(ต่อจ้า)
(บิน)
“สัด ไอ้เมลแม่งตายหรอวะ ไลน์หาโทรเท่าไหร่ก็ไม่รับ แล้วนี่ไอ้กุ๊กแม่งหายไปไหนวะ” ผมที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ หันไปถามไอ้อู๋ที่มันเองก็พึ่งเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือมันเหมือนกัน เห็นก่อนหน้านั้นมันเข้าไลน์ไปเต๊าะเด็ก
“มึงพึ่งรู้ตัวหรอวะว่าไอ้กุ๊กไม่อยู่” มันหันหน้ามาถาม หน้าตาของมันที่มองผมแบบไม่พอใจเท่าไหร่
“ทำไม”
“ถามคำถามเหมือนแดกหญ้านะไอ้สัด”
“เอ้า มึงมาเหวี่ยงกูทำไมวะ”
“กูถามจริง ตอนนี้มึงกับไอ้กุ๊กเป็นอะไรกัน”
มันที่ถามออกมาแบบนั้นทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย มองหน้ามันที่มองตาผมนิ่งๆ เพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานเลยยากที่จะโกหกคนแบบมันได้ ทำได้แค่เสหน้าหนีไปแล้วเงียบ ... จะพูดว่าเพื่อนก็ไม่เต็มปาก จะพูดว่าแฟนก็ยังไม่ใช่
“กูเห็นรอยที่อกไอ้กุ๊ก”
“สัดอู๋” ตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจจนต้องจ้องหน้ามันเขม็ง เป็นห่าอะไรต้องมาดูหน้าอกมันวะแม่ง!
“มึงจะมาโมโหกูทำเหี้ยอะไร กูจะมองอกมันยังไงก็ได้ เพื่อนแบบมึงไม่มีสิทธิ์โมโหด้วยซ้ำกูจะบอกให้ ต่อให้ใครจะขึ้นคล่อมดูดหัวนมมันมึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำเหี้ยอะไรทั้งนั้น เพราะมึงกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน”
“แม่ง มึงกวนตีนยั่วโมโหกูหรอไอ้สัดอู๋”
“หึ กูไม่กล้ากวนตีนมึงหรอกเพื่อน คนที่กวนตีนมึงได้คือไอ้กุ๊กนู่น”
“ทำไมมึงหมายความว่าอะไร”
“ไม่ได้หมายความว่าอะไร แค่จะบอกว่ามันไม่กลับมาเรียนแล้วนะ”
“มึงรู้ได้ไง ทำไม” รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกตอนที่เห็นไอ้อู๋ยกยิ้มทำหน้ากวนตีนไม่ยอมบอกกันสักที ไอ้สัดเอ๊ย หงุดหงิดว่ะแม่ง
“ไม่ทำไม ไอ้กุ๊กมันก็แค่ออกไปกับเจ๊ดานี่แล้ว”
“มึงว่าไงนะ!”
ถามมันออกไปแบบนั้น พร้อมๆกับที่เด้งตัวลุกขึ้นยืนจ้องหน้าไอ้อู๋เขม็ง ความรู้สึกร้อนๆในอกคันยุบยับๆแบบอธิบายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้คือรู้สึกอยากทำลายข้าวของและอยากถีบไอ้อู๋ที่ยังทำหน้ากวนตีนใส่กันอยู่ในตอนนี้ด้วย
“บุลิน ส่งเสียงดังอะไรไม่ทราบ นี่เธอกำลังอยู่ในห้องเรียนนะ!”
เสียงจากอาจารย์ประจำวิชาที่ตะโกนออกมาในตอนนั้น หันไปมองก็เห็นจารย์มองลอดแว่นตรงมา ในมือมีปากกาที่เตรียมพร้อมจะเขียนหักคะแนน แม่งเอ๊ย!
“โทษครับอาจารย์ ผมขอตัวไปห้องน้ำ”
บอกอาจารย์ออกไปแบบนั้นแล้วเดินออกไปจากห้องแม่งเลย ได้ยินเสียงอาจารย์ดังไล่หลังมาว่า ‘ไอ้เด็กกลุ่มนี้มันเสียงดังอะไรกันนักกันหนา’ ไม่สนใจเสียงดังของอาจารย์ ผมแค่จ้ำพรวดๆออกมาจากห้องแล้ววิ่งลงไปจากตึกเรียน ตั้งใจว่าจะต้องไปตามไอ้กุ๊กออกมาจากไอ้ตุ๊ดปลอมร่างควายนั่นให้ได้ แม่งเอ๊ย หงุดหงิดชิพหาย ไหนพูดกันแล้วไงวะ อย่าให้เจอนะไอ้กุ๊ก กูจะไม่ปล่อยมึงเลยแม่ง
หันซ้ายหันขวา เดินตามไปจนถึงลานจอดรถแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของมัน สัดเอ๊ย ... หงุดหงิดจนต้องหันไปถีบถังขยะแถวๆนั้นระบายอารมณ์
‘ตื่อดึ้ง’
เสียงข้อความไลน์ที่ดังขึ้นมาในตอนนั้น ทำให้ต้องหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพอเห็นข้อความที่เข้ามายิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปอีก
อู๋:[[มึงไม่ต้องตามหาไอ้กุ๊กให้เหนื่อยหรอกเพิ่ล มันขึ้นรถไปกับพี่ดาบนั่นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่กูพึ่งบอกมึงน่ะ อิอิ]]
“ไอ้สัด!” หงุดหงิดจนต้องสบถออกมา ถ้าอยู่ใกล้ๆกูจะถีบหน้ามึง
อู๋:[[มึงน่ะขึ้นมาเก็บกระเป๋าเลย ไอ้กุ๊กก็บอกให้กูเก็บให้แล้วคนนึง กูหนัก ไวๆจ้า เมี้ยวๆ]]
บิน:[[K!]]
แม่ง ไอ้กุ๊กนะไอ้กุ๊ก เดี๋ยวมึงเจอ!
...
“ยู้ฮู้ววววว ลมเย็นๆเรามานั่งชักว่าวววว”
“เพลงเหี้ยอะไรของมึงวะ”
อยากขอบคุณไอ้รุกฆาตที่อ้าปากออกมาขัดพี่ชายมันเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยของวัน แต่ก็ถูกของมัน เพลงเหี้ยอะไรของมันวะ ...
ผมที่ยืนงงๆอยู่บนชายหาด ลมเย็นๆพัดตีหน้า มองไปที่ด้านหน้าเป็นทะเลที่สีไม่ถึงกับเขียวครึ้มเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ก็มีความใสบ้าง ทะเลชลบุรีไม่ได้น่ากลัวสกปรกเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ
“มึงโทรหาไอ้ฝายัง”
“นู่นไง พวกมันมากันนู่นแล้ว”
นักรบที่ว่าออกมาแบบนั้น พรางบุ้ยปากไปทางด้านหลังของผม พอหันกลับไปก็มองเห็นผู้ชายร่างโปร่งสองคนที่กำลังเดินมา คนนึงที่ผิวขาวจัด ใบหน้าได้รูปที่มีแพขนตาสวยและทำผมสีน้ำตาลแดง ส่วนอีกคนที่มีใบหน้าได้รูปดวงตากลมโตที่กำลังเดินมาพร้อมรอยยิ้มน่ารักและกำลังหัวเราะสดใสให้กับคนข้างๆ
“ขำเหี้ยไรนักไอ้เลิฟ หน้าตาทุเรศ”
“ปากมึงหรอ หยาบคายไอ้เหี้ย”
เป็นการทักทายที่ค่อนข้างจะน่ารัก เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่เถียงออกมาแบบไม่ยอม กูก็พึ่งเคยเห็นคนที่จะกล้าเถียงคนหน้าตายๆแบบไอ้รุกนี่ล่ะ
“หืม สัดพี่มึง นั่นใครหรอ?” เจ้าของผมสีน้ำตาลแดงเอียงคอมองผมน้อยๆก่อนจะถามออกมา
“อ๋ออ นี่ซ้อโอโม่น่ะไอ้จืด”
“ซ้อโอโม่พ่อง!” อดไม่ได้ที่จะโพร่งออกไปด่าพวกมันแบบนั้น มองเห็นน้องผมสีน้ำตาลแดงกับอีกคนที่ถูกรุกฆาตเรียกว่าเลิฟทำหน้าเหวอหน่อยๆตอนที่เห็นผมด่าออกไปแบบนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะโพร่งขำออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ ชอบๆ พี่นี่เด็ดมาก ขอบคุณที่ช่วยด่าไอ้สัดพี่ให้นะครับ”
“มึงนี่ยังไงวะไอ้ฝา ผัวโดนด่ามึงชอบใจ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย”
“โดนมากกว่านี้กูก็ตายแล้วไอ้สัดกล้วย”
“เรียกกูกล้วยอีกแล้ว หึ ท่าทางอยากโดนกลัวยนะเมีย”
“ไปไกลๆกู อย่ามากอด แล้วเนี่ย มึงจะเหลืองเหี้ยอะไรนักอ่ะสัดพี่มึง กูคิดว่ากูคบกับพระ Kเอ๊ย”
“ปากมึงนี่นะไอ้ฝา นรกกินหัวมึงแน่”
นักรบที่ว่าแฟนมันออกไปแบบนั้น ก่อนจะกระชากตัวฝาเข้ามาในอ้อมแขนแล้วลงมือขยี้ผมคนตรงหน้าตัวเองแบบเอาเป็นเอาตาย แต่มองเห็นจากมุมนี้ก็ยังมองเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ไม่มีท่าทางเล่นๆแบบปกติที่ชอบเห็นจากนักรบ สายตาที่มันมองฝาแตกต่างออกไปจนผมอดจะแปลกใจไม่ได้
“ว่าแต่พี่ชื่อโอโมหรอครับ” คนที่ยืนอยู่ข้างๆตัวผม คิดว่าน่าจะเป็นแฟนไอ้รุก ... พวกห่านี่หาแฟนน่ารักแบบนี้ขัดกับสันดานมาได้ไงกูงง
“อ่อเปล่าหรอก พี่ชื่อคาราเมล เรียกเมลเฉยๆก็ได้”
“คร๊าบบบ ผมเลิฟนะพี่เมลเฉยๆ”
“เอ๊ะ เลิฟ...นี่มึงกวนตีนหรอ”
“ฮ่าๆ หยอกครับพี่ เลิฟอยากเห็นพี่ยิ้มเยอะๆนะ ยิ้มออกมาแล้วน่ารักดีนะครับ”
คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มจนตาปิดส่งมาให้ผม รอยยิ้มน่ารักที่ทำให้ผมต้องสะกิดใจ คำพูดจากอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่ทำให้ผมสงสัยว่าตอนนี้หน้าตาผมมันแย่มากจนคนอื่นๆมองออกเลยหรอวะ
“เค้าน่ะยิ้มน่ารัก แต่มึงน่ะยิ้มหน้าเหี้ย”
รุกฆาตที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะยกขึ้นผลักหัวเลิฟจนหน้าหงายไปข้างหลัง เลิฟที่มองค้อนใส่ทันทีในตอนนั้น หน้าตาน่ารักๆของมันมองแรงใส่แฟนตัวเองที่ทำแค่ยกยิ้มมุมปาก
“Kรุก เกลียดมึงแล่ว”
“หรอ แต่กูรักมึงนะ”
“ฮิ้วววว เขิลๆโน๊ะ หน้าด้านเนอะฝาเนอะ บอกรักกันเฉ๊ย”
“โว้ยย ไม่อยากอยู่กับพวกพี่แล้วแม่ง ชอบแกล้งว่ะ” เป็นเลิฟที่โดนทั้งแฟนและพี่ชายของแฟนล้อออกมาแบบนั้น เจ้าตัวที่หน้าแดงแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปในรีสอร์ทที่จองไว้ทันที
“หึ ทำเป็นเขิน น่ารักตาย”
ได้ยินเสียงของรุกฆาตที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามแฟนของตัวเองไปติดๆ ผมมองภาพรอบๆตัวที่ดูจะมีความสุขมากๆแล้วก็ดีใจ แต่มันก็อดไม่ได้ที่รู้สึกว่า กูมาทำเชี่ยอะไรที่นี่วะ ... ที่ๆผมไม่สนิทกับใคร ไม่คุ้นเคย และไม่สบายใจ
“เห้ยซ้อ ถือว่ากูเป็นเพื่อนเป็นน้องก็ได้ อย่าอึดอัดเลย ลืมเรื่องบางอย่างทิ้งไปซะ พักบ้างเหอะซ้อโอโม่”
หันไปมองไอ้นักรบ มันที่จ้องมาทางผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว สายตานิ่งๆที่ไม่มีแววล้อเล่นเหมือนทุกทีที่ชอบทำ มันที่แค่บอกออกมาแบบนั้น มองเห็นฝาแฟนของมันที่มองมาที่ผมแบบไม่เข้าใจนิดหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทำหน้างงๆเข้ามาใกล้ๆผม เป็นคนที่ถ้าไม่มองนานๆก็จะค่อนข้างจางไปกับพื้นหลังแปลกๆ อาจเพราะฝามันไม่ค่อยพูดหรือเปล่า แต่ตอนนี้มันกลับเดินเข้ามายืนใกล้ๆผม ได้แต่มองมันแบบไม่เข้าใจ
“คนเรามันไม่ดีไปทุกวันหรอกพี่ คิดว่าผมเป็นน้องอีกคนนะ เรามาสนิทกันตอนนี้เลยเป็นไง เพื่อนกันพี่กันใจๆกันไป คูลๆอ่ะพี่” มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง พอมันยิ้มออกมากลับสดใสซะแบบนั้น สดใสจนต้องเผลอยิ้มตามมันออกมาเลย ว่าแต่คูลๆเชี่ยไรนะ
“เชรดดด พี่เมลยิ้มแล้วว่ะ กูเก่งไหมสัดพี่รบมึง เนี่ย พี่ฝาคนคูลอ่ะมึงเชื่อยัง คนคูลๆมันเป็นแบบกูนี่แหล่ะครับ”
มันที่โพร่งออกมาแบบนั้นอีกครั้ง แล้วหันไปทำหน้าโชว์เหนือใส่แฟนมันที่มองมาแบบ ‘เออ แล้วแต่มึงเลยฝา’ หน้าตาไอ้รบมันบอกแบบนั้น ผมที่เห็นแบบนั้นก็อดจะยิ้มตามออกมาไม่ได้
“ไปๆ พี่เมลเข้าไปข้างในกัน ในนั้นมีเพื่อนผมอยู่ด้วย ถือว่าไปเจอเพื่อนใหม่นะพี่ คนเราอ่ะก็เป็นมิตรกับคนทั่วโลกได้เหมือนลูกเสือสำรองไงพี่” เอ่อ....อะไรนะ?
“พอๆ ซ้อ มึงไม่ต้องฟังมันมากหรอก เมียกูมันคูล บางทีก็เข้าใจยาก อย่าว่าแต่คนอื่นกูยังไม่ค่อยเข้าใจเลยเถอะ”
“อะไรซิ นี่มึงด่าพี่ฝาคนคูลแบบกูหรือเปล่าไอ้สัดพี่มึง”
“บ้าน่า คิดมากนะมึงอ่ะ”
“ถ้ามึงว่างั้นกูก็สบายใจ” อะ เป็นคนสบายใจง่ายดี
เอาวะ...มาถึงขนาดนี้กูก็คงวิ่งหนีหารถตู้กลับไปกรุงเทพตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ ถือซะว่ามาพักแล้วกันวะตัวกู
.
.
.
.
“กรี๊ดๆๆผู้ชายจ้า ผู้ชายนะคุณขา หน้าตานัลล๊อกอ่า มีแฟนยังคะ ชื่อซินเซียร์นะคะ”
“แต่มีผัวแล้ว อย่าไปใกล้มันครับพี่เมลเดี๋ยวนอทิ่มพี่นะ”
ไอ้ฝาที่นั่งอยู่ข้างๆผมร้องบอกออกมาแบบนั้นขัดคำพูดของน้องเซียร์ เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันกับน้องฝา ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าโมงจะหกโมง พวกเราออกออกมาเตรียมปิ้งกุ้งปิ้งปู บรรยากาศแบบมาเที่ยวทะเลกับกลุ่มเพื่อน มองเห็นเบียร์ไวน์ต่างๆอยู่ในลังน้ำแข็งแบบจัดเต็ม
“กรี๊ดดด อิฝา อยากตบค่ะมึง อย่ามาขัดคอกูแบบนี้ มึงควรให้มดลูกกูได้ระริกระรี้บ้าง กูยังไม่มีผัวค่ะ”
“งั้นกูจะโทรบอกน้องจอม ให้น้องจอมบอกน้องชิน”
“กรี๊ดดด อิฝาหอย กูอยากข่วนหน้ามึ๊ง”
“ชอบก็บอกน้องไปสิ มึงจะมาแรดกับคนทั่วโลกแบบนี้ไม่ได้”
“อิฝาหอยมันร้ายนะคะหัวหน้า พออยู่กับผัวนี่มันดื้อนัก”
“ยุ่ง” ไอ้ฝ่าที่ทำปากยื่นแล้วเถียงน้องเซียร์ออกไปแบบนั้น น้องเซียร์เป็นผู้หญิงสวย รูปร่างดี ดูคุณหนูสุดๆ ยกเว้นตอนน้องอ้าปากด่าแบบเมื่อกี้นี่แหล่ะครับ
“พี่เมลอย่าตื่นตกใจเซียร์นะคะ จริงๆเซียร์ค่อนข้างเป็นผู้หญิงเรียบร้อยค่ะ อิอิ”
“ครับ”
“เรียบร้อยเหมือนผ้ายับที่ถูกพับไว้น่ะครับพี่เมล”
“กรี๊ดดดด อิฝา คือมึงจะเอาใช่ไหมคะ”
“เอากับมึงหรอ ไม่เอาอ่ะ กูกลัว”
“มึงต้องโดนกูตีค่ะอินี่”
“เห้ยๆๆ อย่าเข้ามานะโว้ยยยย”
ผมยิ้มอ่อนๆออกมาในตอนที่น้องเซียร์ถกกระโปรงเดรสลายดอกของตัวเองขึ้นแล้ววิ่งตรงมาหาน้องฝา ไอ้ฝาที่เถียงเพื่อนอยู่ก่อนหน้าก็ยิ้มกว้างแล้วถือกุ้งสดวิ่งหนีไปด้วย คือกูล่ะกลัวพวกมึงวิ่งแล้วหน้าทิ่มเตามากจริงๆ ผมละสายตาออกจากตรงนั้นกลับมามองภาพตรงหน้า ภาพของพระอาทิตย์สีส้มๆเหลืองๆที่เตรียมตัวจะลาลับขอบฟ้า ยกเบีนร์กระป๋องนึงที่ก่อนหน้านี้ไอ้รบเอามาให้กระดกเข้าปาก ก่อนจะหยิบมือถือออกมาดู วันนี้ทั้งวันพึ่งจะยอมจับ มองเห็นสายไม่ได้รับเป็นร้อยๆสายที่มาจากไอ้ทัพหน้า และไลน์ที่แจ้งเตือนมาจากไอ้บินและเพื่อนๆของผมอีกเป็นร้อย ทักมาเหมือนมีใครตาย ผมถอนหายใจออกมาในตอนนั้น ก่อนจะเลือกกดเข้าไปในแชทเดี่ยวของไอ้กุ๊ก เห็นข้อความล่าสุดที่ส่งมาจากมัน
กุ๊ก:[[เมล มึงไม่มาเรียนหรอวะ]]
กุ๊ก:[[มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูเป็นห่วง]]
กุ๊ก:[[ไอ้บินไม่มีสมาธิเรียนแล้ว มันเป็นห่วงมึงมากนะ ตอบมันเถอะ]]
ข้อความที่มาจากมันทำผมต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่ไอ้กุ๊กก็เป็นเพื่อนคนเดียวในตอนนี้ที่ผมอยากจะติดต่อด้วยมากที่สุด เพราะคิดแบบนั้นเลยกดพิมพ์ข้อความไปหามัน
เมล:[[กุ๊ก ... กูอยู่ชล กับกลุ่มเพื่อนของนักรบที่กูไม่รู้จัก กูเหนื่อยว่ะ แต่พวกน้องๆพวกนี้ก็ดีกับกูนะ]]
เลือกที่จะพิมพ์บอกมันออกไปแบบนั้นไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร แต่ก็อยากจะบอกมันว่าผมยังอยู่ดี ไม่ได้ตาย ถึงแม้หัวใจผมจะเจ็บจนอยากตายก็เถอะ ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกอึก ก้มลงมองข้อความที่ถูกเปิดอ่านในทันที
‘ตื่อดึ้ง’
กุ๊ก:[[ไอ้สัดเมล ไอ้เพือนเหี้ย กูเป็นห่วงแทบตาย อย่าให้เจอนะมึง กูจะโบ้หน้าให้!!]]
เกรี้ยวกราดแม้จะไม่ได้ยินน้ำเสียง ผมยิ้มออกมาในตอนที่เห็นข้อความของมัน ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับไป มันก็พิมพ์ตอบกลับมาอีกในตอนนั้น
กุ๊ก:[[มึงอยู่ไหน แชร์โลมา!]]
กุ๊ก:[[แล้วถ้ามึงส่งหน้าปลาโลมามา กูจะถีบหน้ามึง]]
ก็ทำไมต้องดักมุขกูด้วยวะแม่ง
เมล:[[มึง กูไม่อยากให้ใครรู้ ไม่อยากให้ทัพหน้ารู้ด้วย]]
กุ๊ก:[[หมายความว่าไงวะ นี่พี่ทัพไม่รู้หรอ มีเรื่องอะไรวะไอ้เมล รีบบอกกูมา กูสัญญาจะไม่บอกใคร รวมถึงไอ้บินด้วย]]
มันที่ตอบออกมาแบบนั้น มันยังคงเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมสบายใจได้เสมอ เหมือนมันพร้อมจะช่วยคนนั้นคนนี้ตลอด จนบางทีคนก็ไม่ค่อยจะเกรงใจมัน ผมถอนหายใจหนักๆตอนที่กำลังคิดว่าจะส่งโลเคชั่นให้มันดีไหม
กุ๊ก:[[กูเป็นห่วงมึงนะ บอกกูเถอะมึงว่าอยู่ไหน ถ้ามึงไม่มีใคร แต่มึงยังมีกูนะ]]
มันที่บอกออกมาแบบนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมๆน้ำตาที่ไหลลงมา สุดท้ายก็กดส่งข้อความออกไปบอกมันว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งโง่ๆอยู่ตรงไหน
ผมอยากรู้ว่าจะมีใครเคยเป็นไหม เราได้รับความรักมากมาย จากครอบครัว จากเพื่อน ทุกคนพร่ำบอกว่าเค้ารักเรา ผมรู้อยู่เต็มหัวใจว่าผมไม่ได้ขาดอะไร แต่ความรักพวกนี้มันกลับไม่ทำให้ผมหายเจ็บในตอนนี้ ผมรู้ดีว่าทุกคนรักและเป็นห่วงผม แต่ตอนนี้ผมกลับต้องการความรักจากใครอีกคนที่เป็นไปไม่ได้...มองดูเหมือนการไขว่คว้าความรักจากคนที่ไม่เคยให้เราเป็นการไม่รักตัวเอง แต่เปล่าเลย...เพราะผมกำลังรักตัวเองอยู่ต่างหาก ผมถึงยังอยากได้ความรักจากคนๆนั้นอยู่ เพื่อให้หัวใจของเราได้เต้นแบบสุขใจอีกครั้งต่างหาก
แต่แน่นอนว่า ... มันเป็นไปไม่ได้
...
“เฮงซวย! คนๆเดียวเป็นเหี้ยอะไรถึงตามหากันไม่ได้!”
เสียงเข้มที่ตะคอกออกมาลั่นห้องทำงาน ทำเอาพวกลูกน้องใกล้ชิดถึงกับต้องหัวหด ดวงตาคมที่มักจะเย็นชาและสุขุมอยู่เสมอในตอนนี้เหมือนมีกองเพลิงสุมอยู่ แฟ้มงานที่ถูกปากออกไปเกือบโดนหัวลูกน้องรายนึง ทำเอาเหล่าชายชุดดำลูกน้องใกล้ชิดของทัพหน้าถึงกับต้องก้มหน้ากันพร้อมๆกับตัวสั่น ใบหน้าเกรี้ยวกราดพร้อมสายตาคมที่มองเหมือนแทบจะฉีกร่างลูกน้องทุกๆคนไปรอบห้องช้าๆ
“มึง พวกมึง!อยากให้กูโมโหมากใช่ไหมห๊ะ!!”
“ม...ไม่ ไม่ครับนาน”
“สะเพร่า เลินเล่อ ไร้ประสิทธิภาพ”
ขายาวที่ก้าวออกจากด้านหลังโต๊ะทำงานช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาที่ละคำๆที่ทำให้ยิ่งกดดันลูกน้องจนเหงื่อแตก ทัพหน้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องคนนึงที่ก่อนหน้านี้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ให้มาทำหน้าที่แทนธร สายตาคมที่มองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าของลูกน้องช้าๆ ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะตรงเข้าบีบคออีกฝ่ายจนแน่น
“อึก อัก...น...นาย อึก” ดวงตาคมเหยี่ยวที่ไม่ต่างจากมจุราชเดินดินถูกจ้องกลับเข้าไปในดวงตาลูกน้อง ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของผู้เป็นนาย มีแต่ดวงตาที่มองสบได้บอกความหมายของความเกรี้ยวโกรธทั้งหมดที่โหมไปทั่วร่างในตอนนี้
“มึง...มึงทำให้เมลมันหายไป!”
“น...นายครับ ใจเย็นครับๆ”
ลูกน้องคนอื่นๆที่เห็นเพื่อนเริ่มจะหมดลมหายใจรีบเอ่ยเตือนสติ ทัพหน้าที่แสยะยิ้มร้ายๆออกมายังไม่ยอมปล่อย กลับกดหัวแม่มือลงไปที่หลอดลมแรงขึ้นกว่าเดิม ในจังหวะที่ลมหายใจใกล้หมดลม ความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาช้าๆ ทัพหน้ายิ้มร้ายๆ ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วถีบร่างตรงหน้าลงไปกองกับพื้น
“เฮือกกก แฮกๆ”
“มึง...มึงและพวกมึงทุกคนต้องไปตามหาไอ้เมลให้เจอ! ถ้าไม่เจอ กูจะไม่ปล่อยให้ใครมีลมหายใจต่อไปอีกเป็นครั้งที่สอง จำเอาไว้!”
“ครับนาย!!” เสียงตอบรับอย่างแข็งขันจากลูกน้องดังตอบรับขึ้นมาพร้อมๆกันพร้อมการก้มหัวให้ผู้เป็นนาย ด้วยรู้ดีว่า...มันจะไม่มีครั้งที่สองจริงๆ
บรรดาลูกน้องที่เฮโลวิ่งกันออกไปจากห้องทำงานทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง ทำให้ทัพหน้าต้องทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องทำงานอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน
เป็นครั้งแรกที่ตัวเค้ารู้สึกอับจนหนทาง ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน รู้สึกเหมือนหัวใจของผมถูกกระชากออกไปจากตัว ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงล้อบดกับถนน รู้ว่าไอ้เมลมันวิ่งหายไป ห่วงกลัวมันจะเป็นอะไร กลัวไปสารพัด แล้วตอนนี้อีก มันไปอยู่ไหน กับใคร ไม่เคยมีครั้งไหนที่อำนาจของผมจะทำให้หาตัวใครไม่เจอ มันไปไหน...
ได้แต่เอนหัวลงพิงกับพนักพิงหลับตาลงช้าๆ ต้องขบกรามแน่นๆพร้อมกับกำมือถือไว้แน่นๆ กลัวว่าเกิดไอ้เมลมันโทรกลับมาหาผมจะไม่ได้ยินเสียง กลัวว่าถ้าลูกน้องรู้เรื่องแล้วโทรมาแจ้งผมจะรับโทรศัพท์ไม่ทัน
‘พรึบ’
ลืมตาขึ้นมาในทันที ตอนที่รับรู้ถึงกลิ่นน้ำหอมและความเย็นที่สัมผัสอยู่ข้างแก้ม อาการตอบสนองรวดเร็วจนต้องคว้ามือนั้นไว้
“โอ๊ย ทัพคะ ฉันเองค่ะ”
ณราชา ... เธอที่เบิกตากว้างมองผมอย่างตกใจตอนที่โดนมือผมกระชากข้อมือของเธอไว้ อาจจะแรงไปจนเธอต้องร้องเจ็บ ค่อยๆคลายมือออกในตอนนั้น
“ทัพเป็นอะไรไปค่ะ ดูเครียดๆ” เธอที่นั่งลงข้างๆผมพร้อมๆกับเอาผ้าเย็นเช็ดไปให้ตามลำคอ ผมถอนหายใจออกมาหนักๆ ตอนที่ฝ่ามือสวยเลื่อนลงมาปลดกระดุมที่หน้าอกออกช้าๆ
“เปล่าครับ ชาไปนอนเถอะ”
“ทำไมทัพไม่ไปด้วยกันล่ะคะ”
เธอถามออกมาอีกครั้งด้วยเสียงอ่อนหวาน เธอก็เป็นแบบนี้เสมอเป็นผู้หญิงน่ารักที่ช่างเอาใจ ใบหน้าสวยที่ยิ้มอ่อนๆมาให้ผม ในตอนที่เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ผมชะงักไปในตอนนั้น ใบหน้าสวยที่เอียงเข้ามาหอมแก้มกันพร้อมๆกับฝ่ามือเรียวที่เลื่อนปลดกระดุมตรงหน้าผมออก เธอในชุดเสื้อนอนบางเบาที่ทิ้งตัวลงนั่งตัก ฝ่ามือของผมที่เอื้อมไปวางที่เอวคอด เลื่อนขึ้นไปหาหน้าอกหน้าใจของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน ในตอนที่เอียงหน้าเข้าไปใกล้ หน้าของใครอีกคนที่หายไปก็ทาบทับเข้ามาแทน
‘ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า เปล่าเลย ...วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว’
เสียงร้องของใครอีกคนที่ยังดังอยู่ในหูทำเอาผมต้องสะดุ้ง ผละใบหน้าที่กำลังจะเอียงเข้าไปกดจูบคนตรงหน้าถึงกับต้องผละออกในตอนนั้น
“หื้ม ทัพคะ...”
“ขอโทษทีนะชา พอดีผมต้องทำงานต่อ”
บอกเธอออกไปแบบนั้น ตอนที่อุ้มเธอลงจากตักของตัวเอง ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับดึงคอเสื้อเพื่อติดกระดุมอีกครั้ง ผมไม่ได้มองว่าณราชาทำหน้ายังไงต่อ เพียงแค่เดินหนีไปที่โต๊ะทำงาน พอหันกลับมาอีกที ก็เห็นแค่ใบหน้าสวยที่ยังคงยิ้มอ่อนๆออกมาให้ผม เธอลุกขึ้นในตอนนั้น
“งั้นชาไปนอนนะคะทัพ รีบตามมานอนนะ”
“ครับ ชานอนก่อนเลย” บอกเธอไปแบบนั้น อีกคนก็แค่พยักหน้าซะห้องรับแขกโซฟาพังไปหมดแล้ว ชาไม่รู้เลยว่าทัพจะยอมให้เลี้ยงแมวด้วย เมื่อก่อนชาขอเลี้ยงทัพยังบอกไม่ชอบเลย”
“อ่อ..มันไม่ใช่แมวของผมหรอก แมวของเมลน่ะ”
บอกกลับออกไปแบบนั้น เธอก็แค่ยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจส่งมาให้ก่อนจะเดินออกไป ผมที่มองเธอเดินออกไปจนลับตาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วถอนหายใจออกมาช้าๆอีกครั้งอย่างเหนื่อยๆ
ภาพและกลิ่นสัมผัสของใครอีกคนที่ไม่ควรคุ้นเคย ตอนนี้มันกลับคุ้นเคยจนผมทำใจไปทำอะไรกับใครอีกไม่ได้ ในหัวใจมันเรียกร้องแต่ชื่อคาราเมล ร่างบางๆที่แอ่นอกตอบรับตอนที่ผมกดจูบลงไปที่หน้าอก ใบหน้าเรียวได้รูปกับแพขนตาชุ่มน้ำที่เชิดขึ้นตอนที่ผมสอดแทรกความเป็นตัวเองเข้าไปในร่าง เสียงหอบกระเส่าและเสียงครางเรียกชื่อของผมมันไม่ไปไหน ผมยังจดจำมันได้ และตอนนี้...แค่วันเดียว ผมกลับร้อนลุ่มไปหมดทั้งใจ
“มึงหายไปไหนวะไอ้เมล”
‘ตื่อดึ้ง’
เสียงข้อความไลน์ที่เด้งเตือนขึ้นมา ทำให้ผมต้องรีบกดเปิดดูอย่างร้อนใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมา กลับทำให้หัวร้อนมากกว่า
“ไอ้สักรบรุก!!”
ได้แต่กำมือแน่นๆตอนที่มองเห็นภาพที่ถูกส่งมาจากไอ้นักรบและรุกฆาตน้องชายตัวเอง ภาพจากไอ้รบเป็นรูปที่มันกอดเอวไอ้เมลเต้น ส่วนอีกรูปจากไอ้รุก คือภาพที่มันกำลังเอียงหน้ากระซิบข้างหูไอ้เมล
‘เพล้ง!’
ขว้างมือถือตัวเองออกไปชนเข้ากับกำแพงกระจกจนหน้าจอแตกและตกกระแทกลงกับพื้น ไอ้น้องทรพี กูไม่น่าช่วยพวกมึงตอนมึงทะเลาะกับเมียเลย สัดเอ้ย กวนตีนกูนัก
‘ตื่อดึ้ง’
“สัด! จอแตกยังจะยังไม่พังอีก” โมโหจนต้องสบถออกมาและย่ำเท้าเข้าไปหามือที่สภาพอนาถที่นอนตายแต่ยังทำงานได้ เปิดข้อความที่เด้งมาอีกรอบแล้วยิ่งอยากซัดหน้าคน
นักรบ:[[เฮียยยย อย่าเขวี้ยงมือถือแตกน้า เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้อีกน้า]]
รุกฆาต:[[หึ แต่คิดว่าไม่น่าทัน จอน่าจะแตกไปแล้ว]]
“สัด! พวกน้องเหี้ยยยยยยยย”
อย่าให้กูตามพวกมึงเจอสักคนนะ กูจะไม่เอาไว้สักตัว ...โดยเฉพาะมึงไอ้เมล ให้ไอ้พวกเหี้ยนี่แอบแต๊ะอั๋งอยู่ได้
มึงคือของกูคนเดียว!
จำเอาไว้!!
...
ในตอนนี้ รวมพลคนคิดถึงน้องๆ น้องเลิฟน้องฝาน้องเซียร์ รวมถึงผองเพื่อนนน และความสัมพันธ์ของบินกุ๊กที่ชวนสงสัย มาเฉลยเรื่องในคอนนั้น และพี่ทัพ อิย๊ะฮ่าๆๆ เธอต้องดิ้นตายจ้าาาา
ส่วนเรื่องนิยายมาลงช้า แคทต้องขอโทษนะคะจริงๆนะคะ เพราะแคทไม่เก่งมากเลยทำให้เขียนได้ช้า คนอ่านหลายๆคนที่อยากให้มาลงหลายๆวัน แคทเองก็อยากค่ะ แต่แคทเขียนไม่ไวเลยทำให้มาลงได้ช้า แต่แคทก็พยายามจะมาลงยาวๆแทน แคทหวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ (กราบ) งื้อออ