“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย” คำถามดังออกมาจากอาจารย์สอนภาษาไทย “เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า” ถามไปที่นักเรียนทั้งห้องที่นั่งเรียนกันอยู่ “ในโคลงโลกนิติบทนี้ แปลว่าอะไร มีใครรู้บ้าง” นักเรียนทั้งชั้นต่างพากันมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครอยากลุกขึ้นตอบคำถามของอาจารย์ที่มองเข้ามาในห้องเรียน จนอาจารย์ภาษาไทยประจำคาบ ชี้นิ้วเลือกถามนักเรียนชายที่นั่งอยู่หลังสุดข้างหน้าต่างด้านซ้าย
“อุรเคนทร์ ไหนเธอลุกขึ้นตอบซิ” เจ้าของชื่อแม้ว่าจะได้ยินชื่อของตัวเองถูกเรียก แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวหรือมีท่าที ตอบรับไปกับเสียงเรียกของอาจารย์ประจำวิชานั้น “นายอุรเคนทร์ ได้ยินที่ฉันถามเธอมั้ย” นักเรียนชายเจ้าของชื่อ ยังคงนั่งนิ่ง เงียบ ไม่ตอบหรือแสดงอาการท่าทีอะไร และนั่น เริ่มทำให้อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทย เริ่มมีสีหน้าและท่าทางที่ไม่พอใจ เมื่อเห็นว่า อุรเคนทร์ไม่ทำตามที่ถูกออกคำสั่ง
“พ่อปู่ ฉันสองคนก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว นี่เมื่อวันก่อนที่โรงพยาบาล มันก็วิ่งตามรถใครไปก็ไม่รู้ ปากก็ร้องตะโกนเรียกเสียงดังลั่น ว่าอย่าเอาน้องไป ให้เอาน้องคืนมา” พ่อปู่ที่ใครต่อใครให้ความเคารพ มองมาที่เด็กชายอายุประมาณห้าขวบ ที่มองสบตากลับมาที่พ่อปู่อย่างไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน ประหนึ่งว่า ตัวของเด็กน้อยเอง นั้นก็รู้ตัว ว่าเขานั้นมีดีเช่นกัน
“เอ็งสองคนน่ะ มีบุญมากพอพาเขาให้มาเกิดใหม่ แต่ก็อาจจะมีวาสนากันเพียงถึงแค่เท่านั้น” จากวันเดือนปีและเวลาตกฟาก ที่พ่อปู่เอามาตรวจดูแล้ว ก็พอจะเข้าใจแล้ว ว่าอะไรกันที่กำลังเกิดขึ้น “พิษนาค” พ่อปู่บอกกับสองสามีภรรยาที่พาลูกน้อยของตัวเองมาหาพ่อปู่ในวันนี้ “ให้เขาอยู่กับเอ็งสองคนต่อไป ก็พาลจะให้เจ็บให้ป่วย ให้ต้องความร้ายแรงพิษแห่งนาคนั้น เพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ” พ่อและแม่ของเด็กชาย มีผ้าพันแผลที่มือ ที่ทางหมอเองก็ไม่มีคำอธิบายทางการแพทย์ให้ ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร
“เอาอย่างนี้” พ่อปู่หาทางออกให้ เมื่อแผลไหม้ที่บนมือของผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยนั้น หลังจากที่จับแขนของลูก แล้วเกิดอาการปวดแสบจนแทบจะทนไม่ได้ หมอเองได้ตรวจสอบทั้งแม่และลูก ก็ไม่พบความผิดปรกติอะไร โดยร่ำ ๆ จะส่งเคสนี้ต่อไปให้ทางหมอจิตเวชช่วยวิเคราะห์ ว่าอาจจะเป็นอาการทางจิต มากกว่าอาการทางร่างกาย ที่หมออายุรกรรมหรือหมอผู้เชี่ยวชาญแผนกอื่นใด จะให้คำวินิจฉัยได้
“มันต้องมีใครสักคน ที่สามารถช่วยขัดเกลาอารมณ์ของเจ้าอุรเคนทร์ ให้รู้จักควบคุมให้ได้” พ่อปู่พูดออกมา “ยิ่งถ้าเกี่ยวข้องกับ เจ้าน้อง” สายตาขอวงเด็กชายวัยห้าขวบเป็นประกายขึ้นมาในทันที ที่ได้ยินคำพูดของพ่อปู่ “ดูเองเถิด แค่พูดพาดพิง ถึงคนคนนั้นเพียงนิดหน่อย” ตากลมแป๋วของอุรเคนทร์ในวัยห้าขวบ จ้องไปที่พ่อปู่เขม็ง “เออ เอาสิ แม้แต่ข้า เอ็งก็จะไม่ยกเว้นใช่มั้ย” ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าพ่อปู่เองก็เห็นความดุดันที่ซ่อนอยู่ในแววตาที่ใสซื่อของเด็กน้อย
เมื่อวันเพ็ญถัดไปมาถึง พ่อและแม่ของอุรเคนทร์ได้พาเด็กชายวัยห้าขวบ ที่เป็นลูกชายคนเดียวของพวกเขา มาฝากตัวเป็นลูกเป็นหลานของพ่อปู่ และเต็มไปด้วยความประหลาดใจของพ่อและแม่ของเด็กชายตัวน้อย ที่อุรเคนทร์เองนั้น พอรถจอดที่หน้าเรือนไม้ยกใต้ถุนสูงของพ่อปู่ เด็กชายตัวน้อยก็ไม่ได้อิดออดหรือแข็งขืนอย่างที่ทำกับพ่อและแม่มาโดยตลอด เวลาถูกบังคับให้ทำอะไรที่ไม่ชอบใจ กลับเดินลงจากรถ ถือเป้ที่แม่ใส่ของส่วนตัวของเด็กน้อย ขึ้นเรือนไปนั่งขัดสมาธิที่ด้านหน้าพ่อปู่ และหลังจากที่พ่อปู่ทำพิธีกรรมบางอย่างเสร็จ อุรเคนทร์ก็เดินเข้าไปในห้องนอนที่พ่อปู่จัดเอาไว้ให้อย่างว่าง่าย
“ฉันถามคำถามง่าย ๆ กับเธอ อย่ามายืนนิ่งแบบนี้ เมื่อถูกถาม ตามหน้าที่ของนักเรียน เธอก็ต้องตอบ” อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทย พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ ที่นักเรียนในชั้นไม่ทำตามคำสั่งที่บอกออกไป “อาจารย์คะ หนูตอบคำถามแทนเคนทร์เขาก็ได้ค่ะ” เด็กนักเรียนหญิงเพื่อนร่วมห้องของอุรเคนทร์ ที่ถูกเรียกออกมายืนอยู่ข้างกัน บอกกับอาจารย์ประจำวิชาออกไป เธอมองหน้าอุรเคนทร์ที่ตอนนี้ กำลังบอกบุญไม่รับอย่างเต็มที่
“ครูให้นายอุรเคนทร์เขาเป็นคนตอบ” อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทยยังคงแสดงความไม่พอใจ กับท่าทางของอุรเคนทร์ “แต่ถ้าเขาไม่ตอบ ครูจะให้เขาคู่กับเธอ เป็นตัวแทนของระดับชั้นมัธยมปีที่หก ในงานแสดงวันภาษาไทยที่จะถึงนี้” คำพูดของอาจารย์เหมือนเป็นการยื่นคำขาด กับคนอย่างอุรเคนทร์ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ เลยของทางโรงเรียน ไม่ว่าจะขอความร่วมมือ ขอร้อง หรือแม้แต่การขู่ บังคับ ต่าง ๆ นานายังไงก็ตาม
“ผมจะไม่คู่ใครทั้งนั้น” อุรเคนทร์พูดออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีก” อุรเคนทร์ที่ในใจนั้น มีเพียงแค่ความแน่วแน่ “ถ้าไม่ใช่น้อง ก็ไม่มีใครอื่นอีก” อุรเคนทร์ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ กับความแน่วแน่ที่แสดงออกมาในน้ำเสียง “ยิ่งกับผู้หญิงคนนี้ ยิ่งไม่ใช่” อุรเคนทร์ประกาศกร้าว ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น “เธออย่ามาพูดจาวิปริต ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น” อาจารย์ร้องตะโกนออกมาด้วยความลืมตัว กับเรื่องราวที่พอจะรับรู้มาบ้าง เกี่ยวกับอุรเคนทร์
“พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง” อุรเคนทร์พูด จ้องกลับไปที่อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทย แต่ด้วยพลังอะไรบางอย่าง ที่ทำให้อาจารย์เริ่มผงะเกรง “ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี” เสียงของอุรเคนทร์นั้น เสียดแทงเข้าไปในใจ ผ่านความรู้สึกของอาจารย์ประจำชั้นเข้าไป จนคนเป็นครูรู้สึกว่า เธอกำลังโดนด่า ตีแสกเข้ากลางหน้าผาก “คนบางคน ก็ไม่รู้ตัวเลยว่า ทั้งที่ต่ำต้อยแท้ ๆ แต่บังอาจเทียบชั้นใครต่อใคร” ทุกคนในห้องอึ้งเงียบ มีแต่อาจารย์ที่กำลังเต้นเร่าไปด้วยความโกรธ
“นี่คือคำตอบของผม” ขณะที่อุรเคนทร์กำลังจะหันหลัง เพื่อเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทย เผลอลืมตัว เอื้อมมือไปคว้าแขนของอุรเคนทร์เอาไว้ อุรเคนทร์นั้น หันขวับมามองด้วยสายตาดุดัน เพียงเท่านั้น อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทย ก็ต้องกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง ด้วยความเจ็บ ความปวดแสบปวดร้อนเสียยิ่งกว่า ถูกไฟแผดเผารวมกับโดนน้ำร้อนจัด ๆ สาดกระทบผิวหนัง อาการที่มี ทำให้ถึงกับต้องเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปอย่างเร่งด่วน
ความตึงเครียดเกิดขึ้นที่ห้องของผู้อำนวยการโรงเรียน เมื่อพ่อปู่นั้น เมื่อมาถึงโรงเรียน ก็ไม่ยอมให้ทางคณะครูฝ่ายปกครอง ลงโทษอุรเคนทร์ จนทางโรงเรียนถึงกับต้องเรียกตำรวจในพื้นที่มาเป็นพยาน แม้ว่าเพื่อน ๆ ในห้องของอรุเคนทร์ เมื่อถูกตำรวจสอบถามกับต่อหน้าบรรดาครูฝ่ายปกครองทั้งหลาย และรับรองว่า จะไม่มีใครเอาผิดนักเรียนทุกคนได้ หากพูดความจริงออกมาทั้งหมด ซึ่งเพื่อน ๆ ของอุรเคนทร์ทั้งห้อง ก็ให้การตรงกันว่า เป็นที่อาจารย์ประจำวิชา ที่คว้าแขนของอุรเคนทร์ ทางฝ่ายนักเรียนนั้น ไม่ได้แตะต้อง หรือตอบโต้ทางร่างกายอะไรกลับไปเลย
“ไปเจ้าเคนทร์ กลับบ้านกับปู่” พ่อปู่คว้าแขนของอุรเคนทร์ โดยที่ไม่ได้แสดงอาการปวดแสบปวดร้อนอะไรให้เห็น ทางตำรวจที่มาไกล่เกลี่ย ก็พากันส่ายหน้า และบอกว่า ขอให้ทางโรงเรียน ยกเลิกบทลงโทษทั้งหมดกับอุรเคนทร์ เพราะเรื่องที่เล่ามา ไม่ตรงกับสิ่งที่ตาทั้งสองเห็น เพราะพ่อปู่ก็สามารถจับตัวของอุรเคนทร์ได้เป็นปกติดี “ไม่อย่างนั้น ผมจะแจ้งดำเนินคดีกับทุกท่านนะครับ คุณครู ข้อหาแจ้งความเท็จ และกระทำทารุณกรรมเด็กเสียเอง” มาตอนนี้ ทางโรงเรียนจึงต้องยอมทำตาม และยอมทำตามที่ตำรวจแนะนำ
วาตะตักข้าวต้มเข้าปากได้เพียงสองสามคำ ก็ผลักถ้วยออกเบา ๆ แสดงอาการว่าอิ่มแล้ว แม่ของวาตะใช้มือแตะที่หน้าผากและคอของลูกชายเธอ ก่อนจะหยิบยาแก้ไข้มาให้ วาตะรับยาจากแม่มากิน ก่อนจะดื่มน้ำตาม วาตะบอกกับแม่ว่า ตอนนี้ตัวเองนั้นรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องห่วง วาตะมองเลยไปที่ตลับขี้ผึ้งที่วางอยู่บนโต๊ะ แม่ของวาตะถามว่า แล้วอาการเจ็บที่ไหล่ด้านซ้าย ตอนนี้วาตะรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
“ลูกไม่เจ็บแล้วครับแม่” วาตะเอามือซ้ายยกขึ้นแตะลงที่ไหล่ข้างเดียวกัน แม่ของวาตะนั้นจำได้ติดตา ถึงรอยแดงที่นูนขึ้นเป็นปื้นยาว มันมีขนาดใหญ่กว่าทุกครั้งที่เคยเห็นบนไหล่ของลูกชาย “ทาขี้ผึ้งยังช่วยได้เหมือนเดิมอยู่มั้ย” กับคำถามของแม่ วาตะส่ายหน้ากลับไปแทนคำตอบ ยังจำได้ว่า หลวงพ่อนั้นเคยเตือนเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่าวันใดวันหนึ่งนั้นจะมาถึง เมื่อขี้ผึ้งที่เคยช่วยป้องกันตัว เมื่อทาที่หน้าผาก จะไม่สามารถมีฤทธิ์ช่วยทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น อีกต่อไป และสิ่งที่ต้องเกิด ก็จะต้องเกิดอย่างห้ามหรือชะลอต่อไปอีกไม่ได้
“เพราะแม่กับพ่อไม่รู้ว่า เขาคนนั้นจะมาดีหรือมาร้ายกันแน่” สิ่งที่ทำให้พ่อและแม่ของวาตะกังวลใจ และเป็นห่วงลูกมาโดยตลอดก็คือ ทางหลวงพ่อเองนั้น ก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่า เพราะเหตุใด สาเหตุใด เพียงแต่พูดว่า เพราะมีกรรม มีบ่วง มีห่วงผูกพันร่วมกันมาเท่านั้น “เวลาอายุถึงเบญจเพส คนโบราณถึงถือว่าเป็นช่วงอายุที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ยิ่งอีกไม่กี่วัน วาตะก็จะครบอายุนี้บริบูรณ์เช่นกัน
“มันอาจจะเป็นโอกาสที่” วาตะจับมือแม่มาบีบเบา ๆ “โอกาสที่ลูกจะได้ชดใช้ให้เขาไป กับสิ่งที่ลูกอาจจะทำไม่ดีกับเขาเอาไว้” แม่ของวาตะน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาในทันที เมื่อคิดถึงว่า มันอาจจะกลายเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ที่พ่อและแม่ กลัวเป็นที่สุด ตั้งแต่รับรู้เรื่องนี้ของวาตะมา “ลูกขอให้พ่อกับแม่อย่าเสียใจ ถ้าหากว่าลูก” แม่ของวาตะดึงลูกชายเข้ามากอดจนแน่น “จะต้องจากไป” อาการสะอื้นไห้รับรู้ได้ไม่ยาก เมื่อน้ำตาของผู้เป็นแม่นั้นไหลพรากลงมานองแก้ม
อุรเคนทร์มองจ้องออกไปที่ประตูกระจกที่เปิดค้างเอาไว้ ที่ด้านนอกคือระเบียงห้อง ลมที่พัดเข้ามาภายในห้องนั้น มีกำลังแรงจนน่าตกใจ ผิดแต่เพียงว่า ลมที่พัดกระหน่ำเข้ามานี้ ดูจะมีเพียงเฉพาะห้องของอุรเคนทร์เท่านั้น ที่ปรากฏเหตุการณ์นี้ขึ้น และด้วยลมที่พัดอย่างแรง ภาพที่ผุดขึ้นมาให้เขาได้เห็น แรงลมพัดจากปีกคล้ายนกที่ทรงพลานุภาพนี้ มาจากใครคนนั้น ที่มาจากครั้งกาลก่อนที่ผูกพันกันมา
ทิชชากรใช้แรงเฮือกสุดท้าย ที่จะพาตัวเองบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง ปากที่ร้องเรียกบุคคลสุดท้ายที่เป็นคนเข้าใจความรู้สึกของทิชชากรได้ดีที่สุด ซึ่งเรื่องนั้นอาจจะเป็นจริง แต่ว่าในเวลานี้ กลับช่วยเหลืออะไรทิชชากรไม่ได้เลย พระนางแม่ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลลงนองใบหน้า เมื่อมองเห็นทิชชากรที่เหลือปีกเพียงข้างเดียว พยายามโบกบินอย่างสุดกำลัง จนสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงบริเวณนั้น ปลิวกระจัดกระจายไปไกลหลายต่อหลายโยชน์
“เจ้าคือลูกข้ากลับไร้ค่าและลดตัว” เสียงองค์พญาครุฑที่พูดออกมาด้วยความผิดหวังในตัวทิชชากร “เลือกเกลือกกลั้วนาคะประการนั้น” แรงทั้งหมดแต่ของทิชชากรที่ถูกกลั่นออกมาจากทุกอณูของร่างกาย แต่ยิ่งบินด้วยปีกที่เหลืออยู่นั้น กลับไม่ทำให้ทิชชากรได้เข้าใกล้พระนางแม่เลยสักนิด “ข้าขอปลดหมดหน้าที่ด้วยเจ้าพลัน” น้ำตาของพระแม่ยิ่งรินไหลลงมา เมื่อได้ยินพระสวามีประกาศลั่นกลางเวหา
“สิ้นสุดกันเจ้าปรัตยาข้าปิตุรงค์” สิ้นสุดคำประกาศตัดพ่อตัดลูกนั้นของพญากาศยป ท่านก็พาพระนางแม่บินหายลับตาไปกับเมฆที่บนฟ้านั้น ทิ้งให้ทิชชากรที่ปีกอ่อนกำลังลงทุกที ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมากองอยู่ที่พื้นดิน เลือดจากบาดแผลเพราะพิษนาคที่ปีกด้านซ้ายนั้น ทำให้ทิชชากรรู้ดีว่า ชีวิตนี้คงไม่อาจจะไปต่อด้วยความเป็นครุฑได้อีก และคงต้องลาจากโลกนี้ไปด้วยความเวทนา ภาพที่อุรเคนทร์เห็น สะท้อนเข้าไปในหัวใจของเขา และนี่คือเหตุผลที่เขาจะต้องหาคนคนนี้ให้เจอ ให้จงได้
********************************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J
ทุกนาทีที่สวยงาม - นนท์ ธนนท์
https://www.youtube.com/watch?v=4U90jF4Fm1Uจำได้ไหมที่ฉันนั้นเคยถาม
Do you remember that I once asked you?
ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าเราทั้งสอง
What would it be like if the both of us,
ในวันพรุ่งนี้ ที่ตื่นขึ้นมาแล้วเราไม่ได้พบกันอีกแล้ว
Waking up tomorrow and wouldn’t be able to be together anymore?
ถ้าวันนึงที่เราต้องจากกันไป
If one day, we have to go our separate ways
ถ้าเธอไม่มีฉันแล้วอยู่ได้ไหม
Will you be okay when you don’t have me around?
คำถามมากมายที่อยากให้เธอนั้นตอบ
These many questions I want you to answer them
ได้ยินมันบ้างไหม
Do you hear what I’m saying?
ใจเต็มไปด้วยคำถาม
All of these questions stay in my heart
แต่ไม่มีเธอรับฟังอยู่อีกแล้ว
But you are no longer here to listen to
เหมือนตอนที่เธอและฉันเคยเคียงข้างกัน
Not like the time when we shared our lives
ไม่มีทางที่ฉันจะลืมทั้งเรื่องร้ายร้ายในวันที่เราจากกัน
No way I can forget all the evil things happened the day we said goodbye
และเรื่องดีดีที่ทำให้รู้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้น มันช่างสวยงาม
And all the terrific moments that showed us our beautiful journey
กี่คำถาม ที่มันยังคาในใจ เธอรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน
Countless questions that are stuck on my mind, do you know that they still suffer me?
เพราะคำตอบ มันอยู่ในทุกนาทีที่ฉันเคยเคียงข้างเธอ
All the answers are lying in every single minute I was once with you
ทุกเรื่องราวยังชัดเหมือนเมื่อวาน
Everything remains clear like those old days
ฉันไม่เคยจะลืมแม้ผ่านไปนาน
I don’t let go though it has been this long
ทุกความสวยงามมีค่ามากมายให้เก็บ
Each beautiful part is meant to be kept alive
ไม่เคยทิ้งมันไปไหน
None can be gone through time
ใช้ชีวิตด้วยใจที่แตกสลาย
Living my life with my shattered heart
เพราะว่าเธอน่ะเป็นเหมือนสิ่งสุดท้าย
Because you are my very last resource
เรื่องราวมากมายยังอยู่ในใจที่เจ็บ
Holding my memories that still cause pains
เมื่อเก็บความรักไว้
When I chose to store this love
ใจเต็มไปด้วยคำถาม
All of these questions stay in my heart
แต่ไม่มีเธอรับฟังอยู่อีกแล้ว
But you are no longer here to listen to
เหมือนตอนที่เธอและฉันเคยเคียงข้างกัน
Not like the time when we shared our lives
ไม่มีทางที่ฉันจะลืมทั้งเรื่องร้ายร้ายในวันที่เราจากกัน
No way I can forget all the evil things happened the day we said goodbye
และเรื่องดีดีที่ทำให้รู้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้น มันช่างสวยงาม
And all the terrific moments that showed us our beautiful journey
กี่คำถาม ที่มันยังคาในใจ เธอรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน
Countless questions that are stuck on my mind, do you know that they still suffer me?
เพราะคำตอบ มันอยู่ในทุกนาทีที่ฉันเคยเคียงข้างเธอ
All the answers are lying in every single minute I was once with you
ไม่มีทางที่ฉันจะลืมทั้งเรื่องร้ายร้ายในวันที่เราจากกัน
I cannot let go all the bad unlucky path we chose the day we had to leave
และเรื่องดีดีที่ทำให้รู้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้น มันช่างสวยงาม (ขนาดไหน)
Including all the good fortunate parts in the moment, how much angelically we really felt?
กี่คำถาม ที่มันยังคาในใจ เธอรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน
Bunches of questions that remain unanswered, that pains me so damn much
เพราะคำตอบ มันอยู่ในทุกนาทีที่ฉันเคยเคียงข้างเธอ
Because the answers to them still live in the time you’re by my side
ไม่มีทางที่ฉันจะลืมทั้งเรื่องร้ายร้ายในวันที่เราจากกัน
I cannot let go all the bad unlucky path we chose the day we had to leave
และเรื่องดีดีที่ทำให้รู้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้น มันช่างสวยงาม (ขนาดไหน)
Including all the good fortunate parts in the moment, how much angelically we really felt?
กี่คำถาม ที่มันยังคาในใจ เธอรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน
Bunches of questions that remain unanswered, those do pain me so god damn much
เพราะคำตอบ มันอยู่ในทุกนาทีที่ฉันเคยเคียงข้างเธอ
Because the answers to them still live in the time you’re by my side
ช่วงเวลาเหล่านั้น มันช่างสวยงาม
The moments we have had, they have been blessing us two
กี่คำถาม ที่มันยังคาในใจ เธอรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน
The questions that are stuck on my mind – you know they still give me such pain
เพราะคำตอบ มันอยู่ในทุกนาทีที่ฉันเคยเคียงข้างเธอ
Because the answers they live in the time that we were still in love