Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Three Couple of love:Special Features:Sweet Couple  (อ่าน 152287 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 3 ตามหาพี่เลี้ยง   

คำอธิบายเพิ่มเติม : เป็นธรรมเนียมของโรงเรียน ที่นักเรียนใหม่ทุกคนจะต้องมีพี่เลี้ยงประจำตัวทุกคน เพื่อให้พี่เลี้ยงที่เป็นรุ่นพี่ช่วยเหลือน้องในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ให้คำแนะนำการใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน และหอพัก คล้ายๆกับ พี่รหัสในมหาลัย
สำหรับวิธีการหาพี่เลี้ยงของรุ่นน้อง รุ่นน้องจะจับฉลากที่รุ่นพี่เตรียมไว้ ซึ่งในฉลากจะมีคำใบ้ถึงนิสัยหรือลักษณะพี่เลี้ยงของตัวเอง แล้วเราก็ต้องหาว่า ไอ้รุ่นพี่คนนั้นเป็นใคร ทางโรงเรียนจะจัดให้ทำกิจกรรม ตามหาพี่เลี้ยง เพื่อให้รุ่นน้องหาพี่เลี้ยงของตัวเอง ในวันเสาร์แรกของการเรียนการสอน เพราะวันเสาร์ในอาทิตย์ต่อไป นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมที่ตัวเองสังกัด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คู่ที่1

คำใบ้ : ตี๋หล่อ ล้ำบึก ใส่แว่น ปัญญาเลิศ

ผมอ่านคำใบ้แล้วรู้สึกหมั่นไส้ยังไงก็ไม่รู้ คนอะไรจะเลิศเล่อเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ เขียนอวดตัวเองสุดฤทธิ์
ความจริงรุ่นพี่คนนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่เขียนไว้ก็ได้ ถ้าไม่ใช่ ตัวจริงก็คง
 
หน้าลาว ลงพุง ขี้เก็ก ปัญญาทึบ ถ้าเจออย่างนั้นคงไม่ไหวแน่

“น้องๆ มาทำอะไรครับ” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งถามผม เมื่อเห็นผมยื่นอยู่หน้าห้องของเขา
ผมหันไปมองเจ้าของเสียง
ผมก็ต้องตกอยู่ในภวังค์ เมื่อรุ่นพี่เจ้าของเสียง คือ คนๆเดียวกับ รุ่นพี่ที่ผมเห็นในวันงานต้อนรับนักเรียนใหม่
ผมยืนตาค้าง มองดูรุ่นพี่คนนั้น ในชุดเสื้อกล้าม กาวเกงบอลขาสั้น แม้ชุดจะธรรมดา แต่พี่คนนี้ใส่ยังไงก็ดูดีจริงๆ
“ว่าไงครับน้อง ตามหาพี่เลี้ยงอยู่ใช่ไหม” พี่เขาเดินมาใกล้ผม
“ชะ ชะ ใช่ครับ” เวลาผมตื้นเต้นทีไรมักจะพูดตะกุกตะกักทุกที
“แล้วได้คำใบ้อะไรเหรอ” รุ่นพี่คนนั้นถาม
ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยื่นกระดาษที่เขียนคำใบ้ให้พี่คนนั้นดู
รุ่นพี่สุดหล่ออ่านคำใบ้ แล้วก็หัวเราะ “แม่งเขียนเว่อร์จริงๆ”
เอาหล่ะซิ พี่เลี้ยงของผมอาจจะเป็นอย่างที่ผมคิดก็ได้ ผมเริ่มกลัวๆแล้วซิ
แต่เสียดายที่รุ่นพี่สุดหล่อคนนั้นไม่ใช่พี่เลี้ยงผม
“ละ แล้วพี่ รู้จักรุ่นพี่ในคำใบ้ไหมครับ”
“รู้จักครับ เพื่อนพี่เองแหล่ะ มันชื่อ ซุ่ย เดี๋ยวพี่พาไปหานะ” รุ่นพี่สุดหล่อพูดกับผม
ผมทำหน้านิ้วคิ้วขมวดกับชื่อแปลกๆของพี่เลี้ยงผม
พี่สุดหล่อเห็นสีหน้าผมก็คงพอเข้าใจเลยเล่าให้ผมฟังว่า
“ซุ่ย เป็นภาษาจีน เพื่อนพี่มันมีเชื้อจีน พ่อแม่มันตั้งชื่อนี้ให้”
ผมเลยหายสงสัยกับชื่อนี้ และก็โล่งใจไปหนึ่งข้อ ที่พี่เลี้ยงผมเป็นคนจีน คือ หน้าตาคงตี๋จริงๆ(แต่จะหล่อหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้)
“แล้วพี่ชื่ออะไรครับ” ผมรีบถามชื่อ ได้โอกาสแล้วต้องคว้าไว้
“พี่ชื่อยอดครับ ม.6 อยู่ศิลป์-คำนวณ เหมือนน้องนั่นแหล่ะ” พี่สุดหล่อแนะนำตัวเอง อย่างน้อยผมก็รู้ชื่อพี่เค้าแล้ว
พี่ยอดพาผมไปหาพี่เลี้ยง ที่ห้องฟิตเนส ซึ่งอยู่ด้านล่างของหอพัก
เป็นครั้งแรกที่ผมไปห้องฟิตเนส ผมเห็นรุ่นพี่หลายคนกำลังเล่นเครื่องออกกำลังกายกันอยู่
บางคนถอดเสื้อ ทำให้เห็นกล้ามเนื้ออันใหญ่โต ผมตาโตเพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ผมมัวแต่มองรุ่นพี่เค้าออกกำลังกาย จนลืมมองหาพี่เลี้ยงตัวเอง
“น้องๆ น้องชื่ออะไรครับ ลืมถามชื่อไปเลย” พี่ยอดถามผม
ผมรีบทำสายตาปกติ แล้วหันไปพูดกับพี่ยอด
“ชื่อโจ้ครับ แล้วพี่ซุ่ยอยู่ไหนหล่ะครับ” ผมถามพี่ยอด
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวพี่หาให้” พี่ยอดรับปาก แล้วเดินเข้าไปในห้องฟิตเนส
ผมมองตามพี่ยอด ทำไมเราไม่ได้พี่ยอดเป็นพี่เลี้ยง ถ้าเป็นจริงผมคงหาเรื่องมาหาพี่เค้าทุกวันแน่
กลับมาเรื่องพี่เลี้ยงตัวเองดีกว่า หลังจากที่รู้แล้วว่าเป็นอาตี๋ เพราะมีเชื้อจีน อันนี้ก็รู้อีกว่า คงล่ำบึกตามคำใบ้เพราะชอบเล่นฟิตเนส
สักพักพี่ยอดก็เดินออกมาหาผม
“โทดทีนะน้องโจ้ ไอ้ซุ่ยมันไม่ได้อยู่ที่นี้ สงสัยมันคงอยู่ห้องชมรมแน่เลย มา เดี๋ยวพี่พาไป”
พี่ยอดพูดเสร็จก็เดินนำผมไปที่ห้องๆหนึ่ง
ผมมองไปที่ป้ายหน้าห้อง เขียนว่า ชมรม คณิตศาสตร์
ผมพอจะรู้ว่าชมรมนี้ มีแต่คนเก่งๆสังกัดอยู่เท่านั้น
แสดงว่าพี่ซุ่ยเนี้ย ก็ฉลาด ตามคำใบ้ที่บอกว่าปัญญาเลิศ
“นี้ไง ซุ่ย พี่เลี้ยงน้องโจ้อ่ะ คนนู้น” พี่ยอดชี้ไปที่รุ่นพี่คนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอยู่ แม้พี่เขาจะก้มหน้า แต่ก็พอจะรู้ว่าพี่เขาใส่แว่นเหมือนผม
ตอนนี้ลักษณะของพี่ซุ่ยตรงตามคำใบ้ทุกอย่าง ทั้งตี๋ ล่ำบึก ใส่แว่น ปัญญาเลิศ
เหลือแต่ว่าพี่เค้าจะหล่อตามคำใบ้ไหม
“เฮ้ย ไอ้ซุ่ย น้องเลี้ยงมาหาโว้ย” พี่ซุ่ยเงยหน้ามา เมื่อได้ยินเสียงพี่ยอดเรียก
พี่ซุ่ยหล่อจริงๆครับ แม้จะใส่แว่นแล้วดูเป็นเด็กเรียน แต่ก็ยังดูดี แถมหุ่นที่ล่ำบึกก็ยิ่งทำให้เท่ห์เข้าไปใหญ่
แต่ถึงยังไง ผมว่าพี่ยอดก็หล่อกว่าอยู่ดี ถึงจะไม่ล่ำเท่าพี่ซุ่ย หรือตี๋กว่าพี่ซุ่ย ผมก็มองว่าพี่ยอดหล่อยู่ดี
พี่ซุ่ยเดินมาหาผม ผมยกมือไหว้ตามมารยาท
พี่ซุ่ยยิ้มรับ “หวัดดีครับน้อง ชื่อไรครับ”
“ชื่อโจ้ครับ” ผมตอบไป แล้วก็ยิ้ม เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
พี่ยอดเริ่มแซวพี่ซุ่ย “มึงเขียนคำใบ้เว่อร์มากเลยว่ะ”
พี่ซุ่ยทำหน้างงงง ผมเลยยื่นคำใบ้ให้พี่เลี้ยงผมอ่าน พอพี่ซุ่ยอ่านก็รีบปฏิเสธทันที
“กูไม่ได้เขียน สงสัย ไอ้จอห์นแน่เลย แม่งแกล้งกู เออ แล้วมึงหล่ะน้องเลี้ยงมาหาบ้างยัง” พี่ซุ่ยถามพี่ยอด
พี่ยอดยิ้ม “ยังว่ะรออยู่เนี้ย มึงนี้ดีนะได้น้องเลี้ยงน่ารักเชียว”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ยอดจะชมผม ผมยิ้มหน้าบาน ทำอะไรไม่ถูกเลย
“พี่ยอด พี่ยอด” เสียงใครคนหนึ่งเรียกพี่ยอด
ผมหันไปหาเจ้าของเสียง เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับผม เพราะผมเคยเห็นตอนเรียนเพราะเค้าอยู่ห้องข้างๆผม
“อะไรบิ๊ก” พี่ยอดหันไปคุยกับเด็กคนนั้น
“หาพี่เลี้ยงให้หน่อยสิ” บิ๊กยื่นคำใบ้ให้พี่ยอดอ่าน
สักพักพี่ยอดก็เดินนำบิ๊กไป
ผมได้แต่มองตามพี่ยอดที่เดินหลับตาไป
“โจ้รู้จักบิ๊กหรือเปล่า” พี่ซุ่ยถามผม
“เคยเห็นครับ แต่ไม่รู้จักหรอกครับเพราะอยู่คนละห้อง เออ พี่ยอดกับบิ๊กเค้าสนิทกันหรือครับ”
ผมถามพี่ซุ่ยเพราะเห็นว่าพี่ยอดกับบิ๊กดูสนิทกัน (เชียร์: อาไรว่ะเพิ่งรู้จักเค้าแอบหึงซะแล้ว)
“ก็เค้าเป็นพี่น้องกันนี้ครับ น้องโจ้ไม่รู้เหรอ” พี่ซุ่ยเฉลยความจริง
ทำเอาผมโล่งอกไปที ที่เค้าเป็นแค่พี่น้องกัน
ผมคุยกับพี่ซุ่ยอีกหลายเรื่อง ส่วนมากเป็นเรื่องเรียนซะมากกว่า
พี่ซุ่ยเนี้ยเรียนเก่งมาก ยิ่งวิชาคณิตศาสตร์ เพราะพี่เค้าสอบได้ท๊อปวิชาเลขระดับชั้นเลย
“อ้ายยยย โจ้จจจจจ” เสียงตะโกนเรียกชื่อของผมดังมาจากอีกฝากของระเบียง
ผมกับพี่ซุ่ยหันไปมอง เห็นไอ้เชียร์วิ่งมาหาผม
“มีอะไรเหรอ” ผมถามเชียร์
“ป่าวหรอกกูตามหาพี่เลี้ยงอยู่ มึงอ่ะเจอยัง” เชียร์ถามไปหอบไปเพราะความเหนื่อยที่มันวิ่งมา
“เจอแล้วนี้ไง” ผมชี้พี่ซุ่ยให้เชียร์
เมื่อเชียร์เห็นพี่ซุ่ยมันก็รีบกระซิบข้างหูผม “เฮ้ย หล่อว่ะ ล่ำด้วย มึงนี้โชคดีจริงๆ”
ผมรีบด่ามัน “เออ แล้วมึงหล่ะจะหาพี่เลี้ยงยังไง” ผมถามเพราะเห็นว่ามันยังหาพี่เลี้ยงไม่เจอ
“ก็หาตามคำใบ้นี้แหล่ะ” เชียร์เอาคำใบให้ผมดู
“ทะ ทะ ทะ ทำไม” ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้อ่านคำใบ้ของไอ้เชียร์
************************************************************************************************

คู่ที่2

คำใบ้: ผมคือคนที่อยู่เหนือที่สุด

“ทะ ทะ ทะ ทำไม” เสียงไอ้โจ้อุทาน
“อะไรของมึง ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนี้” ผมสงสัยกับท่าทีของเพื่อน
“ก็มึง มึง ได้พี่เลี้ยงเป็นพี่ยอดนี้น่า” โจ้ทำตาโตใส่ผม
“พี่กูชื่อพี่ยอดเหรอ อ๋อ มิน่าหล่ะ คำใบ้เลยเป็นแบบนี้” ผมพอจะเข้าใจว่าพี่เลี้ยงผมทำไมจึงใช้คำใบนี้ เพราะชื่อของเค้าคือยอดนั่นเอง
แต่ทำไมเพื่อนผมถึงรู้จักกับพี่เลี้ยงผมได้
“มึงรู้จักพี่เลี้ยงกูด้วยเหรอ” ผมถามโจ้
โจ้มันลากผมไปไกลๆ พอที่พี่เลี้ยงมันจะไม่ได้ยินว่าเราพูดอะไรกัน
“ก็พี่ยอดคือคนที่เรามองวันต้อนรับนักเรียนใหม่ไง” โจ้กระซิบกับผม
“อ๋อคนที่มึงมองจนไปชนคนอื่นใช่ไหมหล่ะ” ผมย้อนมันกลับ โจ้เงียบเลย
“แล้วพี่กูหล่อมากไหมว่ะ” ผมถามประเด็นสำคัญ
“โคตรหล่อ เลย” โจ้ลากเสียงซะยาวเชียว ท่าทางจะชอบพี่เค้ามาก
“หล่อกว่าพี่มึงหรือเปล่า” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“ไม่รู้สิ แต่กูคิดว่าหล่อกว่านะ” โจ้ยังยืนยันเหมือนเดิม
“นี้ขนาดพี่มึงยังหล่อขนาดนี้ แล้วพี่กูที่ว่าหล่อกว่า จะขนาดไหนว่ะเนี่ย” ผมพูดกับโจ้ ก็พี่เลี้ยงของโจ้ ยังดูดีขนาดนั้น แล้วพี่เลี้ยงผม ที่ไอ้โจ้มันชมนักชมหนาจะขนาดไหน ชักอยากเห็นแล้วซิ
“แล้วพี่เค้าไปไหนแล้วหล่ะ” ผมหันซ้ายหันขวาเผื่อเจอพี่
“พี่เค้าไปหาพี่เลี้ยงให้น้องเค้าแล้ว” โจ้พูดเสียงเบา เหมือนผิดหวังอะไรบางอย่าง
“เหรอ พี่เค้ามีน้องด้วยเหรอ แล้วน้องเค้าน่ารักไหมว่ะ” ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แหม พี่น่าตาดี น้องก็ต้องน่าตาดีซิว่ะ ก็คนที่อยู่ห้องข้างๆเราไง ที่เกเรๆหน่อยอ่ะ” โจ้บอกผมและอธิบายถึงน้องของพี่ยอด
“อ๋อ คนที่ผิวขาวๆ หัวตั้งๆ ชอบเก็กหล่อหน่อยใช่ป่ะ ถ้าแม่งไปชอบไปต่อยตีกับพวกมอห้า กูชอบไปนานแล้ว”
“นี้ๆมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาชอบคนนู้นคนนี้อีก” โจ้ทำเหมือนจะเตือนสติผม
“แหม กูก็แค่ชอบ ไม่ได้รักซะหน่อย เรากับแฟนเราเข้าใจดี เราตกลงกันว่า แต่ละคนสามารถชอบใครก็ได้ แต่ห้ามเอามาแทนที่กันเด็ดขาด” ผมพูดตามความจริง ผมกับพี่แจ๊ครักกันมาก แต่ผมก็พอเข้าใจว่าเมื่อเราอยู่ไกลกัน ความเหงา ความใคร่ มันก็จะเพิ่มมากขึ้น เราทั้งสองก็เลยตกลงกันว่าอยากชอบใคร หรือมีอะไรกับใครก็ได้แต่ ห้ามรัก หรือให้ความสำคัญมากว่ากัน เหมือนเป็นการทดลองใจ และเพิ่มความเชื่อใจให้กันและกันไปในตัวด้วย
“แล้วกูจะไปหาพี่ยอดที่ไหนล่ะ” ผมกระวนกระวายอยากเจอพี่ยอดเร็วๆ
“แกรอตรงนี้แหล่ะ เดี๋ยวเค้าก็มาแถวนี้ เพราะบันไดทางขึ้นห้องเค้าอยู่ตรงนี้” โจ้บอกผม
“แหมรู้จักห้องเค้าด้วยนะมึง กลางคืนจะย่องมาหาล่ะซิ” ผมแซวเพื่อน ไอ้โจ้เอามือตีผม ผมอดขำกับท่าทีเขินอายของเพื่อนผมไม่ได้
“อ้าว! น้องเกย์ มาหาพี่เลี้ยงหรือครับ” เสียงเรียกของใครคนหนึ่ง ที่ผมรู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้
ผมหันไปมองคนที่เรียกผม ผมเห็นไอ้รุ่นพี่ที่ทำผมหน้าแตก ในวันงานต้อนรับนักเรียนใหม่
ผมตกใจ เพราะพี่แกเล่นเรียกผมว่าเกย์ซะเสียงดัง จนคนแถวนั้นหันมามองผมกันใหญ่พร้อมหัวเราะกันด้วย
ผมรีบหันหลังให้พี่คนนั้น พร้อมไปแอบอยู่หลังโจ้
“อ้าวน้อง จำพี่ไม่ได้เหรอครับ ก็น้องเคยด่าพี่ว่าจะมาฟันน้องไม่ใช่เหรอครับ” พี่แกไม่ยอมเลิก ยังแซวผมอยู่ตรงนั้น
ผมทั้งอาย ทั้งแค้น ทั้งโกรธ ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงดี
“เฮ้ยไอ้น้อง มัวตะโกนโวกเวกอะไรแถวนี้ว่ะ นี้หน้าห้องชมรม คณิตศาสตร์น่ะ เห็นมั้ยว่ามีคนอ่านหนังสืออยู่” พี่ซุ่ยช่วยผม โดยการใช้ความเป็นรุ่นพี่ไล่รุ่นพี่ปากหมาคนนั้น
“ครับพี่ครับ ผมแค่ทักทายน้องเค้าเท่านั้นเอง งั้นพี่ไปก่อนนะ น้องเกย์” ไอ้รุ่นพี่ปากหมาลาผม แล้วเดินจากไป
ผมรีบขอบคุณพี่ซุ่ย “ขอบคุณพี่มากๆเลยนะครับ แม่งแค่ผมเข้าใจผิดนิดเดียว เล่นกันอย่างนี้เลย อย่าให้เจออีกนะมึง” ผมทำท่ากำหมัด
แต่พี่ซุ่ยกับโจ้ดันหัวเราะกับท่าทีของผม ผมเลยถามว่าหัวเราะอะไรกัน
โจ้ตบไหล่ผมพร้อมพูดว่า “อย่าทำปากดีเลย เมื่อกี้ทำไมแกไม่ด่าเขาเลยล่ะว่ะ มัวมาแอบอยู่หลังกูอยู่ได้”
“ก็กูยังไม่ทันตั้งตัวนี้น่า” ผมรีบแก้ตัว
“เด็ก ชมรมอนุรักษ์มันก็อย่างเนี้ยแหล่ะ ชอบกวนตีนชาวบ้านเขาไปเรื่อย” พี่ซุ่ยพูดกับผม
“พี่รู้จักคนนั้นด้วยเหรอครับ” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าไอ้รุ่นพี่ปากหมาคนนั้นเป็นใคร
“รู้ซิ ก็ไอ้เต๋า มันเป็นรองประธานชมรมอนุรักษ์ ปีหน้ามันขึ้นมอหก ก็เป็นประธาน” พี่ซุ่ยเล่าให้ฟัง
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าปากหมาๆอย่างนั้นจะเป็นประธานชมรม
“ไอ้ยอดมาแล้ว” พี่ซุ่ยบอกผม พร้อมกวักมือเรียกพี่ยอด
ผมหันไปมองพี่เลี้ยงผม
“มะ มะ ไม่น่ะ” ผมตกใจจนอุทานออกมา โจ้ได้ยินผมเลยหันมาถาม “อะไรของมึง”
“พี่ยอดเค้าเป็นเพื่อนกับแฟนกูอ่ะ และเค้าก็เป็นแฟนกับพี่สาวที่เป็นญาติห่างๆของกูด้วย”
“ว่าไงนะ เค้ามีแฟนแล้วเหรอ” คราวนี้ โจ้อุทานเสียงดังกว่าผมอีก
“ยอด นี้น้องเลี้ยงมึง” พี่ซุ่ยแนะนำผมให้พี่ยอด
พี่ยอดหันมามองผม ทั้งผมและพี่ยอดต่างก็มองกัน ผมไม่รู้จะพูดอะไร
แต่พี่ยอดก็พูดออกมาก่อน “น้องเป็นญาติของแจ๊ค กับ ฝ้ายใช่ไหม”
“คะ คะ ครับ”ผมไม่ค่อยอยากสบตาพี่ยอดเท่าไหร่ คือ ผมเคยทำเรื่องน่าอายเรื่องหนึ่งให้พี่ยอดเห็นเมื่อหลายเดือนก่อนจะเข้ามาเรียนที่นี้

เรื่องราวมันเกิดขึ้น เมื่อวันที่ผมไปบ้านพี่แจ๊ค แต่ผมไม่รู้ว่าที่บ้านพี่แจ๊คมีเพื่อนมาค้างด้วย
ปกติผมชอบไปค้างบ้านพี่แจ๊คบ่อยๆ เพราะอีกไม่นานพี่แจ๊คจะไปเรียนเมืองนอกแล้ว
ผมไปถึงที่บ้านพี่แจ๊คก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เพราะผมไปติวเพื่อสอบเข้าที่นี้(แม้จะมีเสันเข้า แต่ก็ต้องสอบข้อสอบให้ได้คะแนนไม่ทุเรศกว่าคนอื่น)
ผมเข้าไปในห้องของพี่แจ๊คอย่างเคย  เห็นพี่แจ๊คนอนหลับอยู่บนเตียง
ผมเลยเดินเข้าไปจูบที่แก้ม ก่อนจะเริ่มไซร้ไปตามตัวของพี่แจ๊ค
ผมได้กลิ่นเหล้า ท่าทางคงไปเลี้ยงกับเพื่อนมาแน่ๆ อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันที่พี่แจ๊คต้องไปอเมริกาแล้ว
“พี่แจ๊ค พี่แจ๊ค เชียร์มาหาแล้วนะ” ผมเรียกที่รักของผม พร้อมเอามือตบที่หน้าเบาๆ
พี่แจ๊คพอจะรู้สึกตัว แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้สติ ทำท่าสะลืมสะลือมองมาที่ผม
“น้องเชียร์ มาแล้วเหรอ หนายยย ขอพี่จุ๊บหน่อยสิ” พี่แจ๊คดูท่าจะเมาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เพราะฤทธิ์เหล้าเลยทำให้คึก
รีบคว้าผมไปปล้ำ แต่ผมไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะที่มาบ้านพี่แจ๊ค ก็เพราะอยากให้พี่แจ๊คปล้ำนี้แหล่ะ
ขณะที่ผมกับพี่แจ๊คกำลังเมามันกันอยู่(ตอนนั้นผมกับพี่แจ๊คเปลือยกันทั้งคู่) จู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา
“เฮ้ย ทำอะไรกันนะ” ชายแปลกหน้าทำหน้าตกใจสุดขีดเมื่อเห็นผมกำลังนั่งเทียนอยู่บนพี่แจ๊ค
ทั้งผมทั้งพี่แจ๊ค รีบกระเด้งลุก คว้าผ้าห่มมาปิดตัวดัวยกันทันที
“มึง มาได้ไงไอ้ยอด” พี่แจ๊คหน้าซีด หายเมาในพริบตา
“ไอ้สัตว์ กูเห็นมึงเมาไม่เป็นท่าเลย กูก็เลยพามึงมาส่งบ้าน แม่มึงก็ให้กูนอนเป็นเพื่อนมึงไง แล้วไงมึงถึง...” พี่ยอดพูดตามความจริง แต่พอจะพูดถึงเรื่องผมที่ไปนั่งค่อนร่างพี่แจ๊ค พี่ยอดกับพูดไม่ออก
ผมเองก็เริ่มโวยวายบ้างแล้ว “มีเพื่อนมาค้างแล้วทำไมไม่บอกเล่า” พูดเสร็จก็เอามือไปตีที่พี่แจ๊ค
พี่แจ๊คพอมีสติก็เริ่มโวยวายมาบ้าง “มันอะไรกันโว้ยเนี้ย เออๆ ไอ้ยอดมึงไปนอนห้องรับแขกข้างล่างก่อน เดี๋ยวกูค่อยคุยกับมึงที่หลังนะ” พี่แจ๊คไล่เพื่อนไป พูดยอดก็ทำตามนั้น เดินออกจากห้องไป เหลือผมนั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆพี่แจ๊ค
พี่แจ๊คค่อยเข้ามาโอบร่างผมไว้ พร้อมกระซิบข้างหู “ไม่มีใครมาขัดจังหวะแล้ว มาต่อเถอะ”
“ผมสะบัดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมรีบเอาเสื้อผ้ามาใส่ “เจออย่างนี้ใครจะมาอารมณ์ เชียร์กลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหานะ” ผมรีบใส่เสื้อผ้า แล้วเดินออกจากห้อง แม้พี่แจ๊คจะยื้อผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ฟัง
ก่อนจะกลับบ้าน ผมเดินผ่านห้องรับแขกที่บ้านพี่แจ๊ค เห็นพี่ยอดคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง ผมพยายามรีบเดินไม่ให้พี่ยอดเห็น เพราะตอนนั้นอายมากๆ
นี้คือเรื่องราวที่ทำให้ผมรู้จักกับพี่ยอด

“คงรู้จักพี่แล้วใช่ไหม ก็ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ” พี่ยอดยิ้มให้ผม
“ คะ ครับ” ผมตอบแต่เสียงเบาเหลือเกิน
************************************************************************************************

คู่ที่3

คำใบ้: หรูหรา ฟู่ฟ่า รวยสุดๆ

ผมนั่งอ่านคำใบ้วกไปเวียนมา ก็ยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
อะไรน้า ที่ว่ารวยๆ แม่งก็รวยกันทุกคน
ผมเห็นคนอื่นหาพี่เลี้ยงกันได้แล้ว ผมยังหาไม่เจอเลย
ตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไป
“ไอ้ปอ หาพี่เลี้ยงเจอยัง” เสียงของเชียร์ดังมาแต่ไกล ผมเลยมองหน้ามัน พร้อมโจ้ที่เดินมาด้วยกัน
“ว่าไง ยังหาพี่เลี้ยงไม่เจออีกหรือปอ” โจ้ถาม
ผมพยักหน้าตอบ เพื่อนผมทั้งสองคนเลยอ่านคำใบ้ของผม พออ่านจบ พวกนั้นก็เกาหัว
“อะไรว่ะ คำใบ้ยากว่ะ ใครว่ะที่รวย ก็โรงเรียนเราก็รวยกันทุกคน” เชียร์ก็คิดเหมือนผม
“เราว่านะ คำใบ้อาจจะไม่ใช่บอกถึงลักษณะก็ได้ อาจจะหมายถึงชื่อของพี่เลี้ยงก็ได้นะ อย่างของคำใบ้ของมึงไงไอ้เชียร์” โจ้อธิบายอย่างมีเหตุมีผล
“อ๋อ แล้วอะไรว่ะที่มันแพงๆ กว้างไปหรือเปล่าเนี้ย” เชียร์เริ่มคิด พร้อมขมวดคิ้ว
“ลองช่วยกันนึกซิ ว่าไรที่เป็นของแพงๆ แล้วเอามาตั้งชื่อได้” โจ้พูดพร้อมขยับแว่น
“เพชรเปล่า” ผมพูด
“อืมม พอเป็นไปได้” เชียร์เห็นด้วย
“ถ้ามีเพชร ก็ต้องมีพลอย” ผมพูดขึ้น
“บ้าเหรอ โรงเรียนเราชายล้วน จะมีใครชื่อพลอยว่ะ” เชียร์แย้ง
ผมยังพูดชื่อขึ้นมาอีกเรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพี่ที่มีชื่อแบบที่ผมคิดได้ที่ไหน
และแล้วก็หมดเวลา ผมก็ยังตามหาพี่เลี้ยงไม่เจอ

พอถึงเวลาที่ทางหอพักเรียกนักเรียนทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อให้พี่เลี้ยงน้องเลี้ยง แต่ละคู่ต้องลงชื่อ
ส่วนใครที่ยังหาพี่เลี้ยง น้องเลี้ยงไม่ได้ ก็จะถูกลงโทษให้เต้นท่าประหลาด
เมื่อบรรดานักเรียนชั้นม.4 มาร่วมตัวที่โรงยิมกันครบแล้ว รุ่นพี่ที่อยู่ชมรม สันทนาการ ก็นำกิจกรรมให้พวกเราได้เล่นกัน
ช่วงที่เล่นกิจกรรม ผมก็เล่นสนุกไปกับเพื่อนๆ พอก่อนจะจบช่วงสันทนาการ
รุ่นพี่ก็ให้จับคู่กับใครก็ได้ที่ไม่ใช่เพื่อนห้องเดียวกัน ผมเลยคิดจะวิ่งไปแถวตรงข้ามที่มีเพื่อนต่างห้องยืนอยู่
พอรุ่นพี่ที่นำกิจกรรมเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มกิจกรรม ผมก็เริ่มสตาร์ทวิ่งแต่ยังไม่ทันวิ่ง ก็มีใครบางคนคว้าตัวผมไว้
“จะวิ่งไปไหน” บิ๊กทักผม ผมตกใจไม่นึกว่าจะได้คุยกับบิ๊กอีก หลังจากวันต้อนรับนักเรียนใหม่แล้ว ผมก็แทบจะไม่ได้เจอบิ๊กอีก ทั้งๆที่เรียนอยู่สายเดียวกัน (แต่คนละห้อง) และพักอยู่หอหักตึกเดียวกัน
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย นักเรียนแต่ละคนวิ่งหาคู่กันให้วุ่น มีแต่ผมกับบิ๊กที่ไม่ได้วุ่นวายอย่างใครๆเขา
“นายจะคู่กับเราเหรอ” ผมถามเพราะไม่มั่นใจว่าบิ๊กอยากจะมาคู่กับผม
“ก็ใช่สิ เพื่อนต่างห้องที่เรารู้จักก็มีแต่นายคนเดียวเท่านั้น” บิ๊กตอบพร้อมยิ้มให้ผม
เสียงนกหวีดเป่าอีกครั้งพร้อมเป็นสัญญาณหมดเวลาหาคู่
ผมกับบิ๊กจึงนั่งลง รุ่นพี่สั่งให้แต่ละคู่ถามประวัติกันและกัน แล้วพอถามเสร็จรุ่นพี่จะซุ่มถามคู่ๆหนึ่งว่ารู้อะไรกันบ้าง
แต่ผมกับบิ๊กไม่ได้คุยถึงประวัติกันและกัน เพราะเรารู้ชื่อกันอยู่แล้ว
“ทำไมเราไม่ค่อยเห็นนายเลย” ผมถามบิ๊ก
“อ้าว เราเห็นนายออกบ่อย เราเรียนห้องข้างๆนายไง” บิ๊กทำท่าตกใจที่ผมบอกว่าไม่เคยเห็นบิ๊ก
“แล้วทำไมเราไม่เห็นว่ะเนี้ย” ผมงงตัวเอง ทั้งๆที่ผมคอยมองหาบิ๊กมาตลอด
“นายก็นอนอยู่ห้องตรงข้ามเราด้วย รู้หรือเปล่า” บิ๊กบอกผมพร้อมเอามือมาตบบ่าที่ผมเบาๆ ผมทำตาโตตกใจอีก
“อ๊ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมอุทานออกมาเสียงดัง
“นายจะไปรู้เรื่องอะไร ก็เราเห็นนาย วันๆเอาแต่มองไปมองมา ชอบทำตัวเหม่อลอย หน้าตาก็ยังบึ้งตึงอีกเหมือนไปโกรธใครมา แล้วนายจะเอาเวลาที่ไหนไปสังเกตคนอื่น” บิ๊กพูดออกมาเป็นชุด ที่จริงผมอยากจะบอกบิ๊กว่าที่ผมมองไปมองมา ก็เพราะมองหาบิ๊กนั่นแหล่ะ ที่ชอบเหม่อลอยก็เพราะมัวแต่คิดว่า บิ๊กเรียนห้องไหน ทำไมถึงไม่เคยเห็น แล้วไอ้ที่หน้าตาบึ้งตึงก็เพราะโมโหตัวเองที่หาบิ๊กไม่เจอ แต่ตอนนี้ผมเจอคนที่ผมอยากเจอแล้ว ผมยิ้มอย่างดีใจ จนบิ๊กเริ่มสังเกตุเห็น
“แต่แปลก ทำไมวันนี้นายถึงยิ้มอออกมาได้” บิ๊กพูดอย่างนี้ ผมเลยอึ้งพูดไม่ถูกไม่กล้าตอบความจริง
“เออ นายหาพี่เลี้ยงเจอยัง เรายังหาไม่เจอเลยว่ะ ขนาดให้พี่เราช่วยหาแล้วยังไม่รู้เลยว่าใคร” บิ๊กเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นผมก้มหน้าไม่ตอบอะไร
“เราก็ยังไม่เจอ แต่เพื่อนๆเราเจอกันหมดแล้ว” ผมบอกกับบิ๊ก บิ๊กยิ้มดีใจที่ผมก็หาพี่เลี้ยงไม่เจอเหมือนกัน
“แล้วเราต้องเจอทำอะไรบ้าง ถ้าหาพี่เลี้ยงไม่เจอ” ผมถามบิ๊ก
“ก็คงให้เต้นแร้งเต้นกาอะไรมั่ง” บิ๊กตอบผม
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อพี่ๆเรียกพวกที่หาพี่เลี้ยงไม่เจอออกมายืนข้างหน้าเพื่อนๆคนอื่นๆ
พี่ๆทำโทษพวกเราโดยการเต้นท่าแปลก(ตอนนั้นท่าไก่ยางถือว่าเป็นท่าที่ยังแปลกอยู่น่ะครับ)
ผมไม่ค่อยกล้าเต้นเท่าไหร่ ไม่เหมือนบิ๊กที่เต็มที่กับการเต้นจน พี่ให้บิ๊กเต้นอีกรอบคนเดียว
คราวนี้บิ๊กก็เต้นแรงกว่าเก่า ผมทั้งขำ ทั้งประทับใจกับเพื่อนใหม่คนนี้

เมื่อรุ่นพี่ทำโทษพวกเราเสร็จ พี่เค้าก็เฉลยพี่เลี้ยงของพวกเรา
พี่เลี้ยงของบิ๊ก ชื่อเต๋า อยู่ม.ห้า ตัวสูง ผิวสีแทน หน้าตาดูออกว่าไม่ใช่คนกรุงเทพ แต่ก็ดูดีน่ะครับ ดูแมนๆดี
ส่วนพี่เลี้ยงของผม หน้าตาน่ารักมาก ผิวขาว ตัวประมาณเท่าผม ชื่อเบ็นซ์
“หวัดดีจ๊ะ น้องชื่ออะไรจ๊ะ” พี่เลี้ยงเค้ามาคุยกับผม ผมรู้สึกแปลกๆกับลักษณะการเดินของพี่เลี้ยงผม ที่เดินบิดๆยังไงก็ไม่รู้
พร้อมกับหางเสียงของพี่เค้าที่พูดกับผม ยังไม่รวมถึงน้ำเสียงที่หวานกว่าผู้ชายปกติ
“ชื่อปอครับ” ผมตอบไป
“มีปัญหาอะไรก็คุยกับพี่ได้น่ะ” พี่เบ็นซ์เอามือมาบีบ ที่ไหล่ผมเบา ผมรู้สึกสยิวยังไงก็ไม่รู้
“นังเบ็นซ์ ไปเล่นวอลเลย์กันเถอะ” เสียงตะโกนจากรุ่นพี่คนหนึ่งเรียกพี่เบ็นซ์ ทั้งผมและพี่เลี้ยงผมหันไปมอง
ผมแทบตกใจเมื่อเห็นบรรดาเหล่ารุ่นพี่ ที่แต่ละคนใส่กางเกงสั้นมากๆ เผยให้เห็นขาขาวๆที่ผ่านการโกนขนหน้าแข้ง
พร้อมหน้าตาที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง แต่ไม่ตกใจเท่ารุ่นพี่บางคนในกลุ่มนั้นมีหน้าอกด้วย
“พี่ไปก่อนนะ” พี่เบ็นซ์ปลีกตัวไปหาเพื่อน
ปล่อยให้ผมอึ้งกับตัวเอง ไอ้โจ้ กับ ไอ้เชียร์ก็วิ่งมาหาทันที
“พี่เลี้ยงปอสวยๆจัง” โจ้เป็นคนเริ่มแซว
“พี่เลี้ยงแกเป็นหัวหน้าชมรมเชียร์นี่หว่า” เชียร์ยังคงมองพี่เบ็นซ์ที่เดินไปกับเพื่อนๆ
“แกรู้ได้ไง” ผมถามเชียร์เพราะเห็นมันรู้ไปทุกเรื่อง
“ก็กูจะเข้าชมรมเชียร์ กูก็ต้องรู้ข้อมูลบ้างดิ เออ แล้วพวกแกจะเข้าชมรมอะไรกันเหรอ” เชียร์หันมาถามผม กับ โจ้
“กูจะเข้าชมรมดนตรีสากล”ผมตอบเชียร์
“มึงเล่นอะไรเป็นเหรอ” เชียร์ถาม
“กีต้าร์” ผมตอบ
“จริงเหรอ ดีดี เราจะได้มีคนเล่นกีตาร์ให้เราตอนร้องเพลง” โจ้พูด
“แล้วมึงหละ ไอ้โจ้ จะเข้าชมรมอะไร” เชียร์หันไปถามโจ้
“ยังไม่รู้อ่ะ ยังไม่ได้คิด” โจ้ตอบเชียร์
ผมเห็นคนอื่นๆทยอยกันออกจากโรงยิมเลยเดินออกไปกับโจ้และเชียร์
แต่สายตาผมไปเจอะกับบิ๊กที่กำลังยืนคุยกับใครคนหนึ่งอยู่
ผมเริ่มเห็นหน้าคนๆนั้นชัดๆ
คนที่กำลังยืนคุยอยู่กับบิ๊ก คือมาสเตอร์ที่ผมเห็นเมื่อวันต้อนรับนักเรียน
และมาสเตอร์คนนั้นคือ มาสเตอร์ที่คุมหอพักของผมเอง

----- จบตอนที่3 -----

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:oni1:     ตามมาอ่านต่อละจ้า...คิดถึงพ่อหนุ่มทั้งสามจับใจจจจจ
คู่แรก หวังว่าอาจารย์เบนจะไม่ทำให้โจ้ผิดหวังอีกรอบ...สุดหล่อในวัยเด็กใครน๊า... :m12:
คู่ที่สอง พี่เอกหายเข้าห้องซาวน่าไปกะคนอื่น 20 นาที เป็นใครก็โกรธอ่ะ...อย่ามาบอกไว้ใจ
เชื่อยากกกกก มีแววซะละคู่นี้...วัยเด็กกะพี่แจ็คก็ดูรักกันดี...เสียดายพี่แจ็คไม่น่า.... o12
คู่สุดท้าย นายปอก็ยังคงรักพี่เก่งเหมือนเดิมมมมม...เจ้าบิ๊กนี่ร้ายแต่เด็กเลยวุ้ยยยย
 o2
===========
 :m23:
ment เวลาเดียวกะตอนใหม่เลยยยยย หนุกหนาน ๆๆๆๆ หาพี่รหัสหนุกดีจังงงง ไม่เคยมีอ่ะ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2008 19:42:54 โดย nartch »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

ว้าวๆ
น่ารักน่าลุ้น
ท่าทางชุลมุนดีเหมือนกัน :m1:


myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป

Ken Ken

  • บุคคลทั่วไป

[D]a[D]a [T]oo[N]

  • บุคคลทั่วไป
ดูท่าทางสนุกเลยนะเนี่ย

ชีวิตวัยเรียน

three

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตเด็กม.ปลายที่แสนคิดถึง :m1:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
บิ๊กต้องขอย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับเชียร์แน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ภาคนี้ออกแนวน่ารักจังเลยค่ะ :m1: :m1:

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 4 เปิดโลกชมรม

คำอธิบายเพิ่มเติม: ทางโรงเรียนบังคับให้นักเรียนทุกคนต้องเข้าชมรม เพื่อเป็นกิจกรรมในช่วงวันเสาร์ และ อาทิตย์
ชมรมจะมี3สาย (ประเภท) คือ
1.สายวิชาการ คือ ชมรมที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เรียน เช่น ชมรมคณิตศาสตร์ ชมรมภาษาไทย ชมรมชีวะวิทยา เป็นต้น
2.สายกีฬา คือ ชมรมที่เกี่ยวข้องกับกีฬา เช่น ชมรมบาสเก็ตบอล ชมรมว่ายน้ำ ชมรมฟุตบอล เป็นต้น
3.สายกิจกรรม คือ ชมรมที่ต้องใช้ทักษะความสามารถ หรือ กิจกรรมที่นอกเหนือจากวิชาการ และ กีฬา เช่น ชมรมดรตรี ชมรมเชียร์ ชมรมอนุรักษ์
กิจกรรมของชมรมที่นักเรียนเข้าร่วม มีผลต่อผลการเรียนของนักเรียนทุกคน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คู่ที่ 1

ณ โรงยิมของโรงเรียน บรรดาซุ้มของชมรมต่างๆ ตั้งเรียงรายไปทั่วโรงยิม
ผมยืนมองซุ้มต่างๆนั้น พลางคิดกับตัวเองว่า เราจะเลือกชมรมอะไรดี
เพื่อนๆของผม ต่างไปเลือกชมรมกันแล้ว
เชียร์ อยากเข้าชมรมเชียร์            เพราะมันอยากเป็นหลีดเดอร์
ปอ   อยากเข้าชมรมดนตรีสากล    เพราะมันชอบเล่นกีตาร์
เหลือแต่ผม ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเข้าชมรมอะไร

“เด็กเรียนอย่างแกไม่เข้าชมรมคณิตว่ะ” เชียร์พูดกับผมเมื่อคืนนี้ ก่อนจะนอน
“ไม่อยากเข้าชมรมเครียดๆว่ะ ขอกูพักสมองบางเถอะ” ผมตอบพร้อมเอนตัวลงนอน
“แล้วแกจะเข้าชมรมอะไร แกไม่อยากอยู่ชมรมเดี๋ยวกับพี่เลี้ยงแกหรือไง” เชียร์พูด แล้วก็เอนตัวลงนอนเหมือนกัน
“แล้วทำไมกูถึงต้องอยากอยู่ชมรมเดียวกับพี่เลี้ยงกูด้วยว่ะ” ผมถามเชียร์ เพราะไม่เข้าใจว่ามันพูดแบบนั้นทำไม
“ป่าวไม่มีอะไร กูแซวไปงั้นๆ เห็นพี่เลี้ยงมึงหล่อดี” เชียร์พูดหร้อมเอนตัวหันหลังให้ผม
“เหรอ กูว่าพี่ซุ่ยเฉยๆว่ะ สู้พี่ยอดไม่ได้” ผมตอบตามความรู้สึกของผม
ไอ้เชียร์ได้ยินอย่างนั้นก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมาทันที มันรีบเดินมาที่เตียงผม
“มึงเปลี่ยนพี่เลี้ยงกับกูไหมหล่ะ”
“จะบ้าเหรอไง ก็ลงชื่อกันไปแล้วนี้ เปลี่ยนได้ยังไงเล่า” ผมพูดกับเชียร์ ที่กำลังทำหน้าเสียดาย กระโดดกลับไปที่เตียงเหมือนเดิม
“ทำไมมึงไม่อยากให้พี่ยอดเป็นพี่เลี้ยงมึงหล่ะว่ะ” ผมถามเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเชียร์ถึงไม่อยากให้พี่ยอดเป็นพี่เลี้ยง
“เออ คือ เรื่องมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก แบบ...เออ... ยังไงดีหล่ะ” เชียร์อ่ำอึ้ง
“ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้ รีบนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ทัน” ผมเตือนเพื่อน
แล้วผมก็ปิดไฟ กำลังจะหลับอยู่แล้ว ไอ้เชียร์ดันเอ่ยถามคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมต้องเปิดตา
“มึงชอบพี่ยอดเหรอ ทำไมถึงชอบว่ะ พี่เค้ามีแฟนแล้วนะ”
ผมเงียบไปสักพักหนึ่ง จนไอ้เชียร์ถามว่าผมหลับไปแล้วเหรอ ผมเลยตอบมันไป
“ไม่รู้สิ กูรู้แค่ว่าที่กูชอบ เพราะเห็นเขาหน้าตาดี ทำไงได้ กูเองก็ไม่เคยมีความรัก ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้เท่าไร อีกอย่างพี่เค้าก็คงไม่มีวันชอบกูหรอก เค้ามีแฟนแล้ว และ ก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย กูคงได้แค่ชอบเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น แล้วมึงว่าไงหล่ะไอ้เชียร์”
ผมถามความเห็นจากเชียร์ แต่เชียร์ไม่ได้ตอบอะไร ผมเลยเรียกมันอีกครั้ง ปรากฎว่า ได้ยินเสียงมันกรนซะแล้ว

ผมลองมองไปที่ชมรมบาสเกตบอล ผมไม่ได้อยากจะเข้าหรอก ผมเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นสักอย่าง(เล่นเป็นแต่วอลเลย์บอล)
แต่ที่ผมมองเพราะ ผมรู้ว่าพี่ยอดอยู่ชมรมนี้ ผมเดินไปที่ชมรมนั้น เผื่อจะเห็นพี่ยอด
แต่ผมมองไม่เห็นอะไรเลย เพราะคนเต็มไปหมด ผมชะเง้อมองไปทั่ว ก็ยังไม่เห็นใครอยู่ดี
คงหมดหวังจะเจอแล้วหล่ะ ผมเลยหันหลังจะเดินไปที่ชมรมอื่น
พอผมหันหลังกลับไปนั้น ผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นบาสอยู่บริเวณแป้นบาส ใกล้ๆกับซุ้มของชมรมบาสนั่นแหล่ะ
“พี่ยอด” ผมพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นชายที่ผมแอบชอบกำลังเล่นบาสกับเพื่อนๆ
ท่าทางที่ทะมัดทะเมง พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวและรวดเร็ว ทำให้พี่ยอดสามารถชู้ดบาสลงห่วงได้
ผมมองภาพของพี่ยอดที่กำลังชู้ลูกบาสลงห่วง สายตาของผมมองตรงแต่ผู้ชายคนนั้นคนเดียว
บาสลงห่วงไปแล้ว ผมก็ยังมองพี่ยอดเหมือนดิม ตอนนั้น เหมือนกับว่าที่ตรงนั้น มีพี่ยอดเล่นบาสอยู่คนเดียว
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังแววมาที่ข้างหูผม “ไอ้น้องระวัง”
ยังไม่ทันที่ผมจะรับรู้ว่าผมต้องระวังอะไร ลูกบาสลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ มากระแทกที่หัวของผม
ผมล้มลงไปกองกับพื้นตรงนั้นพอดี พี่ที่กำลังเล่นบาสวิ่งกรูมาที่ผม
ผมรู้สึกว่ามีคนค่อยๆมาประคองตัวผมลุกขึ้นนั่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า โจ้” เสียงใครก็ไม่รู้ คุ้นๆถามผม
ผมหันหน้าไปมองเจ้าของเสียง โอ้ว!ไม่ พี่ยอด
พี่ยอดกำลังประคองตัวผม หน้าของพี่ยอดใกล้กับหน้าของผมมาก ผมแทบจะเป็นลมไปตรงนั้น เพราะความตื้นเต้นและดีใจ
“ว่าไง ไหวไหม” พี่ยอดถามอีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นผมไม่ตอบอะไร แถมทำหน้าตาตกใจ
“มะ มะ ไม่เป็นไรครับ มึนหัวนิดหน่อย”ผมตอบ พร้อมยันตัวจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องล้มลงเพราะยังมึนหัวอยู่
ตอนที่ล้มตัว พี่ยอดรีบมารับตัวผม ผมเลยล้มไปในอ้อมกอดของพี่ยอด โอ้ว!ไม่ อีกแล้วครับ จมูกของพี่ยอดมาชมแก้มของผม
ผมตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ทั้งมึนหัว ทั้งตื้นเต้น ผมคงได้สลบกลางโรงยิมแน่ๆ
“เฮ้ย ไอ้ยอด มึงทำอะไรน้องกูว่ะ” เสียงของพี่ซุ่ยดังมาแต่ไกล พอมาถึงตัวผมกับพี่ยอด พี่แกก็คว้าตัวผมไป คราวนี้ หน้าผมไปซบกับอกของพี่ซุ่ย แต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆไม่ได้ตื้นเต้นเหมือนตอนอยู่กับพี่ยอด
“พวกมึงเล่นบาสไม่ดูคนเลยเหรอไงว่ะ” พี่ซุ่ยด่าเพื่อนของตัวเอง พร้อมหันหน้ามามองผม
“น้องโจ้ ไหวไหม ให้พี่พาไปที่ห้องพยาบาลไหม” ผมค่อยๆยืนทรงตัว ตอนนี้อาการมึนหัวหายไปแล้ว แต่ความอายเข้ามาเยือนแทน
เพราะรอบตัวของผม มีแต่คนมายืนมุง
“ไม่เป็นไรแล้วครับ” ผมตอบพี่ซุ่ย พร้อมยิ้มเป็นการขอบคุณในความเป็นห่วง แล้วก็หันไปมองพี่ยอด
“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” พี่ยอดพูดกับผม
“ไม่เป็นไรครับ ผมซุ่มซ่ามเองต่างหาก” ผมบอกกับพี่ยอด
เมื่อผมไม่ได้เป็นอะไร ทุกคนจึงแยกย้ายออกไปจากที่ตรงนั้น
เหลือผมคนเดียวที่ยังคงมองพี่ยอดเดินกลับไปที่แป้นมาก
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดัง เป็นสัญญาณบอกว่าจะหมดเวลาของการหาชมรม
ผมรีบเดินไปที่ซุ้มของชมรมต่างๆทันที
ตอนนี้มองไปทางไหน แต่ละชมรมก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มายืนออๆกันตรงชมรมนั้นๆ
แต่มีอยู่ชมรมหนึ่งที่มีใครมายืนออ เหมือนชมรมอื่น
ผมเลยเดินตรงไปชมรมนั้น
ทันที่ผมถึงที่หน้าซุ้มของชมรม พี่ที่ยืนประจำซุ้ม ก็เดินตรงมาหาผม
“หวัดดีครับน้อง สนใจชมรมพี่เหรอครับ” รุ่นพี่หน้าตาตี๋ๆ ตัวประมาณผม เอ่ยถาม
“เออ ครับ” ผมตอบ
“งั้นน้องก็ลงชื่อเลยนะครับ” พี่เค้ายื่นใบลงชื่อมาให้ผม ผมก้มลงมองดูรายชื่อ
มีคนมาสมัครแค่สิบกว่าคนเอง (ปกติแต่ละชมรมจะมีคนประมาณสามสิบ สี่สิบคน)
ผมเลยมองไปที่ป้ายหน้าซุ่ม เขียนว่า “ชมรม พลังจิต”
ผมเกาหัว งงงงว่าชมรมนี้มันคืออะไร ผมเลยหันไปถามพี่คนนั้น
“เออ แล้วชมรมนี้ให้ทำอะไรเหอรครับ”
“น้องต้องลองเข้าดูเองครับว่าเข้าจะทำให้อะไร” พี่แกเล่นตอบแบบนี้ ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาแล้ว
ผมเลยจำใจ ลงเป็นสมาชิกในชมรม “พลังจิต” แห่งนี้
“พี่ชื่อ เอ๊ด นะครับ เป็นหัวหน้าชมรม” พี่ตี๋แนะนำตัว
“ส่วนพี่คนนู้นชื่อ เติ้ง เป็นรองปราน” พี่เอ๊ดชี้ไปที่ พี่ผู้ชายคนหนึ่ง ดูหน้าตาใจดี สูงกว่าพี่เอ๊ดหน่อยหนึ่ง แต่ผิวไม่ขาวเท่าพี่แอ๊ด แก้มยุ้ยๆหน่อย
“ขอต้อนรับน้องสู่ชมรมนะครับ” พี่เอ๊ดยิ้มตอบรับผม
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมวิ่งตรงไปที่ชมรมเชียร์ทันที หลังจากคุณครู ปล่อยให้มาลงชื่อที่ชมรม
คนที่มาลงชื่อแต่ละคน ล้วนเป็นเชียร์หลีดเดอร์ตอนมอต้นกันทั้งนั้น
แต่ผมไม่สนใจ เพราะคิดว่าตัวเองก็คงพอสู้พวกนั้นไหว
แม้จะไม่เคยเป็นหลีดเดอร์เลยก็ตาม

พอมาถึงคิวผมจะลงชื่อ ผมดีใจมากๆ เพราะพี่ที่คุมตรงใบลงชื่อ คือ พี่เบ็นซ์ที่เป็นพี่เลี้ยงของปอ
“หวัดดีครับพี่เบ็นซ์” ผมทักทายตามมารยาท
“หวัดดีจ๊ะ เอ๊ะ!รู้ชื่อพี่ได้ไงจ๊ะ” พี่เบ็นซ์แปลกใจที่ผมรู้จักพี่เค้า
“ผมเป็นเพื่อนกับปอครับ” ผมเริ่มทำตามแผน คือ ทำความสนิทสนมกับพี่เค้าก่อน
“อ๋อเหรอจ๊ะ” พี่เบนซ์เริ่มยิ้มให้ผม
“ผมจะมาเข้าชมรมเชียร์ครับ” ผมเริ่มพูดเข้าเรื่อง
“อืมม แล้วน้องเคยเป็นหลีดมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะ” พี่เบ็นซ์เริ่มยิงคำถาม
“เออ ไม่เคยครับ” ผมตอบอย่างอายๆ ก็คนอื่นเค้าเป็นหลีดกันทั้งนั้นนี้
“แล้วเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นหลีด หรือเปล่า” พี่เบ็นซ์ถามอีก
“ไม่เคยครับ เคยแต่เป็นกองเชียร์ร้องเพลงเชียร์ครับ” ผมตอบตามความจริง ผมจะไปเป็นหลีดได้ยังไงหล่ะครับ ก็ตอนมอต้น ทั้งอ้วน ทั้งหน้าตาก็น่าเกลียด
“อืมม แล้วมีพื้นฐานด้านการเต้นอะไรบ้าง” พี่เบ็นซ์ยิงคำถาม
ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าไอ้เต้นมันต้องมีพื้นฐานด้วยเหรอว่ะ พี่เบ็นซ์เห็นผมไม่ตอบ เลยลองถามผม
“เต้นแจ๊สแดนซ์ได้ไหม” ผมส่ายหัว
“โมเดิร์นแดนซ์หล่ะ” ผมก็ส่ายหัว
“อือม ฮิพฮอพ หรือ เบรคเด็นซ์” ผมก็ยังส่ายหัว
“แล้วเคยเรียนบัลเล่ต์ไหม” อันนี้ส่ายหัวอย่างแรง เป็นแค่เชียร์หลีดเดอร์ทำไมต้องเต้นบัลเล่ต์เป็นด้วยว่ะ
พี่เบ็นซ์ ถอนหายใจ พร้อมพูดกับผมว่า “พี่ต้องเสียใจด้วยนะ น้องไม่มีพื้นฐานด้านการเต้นอะไรมาเลย พี่คงไม่สามารถให้น้องเข้าชมรมได้”
ผมหน้าเสียรีบโว้ยพี่เค้ากลับ “ก็ผมจะเข้าชมรมเพื่อให้พวกพี่ๆสอนไงครับ”
“คือ ชมรมเชียร์ต้องมีงานโชว์ตามงานต่างๆของโรงเรียนพี่ไม่มีเวลามาสอนเรื่องการเต้นพื้นฐานให้น้องหรอก ถ้าคนที่สมัครมีพื้นฐานด้านการเต้นมาก่อน หรือมีประสบการณ์เคยเป็นหลีดมาก่อน พวกพี่ก็จะทำงานง่ายขึ้น” พี่เบ็นซ์พยายามอธิบายโดยใช้เหตุผล
ผมเองก็ยังยอมรับไม่ได้ เพราะชมรมเชียร์คือสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด ผมเองก็อยากจะเถียงพี่เบ็นซ์อีก
แต่ยังไม่ทันจะอ้าปาก พี่ที่อยู่ข้างๆพี่เบ็นซ์ก็พูดกับผมขึ้นมาก่อน
“น้องคงเข้าใจแล้ว ก็ไปหาชมรมอื่นเถอะ” พี่เค้าพูดเสร็จ ก็เรียกน้องคนต่อไปเข้ามาสัมภาษณ์
ผมเลยเดินคอตกออกไป
ตอนแรกก็อยากจะร้องไห้นะ เพราะผมหวังไว้ว่าอยากเข้าชมรมเชียร์ เพราะผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าผมเองก็มีความสามารถ และอยากให้ทุกคนรู้จักผมที่เป็นคนใหม่
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดัง เป็นสัญญาณบอกว่าจะหมดเวลาของการหาชมรม
เวรกรรม ก็ตอนต่อคิวเขาแถวของชมรมเชียร์ก็เสียเวลาไปมากแล้ว
แถมยังเข้าไม่ได้อีก แล้วทีนี้จะเข้าชมรมอะไรว่ะ หัวสมองอื้อไปหมด
ผมยืนอยู่หน้าชมรมหนึ่ง แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าเป็นชมรมอะไร
“อ้าว น้องเกย์ครับ สนใจเข้าชมรมพี่ไหม” เสียงคุ้นๆอีกแล้ว
ผมไม่อยากจะหันหน้าไปหาไอ้พี่ปากหมาคนนี้เลย
ผมเลยคิดว่าต้องรีบเดินหนีดีกว่า เพราะตอนนี้คงตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นไปแล้ว
ผมเลยก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากที่นั้น
“จะไปไหนครับ” มีมือปริศนามาคว้าตัวผมไว้
“อ๊ะ จะมายุ่งกับผมทำไมเนี้ย” ผมรีบว่าเจ้าพี่ปากหมาคนนั้น
“ก็จะมาถามว่าอยากเข้าชมรมของพี่ไหม” พี่เต๋าถาม แต่มือยังไม่ปล่อยจากแขนของผม
“ชมรมอะไรหล่ะ” ผมถาม
“ชมรมอนุรักษ์ครับ” พี่เต๋าตอบพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจในชมรมของตนเอง
ผมนิ่งไปพักหนึ่ง พอจะรู้ว่าชมรมอนุรักษ์ เป็นชมรมที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่นปลูกต้นไม้ ดูแลทะเลสาบของโรงเรียน เป็นต้น
แต่ผมไม่ค่อยอยากจะเข้า เพราะมันดูขัดๆกับผมยังไงก็ไม่รู้
“สนใจจะเข้าไหมครับ” พี่เต๋าถามผมอีก
ผมมองไปที่ชมรมอีกครั้ง เห็นพี่ที่อยู่ในชมรมส่วนมาก เป็นเด็กนักเรียนต่างจังหวัด แถมดูเถื่อนๆด้วย
ผมเลยลองถามพี่เต๋าบ้าง “แล้วพี่ทำไมถึงมาชวนผมหล่ะ ปกติเค้าให้รุ่นน้องไปเข้าสมัครเองไม่ใช่เหรอ ผมยังเห็นว่ายังมีคนต่อคิวเข้าสมัครชมรมพี่อีกตั้งเยอะ” ผมชี้ไปทางแถวที่ยาวเหยีด ที่อยู่หน้าซุ้มชมรมของพี่เค้า
“ไม่รู้สิ พอดีพี่เห็นน้องเดินผ่าน กะจะมาทักเฉยๆ เลยลองถามไปด้วยเลยเผื่อน้องอยากเข้าชมรมพี่” พี่เต๋าตอบ
ผมเองก็ไม่คิดที่จะเข้าชมรมนี้ด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าเวลาทำกิจกรรมของชมรมนี้ ต้องใช้แรงเยอะ เช่นปลูกต้นไม้ต้องยกต้นไม้ พรวนดิน อะไรประมาณเนี้ย เกิดมาผมเคยทำอะไรพวกนี้ที่ไหนหล่ะ
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาแล้ว
ผมจะทำไงดีเนี้ย
พี่เต๋ากระเถิบตัวมาใกล้ผม “ตกลงว่าไงครับ”
ผมเลยจำใจตอบตกลงพี่เต๋าไป
“รู้จักชื่อพี่หรือยัง พี่ชื่อเต๋านะ” พี่เต๋ายิ้ม
“ผมชื่อเชียร์นะ ไม่ได้ชื่อเกย์ ที่หลังเวลาจะเรียกเรียกให้ถูกด้วยนะ” ผมพูดเหมือนออกคำสั่ง
พี่เต๋าหัวเราะ
“งั้นผมไปแล้วนะ” ผมเดินจากพี่เต๋าไปเพราะต้องกลับไปเข้าแถวเหมือนเดิม
************************************************************************************************

คู่ที่3

หลังจากที่ผมสมัครลงชมรมดนตรีแล้ว ผมก็เดินออกมาข้างนอกโรงยิม
ผมเอากีตาร์มาด้วย เพื่อเอามาทดสอบก่อนเข้าชมรมว่าผมเล่นดนตรีเป็น
ผมเดินมาตรงที่ทะเลสาบ ที่อยู่ถัดไปจากโรงยิม
ผมเดินมาตรงที่นั่งตรงทะเลสาบ ใกล้กับที่มีห้องเก็บของอยู่
ตรงนี้เป็นที่ที่ผม เจอกับบิ๊กครั้งแรก กับมาสเตอร์เบิร์ด
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า บิ๊ก กับมาสเตอร์เบิร์ดจะแอบมีอะไรกัน
ผมเคยเห็นว่าบิ๊ก กับมาสเตอร์เบิร์ดเคยเดินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ผมไม่รู้ว่า บิ๊ก กับมาสเตอร์ เบิร์ดชอบกันหรือเปล่า ถึงพวกเขาจะเคยมีอะไรกันก็ตาม
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นว่าบิ๊กแอบเข้าห้องของมาสเตอร์เบิร์ดกลางดึก

คืนนั้นผมรู้สึกปวดท้อง เลยลุกจากเตียงออกมาเอายาธาตุน้ำขิงที่ตู้ยา
ในแต่ละชั้นที่หอพัก จะมีตู้ยาอยู่ทุกชั้น ตู้ยานี้จะอยู่ข้างๆกับบันไดขึ้นลงของหอพัก
ผมเปิดประตูออกมาจากห้อง เดินไปที่ตู้ยา ผมพยายามเดินให้เงียบที่สุดเพราะตอนนั้นคงดึกมากแล้ว
ถ้าทำเสียงดังขึ้นมา มาสเตอร์ที่คุมหอคงตื่นขึ้นมาด่าแน่
ผมหยิบยาธาตุมาทาน แม้จะยังไม่หายปวดในฉับพลัน แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง เลยจะเดินกลับเข้าห้องไปนอนต่อ
พอผมจะปิดประตูห้อง ผมได้ยินเสียงประตูห้องตรงข้ามเปิดออก
ผมเลยแง้มประตูออกไปดูว่าใคร คนๆนั้นคือบิ๊ก
บิ๊กเปิดประตูออกมา พร้อมมองซ้ายมองขวา ท่าทางดูมีพิรุด
ผมแอบมองบิ๊กว่า บิ๊กจะทำอะไร
บิ๊กเดินไปที่ห้องๆหนึ่ง ผมรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของใคร
บิ๊กยืนอยู่หน้าห้องนั้น พร้อมบิดลูกบิดห้องนั้นสามที
สักพัก เจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา ผมไม่แปลกใจเลยว่า เจ้าของห้องจะเป็น มาสเตอร์เบิร์ด มาสเตอร์ที่คุมหอของผมเอง
มาสเตอร์เบิร์ด ที่จริงเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของผม พอหลังจากจบปริญญาตรี ในคณะศึกษาศาสตร์ ก็มาเป็นครูที่โรงเรียน
ผมไม่รู้หรอกว่ามาสเตอร์เค้าจะเป็นเกย์ จนผมมาเห็นมาสเตอร์กับบิ๊กในคืนต้อนรับนักเรียนใหม่ที่ห้องเก็บของหลังทะเลสาบ
มาสเตอร์เบิร์ดเป็นคนผิวขาว รูปร่างสูง หุ่นก็ดี และดูเป็นคนที่ใจดีมากๆ ผมไม่เคยเห็นมาสเตอร์ดุเด็กเลยสักครั้ง
มาสเตอร์เบิร์ดยิ้มให้บิ๊ก พร้อมเอามือมาลูกที่หัวของบิ๊ก
บิ๊กยิ้มให้มาสเตอร์ พร้อมโผ่เข้ากอดมาสเตอร์
ผมรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร ผมมองภาพนั้น มองรอยยิ้มของบิ๊ก
ผมหลับตา พร้อมปิดประตูห้อง แล้วเดินไปที่เตียง
ภาพรอยยิ้มของบิ๊ก ในอ้อมกอดของมาสเตอร์เบิร์ด วนเวียนอยู่ในหัว จนผมนอนไม่หลับ
แต่ด้วยฤทธิ์ของยา ทำให้ผมรู้สึกมันหัวและเผลอหลับไปในที่สุด
และผมก็ฝันถึงบิ๊ก ภาพบิ๊กกำลังยิ้ม ซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของผม ผมกอดบิ๊กแน่น
“เราชอบรอยยิ้มของนายมากเลย” ผมพูดกับบิ๊ก
บิ๊กไม่ตอบอะไร แต่บิ๊กหันมาจูบที่แก้มของผม ผมหน้าแดง ยิ้มจนแก้มปริ

“ปอ นึกอะไรอยู่เหรอ ยิ้มใหญ่เชียว” เสียงของบิ๊ก ทักผม ผมสะดุ้ง พยายามเลิกนึกฝันหวานถึงความฝันเมื่อคืน
“ป่าว ไม่มีอะไร” ผมทำหน้าตาขรึม พร้อมดีดกีตาร์ไปเรื่อยๆ
“นายเข้าชมรมดนตรีเหรอ” บิ๊กถามพร้อมเข้ามานั่งใกล้ผม
“อืมมม แล้วนายออกมาข้างนอกทำไม” ผมเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ก็ ออกมาหานายไง” บิ๊กหันมาสบตาผม ผมอึ้งไปสักพัก พร้อมหันไปสบตาบิ๊ก
“มีอะไรเหรอ” ผมทำเสียงปกติ แต่ในใจดีใจจนใจเต้นรั่วไม่เป็นจังหวะ
“เรารู้นะว่านายเห็นเราไปที่ห้องมาสเตอร์เบิร์ด” สิ้นเสียงบิ๊ก ผมหยุดเล่นกีตาร์ด้วยความตกใจ
ผมไม่ตอบอะไร
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดัง เป็นสัญญาณบอกว่าจะหมดเวลาของการหาชมรม
เสียงนั้นทำเอาผมกลับมาตั้งสติ หันมาพูดกับบิ๊ก “ใช่”
บิ๊กหันไปมองทะเล พร้อมเอาหินขว้างไปที่ทะเลสาป
“นายนี้รู้ความลับของเราตลอดเลยนะ”
ผมเองก็หันไปมองทะเลสาบ มองหินที่ตกไปในน้ำ จนทะเลสาปที่นิ่งสงบเกิดเป็นคลื่นวงกลมขึ้นมา
“เราไม่ได้ตั้งใจที่จะรู้เรื่องของนายหรอกนะ” ผมพูดเหมือนแก้ตัว ทั้งที่ความจริงก็เป็นอย่างที่ผมพูด
“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่เราก็อยากจะขอร้องนายเหมือนเดิม” บิ๊กพูดพร้อมหันหน้ามามองผม
“เรารักมาสเตอร์เบิร์ดมาก นายคงไม่เอาสิ่งที่นายเห็นไปบอกใครนะ” บิ๊กพูดกับผม สายตาของบิ๊กมองมาที่ผม ยากที่สายตาของผมจะหลบสายตาคู่นั้นของบิ๊ก
บิ๊กเอามือมาว่างบนบ่าของผม พร้อมเอนตัวมาใกล้กับผม
“เราไว้ใจนายนะ ปอ”
----- กริ่งงงงงงงงงงง -----
เสียงกระดิ่งดังอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาแล้ว
บิ๊กลุกขึ้น พร้อมพูดกับผม “เราไปเข้าแถวก่อนนะ” แล้วบิ๊กก็เดินเข้าโรงยิมไป
ผมยังคงนั่งอยู่ที่นั่น ผมไม่ได้หันไปมองบิ๊กที่กำลังเดินเข้าโรงยิม
ผมมองเงาของตัวเองในน้ำ หยดน้ำหยดหนึ่งไหลลงมาตกที่พื้นน้ำนั้น
หยดน้ำนั้น คือ น้ำตาของผมเอง

----- จบตอนที่4 -----

Ken Ken

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมปอเริ่มแรกทีไร
มีน้ำตาทุกทีเลยอ่า :o12:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ปอแอบรักคนมีเจ้าของอีกแล้ว   :m12:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 5 รู้...รู้เธอมีเจ้าของ

คู่ที่ 1

ผมเริ่มกิจกรรมของชมรม ตอนแรกผมนึกว่า ชมรม “พลังจิต” ที่ผมเข้าสังกัดอยู่
เป็นชมรมที่ว่าด้วยเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ เช่น การใช้พลังจิต หักช้อนให้โค้งงอ เหมือนในหนัง แต่เปล่าเลย มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

พี่เอ๊ดที่เป็นประธานชมรม เข้ามาทักทายสมาชิกใหม่ พร้อมพูดถึงและอธิบายกิจกรรมของชมรม
“ชมรมของเรา คือ ชมรมที่ว่าด้วยเรื่องของจิตใจ การใช้พลังของหัวใจ การมองสิ่งรอบตัวต่างๆด้วยจิตใจ ไม่ใช่มองด้วยตาเห็นหรือมองด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ต้องมองถึงแก่นแท้ของมัน เราจะมองมันได้ ก็ต้องใช้จิตใจ หรือ การใช้สมาธินั่นเอง”
ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า ที่แท้ชมรมของผม ไม่ต่างจากชมรมจริยธรรม

กิจกรรมแรกของชมรมคือการนั่งสมาธินั่นเอง
สำหรับผมแล้วการนั่งสมาธิไม่ใช้เรื่องลำบากสักเท่าไร เพราะตอนอยู่สถานสงเคาระห์ ซิสเตอร์ก็ฝึกให้ผมนั่งสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว ทำให้ผ่านกิจกรรมวันนี้ไปด้วยดี

ผมออกจากชมรม หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ มองดูเวลาแล้วยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะถึงช่วงเล่นกีฬา ผมเลยอยากจะเดินเล่นดูโน้นดูนี้ไปเรื่อยเปื่อย
ผมเดินผ่านสนามบาส ซึ่งคนในชมรมบาสกำลังซ้อมกันอยู่
ผมเลยรีบมองดูว่าในสนามบาสนั้นจะมีพี่ยอดอยู่ไหม
ผมมองทุกสนามก็ไม่ยักจะเห็นพี่ยอด ไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหน เวลานี้ทุกคนน่าจะอยู่ในชมรมของตัวเอง ยกเว้นพวกที่ชมรมเลิกก่อนเวลาอย่างเช่นชมรมของผม

ในขณะที่ผมกำลังชะเง้อมองพี่ยอดอยู่นั่นเอง ผมรู้สึกว่ามีวัตถุบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมาทางผม
“เฮ้ย! ไอ้น้องระวัง” เสียงจากคนในสนามบาสตะโกนบอกผม
แทนที่ผมจะหลบกลับมองไปทางวัตถุนั้น
“อีกแล้วเหรอกู” ผมนึกในใจ พร้อมหลับตาปี๋ ยืนรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น
แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวผมโดนใครคว้าตัวไป
ลูกบาสตกลงพื้นโดยไม่โดนตัวผม
ผมลืมตาขึ้นมองว่า ใครช่วยผมไว้
“อีกแล้วเหรอโจ้ ท่าทางจะไม่ถูกกับลูกบาสนะ” พี่ยอดพูดกับผมทั้งๆที่ผมยังซบอกพี่ยอดอยู่ริมสนามบาส
ผมรีบผละตัวออก พร้อมขอบคุณพี่ยอด “ขะ ขอบคุณ ครับ” ผมก้มหน้าพยายามไม่ให้พี่ยอดเห็นว่าผมเขินขนาดไหน
“เดินระวังหน่อยหล่ะกัน พี่คงช่วยโจ้ไม่ได้ตลอดหรอก” พี่ยอดพูด พร้อมเดินกลับไปซ้อมบาสต่อ
ผมยืนยิ้มตรงนั้นอีกสองสามนาที เพื่อดูพี่ยอดซ้อมบาส
“ทำไมกูโชคดีอย่างนี้ว่ะ ซบอกเค้ามาตั้งสองครั้งแล้ว จะมีครั้งที่สามอีกไหมเนี้ย” ผมนึกในใจ เพราะชอบที่ได้ซบอกของคนที่ผมชอบ
ไม่ทันขาดคำ ลูกบาสโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ คราวนี้กระแทกหน้าผมอย่างจัง
ผมล้มไปทันที พร้อมตาของผมก็พร่าเบลอ จนผมหมดสติล้มไปข้างสนามบาสนั้น

ผมมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนมาอยู่ที่ห้องพยาบาลแล้ว
ผมลืมตามองไปรอบๆห้อง เห็นพี่ซุ่ยยืนมองผมที่ข้างเตียง
“ว่าไงโจ้ รู้สึกยังไงบ้าง” พี่ซุ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มึนหัวนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก” ผมเอามือมาจับที่หัว รู้สึกว่าหน้าผากตัวเองนูนออกมา
“ท่าทางโจ้จะไม่ถูกกับลูกบาสนะ เห็นต้องล้มเพราะลูกบาสทุกที” พี่ซุ่ยเอามือมาลูบที่หัวผมเบาๆ
“ผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้ครับ ขอบคุณพี่ซุ่ยมากที่ช่วยผมไว้” ผมพูดกับพี่ซุ่ย เพราะคิดว่าพีซุ่ยคงเป็นคนพาผมมาที่ห้องพยาบาล
เพราะในห้องตอนนี้ก็มีแค่ผมกับพี่ซุ่ยเท่านั้น
“ป่าวหรอก พี่ไม่ได้ช่วยโจ้หรอก นู้น คนนู้น” พี่ซุ่ยชี้ไปที่หน้าห้อง
พี่ยอดกำลังยืนพิงประตู้อยู่ด้านนอกของห้อง
“พี่ยอดเหรอครับ” ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“อืมม ยอดมันบอกว่าพอเห็นโจ้ล้มลง ก็รีบอุ้มมาที่ห้องพยาบาล แล้วก็ไปตามพี่ที่ชมรมนี้แหล่ะ”
ผมนึกภาพตามที่พี่ซุ่ยพูด พี่ยอดอุ้มเราเหรอเนี้ย เสียดายที่ตอนนั้นผมไม่รู้สึกตัว
“ไม่เป็นอะไรมาก พี่กลับชมรมก่อนแล้วกัน เดินไหวแน่นะ” พี่ซุ่ยถามผม
“ไหวครับ” ผมยิ้ม
พี่ซุ่ยจึงเดินออกไป พร้อมคุยกับพี่ยอดที่อยู่หน้าห้อง
สักพักพี่ซุ่ยก็ไปชมรม แต่พี่ยอดยังอยู่หน้าห้อง
ผมมองดูว่าพี่เค้าจะทำอะไร สักพักพี่ยอดก็เดินเข้ามาในห้อง
“เป็นไงบ้าง ความจำเสื่อมหรือเปล่า” พี่ยอดแซว ผมเลยหัวเราะ
“55555 ความจำยังดีอยู่ครับ แถมรู้ว่าด้วยว่าใครเป็นคนอุ้มผมมาที่นี้” ผมแซวกลับ พี่ยอดก็หัวเราะ
“55555 เหรอ แล้วรู้หรือเปล่าว่าตัวเองหนักขนาดไหน พี่เกือบให้เพื่อนอีกสองคนช่วยอุ้มแล้วนะเนี้ย” พี่ยอดไม่ยอมแพ้แซวผมกลับอีก
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ยังไง ก็ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผมไว้ทุกครั้งเลย” ผมยิ้มให้พี่ยอด พี่ยอดก็ยิ้มให้ผมเหมือนกัน
“พี่ฝากของให้เชียร์หน่อยสิ” พี่ยอดหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้ผม
ผมรับไว้แล้วมองดูรูปในโปสการ์ดใบนั้น มันเป็นรูป แกนแคงย่อน
ผมเลยพอจะรู้ว่าเป็นโปสการ์ดของใคร
“ไอ้แจ๊คมันฝากพี่เอามาให้เชียร์”
“แล้วพี่ไม่ให้เชียร์เองหล่ะครับ” ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นว่าพี่ยอดกับเชียร์เป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกัน
“ก็เชียร์เค้าไม่ค่อยอยากคุยกับพี่เท่าไหร่ เห็นหนีหน้าพี่ตลอด” พี่ยอดอธิบาย
“แล้วทำไมเป็นอย่างนั้นหล่ะครับ” ผมถามเพราะผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเชียร์ถึงไม่ค่อยชอบพี่ยอด
“เฮ้อ! เรื่องมันยาวนะ มันเกี่ยวกับเจ้าแจ๊คด้วยแหล่ะ คือ พี่รู้ว่าแจ๊คกับเชียร์เค้าเป็น....” พี่ยอดพูดไม่ถูกว่าพี่แจ๊คกับเชียร์เป็นอะไรกัน
“เค้าเป็นแฟนกันใช่ไหม” ผมตอบแทน พี่ยอดหยักหน้า
“เชียร์เค้าคงอายมั่งที่พี่ไปรู้เรื่องนี้เข้า”
“แล้วมันจะอายทำไม” ผมแอบว่าเพื่อนตัวเอง
“ช่างเถอะ เป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกันต้องมีสักวันที่ต้องคุยกัน อีกอย่างพี่เองก็เป็นแฟนกับพี่สาวของเชียร์ ยังไงก็ต้องคุยกันอยู่ดี”
จู่ๆพี่ยอดก็พูดเรื่องแฟนขึ้นมา ผมก็ไม่ค่อยอยากฟังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็ต้องคุยเรื่องนี้ เพราะเดี๋ยวไม่มีอะไรคุย
“เออ แล้วพี่ยอดกับแฟนเป็นแฟนกันมานานยังครับ” ผมถาม
“ก็สามปีแล้ว ไปรู้จักกันตอนเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชา ตอนนั้นพี่ก็รู้จักแจ๊คด้วย ฝ้ายกับแจ๊คเค้าเป็นญาติกัน โจ้คงรู้จากเชียร์แล้วใช่ไหม” พี่ยอดถาม ผมพยักหน้า
“จะหมดเวลาแล้ว พี่ไปก่อนแล้วกัน เดินไหวแน่นะ”พี่ยอดยิ้มพร้อมเอามือมามาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ
“ไหวครับ” ผมตอบ ทั้งที่ในใจอยากจะบอกว่าไม่ไหว พี่เค้าจะได้มาช่วยพยุง
พี่ยอดยิ้มให้อีกครั้ง พร้อมเดินออกจากห้องไป
ผมยิ้มแก้มแทบปริ ไม่นึกว่าจะได้คุยกับพี่ยอดสองต่อสอง
ผมลุกจากเตียงเพื่อจะเอาโปสการ์ดไปให้เชียร์
ตอนนี้เชียร์มันคงยงอยู่ที่ชมรม เพราะยังไม่หมดเวลา
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมวิ่งหน้าตั้งไปที่ห้องชมรม เพราะเลยเวลาเข้ากิจกรรมของชมรม
ก็ตอนเที่ยงดันเผลอหลับไป ไอ้โจ้กับไอ้ปอก็ดันไม่ปลุก
ก้าวแรกที่ผมเข้าไปชมรม ทุกคนในชมรมต่างหันมามองผม
เพราะผมเดินเข้าไปในช่วงที่อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมกำลังพูดอยู่หน้าห้อง
ผมรีบหาที่นั่งที่ใกล้ที่สุดกับตรงประตูห้อง
พอหาที่นั่งได้ก็พยายามหลบอยู่หลังคนที่นั่งข้างหน้า เพื่อไม่ให้อาจารย์เห็น
ผมนั่งพักเหนื่อยได้สักพัก ก็มีคนมากระซิบข้างหูผม
“ไปไหนมา ทำไมถึงมาสาย” พี่เต๋าจ้องตามาที่ผม
ผมหันหน้าไปมอง และก็นึกในใจว่า ทำไมกูต้องมาเจอะมาเจอกับคนคนนี้ตลอด
“เผลอหลับไปอ่ะ โทดที” พูดเสร็จผมรีบหันหน้ากลับไปฟังอาจารย์พูดต่อ
“วันแรกก็มาสายซะแล้ว ทำโทดดีไหมเนี้ย” พี่เต๋ายังคงพูดกับผม
“จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ก็พี่เป็นประธานชมรมไม่ใช่เหรอ ผมจะขัดขืนได้เหรอ” ผมเองพูดประชดใส่ พร้อมสีหน้าที่บ่งบอกว่าเบื่อผู้ชายคนนี้เต็มทน
“อะไรว่ะ แซวนิดเดียว โกรธเลยเหรอ” พี่เต๋าทำเสียงอ่อยๆ
“ป่าวโกรธ” ผมบอกอย่างนั้น แต่หน้าตาไม่ได้เป็นอย่างที่พูด
“ถ้าพี่ทำอะไรไม่พอใจ พี่ขอโทษแล้วกัน” พี่เต๋าทำหน้าสำนึกผิด
ผมหันหน้ามามองพี่เต๋า เห็นเค้าขอโทษอย่างนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
ตัวผมเองก็ชอบทำอะไรเอาแต่ใจไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกคนอื่น
“ก็บอกไม่ได้โกรธ ไม่ต้องขอโทษเชียร์หรอก” ผมเลยเปลี่ยนมายิ้มให้แทน
พี่เต๋าเห็นผมหายโกรธก็ยิ้มให้ผมพร้อมหันไปฟังอาจารย์พูดต่อ

เมื่อผมทำกิจกรรมของชมรมเรียบร้อยแล้ว ผมก็จะกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเล่นกีฬา
ผมเดินมาที่นอกห้อง เห็นโจ้ยืนรออยู่หน้าประตู
พอโจ้เห็นผมก็รีบกวักมือเรียก
“มีอะไร ทำไมต้องมาหาถึงที่นี้” ผมแปลกใจ เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง ก็ต้องเจอมันอยู่แล้ว
“กูมีอะไรมาให้มึงด้วย” โจ้ทำท่ามีลับลมคมใน ผมเห็นว่ามันเอามือไขว้ไปข้างหลังเหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่าง
“อะไรของมึง เอาของอะไรมาให้กู” ผมขมวดคิ้วสงสัยท่าทีประหลาดๆของมัน
“นี้ไง มีคนเค้าฝากมาให้มึง” โจ้เอามือที่ไขว้ไว้ข้างหลัง โผล่ขึ้นมา พร้อมโปสการ์ดใบหนึ่ง
ผมรีบเอาโปสการ์ดมาดูทันที
โปสการ์ดเป็นรูปแกนแคงย่อน ผมยิ้มทันทีเมื่อรู้ว่า โปสการ์ดใบนี้มาจากอเมริกา
“ใครให้มึงมาว่ะ” ผมถามโจ้
“พี่ยอดไง ก็แฟนแก เขาฝากพี่ยอดมาให้ แล้วทำไมแฟนแกไม่ส่งมาให้แกโดยตรงหล่ะว่ะ” โจ้ถาม
“พี่แจ๊คเค้าคงกลัวพ่อฉัน รู้เรื่องฉันกับเค้ามั้ง” ผมพูดและรีบอ่านข้อความในโปสการ์ด
ผมยังไม่ทันได้อ่านตัวอักษรสักตัว พี่เต๋ามาจากไหนก็ไม่รู้ แย่งโปสการ์ดไปจากผม
“โอ้โฮ! จากอเมริกาเลยเหรอ” พี่เต๋าทำตาโตเมื่อเห็นโปสการ์ดของผม
“ทำไมทำมารยาทอย่างนี้หล่ะ เจ้าของเค้ายังไม่ได้อ่านเลยนะ” ผมโมโห พร้อมตะโกนใส่พี่เต๋า
“คร้าบๆ ขอโทดคร้าบ แหย่เล่นหน่อยเดียว โกรธใหญ่เลย” พี่เต๋าทำท่าเหมือนกลัวผม พร้อมรีบส่งโปสการ์ดคืน
ผมรีบคว้าโปสการ์ดคืนกลับมา และรีบพาโจ้เดินไปที่อื่น
“แม่ง ชอบกวนตีนกูตลอดเลยว่ะ” ผมบ่นพึมพำกับโจ้
“สงสัยเค้าชอบแกมั้ง เห็นแหย่แกตลอดเลย” โจ้แซว
“จะชอบหรือไม่ชอบก็เรื่องของเขา แต่กูไม่ชอบคนแบบนี้” ผมยังคงบ่นต่อไป
สักพักผมก็ตะโกนขึ้นพร้อมร้องโวยวายเสียงดัง พร้อมทำท่าขยุ้มหัว
“ทำไมกูถึงมีแต่เรื่องซวยว่ะเนี้ย”
โจ้ทำท่าตกใจ เมื่อเห็นผมเริ่มบ้าแล้ว “มึงเป็นอะไรของมึง”
“ก็แม่ง ไหนจะเรื่องพี่ยอดที่เป็นพี่เลี้ยงกู เรื่องไอ้พี่เต๋าบ้านี้อีก เซ็งว่ะ” ผมทำหน้ามุ้ย
“แต่แกไม่ซวยไปตลอดหรอก เพราะนี้ไง แฟนแก่ส่งโปสการ์ดมาให้” โจ้ชี้ไปที่โปสการ์ดที่ผมถืออยู่ในมือ
“เออว่ะ ไหนอ่านหน่อยสิ ว่าสุดที่รักเขียนมาว่าอะไร” ผมยิ้มทันทีเมื่อพูดถึงพี่แจ๊ค พร้อมอ่านโปสการ์ดที่อยู่ในมือ
ผมอ่านข้อความในโปสการ์ดจนจบ ผมก็ทำหน้ามุ้ยอีก หันมามองไอ้โจ้
“อะไรอีกหล่ะมึง” โจ้สังเกตเห็นหน้าผม คงรู้แล้วว่าคงมีอะไรผิดปกติ
“ก็ ก็ ก็ พี่แจ๊คบอกว่าช่วงปี สองปีนี้ จะไม่กลับมาเมืองไทย” ผมพูดเสร็จก็รีบโผ่เข้ากอดไอ้โจ้ พร้อมร้องไห้ เสียใจที่จะไม่ได้เจอหน้าแฟนอีกสองปีเต็มๆ
โจ้ก็รีบปลอบผมทันที
“เออ ไม่ได้เจอสองปี ก็ไม่ได้แปลว่า จะไม่ได้เจอไปตลอดสักหน่อย ไม่เป็นไรหรอกน่า มึงก็ติดต่อเค้าตลอดอยู่แล้วนี้หน่า”
โจ้พูดอย่างนี้ผมก็เลยต้องสงบสติอารมณ์ เอามือเช็ดน้ำตา พร้อมพูดกับไอ้โจ้
“เห็นมั้ยมีแต่เรื่องซวยจริงๆด้วย”
************************************************************************************************
 
คู่ที่ 3

ผมหยิบกล่องที่เก็บกีตาร์ เอามาเก็บกีตาร์หลังจากเล่นกีตาร์เสร็จแล้วในช่วงทำกิจกรรมของชมรม
สำหรับในชั่วโมงแรกของการทำกิจกรรมของชมรม
พี่ๆในชมรมให้เครื่องดนตรีแต่ละประเภทแยกกันซ้อมไปก่อน
เนื่องจากช่วงเปิดเทอมใหม่ๆยังไม่มีงานที่จะต้องไปแสดงโชว์ เลยยังไม่ต้องซ้อมทั้งวง
ผมเก็บกีตาร์เสร็จแล้ว กำลังจะเดินออกจากห้องชมรม ก็เห็นบิ๊กมายืนรออยู่หน้าห้อง
ผมเองก็แอบนึกในใจว่าบิ๊กมารอผมหรือเปล่า
เมื่อบิ๊กเห็นผม บิ๊กก็ยิ้มมาให้ผมพร้อมเดินมาหา
“หวัดดี เป็นไงบ้าง ซ้อมหนักป่าว” บิ๊กทักทายผม
ผมส่ายหน้า “วันแรกก็ซ้อมเพลงง่ายๆ ไม่ค่อยหนักหรอก แล้วนายอยู่ชมรมอะไรเหรอ”
ผมถามบิ๊กเพราะไม่รู้ว่าบิ๊กอยู่ชมรมอะไร
“เราอยู่ชมรมคอรัส ห้องชมรมอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง”บิ๊กพูด
ผมเองก็อยากจะถามว่าบิ๊กมาห้องชมรมของผมทำไม
แต่ผมเห็นสายตาของบิ๊ก มองมายังใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหลังของผม
ผมหันไปมองตามสายตาของบิ๊ก
มาสเตอร์เบิร์ด กำลังเล่นเปียโนอยู่ในห้องชมรมของผม
ที่แท้มาสเตอร์เบิร์ดก็อยู่ในชมรมเดียวกับผม
ที่บิ๊กมาที่ห้องชมรมก็มาหามาสเตอร์เบิร์ดนั่นเอง
ผมรู้ความจริงอย่างนั้น ก็เลยลาบิ๊กแล้วเดินออกจากห้องไป
“เราไปก่อนนะ” ผมพูดสั้นๆแค่นั้น แล้วก็เดินออกไป
บิ๊กคงไม่สังเกตเห็นหรอกว่า หน้าผมเศร้าขนาดไหน

ผมเดินหลบไปออกประตูด้านหลัง ก่อนที่ผมจะเปิดประตูเดินออกไปนั้น
เสียงเปียโนก็ดังขึ้น พร้อมเสียงร้องของคนๆหนึ่ง ที่ทำให้ผมต้องหยุดอยู่ตรงนั้น
เสียงร้องนั้นเป็นเสียงของบิ๊ก ผมไม่นึกกว่าบิ๊กจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้
ผมไม่รู้ว่าเพลงบิ๊กร้องเป็นเพลงอะไร น่าจะเป็นเพลงภาษาอังกฤษเก่าๆหน่อย
ผมเดินย้อนกลับมาที่ห้อง แต่หลบอยู่หลังเสา ยืนฟังบิ๊กร้องเพลงจนจบเพลง
บิ๊กร้องเสร็จ ก็หันมายิ้มกับมาสเตอร์เบิร์ด
“เป็นไงบ้างบิ๊กร้องโอเคแล้วนะ” บิ๊กถามความเห็นมาสเตอร์เบิร์ด
“ก็ดีขึ้นนะ พี่ว่าตอนจบท้ายประโยคแต่ละท่อนลากเสียงให้ยาวกว่านี้หน่อย เพราะตามโน้ตแล้วต้องลากสียงไปให้ครบจังหวะ”
มาสเตอร์เบิร์ดแนะนำเทคนิคการร้องกับบิ๊ก
ผมมองดูสองคนนั้นพูดกันก็รู้แล้วว่า สนิทกันแค่ไหน
“คืนนี้จะไปหาอีกป่าว” มาสเตอร์เบิร์ดถามบิ๊ก
“อยากให้ไปมั้ยหล่ะ”บิ๊กเริ่มใช้มือมาโอบที่ไหล่มาสเตอร์เบิร์ด
“พี่อยากให้ไปทุกวันเลย เจ้าหนูของพี่มันจะได้สงบๆสักที”
“คิดว่าบิ๊กไปแล้ว มันจะสงบหรือไง”
“ตอนนี้เจ้าหนูของพี่มันเริ่มอาละวาดแล้วอ่ะ” มาสเตอร์เบิร์ดเริ่มเล่ห์ตามาทางบิ๊ก
“อะไร ร้องเพลงแค่นี้อารมณ์ขึ้นเลยเหรอ” บิ๊กหัวเราะ
“แค่เห็นบิ๊กพี่ก็ของขึ้นแล้ว” มาสเตอร์เบิร์ดดึงตัวบิ๊กเข้ามาใกล้ๆ
ผมเริ่มทนฟังการสนทนาของสองคนนี้ไม่ไหว ทำไมผมต้องมาฟังเรื่องแบบนี้ด้วยเล่า
ผมเลยจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้สองคนนั้นทำอะไรตามใจพวกเขาแล้วกัน
แต่พอจะเปิดประตูเท้าผมดันไปเตะกับกล่องขยะ ทำให้เกิดเสียงดังไปทั่วห้อง
“ใครนะ” มาสเตอร์เบิร์ดตะโกนถาม
ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก กลัวๆก็กลัว พยายามจะหาที่ซ้อน แต่ไม่ทันซะแล้ว
บิ๊กกับมาสเตอร์เบิร์ดมายืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว
“นายอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงมาสเตอร์เบิร์ดเริ่มดุ ตอนนั้นผมกลัวมากๆ
“ผมลืมของเลยมาเข้ามาเอาเมื่อตะกี้” ผมโกหก
“ทำไมฉันไม่เห็นเสียงประตู แล้วนายลืมอะไรไว้เหรอ” มาสเตอร์เบิร์ดเริ่มจับผิด
“เออ คือ” ผมไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก
“ปอ นายลืมนี้ไว้ใช่มั้ย” บิ๊กพูดขัดขึ้นมา พร้อมชูปิ๊กกีตาร์ขึ้นมา แล้วก็กระพริบตาเป็นสัญญาณให้ผมเออออไปตามเรื่องที่บิ๊กอ้างขึ้นมา
“ชะ ชะ ใช่” ผมพยักหน้าพร้อมรีบรับปิ๊กจากบิ๊ก
“หมดธุระแล้วก็ไปซิ ใกล้เวลาเล่นกีฬาไม่ใช่เหรอ”มาสเตอร์เบิร์ดทำเสียงดูไล่ผม
ผมก็รีบออกจากห้องไปทันที
แต่ผมก็ได้ยินสียงของมาสเตอร์เบิร์ดที่พูดกับบิ๊กว่า
“พี่ไม่เชื่อที่เค้าพูดหรอก พี่ว่าเค้าต้องได้ยินที่เราพูดแน่”

----- จบตอนที่5 -----

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แต่ละคน  :serius2: ทำไมมันเศร้าอย่างนี้  :sad2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ทำไมชีวิจวัยรุ่นของสามคนนี้ มีแต่เรื่องเศร้าๆล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22

three

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 6 เดินเล่น...ไปกับเธอ

คู่ที่ 1

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ตามตารางเวลา หอพักจะให้เราพักประมาณสี่สิบห้านาที ก่อนที่จะเข้าห้องStudy เพื่อทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ

ผมตั้งใจจะออกไปเดินเล่นบริเวณทะเลสาบที่ติดกับทางเดินตรงประตูทางเข้าด้านหน้าของโรงเรียน ในช่วงเวลาหัวค่ำอย่างนี้ แถวนั้นลมจะเย็นมากๆ เหมาะกับการผักผ่อนเป็นที่สุด

ผมเก็บจานข้าวเรียนร้อยแล้ว ก็ว่าจะชวนเชียร์และปอไปเดินเล่นด้วยกัน แต่ดันหาเจ้าสองตัวนี้ไม่เจอ
ช่วงที่เก็บจานข้าวหลังจากการกินอาหารเย็นเป็นช่วงที่วุ่นวายมากๆ(ที่จริงก็วุ่นวายทุกมื้อ) เพราะทุกคนอยากจะรีบเก็บจานข้าวให้เสร็จๆจะได้ไปทำอะไรตามใจชอบ ตอนแรกก็เดินมากับพวกมันอยู่ดีดี(กินข้าวอยู่โต๊ะเดียวกัน) เพราะหันหลังไปเก็บจานข้าวแป๊บเดียว หายไปไหนกันแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายผมเลยต้องออกมาเดินเล่นคนเดียว

บรรยากาศในช่วงหัวค่ำตรงบริเวณทะเลสาบนี้ช่างดีจริง ผมนั่งมองทะเลสาบคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนที่นี้ก็ผ่านไปครึ่งเทอมแล้ว การสอบกลางภาคก็กำลังจะใกล้มาถึงในไม่ช้านี้ ผมมีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี้มากๆ เพราะมีเพื่อนที่ดี และ มีคนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือผมเสมอ

ในขณะที่ผมกำลังนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั่น ก็มีคนๆหนึ่งมานั่งข้างๆผม
ผมหันไปมองว่าเป็นใคร พี่ยอดหันมายิ้มให้ผม
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” พี่ยอดถาม ผมยิ้มตอบ
“ได้ครับ พี่ยอดมาเดินเล่นเหรอครับ” ผมถาม
“ใช่ พี่ชอบมาเดินเล่นแถวนี้แหล่ะ” พูดเสร็จพี่ยอดก็หันไปมองทะเลสาบ
ผมนั่งนิ่งอยู่นาน เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับพี่ยอด เพราะตอนนั้นกำลังควบคุมสติไม่ให้แสดงอาการเขินอายออกมา
“แล้วโจ้เป็นไงบ้าง อยู่ที่นี้มาเกือบสามเดือนแล้ว” พี่ยอดเริ่มชวนคุย
“ก็ ก็ ก็ไม่มีอะไรครับ มีความสุขดี” ผมตอบ พร้อมยิ้มแสดงอาการว่ามีความสุขจริงๆ รวมถึงตอนนี้ด้วยก็มีความสุขมากๆ ที่ได้มานั่งอยู่ใกล้ๆกับพี่ยอด
“แล้วเชียร์หล่ะ เป็นไงบ้าง ที่เรื่องแจ๊คมันจะไม่กลับมาเมืองไทยนะ” พี่ยอดถามถึงเชียร์ในฐานะน้องเลี้ยง
“ก็ ก็ ก็เศร้าๆอะครับ เห็นบอกชอบบ่นว่ามาเรียนที่นี้มีแต่เรื่องซวย” ผมตอบออกไป
“แล้วทำไมเวลาพูดถึงต้องพูด ก็ ก็ ก็ด้วยหล่ะ” พี่ยอดถามถึงการพูดของผม
“ก็ ก็ ก็ไม่รู้ครับ มันก็พูดอย่างนี้ทุกที” ไอ้คำว่า ก็ มันติดปากผมมาตั้งนานแล้ว เวลาเจอเรื่องตื่นเต้น
“พี่เคยได้ยินมาว่า เวลาคนพูดคำว่าก็ คือ คนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง หรือคนที่กำลังตื่นเต้น” พี่ยอดพูดพร้อมมาจ้องตาผมเหมือนจะจับผิดอะไรบางอย่าง
ผมนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เพราะสายตาของพี่ยอดที่มองมาที่ผม ก่อนที่ผมจะหลบสายตา เพราะผมเริ่มเก็บอาการเขินอายไม่ไหวแล้ว
“อ้าว มานั่งทำอะไรกันนะ” เสียงพี่ซุ่ยทักผม กับ พี่ยอด
“ก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยนะ” พี่ยอดตอบ พร้อมลุกขึ้นไปคุยกับพี่ซุ่ย
“เออ พี่ตามหาโจ้ตั้งนาน ว่าจะชวนไปเดินเล่นหน่อย” พี่ซุ่ยพูดพร้อมขยับแว่น
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมถามพี่ซุ่ยพร้อมลุกขึ้นยืน
“ก็ เดี๋ยวเอาไปคุยด้วยกันดีกว่า” พี่ซุ่ยทำท่าเหมือนไม่อยากบอกตอนนี้ พร้อมหันหน้าไปมองพี่ยอด
พี่ยอดเหมือนรู้ตัวว่าต้องทำอะไร เลยรีบบอกกับผมว่า
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ให้พี่เลี้ยง น้องเลี้ยง เค้าคุยกัน” พี่ยอดพูดเสร็จ พร้อมโบกมือบายๆผม
ผมยิ้มตอบ รู้สึกดีใจมากๆที่ผมกับพี่ยอดได้คุยกันมากขึ้น

พี่ซุ่ยพาผมมาเดินตรงถนนด้านหลังโบสถ์ของโรงเรียน
“พี่ซุ่ยมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ผมถาม
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากถามสารทุกข์สุกดิบแค่นั้น”
“อ๋อครับ ก็มีความสุขดี”ผมตอบ
“เหรอ แล้วอะไรที่ทำให้มีความสุขหล่ะ” พี่ซุ่ยยังถามอีก
“ก็ เพื่อนๆ พี่ๆที่ใจดี แล้วก็บรรยากาศดีๆของที่นี้ครับ” ผมตอบ พร้อมรู้สึกแปลกๆที่พี่ซุ่ยถามอย่างนี้
“แค่นั้นเหรอ” พี่ซุ่ยหันมาจ้องตาผม
ผมเริ่มขมวดคิ้ว แปลกใจกับท่าทีของพี่ซุ่ย “แค่นั้นครับ”
“อืม แล้วสอบเลขกลางภาคเมื่อไหร่หล่ะ” พี่ซุ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“อาทิตย์หน้าแล้วครับ” ผมตอบพร้อมเดินแตะก้อนหินเล็กที่อยู่ข้างหน้า
“ให้พี่ช่วยติวเลขให้ไหม” พี่ซุ่ยถาม
ผมพอรู้ว่าพี่ซุ่ยเก่งเลขมากๆ เพราะเคยเป็นประธานชมรมเลขตอนม.5 อีกทั้งยังสอบเลขได้เต็มเกือบทุกครั้ง
แต่ผมเองก็พอจะรู้เรื่องเลขอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีใครมาติวให้(เป็นผมต่างหากที่ต้องติวให้คนอื่นเช่น เชียร์)
แต่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ติวกับคนอัจฉริยะเช่นพี่ซุ่ย เผื่อจะได้เก่งเหมือนพี่ซุ่ย ผมเลยตัดสินใจ ให้พี่ซุ่ยช่วยติวให้
“ครับ พี่ซุ่ยช่วยติวเลขให้ผมก็แล้วกันครับ” ผมตอบพร้อมยิ้มให้พี่ซุ่ย
พี่ซุ่ยยิ้มดีใจ
“งั้น คืนนี้มาหาพี่ที่ห้องแล้วกัน” พี่ซุ่ยเริ่มนัดแนะ
“ครับ ได้ครับ” ผมตอบ
“ที่ห้องพี่เก็บขนมไว้เยอะเลย อยากกินอะไรก็บอกนะ” พี่ซุ่ยบอกผม ที่จริงทางหอพักห้ามนักเรียนแอบเก็บขนมไว้ในห้อง เพราะกลัวเรื่องความสะอาด แต่ก็มีคนแอบเก็บขนมไว้อยู่ดี ส่วนมากจะเป็นพวกม.6
ผมได้ยินเรื่องขนมก็อยากไปห้องพี่ซุ่ยเหมือนกัน เพราะผมชอบกินขนมมากๆ
ผมกับพี่ซุ่ยเดินคุยไปเรื่อยๆ เดินกับไปตามทางที่กลับไปที่หอ
ระหว่างที่คุยนั้น ผมรู้สึกว่าพี่ซุ่ยเริ่มโอบไหล่ผม ผมก็เองก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกันเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาโอบไหล่ผมเลย
ผมนึกในใจว่า พี่ซุ่ยคงอยากจะแสดงความสนิทสนมกับผม ผมเลยไม่ได้ว่าอะไร เลยให้พี่ซุ่ยโอบไหล่ไปอย่างนั้น จนถึงหอพัก

ก่อนที่ผมจะแยกกับพี่ซุ่ยไปห้องStudyของแต่ละคน และได้ให้ลูกกุญแจห้องของพี่ซุ่ยกับผม
พร้อมพูดว่า “พอทำการบ้านเสร็จแล้วไปหาพีที่ห้องเลยนะ”
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

หลังจากทานอาหารเย็น ผมก็รีบเดินไปเก็บจานข้าว พลางนึกว่า จะไปทำอะไรดีในช่วงพัก ก่อนที่จะเข้าห้องStudy
เลยกะจะถามโจ้กับปอ แต่พอหันไปหาพวกมัน ก็หายไปไหนกันแล้วก็ไม่รู้

กลายเป็นว่าต้องออกมาเดินเล่นคนเดียว ผมยืนอยู่หน้าหอนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
เลยจำใจเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย
ผมเดินมาถึงสวนเพาะปลูกของชมรมอนุรักษ์ ซึ่งอยู่ด้านหลังของหอ ใกล้กับทางเดินไปโรงเรียน
ผมเห็นว่ามีไฟเปิดอยู่ เลยจะเดินเข้าไปดูว่าที่นี้มีอะไรบ้าง
ที่สวนเพาะปลูกของชมรมอนุรักษ์ มีต้นไม้หลายชนิด ส่วนมากจะเป็นพวกต้นกล้าของต้นชนิดที่เป็นพันธุ์ไม้ใหญ่ รวมถึงต้นไม้ดอกมากมาย ที่จัดว่างอย่างสวยงาม และยังมีพันธุ์ไม้เลื้อยที่แขวนอยู่กับต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่กลางสวน

ผมเดินดูต้นไม้ไปเรื่อยๆ จู่ๆไฟที่เปิดอยู่นั้นก็ดับ
ผมเผลอกรี๊ดออกมาตามสันชาติญาณ ตอนนี้ผมคล้ายคนตาบอด เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย
ผมเลยใช้มือเริ่มคลำทางไปเรื่อยๆเพื่อหาทางออก ตัวของผมเริ่มสั่นเพราะความกลัว
ไม่ได้กลัวเพราะมันมืดหรอก แต่กลัวเจอผีมากกว่า
มือของผมคลำไปทั่ว จนไปเจอะกับสิ่งๆหนึ่ง รู้สึกว่าสิ่งที่ผมคลำคล้ายมือของคน
ผมตัวสั่นเริ่มนึกภาพถึงหนังสยองขวัญที่เคยดู พลางนึกในใจว่า อย่าให้สิ่งที่ผมคลำเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่เลย
ผมคลำสิ่งนั้น ไปเรื่อย จากรู้สึกว่าเป็นมือของคนกลายเป็นแขน ไหล่ หน้าอก และ ใบหน้าของคน
ยังไม่ทันที่ผมจะนึกว่าไอ้ที่ผมคลำมันเป็นสิ่งมีชีวิต หรือตอนนี้ไม่มีชีวิตแล้ว
มือนั้นเริ่มขยับพร้อมกระชากตัวผม ผมกรี๊ดเสียงหลงทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
มีมือปริศนามาปิดปากผมเอาไว้ พร้อมเสียงกระซิบที่ดังข้างหูของผม
“กรี๊ดทำไม พี่เองโว้ย”
ผมหยุดทันทีพอรู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร

ไฟในสวนถูกเปิดอีกครั้งหนึ่ง ผมหันไปมองสิ่งที่ผมเพิ่งคลำเมื่อกี้
พี่เต๋ากำลังยิ้มแฉ่งอยู่ พร้อมกับผมอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ผมรีบผลักพี่เต๋าออกไปทันที พี่เต๋ากระเดนล้มตัวหงายหลังไปกองกับพื้น
“เล่นบ้าอะไร” ผมตะโกนด่าออกไป
“ไม่ได้เล่นบ้าอะไรซะหน่อย ก็พี่มามารดน้ำต้นไม้ของพี่อยู่ดีดี พอเสร็จพี่ก็ปิดไฟจะกลับหอ ก็ได้ยินเสียงคนกรี๊ด เลยจะมาดูว่าเป็นใคร พอดีมาเจอเชียร์เอามือมาคลำอะไรของพี่ก็ไม่รู้” พี่เต๋าเริ่มทำเสียงแซว
“พูดดีดี เมื่อกี้คลำแค่มือกับแขนโว้ย ก็ไม่คิดว่าจะมีคนในนี้นี่หว่า” ผมพูดกระแทก
“ถ้าคลำโดนของพี่ต้องรับผิดชอบนะ” พี่เต๋าแซวทำเสียงทะเล้น
“ไม่คลำให้เสียมือหรอก เออที่บอกว่ามารดต้นไม้ รดทั้งหมดนี้เลยเหรอ” ผมถามเพราะเห็นว่าสวนใหญ่มากๆ ไม่น่าจะรดคนเดียวได้หมด
“อืม ใช่ ก็ต้องรดทั้งหมด แล้วก็ต้องรดทุกวันด้วย” พี่เต๋าตอบพร้อมหันไปทั่วสวน
“แบ่งเวรกันมารดเหรอ” ผมยังคงถามพี่เต๋า
“เปล่า พี่รดคนเดียวอย่างนี้ทุกวัน มาปีกว่าๆแล้ว”พี่เต๋าพูดเสร็จ ผมรีบหันไปมองทันที
“อ้าว ทำไมอ่ะ ตัวเองเป็นประธานไม่ใช่เหรอ ไม่ให้คนอื่นมารดให้เล่า” ผมแย้ง
“ช่วงพักอย่างนี้ใครๆก็อยากมีเวลาส่วนตัว ไม่มีใครอยากมาทำงานนี้กันหรอก พี่เองเป็นประธานก็เลยมารับหน้าที่นี้ อีกอย่างพี่ก็เต็มใจอยู่แล้ว เพราะพี่คิดว่างานนี้คือเวลาส่วนตัวของพี่” พี่เต๋าตอบอย่างภูมิใจ พร้อมเอามือไปแตะที่ต้นไม้ใหญ่กลางห้อง
“คนดีจริงๆ” ผมแซวบ้าง
“ถึงไม่ได้ชมอย่างจริงใจ ก็ขอบคุณที่ชมแล้วกันครับ” พี่เต๋าหันมาพูดกับผม
ผมขี้เกียจจะเถียงต่อ เลยกะจะเดินกลับไปที่หอ
ผมดันไปเห็นต้นกระบองเล็กๆ เพชรวางอยู่ที่ชั้นวางต้นไม้ตรงประตูทางออก เลยหยิบขึ้นมาดู
“ชอบเหรอ”พี่เต๋าเห็นผมดูต้นกระบองเพชรนั้นเลยถาม
“ก็น่ารักดี” ผมตอบแต่ยังคงมองดูต้นไม้นั้น
“เพิ่งไปซื้อจากจตุจักรมา ถ้าชอบก็เอาไปดิ” พี่เต๋าบอกผม
“เอาได้เหรอ ไม่มีใครว่าเหรอ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ได้สิ พี่เป็นประธานชมรมนะเว้ย ใครจะกล้าว่า”
“ขอบคุณนะคร้าบ” ผมยิ้มขอบคุณ
“จะหมดเวลาพักแล้ว กลับหอเถอะ” พี่เต๋าพูดเสร็จพร้อมปิดไฟ
“เฮ้ย จะรีบปิดไฟทำไม มองไม่เห็นทางออก” ผมโวยวาย เพราะตอนนี้ห้องทั้งห้องมืดไปหมด
พี่เต๋าคว้ามือของผมไปจับ พร้อมพูดว่า “เดินตามพี่มาสิ เดี๋ยวพาออกไปเอง”
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือ เดินตามพี่เต๋าไป

ผมกับพี่เต๋าเดินถึงพอพัก พี่เต๋าก็หันมาพูดกับผม
“ถึงหอแล้วผมไปแล้วนะ” ผมพูดกับพี่เต๋า
“เดี๋ยวก่อน ปล่อยมือพี่ได้แล้วครับ”พี่เต๋าบอก ผมตกใจลืมไปว่ายังจับมือพี่เค้าอยู่ เลยรีบปล่อยไปทันที เวรกรรมดันจับมือพี่เค้าตั้งแต่ในสวนจนถึงหน้าหอเลยเหรอเนี้ย
“งั้นผมไปแล้วนะ” ผมพูดพร้อมหันหลังจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” พี่เต๋ายังคงเรียกผมอีก
“อะไรอีกหล่ะ” ผมหันไปมองหน้าพี่เต๋าที่ยืนยิ้มอยู่
“ดูแลต้นกระบองเพชรดีดีนะ”
************************************************************************************************

คู่ที่ 3

หลังจากเก็บจานช่วงอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมกำลังจะเดินไปหาโจ้กับเชียร์ เพื่อถามว่า จะไปทำอะไรกันต่อในช่วงพัก
แต่พวกนั้นดันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเลยต้องเดินเล่นคนเดียว

ผมขึ้นไปหยิบกีตาร์มาจากห้อง กะจะเอาไปเล่นแถวทะเลสาบ ผมชอบที่ที่นั้นมากๆ
เพราะเป็นที่ที่สงบที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้

เมื่อผมไปถึงผมก็เล่นกีตาร์ไปเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน แต่ผมได้ยินไม่ค่อยถนัด
ผมเลยไม่สนใจ เล่นกีตาร์ต่อไป คราวนี้เสียงเริ่มดังขึ้นอีก ผมเองก็เริ่มรำคาญ ลุกขึ้นจะเดินไปนั่งที่อื่น
พอผมหันหลังไป ผมเห็นบิ๊กเดินมาจากหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากผมไปเท่าไร
บิ๊กเองเห็นผมก็ตกใจ ผมตกใจมากกว่า ไม่ได้ตกใจที่เจอบิ๊กหรอกแต่ตกใจที่เห็นบิ๊กกำลังร้องไห้
บิ๊กเดินมาหาผม แล้วรีบกอดผมทันที พร้อมน้ำตาไหลเอ่อ
“เป็นอะไรบิ๊ก เกิดอะไรขึ้น” ผมถาม บิ๊กไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้
ผมไม่ได้ถามอีกเพราะรู้ว่าตอนนี้บิ๊กคงไม่มีกะใจจะพูดอะไร
ผมได้แต่ปล่อยให้บิ๊กร้องไห้
ผมค่อยเอื้อมมือไปกอดบิ๊กเหมือนกัน พร้อมตบที่หลังเบาๆ พร้อมบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ มีอะไรก็บอกเราได้ เผื่อเราจะช่วยได้บ้าง” ผมพูดอย่างจริงใจ ผมเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันที่เห็นบิ๊กร้องไห้
บิ๊กเริ่มสงบ แต่ยังคงร้องไห้อยู่
บิ๊กปล่อยมือที่กอดผมอยู่ และเอามือนั้นมาเช็ดน้ำตาแทน
“คือ เรา ทะเลาะกับมาสเตอร์เบิร์ด” บิ๊กเริ่มเล่าเรื่อง
ผมพอจะรู้แล้วว่าเสียงที่ทะเลาะกันเมื่อกี้เป็นของใคร
“มาสเตอร์เบิร์ด เค้า เค้า....” บิ๊กเริ่มร้องไห้อีก
ผมไม่รู้จะทำอะไร เลยคว้ามือไปจับมือของบิ๊ก เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
บิ๊กพยายามรวบรวมคำพูดอีกครั้งหนึ่ง
“มาสเตอร์เบิร์ด เค้าคิดว่าเรานอกใจเค้า”
ผมงง ผมเห็นบิ๊กออกจะรักเค้าจะตาย
“ทำไมเค้าถึงคิดอย่างนั้น” ผมถาม
“เค้า คิดว่า ว่า ว่า” บิ๊กอ่ำอึ้ง เหมือนไม่อยากพูด
“ไม่ต้องบอกเราก็ได้ ถ้ามันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรรู้” ผมเองก็ไม่ได้จะบังคับให้บิ๊กเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหรอก แม้ผมจะอยากรู้มากเพียงใดก็ตาม
“นายต้องรู้สิ” บิ๊กหยุดร้องไห้
ผมหันไปจ้องตาบิ๊ก “ทำไมเหรอ”
“ก็เค้าคิดว่า เราแอบนอกใจเค้า ไปคบกับนายน่ะสิ”
ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุทำให้บิ๊กร้องไห้
“ทำไมเค้าถึงคิดอย่างนั้นหล่ะ” ผมถามบิ๊ก
“นายจำเรื่องวันที่เรากับมาสเตอร์เบิร์ดเห็นนายในห้องชมรมดนตรีได้ไหม” บิ๊กถามผม ผมพยักหน้า
ผมจำเรื่องนั้นได้ดี เพราะวันนั้นทำให้ผมเริ่มถูกมาสเตอร์เบิร์ดจับตาผมเป็นพิเศษ
“ก็เค้าเห็นท่าทีของเรากับนายแปลกๆนะสิ” บิ๊กอธิบายให้ฟัง แม้เรื่องในวันนั้นจะเป็นจริงอย่างที่เค้าคิด
แต่ผมเองกับบิ๊กก็ไม่เคยทำอะไรเลยเถิด เพราะบิ๊กไม่ได้คิดกับผมอย่างนั้น
“วันนั้นนายเค้าไปในห้องทำไม” บิ๊กถามผม
ผมเองไม่รู้ว่าจะตอบตามความจริงหรือจะต้องโกหกอีกครั้งดี
“เรา ได้ยินเสียงนายร้องเพลง นายร้องเพลงเพราะมาก เราเลยยืนฟังอยู่ที่นั้น” ผมตอบตามความจริง
บิ๊กเงียบไม่ตอบอะไร ผมเองไม่ชอบบรรยากาศเครียดๆแบบนี้ เลยถามบิ๊กถึงปื๊กที่บิ๊กให้ผมในวันนั้น
“แล้วปิ๊กที่นายให้เราในวันนั้น เราเอามาคืน” ผมหยิบปิ๊กกีตารยื่นให้บิ๊ก
“ไม่ต้องหรอก เราตั้งใจจะให้นายอยู่แล้ว” บิ๊กพูดแต่ไม่ได้หันหน้ามามองผม
“ให้เราทำไม” ผมถามเพราะอยากรู้จุดประสงค์ของบิ๊ก
“ก็เห็นนายชอบเล่นกีตาร์เลยให้นายไง” บิ๊กเริ่มขว้างก้อนหินไปที่ทะเลสาบ
ผมยิ้มดีใจกับของขวัญจากบิ๊ก “ขอบใจนะ”
บิ๊กยังคงเงียบอยู่ แต่แล้วบิ๊กก็หันมาพูดกับผม
แต่ท่าทีของบิ๊กเปลี่ยนไป ดูเป็นคนละคนจากที่ร้องไห้เมื่อกี้
“นายพอจะช่วยเราได้ไหม” บิ๊กถามผม
“ได้อยู่แล้ว บอกมาสิ”ผมยิ้มตอบ
“เราไม่รู้หรอกนะว่าที่นายกับเราเจอกันบ่อยๆ มันเป็นเหตุบังเอิญ หรือ เป็นความจงใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ห้องชมรมในวันนั้น”
ผมเริ่มรู้สึกแปลกกับคำพูดของบิ๊ก
บิ๊กเริ่มร้องไห้อีก “เราไม่อยากทะเลาะกับมาสเตอร์เบิร์ดอีก ขอร้องหล่ะ นายช่วยอยู่ห่างๆจากเราหน่อยได้ไหม”
บิ๊กพูดเสร็จก็วิ่งกลับไปที่หอ
ช่วงเวลาที่บิ๊กเดินสวนผมนั้น ผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาไม้หน้าสามมาฟาดที่หัวของผม
ผมทำอะไรไม่ถูก ความหวังดีของผม กลายเป็นสิ่งที่มาทำร้ายตัวของผมเอง

ผมเดินมาถึงหอ ผมแทบจะไม่มีแรงเดิน ผมกำลังจะเดินเข้าไปในห้องStudy
แต่แล้วก็มีคนเอามือมาขวางผมไว้
ผมหันไปมอง เป็นมาสเตอร์เบิร์ดที่มายืนขวางผมไว้ พร้อมพูดด้วยเสียงดุ
“พอทำการบ้านเสร็จแล้ว ไปหามาสเตอร์ที่ห้องมาสเตอร์นะ อรรถพล”

-----จบตอนที่6-----

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ประวัติตัวละครหลักในThree Couple of Love: Season 2: Back to School: part 1

ชื่อเล่น: โจ้
ชื่อ: ธนากร
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ – คำนวณ
ชมรม: พลังจิต
ส่วยสูง: 163
น้ำหนัก: 58
พี่เลี้ยง: พี่ซุ่ย
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ, ร้องเพลง
ของที่ชอบ: ขนม, ไอติม, ของหวาน
ของที่เกลียด: น้ำพริก และ ของเผ็ด
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: พวกหื่นบ้ากาม
วิชาที่ชอบ: คณิตศาสตร์
วิชาที่ไม่ถนัด: ภาษาอังกฤษ
ความสามารถพิเศษ: ร้องเพลง, คิดเลขเร็ว
สิ่งที่อยากจะเป็น: อยากทำงานที่ช่วยเหลือสังคม และ ผู้ด้อยโอกาส
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยแสนเรียบร้อย จากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นคนที่มีจิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่น เรียนเก่ง ใสแว่น เวลาตื่นเต้นจะพูดติดอ่าง ซุ่มซ่าม ทำตัวเปิ่น แอบชอบ ยอด พี่เลี้ยงของเชียร์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: เชียร์
ชื่อ: วิรุฬพล
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: อนุรักษ์
ส่วยสูง: 165
น้ำหนัก: 55
พี่เลี้ยง: พี่ยอด
งานอดิเรก: ดูทีวี (รายการที่เกี่ยวกับแฟชั่น)
ของที่ชอบ: เสื้อผ้าที่ตัวเองใส่แล้วดูดี รวมถึงเครื่องแต่งกายทุกอย่าง
ของที่เกลียด: ผักที่กินแล้วเหม็นเขียว
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: ผี, วิญญาณ
วิชาที่ชอบ: ภาษาอังกฤษ
วิชาที่ไม่ถนัด: คณิตศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: โปรยเสน่ห์ให้กับคนที่ไม่รู้จัก
สิ่งที่อยากจะเป็น: บุคคลที่มีชื่อเสียง
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยลูกคุณหนูหน้าตาดี แต่ก่อนเคยอ้วนและหน้าตาน่าเกลียด เป็นคนเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะคนอื่น มีแฟนชื่อแจ๊คกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: ปอ
ชื่อ: อรรถพล
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: ดนตรีสากล
ส่วยสูง: 160
น้ำหนัก: 58
พี่เลี้ยง: พี่เบ็นซ์
งานอดิเรก: เล่นกีตาร์
ของที่ชอบ: สิ่งของต่างๆที่เป็นรูปกีตาร์
ของที่เกลียด: ไม่มี
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: เวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน
วิชาที่ชอบ:  คณิตศาสตร์
วิชาที่ไม่ถนัด: ศิลปะ
ความสามารถพิเศษ: เล่นกีตาร์
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักดนตรีอาชีพ
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยเงียบขรึม ผู้รักการเล่นกีตาร์เป็นชีวิตจิตใจ ชอบเก็บตัว แอบชอบบิ๊ก ซึ่งเป็นเพื่อนต่างห้อง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: บิ๊ก
ชื่อ: วสันต์
ชั้น: ม.4
สายวิชา: ศิลป์ – คำนวณ
ชมรม: คอรัส
ส่วยสูง: 163
น้ำหนัก: 56
พี่เลี้ยง: พี่เต๋า
งานอดิเรก: ร้องเพลง, ว่ายน้ำ, ฟุตบอล
ของที่ชอบ: ขนมกรอบๆ, เบียร์
ของที่เกลียด: อาหารทะเล
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: ฝ่ายปกครอง
วิชาที่ชอบ: พลศึกษา
วิชาที่ไม่ถนัด: คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: ร้องเพลง
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักแข่งรถ
ประวัติย่อ: หนุ่มน้อยน่าตาดี สนิทกับปอเพราะปอแอบรู้เรื่องที่เขาไปมีความสัมพันธ์กับมาสเตอร์เบิร์ดซึ่งเป็นผู้คุมหอพัก เป็นคนใจร้อน ชอบต่อยตีกับคนอื่น เป็นน้องชายของยอด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: ยอด
ชื่อ: ปิยะ
ชั้น: ม.6
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: บาสเกตบอล
ส่วยสูง: 175
น้ำหนัก: 62
น้องเลี้ยง: เชียร์
งานอดิเรก: บาสเกตบอล, ดูหนัง
ของที่ชอบ: อาหารญี่ปุ่น
ของที่เกลียด: กระเทียม
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: พวกบ้าดารา
วิชาที่ชอบ: สังคม, พลศึกษา
วิชาที่ไม่ถนัด: วิทยาศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: ชู้ตบาสลงห่วงได้ทุกที่ในสนาม
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักบาสทีมชาติ
ประวัติย่อ: หนุ่มสุดหล่อประจำโรงเรียน อดีตประธานชมรมบาสเกตบอล เป็นคนใจดี สุขุม บุคลิกดี มีแฟนชื่อผ้ายซึ่งเป็นญาติของเชียร์
และเป็นเพื่อนสนิทของแจ๊คแฟนของเชียร์ด้วย และเป็นพี่ชายของบิ๊ก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: ซุ่ย
ชื่อ: วินัย
ชั้น: ม.6
สายวิชา: ศิลป์ - คำนวณ
ชมรม: คณิตศาสตร์
ส่วยสูง: 170
น้ำหนัก: 68
น้องเลี้ยง: โจ้
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ, ฟุตบอล, บาสเกตบอล, เล่นฟิตเนส
ของที่ชอบ: แฮมเบอเกอร์ กับ เฟรนซ์ฟราย
ของที่เกลียด: ทุเรียน
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: โจทย์คณิตที่ตัวเองทำไม่ได้
วิชาที่ชอบ: คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, พลศึกษา
วิชาที่ไม่ถนัด: ศิลปะ
ความสามารถพิเศษ: คิดเลขเร็ว
สิ่งที่อยากจะเป็น: อาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์
ประวัติย่อ: หนุ่มตี๋สุดหล่อล้ำบึก อดีตประธานชมรมคณิตศาสตร์ เป็นคนใจเย็นมีเหตุผล ชอบเล่นฟิตเนส รักและห่วงโจ้มากๆ เพราะชอบที่โจ้เป็นเด็กเรียบร้อย และ ชอบวิชาเลขเหมือนกับตน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อเล่น: เต๋า
ชื่อ: สมภพ
ชั้น: ม.5
สายวิชา: ศิลป์ - ภาษา
ชมรม: อนุรักษ์
ส่วยสูง: 168
น้ำหนัก: 57
น้องเลี้ยง: บิ๊ก
งานอดิเรก: ปลูกต้นไม้, ฟุตบอล
ของที่ชอบ: ขนมไทยโบราณ
ของที่เกลียด: ไม่มี
สิ่งที่ไม่อยากพบอยากเจอ: ป่าแถวบ้านตัวเองกลายเป็นภูเขาหัวโล้น
วิชาที่ชอบ: ประวัติศาสตร์
วิชาที่ไม่ถนัด: คณิตศาสตร์
ความสามารถพิเศษ: รู้จักชื่อต้นไม้ทุกพันธุ์
สิ่งที่อยากจะเป็น: นักพฤกษาศาสตร์
ประวัติย่อ: หนุ่มต่างจังหวัด ลูกชายเจ้าของไร่และสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด เป็นคนขี้เล่น และชอบแกล้งเชียร์ เป็นคนรักต้นไม้และชอบปลูกต้นไม้มาก เป็นประธานชมรมอนุรักษ์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แม้เรื่องราวจะเกิดในตอนชีวิต ม.ปลาย แต่เนื้อเรื่องสำหรับภาคสองจะเข้มข้นมากกว่าภาคแรก อย่าเพิ่งตกใจที่ชีวิตของสามหนุ่มมีเรื่องน่าตกใจมากมายเกินเด็กม.ปลายจะเจอ
ผมอยากจะบอกว่าเรื่องบางส่วนก็เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของผมและเพื่อนๆ แม้มันดูเหมือนนิยาย แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ
ติดตามชีวิตของผมและเพื่อนๆที่ดัดแปลงมาเป็นนิยายเรื่องนี้ต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
รักชีวิตตอนม.ปลายที่สุดเหมือนกัน คิดถึ้งงงงงงงงงงงงง ชีวิตตอนนั้นมาก

เรียนชายล้วนด้วย ยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งคิดถึง

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคับ ที่เขียนเรื่อง ทั้ง 3 ให้ได้อ่านกันนะคับ สนุกมากเลยคับ ทั้ง ภาค 1 และ ภาค 2 เลยค้าบบ...^^


จะติดตามไปตลอดเลยค้าบบบ...รีบมาต่อไวๆนะค้าบบบ...^^


 :pig4: :pig4: :pig4:

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตแต่ละคน ช่างน่าค้นหาซะจริง ๆ :m4:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
คู่แรก พี่ซุ่ยนี่แค่พี่น้องจิงป่าวน๊า...กะพี่ยอดนี่คงอกหักแหง๋มมม น่าจะเป็นพี่ซุ่ยเนอะ

คู่สอง นายเต๋ามาแรงงงงง เริ่มมีปัญหากะพี่แจ็คแล้วละสิเนาะ แต่ไม่น่าห่วงงงเท่าไร

คู่สุดท้าย ยอดชายนายปอฉานนนน รันทดตลอดดดด มีศัตรูหัวใจเป็นมาสเตอร์ด้วย

เจ้มจ้น ๆๆๆๆ  :m1:   

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 7 กุญแจห้อง ต้นกระบองเพชร และ ปิ๊กกีตาร์

คู่ที่ 1

ผมมองกุญแจห้องของพี่ซุ่ย ที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือของผม
ผมสองจิตสองใจว่าจะไปหาพี่ซุ่ยดีไหม
แต่ไม่ไปก็คงไม่ได้ เพราะพี่ซุ่ยให้กุญแจห้องมาซะขนาดนี้
แถมยังอยากกินขนมด้วย(อันนี้ประเด็นสำคัญ เห็นแก่กินจริงๆกู)
ผมเลยหยิบหนังสือวิชาเลขออกจากห้องนอนไป

ช่วงเวลาที่ผมเดินออกจากห้อง เชียร์ก็เดินเข้ามาพอดี
“อ้าว! มึงจะไปไหน ไม่ไปดูโปรเจคเตอร์เหรอ” เชียร์ถาม
ด้วยที่วันนี้เป็นวันศุกร์ ปกติทางหอจะฉายหนังด้วยโปรเจคเตอร์ให้นักเรียนดูทุกวันศุกร์และเสาร์หลังเวลาStudy ที่ห้องประชุมของหอพัก
“ไม่อ่ะ กูจะไปติวหนังสือกับพี่ซุ่ย” ผมตอบ
“เฮ้ย ไปติวกันที่ห้องสองต่อสองเนี้ยนะ” เชียร์ทำหน้าสงสัย
“เออ ทำไม” ผมสวน
“มันแปลกๆน้า ไปติวกันสองต่อสองที่ห้องด้วย พี่เลี้ยงน้องเลี้ยงคู่นี้ ยังไงกันนี้” เชียร์แซว
“มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป เดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันหรอก” ผมไล่ไอ้เชียร์
“เออ กูไปดูหนังกับไอ้ปอก็ได้ แล้วไอ้ปอไปไหนว่ะ กูยังไม่เห็นมันเลย” เชียร์พูด พร้อมหันไปทาครีมที่หน้ากระจก
“กูไม่เห็นมันเหมือนกัน พอเลิกStudy มันก็รีบออกจากห้องไปไหนก็ไม่รู้ กูไปก่อนแล้วนะ เดี๋ยวพี่ซุ่ยรอ” ผมรีบออกจากห้อง
ไม่วายจะมีเสียงของเชียร์ของแซวตามหลัง
“โอ้โฮ้! รีบเชียวนะมึง คืนนี้จะกลับมาหรือเปล่าจ๊ะ” เสียงเชียร์ดังไปทั่วตึก
“กลับดิว่ะ ไอ้เหี้ย” ผมให้พรไอเชียร์ไปทีหนึ่ง แล้วก็รีบออกจากตึกไป

ผมเดินมายืนอยู่ที่หน้าห้องของพี่ซุ่ย มือของผมถือกุญแจกำลังจะไขห้องของพี่ซุ่ย
ผมเองไม่เข้าใจว่าพี่ซุ่ยจะให้กุญแจผมทำไม ผมมาเคาะที่ห้องก็ได้
หรือพี่ซุ่ยคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมมาหาพี่ซุ่ยที่ห้อง แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ผมเองเริ่มสงสัยท่าทีของพี่ซุ่ย
ตั้งแต่ตอนเดินเล่นด้วยกันตอนหลังอาหารเย็นแล้ว
ในที่สุดผมก็เลยตัดสินใจ จะกลับห้องไปดูหนังกับเชียร์
พอผมกำลังหันหลังจะเดินกลับ
ผมได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องออกมา ด้วยความตกใจ และ รู้สึกกลัวที่คนจะเห็นผม
ผมเลยไขกุญแจห้องเข้าไปในห้องพี่ซุ่ย

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่ซุ่ย ผมมองเข้าไปในห้องนั้น
ทุกอย่างในห้องไม่ต่างจากห้องของผมเท่าไหร่
แต่ของดูรกกว่าเพราะเพื่อนของพี่ซุ่ยเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยไปนั่งรอที่เตียงนอนเตียงหนึ่ง พลางมองไปรอบห้องว่าเตียงของพี่ซุ่ยอยู่ไหน
สักพักประตูห้องก็เปิด พร้อพี่ซุ่ยที่เดินยิ้มมาแต่ไกล
พี่ซุ่ยใส้เสื้อกล้ามสีขาว และกางเกงบอกเซอร์ลายสก็อต และไม่ใส่แว่น
ผมนั่งอึ้ง ในความหล่อ(บวกกับเซ็กซี่) ทั้งกล้าม ทั้งความขาว
พี่ซุ่ยตอนไม่ใส่แว่น ดูดีกว่าตอนใส่แว่นซะอีก
พี่ซุ่ยเดินเข้ามานั่งใกล้ๆผม ผมเองก็เขินๆทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มกลับไป
“เออ เตียงพี่ซุ่ยอยู่เตียงไหนเหรอครับ” ผมถามแก้เขิน
“อยู่ห้องตรงข้าม ถามทำไม อยากนอนเตียงพี่เหรอไง” พี่ซุ่ยพูดพร้อมเอื้อมมาแตะที่ต้นขอของผม
พอต้นขาของผมรู้สึกถึงมือของพี่ซุ่ย ใจของผมเต้นดังจนทำอะไรไม่ถูก
พี่ซุ่ยบอกว่าห้องของพี่ซุ่ยอยู่ห้องตรงข้าม แปลว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องของพี่เค้า
แล้วมันเป็นห้องใครว่ะ
“อ้าว นี้ไม่ใช่ห้องของพี่เหรอครับ” ผมทำเสียงตกใจ
“อืมม ห้องนี้เป็นห้องของเพื่อนพี่ที่เป็นนักฟุตบอล ตอนนี้พวกมันไปเก็บตัวที่ต่างจังหวัดช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้”
พี่ซุ่ยอธิบาย หมายความว่า ห้องที่ผมนั่งอยู่นี้ จะไม่มีใครอยู่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
“แล้วทำไมเราไม่ไปติวที่ห้องของพี่ซุ่ยหล่ะครับ” ผมถาม
“ก็ห้องพี่มีคนอยู่เต็มห้องเลย พี่กลัวว่าจะติวให้โจ้ไม่รู้เรื่อง เลยมาใช้ห้องนี้ อีกอย่างจะทำอะไรได้สะดวกด้วย”
ไอ้ประโยคหลังพี่ซุ่ยพูดด้วยเสียงแหบๆ พร้อมทำท่าหรี่ตา จนผมตัวสั่นเริ่มเดาออกว่าพี่ซุ่ยจะทำอะไร
“และ และ และ แล้วเราจะทำอะไรกันเหรอครับ” ผมตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
“ก็ ก็ เราจะ เราจะ” พี่ซุ่ยพูดพร้อมเอนตัวมาทางผม ผมเองก็เอนตัวถอยห่างพี่ซุ่ยจนผมเกือบจะหงายหลังลงบนเตียง
พี่ซุ่ยก็คว้าบางอย่างมาจากด้านหลังของผม
“เราจะกินขนมกันไงจ๊ะ” พี่ซุ่ยชูถุงขนมขึ้น แต่ผมหงายหลังลงบนเตียงไปแล้ว พร้อมถอนหายใจโล่งอกยังไงก็ไม่รู้
ผมทรงตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมบอกกับพี่ซุ่ย “ครับ ผมว่าก่อนกินขนม มาติวเลขก่อนดีกว่า”
************************************************************************************************

คู่ที่ 2

ผมนั่งรอปอจนเกือบครึ่งชั่วโมง ปอก็ยังไม่โผล่มา
นี้ก็ใกล้เวลาที่โปรเจคเตอร์จะฉายหนังอยู่แล้ว ไอ้ปอมันไปไหนว่ะ
ผมรอไม่ไหว เลยจะไปดูโปรเจคเตอร์
พอผมจะปิดไฟที่ห้อง ตาของผมก็เหลือบไปมอง ต้นกระบองเพชรที่พี่เต๋าเพิ่งให้มา
ตั้งแต่ได้รู้จักพี่เต๋ามา ก็เพิ่งจะได้คุยกันดีดีก็วันนี้แหล่ะ ที่ผ่านมาก็กัดกันตลอด
ความจริงแล้วพี่เต๋าเองก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ อาจจะกวนๆบ้าง แต่ก็เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง

ผมเดินมาถึงห้องประชุมซึ่งตอนนี้ก็จะถึงเวลาใกล้ฉายหนังแล้ว
ผมวางรองเท้าแตะไว้ที่ชั้นวางรองเท้าที่ตั้งอยู่ด้านข้างห้องใกล้ๆกับประตูทางเข้า
มีคนๆหนึ่งก็วางรองเท้าแตะพร้อมกับผมพอดี
ผมหันไปมอง แต่แล้วผมก็รีบหันกลับ เพราะคนนั้นคือพี่ยอด พี่เลี้ยงของผมเอง
ผมรีบเดินจะเข้าห้อง แต่แล้วพี่ยอดก็เรียกผม “เดี๋ยวก่อน เชียร์ จะหนีหน้าพี่ไปไหนอีก”
ผมยืนนิ่งค่อยๆหันไปหาพี่ยอด “ปะปะป่าวหนี เชียร์อายเฉยๆ” ผมยืนก้มหน้า
พี่ยอดเดินเข้ามาใกล้ๆ “อายอะไร เรื่องวันนั้นเหรอ”
ผมพยักหน้า พี่ยอดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “มันเป็นเรื่องบังเอิญ เราทั้งสองคนก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ”
ผมยังคงก้มหน้า พี่ยอดพูดต่อไป “พี่อยากคุยกับเชียร์ ไหนๆเราก็ต้องเป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยงกัน อีกอย่าง พี่เป็นเพื่อนของแจ๊ค เราก็ต้องรู้จักกันไม่ใช่เหรอ”
พี่ยอดเห็นผมก้มหน้า เลยเดินเข้ามา จับคางผมเงยหน้าขึ้น “อย่าหนีหน้าพี่แบบนี้อีกรู้ไหม มีอะไรอยากให้พี่ช่วยก็บอก ไอ้แจ๊คอุตส่าห์ฝากฝังพี่ไว้ ให้ดูแลเชียร์ รู้หรือเปล่า” ผมได้ยินพี่ยอดพูดอย่างนี้เลยค่อยโล่งอก พี่ยอดปล่อยมือที่จับคางผม เปลี่ยนมาลูบหัวแทน
“ไปดูหนังเถอะ หวังว่าคราวหน้า เราคงได้คุยกันซะทีนะ” พี่ยอดพูดพร้อมยิ้มให้ผม
ผมรู้สึกได้ที่ความอบอุ่นของผู้ชายคนนี้ ไม่แปลกที่พี่ฝ้ายที่เป็นญาติของผม และเป็นแฟนของพี่ยอด ถึงรักนักรักหนากับผู้ชายคนนี้

ผมเดินเข้ามาให้ห้องประชุมที่ตอนนี้กลายเป็นโรงหนังสำหรับเด็กหออย่างพวกผม
ห้องทั้งห้องมืด มีเพียงแสงจากโปรเจกเตอร์ที่กำลังเริ่มฉายหนัง
ผมมานั่งอยู่แถวๆริมกำแพงห้อง นั่งมองดูจอที่อยู่ด้านหน้าห้องประชุม
แม้หนังจะเริ่มฉายแล้ว ก็ยังมีคนเข้ามาในห้องเรื่อยๆ
ที่นั่งข้างๆผมก็มีคนมานั่ง แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร นั่งดูหนังไปเรื่อยๆ
“นั่งด้วยได้ไหมครับ”คนที่มานั่งข้างผมกระซิบที่หูผม เสียงคุ้นๆอีกแล้ว
ผมหันไปมอง แม้ห้องจะมืดเพียงไร แต่ผมก็พอมองออกว่าเป็นพี่เต๋า
“นั่งไปซิ ไม่มีใครนั่งหรอก” ผมตอบพร้อมหันหน้าดูหนังเหมือนเดิม
“แหม นึกว่าพี่รูปหล่อเมื่อกี้ที่ลูบคางลูบหัวอยู่หน้าห้องจะมานั่งด้วย สวีทกันไม่อายคนอื่นกันเลยนะ” พี่เต๋าเริ่มแซว ไอ้พี่รูปหล่อที่พี่เต๋าพูดถึงคงหมายถึงพี่ยอด สงสัยคงเห็นผมกับพี่ยอดพูดกันเมื่อกี้แน่
“บ้าแล้ว พี่เลี้ยงเชียร์เอง” ผมหันไปแก้ตัว
“พี่เลี้ยงเหรอ แล้วชอบมั้ยหล่ะ มีพี่เลี้ยงหล่อๆด้วย” พี่เต๋ายังไม่ยอมเลิกแซว
“พี่ยอดเค้ามีแฟนแล้วเว้ย เชียร์เองก็มีแฟนแล้ว” ผมเริ่มเสียงดัง
“อ๋อ คนที่สงโปสการ์ดมาจากอเมริกานั่นใช่ป่ะ” พี่เต๋าเขยิบตัวมาใกล้ผม พร้อมกระซิบที่ข้างหู
“เออ ดูหนังเถอะ ไม่ต้องมาชวนคุยเลย” ผมหันไปดุ พี่เต๋าเลยเงียบไปได้สักที

หนังฉายไปกลางเรื่อง ผมเองก็เริ่มเบื่อๆหนัง แถมแอร์ในห้องประชุมที่เย็นฉ่ำ ก็เริ่มทำให้ผมเผลอหลับไป
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็มีคนมาเขย่าตัวผม ผมลืมตาขึ้นมา ก็ต้องสะดุ้งตกในเมื่อเห็นตัวเองนอนอยู่บนตักของพี่เต๋า ผมรีบลุกทันที
“หนังยังไม่ทันถึงครึ่งเรื่องหลับซะแล้ว น้ำลายไหลหกใส่กางเกงพี่หรือป่าวเนี้ย” พี่เต๋าทำท่าก้มมองกางเกงตัวเอง
ผมทำหน้าบึ้งใส่พี่เต๋า พร้อมเดินจะออกจากห้องไป
พี่เต๋ายังแซวมาตามหลัง “ตอนนอนนะกรนเบาๆด้วยนะ อายคนอื่นเขา”
ที่ผมคิดว่าพี่เต๋านิสัยดี คงต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้ว
************************************************************************************************

คู่ที่ 3

หลังจากเลิกStudy ผมก็รีบออกมาจากห้องทันที แล้วเดินตรงมาที่ห้องมาสเตอร์เบิร์ดทันที
ผมเองก็พอจะรู้ว่ามาสเตอร์เบิร์ดคงเรียกผมไปพูดเรื่องของบิ๊ก ผมเองก็ทำใจไว้แล้วกับเรื่องนี้
ยังไงผมกับบิ๊กคงเป็นอะไรได้ไม่มากไปกว่าคำว่าเพื่อน ไม่ใช่สิ แค่คนรู้จักเท่านั้น เพราะบิ๊กไม่ได้อยากให้ผมเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ

ผมเปิดประตูเข้ามาให้ห้องของมาสเตอร์เบิร์ด
พวกมาสเตอร์ที่คุมหอ จะได้ห้องนอนคนละห้อง
ห้องของมาสเตอร์เบิร์ดเรียบร้อยดี ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ
มีรูปของมาสเตอร์เบิร์ดตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียน จนช่วงที่เรียนมหาลัย แขวนอยู่ตามเพดานห้อง
ที่โต๊ะข้างๆเตียงนอนของมาสเตอร์เบิร์ด มีคีย์บอร์ดวางอยู่
ผมเลยจำภาพที่มาสเตอร์เบิร์ดเล่นเปียโนให้บิ๊กร้อง ที่ห้องชมรมดนตรี
ทำให้ผมได้รู้ว่ามาสเตอร์เบิร์ดเป็นคนที่เล่นดนตรีเก่งมาก
ไม่ว่าจะเป็นเปียโน คีย์บอร์ด และอิเล็กโทน ผมเคยเห็นมาสเตอร์เบิร์ดเล่นอิเล็กโทนในโบสถ์ของโรงเรียน วันที่ต้อนรับนักเรียนใหม่

เสียงประตูห้องน้ำในห้องของมาสเตอร์เบิร์ดเปิดออก ทำให้ผมสะดุ้งตกใจ
มาสเตอร์เบิร์ดที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว หันมายิ้มให้ผม
“อ้าวมาแล้วเหรอ อรรถพล” มาสเตอร์เบิร์ดทักผม
ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าคีย์บอร์ด
“รอแป๊บนึงนะ” มาสเตอร์เบิร์ดพูดกับผม พร้อมเดินมาทางผม
ผมมองดูมาสเตอร์เบิร์ดที่ตอนนี้กำลังเปลือยท่อนบนอยู่และร่างของมาสเตอร์เบิร์ดก็เต็มไปด้วยหยดน้ำ
มาสเตอร์เบิร์ดเป็นคนที่ผิวดีมากๆ นอกจากจะผิวขาวแล้ว หุ่นยังดีอีกด้วย
ผมมองมาสเตอร์เบิร์ดที่เอื้อมตัวไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่ผึ่งไว้บนหัวเตียง
เมื่อได้ผ้าขนหนูแล้วมาสเตอรเบิร์ดก็เช็ดตัวที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ
มาสเตอร์จะเอื้อมไปเช็ดที่หลัง แต่ไม่ถนัด เลยหันมาหาผม
“อรรถพล ช่วยเช็ดหลังให้มาสเตอร์หน่อยสิ”
ผมเดินไปหามาสเตอร์ พร้อมหยิบผ้าขนหนูจากมือของมาสเตอร์เบิร์ดที่ยื่นให้ผม
ผมค่อยๆเช็ดหลังของมาสเตอร์เบิร์ด มือผมสั้นเพราะความตื่นเต้น
ผมเช็ดไปได้สักพักจู่ๆมาสเตอร์เบิร์ดก็หันหน้ามาหาผม
“อรรถพล ชื่อเล่นนายอะไร” มาสเตอร์เบิร์ดถามผม
“ปอครับ” ผมตอบ มือของผมยังถือผ้าเช็ดตัวอยู่
“อืมม ปอ มาสเตอร์รู้นะ ว่าเธอคงรู้ว่ามาสเตอร์กับบิ๊กมีอะไรกัน” มาสเตอร์เบิร์ดพูดกับผม
“ปะ ปะ ป่าวผมไม่รู้” ผมโกหกออกไปเพราะความกลัว
มาสเตอร์เบิรด์จับตัวผม พร้อมตะโกนใส่หน้า “อย่าโกหกเลย มาสเตอร์เห็นท่าทีของนายก็รู้แล้ว”
ผมเองก็อึ้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่จ้องมองหน้าของมาสเตอร์เบิร์ด
ผมเลยเป็นฝ่ายถามมาสเตอร์เบิร์ด “มาสเตอร์รักบิ๊กใช่ไหมครับ”
มาสเตอร์เบิร์ดปล่อยตัวผม พร้อมพูดเสียงเบาๆ “ใช่”
สักพักมาสเตอร์เบิร์ดก็เงยหน้ามามองที่ผม “แล้วนายหล่ะ นายเองก็รับบิ๊กใช่ไหม”
ผมเองได้ยินคำถามนั้น ก็ก้มหน้าคิดอยู่ว่าควรจะตอบอย่างไร
“ปะ ปะ ป่าวครับ ผมไม่ได้ชอบบิ๊ก” ผมหลบสายตามาสเตอร์บิ๊ก
“จริงเหรอ” มาสเตอร์เบิร์ดพยายามจับผิดผม
“จริงครับ” ผมตอบด้วยเสียงสั้น ทั้งที่ใจไม่อยากตอบอย่างนั้น
“ไหนนายพิสูจน์สิว่านายพูดอย่างนั้นจริง” มาสเตอร์เบิร์ดพูดกับผม พร้อมเดินมาใกล้ผม
ผมเงยหน้ามองมาสเตอร์เบิร์ด ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม

ผมสบตามาสเตอร์เบิร์ด มาสเตอร์เบิร์ดค่อยๆก้มตัวลงมาจูบผม
ผมรับจูบนั้น ไม่ได้หลบหรือขัดขืนอะไร เพราะผมอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า ผมไม่ได้ชอบบิ๊ก

ผมตื่นมากลางดึก รู้สึกว่าตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม พร้อมมีใครบางคนมากอดผมไว้
ผมหันไปมองชายคนนั้น มาสเตอร์เบิร์ดกำลังหลับอยู่ และหันหน้ามาทางผม
ผมเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้
ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องแบบนั้นไปได้อย่างไร
เพราะผมอยากไม่อยากให้มาสเตอร์เบิร์ดรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของผมที่มีต่อบื๊ก
หรือเพราะความต้องการของผมกันแน่
มันจะเป็นอะไรก็ช่าง ผมต้องรีบออกจากห้องนี้ก่อนที่เพื่อนของผมจะตื่น
ไม่งั้นต้องเป็นเรื่องแน่ ขี้เกียจจะต้องโกหกไอ้เชียร์กับโจ้ ผมยิ่งโกหกไม่เก่งซะด้วย
ผมค่อยๆเขยิบตัวจะลุกออกจากเตียง แต่ผมถูกมาสเตอร์เบิร์ดกอดไว้อยู่
ผมเลยจะยกแขนมาสเตอร์เบิร์ดขึ้น ปรากฏว่ามาสเตอร์เบิร์ดรู้สึกตัว
“จะไปไหน ปอ” มาสเตอร์เบิร์ดทำเสียงงัวเงีย
“กะ กลับห้องครับ” ผมตอบ
“เดี๋ยวค่อยกลับตอนใกล้ๆเช้าก็ได้นี้ ขอมาสเตอร์กอดก่อนนะ” มาสเตอร์เบิร์ดก็คว้าต้วผมไปกอด
พร้อมหอมแก้มผมทีหนึ่ง แปลกที่ผมเกิดรู้สึกอบอุ่นกับการจูบของมาสเตอร์เบิร์ด
คงเพราะผมไม่เคยโดนผู้ชายจูบมั้ง
มาสเตอร์เบิร์ดกอดผมแน่น คงกลัวผมจะกลับห้องแน่
ผมเลยต้องนอนกับมาสเตอร์เบิร์ด พร้อมหันไปกอดมาสเตอร์เบิร์ดที่กำลังจะหลับ
ผมเริ่มสับสนตัวเองอีกครั้ง ผมอาจจะเริ่มรู้สึกชอบ มาสเตอร์เบิร์ดแล้วก็ได้

-----จบตอนที่ 7-----

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด