของฉันต้องเป็นดังเช่นเจ้าลั่นทมไหม
If so, my love is going to be like Frangipani or not?
หากขัดขืนไม่ให้เวลาพัดพาสิ่งแปรผันไป
Or I can obstruct and never let time takes causes things to change
ฉันจะทำได้นานเท่าไหร่
How long will I be able to pull it off?
ถ้าฉันต้องการแค่ตลอดไป
If the word I need is just forever
เพราะรักของฉันจะนานกว่านั้น
Because my love is longer than that
นานชั่วกัลป์กัปนานนิรันดร์
Everlasting and eternal that’s what it is
จะไม่มีสิ่งไหนลบเลือนให้หายสิ้นกัน
Nothing can erase or eradicate it
ดอกไม้ใดจะหอมนานเกินกว่านั้นไม่มี
No other flowers give scents better that that
เพราะรักของฉันคงอยู่เสมอ
Because my love is to be there always
อยู่เพื่อเธอและเป็นของเธอ
It is just for you, and it belongs to you
กลิ่นหอมของความรักฉันจะติดตามพบเจอ
Fragrance of my love is following to find
ตามพบเธอไม่มีโรยรา ไม่มีวันจาง
I’ll find you, and you’ll be forever young and shiny
หากขัดขืนไม่ให้เวลาพัดพาสิ่งแปรผันไป
Or I can obstruct and never let time takes causes things to change
ฉันจะทำได้นานเท่าไหร่
How long will I be able to pull it off?
เพราะรักของฉันจะนานกว่านั้น
Because my love is longer than that
นานชั่วกัลป์กัปนานนิรันดร์
Everlasting and eternal that’s what it is
จะไม่มีสิ่งไหนลบเลือนให้หายสิ้นกัน
Nothing can erase or eradicate it
ดอกไม้ใดจะหอมนานเกินกว่านั้นไม่มี
No other flowers give scents better that that
เพราะรักของฉันคงอยู่เสมอ
Because my love is to be there always
อยู่เพื่อเธอและเป็นของเธอ
It is just for you, and it belongs to you
กลิ่นหอมของความรักฉันจะติดตามพบเจอ
Fragrance of my love is following to find
ตามพบเธอไม่มีโรยรา ไม่มีวันจาง
I’ll find you, and you’ll be forever young and shiny
กลิ่นดอกไม้ลั่นทมเจ้าหอมรื่นรมย์
Scent of Frangipanis, they smell all nice
เคยชื่นเคยชมดอมดมให้ชื่นใจ
Used to feel them that refreshed all memories