ตอนที่กำลังเขียนตอนนี้ คิดว่าเนื้อเรื่องในตอนนี้อาจมีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ความรู้สึกของคนอ่านเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หลังจากเขียนจบก็รู้สึกจริงๆสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะอะไรหลายๆอย่างในตอนนี้ด้วยละมั้ง /// หัวเราะ
เบื้องหลังของพี่เมฆกับน้องเฟย สำหรับใครที่รอๆกันอยู่ อีกไม่นานจะถูกเฉลยแล้วนะครับ แล้วอาจจะเป็นความจริงที่ทำให้ใครหลายๆคนช็อค เพราะตอนผมวางพล็อตผมก็แอบคิดๆอยู่เหมือนกันว่าจะเอาแบบนี้ดีมั้ยเนี่ย แต่เพื่อหลีกเลี่ยง 'ดราม่า' ผมก็เลือกใช้พล็อตที่ผมวางเอาไว้ในตอนแรก
หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ ... ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับกำลังใจ นั่งอ่านทุกคอมเม้นท์แล้วยิ้มไม่หุบเลยจริงๆ มีความสุขไปทั้งวันเลยอ่ะ *************************************************
ร้ายแลกรัก
Stage 4 ความหวาดกลัว
‘ได้ยินมั้ยครับ … เสียงนกกำลังร้อง เพราะจังเลยเนอะ’
‘แต่กูว่า เสียงอะไรมันก็สู้เสียงของมึงเวลามาครางใต้ร่างกูไม่ได้หรอกว่ะ’
ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วที่ผมถูกทำให้สลบโดยน้ำมือของไอ้เมฆ แค่นึกถึงมัน … ผมก็ขยะแขยงจนไม่อยากจะเข้าใกล้มันแล้ว ผู้ชายสันดานเลวๆแบบนั้น …
แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ผมพบว่าตัวเองถูกตรวนไว้ด้วยโซ่หลายเส้น ทั้งที่ข้อมือและข้อเท้า และนอกจากนั้นยังมีที่คออีกด้วย
…ทำแบบนี้ผมยิ่งสมเพชตัวเอง เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ตัวหนึ่งที่ไอ้เมฆมันเลี้ยงเอาไว้ดูเล่น
ผมอยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า ลมเย็นๆลอดผ่านมาทางช่องผมมาปะทะกับร่างของผม ทำให้ผมรู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ
“…มึงหนีกูไปไหนไม่ได้อีกแล้วนะ!!!”ไอ้เมฆมันเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับจานข้าวในมือ
“กูไปทำอะไรให้มึง ทำไมมึงต้องทำกับกูแบบนี้”ผมแค่นเสียงผ่านลำคอออกมาด้วยความยากลำบาก
“มึงก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรอ ว่ามึงเคยทำอะไรไว้กับกู”ไอ้เมฆมันวางจานข้าวลงพร้อมกับยืนประจันหน้าผม
“…”ผมพยายามนึกว่าผมเคยทำอะไรกับไอ้เมฆไว้ แต่ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอไอ้เมฆตอนผมยังเด็กมันก็ผ่านมานานมากแล้ว แถมยัง…ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นเลย อะไรที่จะทำให้ไอ้เมฆมันขุ่นเคืองใจได้ถึงขนาดนี้
“นึกไม่ออกล่ะสิ กูก็ว่าอย่างนั้น แต่ที่รู้ๆก็คือ ‘ตอนนั้น’ มึงทำกูไว้แสบมาก ดังนั้น ’ตอนนี้’ มึงก็ต้องมาชดใช้ในสิ่งที่มึงเคยทำไว้กับกู ถึงมึงจะนึกอะไรไม่ออก แต่กูจะทำให้มึงได้ลิ้มรสชาติว่าการที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวนานๆน่ะ มันทรมานแค่ไหน”พูดจบไอ้เมฆมันก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่น้อย จานข้าวที่มันถือเข้ามาก็ถูกวางเอาไว้อยู่ที่เดิม
ก่อนเดินออกไปพ้นขอบประตู ไอ้เมฆมันก็หันหลังพร้อมกับหันมามองผม มือของมันเลื่อนไปปิดสวิตซ์ไฟ ทำให้ห้องที่ผมอยู่นั้นมืดสนิททันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
“อย่านะ อย่า!!!”ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อไฟในห้องดับพรึ่บพร้อมกับเสียงลมหายใจที่ดูเหมือนจะเด่นชัดขึ้นมาท่ามกลางความมืดแบบนี้
“ฮือๆ”ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้สึกอาย ผมอยากจะกอดร่างของตนเองเอาไว้ให้แน่นที่สุดแต่ก็ทำไม่ได้ในเมื่อแขนทั้งสองข้างของผมถูกตรึงเอาไว้แบบนี้
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!”ผมร้องออกมาอย่างยากลำบากเต็มที ความทรมานเริ่มคุกคามจิตใจของผมมากขึ้นเรื่อยๆ มากจนผมรู้สึกอึดอัดอยากจะอาเจียน
หน้าอกของผมจุกแน่นจนเริ่มหายใจไม่ออก ผมเริ่มส่ายหน้าไปมาด้วยอาการทุรนทุรายแต่โซ่ที่รั้งลำคอของผมเอาไว้ก็ทำให้ใบหน้าของผมขยับไปไหนไม่ได้มากนัก
ลมหายใจของผมเริ่มขาดห้วง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของผมกลายเป็นเพียงภาพขาวดำที่ถูกความมืดกลืนกินไปทีละน้อย
…นี่ใช่ไหมคือความรู้สึกของคน…ที่กำลังจะตาย
“ไม่!!! อย่าทำอะไร กลัวแล้ว ฮือๆ อย่า!!!!!!!!!!!!”ผมกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยอาการทุรนทุราย ผมกลัวความมืด ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในที่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว ใครก็ได้ช่วยผมที ผมดิ้นจนข้อมือผมชาหนึบ รู้สึกแสบและเจ็บมาก
ผมรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายพยายามดิ้นรนให้หลุดออกมาจากพันธนาการบ้าๆนี่ ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแสงไฟภายนอกที่สาดส่องเข้ามา ผมเห็นร่างของใครคนหนึ่งกระโจนมาทางผมอย่างรวดเร็ว…
จู่ๆสิ่งที่พันธการตัวผมก็หลุดออก ร่างกายของผมหมดเรี่ยวแรงที่จะประคองตัวเองอีกต่อไป ผมปล่อยให้ร่างของตัวเองร่วงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง
ร่างนั้นกอดผมเอาไว้แนบอก ใบหน้าดูเจ็บปวดราวกับรู้สึกออกมาจากใจจริงๆไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเป็นเห็นใจผม ผมร้องไห้จนตัวสั่น พร้อมกับลมหายใจที่ขาดๆหายๆ
เสียงกระซิบนุ่มหูดังขึ้นใกล้ๆหูของผมว่า…
“กูขอโทษ” แต่รู้อะไรไหมครับพี่เมฆ ยิ่งพี่กอดผมแน่นมากเท่าไรผมก็ยิ่งหายใจไม่ออก ผมอยากนอนหลับ พี่ช่วยปลดปล่อยผมจากสภาพนี้ได้ไหมครับ ผมทรมานจริงๆ ผมกลัว…กลัวความมืดที่อยู่รอบกายของผม พี่ก็รู้ใช่ไหมครับว่าผมกลัว แต่พี่ก็ทิ้งผมไว้คนเดียวในที่แบบนี้ ฮือๆ
“…อย่า!!!”
ผมร้องออกมาด้วยความกลัวที่กัดกินหัวใจของผมจนเป็นแผลเหวอะหวะจนน่ารังเกียจ คนตรงหน้ากอดผมแน่นราวกับกลัวผมจะหายไปอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งๆที่เมื่อกี้พี่เมฆยังใจร้ายกับผม ขังผมไว้ในห้องมืดๆแคบๆแบบนี้ ผมถึงทำให้ผมไปไหนไม่ได้อีก มันทรมานมากเลยรู้หรือเปล่าครับ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นเลย ผมกลัว ผมกลัวความมืด
…นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหมครับ เพราะพี่เมฆคนเดิมนั่งอยู่ตรงหน้าของผม อยู่ตรงหน้าผมจริงๆ ผมมั่นใจว่าไม่ได้ฝันไปหรือสิ่งที่ผมเห็นเป็นเพียงแค่ภาพหลอน ทั้งๆที่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่พี่เมฆจะเข้ามากอดผม แต่ผมก็อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ผมพยายามจะไมนึกถึงเรื่องที่พี่เมฆข่มขืนผม ทำร้ายร่างกายผม...จนผมรู้สึกชินชากับความรู้สึกแบบนั้น
แต่อย่างน้อย มันก็เป็นฝันที่ดีสำหรับผมนะครับ…พี่เมฆ
พี่รู้ไหมครับ … ว่าตอนนี้ถึงผมจะโกรธพี่เมฆ เกลียดพี่เมฆมาก แต่อย่างน้อย…
ผมก็รู้สึกอุ่นใจที่ตอนนี้มีคนอยู่ข้างๆผม อยู่กับผมในเวลาที่ผมรู้สึกกลัว…
…แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่ไม่เคยรักผมเลยก็ตาม แต่ผมก็อุ่นใจจริงๆนะครับ
ภาพทุกอย่างเด่นชัดขึ้นมาในความทรงจำของผมอีกครั้ง
‘พี่เมฆ พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านแล้วนะ พี่ดูแลตัวเองด้วย’เด็กหนุ่มวัยแปดปีกำลังยืนคุยอยู่กับเด็กหนุ่มที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกันแม้ว่าความจริงแล้ว เด็กหนุ่มอีกคนจะอายุมากกว่าสองปีก็ตาม
‘โรงเรียนเปิดเทอมแล้วหรอ’พี่เมฆยิ้มให้ผม รอยยิ้มนั้นช่างดูสดใสมากกว่าพระอาทิตย์ที่ทอประกายเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้าเสียอีก
…ผมชอบรอยยิ้มของพี่เมฆ ผมอยากให้พี่เมฆยิ้ม
‘ครับ เดี๋ยวผมก็มาใหม่นะครับ’ผมยืนก้มหน้าด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย
‘จะเศร้าทำไม อะนี่!พี่ให้’ พี่เมฆยื่นสร้อยรูปไม้กางเขนให้ผม
‘ให้ผมจริงๆหรอครับ’ผมยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
‘จริงๆสิ แล้วต่อไปนี้…เฟยก็เป็นของพี่แล้วนะ ฮ่ะๆ พี่จะรอเฟยนะ’ ผมในตอนนี้ยืนดูภาพนั้นที่ห่างออกไปไกลมากขึ้นทุกที ความรู้สึกแบบนั้น...ผมคงจะไม่มีวันได้สัมผัสมันอีกแล้ว
‘เฟยเป็นของพี่แล้วนะ’
.
.
‘เฟยเป็นของพี่แล้วนะ’
.
.
‘เฟยเป็นของพี่แล้วนะ’
ผมกับพี่เมฆยืนกอดกัน อ้อมกอดนั้นช่างอบอุ่นไม่แพ้กับแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันที่สาดส่องมากระทบกันร่างของผม หัวใจของผมพองโตจนรู้สึกคับแน่นไปหมด ผมฉีกยิ้มจนแก้มปริ พี่เมฆเอามือมาลูบหัวผมเบาๆพร้อมกับประทับริมฝีปากนุ่มของพี่เขาลงบนริมฝีปากของผม ทำให้หน้าของผมยิ่งแดงเข้าไปกันใหญ่ หัวใจของผมเต้นระรัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ… ท่ามกลางเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาหาชายฝั่ง ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี เรื่องอะไรจะไปรู้ว่า…คำสัญญาน่ะ มันก็เปรียบเหมือนปราสาททรายนั่นแหละ โดนคลื่นซัดเข้าหน่อยก็พังจนไม่เหลือเศษซากแล้ว
ถ้าผมลืมตาขึ้นมา…พี่เมฆจะยังเป็นพี่เมฆคนเดิมมั้ยครับ เป็นพี่ชายที่แสนดีของผมเหมือนเมื่อก่อน…
ผมรู้ว่าผมอาจจะพูดไม่ถูกไปเสียทั้งหมด…ว่าพี่เมฆเป็นแค่พี่ชายสำหรับผม
.
.
.
เพราะผมรู้สึกว่าข้างในตัวผม…
.
.
.
…กำลังมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ใครอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าทำไมพี่เมฆมันเปลี่ยนไปได้ไวขนาดนี้ราวกับเป็นคนละคน รับรองครับว่าตอนหน้ามีเฉลยของเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งอดีตบางส่วนของพี่เมฆด้วย
... โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ