Three Couple of Love season 2
: Back to School part 1
บทนำ
คู่ที่1
ปัง!!! เสียงปิดประตูห้อง ทำให้อาจารย์เบนที่กำลังจัดข้าวของ สะดุ้งตกใจ
“ตกใจอะไรครับ” ผมถามและแอบขำกับท่าตกใจของอาจารย์
“เอ้า อยู่ดีดีก็โผล่มา ผมก็ตกใจดิ” อาจารย์พูดกับผม แต่ก็ยังจัดข้าวของต่อไป
ผมเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำมาดื่ม พลางหันไปมองอาจารย์เบน
“ยังจัดไม่เสร็จอีกเหรอครับ” ผมถามเพราะเห็นว่าจัดมาตั้งแต่เช้าแล้ว พอผมกลับมาจากที่ทำงานก็ยังจัดไม่เสร็จอีก
“อืมม ช่าย ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จสักที” อาจารย์พูดไปจัดของไป
ผมเลยเดินไปหาอาจารย์ เพื่อช่วยอาจารย์ “ มาเดี๋ยวผมช่วย”
อาจารย์จ้องหน้าผมแล้วยิ้มให้ผม “วันนี้ไปทำงานเหนื่อยไหม”
“ก็ เหมือนเดิม คอยดูแลคนไข้ จัดยา ช่วยงานหมอ”ผมเล่าถึงการทำงานของผม ผมทำงานเป็นผู้ช่วยจิตแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง
“ที่ผมย้ายมาอยู่ด้วย ทำให้โจ้ลำบากหรือป่าว” อาจารย์ถามผม คงเพราะเห็นผมทำงานแล้ว และห้องที่ผมอยู่ก็เป็นเงินของผมด้วย
“ไม่เลย ผมเองอยากให้อาจารย์มาอยู่กับผมตลอดไปเลยด้วยซ้ำ ผมอยู่คนเดียวมาเกือบสี่ปี หลังจากอาจารย์...เออ...” ผมอ่ำอึ้งที่จะพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว เรื่องราวในอดีตที่เคยทำให้ผมช้ำใจ
อาจารย์เบนเข้าใจความรู้สึกผม เลยเอามือมาลูบที่หัวของผม
“เรื่องนั่นลืมไปเถอะ ผมเองก็อยากจะลืมเหมือนกัน” สายตาของอาจารย์แสดงความห่วงใยที่มีต่อผม ผมมองสายตายนั้นที่เคยทำให้ผมรักกับผู้ชายคนนี้
เราจ้องมองกันอยู่นาน อาจารย์เบน ก็ค่อยๆเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมพร้อมยื่นปากมาใกล้กับปากของผม
ผมเองก็เขยิบตัวไปใกล้กับอาจารย์เช่นกัน และใช้ปากของผมประกบปากของอาจารย์
อาจารย์จูบผม พร้อมกอดผม ผมเองก็สวมกอดอาจารย์เช่นกัน
อาจารย์ค่อยๆผลักตัวผมนอนลงบนพื้น แต่ปากของอาจารย์ก็ยังจูบปากของผมอยู่
อาจารย์เริ่มเปลี่ยนจากจูบปากก็มาเริ่มไซร้ที่ซอกคอของผม
“อืมม อืมม อืมม” ผมเริ่มคราง พร้อมกอดอาจารย์แน่น
มือของอาจารย์ยันพื้นห้องไว้คล้ายท่าวิดพื้น แล้วก็ค่อยๆใช้ลิ้นไซร้ตามหน้าอก ท้อง และต่ำลงมาเรื่อยๆ
ตัวของผม ได้แต่ครางเพราะความเสียว มือก็ก่ายไปทั่ว จนมือของผมไปแตะกับสิ่งของสิ่งหนึ่ง
ตอนแรกผมกะจะไม่สนใจ แต่อีกใจก็อยากดูว่ามันคืออะไร ผมเลยไปคว้าสิ่งนั้นเอามาดู
“อะไรเหรอ โจ้” อาจารย์ถาม เพราะเห็นผมมัวแต่ดูหนังสือเล่นหนึ่งอยู่ แทนที่จะสนใจกับลีลาการใช้ลิ้นของอาจารย์
“หนังสือเฟรนด์ชิบ ครับ ตอนผมอยู่มัธยม ไม่ได้เอามาอ่านนานแล้ว” ผมตอบอาจารย์ ตายังคงมองภาพในสมุดเฟรนด์ชิบ
ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่ง อาจารย์เองก็ลุกขึ้นนั่งด้วยเหมือนกัน
“สงสัยอยู่ในกองหนังสือที่ผมเอาออกมาจากชั้นแน่เลย” อาจารย์หันไปมองกองหนังสือที่วางอยู่บนหน้าชั้น
ผมเปิดหนังสือเฟรนด์ชิบ แล้วมองข้อความต่างๆที่เพื่อนเก่าของผมเขียนให้ และดูรูปเก่าๆ สมัยยังใส่ชุดนักเรียนมัธยมอยู่
“ไหน ขอผมดูหน่อยสิ อยากรู้จัง โจ้ตอนเด็กๆ น่ารักเหมือนตอนนี้หรือเปล่า” อาจารย์เขยิบตัวมาใกล้ๆผม และชะเง้อหน้ามาดูหนังสือเฟรนด์ชิบ
ผมมองดูรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปถ่ายที่ผมถ่ายกับ เพื่อนซี้ของผม คือ ปอ และ เชียร์
“ทั้ง โจ้ ปอ เชียร์ ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยน่ะ” อาจารย์เห็นรูป แล้วออกความเห็น
ผมเองดูรูปก็คิดเหมือนอาจารย์ ที่ตัวเองดูเปลี่ยนไป
จากแต่ก่อน ที่ใส่แวน เรียบร้อย ไม่ค่อยทันคนเท่าไร แม้ตอนนี้จะไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเท่าไร
แต่ก็ดูดีขึ้นจากเหมือนก่อน คงเพราะโตขึ้น และรู้จักปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
“เออ วันนี้มีจดหมายของโจ้ด้วย” อาจารย์ยื่นซองจดหมายมาให้ผม
ผมรับซองจดหมายนั้น แล้วเปิดอ่านดู
“จดหมายจากโรงเรียนตอน มัธยมครับ แจ้งมาว่าจะมีงานศิษย์เก่า” ผมหันไปบอกอาจารย์
“แล้วโจ้จะไปไหมหล่ะ” อาจารย์ถามผมพร้อมเขยิบตัวเข้ามาใกล้ และกอดผม
ผมพยักหน้าตอบ แล้วจูบอาจารย์
“แป๊บนึงน่ะครับ ขอผมโทรบอกเชียร์ กับปอก่อนน่ะ” ผมผลักอาจารย์เพื่อให้หยุดจูบผมก่อน
“ตามใจสิ ไม่ให้จูบ ผมทำอย่างอื่นก็ได้” อาจารย์ยิ้มให้ผม พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์
ผมไม่ได้สนใจว่าอาจารย์ทำอะไร เพราะผมโทรศัพท์ไปหาเชียร์แล้ว
************************************************************************************************
คุ่ที่2
โครม!!! กองหนังสือถูกขว้างมาตรงพื้นห้อง
“นี้ ทำไมต้องเขวี้ยงข้าวของด้วยเล่า” พี่เอกตะโกนบอกกับผม
“ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเชียร์โกรธจะเป็นยังไง” ผมทำน่าตาขึงขัง
“แล้วจะโกรธทำไม กับเรื่องแค่นี้” พี่เอกก้มตัวลงเก็บกองหนังสือที่ผมเพิ่งขว้างไป
“เรื่องแค่นี้อะไรกัน ก็พี่เล่นอยู่ในห้องซาวน์น่า กับ ไอ้หมอนั้นแค่สองคน”
“ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร พี่นั่งของพี่อยู่เฉยๆ เขาเข้ามาหาพี่เอง” พี่เอกแก้ตัว แต่ผมไม่เชื่อ
“แล้วทำไมต้องล็อคห้องด้วย”
“พี่ไม่ได้ล็อค เขาเป็นคนล็อค เชียร์ก็รู้นี้ ว่าเขาเข้ามาที่หลัง” พี่เอกแก้ตัวอีก พร้อมเก็บกองหนังสือเอามาวางไว้ที่เดิม
มีรูปใบหนึ่งปลิวออกมาจากกองหนังสือนั้น
“แล้วทำไมไม่เปิดให้เชียร์เข้าไป ให้เชียร์เคาะเรียกอยู่ได้ตั้งนาน” ผมหันหลังให้พี่เอก พร้อมยิงคำถาม
แต่พี่เอกกลับไม่ตอบอะไรผมเริ่มโมโห เลยหันไปหาพี่เอก
“พี่เอกทำไมไม่ตอบ...” ผมกะจะว่าพี่เอกซะหน่อย แต่เห็นพี่เอกดูรูปใบนั้นที่ปลิวออกมาจากกองหนังสือ
“นี้รูปเชียร์ตอนมอปลายเหรอ น่ารักดีน่ะ ดูใสใสเด็กๆดี” พี่เอกพูดไปยิ้มไป พลางมองดูรูปอย่างละเอียด
ผมรีบเข้าไปคว้ารูปนั้นมาดู “ไหน อ๋อ รูปนี้ถ่ายตอนงานปัจฉิมนิเทศ” ผมมองดูรูปถ่ายที่ผมใส่ชุดนักเรียน และถ่ายกับเพื่อซี้ของผม คือ โจ้ และปอ
ผมว่าตอนนั้นก็ไม่ค่อยต่างไปจากตอนนี้เท่าไหร่ แต่ทุกคนบอกว่าผมเปลี่ยนไป คงเพราะตอนนี้ผมยาว แถมทำผมสีบลอนด์ และยังไว้เคราเล็กๆตามสมัยนิยมอีก
“เอาเป็นว่า พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ พี่แค่คุยกับเขาเฉยๆ เชียร์จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ตามใจแล้วกัน” พี่เอกพูดเสร็จ ก็ถอดเสื้อผ้า เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
“เดี๋ยวก่อนซิ พี่เอก…… ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย (เสียงริงค์โทนของโทรศัพท์)” ผมยังเคลียร์เรื่องที่ซาวน่าไม่เสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น โจ้ โทรมา
เชียร์ : ว่าไง
โจ้ : ไอ้เชียร์ กูมีข่าวจะบอก
เชียร์ : เรื่องอะไรว่ะ
โจ้ : มึงเป็นอะไร ทะเลาะกับพี่เอกเหรอ เสียงแปลกๆ
เชียร์ : เออ ก็แม่ง วันนี้ไปซาวน่ามา แล้วกูเปลี่ยนเสื้อผ้าช้า พี่เอกเปลี่ยนเสร็จเร็วกว่ากู ก็เลยไปรอที่ห้องซาวน่า พอกู จะตามเข้าไป กู เห็นว่ามีคนเข้าไปในห้องซาวน่าห้องเดี่ยวกับพี่เอก แล้วล็อคประตูอีก กว่าจะออกมาเกือบยี่สิบนาที กูเคาะเรียกตั้งนาน ก็ไม่ยอมเปิด มึงให้กูคิดยังไงหล่ะ
โจ้ : ไม่มีอะไรหรอกม้าง พี่เอกเค้าออกจะกลัวมึงซะขนาดนั้น อู้ยส์ อาจารย์เบนอย่าเพิ่งซิครับ ผมคุยโทรศัพท์อยู่น่ะ
เชียร์ : อาจารย์เบนย้ายมาอยู่กับมึงแล้วเหรอ
โจ้ : ใช่ๆ อ๊ะ อ๊ะ อาจารย์เบนเดี๋ยวก่อนซิครับ
เชียร์ : เฮ้ย! นี้มึงทำไรกับอาจารย์เบนอยู่หรือว่ะ
โจ้ : ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร เออ คือกูมีเรื่องจะมาบอกว่า กูได้จดหมายจากโรงเรียนเก่า ว่าจะมีงานศิษย์เก่า มึงจะไปกับกูไหม อ้ายส์!
เชียร์ : ไปดิๆ นี้มึงเป็นอะไรต้องครางเสียงดังด้วยว่ะ
โจ้ : ฝากมึงโทรบอกไอ้ปอด้วยน่ะ แค่นี้น่ะมึง ซี๊ดดด อ้าส์!
แล้วไอ้โจ้ก็วางสายไป พร้อมเสียงครางของมัน มันจะโทรมาหาผมตอนที่มีอะไรกับแฟนทำไมเนี้ยยย!
ผมรีบกดเบอร์โทรศัพท์ของไอ้ปอ เพื่อจะรีบบอกมันถึงงานศิษย์เก่า
แต่ผมก็กดวางสายไปเมื่อเห็นพี่เอกเดินออกมาจากห้องน้ำ
พี่เอกกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เพิ่งสระมา ปกติผมจะเป็นคอยเช็ดให้เสมอ
ผมเอาเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้พี่เอก มาวางไว้ข้างๆตัวเขา(ปกติผมจะเตรียมเสื้อผ้าให้พี่เอกเสมอ รวมทั้ง กกน.ด้วย)
พี่เอกไม่สนใจเสื้อผ้าของผมเลย แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่เอง โดยเดินผ่านผมไป แทบจะไม่มองผมเลย ท่าทางคงงอนผมจริงๆ
“งอนเชียร์เหรอ” ผมเริ่มทำเสียงอ่อนลง พร้อมเดินไปหาพี่เอกที่กำลังหวีผมอยู่ พอผมเดินไปถึง พี่เอกกลับเดินไปที่เตียงนอนแทน แล้วรีบนอนทันที
ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่เอกแสดงอาการอย่างนี้ ผมกลับมานึกถึงตัวเองว่า “ทำไมเรางี่เง่าอย่างนี้ว่ะ”
ผมค่อยๆเดินไปที่เตียงพร้อมลงตัวนอนข้างพี่เอก
“พี่เอก เชียร์ขอโทษน่ะ” ผมพูดแค่นี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก แต่ผมมั่นใจว่าผมพูดมาจากใจจริงๆ
ผมค่อยๆเอามือไปโอบร่างของพี่เอก
“เชียร์คงรู้แล้วน่ะว่า เวลาที่เราถูกคนที่เราไว้ใจที่สุด ไม่ไว้ใจเรา มันเจ็บขนาดไหน” พี่เอกพูดเสร็จก็หันหน้ามาหาผม
ตอนนั้นผมร้องไห้ไปแล้ว
“แต่พี่ไว้ใจเชียร์เสมอน่ะ” พี่เอกพูดเสร็จก็จูบหน้าผากของผม
แล้วเราก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย ผมก็นอนไปในอ้อมกอดของพี่เอก จนลืมไปเลยว่าต้องโทรไปหาไอ้ปอ ไม่เป็นไรค่อยโทรไปหามันตอนเช้าก็ได้
************************************************************************************************
คู่ที่3
เพล้ง!!!
เสียงแก้วแตกทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้มมา ผมรีบมองนาฬิกา
นาฬิกาบอกเวลา แปดโมง ทำให้ผมกระเด้งลุกขึ้นออกมาจากเตียง แล้วรีบวิ่งตรงไปห้องน้ำ
วันนี้จะเป็นวันทำงานวันแรกของผม ที่โรงเรียนสอนดนตรีแห่งหนึ่ง และคาบแรกของผม เริ่มเวลาเก้าโมง
ผมเดินไปถึงห้องน้ำ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเหน่งกำลังเก็บเศษแก้วที่ตกจากพื้น
“เฮ้ย ขอโทษ กูทำกรอบรูปมึงแตกว่ะ” ไอ้เหน่งหยิบกรอบรูป ที่เป็นทรงกีต้าร์ ยื่นมาให้ผม
โชคดีที่กรอบรูปไม่เป็นอะไรมาก ผมรักกรอบรูปนี้มากๆ
เพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดจาก เพื่อนรักของผม และในกรอบรูปนั้น ก็มีรูปของเจ้าพวกนั้นด้วย
เป็นรูปที่ถ่ายตอนงานปัจฉิมนิเทศ ตอนนั้นตัวผมยังไว้ผมทรงนักเรียนน่าตาบึ้งตึง ตัวก็เล็กอีกต่างหาก
ต่างจากตอนนี้ที่ผม สูงขึ้น บึกขึ้นเพราะมีกล้าม และผมยาวจนด้านหน้าต้องปัดข้าง เพราะไม่งั้นไม่เห็นหน้าผมแน่
“ตอนนั้นหน้าตาแกตลกว่ะ ยังจำตอนที่กูเจอกับแกครั้งแรกได้เลยน่ะเนี่ย” เหน่งพูดไปยิ้มไป พร้อมมองดูที่รูป
แต่แล้วรอยยิ้มของเหน่งก็หายไป เมื่อรูปข้างๆของเพื่อนผม คือ รูปชายคนหนึ่งที่ผม รักมากที่สุด
“แกยังเก็บรูปเค้าไว้อีกเหรอ” เหน่งหันมามองผม ผมพยายามหลบสายตาของเพื่อนรัก
ผมแย่งกรอบรูปนั้นมา แล้วเอาไปตั้งที่เดิม
“มึงรีบแต่งตัวเลย เดี๋ยวก็ไปสอนไม่ทันกันหรอก” ผมทำเสียงดูเหมือนเป็นการออกคำสั่ง เหน่งก็ทำตามที่ผมบอก เหน่งก็ไปสอนร้องเพลงที่เดียวกับผม
ผมรีบเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำ ผมนึกถึงคำพูดของหนึ่ง
“มึงยังเก็บรูปเค้าไว้อีกเหรอว่ะ”
ผมย้อนไป นึกถึงเรื่องราวเก่าเมื่อวันนั้น วันที่ผมแยกทางกับคนนั้น
“เราเลิกกันเถอะ พี่ผิดเอง พี่อยากมีครอบครัว พี่เบื่อกับชีวิตแบบนี้แล้ว พี่..................”
คำพูดมากมาย ออกมาจากปากพี่เก่ง
ผมได้แต่นั่งเงียบ ฟังเหตุผลของพี่เก่ง ว่าทำไมพี่เค้าจึงขอเลิกกับผม
แต่ผมไม่สนใจเหตุผลพวกนั้นหรอก ผมรู้ด้วยตัวของผมเองว่า พี่เก่งไม่ได้รักผมแล้ว
ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา ที่ผมเป็นแฟนพี่เก่ง ผมมีความสุขมาก
และไม่คิดว่าผมจะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก
พี่เก่งจากไป ผมไม่ได้ร้องไห้เลย ไม่ใช่ผมไม่เสียใจ แต่ผมไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวผม และไม่อยากเห็นความอ่อนแอของตัวเอง
หลังจากนั้น ผมเปลี่ยนตัวเอง ผมไปเที่ยวบ่อยขึ้น เจอใครก็มีอะไรกับเขา แต่ไม่คิดจิงจังกับใครสักคน เพราะผมไม่อยากช้ำกับความรักอีกเป็นครั้งที่สอง
ทุกคนเลยมองผมว่า ผมเป็นคนเข้าชู้ แต่ความจริงแล้ว ผมทำทุกอย่างเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง
“ไอ้ปอ โทรศัพท์โว้ยยย!” เสียงไอ้เหน่ง ตะโกนมาจากห้อง
“เออๆ” ผมรีบปิดน้ำ แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง เดินออกไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์
“ปอ กูเองน่ะ” เสียงของโจ้ เพื่อนสนิทผม
ปอ : ว่าไง
โจ้ : ไอ้เชียร์โทรมาบอกยัง
ปอ : บอกเรื่องอะไร
โจ้ : เอ้า ไอ้นี้บอกว่าจะโทรมาบอกมึงแล้วทำไมไม่โทรมาว่ะ
ปอ : แล้วเรื่องอะไรหล่ะ
โจ้ : ก็วันเสาร์หน้าจะมีงานศิษย์เก่าที่โรงเรียน จะไปป่าว กูกับเชียร์ตกลงกันว่าจะไป
ปอ : ไปดิว่ะ จะให้พวกมึงไปกันแค่สองคนได้ไง
โจ้ : ดีดี ไม่ได้ไปงานศิษย์เก่านานแล้วเนอะ เออ แล้ว เหน่งมาค้างที่บ้านเหรอะว่ะ
ปอ : อืมม เมื่อวานไปเที่ยวกันมา
โจ้ : ตกลงพวกมึงเป็นแฟนกันหรือป่าวว่ะ
ปอ : เฮ้ย! เป็นเพื่อนโว้ย เพื่อนมาค้างบ้านเพื่อนไม่ได้เหรอไงว่ะ
โจ้ : เออ กูถามเฉยๆ ไม่เห็นต้องโวยวายเลย
ปอ : กูต้องรีบไปทำงานแล้ว งานศิษย์เก่าวันไหนว่ะ
โจ้ : วันเสาร์นี้ งั้นเดี๋ยวให้ไอ้เชียร์ไปรับมึงที่บ้านน่ะ
ปอ : อืมม งั้นเจอกันน่ะ บาย
โจ้ : เออ บาย
ผมวางโทรศัพท์ แล้วรีบไปคว้าเสื้อผ้ามาใส่ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังอีก
ไอ้เชียร์ตัวแสบโทรมา
ปอ : มีอะไรว่ะ
เชียร์ : อาไรกัน ทำไมต้องโมโหใส่ด้วย กูจะโทรมาบอกว่า วันเสาร์นี้จะมีงาน....
ปอ : กูรู้แล้ว ไอ้โจ้โทรมาบอกแล้ว
เชียร์ : อ้าวเหรอ แล้วมึงไปไหม
“ไอ้ปอเสร็จยังว่ะ” เสียงหนึ่งตะโกนออกมาจากนอกห้อง
ปอ : ไปดิ แค่นี้น่ะมึง กูจะรีบไปทำงานแล้ว
เชียร์ : อันแน่ เมื่อคืนนอนกับเหน่งล่ะซิ พวกมึงนี้จู๋จี๋ กันจริงๆ
ปอ : กูวางนะ วันเสาร์เจอกัน
เชียร์ : ดะ เดี๋ยวก่อน
ผมวางโทรศัพท์ไปแล้ว พร้อมหยิบกีตาร์ ออกมาหาหนึ่ง ที่นอกห้อง
“โจ้โทรมาเหรอ มีไรเหรอ” เหน่งถาม
“วันเสาร์มีงานศิษย์เก่า พวกนั้นมันโทรมาชวน” ผมหันไปพูดกับเหน่ง
“แล้วมึงไปไหม” เหน่งถาม พร้อมเอาแขนมาคล้องคอผม
“ไปดิว่ะ กูอยากเจอเพื่อนเก่าๆว่ะ” ผมตอบ
“แต่ก่อนมึงมีเพื่อนด้วยเหรอว่ะ เห็นมึงชอบทำหน้าบึ้งตึง นอกจากกู กับ เพื่อนสนิทมึงสองคนนั้น ก็ไม่เห็นมีใครอยากคบกับมึงเลย”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเหน่ง เพราะสิ่งที่เหน่งพูดเป็นความจริง
ผมปิดประตูห้อง พร้อมเดินไปทีรถพร้อมกับเหน่ง
-----จบ-----