Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple  (อ่าน 152291 ครั้ง)

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
ค้าบบ...แล้วจะรออ่านนะค้าบบบ...^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2008 11:54:06 โดย meawkung02 »

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
 :o8:แหะๆ  เพิ่งตามอ่านได้ไม่กี่ตอนเองค๊า

แต่ชักจะติดอกติดใจซะแว้ววววว

เลยมะเม้นแปะไว้ให้ก่อนนะค๊า

อ่านทันปัจจุบันเมื่อไรจะมาเม้นให้อีกรอบ

 :m1: :m1: :m1:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
 :m1:อ่านทันตอนปัจจุบันแล้วค๊า

ช่วงตอนม.ปลายเนี้ย

ความรักของสามเพื่อนเลิฟช่างยุ่งเหยิงเหลือเกิน :เฮ้อ:

แต่ก้อเปงกำลังใจให้ทั้งสามคนน๊า :m1:

snowblack

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
 :m1:....ลุ้นกันต่อไป......

ชอบจริงๆชีวิตเด็กม.ปลาย....(อยากกลับไปเป็นเด็กอีก)

อ๊ะลืม....Happy Valentine....

ขอให้รักจงเจริญ..... :mc3:

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Three Couples of Love Season2: Back to School part2

บทนำ (ม.4 เทอม2)

คู่ที่1

วันอำลารุ่นพี่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น โดยรอบเช้าเป็นงานพิธีการ ที่จัดขึ้นในโบสถ์
มีบรรดา บาทหลวง และคณะครูผู้บริหารโรงเรียนมาร่วมงานด้วย
บรรยากาศในพิธีดูศักดิ์สิทธิ์ และดูสง่าเป็นอย่างมาก
เหมือนเป็นการบอกบรรดานักเรียนชั้นม.6ที่จบจากที่นี้ไปว่า จงภูมิใจที่ได้รับความรู้จากสถาบันแห่งนี้

ผมได้เป็นตัวแทนนักเรียนชั้นม.4 กล่าวความรู้สึกที่มีต่อรุ่นพี่
ขนาดซ้อมมาเป็นสิบรอบแล้วผมยังตื่นเต้นอยู่เลย
เป็นครั้งแรกที่ได้พูดต่อหน้าคนเป็นพันๆ
ผมพยามเพ่งสมาธิไปยังบทพูด แม้จะมีแสงเฟลชคอยรบกวนตลอดการพูด

“พวกเราดีใจ และภูมิใจที่ได้เป็นพี่น้องใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ด้วยกัน ขอให้พี่ๆโชคดี และพบกับความสำเร็จในชีวิต ด้วยรักจากใจ น้องๆชั้นมัธยมศึกษาปีที่4”
ผมพูดประโยคสุดท้ายของบท พร้อมก้มคำนับประธานในพิธี แล้วเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองซึ่งอยู่ด้านหน้าสุด ผมถอนหายใจโล่งอกที่ตัวเองพูดไม่ผิดเลย

ต่อไปเป็นการกล่าวความรู้สึกของชั้นม.5
ผมเพิ่งสังเกตเห็นคนที่เป็นตัวแทนชั้นม.5 ทั้งที่เมื่อกี้เขาก็นั่งข้างๆผม
สงสัยมัวแต่เตรียมตัวอ่านบทพูดเลยลืมสังเกตไป
ระหว่างที่พี่คนนั้นพูด ผมก็มองเขาตลอด รู้สึกว่าหน้าตาน่ารักดี
ผิวขาว คิ้วเข้ม ปากแดงอมชมพู ผมสีน้ำตาลเข้ม แต่ตัวเล็กไปหน่อย ตัวเท่าผมเลย
ผมไม่ได้ฟังสิ่งที่พี่เค้าพูดเลยสักนิด มัวแต่มองพี่เค้าอย่างเดียว จนพี่เค้าพูดจบ ผมเลยรู้สึกตัวเพราะเสียงปรบมือของคนในโบสถ์

พี่เค้ากลับมานั่งที่นั่งของตัวเองซึ่งนั่งข้างๆผม
ที่นั่งแถวของเรามีแต่เรานั่งอยู่สองคน เพราะทางโรงเรียนให้ตัวแทนนักเรียนที่จะกล่าวความรู้สึกนั่งอยู่ข้างหน้าสุด
ผมยังแอบๆมองพี่เค้าอยู่ มองด้านข้างก็น่ารัก เห็นชัดเลยว่าจมูกโด่งได้รูปที่เดียว
และแล้วพี่เค้าก็หันมาหาผม สายตาของผมกับพี่เค้าเลยจ๊ะเอ๋กันเข้า
ผมเลยหันหน้ากลับมาอัตโนมัติทันที พยายามเก็บอาการเขินไม่ไห้พี่เค้าเห็น
“น้องครับ น้องชื่ออะไร” พี่เค้าดันถามชื่อผม

“ชื่อโจ้ครับ” ผมหันไปตอบ

“น้องคือเด็กห้องศิลป์คำนวณที่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นใช่ป่ะ”

“ชะ ชะ ใช่ครับ” ผมตอบตามความจริง เพราะเกรดออกแล้ว ซึ่งผมได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดของชั้น

“น้องแน่มาก ปราบเด็กวิทย์ซะราบเลยนะ” ดูพี่เค้าจะชื่นชมผมมาก คงเพราะปกติแล้วที่หนึ่งของชั้นส่วนมากเป็นเด็กห้องวิทย์ซะมากกว่า พอปีนี้ที่หนึ่งเป็นเด็กห้องศิลป์ (ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะได้ที่หนึ่งของชั้น) ก็เลยฮือฮาเป็นพิเศษ จนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของโรงเรียนไปเลย ผลสุดท้ายผมเลยมาเป็นตัวแทนรุ่นกล่าวความรู้สึกต่อพี่ม.6 อย่างที่เห็นนี้แหละ
“พี่ชื่อ หมี อยู่ห้องวิทย์ ห้องเดียวกับพวกไอ้เอ๊ด ไอ้เติ้ง” พี่เค้าแนะนำตัวกับผม ที่แท้เป็นเพื่อนกับประธานและรองประธานชมรมของผมนั่นเอง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ คงได้คุยกันอีก” พี่เค้าปิดการสนทนาเพราะเราต้องออกจากโบสถ์ เพื่อทำพิธีลำดับต่อไป

ผมเดินมาหาเพื่อนๆที่กำลังตั้งแถวอยู่หน้าบันไดทางเข้าโบสถ์ เพื่อรอให้พี่ม.6ออกมาแล้วเอาดอกกุหลาบไปให้
“โจ้ๆ ทางนี้” เสียงของเชียร์ ผมเห็นเพื่อนตัวดีชูมือเรียกผม

“คนเยอะจังอ่ะ” ผมบ่นเพราะคนเบียดจนผมเดินไม่ได้

สักพักปอก็เดินมาหาพร้อมหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่มาให้

“เค้าให้คนละกี่ดอกว่ะ”เชียร์ถาม

“ไม่รู้ว่ะ กูหยิบมาไม่ได้นับ” ปอยื่นดอกกุหลาบมาให้ผมทีละดอก

“ถึงจะได้กี่ดอกก็ให้พี่ไม่กี่คนหรอก”ผมตอบ เพราะพี่ม.6ที่รู้จักก็มีแค่ไม่กี่คน

“แล้วมึงจะบอกเค้าวันนี้หรือเปล่า” เชียร์ถามผม เพื่อเตือนถึงสิ่งที่ผมควรบอกให้คนๆหนึ่งได้รับรู้สักที
ผมเงียบสักครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้เพื่อนทั้งสอง

“บอกซิ” ผมตอบอย่างชัดเจน พร้อมความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องมานาน
เชียร์กับปอยิ้ม พร้อมเอามือมาแตะบ่าผมเป็นการให้กำลังใจ

“สู้ๆนะ” เชียร์ให้กำลังใจผม

“อืมม” ผมยิ้มรับกำลังใจจากมัน

“โน้น มาแล้ว” ปอชี้ให้ดูคนที่ผมมุ่งมั่นจะบอกความในใจให้เขาได้รับรู้

ชายร่างสูงใหญ่ หุ่นนักกีฬา ผมดำเข้มที่เริ่มยาวประบ่า ทำให้ผิวขาวเนียนยิ่งเด่นชัด ในมือหอบดอกไม้จำนวนมากที่บ่งบอกเลยว่า เจ้าตัวเป็นที่ชื่นชอบแก่บรรดารุ่นน้องมากแค่ไหน

ผมยังคงมองชายคนนั้น ผู้ชายที่เป็นรักแรกของผม แม้ผมกับเค้าจะสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์นั้นก็เป็นแบบพี่น้อง ที่ผมเองไม่พยายามทำให้มันเกินไปกว่านั้น เพราะรู้ตัวดีอยู่เสมอว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวเค้ามีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว แต่ผมก็ดีใจที่ได้รู้จักเค้า และมีประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน

“ไปเหอะ” แล้วไอ้เชียร์ก็ลากผมไปเมื่อเห็นพี่เค้าแยกตัวไปในห้องน้ำ

“พี่ยอด” เชียร์เรียกเจ้าของชื่อ ที่ยื่นอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ

“อ้าวเชียร์” พี่ยอดยิ้มให้เชียร์ แต่คงเห็นผมแอบอยู่ข้างหลังเชียร์ เลยยื่นหน้ามายิ้มให้

เชียร์ยื่นดอกกุหลาบมาให้พี่ยอด “ดีใจด้วยนะครับ ยังไงก็ขอให้โชคดี ตั้งใจเรียนป.ตรีนะ”

พี่ยอดบอกขอบใจพร้อมรับดอกกุหลาบจากเชียร์

“ไม่น่าให้พี่เลย มีคนให้เยอะอยู่แล้วนี้” เชียร์เริ่มแซว

พี่ยอดหัวเราะ “พอเชียร์กับโจ้จบก็คงได้เยอะกว่าพี่ม้าง”

“เออ พี่ยอด โจ้มันมีเรื่องจะพูดกับพี่” แล้วเชียร์มันก็เริ่มเข้าเรื่อง

พี่ยอดทำหน้างงงง แล้วหันมามองที่ผม ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย

“เชียร์ขอตัวเอาดอกกุหลาบไปให้พี่ๆคนอื่นๆก่อนนะ” แล้วเชียร์มันก็ปล่อยให้ผมอยู่กับพี่ยอดสองต่อสอง

ผมยืนเงียบทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเริ่มด้วยคำพูดไหนดี

“พี่ว่าเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ผมเองก็เห็นด้วย ให้มาสารภาพรักในห้องน้ำคงไม่ดีแน่

พี่ยอดเดินนำผมออกไป จนถึงห้องโถงตึกหอประชุมกลางซึ่งมีแต่คนแน่นไปหมด ผมเริ่มมองไม่เห็นพี่ยอดแล้ว
แต่แล้วก็มีมือมาคว้าแขนผมไว้ ผมหันไปมอง เห็นพี่ยอดยืนยิ้มอยู่
“เดี๋ยวไปทางลัดดีกว่า” แล้วพี่ยอดก็ลากผมไป โดยพี่เค้าเลื่อนมือมาจับมือผม พาผมออกด้านหลังของห้องโถง
แล้วอ้อมไปทางสนามบอลที่ติดอยู่กับหอประชุมกลาง ก่อนจะวกกลับไปตามทางเดินซึ่งตรงไปยังทะเลสาบของด้านหน้าของโรงเรียน

ตลอดทางที่เดินพี่ยอดจับมือผม ผมไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน ทั้งที่ทางที่พี่ยอดพาผมเดินนั้นไกลเกือบกิโล แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันสั้นเหลือเกิน

พอมาถึงม้านั่งใกล้ทะเลสาบ พี่ยอดก็ปล่อยมือผม แล้วเดินไปนั่งตรงม้านั่ง ผมก็ค่อยๆเดินไปนั่งข้างๆ
พี่ยอดหันมามองผม ซึ่งผมเองก็หันมามองพี่ยอดเช่นกัน

“พี่รู้นะว่าโจ้อยากบอกอะไรพี่” พี่เขาพูดยิ้มๆ ผมเองก็ตกใจที่พี่เค้ารู้ความในใจของผม

“พี่ดูออกว่าโจ้คิดยังไงกับพี่” พี่เขาตอบพร้อมหันหน้าไปมองทะเลสาบ

“ตลอด3ปีที่พี่อยู่ที่นี้ มีคนมาสารภาพรักกับพี่เยอะจนนับไม่ได้” พี่ยอดพูดพร้อมหยิบก้อนหินเควี่ยงไปที่ทะเลสาบ

ผมนึกในใจว่าถึงพี่เค้าไม่บอกก็พอรู้ เพราะพี่เค้าหล่อซะขนาดนั้น แถมนิสัยโคตรรดีเลย ใครจะไม่ชอบว่ะ

“ขนาดเพื่อนในห้องเดียวกัน ยังมีเลย” พี่เค้าพูดพร้อมหัวเราะ ฮิ ฮิ ในลำคอ

“พี่เองก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอก แต่พี่พอรู้ว่าคนพวกนั้นชอบพี่เพราะอะไร เค้าชอบเพราะที่หน้าตาของพี่ ชอบเพราะรูปร่างของพี่ ชอบเพราะฐานะของพ่อพี่ ชอบเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปร่างภายนอกของพี่ จะมีสักกี่คนที่บอกว่ารักพี่ แล้วชอบที่ภายในจิตใจของพี่จริงๆ” หมดประโยคนี้ พี่ยอดเคี้ยวงก้อนหินไปสุดแรง จนหยดน้ำกระเด็นมาถูกเราสองคน

ผมหันไปมองพี่ยอด พร้อมนึกตามคำพูดของพี่เค้า ผมยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นพี่เค้าผมชอบเพราะหน้าตา รูปร่าง ของพี่เค้าจริงๆ แต่พอได้รู้จัก ได้พูดคุย ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นไปอีก

ผมกับพี่ยอด นั่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะพี่ยอดแย่งพูดความรู้สึกของผมไปหมดแล้ว

“ใกล้เวลาทานอาหารเที่ยง เราไปกันเถอะ” แล้วพี่ยอดก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ผมยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่ง

แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา ผมกลั่นมันไว้ไม่อยู่จริงๆ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง แม้ว่าพี่ยอดไม่ได้ตอบปฏิเสธผม แต่คำพูดของพี่ยอดมันเหมือนดูถูกว่าผมจะรักคนๆหนึ่งเพราะแค่มองจากภายนอกเท่านั้น

ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้พี่เค้าคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นเด็ดขาด

ผมลุกขึ้นจากม้านั่ง หันไปมองที่พี่ยอดที่กำลังเดินห่างออกไปจากผมช้าๆ

ผมรู้ว่าอีกไม่นาน พี่ยอดก็จะไปจากผมแล้ว อาจจะไปจากชีวิตผมด้วยซ้ำ เพราะพี่ยอดจะย้ายไปเรียนต่ออังกฤษ และอาจจะย้ายไปอยู่ที่นั่นตลอดเลยด้วย

นี้จะเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะทำให้รักครั้งแรกของผม

ผมวิ่งไปสุดแรง สายตายังคงจ้องด้านหลังของผู้ชายที่ผมเฝ้ามองมาตลอดเกือบปี
ผมวิ่งไปถึงพี่ยอด ผมคว้าตัวพี่ยอดไว้ ซบหน้าไปกับหลังของพี่เค้า แล้วน้ำตาของผมก็เริ่มไหล
“ใช่ ผมรักพี่เพราะหน้าตา เพราะรูปร่าง เพราะฐานะ และทุกอย่างที่ผมเห็น แต่รู้ไว้นะ ผมก็รักจิตใจ นิสัย บุคลิก เสื้อผ้า กางเกง รองเท้า ผู้คนรอบข้างในชีวิตของพี่ด้วย”

คำพูดพรั่งพรูออกมาจากปากของผม

ผมค่อยๆปล่อยตัวพี่ยอด แล้วเดินไปเผชิญหน้าของพี่เค้า

“ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพี่ ผมรักพี่มากกว่าที่พี่คิด”

ผมยังคงร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกดีใจที่ผมได้พูดความรู้สึกออกมา และเสียใจที่จะไม่พบกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

พี่ยอดหน้าเหวอไปสักพัก คงตกใจที่ผมพูดไปร้องไห้ แล้วพี่ยอดก็เดินเข้ามากอดผมแน่น

“ขอบใจมากๆ ขอบใจที่มีความรู้สึกดีดีให้พี่ ขอบใจจริงๆ”

ผมเองก็กอดพี่ยอดแน่น น้ำตาแห่งความดีใจมันไหลออกมาแทบไม่หยุด

“พี่เองก็ดีใจที่มีน้องที่น่ารักอย่างโจ้ ดีใจที่มีคนรักพี่ มีคนห่วงพี่ รู้ไว้นะ พี่ก็รักโจ้ และห่วงโจ้ แม้พี่จะเป็นอย่างที่โจ้คิดไม่ได้ แต่พี่จะเป็นพี่ชายที่ดีให้โจ้ ตอบแทนกับความรู้สึกของโจ้ที่มีต่อพี่” แล้วพี่ยอดค่อยๆเลื่อนหน้าลงมา แล้วจูบที่หน้าผากของผม

ผมยิ้มดีใจที่พี่ยอดเข้าใจผม แม้สุดท้ายความรักของผมจะไม่ได้ลงเอยด้วยการเป็นคนรักกัน แต่ก็ผมดีใจและพอใจที่คนที่ผมรัก ได้รับความรู้สึกของผมเอาไว้ และเห็นคุณค่าของมัน

พี่ยอดเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วก็ยื่นมือมาที่ผม ผมก็ยื่นมือไปจับมือของพี่ยอด

เราสองคนเดินมุ่งหน้าไปยังที่หอประชุม

ตลอดทางถึงหอประชุมผมและพี่ยอดจับมือกันแน่น เหมือนยืนยันถึงความรู้สึกของกันและกัน

น้องชายคนนี้จะรักพี่ชายเสมอไปครับ

********************************************************************************

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คู่ที่ 2

หลังจากที่ผมปล่อยให้โจ้อยู่กับพี่ยอดสองต่อสอง ผมก็เดินกลับมาที่ห้องโถงในหอประชุม
ผมมองพวกพี่ม.6กำลังรอรับดอกไม้จากน้องๆ ผมให้ดอกไม้พี่ๆไปหมดแล้ว
เลยมานั่งรอไอ้โจ้อยู่ที่บันไดทางเดินข้างๆกับทางเข้าหอประชุม

รู้สึกว่ามันไปนานจัง ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะพูดอะไรกับพี่ยอดบ้าง
แต่ก็ดีใจที่เห็นเพื่อนกล้าเปิดเผยความในใจ แม้จะรู้ผลลัพท์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ส่วนไอ้ปอก็ไปเตรียมเครื่องดนตรี ที่จะมาเล่นตอนกลางคืนในงานเลี้ยงอำลารุ่นพี่
โดยมีบิ๊กไปช่วยด้วย เพราะบิ๊กต้องร้องเพลงกับวงของไอ้ปอ
เห็นสองคนนี้ ก็อิจฉา เพราะแม้จะเป็นเพื่อนกัน
แต่เห็นท่าทีของทั้งสองคนที่มีให้กัน ก็พอจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคงคืบหน้าไปมากกว่านี้แน่

ส่วนผมก็เรื่อยๆ ทั้งเรื่องเรียนและความรัก ยังคงเหมือนเดิม
ผมยังคบกับพี่แจ๊ค แม้ความรู้สึกของตัวผมเองจะสับสนบ้าง
เพราะคนบางคนที่เข้ามาใกล้ชิดผม ผมเองพยายามจะไม่คิดมากไปกว่านี้
ผมเลยพยายามหลบหน้า หรือไม่ก็พยายามอยู่ห่างๆ
แต่มันก็กลับไม่ช่วยอะไรเลย ผมก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี

“นี้ครับ ดอกกุหลาบสำหรับเชียร์” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ผมคุ้นเคย
ผมหันไปมองดอกกุหลาบ และมองคนที่ยื่นดอกไม้นั้นมาให้ผม
 
“เค้าเอาไว้ให้พี่ม.6ไม่ใช่เหรอ เอามาให้เชียร์ทำไม”

“ก็อยากให้ เห็นนั่งหงอยตั้งนานแล้ว”
พี่เต๋าพูดอย่างนี้แสดงว่าคงมองผมนานแล้ว

“ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ดอกไม้รุ่นน้องในวันอำลารุ่นพี่สักหน่อย”
ผมเลยรับดอกไม้จากพี่เต๋า แล้วพี่แกก็นั่งข้างๆผม

“พักหลังไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ” พี่เต๋าพูดทำเอาผมสะอึก เพราะผมพยายามหนีหน้าพี่เค้าตลอดเลย

“ก็ ยุ่งๆ เตรียมตัวสอบเลยไม่ค่อยได้ออกจากห้องไปไหน” ผมแก้ตัว

“จริงเหรอ” พี่เต๋าหันมามองหน้าผม พร้อมทำหน้าสงสัย

“อะไรอีกหละ เชียร์จะโกหกพี่ทำไม” ผมหันมาทำเสียงดุ พี่เต๋าเลยหัวเราะออกมา

“นานๆจะได้คุยกันแบบนี้สักที ไม่ได้แหย่ใครมานานแล้ว”

“เห็นเชียร์เป็นที่ระบายอารมณ์เหรอไง” ผมเริ่มโวยวาย

“ป่าวๆสักหน่อย ก็เคยบอกแล้วไงว่าพี่ชอบตอนเชียร์โมโห น่ารักดี”

“มันน่ารักตรงไหน” คนบ้าอะไรชอบคนตอนโกรธ

“พอเชียร์โกรธ หน้าผากจะย่น คิ้วก็จะขมวดมาชนกัน แล้วก็ทำปากเบะออกมา ตลกดี” พี่เต๋าพูดกวนอีกแล้ว
“ที่แท้ก็เห็นเราเป็นตัวตลก” ผมทำท่างอนๆ มันสมควรจะงอนมั้ยหละ

“ล้อเล่นหรอกน่า” แล้วพี่เต๋าก็เขยิบตัวมากอดคอผม ผมทำตาโตตกใจมาก ไม่นึกว่าพี่เต๋าเค้าจะถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ แต่ผมเข้าใจว่าที่เค้าทำแบบนี้เพราะนิสัยแบบผู้ชายของเค้า ผมเลยไม่ว่าอะไร ปล่อยให้โอบผมไปอย่างนั้น แต่อยากบอกว่ามันรู้สึกหวิวๆยังไงไม่รู้

“แล้วเพื่อนซี้ทั้งสองคนหายไปไหนแล้วหละ ทำไมปล่อยให้เชียร์นั่งเหงาคนเดียวแบบนี้” พี่เต๋าชวนคุย รู้สึกว่า พอพี่เค้ากอดคอ เวลาหันหน้ามาคุยกัน มันรู้สึกจะใกล้ไปหน่อย

“ไอ้ปอมันไปเตรียมเครื่องดนตรี กับบิ๊กอยู่ด้านหลังเวที” ผมบอกพี่เต๋า เวลาคุยกันทำไมพี่เค้าต้องจ้องหน้าด้วยว่ะ มันหวิวอีกแล้ว

“สองคนนั้นชอบกันหรือเปล่าว่ะ เห็นพักหลังสนิทกันจัง” พี่เต๋าตั้งคำถาม

“ตอนนี้ยัง แต่อนาคตผมว่าไม่แน่ เพราะปอมันชอบบิ๊กมานานแล้ว แต่ส่วนบิ๊ก เชียร์นะไม่รู้ว่าชอบไอ้ปอหรือเปล่า แต่ดูจากการกระทำที่มันมีให้ปอก็คงมีแววว่าจะชอบ” ผมเล่าเรื่องราวให้พี่เต๋าฟัง

“อืมม สองคนนั้นเป็นแฟนกันก็ดี แล้วโจ้หละ” พี่เต๋าถามถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง

“รายนั้นเค้าไปสารภาพรักอยู่” ผมพูดไปยิ้มไป

“กับพี่ยอดเหรอ”

“อ้าว! รู้ได้ไง”

“ก็เมื่อกี้เห็นพี่ยอดจูงมือกับโจ้ไปข้างนอกนู้น” พี่เต๋าพูดพลางชี้ออกไปข้างนอกห้อง  ผมมองตาม ก็เห็นคนสองคนตรงริมทะเลสาบ

“พี่ยอดเค้ามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเค้าไม่ได้เป็นเกย์ด้วยนี้” พี่เต๋าสงสัย

“เออ รู้แล้ว” ผมรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว

“แล้วโจ้ยังจะสารภาพรักอีกเหรอ”

“เพื่อนผมมันรู้อยู่แล้ว แต่มันแค่อยากให้พี่เค้ารู้ถึงความรู้สึกมันเฉยๆ”

“ทำแล้วได้อะไร”

“ไปถามมันเองดิ มาถามอะไรเชียร์เล่า” ผมทำเสียงดุ

“โอเค ไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วเชียร์หละ ความรักเป็นไงบ้าง” อยู่ดีดีพี่เต๋าก็ถามเรื่องความรักของผม

“ก็ เรื่อยๆ ไม่มีอะไร”ผมตอบ แต่ก็อยากจะบอกว่า มีใครก็ไม่รู้มาทำให้ผมสับสนอยู่เนี้ย

“ไม่เหงาเหรอ ที่อยู่ห่างกันขนาดนั้น” พี่เต๋าเริ่มถามอีก

“เหงาซิ เชียร์เลยต้องอยู่กับเพื่อนจะได้ช่วยแก้เหงา” ผมตอบพร้อมถอนหายใจ

“มันช่วยได้จริงเหรอ” พี่เต๋าพูดเสร็จ ผมก็หันมามองหน้าพี่เค้า เหมือนเค้ารู้ความรู้สึกของผม

“แล้วเชียร์มั่นใจเหรอว่า ทั้งเชียร์และแฟนของเชียร์จะทนกับความห่างไกลนั้นได้” ยิ่งพี่เค้าพูดก็ยิ่งตรงกับความรู้สึกที่มีตอนนี้

“เชียร์ทนได้” ผมหลบสายตาของพี่เต๋า พยายามไม่ให้เห็นว่าผมเริ่มมีน้ำตา

“ขอโทษที่พี่ถามแบบนั้น เปลี่ยนเรื่องดีกว่า” พี่เต๋าคงเห็นสีหน้าของผม เลยเปลี่ยนเรื่องคุย

“ปีหน้าพี่เป็นประธานชมรม เลยอยากให้เชียร์เป็นเลขาฯของพี่หน่อย”

“จะใช้งานว่างั้น”

“เป็นเลขางานไม่หนักหรอก พี่เห็นว่าเชียร์คงพอจะทำงานด้านเอกสารได้เลยจะมารบกวนหน่อย”

“ได้” ผมตอบตกลง รู้สึกดีที่มีคนเห็นความสำคัญของเรา

“หิวแล้ว ไปกินข้าวเถอะ” พี่เต๋าก็คว้ามือผมลากลงไปในห้องโถง ที่ตอนนี้กลายเป็นโรงอาหารไปแล้ว

โจ้และพี่ยอดก็เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี ผมเห็นว่าสองคนนั้นจับมือกันด้วย

“พี่ยอดเค้าจับมือโจ้แปลว่า เค้าเป็นไบเหรอ” พี่เต๋าถาม

“บ้า ไม่ใช่ม้าง” แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนของผม ที่ยิ้มแป้นซะจนหน้าบาน

ผมชี้ไปที่มือของทั้งสองคน แล้วหันไปถามพี่ยอด

“พี่ยอดนอกใจพี่ฝ้ายเหรอ” ผมทำเสียงเคืองๆ

“คนจับมือกันไม่ได้แปลว่าเป็นแฟนกันสักหน่อย” พี่ยอดเถียง แล้วก็หันมายิ้มหวานให้โจ้

ผมดูยังไงมันก็เหมือนเป็นแฟนกันอยู่ดี พี่ยอดก็ลากโจ้ไปกินข้าว เห็นมือยังจับกันอยู่เลย อะไรกันว่ะคู่นี้

“มัวแต่ดูชาวบ้านเค้าอยู่ได้ ไปกินข้าวได้แล้ว” พี่เต๋าสะกิดผมให้ไปกินข้าวสักที

พอตักข้าวเสร็จผมก็มานั่ง โต๊ะเดียวกับพี่ยอดและโจ้ ดูพี่ยอดจะจู๋จี๋กับไอ้โจ้เหลือเกิน ตกลงพี่ยอดเป็นไบหรือเปล่าเนี้ย  สักพักก็มีคนมานั่งข้าง ผมหันไปมอง เจอพี่เต๋าทำหน้าทะเล้นยิ้มให้ผม

“ไม่ไปนั่งกับเพื่อนเล่า มานั่งอะไรตรงนี้” ผมทำเสียงดุ

“ก็ยังอยากรู้เรื่องของพี่ยอดกับโจ้ ตกลงเค้าไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ทำไมหวานซะขนาดนั้น” พี่เต๋าทำเสียงกระซิบใส่ผม

“ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวค่อยถามโจ้อีกที กินข้าวไปเถอะ”

“เชียร์ ไอ้ปอมันกำลังจะเล่นดนตรีแล้ว” โจ้เรียกผมให้ไปดูบนเวที

“เอาดอกกุหลาบไปให้มันดีกว่า” ผมชวนโจ้ให้เอาดอกกุหลาบไปให้ปอ
“งั้น พี่ไปด้วยจะเอาไปให้ทั้งปอและบิ๊ก” พี่ยอดพูดพร้อมจะลุกตามเราทั้งสองคน

“ไปด้วย ผมขอเอาดอกกุหลาบไปให้น้องเลี้ยงผมด้วย” แล้วไอ้พี่เต๋ามันก็เดิมตามพี่ยอดด้วย

ผมหันไปมองพี่ยอดที่มีโจ้เดินข้างๆ ทั้งสองยังไม่วายจับมือกันตามเคย แม้ผมจะไม่รู้ความในใจของพี่ยอด แต่ผมรู้ว่าเพื่อนของผมคงมีความสุขแค่ไหน แล้วผมก็หันไปมองอีกด้านหนึ่ง

ผู้ชายที่ทำให้ผมอารมณ์ดีตลอดที่อยู่ใกล้ ผู้ชายที่คอยกวนให้ผมอารมณ์เสียตลอดเวลา ผู้ชายที่ชอบแหย่และแกล้งผม และผู้ชายคนนี้ทำให้ความรักของผมกับชายอีกคนหนึ่งเริ่มสั่นคลอน

ตอนนี้ผมลืมพี่แจ๊คไปชั่วขณะ เผลอตัวไปเกาะแขนพี่เต๋า พี่เค้าหันมามองมือของผม
ผมรีบคว้ามันออก อยากให้พี่เค้ารู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ
แต่แล้วพี่เต๋าก็คว้ามือไปจับมือของผม พร้อมยิ้มให้ผม

ผู้ชายสี่คน สองคู่ ในมือต่างถือดอกไม้ พร้อมด้วยความรักในใจที่ล้นเต็มปรี่
แม้พวกเขาจะรู้ว่า อนาคตข้างหน้าที่ปวดร้าวกำลังรออยู่ก็ตาม

********************************************************************************

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คู่ที่ 3

ผมเก็บข้าวของหลังจากเสร็จงานอำลารุ่นพี่ ผมดีใจที่การเล่นดนตรีครั้งแรกของผมผ่านไปด้วยดี
การันตีจากดอกไม้จำนวนมากที่มีคนให้ทั้งผม และเพื่อนๆในวง
ในดอกไม้เหล่านั้น ยังรวมไปถึงเพื่อนรักของผมอีกสองคน ที่วันนี้ดูพวกมันจะมีความสุขกันจังเห็นยิ้มแป้นกันใหญ่เลย

ผมเองก็มีความสุข เพราะวันนี้บิ๊กจะขอค้างที่ห้องด้วย
ตั้งแต่รู้จักกันมา บิ๊กไม่เคยมาที่ห้องของผมเลย ทั้งที่ห้องบิ๊กก็อยู่ตรงข้ามห้องผมแท้ๆ

พอมาถึงห้อง ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็จะจัดห้องให้มันเรียบร้อยหน่อย

“มึงจะจัดห้องทำไม แทนทีจะเก็บข้าวข้องยัดลงกระเป๋า พรุ่งนี้ไม่กลับบ้านเหรอไง ห๊า” ไอ้เชียร์จอมโวยวายพูดกับผม

“เออ กูจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ที่จัดห้องเนี้ย เพราะบิ๊กเค้ามาขอค้างด้วย”

พอพูดจบปุ๊บ ทั้งไอ้โจ้และเชียร์หันมามองผมเป็นตาเดียว

“พวกกูสองคนต้องไปหาที่นอนที่อื่นหรือเปล่า” โจ้พูดแบบนี้คงนึกว่าผมกับบิ๊กจะขออยู่ในห้องสองต่อสอง

“ไม่ใช่อย่างที่พวกมึงคิดแน่นอน บิ๊กที่เค้ามาขอค้าง เพราะเพื่อนเค้าที่ห้องกลับบ้านกันหมดแล้ว บิ๊กมันเลยขอมานั่งเมาท์นั่งคุยกับพวกเราด้วย” ผมเฉลยออกไป พวกมันพูดคำว่า อ๋อ มาแทบจะพร้อมกัน

“แต่กูว่า มึงน่าจะไปค้างกับบิ๊กห้องนู้นมากกว่า จะได้เสร็จๆกันสักที” เชียร์แซว ผมเลยเอาหมอนข้างฟาดมันไปทีหนึ่ง ข้อหาพูดได้โดนใจ อิอิอิ

สักพัก บิ๊กก็เปิดประตูห้องเข้ามา บิ๊กใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงเลย์สีฟ้า(ผ้าบางไปหน่อย ถ้ามองดีๆจะเห็นกางเกงในเลย) มองแล้วน่ารักดี
บิ๊กยิ้มให้ผม ก่อนจะยิ้มให้โจ้และเชียร์

“วันนี้ขอรบกวนหน่อยนะ เราไม่ชอบนอนในห้องคนเดียว” พูดเสร็จบิ๊กก็มานั่งที่เตียงของผมซึ่งผมกำลังนั่งอยู่

“วันนี้ ร้องเพลงเพราะมากเลย บิ๊ก” โจ้เริ่มชมบิ๊ก บิกยิ้มเชิงเป็นการขอบใจ

“เห็นพี่ยอดเคยบอกว่านายก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกันนี้” บิ๊กหันมาคุยกับโจ้ โจ้ยิ้มเขินๆ คงเขินที่พี่ยอดเป็นคนชมมันว่าร้องเพลงเพราะ

ทั้งสองคนก็ร้องเพลงเพราะนะ เสียงของบิ๊กจะหนักและทุ้มกว่า เหมาะจะร้องเพลงร็อค ส่วนโจ้เสียงจะสูงและหวานกว่า เหมาะกับการร้องเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ

“แต่เราว่าดอกไม้นายเยอะมากๆ คงมีคนกรี๊ดเยอะอ่ะดิ” เชียร์แซว บิ๊กหัวเราะแบบเขินๆ นานทีผมจะเห็นบิ๊กเขิน ช่วงหลังๆที่บิ๊กมาสนิทกับผม ดูบิ๊กจะยิ้มแย้มบ่อยขึ้น

“เราเห็นนายสองคน จับมือพี่ชายเรา กับพี่เลี้ยงของเรา มันหมายความว่ายังไงจ๊ะ” แล้วบิ๊กก็ยิ่งมุขเด็จจนไอ้สองคนหงายหลังไปเลย ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน เลยหันไปยกนิ้วโป้งให้บิ๊กที่ถามคำถามเด็ดนี้

โจ้เริ่มเป็นคนสารภาพมาก่อน “คือเรา ไปสารภาพรักกับพี่ยอดมาอ่ะ” โจ้พูดไปเขินไป

“เหรอ แล้วพี่ยอดบอกว่าไง” บิ๊กถาม ผมเองก็หันไปมองบิ๊ก เพราะรู้ว่าบิ๊กก็ชอบพี่ยอดเหมือนกัน

“นายก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว พี่เค้าก็เป็นได้แค่พี่ชายของเราเท่านั้น” โจ้หันมายิ้มให้บิ๊ก

“พี่ชายอะไรว่ะ จับมือถือแขนกันยิ่งกว่าแฟนเค้าซะอีก” เชียร์หันมาแซว

“ไม่ต้องมาแขวะกูเลย ตามึงเล่าแล้วว่า ไปทำอีท่าไหน ถึงไปติดหนึบอยู่กับพี่เต๋า ไหนบอกว่าไม่คิดอะไรไง” ตาโจ้เอาคืนไอ้เชียร์บ้างแล้ว

“ติดหนึบอะไร พี่เค้าแค่มาบอกว่าอยากให้กูเป็นเลขาฯของชมรม” เชียร์เริ่มแก้ตัว

“แล้วทำไมต้องเป็นนายด้วย คนอื่นเป็นไม่ได้เหรอไง” บิ๊กเริ่มจับผิด

“จะไปรู้เหรอ” เชียร์ขมวดคิ้ว

“แค่นี้มึงยังไม่รู้เหรอว่าเค้าชวนเพราะอะไร” โจ้หันมาแซวเชียร์

“ไม่รู้โว้ยยยยย” เชียร์พูดเสียงดังพร้อมส่ายหัว ทั้งผมและบิ๊กและโจ้ต่างหัวเราะกับท่าทีของมัน

“พี่เค้าเป็นผู้ชายโว้ย กูก็มีแฟนแล้วด้วย” เชียร์พูดเหมือนจะเตือนสติตัวเอง

“ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงกันได้ จากผู้ชายก็กลายเป็นเกย์ได้ คนที่รักกันก็อาจเลิกกันได้” บิ๊กพูดกับเชียร์ ทำเอาเชียร์นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง

“แล้วนายหละ คิดยังไงกับเพื่อนเรา” แล้วไอ้เชียร์ก็สวนกลับบิ๊ก ทั้งบิ๊กกับผมอึ้งกันไปพร้อมกันเลย

ไอ้เชียร์แอบยิ้มดีใจที่จัดการบิ๊กซะอยู่หมัด

“เออ คือ เออ” บิ๊กอ้ำอึ้ง หันมามองผม ผมเองก็สบตาบิ๊ก ทั้งที่ในใจก็อยากรู้แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด หากคำตอบไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

“เราขอโทษนะ คือ เราขอคุยกับปอแค่สองคนเท่านั้นได้ไหม” บิ๊กทำเสียงเศร้าๆ แล้วเดินออกจากห้องไป โดยลากผมไปด้วย

ผมเข้ามาที่ห้องของบิ๊ก โดยที่บิ๊กนั่งลงบนเตียง ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างๆ
ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ยังไม่ได้เปิดไฟเลย ผมเลยเดินจะไปกดสวิตซ์ไฟ แต่บิ๊กห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องเปิดไฟหรอก นายมานั่งข้างๆเรานี้” บิ๊กสั่ง ผมเลยทำตาม

พอนั่งข้างๆบิ๊ก ผมก็หันไปมอง แม้ในห้องจะมืดแต่ผมก็ยังเห็นใบหน้าของคนที่ผมกำลังรอคำตอบว่าเขารู้สึกยังไงกับผมกันแน่

“อย่าจ้องหน้าเราดิ เราอึดอัดนะ” บิ๊กหันมาดุ

“ขะ ขะ ขอโทษ” แล้วผมก็ต้องหันหน้ากลับไป

แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบเกือบสิบนาที ผมทนไม่ไหว เป็นไงเป็นกันว่ะ

“บิ๊ก” ผมหันไปหาบิ๊ก พร้อมจับมือแน่น

“อะ อะ อะไร” บิ๊กทำหน้าเหวอ

“ยังไม่รู้อีกเหรอว่า เราจะพูดอะไร” ผมเริ่มคาดคั้น

“รู้ เรารู้ตลอดว่านายคิดยังไงกับเรา” บิ๊กพูดเสร็จก็หันหน้าหนีไป

“แล้วนายหละ บอกมาเถอะ เรารับได้” ผมพยายามไม่บีบคั้นอะไรมาก แม้จะอยากรู้ใจขาดก็ตาม

บิ๊กไม่ตอบ คงอึกอัดอยากจะพูดออกมา ผมเห็นท่าทีก็คงพอรู้ว่ามันคืออะไร

ผมเลยปล่อยมือบิ๊ก พร้อมลุกจะเดินออกจากห้อง

“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ เอาเป็นว่าเรายังรู้สึกกับนายเหมือนเดิม นายก็ถือว่าเราไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วกัน” แม้ปากบอกว่ารับได้แต่มันก็ทำไม่ได้อย่างที่พูด

“เฮ้ยๆเดี๋ยวก่อน” บิ๊กรีบมาคว้าตัวไว้ก่อน

“ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ฟังเราพูดก่อนดิ” บิ๊กพูดอย่างนี้ แสดงว่าผมมีลุ้นใช่ป่ะ

บิ๊กลากผมมาที่ระเบียง พร้อมจับมือผมทั้งสองข้าง

“ไม่รู้จะพูดไงดีว่ะ” บิ๊กอมยิ้ม

“ถ้าไม่พูดเรากลับห้องนะ” ผมแกล้งขู่ แล้วทำท่าจะเดินกลับห้อง

“พูดแล้ว พูดแล้ว” บิ๊กเริ่มสักที

“เอ่อ แบบว่า แต่ก่อนเราชอบคนๆหนึ่ง ไม่ใช่มาสเตอร์เบิร์ดรหรอกนะ” ผมรู้ว่าคนนั้นคือพี่ยอด

“แต่เรารู้แล้วว่า เรารักคนนั้นไม่ได้”บิ๊กพูดออกมาพร้อมจ้องตาผม

“รู้ไหมทำไม” บิ๊กถามผม ผมงงกับคำถามเลยไม่ได้ตอบอะไร

“เพราะเรารักนายแล้วไง” แล้วบิ๊กก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผม

ผมเหวอไปนานเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกเลย

พอเรียกสติมาได้  ผมเลยคว้าตัวบิ๊กมากอด ความรู้สึกที่อัดอั้นมาทั้งปีก็ได้เปิดเผยหมดแล้ว

คืนนั้นเราสองคนเลยนอนห้องของบิ๊กด้วยกัน ผมกับบิ๊กก็เป็นอย่างที่ไอ้เชียร์คิดสักที

********************************************************************************

เหมือนจะดูว่าความรักของพวกเราจะลงเอยด้วยดี แต่อย่าลืมนะครับ ว่าพวกเราเพิ่งจบแค่ม.4 ยังเหลือชีวิตในรั่วแห่งนี้อีก2ปี ความรักของเราเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก

----- จบบทนำ -----
ขอพักไปทำมาหากินสัก2อาทิตย์ แล้วจะนำชีวิตม.5มาให้อ่านนะครับ มีเปลี่ยนพระเอกด้วยบางคู่และก็มีตัวละครเพิ่มมาิีอีก
สุขสันต์วันแห่งความรัก
----ที่ใดมีรักย่อมมีความหวัง----

three

  • บุคคลทั่วไป
ที่ใดมีรักย่อมมีความหวัง :m4:
แล้วผมควรที่จะหวังอยู่อีกไหมอ่ะ :m15:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จบภาคม.4ไปแบบซึ้งๆน่ะคับ แต่จั่วหัวไว้ซะ น่ากลัวเลยอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ความรักมักสวยงามเสมอ จิงเหรอ??

รอตอนม.5 ฮับบบบบบบ :m4:

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
แล้วจะรออ่านช่วงชีวิตในช่วง ม. 5 นะค้าบบ...^^

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
อีก 2อาทิตย์หรอ :serius2:

มีการเปลี่ยนตัวพระเอกด้วย :serius2: :serius2:

 :oni1: :oni1:แต่ยังไงก้อจะรออ่านนะค๊า

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
โห...ต้องรออีกตั้ง 2 อาทิตย์

แต่อย่างไรก็รอได้คร๊าบบบ  :oni2:

Ken Ken

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

จบได้น่ารักน่าลุ้นดีจัง

ต่อไปก็รอลุ้นม.5 ต่อ

 :m1: :m1:


snowblack

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆในที่สุดก็ได้อ่านภาคม. 5  o7

สองอาทิตย์เลยหรอครับพี่โจ้ :sad2:

เฝ้ารออยู่นะครับ :m13:

dark789

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านอยู่นะครับ ^^ สองอาทิตย์ก็จะรอ อิอิ

ชอบคาแร๊กเตอร์ของโจ้ที่สุดเลยยยย

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
 :m1:....โห้ยยยย....น่ารักกันจริงๆ....

 :sad2:....แต่ให้รอตั้งสองอาทิตย์เนี่ย...ไม่ไหวนะ....ลงแดงกันพอดี.....

 :a12:....เอาเป็นว่าจะนอนรอล่ะกัน....

 o13

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
พึ่งจะได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้

โหยๆ ชอบมากๆเลย

โดยเฉพาะ เรื่องของ ปอ

มีหลายรสดีครับ ชอบๆ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5

three

  • บุคคลทั่วไป

snowblack

  • บุคคลทั่วไป

dekchin

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 1 คำอธิษฐานของความรัก

คู่ที่ 1

เช้าวันเปิดเทอมกับชีวิตม.5ของพวกผม ได้เริ่มต้นขึ้น
ผมเองก็ตื่นเต้นเล็กน้อยกับการเปิดเทอมครั้งนี้ คงเพราะพวกผมเป็นรุ่นพี่แล้ว
อยากเห็นพวกน้องๆจังเลย

ผมลุกขึ้นจากเตียงนอน คาดว่าผมคงตื่นเป็นคนแรก
เพราะปกติผมจะต้องเป็นคนปลุกเจ้าเพื่อนสองตัว ที่นอนขี้เซาชะมัด
แต่ปรากฏว่า มีแต่เชียร์คนเดียวที่ยังนอนอยู่ ส่วนปอคงตื่นแล้วเพราะไม่เห็นที่เตียง
“ตื่นเร็ว เมื่อไหร่แกจะตื่นเองได้สักทีว่ะ จะได้ไม่ต้องมารบกวนกู” ผมบ่นมาเป็นสิบๆรอบแล้วและคงจะต้องบ่นแบบนี้ต่อๆไปแน่

“อื้อ อื้อ” เชียร์ทำเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ตัวไม่ขยับเลยสักนิด ผมเลยต้องใช้ท่าไม้ตายขั้นสุดท้าย

“ย้ากส์..........ย้ากส์.........” ผมกระโดดถีบไอ้เชียร์จนตกเตียงไปเลย

“ไอ้สัตว์ กูตื่นแล้วโว้ย จะถีบทำเหี้ยอะไร” เชียร์โวยวาย

“ตื่นห่าอะไร กูไม่เห็นมีส่วนไหนของมึงกระดิกเลย” ผมด่ากลับ

“นี่ไง จู๋กูกระดิกแล้ว ไม่เห็นเหรอ” ไอ้เชียร์มันชี้ไปที่เป้าของมัน  ที่ตอนนี้รู้สึกว่าจะตุงเป็นพิเศษ

“ไอ้ทุเรศ ไปอาบน้ำเลยไป” แม้ผมจะเป็นเพื่อนมัน แต่ก็เขินนะ

ไอ้เชียร์หัวเราะที่เห็นผมหน้าแดง แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป

ผมกับเชียร์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สักพักเชียร์ก็มันพูดขึ้นมาว่า
“เฮ้ย ไอ้ปอมันไม่ได้เอากระเป๋าเรียนไปเหรอ” เชียร์ชี้ไปที่กระเป๋าบนหัวเตียงของปอ
ผมแปลกใจเพราะมันไม่น่าลืมกระเป๋านักเรียนไปด้วย
แล้วก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา เจ้าตัวนั้นเอง

ไอ้ปอมันยังใส่ชุดนอนอยู่เลย มันไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอเนี้ย
แล้วมันไปไหนมาว่ะ
พอผมกับเชียร์จะถาม มันก็ตอบมาก่อน

“คือ เมื่อคืนกูไปค้างที่ห้องของบิ๊กมาอ่ะ” มันทำท่าเขินๆ

“พวกมึงไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอกู เดี๋ยวกูตามไป” ว่าแล้วมันก็รีบเข้าห้องน้ำทันที โดยที่พวกเรายังไม่ได้ถามอะไรมันเลย

“ไอ้สองคนนี้มันร้ายเนอะ พอเริ่มคบกันก็ติดกันแจเชียว” เชียร์เริ่มบ่น

“ไปค้างห้องคนอื่นเค้า รูมเมทของบิ๊กมันไม่ว่าเหรอ” ผมสงสัย

“แหม! มันคงไม่ทำอะไรกันหรอก คงนอนเฉยๆม้าง มันคงไม่กล้าเล่นหนังสดให้ใครดูหรอกว่า เอ๊ะ!หรือว่าก็ไม่แน่ว่ะ ไอ้ปอยิ่งชอบทำอะไรที่ไม่คาดคิดอยู่”

“กูว่าช่างเรื่องของมัน รีบไปกันดีกว่า” ผมลากเจ้าเพื่อนตัวดีออกจากห้อง เพื่อไปทานข้าวเช้าที่โรงอาหาร

เปิดเทอมวันแรกรู้สึกว่า คนจะเยอะเป็นพิเศษ ดูอะไรก็แปลกหูแปลกตาไปหมด
พี่ๆม.6ก็ไม่อยู่แล้ว มีน้องหน้าใหม่ๆเมาแทน
ทำเอาผมนึกถึงพี่ยอด ที่ปกติ ตอนเช้าผมจะคอยมองพี่เขาออกมาจากหอ เพื่อมานั่งทานข้าวเช้าที่โรงอาหารกับเพื่อนๆ
นึกถึงตอนที่พี่เขาหวีผมและแต่งตัวก่อนขึ้นห้องเรียน
นึกถึงตอนพี่เขาเล่นบาสกับเพื่อนๆในวันที่คาบแรกเป็นชั่วโมงพละ
และก็นึกถึงเพี่เขา.... “ไอ้โจ้ ไอ้โจ้” เสียงของเชียร์ดังก้องอยู่ในหัว

“อะไร อะไร” ผมหันไปถาม

“นั่งเหมออะไรว่ะ ข้าวไม่กินหรือไง”

“กิน กิน ดิ”ผมเลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง

“คิดถึงใครหละ พี่ยอดอ่ะดิ” เชียร์แม่งรู้ไปซะทุกเรื่อง

“อืมม งับ...งับ...” ผมตอบพร้อมทานข้าวไปด้วย

“ว่าไงครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาแล้ว

“ไม่ให้นั่ง” ไอ้เชียร์ตะวาดกลับไปใส่พี่เต๋า

“แล้วไง” พี่เต๋าฟังซะที่ไหน นั่งลงข้างเชียร์เลย

เชียร์มันคงรู้ว่าห้ามไปก็เท่านั้น เลยทำเป็นไม่สนใจ

“กับข้าวน่ากินเนอะ  ขอกินหน่อยเด่ะ” พี่เต๋าพูดพร้อมแอบจิ๊กไส้กรอกบนจานของเชียร์

“โอ๊ย ทำไมมารยาทแย่อย่างเนี้ย” เชียร์เริ่มวีน
ดูพี่เต๋าจะสะใจที่ทำให้เชียร์โวยวายได้
สองคนนี้ดูไปก็น่ารักดีนะ หยอกกันไปหยอกกันมา เพื่อนผมบอกว่าไม่คิดอะไรกับเขา แต่ผมว่าใจมันคิดแน่นอน

สักพัก ปอกับบิ๊กก็มา
“รอกูด้วยนะ อย่างเพิ่งรีบกินกันหมดหละ” ปอมันเอากระเป๋ามาวางแล้วก็พาบิ๊กไปสั่งกับข้าว
ดูกระหนุ่งกระหนิงกันยังไงก็ไม่รู้

หันไปทางขวาก็เจอเชียร์กับพี่เต๋า หันไปทางซ้ายก็เห็นปอกับบิ๊ก
รู้สึกว่าตัวเองทำไมว้าเหว่จัง
“กูลืมของว่ะ เดี๋ยวกูมานะ” ผมแกล้งบอกเชียร์ไปอย่างนั้น แต่ที่จริงไม่อยากอยู่ดูเพื่อนๆมันสวีทกับคู่ของมัน

ผมแยกตัวออกมาเดินตรงสนามบอล รู้สึกเหงาจังที่ตัวเองยังไม่มีแฟนกับเขาสักที
สำหรับความสัมพันธ์ของผมกับพี่ยอดก็แค่พี่น้องเท่านั้น ถึงผมจะรู้จักความรักบ้างแล้ว
แต่ไม่เคยได้รับความรักจากใครเลย อยากได้รับความรักจากใครสักคนบ้างจัง
ผมมายืนหยุดตรงหน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ ผมจำได้ว่าปีที่แล้วผมมาขอท่านให้สามารถสอบผ่านทุกวิชา และก็ให้ใช้ชีวิตที่นี้ได้อย่างราบรื่น แต่ปีนี้ผมจะไม่ขออย่างนั้น

“ขอให้ผมมีแฟนกับเขาบ้างเถอะ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะขอคำอธิษฐาน
สักพักก็เหมือนมีลมพัดแรงพัดผ่านผมไป จนผมขนลุกซู่

กริ๊งงงงงงงงง............................................................

โรงเรียนเข้าแล้ว ผมรีบออกจากตรงรูปปั้นและวิ่งไปที่ตึกเรียน

“น้องๆ” เหมือนมีคนเรียก ผมหันไปมอง

“น้องทำของตกไว้ครับ” รุ่นพี่คนหนึ่งยื่นสมุดจดของผมมาให้

“ขอบคุณครับ ถ้าเล่มนี้หายซวยแน่ เพราะผมจดตารางสอนไว้” ผมรับสมุดจากรุ่นพี่คนนั้น

“น้องโจ้ใช่มั้ย จำพี่ไม่ได้เหรอ” รุ่นพี่คนนั้นทักทาย ผมแปลกใจที่พี่เขารู้ชื่อผม

“พี่หมีไง ที่เจอกันตอนงานอำลารุ่นพี่ไง”พี่เขาพยายามทบทวนความจำ
แล้วผมก็นึกถึงงานวันนั้น ผมเป็นตัวแทนนักเรียนกล่าวอำลารุ่นพี่กับรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง
อ๋อ จำได้แล้ว รุ่นพี่คนนั้นนั้นเอง

“ครับ จำได้แล้วครับ” ผมนี้แย่จัง เค้าอุตส่าห์จำเราได้

“กลับห้องเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน”
เราสองคนแยกกันตรงนั้น พี่เขาเรียนอีกตึกหนึ่ง เลยเดินไปกันคนละทาง
ผมเดินกลับห้อง แต่ก็ยังหันหลังไปมองพี่เขาอีกครั้ง
แล้วก็เดินยิ้มๆกลับมาที่ห้อง

“มึงลืมอะไรไว้เหรอ หายไปนานเลยนะ” ปอทักหลังจากเห็นผมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ

“นี่ไง” ผมโชว์สมุดให้ปอดู

“นี้ๆ เมื่อกี้ มึงคุยกับใคร กูเห็นนะเว้ย” ไอ้เชียร์เสนอหน้ามาเชียว

“ก็รุ่นพี่ที่พูดสุนทรพจน์วันอำลารุ่นพี่ไง” ผมตอบ พลางนึกถึงหน้าของพี่หมีไปด้วย นึกปุ๊บก็ยิ้มปั๊บ ผมเป็นอะไรไปเนี้ย

“อ๋อ รุ่นพี่ที่ชื่อหมีใช่ไหม” เชียร์ตอบ

“มึงไปรู้จักประธานนักเรียนคนใหม่ตอนไหนเนี้ย” ปอถามผม

“ห๊า...ว่าไงนะ” ผมตกใจไม่นึกว่าพี่หมีเป็นประธานนักเรียน

“มึงหันเดินไปดูบอร์ดตรงหน้าห้องปกครองซะมั้งนะ พี่เขาออกจะเด่นซะขนาดนั้น” เชียร์เหน็บแนม

“มันจะไปรู้อะไร วันๆเอาแต่เพ้อถึงพี่ยอด พี่ยอด” ปอสมทบอีกคน

“กรูเลิกเพ้อแล้ว” ผมสวนกลับไป

“จิงอ่ะ มึงมีคนใหม่ให้เพ้อแล้วเหรอ” เชียร์ยังไม่เลิกแซว

“พวกมึงจำไว้นะ ว่ากรูจะไม่เพ้อถึงใครอีก ถึงคราวที่จะต้องมีคนเพ้อถึงกรูบ้าง”

ผมพูดอย่างมีอารมณ์ ป่าวโกรธพวกมันที่แซวผมหรอกนะ แต่โกรธที่ยังไม่มีคนมาชอบผมสักที

ดูพวกมันอึ้งๆที่ผมตอบอย่างมุ่งมั่นแบบนั้น
ที่ผมพูดไป ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมจะต้องทำให้ได้จริงๆ

คู่ที่ 2

หลังจากเข้าเรียนในช่วงครึ่งวันเช้าแล้ว ผมก็แยกตัวจากปอและโจ้มาที่ห้องชมรมของผม
ผมต้องรีบมาเคลียร์เอกสารต่างๆที่ต้องใช้ในวันเปิดโลกชมรม เพราะตอนนี้ผมรับตำแหน่งเลขาของชมรมเรียบร้อยแล้ว

“อะไรว่ะเนี้ย ทำไมมันถึงรกอย่างนี้ ไอ้พี่คนเก่ามันไม่เคยคิดจะจัดแฟ้มเลยหรือไงว่ะ”
ผมบ่นอุบอิบ พลางพาดพึงถึงไอ้พี่เลขาคนเก่า เพราะเห็นเอกสารวางอย่างระเกะระกะบนโต๊ะที่จะเป็นที่ทำงานของผม

“มันก็อย่างนี้แหละนิสัยผู้ชาย” เสียงคุ้นๆพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาในห้อง
ผมเงยหน้ามองพี่เต๋าที่กำลังกอดอกยืนพิงเสาหน้าห้องอยู่

“เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่พี่อยากให้เชียร์มาทำงานนี้ไง”

“เอ๊ะ พูดยังกะเชียร์ไม่ใช่ผู้ชาย” ผมย้อนกลับไป

“แล้วคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายไหมหละ” พี่เต๋าทำหน้าทะเล้นย้อนกลับมาอีก

“เป็นหรือไม่เป็นแล้วทำไม” ยิ่งพูดกับอีตาบ้านี้ก็ยิ่งโมโห ผมเลยไม่สนใจหันมาจัดข้าวของบนโต๊ะดีกว่า

“ให้ช่วยไหม” พี่เต๋าถาม
ผมไม่ตอบก้มหน้าจัดข้าวของต่อไป แต่พี่เต๋าก็มาแย่งของในมือ พร้อมเรียงเอกสารให้เรียบร้อย

“งานเลขา มันต้องทำควบคู่พร้อมกับประธาน เราสองคนต้องร่วมงานกันบ่อยมากขึ้นนะ”
ผมฟังคำพูดของพี่เต๋า พร้อมนึกตามไปด้วย “บ่อยกว่าเก่า” แค่นี้ก็เจอกันแทบทุกวินาทีอยู่แล้ว ยังจะมีบ่อยกว่านี้อีกเหรอ

“อีกอย่างพอพี่จบจากที่นี้ไปแล้ว พี่อยากฝากชมรมที่พี่รักมากที่สุดไว้กับเชียร์” คนพูด พูดเสร็จพร้อม กับเอามือวางไว้บนบ่าของผม

“แน่ใจแล้วเหรอ ไม่กลัวชมรมมันจะล้มเหรอ” ผมย้อนถาม

“ถ้าเชียร์ทำชมรมนี้คว่ำไม่เป็นท่า ก็เหมือนทำร้ายหัวใจพี่” พี่เต๋าจ้องตาผม ทำเอาผมอึ้งพูดไม่ออก
ดูท่าทางจะจริงจังกับคำพูดนั้น

“งั้นเตรียมหัวใจวายได้เลย เพราะพี่มองอนาคตประธานชมรมอนุรักษ์ผิดคนซะแล้ว” ผมก้มหน้าหันไปทางอื่นทำเป็นจัดข้าวของ ปกปิดอาการเขินอาย

จู๋ๆพี่เต๋าก็คว้าตัวผมพร้อมหันหน้าไปจ้องตาเขา

“เชียร์คิดว่าพี่จะยอมให้เชียร์ทำกับพี่แบบนั้นเหรอ”
ผมงงที่พี่เต๋าดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำไมตอนนี้ดูเถื่อนจนผมกลัว

“อย่ามาบังคับกันซิ คิดว่าทำแบบนี้แล้วเชียร์จะยอมทำตามหรือไง” ผมตะคอกกลับ

“พี่ไม่ได้บังคับ แต่พี่ขอร้องต่างหาก” พี่เต๋าลดระดับความรุนแรงลง แต่ท่าทางยังดุดันเหมือนเดิม

“แล้วที่ทำอยู่เขาเรียกว่าขอร้องหรือไง” พอผมพูดประโยคนี้ พี่เต๋าก็ปล่อยตัวผม พร้อมเดินไปทางประตู

“ที่พี่อยากให้เชียร์ดูแลชมรม เพราะอยากให้เชียร์ไม่ลืมพี่เวลาที่พี่จบไปแล้ว แต่ถ้าเชียร์คิดว่าพี่ไม่มีความสำคัญอะไร ก็ไม่ต้องรับปากกับพี่หรอก”

ผมยืนนิ่งพยายามเรียบเรียงคำพูดของพี่เต๋า ว่ามันหมายความว่าอะไร
ทำไมคนบ้าๆอย่างนั้นถึงอยากให้ผมดูแลสิ่งที่เขารักมากที่สุด
ทำไมคนที่คอยแกล้งผมตลอดเวลาต้องอยากอยู่ใกล้ๆกับผมด้วย
ทำไมคนที่เคยทำให้ผมร้องไห้ ต้องการให้ผมจดจำเขาเวลาที่เขาไม่อยู่
แล้วตัวผมทำไมถึงอยากทำตามที่เขาต้องการ

ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังรู้สึกเหมือนจะรักคนๆนั้น ทั้งที่ผมก็มีคนรักอยู่แล้ว

ผมคิดเรื่อยเปื่อยพร้อมหอบหิ้วเอกสารของชมรมมาด้วย มารู้ตัวอีกทีก็เห็นตัวเองยืนอยู่หน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ องค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน

โจ้เคยบอกว่ารูปปั้นนี้ศักดิ์สิทธิ์มากขออะไรมักจะได้ ตอนนี้ผมกำลังสับสน ผมหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงช่วยผมให้หายกับความสับสน

“ขอให้ผมตัดสินใจได้ที่เถอะว่าใครคือคนที่ผมต้องการ”
สักพักก็เหมือนมีลมพัดแรงพัดผ่านผมไป จนผมขนลุกซู่

กริ๊งงงงงงงงง............................................................

เป็นสัญญาณบอกเวลาพักเที่ยง
ผมเดินไปที่โรงอาหารเพื่อไปทานข้าวเที่ยงกับปอและโจ้

“โฮ ถือเอกสารมาเยอะเชียว งานคงหนักหละซิ” โจ้ทัก

“งานหนัก หรือหนักใจว่ะ” ปอแซว

“กูจะหนักใจเรื่องไรว่ะ” ผมถาม

“ก็หนักใจที่ประธานชมรมเนื้อหอมนะซิ”

“ใครมาจีบพี่เต๋าเหรอ” โจ้ถามปอ

“พอดีกูได้ยินบิ๊กเล่าให้ฟังว่า มีแต่คนคอยตอมพี่เต๋า เพราะพี่เค้าดูเป็นสุภาพบุรุษมากๆ อีกอยากคนที่มาจีบก็ไม่ใช่ย่อย มีแต่คนดังๆของโรงเรียนทั้งนั้น”
ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่ามีคนมาชอบตาบ้านี้ด้วย ท่าทางพวกนั้นคงประสาทแน่ๆ

“ใครจะมาจีบหมอนั้น มันก็เรื่องของเขาทำไมกูต้องหนักใจด้วยว่ะ” ผมหันไปบอกปอ

“โอเคก็จะเชื่อตามที่มึงพูดนะ งั้นมึงหันไปข้างหลังนะ”
ผมหันไปตามที่ปอพูด

ผมเห็นพี่เต๋ากินข้าวกับใครก็ไม่รู้ ท่าทางจะเป็นรุ่นเดียวกัน
รูปร่างน่าตาดีถึงขั้นดีมาก
“มึงจำพี่คนนั้นได้ป่าวว่าเป็นใคร”ปอถามผม
ผมลองทบทวนว่าพี่คนนั้นเป็นใคร เพราะหน้าตาก็คุ้นๆอยู่
แล้วผมก็ย้อนนึกไปถึงวันกีฬาสีที่ผ่านมา
ชายหนุ่มที่ทั้งโรงเรียนให้ความสนใจในวันนั้น คงไม่พ้นดรัมเมเยอร์ไม้1 ที่เดินนำหน้าขบวนพาเหรด
จำได้ว่ามีคนสมัครเพื่อรับตำแหน่งนี้กว่าร้อยคน
“พี่สุภักดิ์”
ภาพชายหนุ่มที่เดินอย่างสง่านำหน้าบวนพาเหรด ชายหนุ่มที่มีคนขอถ่ายรูปมากที่สุด

“เห็นไหมหละว่า พี่เต๋าก็เสน่ห์แรงไม่ใช่เล่น” ปอพูดเสร็จแล้วก็หันกลับไปกินข้าวตอน

ทำไมผมถึงบังคับตัวหันกลับไปไม่ได้ ตายังจ้องภาพที่พี่เต๋าพูดคุยและกินข้าวไปกับพี่สุดหล่อคนนั้น
แล้วผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง สองคนนั้นป้อนข้าวกันด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

คู่ที่3

เกือบชั่วโมงสุดท้ายของการเปิดเทอมวันแรก ผมออกมาจากห้องเรียนก่อนจะหมดคาบ เพราะอาจารย์ปล่อยเร็วเป็นพิเศษ(วันแรกก็อย่างเนี้ย อาจารย์ยังไม่ค่อยสอนเท่าไหร่)

ผมแยกตัวกับปอและเชียร์ ไปที่ศาลาข้างหลังหอพัก ผมกำลังนั่งรอบิ๊กอยู่ เราสองคนนัดจเอกันที่นี้ก่อนจะกลับเข้าหอ

ผมนั่งอมยิ้มนึกในใจอยู่คนเดียว เกี่ยวกับเรื่องของผมและบิ๊ก แปลกใจมากที่ผมกับบิ๊กกลายเป็นแฟนกัน
ทั้งๆที่อนาคตดูไม่มีวี่แววเลย

“นายเคยบอกว่าชอบเราตั้งแต่เจอเลยเหรอ ทำไมถึงชอบเราหละ” บิ๊กถามผมในวันหนึ่ง จำได้ว่าวันนั้นผมพาบิ๊กไปค้างที่บ้าน ผมกำลังกอดบิ๊กใต้ผ้าห่มบนเตียง(ยังใส่เสื้อผ้าอยู่นะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล)

“ยังไงดีหละ ไม่รู้ดิ ตอนนั้นทำไมถึงชอบนาย ทั้งๆที่...” ผมค้างไว้ในฐานที่เข้าใจ

บิ๊กเงยหน้ามามองผม เหมือนต้องการให้ผมพูดให้จบ

“ทั้งๆที่ เห็นว่านายมีอะไรกับคนอื่น” ผมไม่อยากนึกถึงเรื่องที่แล้วมาเลย

บิ๊กทำหน้าเศร้า “เรื่องของความรักของเรามันไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่”

บิ๊กปล่อยมือที่กอดผมอยู่ “ถ้าเราไม่พูดถึงมัน นายคงไม่ว่าใช่ไหม”

ผมยิ้มเข้าใจความรู้สึกของคนที่ผมรัก
“ได้ เราจะไม่ถามนายในเรื่องที่นายอึดอัดจะตอบ”

บิ๊กยิ้มให้ผมแล้วก็กลับมากอดผมเหมือนเดิม

“แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราจะถาม แม้บิ๊กจะอึดอัดที่จะตอบก็ตาม” ผมเขยิบตัวมาใกล้กับหูของบิ๊ก

“ทำไมนายถึงตอบรับรักเรา” ผมเองก็ไม่รู้จะถามทำไมถึงเรื่องนี้ ทั้งๆที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

บิ๊กหน้าแปลกใจที่ผมถามคำถามนี้

“ตอนนั้นเราไม่ได้บอกเหรอ” บิ๊กคงหมายถึงตอนที่ผมมาสารภาพรัก

ผมส่ายหน้า ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้น ผมจะถามอีกทำไม

“ตอนนี้ใครสนิทกับเรามากที่สุด” บิ๊กถาม

“ผู้ชายที่ชื่อ...ปอ” ผมตอบ

“ใครที่ช่วยลอกรายงานให้เราและช่วยเราปั่นการบ้าน”

“ผู้ชายที่ชื่อ...ปอ”

“ใครที่เราชอบชวนให้ไปนั่งกินไอติมด้วยกันหลังเลิกเรียนที่ทะเลสาบกลางโรงเรียน”

“นายปออีกแล้ว”

“แล้วใครที่ชอบจูบแก้มเราตอนเผลอ”

“เอ๊ะ! นายปอทำแบบนั้นด้วยเหรอ” ผมทำหน้าตกใจ เหมือนคนโดนใส่ร้าย

“หมอนั้นทำยิ่งกว่าที่เราพูดซะอีก” บิ๊กเหล่ตามองมาที่ผม

“บอกมาดิว่าหมอนั้นทำอะไร” ผมคะยั้นคะยอถาม

“หมอนั้นชอบจูบแก้ม ปาก และ...ตรงนั้น” บิ๊กชี้ไปตามทุกส่วนที่พูด

“ตรงนั้นเค้าคงไม่ได้จูบหรอก เราว่าหมอนั้นน่าจะดูดมากกว่า” ผมแหย่กลับ

“แล้วมีอีกอย่าที่หมอนั้นทำ” บิ๊กพูดอีก

“อะไร” ผมถาม

“เขาทำทุกอย่างเพื่อให้บิ๊กมีความสุข” บิ๊กพูดพร้อมจูบผม

“ที่นี้รู้ยังว่าเราควรจะรักนายคนนั้นไหม” แล้วเราสองคนก็จูบกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้จูบอย่างเดียว

ผมยังจำวันนั้นได้ดี คิดถึงมันแล้วก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว ถ้าใครเห็นคงนึกว่าผมบ้าไปแล้วแน่ๆ

“เออขอโทษนะครับ นั่งนึกอะไรอยู่” คนที่ผมกำลังนึกมาแล้ว

ผมหันไปยิ้มให้พร้อมลากตัวเข้ามากอด

“เฮ้ย เดี่ยวมีคนเห็น” บิ๊กผลักตัวผมออก

“เห็นแล้วทำไม เขาก็คงรู้เรื่องเราหมดกันแล้วม้าง” ผมลากตัวบิ๊กกลับมากอดอีก คราวนี้บิ๊กก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

“มีอะไรหรือเปล่าถึงนัดมาที่นี้” ผมแปลกใจเพราะปกติเราสองคนชอบนั่งเล่นในห้องมากกว่า เพราะทำอะไรที่เป็นส่วนตัวได้สะดวกกว่า

“พอดีว่าจะไปไหว้รูปปั้นพระแม่มารีย์ที่หน้าสนามฟุตบอล นายไม่เคยได้ยินเหรอว่าศักดิ์สิทธิ์มาก”

“อืมม ก็ได้ยินเหมือนกัน เห็นโจ้บอกว่าเคยขอแล้วได้”

ว่าแล้วเราสองคนก็เดินไปที่หน้ารูปปั้นด้วยกัน

“ขอให้ผมกับบิ๊กมีความสุขอย่างนี้ต่อไปนะครับ” ผมอธิษฐานในใจ พร้อมยกมือไหว้ ก่อนจะหันไปมองบิ๊กที่กำลังหลับตาอธิษฐานอยู่
สักพักก็เหมือนมีลมพัดแรงพัดผ่านผมไป จนผมขนลุกซู่

กริ๊งงงงงงงงง............................................................

สัญญาณบอกเวลาเลิกเรียน ทำเอาผมสะดุ้งตกใจ เพราะมัวแต่มองบิ๊กอธิษฐาน
ไปกันเถอะปอ

ระหว่างจะถึงหอ ผมถามปอตลอดว่าอธิษฐานะไร แต่ปอไม่ยอมตอบ
“ถ้าบอกไป คำอธิษฐานจะไม่ขลังนะ” เจ้าตัวก็หลีกเลี่ยงไม่บอกอยู่ดี

ผมเดินกลับมาถึงห้องพบเพื่อนสองคนกำลังคุยอะไรกันก็ไม่รู้
“นินทาอะไรกันท่าทางเมามันเชียว”
สองคนนั้นมองมาทางผมเป็นตาเดียว
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“มีอะไร อย่าบอกนะว่ากำลังนินทากู” ผมเริ่มร้อนตัว

โจ้เดินมาหาผม ด้วยสีหน้าที่ไม่คอยดี
“พอดีกูไปส่งสรุปรายงานตารางสอนประจำวันที่ห้องพักครู กูเพิ่งรู้ว่า มาสเตอร์เบิร์ดจะกลับมาสอนแผนกม.ปลายเหมือนเดิม”

ผมเองก็อึ้งไป ไม่นึกว่าเค้าคนนั้นจะกลับมา

“แล้วไง กูกับเค้าไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย”

“กูไม่ได้หมายถึงมึง แต่หมายถึงแฟนมึงต่างห่าง” เชียร์บอกผม

“จะห่วงบิ๊กทำไม”

“เพราะมาสเตอร์เบิร์ดคือครูประจำชั้นของห้องไอ้บิ๊ก”
เสียงเชียร์ทำเอาผมชาไปทั้งหน้า

“อย่าลืมนะว่า มึงเคยทำอะไรไว้กับมาสเตอร์เบิร์ด”

-----จบตอนที่1-----

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
รูปปั้นพระแม่อยู่ที่ไหนเนี่ยยยยย จะไปขอบ้าง อิอิ

ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
ในที่สุดก็มาต่อแล้ว..... :m4: :m4: :m4:

 :serius2: ....ไม่นะ....มาสเตอร์เบิร์ด....???...ไม่กลับมาจะได้มั้ย...

ปล...แล้วพระแม่มารีย์.....จะทำให้คำปรารถนาของใครสำเร็จก่อนกันอะ...... :oni2:

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
อ่ามาต่อแล้ว

ชอบทุกคู่เลยครับ โดยเฉพาะคู่ของเชียร์ กับ พี่เต๋า กัด ๆ กัน ฮาดี  :oni2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด