บทที่ 20 ขอไข่แลกงาน 100%
หลังจากวันที่เราตัดสินใจยุติบทบาทของการเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตอนนี้มันก็ผ่านมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ เกือบจะสองเดือนเข้าไปแล้ว พัดเองก็กลับมาเริ่มที่จะกลับเข้ามารับงานในวงการบันเทิงบ้าง มีงานอีเวนท์ พรีเซนเตอร์หรือละครติดต่อมาประปราย เขาก็ไม่ได้รับมันไปหมดทุกงานเพราะยังคงไม่อยากห่างจากลูกไปมากกว่านี้ แต่มันก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเมื่อวันพรุ่งนี้เป็นคิวเปิดกล้องถ่ายทำของละครเพลิงพรรณ ที่เรวัตเป็นผู้กำกับ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาภีมพลและภาณินรู้ว่าเขากับเรวัตตัดสินใจหย่ากันแล้วเรียบร้อย การแสดงปฏิกิริยากับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันต่างกันออกไป ภีมพลนิ่งเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติไม่ได้ร้ายแรงอะไร ตรงกันข้ามกับภาณินที่ดูซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงไม่นานภาก็กลับมาร่าเริงตามเดิมอาจจะเป็นเพราะหนูเพนนีที่คอยเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าตัวทุกสุดสัปดาห์ หญิงสาวจะขอคุณแม่มาค้างบ้านคุณลุงชานนท์ตลอดเสาร์อาทิตย์ ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมและบุคคลข้างกายของภาณินก็สามารถช่วยดึงเขาขึ้นมาจากความเศร้าได้ไม่ยาก
เรวัตเองก็มีติดต่อกลับมาหาลูกๆ บ้าง แม้จะมีเพียงภาณินที่ยอมพูดคุยด้วย ส่วนภีมพลนั้นเมินเฉยแต่เขาก็ติดต่อมาตลอด อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์พ่อลูกมันตัดยาก ในช่วงเดือนแรกที่เราเลิกรากันไป ก็เกิดเป็นกระแสคู่รักในตำนานของวงการขาเตียงหักจนออกข่าวกันไม่เว้นวัน หลายคนให้กำลังใจและคอยสนับสนุนการตัดสินใจของเรา บางคนก็สืบเสาะหาเบาะแสในการเลิกราครั้งนี้
#เรนพัด
ขึ้นเทรนด์ทวิตในช่วงนั้นเกือบตลอด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุที่เลิกกันนั้นเป็นเพราะอะไร พัดเองก็โดนสื่อสัมภาษณ์ในตอนที่ไปออกงานอีเวนท์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เขาก็มักจะตอบเลี่ยงๆ ว่าไม่อยากพูดถึงและขอเก็บมันไว้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ต่างกันกับที่เรวัตให้สัมภาษณ์เวลาเจอสื่อเช่นเดียวกัน
ชีวิตของพวกเราทุกคนตอนนี้กำลังก้าวเดินไปในทางที่ตัวเองได้ขีดเขียนเอาไว้ หลายๆ คนอาจจะมองว่ามันถึงจุดจบเมื่อเราต้องเลิกรากันไป มันถึงจุดสิ้นสุดและควรปิดม่านละครฉากนี้ลงได้แล้ว แต่จะมีใครรู้ว่าเส้นทางที่เราต่างขีดกันไว้มันกลับยาวไกลมากกว่าที่กำลังเผชิญ ชีวิตกำลังเดินไปข้างหน้าได้ตลอดเวลา แม้ว่านาฬิกาจะหยุดเดินแต่กาลเวลาไม่ได้หยุดหมุน หากคุณยังตื่นมาพบกับแสงตะวันในเช้าวันใหม่ ในหมายความว่า
ชีวิตคุณมันยังไม่จบเสมอไป
ในเช้าวันใหม่ที่เขากำลังเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกชายทั้งสองคนที่กำลังต้องเดินทางไปโรงเรียน เสียงข่าวในทีวีก็ดังเข้าหูของเขาบ้างเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวราคาน้ำมันเพิ่ม หรือข่าวการเมืองประจำวันที่ส.ส.หญิงท่านหนึ่งโพสต์เฟซบุ็กส่วนตัวตอบโต้กับดาราสาวในประเด็นกฎหมายข่มขืน หรือข่าวซุบซิบดารา แต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจข่าวไหนไปมากกว่าข่าวของอรรถจิรานันท์ที่กำลังโด่งดังและเป็นกระแสอยู่ตอนนี้
'มาที่ข่าวนี้ดีกว่าครับคุณผู้ชมครับ ข่าวที่เป็นกระแสกันมาสักระยะแล้วนั้นก็คือข่าวของอรรถจิรานันท์กรุ๊ปครับคุณ เกิดเป็นแฮชแท็กติดเทรนด์ทวิตกันตลอดเวลาสำหรับ #BoycottATJ ว่ากันด้วยเรื่องราวการฟ้องร้องของลูกบ้านหมู่บ้านจัดสรรในนามของบริษัทอรรถจิรานันท์ที่ฟ้องกันมาเรื่องของการก่อสร้างที่ล่าช้าไม่เป็นไปตามสัญญา และไม่มีการคืนเงินให้กับผู้ที่ขอยกเลิกสัญญา อีกทั้งยังมีการขุดเอาเรื่องต่างๆ ขึ้นมาพูดคุยและถกเถียงกันในแฮชแท็กเนี่ยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นทางบริษัทใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานไม่คุ้มค่ากับราคา เรื่องของการเพิกเฉยต่อปัญหาของลูกบ้าน หรือแม้กระทั่งเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่ทางบริษัทมีประเด็นในเรื่องของการโกงเงินกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ยังไงก็ตามผลการตัดสินของศาลก็จะประกาศในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้แล้วนะครับ ทางกระแสข่าวก็จะเกาะติดกันต่อไป'
ดวงตากลมมองภาพข่าวที่กำลังฉายชัดอยู่บนจอโทรทัศน์พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะละความสนใจมายังแกงจืดตรงหน้าที่ต้มจนเสร็จพอดี พัดตักมันใส่ถ้วยขาวก่อนจะยกไปตั้งไว้ที่โต๊ะอาหารกลางบ้านและเดินขึ้นไปเรียกลูกชายทั้งสองให้ลงมาทานข้าว
"ภาลงไปทานข้าวลูก" เขาเดินขึ้นมาพอดีกับลูกชายคนเล็กที่กำลังจะเดินลงไปข้างล่าง ก่อนที่จะเดินขึ้นไปตามคนโตที่ยังคงอยู่ในห้องของตัวเอง มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูสองสามครั้งก็เอ่ยเรียกอีกฝ่าย
"ภีม...เสร็จหรือยังลูก ไปทานข้าวกันเดี๋ยวสาย" รอไม่นานอีกคนก็เดินมาเปิดประตูพอดี ร่างสูงในชุดนักเรียนเดินออกมาจากห้อง ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง โต๊ะอาหารรายล้อมไปด้วยคุณแม่และลูกๆอีกสองคนที่กำลังทานอาหารเช้าอย่างรีบเร่ง
"ภา ภีม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะให้คุณนนท์ไปส่งนะที่โรงเรียนนะลูก" พัดเอ่ยบอกเด็กๆ ที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวอยู่
"คุณแม่ไม่ไปส่งภากับพี่ภีมหรอครับ ทำไมละ" เสียงของภาณินเอ่ยถามขึ้นมา
"แม่ต้องไปถ่ายละคร แม่ต้องออกบ้านตั้งแต่เช้าเลยวานให้คุณนนท์เขาไปส่งแทน"
"..." ทั่วทั้งโต๊ะอาหารถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ไม่มีเสียงใดเอื้อนเอ่ยออกมาอีก จนกระทั่ง
"ภีม...ใกล้จะปิดเทอมแล้ว แปบๆ ก็จะขึ้นเทอมสองแล้วนะ คิดหรือยังลูกว่าอยากเรียนสายไหน" พลลภัตม์เอ่ยถึงการเลือกแผนการเรียนของภีมพลที่กำลังใกล้เข้ามาถึง ถ้าเราวางแผนอนาคตไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทุกอย่างมันก็จะเรียบง่าย
"ภีม...อยากเรียนภาษาครับแม่" ภีมเอ่ยเสียงเบาตอบมารดา
"ไม่ลองศึกษาสายวิทย์ดูเหรอลูก แม่ว่าโอเคนะ เรียนสายวิทย์ครอบคลุมมากกว่า อีกอย่างแม่อยากให้ภีมเป็นหมอด้วย" ภีมพลไม่ได้ตอบอะไร เขาทำเพียงเงียบฟังสิ่งที่พลลภัตม์พูดเท่านั้น
"ลองๆ ดูสายวิทย์ก็ดีนะลูก" สุดท้ายแม่ก็ไม่เคยฟังความคิดเห็นเขาจริงๆ หรอก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องไหน
แม่ก็ไม่เคยสนใจ
ร่างสูงยืนรอคนที่บอกเขาว่าวันนี้จะกลับมาจากต่างประเทศที่สนามบิน เขามารออีกฝ่ายได้เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าคนๆ นั้นกำลังมาถึง ไฟล์ทที่อีกคนนั่งมาก็ลงจอดได้สิบนาทีแล้ว
"เพื่อนพี่เขากลับไฟล์ทนี้จริงๆ เหรอพี่เรน" เขมินทร์ที่ใส่แว่นตาดำอำพรางใบหน้าเอ่ยถามอีกคน
"มันบอกกลับมาวันนี้นะ" เรวัตก้มลงไปพูดกับอีกคนก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบไปเห็นร่างสูงเดินตรงมายังจุดที่พวกเขารออยู่
"Hey! Bro" ผู้ชายตัวสูงเดินเข้ามากอดคอทักทายเรวัตอย่าสนิทสนมก่อนที่จะถอดแว่นกันแดดสีดำออกเผยให้เห็นดวงตาดุดันน่ามอง มันดึงดูดสายตาของเขมินทร์ไปจดจ้องที่ลูกแก้วสีน้ำตาลทรงเสน่ห์นั้น
อยากได้...นั้นคือสิ่งที่เขมินทร์คิด
"ไม่เจอกันนานสบายดีนะมึง"
"กูสบายมึงอะเป็นไง ไม่พาหลานกูมาด้วยวะ" ดวงตาดุดันมองซ้ายมองขวาหาเด็กๆ ที่น่าจะเป็นลูกของเพื่อนเขาแต่ก็ไม่เจอ
"ภีมกับภาไปเรียน" เรวัตเอ่ยตอบเพื่อนให้หายสงสัย
"โอเคๆ...ว่าแต่ น้องพัดเปลี่ยนไปนะครับเนี่ย น่ารักขึ้นหรือเปล่า So Cute" คนตัวโตละความสนใจจากหลานชายหันมาให้ความสนใจกับภรรยาของเพื่อนแทน ไม่เจอกันนานแต่อีกคนเปลี่ยนไปเยอะเลย
"มึงนี่..."
"ผมไม่ใช่พี่พัดหรอกครับ" เขมินทร์ถอดแว่นของตัวเองออกและสบตากับแววตาดุดันนั้น
"อ้าวไม่ใช่น้องพัดแล้วใครวะ" ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววฉงน
"นี้เขมแฟนกู...เขมนี้ไอ้นัทเพื่อนพี่"
"สวัสดีครับพี่นัท" เขมินทร์ฉีกยิ้มก่อนที่จะยกมือไหว้ ณัฐพงศ์ เพื่อนของเรวัต ลูกคนเล็กของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถชื่อดังของประเทศนี้
"สวัสดีครับน้องเขม" ณัฐพงศ์รับไหว้อีกคนพลางส่งสายตาต้องการคำตอบไปให้กับเรวัตถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาไปอยู่ต่างประเทศแค่ไม่กี่ปี ทำไมอะไรๆ มันถึงเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ แต่เขาก็ต้องสะดุดกับสายตาที่คนตัวเล็กส่งมาให้กับเขา มันดูร้อนแรง
"What! มึงเลิกกับพัดแล้วหรอวะ" นัทร้องตกใจเสียงดังหลังจากที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดที่เรวัตเล่าให้เขาฟังที่ร้านอาหารประจำของกลุ่มเพื่อนที่มีเขา เรวัต และเพชร ในระหว่างที่เขมินทร์กำลังไปเข้าห้องน้ำ
"มึงอย่าเสียงดังดิ"
"นานยัง"
"เกือบสองเดือนแล้ว" นัทถอนหายใจก่อนที่จะวางมือบนไหล่ของอีกคนและตบเบาๆเหมือนให้กำลังใจ
"ช่วยไม่ได้ว่ะ มึงนอกใจเขาเอง ริอาจเป็นเสืออย่าให้โดนจับได้ดิวะ"
"กูรู้ว่ากูผิด กูถึงยอมถอยออกมานี้ไง"
"เออๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปมึงความรักก็งี้แหละ มีแล้วเจ็บปวดๆ สนุกๆ ไม่ผูกมัดแบบกูดีกว่าเยอะ" เรวัตไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ เขาปล่อยให้ความเงียบเข้าแทรกซึม ทำเพียงแค่ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ก่อนที่นัทจะลุกขึ้นยืนและก้าวเดินออกมาจากโต๊ะ
"มึงจะไปไหนวะ" เรวัตเอ่ยถามอีกฝ่ายก่อนที่คนตัวโตจะเดินผ่านไป
"ไปสูบบุหรี่ เดี๋ยวมา" ร่างสูงกำยำพร้อมแววตาดุดันเดินจากไป เขาเดินไปยังพื้นที่ๆจัดไว้ให้สำหรับสูบบุหรี่โดยเฉพาะ มันเป็นห้องๆ หนึ่งที่กว้างขวางมากพอ สำหรับหลายคนแต่ตอนนี้มันกลับมีเพียงแค่เขา ณัฐพงศ์เปิดประตูเข้ามาภายในห้องก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟาตัวยาว พร้อมทั้งหยิบม้วนบุหรี่ออกมาจุดเพื่ออัดนิโคตินเข้าปอด
แกร๊ก
ในระหว่างที่ณัฐพงศ์กำลังสูบเอานิโคตินเข้าปอดอยู่นั้น เขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีใครอีกคนที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนี้ด้วย
"มีเรื่องเครียดอะไรหรอครับ" เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว
"น้องเขม"
"ครับ...เขมเอง เห็นพี่นัทเดินมาคนเดียวเลยตามมาด้วย" ร่างบางนั่งลงข้างกับณัฐพงศ์พลางเอามือเรียววางลงบนหน้าขาของอีกคน
"เปล่าหรอก พี่แค่ดื่มไวน์เยอะไปหน่อย มันมึนๆ"
"เหรอครับ...ว่าแต่บุหรี่กลิ่นนี้หอมจังเลยนะครับ"
"..."
"เขมชอบ" เขมินทร์ยื่นหน้าไปสูดดมกลิ่นบุหรี่บริเวณปลายคางของอีกคน ก่อนจะช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลแววดุดันนั้น มือหนาเอื้อมมาจับต้นแขนของอีกคนเอาไว้ก่อนที่จะผลักออกและเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าหาแทน
"ชอบเหรอ...อยากลองสูบดูไหมละ"
"ได้เหรอครับ" นิ้วเรียวไล้ปลายคางอีกคนไปมาก่อนจะเคลื่อนลงมาบริเวณหน้าอกแกร่ง
"ได้สิ...แต่ต้องมีกฎนะ"
"กฎว่ายังไงครับ"
"อย่าบอกใคร...แค่นั้น"
"เขมไม่บอกใครหรอกครับ...ถ้าพูดก็ไม่ได้สูบนะ...อื้อ" ปากเล็กถูกปิดด้วยปากของอีกคนที่โน้มลงมาประกบอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก ภายในห้องนั้นกลับมีเพียงเสียงแลกเปลี่ยนความหวานดังเฉอะแฉะก้องไปทั่ว
"ฉากนี้เป็นฉากที่กวีโดนเฆี่ยนเพราะว่าถูกพวกแม่ใหญ่ใส่ร้ายว่าไปแอบได้เสียกับบ่าว พัดจะถูกมัดแขนติดกับเสาไว้ ส่วนคนที่เฆี่ยนน้องพัดก็คือเขม ฉากนี้สำคัญมากเลยนะมันจะเล่าว่าทำไมกวีต้องแค้นตระกูลนี้ ผมขอเต็มที่เลยนะ พัดต้องแสดงอารมณ์โกรธมากๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ เราจะแค้นมากๆ เลยช่วงแรกจะเสียใจก่อนพอโดนพูดถากถางเราก็เริ่มโกรธโอเคนะ"
"อืม" พลลภัตม์พยักหน้าตอบผู้กำกับมือรางวัลอย่างเรวัตที่กำลังบรีฟเขากับเขมินทร์อยู่ที่หน้าฉาก ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุเหมือนกำลังโดนแผดเผาด้วยไฟนรกแบบนั้นเลย
"โอเค พัดไม่ต้องกลัวเจ็บนะทีมงานเซฟเต็มทีแล้ว ลองฟาดดูก่อนนะ" เรวัตหันไปสั่งเขมินทร์ที่ยืนถือหวายรออยู่ก่อนแล้ว
เพี๊ยะ
"โอ้ย" เสียงพัดร้องออกมาด้วยความตกใจที่หลังถูกกระทบด้วยหวายเรียวยาว
"อุ๊ย...ขอโทษครับ เขมฟาดสูงเกินไป" เขมินทร์เอ่ยขอโทษเสียงอ่อนเสียงหวานกับพลลภัตม์ก่อนที่จะลงหวายอีกครั้งที่ตรงกลางหลังให้โดนบล็อกหลังที่ทีมงานใส่ซ้อนไว้ให้กันเจ็บ
"โอเค...เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายแล้วนะ" เรวัตวิ่งกลับเข้าไปนั่งที่หน้ามอนิเตอร์ก่อนจะสั่งเริ่มการถ่ายทำ
5 4 3 2 1
"แอ็คชั่น"
"ไอ้ลูกไพร่อย่างมึงมาทำงามหน้าในเรือนนี้ ให้มันเป็นเสนียดก็ต้องถูกโบยสั่งสอนให้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ระงับสันดานเดรัจฉานของมึงเอาไว้เสียบ้าง"
"ลงหวายมันเสียทีเถอะพ่อภุชงค์ ไอ้กวีมันจะได้หลาบจำว่าอย่ามาทำเรื่องต่ำในเรือนนี้"
"ขอรับ แม่ใหญ่" มือขาวง้างออกสุดแรงก่อนที่จะฟาดหวายเรียวลงไปบนหลังของพลลภัตม์ที่นั่งอยู่ข้างล่าง
เพี๊ยะ
แต่มันกลับไม่เหมือนที่ซ้อมไว้ เมื่อเขมินทร์ฟาดมันลงไปไม่โดนเซฟตี้ที่กันเอาไว้แต่โดนเนื้อจริงๆ ของพลลภัตม์
"โอ้ย...อึก"
เพี๊ยะ
แม้จะเจ็บจริงแต่พลลภัตม์ก็ยังแสดงต่อไปเหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเขาไม่อยากที่จะเล่นฉากนี้หลายๆ รอบ
เพี๊ยะ
"จำเอาไว้ว่าสันดานไพร่ชั้นต่ำแบบมึงและแม่มึงไม่เหมาะสมกับเรือนนี้"
เพี๊ยะ
"อย่าเอาสันดานต่ำมาใช้ที่นี่!"
เพี๊ยะ
เพี๊ยะ
"ฮึก...ฮึก..." พัดพยายามกลั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้และส่งสายตาเจ็บปวดรวดร้าวแกมเคืองแค้นไปให้กับนักแสดงที่อยู่ในฉาก
"คัท!...โอเค เล่นดีมาก" ทันทีที่เสียงของเรวัตสั่งคัท เขมินทร์ก็รีบก้มลงไปขอโทษพลลภัตม์ทันที
และใช่เขากำลังเสแสร้ง
"ขอโทษนะครับพี่พัด เขมกะพลาดขอโทษจริงๆ" เขาวางไว้บนไหล่ของอีกคนพลางเอ่ยเสียงขอโทษแบบเบาๆ คนที่ได้ยินคงจะคิดว่าเขาสำนึกผิดจริงๆ แต่ความจริงคือเขาไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด
"ไม่เป็นไร มือใหม่ก็อย่างนี้พี่เข้าใจ พยายามฝึกซ้อมบ่อยๆ นะเขม จะได้ไม่พลาดอีก" ทันทีที่ทีมงานเข้ามาแกะเชือกที่มัดมือของพัดออก เขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินจากไปในทันที พัดยอมรับว่ารำคาญ เขาไม่เคยรำคาญใครเท่ากับผู้ชายคนนี้มาก่อน
น่ารำคาญ
ในช่วงพักกองตอนที่ตะวันตั้งตรงอยู่กลางศีรษะในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่บนโต๊ะอาหาร ซึ่งพัดเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขานั่งทานข้าวกับเหล่าทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ ตามปกติ ในช่วงเวลาแบบนี้คงไม่มีอะไรทำให้กับข้าวอร่อยยิ่งขึ้นไปอีกนอกจากการพูดคุยในเรื่องที่ไม่ใช่ของตนเอง
"ข่าวว่ากันว่าพระเอกต.แอบกิ๊กกับนางร้ายม. แก แซ่บมาก"
"พริกสิบมากแม่ ข่าวจริงข่าวเต้า"
"ข่าวจริงสิยะ" การพูดคุยยิ่งออกรสชาติมากยิ่งขึ้น ถ้าข่าวนั้นเป็นเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ของคนที่มีชื่อเสียง หรือเป็นข่าวฉาวๆ คาวๆ
"ว่าแต่คุณพัดกลับมาทำงานแบบนี้แล้วใครดูลูกอะคะ" และประเด็นข่าวมันก็วกกลับมาหาเขาอีกครั้ง
"พัดให้เพื่อนช่วยดูน่ะครับ แล้วก็พยายามแบ่งเวลาให้ดีที่สุด" เขาเอ่ยตอบอ้อมๆ เพราะไม่อยากลงรายละเอียดมากนักในเรื่องส่วนตัว
"พูดถึงเรื่องเวลา กูนี้ขึ้นเลย" หญิงสาวที่เป็นผู้จัดการกองถ่ายเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดูเคืองๆ
"ยังไง"
"เมื่อเช้ากูนัด 7 โมง พ่อดาราหนุ่มขอไข่แลกงาน มาให้กู 8 โมงกว่า"
"ว้าย แรงมากพี่สาว" ช่างหน้าช่างผมที่เป็นสาวประเภทสองร้องกรี๊ดออกมาทันทีที่ได้ยิน
"วุ่นวายกูต้องสลับฉากอีก พูดแล้วปวดหัว"
"ขอไข่แลกงานนี้ใครหรอคะ" น้องนักศึกษาฝึกงานในกองถ่ายเอ่ยถามขึ้นมาถึงเรื่องราวการมาสายของดาราหนุ่มท่านหนึ่ง
"ก็อีเขม พ่อสุดหล่อหนุ่มหน้าหวานน่าเอ็นดูไงลูก" ช่างแต่งหน้าสาวสองเป็นคนตอบคำถามคลายสงสัยให้
"ทำไมถึงเรียกแบบนั้นอะคะ"
"นี้เพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้สินะ วงการมายาก็เป็นงี้แหละ จะเอาไข่ไปแลกงูแลกนมที่ไหน ถ้ามันพาไต่เต้าให้ขึ้นมายืนกลางแสงสปอตไลต์ได้ มันก็ทำกันทั้งนั้นและอีกอย่างแบ็คนางดีด้วยแต่นี่ไม่รู้สักทีว่าเป็นใคร รู้แต่ว่าแลกไข่จนได้ดี" คนทั้งกองถ่ายรู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่มีใครพูดถึงหรือออกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นการขอไข่แลกรางวัลให้ตัวเองชนะการประกวดซุปตาร์หน้าใหม่ในรายการๆ หนึ่งของเขมินทร์ หรือการขอไข่ไปแลกกระแสกับพระเอกหนุ่มคู่จิ้นจนทำให้มีกระแสถึงทุกวันนี้ พวกเขาล้วนรู้หมดทุกอย่าง
"จริง แรกๆ นางก็น่ารักหรอกนะ หลังๆ เริ่มออกลาย พอหุงขึ้นหม้อเป็นดาราซุปตาร์นะ ก็เรื่องเยอะเรื่องแยะจนน่ารำคาญ ฉันคนหนึ่งแหละที่รอดูวันที่มันตกลงมา มันจะเอาไข่ไปแลกอะไร ฮ่ะๆๆๆ" เสียงหัวเราะดังก้องๆ ไปทั่วบริเวณที่นั่งทานข้าว พลลภัตม์ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในวงสนทนาแค่มานั่งฟังเฉยๆ ก่อนที่จะลุกออกมาจากตรงนั้น ก่อนที่จะเดินเอาจานไปให้กับฝ่ายสวัสดิการ
เขมินทร์กำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์อยู่ในรถตู้ของตัวเองหลังจากทานข้าวเสร็จ เขาเข้ามานั่งหลบแดดตากแอร์ให้หายร้อนก่อนที่จะออกไปลุยงานต่อ แต่เขาก็ต้องถูกขัดจังหวะการพักผ่อนเนื่องจากมีคนมาเคาะกระจกรถของเขา ภาพในกระจกรถผ่านฟิล์มดำออกไปทำให้เห็นว่าเป็นปุย อดีตผู้จัดการของเขาที่มายืนเคาะกระจกอยู่แบบนี้
ก๊อกๆๆๆ
"เขมมาคุยกันให้รู้เรื่อง เขม!" เขมินทร์ไม่ได้สนใจชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะใช้นิ้วเขี่ยโทรศัพท์ต่อ
"เขม! ถ้ามึงไม่เปิดประตู มึงเป็นข่าวแน่" แต่สุดท้ายเขมินทร์ก็ทนรำคาญไม่ไหวจึงยอมเปิดประตูรถให้อีกคนขึ้นมา
"มีอะไร" เขมินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะติดรำคาญอยู่หน่อยๆ
"มึงบอกว่ายังไม่ให้กูคุยเรื่องสัญญา แต่ที่มึงไปต่อสัญญากับอีจุ๊บจิ๊บคืออะไร กูปั้นมึงมานะ กว่ามึงจะมีทุกวันนี้ได้มันเป็นเพราะกู" ปุยตะคอกใส่ร่างเล็กอย่างเหลืออดที่อีกคนอิดออดไม่ยอมต่อสัญญากับเขาสักที ที่แท้ก็เพราะว่าอีกคนไปต่อสัญญากับคนอื่น
"มึงปั้นกูมา แล้วกูสร้างเงินให้มึงไปเท่าไหร่แล้ว มึงไม่พอใจหรือไง!"
"เขม!"
"มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะอีปุย ว่ามึงโกงค่าตัวกูไปเท่าไหร่ กูไม่แจ้งความเอาผิดมึงทั้งๆ ที่หลักฐานกูก็มี ก็เป็นบุญกับตุ๊ดอ้วนๆ แบบมึงแค่ไหนแล้ว" เขมินทร์ตะคอกกลับใส่ปุยบ้างก่อนที่จะเปิดประตูรถและผลักอีกคนออกไป
"มึงไม่ต้องกลับมาวอแวกูอีกนะ ถ้ามึงไม่ทำเหี้ยใส่กู มีเหรอที่กูจะไม่ต่อสัญญากับมึง"
"..."
"ทุกอย่างมันพังเพราะมึง!" เขมินทร์ปิดประตูรถต่อหน้าต่อตาปุย คำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายเหมือนไม้หน้าสามที่ตีแสกหน้าของชายหนุ่มร่างท้วมเข้าอย่างจัง ปุยเดินฟึดฟัดออกมาจากตรงนั้น ร่างท้วมก้าวขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้และลากเข้าไปในมุมอับสายตา
"ปล่อย! ปล่อยฉันนะ" ปุยพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการกอบกุมในทันทีที่เห็นว่าเป็นใครที่ลากตัวเองมาตรงนี้
"ไงล่ะ โดนอีเขมมันเล่นแล้วสิ" เทียน ธีรณีเอ่ยเยาะเย้ยก่อนที่จะยอมปล่อยแขนอวบของปุย
"แกต้องการอะไร" ปุยเอ่ยถามความต้องการของอีกคน
"ก็ไม่ยังไง เจ๊เองก็แค่มันไม่ใช่หรอ"
"..."
"ฉันก็ไม่ได้ชอบมันเหมือนกัน ถ้าเรามาจับมือกัน มันก็ดีไม่ใช่หรอ"
"คัท! เลิกกอง" เสียงของเรวัตสั่งเลิกกองในเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม ทีมงานทุกคนแยกย้ายกันเก็บของนักแสดงแยกย้ายกันไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เรวัตที่กำลังเก็บของๆ ตัวเองหน้ามอนิเตอร์ก็ถูกดึงความสนใจด้วยโทรศัพท์ที่สั่น เนื่องจากมีสายโทรเข้ามา
'แม่'
ชื่อที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาไม่อยากที่จะกดรับสาย เรวัตจึงเลือกที่จะเมินสายโทรเข้าของผู้เป็นมารดา แต่มันก็ไม่หยุดแค่นั้น เมื่อผู้เป็นแม่กระหน่ำโทรเข้ามาเรื่อยๆ จนเขาต้องกดรับ
"ฮัลโหล พะ..."
"เรน! เรนลูก"
"ครับ?" เสียงของปลายสายดูร้อนลนและสั่นแปลกๆ จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"เรน...คุณพ่อ"
"..."
"คุณพ่อล้ม ตอนนี้อยู่ในไอซียู"
...
- TBC -
ขอไข่แลกอะไรกันบ้างคะ ขอไข่แลกหนังสือเรียน เอาไปขายแลกไข่หมดแล้ววว
ฝากกดไลก์กดแชร์กดสับตะไคร้ด้วยนะค้าบ ติชมได้น้า
พูดคุยใน #เกมนอกใจ ในทวิตเตอร์ได้นะค้าบ
ทวิตเค้าเอง >>
https://twitter.com/lopittupp