ราชาวิหค
คนบางคนเท่และยิ่งใหญ่จนใครๆ ต่างก็ก้มหัวให้
แต่ก็ยังนกซ้ำๆ อยู่แบบนั้น...
บทนำ
ผมชื่ออ้าย ชื่อจริงชื่ออัจฉริยะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ ฟังดูก็เหมือนผมเป็นนักศึกษาธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษใช่มั้ยครับ ใช่ ผมเป็นอย่างนั้นแหละ แต่ในความเป็นนักศึกษาธรรมดาของผม มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง
ผมเป็นประธานหอสามของมอ B
หา อะไรนะ ยังฟังดูไม่พิเศษพออีกเหรอ คนภายนอกอาจจะคิดแบบนั้นซึ่งผมเข้าใจนะครับ ประธานหอมันจะมีดีอาไร้ (วิบัติเพื่อเสียง) ก็แค่ต้องดูแลลูกหอที่มีจำนวนหลายร้อยคนเท่านั้นหรือเปล่า อันนี้มันก็จริงนะ แต่สำหรับมอผมผู้ที่ไม่ยอมเป็นเหมือนมอใดๆ ประธานหอจึงมีความพิเศษอยู่อีกอย่างคือมีอำนาจสูงสุด เช่น สั่งลงโทษลูกหอตอนตีสามได้ เคาะประตูห้องของลูกหอตอนตีสี่ก็ได้ อะไรเทือกๆ นี้
ยังไม่น่าตื่นเต้นขึ้นอีกเหรอครับ โอเค ผมยอมแพ้ ผมไม่มีข้อดีอะไรจะมาเล่าให้พวกคุณฟังแล้วล่ะ ดูเหมือนผมภูมิใจในหน้าที่นี้มากเลยใช่มั้ยถึงได้อวดอ้างสรรพคุณดีๆ ของการเป็นประธานหอขนาดนั้น แต่ผมขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดครับ...มันไม่จริงทั้งหมด!
แม้จะได้รับหน้าที่เป็นประธานหอสองปีซ้อนแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่ชินกับไอ้หน้าที่บ้าๆ นี่สักที ไม่ว่าลูกหอจะมีปัญหาระดับมดหรือปัญหาระดับช้าง พวกแม่งก็ต้องเอามาฟ้องผมหมด ซึ่งบางครั้งก็อยากจะตะโกนใส่หูพวกมันเหลือเกินว่า ‘ไอ้สัด มันไม่เกี่ยวกับกู มึงไปแก้ปัญหาเอง!’ แต่ผมก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ สาเหตุก็เพราะผมเป็นประธานหอที่เปรียบเสมือนพี่และพ่อ แม้จะอยากดุด่ามากแค่ไหน ท้ายที่สุดผมก็ต้องยอมพวกมันอยู่ดี
การเป็นประธานหอข้อเสียมันก็มี แต่ข้อดีมันก็มีเยอะ ผมจะขอเล่าขอดีให้ฟังคร่าวๆ ก่อนแล้วกัน
ข้อดีข้อที่หนึ่ง น้องๆ เคารพและเป็นที่รักของน้องๆ
“อ้าว หวัดดีพี่อ้าย” ไอ้ทนาย ลูกหอตัวจี๊ดเดินผ่านมาตอนที่ผมกำลังพูดกับคนอ่านอยู่ในหัวพอดี (ซึ่งก็คือตอนนี้นี่แหละ) มันคือเดือนหอปีนี้ (ผู้ที่ได้รับการโหวตจากผู้ชายทั้งหอว่าหล่อที่สุด) และมีแฟนเป็นดาวหอปีนี้เช่นกัน (ผู้ที่ได้รับการโหวตจากผู้ชายทั้งหอว่าเอ่อ...น่ารักที่สุด...มั้ง) เรียกได้ว่าสิ่งดีๆ ของหอสามมีเท่าไหร่เชี่ยทนายแม่งเหมาเอาไปหมดเลย
หอสามของผมเป็นหอชายล้วน แฟนไอ้ทนายก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับมัน เอ่อ เรื่องนี้ทุกคนไม่ตกใจกันใช่มั้ยครับ
“มาทำเหี้ยไรแถวนี้แต่เช้าครับ”
บอกแล้วไงครับว่าผมเป็นที่รักของน้องๆ...หลักฐานก็คือทนายมันพูดเพราะๆ กับผมนี่ไง #ประชด
“มาเดินดูปกตินี่แหละ”
“เดินผ่านห้อง 503 ช่วยเดินเบาๆ ด้วยนะพี่ อาสาหลับอยู่” ทนายกระซิบ พาดพิงถึงผู้เป็นดาวหอที่เป็นแฟนมัน อาสาคือสิ่งดีงามของหอพักชายล้วนซึ่งมีอยู่ทั้งหมดหกหอครับ เดี๋ยวผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลัง ที่แน่ๆ ถ้าอาสามันดีงามที่สุดในหอพักชายล้วน นั่นก็แปลว่ามันดีงามที่สุดในหอสามแล้วล่ะ
“ทำไมกูต้องเดินเบาๆ”
“ก็เดี๋ยวอาสามันจะตื่นไงเล่า” ทนายทำสีหน้าเหมือนผมโง่ซะเต็มประดา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินลงบันไดไป
เห็นมั้ยครับ น้องทั้งรักและก็เคารพผม ชีวิตผมแม่งโคตรดีอ่ะ #ประชดอีกครั้ง
ข้อดีข้อที่สอง สามารถลงโทษลูกหอแบบเอามันส์ได้
มีเด็กปีหนึ่งเดินผ่านผมพอดีตอนที่ทนายมันเดินจากไปแล้ว ไอ้เด็กคนนี้มัวแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ผมก็เลยไปยืนขวางให้มันเดินชนผมเล่น
มันตกใจจนโทรศัพท์เกือบจะหล่นออกจากมือ “พี่อ้าย หวัดดีครับ”
“ไหว้ช้าสัด ไปเลย มึงไปเปิดหน้าต่างที่ส่วนกลางให้กูเลย”
“อะไรวะ ไหว้ช้าก็ผิด”
“มันเป็นความพอใจของกู”
เด็กนี่กลอกตามองบนใส่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของมันที่รีบโค้งตัวลาก่อนจะรีบวิ่งออกไปให้ห่างจากตัวผม
ข้อดีข้อที่สาม ผมเป็นคนมีความรับผิดชอบมากขึ้น แบ่งเวลาเป็น และรู้จักการเสียสละ
เนื่องจากเช้านี้เป็นเช้าแห่งการรีบเร่ง มีหลายห้องที่สมาชิกออกไปกันจนหมดแล้ว (แต่ละห้องมีสมาชิกอยู่สี่คน ยกเว้นห้องอาสากับทนายที่มีแค่สองคน...มันคือสิทธิพิเศษของดาวเดือนหอครับ อย่าถือสา) แต่ลืมปิดประตูห้อง พัดลม และก๊อกน้ำ ผมจำเป็นต้องเข้าไปปิดให้พวกมัน เพราะถ้าค่าไฟของหอพุ่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลหอของมหา’ลัยไม่ได้สวดพวกลูกหอครับ
...แต่มาสวดผมนี่แหละ
จริงๆ ข้อดียังมีอีกมากแต่หัวข้อใหญ่ๆ ก็จะมีประมาณนี้ ฟังดูดีขึ้นมาเลยใช่มั้ยล่ะ หน้าที่นี้ดูเป็นหน้าที่ในฝันไปซะฉิบ อย่าเพิ่งคิดเช่นนั้นจนกว่าพวกท่านจะได้ฟังข้อเสียซะก่อน
ผมขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก็แล้วกันนะครับ เล่ายาวเดี๋ยวพวกท่านจะหลับ
ข้อเสียข้อที่หนึ่ง ผมต้องตื่นเช้าและนอนดึก
อย่างเช่นวันนี้ผมต้องตื่นมาดูลูกหอตั้งแต่หกโมงเช้า ทั้งๆ ที่เมื่อคืนผมนอนตีสอง ปกติแล้วเวลานอนของผมจะไม่เกินตีหนึ่ง แต่เมื่อคืนดันมีพวกบ้าจากห้อง 109 แม่งไปดื่มแล้วกลับดึก ผมจำเป็นต้องอยู่รอทำโทษพวกมัน กว่าจะเสร็จก็ตีสอง (พวกมันกลับมาตอนตีหนึ่งครึ่ง โอ๊้ย กูอยากจะบ้า) ผมหาวจนกระทั่งตอนนี้ แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ครับ
ข้อเสียข้อที่สอง ความรับผิดชอบมันมีมากเกินไปจนบางครั้งผมก็แบกรับคนเดียวไม่ไหว
ตอนนี้ผมเดินอยู่ชั้นห้า เดินผ่านห้อง 503 ของดาวและเดือนหอไปแล้ว (พยายามทำเสียงฝีเท้าเบาๆ ตามคำรีเควสต์ของไอ้ทนาย) แต่ตอนที่เดินมาถึงห้อง 505 ผมเห็นคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่เด็กหอสามเดินออกมาจากห้องนั้น
เรื่องใหญ่เลยสิทีนี้ มอนี้ห้ามไปเดินเล่นหออื่นสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ
“เหี้ย มึงเป็นใคร”
“ฉิบหาย” ดูจากขนาดตัวที่เหมือนตัวดาวหอของผมสองคนรวมกัน มันน่าจะมาจากหอสอง...หอที่มีปัญหากับหอสามมากที่สุดในโลก
มันกำลังจะวิ่งฉิวเพื่อหนีไปจากผม แต่ผมคว้าคอเสื้อมันเอาไว้ได้ซะก่อน
“มึงเป็นกิ๊กคนในห้องนี้เหรอวะ” สาเหตุส่วนใหญ่ที่หออื่นมาปีนหอผมก็เพราะมาหากิ๊กหรือไม่ก็แฟนในหอผมนี่แหละครับ
“เอ่อ ใช่” มันพยักหน้า สีหน้าดูลนลาน
“ใครวะ” ผมจำได้ว่าสมาชิกห้องนี้มีแต่ไอ้พวกตัวสูงๆ หุ่นถึกๆ หน้าตาหล่อๆ เหมือนไอ้เหี้ยที่ผมกำลังจับคอเสื้อไว้อยู่ ณ ตอนนี้ ปกติแล้วพวกหอสองมันชอบสไตล์อย่างอาสาโน่นครับ ขาวๆ ตัวเล็กๆ คนที่พอจะให้มันมากิ๊กด้วยได้คนเดียวก็คือมีน เพื่อนคณะของผมที่ตอนนี้ดรอปเรียนเพื่อไปเป็นดารา
“ก็...มีนไง”
“หา” ผมอ้าปากค้าง “เชี่ยมีนกลับมาแล้วเหรอ”
“ไปก่อนนะ” มันทำท่าจะวิ่งต่อ ผมที่แรงน้อยกว่ามันเป็นทุนเดิมทำมันหลุดมือไปจนได้ ผมมองตามอย่างเจ็บใจ ช่วงนี้ไอ้พวกหอสองแม่งกลับมาปีนหอผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ไอ้ทนายก็มีชื่อเสียงเรื่องความน่ากลัวข่มอยู่ (ชั้นนี้มีแฟนมันอยู่ด้วยครับ มิหนำซ้ำแฟนมันยังเป็นมนุษย์ประหลาดที่ดึงดูดเพศผู้แบบสุดๆ มันก็เลยต้องคุ้มครองและจับตาดูเป็นพิเศษ) แต่ที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นเพราะเชี่ยมีนมันกลับมาหรือเปล่าวะ
ผมมองประตูห้อง 505 อย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะคิดแค้นใจพวกหอสองอีกครั้ง และคนที่ผมแค้นมากที่สุดก็หนีไม่พ้นประธานหอสอง
ไอ้สงคราม
ข้อเสียข้อที่สามซึ่งเป็นข้อเสียข้อสุดท้ายและยิ่งใหญ่มากที่สุดก็คือ ผมต้องต่อกรกับประธานหอสองอยู่ตลอดเวลา เพราะหอสองแม่งเป็นหอที่มีปัญหากับหอสามของผมมากที่สุดแล้ว
ปัญหาเรื่องที่มีคนปีนหอแบบเมื่อกี้หากเป็นเมื่อก่อนผมจะต้องเอาไปถกกับไอ้สงคราม มันเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนานมากแล้วครับ แต่พักหลังๆ ผมไม่ได้พูดกับมันเลย เพราะลูกหอมันได้ทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดเอาไว้
พวกมันทำร้ายเชี่ยเต ลูกหอผมตอนที่มันเมาและขี่รถล้ม
แม้ปัญหานี้มันจะผ่านมาหลายเดือนมากแล้ว และไอ้เชี่ยสงครามก็ลงโทษคนเหล่านั้นไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่หายเคืองเรื่องนี้สักนี้ มันไม่ใช่ความผิดของสงครามก็จริง แต่ผมก็เคืองครับ
ผมรู้ว่าผมไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่สงครามคือคนที่มีอำนาจและมีพลังมากที่สุดในมอนะครับ ใครๆ ก็เกรงใจมัน เพราะงั้นมันต้องคุมลูกหอของมันได้สิ ผมจำได้ว่าหอสองคือหอที่มีการรวมตัวของพวกมีพละกำลังในมอมากที่สุด เพราะงั้นพวกมันจึงมีปณิธานอย่างเดียวกันนั่นก็คือ ‘ไม่ทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า’ ตอนนั้นเชี่ยเตมันทั้งเมาทั้งรถล้ม แต่พวกมันก็ยังทำร้ายจนเตต้องเข้าโรงพยาบาล จะไม่ให้ผมโกรธทั้งพวกมันและประธานหอพวกมันได้ยังไง
มันก็เป็นตรรกะเดียวกับตอนที่ค่าไฟของหอสามพุ่งสูง แต่ไม่มีใครในหอสามโดนสวดยกเว้นแค่ผมคนเดียวนั่นแหละ ถ้าลูกหอผิด ประธานก็ผิด เพราะงั้นแม้ว่าสงครามมันจะเป็นเพื่อน (ห่างๆ) ของผมตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่คุยกับมันครับ
ในที่สุดการตรวจหอในรอบเช้าก็เสร็จสิ้นลง ผมเดินมาถึงหน้าห้องที่อยู่ลึกที่สุดของชั้นห้า มองผ่านกระจกลงไปยังชั้นล่าง เห็นประธานหอสองคนที่ผมยังเคืองอยู่กำลังรดน้ำพุ่มไม้ที่หน้าหอสองของมันอยู่
มึงเพิ่งปล่อยลูกหอมึงมาแดกคนในหอกูอีกแล้วนะสงคราม
ความผิดของมันมีเพิ่มขึ้นอีกกระทง ผมมองมันอย่างขุ่นเคืองจนกระทั่งเห็นมันหันสายยางฉีดรดน้ำต้นไม้มายังพุ่มไม้ประจำหอสามของผม สายตาของผมก็ซอฟต์ลงทีละนิดๆ
เป็นอีกครั้งที่สงครามแม่งช่วยผมดูแลหอสาม...เหมือนที่มันทำมาตลอดตั้งแต่ได้รับหน้าที่ประธานหอสอง
แต่ผมก็ยังไม่หายเคืองมันหรอกนะครับ
ผมถอนหายใจขณะหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กที่พกติดตัวเสมอ ผมเป็นคนที่มีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือผมมักจะจดอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดีๆ ในแต่ละวัน สิ่งดีๆ ที่บางวันก็มีมากบางวันก็มีน้อย ผมจะคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาวันละห้าอย่างแล้วเขียนลงไป
และสิ่งที่สงครามเพิ่งทำ แม่งก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ของผม
โน้ตสุขใจ
1. สงครามแม่งรดน้ำให้หอสาม (ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไรและเพื่อใคร ตัวเองเป็นประธานหอสองแท้ๆ)
2. มีนกลับมาแล้วผมไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับมีนนอกจากความเป็นเพื่อนสาขาเดียวกัน แต่ที่ผมเขียนเรื่องมีนลงไปในโน้ตสุขใจเป็นเพราะการกลับมาของมีนคงจะสร้างความดีใจให้กับลูกหอของผมและชาววิศวะได้
บางครั้งเรื่องดีๆ ของคนอื่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา แต่มันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ
Tbc*