Chapitre 42
ช่วงสอบไฟนอลเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์ในการเตรียมตัวอ่านหนังสือ รวมทั้งเคลียร์งานทั้งหลายที่ยังเหลือกองอีกเป็นภูเขา ผมจะทำทันเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากจบเรื่องของทาร์ตกับโดนัทไป เพื่อนๆ คนอื่นก็พอจะรู้ว่าผมมีปัญหากับโดนัท โดยเฉพาะกับไวน์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือถามว่ามันเกิดจากอะไร
ผมกับโดนัทต่างเงียบใส่กันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวลาไปเรียนฝรั่งเศส ปกติจะมีผม เก็ทแล้วก็โดนัทสามคน แต่ตั้งแต่นั้นผมก็เลือกจะนั่งแค่กับเก็ทแค่สองคน ยิ่งกับทาร์ตที่ยังดื้อดึงไม่ยอมจบกับผม ไม่ยอมให้ผมทำเหมือนมันไม่มีตัวตนแบบนี้ ยังคงตามอธิบาย ตามง้อผมอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน ถามว่าผมรำคาญไหม คงปฏิเสธไม่ได้ แต่ผมเลือกที่จะเฉยเมยไปดีกว่า ยิ่งผมแสดงอาการอะไรออกไปมาก ทาร์ตจะยิ่งคิดว่าผมยังคงเหลือความรู้สึกดีๆ กับมันอยู่ รอให้มันเบื่อเดี๋ยวมันก็หยุดไปเอง
ผมแค่เสียดายที่ชีวิตผมจะไม่มีรอยยิ้มอันสดใสพร้อมเหล็กดัดฟันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ยังดีนะเพราะได้เก็ทคอยช่วยตลอด ถ้าไม่มีเก็ทผมอาจจะรู้สึกแย่กว่านี้ก็ได้ที่ต้องเจอหน้าทาร์ตมันแทบทุกวัน
เมื่อสองวันที่แล้วพัฒน์ทักมาหาผมเรื่องของเกล ผมเองก็เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลยเหมือนกัน พัฒน์บอกว่าช่วงหลังๆ นี้เห็นเกลไปไหนมาไหนกับดินบ่อยๆ แล้วก็ใช้แต่ของแพงๆ รวมทั้งชอบซื้อของแพงๆ ให้ดินด้วยในบางครั้ง ซึ่งบางทีดินก็ไม่อยากจะรับไว้
แล้วก็รู้มาอีกเรื่องคือเกลขอร้องดินไม่ให้พูดเรื่องของทั้งคู่ให้ใครรู้ เพราะเกลอ้างว่าถ้าที่บ้านหวงมาก ถ้ารู้ว่าเกลมีแฟนจะเดือดร้อน ซึ่งก็คงอ้างเหตุผลนี้กับปาร์คด้วยเหมือนกัน ถึงว่าเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้เพราะเกลนั่นใช้มารยามาทำให้ดูน่าสงสาร!
ผมตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับชัญญ่าและขอให้ชัญญ่าช่วยวางแผนตลบหลังผู้หญิงคนนี้ ใช่ครับผมตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยปาร์คอีกครั้ง แต่ผมไม่ต้องการให้ปาร์ครู้หรอกว่าผมเป็นคนช่วย ส่วนหนึ่งผมก็อยากให้ปาร์คหลุดจากผู้หญิงเลวๆ คนนั้น และส่วนหนึ่งผมก็อยากให้ตัวผมเองพ้นจากคำกล่าวหาผิดๆ ที่ผมไม่ได้เป็นคนทำด้วย ความผิดที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด
ที่ให้ชัญญ่าช่วยคิดแผน เพราะผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นฉลาด แต่ชัญญ่าดูน่าจะฉลาดกว่า และความเป็นผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจได้มากกว่าว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรหรือต้องการอะไร
[ฟร๊องก์ลองติดต่อไปหาผู้ชายที่ชื่อดินอะไรนั่นดูไหม เราว่าลองคุยกับเขาตรงๆ บอกความจริงเขา เผื่อเขาจะช่วยเราได้นะ] ชัญญ่าที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับผมมาร่วมครึ่งชั่วโมงได้เสนอความเห็นขึ้นมา
“เราว่ามันเสี่ยงไปไหม ถ้า... เขาไม่เชื่อเราเหมือนกับปาร์คอีกล่ะ คราวนี้เกลอาจจะรู้ตัวเลยก็ได้นะ” ผมว่าแบบนี้มันเสี่ยงมาก แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะกระชากหน้ากากอันสารเลวของผู้หญิงคนนั้นได้
[ก็จริง แต่ก็น่าเสี่ยงนะ ลองหาวิธีพูดดูดิ เราเชื่อว่าฟร๊องก์ทำได้ ลองให้เพื่อนฟร๊องก์ช่วยพูดด้วยไง ถ้าได้ผู้ชายที่รู้จักกันมาช่วยยืนยันด้วยน่าจะทำให้เชื่อได้ง่ายขึ้นนะ อีกอย่างคงไม่มีเหตุผลอะไรที่คนไม่รู้จักกันอย่างฟร๊องก์จะต้องเข้าหาคนชื่อดินนั่นจริงไหม ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น]
“แล้วถ้าคุยได้ จะทำยังไงต่อ บอกเขาไปตรงๆ แล้วให้เขาไปบอกกับปาร์คเองน่ะเหรอ”
[เราก็ต้องวางแผนต่อสิ ถ้าไปบอกตรงๆ แบบนั้นเดี๋ยวนังเกลนั่นก็มารยาให้ดูน่าสงสารอีก นอกจากปาร์คกับเพื่อนอาจจะทะเลาะกันแล้ว ดีไม่ดีคนที่เจ็บสุดอาจจะเป็นฟร๊องก์เองก็ได้นะ เออ... เห็นว่าเกลอะไรนั่นชอบให้ปาร์คซื้อของให้ ชอบอ้อนปาร์คเอาตังค์ไปซื้อของให้ตัวเองแล้วบางทีก็ให้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอ ก็ลองวางแผนให้ปาร์คจับได้ด้วยตัวเองดูสิ]
“งั้นก็คงต้องลองดู”
[ฟร๊องก์ลองนัดเพื่อนคุยเลยก็ได้ ให้เพื่อนนัดดินนั่นให้อีกที]
“ชัญญ่าไปด้วยก็ได้นะ เราประหม่าอ่ะ อีกอย่างชัญญ่าช่วยพาปาร์คมาหน่อยได้ไหม คือเรา... อยากช่วยปาร์คเรื่องเกลนะ แต่เราไม่อยากให้ปาร์ครู้ว่าเราช่วยอ่ะ เราอยากตัดใจ...”
[แต่ฟร๊องก์...]
“ขอร้องนะชัญญ่า เรื่องระหว่างเรากับปาร์คมันมาไกลเกินกว่าจะกลับไปรู้สึกดีเท่าเมื่อก่อนได้แล้วล่ะ และเรื่องเกลก็ทำให้เรารู้ว่าปาร์ค... ก็ไม่ได้รู้สึกกับเรา ในแบบที่เรารู้สึกด้วย” ผมบอกชัญญ่าจริงจัง พยายามกดความเศร้าไม่ให้ชัญญ่าจับได้ว่าผมกำลังเสียใจ
[เฮ้อ... ดื้อจริงๆ นะ เราเข้าใจว่าฟรีองก์เจ็บนะ แต่ถ้าให้เรานัดปาร์คออกมามันจะไม่ยากกว่าเหรอ ปาร์คเองก็ไม่ได้สนิทกับเรา เจอกันนับครั้งได้เลยด้วยซ้ำ แล้วปาร์คจะยอมมาตามที่เราบอกเหรอ]
“เราเชื่อว่าชัญญ่าทำได้” ผมใช้คำพูดของชัญญ่าก่อนหน้าบอกตัวเธอเอง ชัญญ่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเลย
[ลองให้เพื่อนนัดให้แล้วกัน แล้วเดี๋ยวเราตามไปด้วย] เป็นอันตกลงกับชัญญ่าเรียบร้อย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าชัญญ่าจะทำให้ปาร์คเชื่อได้หรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าเธอทำได้
เมื่อเรื่องของเกลจบไปแล้ว ผมก็คงจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับปาร์คอีก ขอแค่เวลาที่จะช่วยเยียวยาหัวใจให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม
**********__________**********
หลังจากที่คุยกับชัญญ่าเสร็จ แม้ว่าจะเป็นเวลาเลยสี่ทุ่มมาแล้ว แต่ด้วยความใจร้อนของผมเลยตัดสินใจโทรไปคุยกับพัฒน์เพื่อให้พัฒน์นัดผู้ชายที่ชื่อดินนั่นให้ทันที โชคดีที่พัฒน์ยังไม่นอนแต่ก็งงๆ กับผมอยู่เหมือนกันว่าจะนัดเจอทำไม ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันมาตั้งแต่แรก ผมเลยบอกแผนการคร่าวๆ กับพัฒน์ไปด้วย เวลาไปเจอพัฒน์จะได้เดินตามแผนได้ดี พยายามลดช่องว่างให้หมด
ตีงูมันต้องตีให้ตาย! ไม่งั้นมันจะแว้งกัดเหมือนที่ผมเคยโดน!!
พัฒน์รับปากว่าจะพยายามนัดเจอให้ ผมเลยขอให้นัดเร็วที่สุด ผมร้อนใจมาก อยากจัดการผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตปาร์คเร็วๆ สักที พัฒน์รับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนจะวางสายไป
นี่ก็ล่วงเลยมาสองวันแล้วพัฒน์ก็ยังไม่ติดต่อมาเลย จะได้เรื่องไหมเนี่ย แต่ผมก็ไม่โทษพัฒน์หรอกถ้านัดไม่ได้ ก่อนหน้านี้พัฒน์ก็เคยบอกว่าอยู่ว่าดินน่ะเป็นแค่เพื่อนของเพื่อนที่พอรู้จักกันเฉยๆ ไม่ใช่เพื่อนที่เล่นบาสด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมอย่างปาร์ค ถ้านัดไม่ได้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
ขณะที่ความคิดอันฟุ้งซ่านของผมแล่นไหลไปต่างๆ นานานั้น พัฒน์ที่อยู่ในความคิดเมื่อครู่ก็ไลน์มาหาพอดี และสิ่งที่พัฒน์บอกก็ทำเอาผมแทบกรี๊ดออกมากลางห้องเรียน
พัฒน์นัดกับดินให้ผมได้! แถมยังเป็นเย็นวันนี้อีกต่างหาก บทจะเร็วก็โคตรเร็วแบบที่ไม่ทันให้ผมตั้งตัวเลย อีกอย่างวันนี้ผมเลิกเรียนตั้งทุ่มครึ่ง มีทางเดียวคือผมต้องโดดเรียนแล้วให้เก็ทจดแลคเชอร์ไว้ให้เผื่อมีเนื้อหาอะไรสำคัญๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงถามเวลาและสถานที่ที่แน่นอน แล้วตอบตกลงไปทันที ก่อนที่จะไลน์ไปบอกชัญญ่าด้วยอีกคน ซึ่งชัญญ่ามีเรียนถึงแค่บ่ายสามจึงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
“เก็ท... อิอิ” ผมหันไปยิ้มหวานให้เก็ททันที ซึ่งเล่นเอาเก็ทหันมามองด้วยสีหน้าสงสัยอย่างมากกับท่าทางแปลกๆ ของผม “เย็นนี้คาบรีดดิ้งของ Andru ฝากแลคเชอร์ให้หน่อยสิ เอาแค่คร่าวๆ ก็ได้ ถ้ามีการบ้านก็บอกด้วยนะ”
“แล้วไม่เข้าเรียนหรือไง จะไปไหน” เก็ทวางปากกาที่กำลังจดสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่หันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็... เอ่อ... คือ... คือเอ่อ... มีธุระด่วนน่ะ เดี๋ยวเลิกเรียนนี่ก็จะรีบไปเลย” ผมตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ตรงไหนวะ! ตอบโคตรตะกุกตะกักดูไม่มีพิรุธเลยต่างหาก! เก็ทไม่รู้หรอกว่าผมกำลังโกหก
“เดี๋ยวนี้เริ่มมีความลับบ่อยแล้วนะ ไม่ไว้ใจกันแล้วงั้นสิ” เก็ทพูดเสียงนิ่งขึ้นทันที ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งอาจารย์สอนอยู่ เล่นเอาผมขนลุกกับน้ำเสียงเย็นชาเมื่อกี้
“โธ่ ก็ไม่ได้จะปกปิดอะไรสักหน่อย แค่มันเป็นธุระ เอ่อ... ไร้สาระน่ะ เลยไม่รู้จะบอกทำไม” ผมรีบแก้ตัวทันที
“อืม มันคงไร้สาระมากถึงขนาดบอกกันไม่ได้เลย แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวจะจดไว้ให้แล้วกัน” เก็ทไม่ได้หันมามองหน้าผมอีก แต่ก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นไม่ต่างจากเมื่อครู่เลย
“อย่างอนนะๆ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยรับรองว่าจะรีบบอกคนแรกเลย” ผมเกาะแขนทำเหมือนอ้อนเก็ท ก่อนที่มือใหญ่ๆ ของเก็ทจะผลักเข้าที่หัวผมจังๆ แต่ไม่ได้แรงเท่าไรนัก แต่ก็ทำเอาผมยู่จมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้ แถมมันยังยิ้มเยาะผมอีกต่างหาก
**********___________**********
ผมเลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่ง แล้วจะมีเรียนอีกทีตอนหกโมง ซึ่งแน่นอนว่าผมโดดชัวร์ๆ แล้วเพราะฝากฝังให้เก็ทจดแลคเชอร์ด้วยสมองอันปราดเปรื่องแทนผมเรียบร้อย แม้จะโดนรังสีอำมหิตที่ผมไม่ยอมบอกตรงๆ ว่ามีธุระที่ไหนก็ตาม ผมรีบปลีกตัวออกไปโบกแท็กซี่เพื่อไปหาพัฒน์และดินตามที่นัดหมายไว้ทันที พัฒน์นัดดินไว้ให้ตอนหกโมงที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไกลจากละแวกมหาวิทยาลัยของสองคนนั้นหน่อย แต่นั่นก็ช่วยย่นระยะทางสำหรับผมไปด้วยเช่นกัน
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงผมก็มายังร้านที่พัฒน์นัดเอาไว้ ผมจึงโทรหาถามพัฒน์ ทั้งสองคนกำลังมา ดินมาพร้อมกับพัฒน์เลย และบอกให้ผมเข้าไปรอให้ร้านก่อนได้เลย
“ฟร๊องก์!” เสียงของชัญญ่าเรียกชื่อผมขณะที่ผมกำลังจะผลักประตูเข้าไปในร้าน
“อ้าวญ่า มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ”
“ก็มันว่างตั้งนานแล้ว นี่ออกมาเผื่อเวลารถติดไว้ด้วยนะ แต่รถก็ดันไม่ค่อยติดเท่าไรเลยมาเร็ว” ชัญญ่าอธิบายพร้อมกับยิ้มเขินๆ ผมว่าเธอเองก็ตื่นเต้นเหมือนกับผมมากกว่าจึงรีบมา
ชัญญ่ากับผมมานั่งสั่งกาแฟคนละแก้วพร้อมด้วยเค้กรอกัน ผมเองก็หิวอยู่เหมือนกัน ก็ออกมายังไม่ได้กินอะไรมาเลยนี่นา ขอยัดอะไรลงท้องก่อน กลบความตื่นเต้นด้วยแล้วเผื่อเวลาคุยต้องใช้สมองหน่อยมันจะได้มีสารอาหารมาเลี้ยง ฮ่าๆๆ สมองยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่!
“ตื่นเต้นหรือไง นั่งเขย่าขาซะขนาดนั้น” ชัญญ่าถามผมอย่างล้อเลียน แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าตื่นเต้น ก็มันน่าตื่นเต้นจริงๆ นี่ จริงอยู่ว่าเราวางแผนมาแล้ว แต่ตัวแปรสำคัญของแผนเลยก็คือบุคคลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ถ้าเขาเชื่อและยอมตกลงตามที่เราวางแผนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่หวังเนี่ยสิเรื่องใหญ่
“อื้อ ตื่นเต้นดิ เนี่ยมือเย็นหมดแล้ว ถ้ามันไม่สำเร็จขึ้นมาเราจะทำยังไงอ่ะชัญญ่า” ความวิตกจริตของผมเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
“เห้ย! อย่าเพิ่งคิดมากดิ รูปที่ชะนีนั่นถ่ายคู่กับปาร์คก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเดี๋ยวเราช่วยยืนยันด้วย ถึงไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ต้องมีติดใจอยู่บ้างแหละ” ชัญญ่าพูดอย่างหมายมั่นปั่นมือ ก่อนที่เสียงกระดิ่งของประตูหน้าร้านจะดังขึ้น บ่งบอกว่ามีคนเข้ามาในร้าน เมื่อหันไปมองก็รู้ตัวทันทีว่าหมดเวลาที่จะคิดเองเออเองแล้ว ถึงเวลาต้องเผชิญความจริงแล้ว
“พัฒน์!” ผมยกมือเรียกก่อนที่สองผู้มาเยือนใหม่จะเดินมาที่โต๊ะ ผมเพิ่งได้เห็นหน้าของดินใกล้ๆ และชัดๆ ครั้งก่อนที่เจอ ผมเห็นไม่ค่อยถนัดเท่าไร พอมาเห็นแบบนี้แล้วผู้ชายคนนี้ก็หล่อไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
ผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ พัฒน์มีส่วนสูงพอๆ กันเลย ซึ่งพัฒน์เองก็สูงกว่าปาร์คอยู่เล็กน้อย มีผิวขาวมาก ทรงผมเซ็ตลวกๆ สีน้ำตาลไม่ต่างจากครั้งที่แล้วที่เจอ แต่ผมเพิ่งได้เห็นดวงตาของคนนี้ว่าเป็นหนุ่มตาตี่ หล่อแบบตี๋ๆ สงสัยจะเป็นเชื้อสายจีน ทั้งพัฒน์และดินยังอยู่ในชุดนักศึกษาเช่นกัน ชัญญ่าเองก็ด้วย ทำให้โต๊ะเราเหมือนกลุ่มนักศึกษาเพิ่งเลิกเรียนออกมาหาอะไรกินกัน
“นี่เพื่อนกูที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับมึง ชื่อฟร๊องก์” พัฒน์แนะนำผมให้ดินรู้จักหลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลง โต๊ะที่ร้านนี้เป็นทรงกลม พัฒน์เลือกนั่งข้างผมอีกฝั่ง ซึ่งตรงข้ามกับชัญญ่า ส่วนดินที่นั่งถัดจากพัฒน์ไปก็อยู่ข้างชัญญ่า และตรงข้ามกับผมพอดีเช่นกัน
“สวัสดีครับ ผมดิน” ดินพยักหน้าเป็นเชิงทักทายเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง
“หวัดดีครับ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ รู้สึกกดดันแปลกๆ เอาแบบเป็นกันเองเถอะ” ผมขำนิดๆ กับการแนะนำตัวของดิน เล่นซะเป็นทางการอย่างกับจะมาสอบสัมภาษณ์กับผมอย่างนั้นแหละ “เออ พัฒน์นี่ชัญญ่าเพื่อนฟร๊องก์ ดินนี่เพื่อนเราชื่อชัญญ่า”
“หวัดดีครับ” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ชัญญ่าจะยิ้มตอบเล็กน้อยตามมารยาท
“ดินจะกินอะไรหรือเปล่า สั่งมากินก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องเลี้ยงหรอก พี่ครับขอเอสเปรสโซ่ มึงเอาไรไหม” ดินสั่งกาแฟของตัวเองก่อนจะหันไปถามพัฒน์
“เอาเหมือนมันอ่ะครับ” พัฒน์ตอบกวนๆ ออกไป
“ว่าแต่ฟร๊องก์มีอะไรจะคุยกับเราเหรอ” ผมที่กำลังดูดกาแฟปั่นใส่คาราเมลอยู่แทบจะสำลักกับการยิงคำถามที่มารวดเร็วและตรงประเด็นของดิน
“ค่อก! ค่อก!” ไม่แทบแล้วล่ะ ผมถึงกับสำลักเลยต่างหาก
“ใจเย็นๆ” ชัญญ่ารีบเข้ามาดูอาการพร้อมกับตบที่หลังผมเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
“คือ... ดินเป็นเพื่อนกับปาร์คใช่ไหม”
“ไอ้ปาร์ค ไอ้หล่อที่เรียนอยู่ถาปัตมอเดียวกับดินอ่ะนะ ถ้าใช่อ่ะรู้จัก ซี้กันเลยโดยเฉพาะเวลาเล่นบาส” ดินพูดถึงปาร์คอย่างขำๆ ผมอมยิ้มกับฉายาที่เรียกปาร์คว่า ‘ไอ้หล่อ’ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะมันหล่อจริงๆ
“ใช่ๆ คนนั้นแหละ”
“ว่าแต่ทำไมเหรอ ฟร๊องก์รู้จักกับมันด้วยเหรอ อย่าบอกนะว่าจะจีบมันแล้วให้เราช่วย” ดินมองหน้าผมด้วยความสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ ขณะที่พนักงานยกแก้วกาแฟที่สั่งเมื่อครูมาเสิร์ฟ เพิ่มเวลาให้ผมได้หายใจหายคอและเรียบเรียงคำพูดได้อีกนิด
“เปล่าๆ เรากับปาร์คเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมแล้ว แต่คือ... เราอยากรู้ว่าปาร์คมีแฟนไหมอ่ะ คือเรา...”
“ฟร๊องก์ชอบปาร์คค่ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่ารักเลยแหละ!” ชัญญ่าชิงตอบแทนผมเมื่อผมได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ ก็จะให้พูดออกไปตรงๆ ก็อายเป็นเหมือนกันนะเว้ย!
“อ๋อออ... แบบนี้นี่เอง อิอิ แอบมาสืบข้อมูลของไอ้หล่อมันล่ะสิ ปกติเห็นมันก็ชอบเล่นชอบหย่อกพวกที่เป็นแบบฟร๊องก์นี่อยู่ แต่ก็ไม่รู้มันชอบแบบไหนกันแน่ ถ้าน่ารักๆ แบบฟร๊องก์นี่ ไม่ยากหรอก แต่ถ้าแบบเป็นแฟนเลยยังไม่เคยเห็นมันควงใครจริงๆ จังๆ นะ ส่วนมากก็มีผู้หญิงเข้ามาคุยๆ ก็เยอะอยู่อ่ะ เห็นคุยๆ กันได้สักพักก็เลิกกันไป ประมาณว่าได้แล้ว เบื่อแล้วก็ทิ้งอะไรแบบเนี่ย อย่างว่าแหละคนมันหน้าตาดี บ้านแม่งก็รวย ใครๆ ก็อยากเข้าหา แต่บางทีมันก็ไม่สนใจหรอก ส่วนใหญ่เวลาว่างๆ มันจะมาเล่นบาสกับพวกดิน แล้วก็เล่นเกมมากกว่า แต่มีช่วงหลังๆ มาเนี่ยแหละที่ไม่เห็นมันควงใครอีกเลย ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ มาอ่ะ แล้วตั้งแต่รู้จักมันมายังไม่เคยเห็นมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยด้วย”
ดินอธิบายยืดยาว ดูๆ แล้วดินเป็นคนที่พูดเก่งมากเหมือนกัน แถมยังมีความกวนอยู่ในคำพูดด้วย ฟังๆ ดูก็ตลกดี เหมือนได้ฟังดินเผาปาร์คอยู่อย่างไงอย่างงั้น แต่ก็เจ็บจี๊ดอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าก่อนหน้าปาร์คเป็นเสือผู้หญิง (อาจจะผู้ชายด้วย) ได้แล้วเบื่อแล้วก็ทิ้ง หนึ่งในนั้นก็อาจจะรวมถึงผมด้วย
“งั้นเหรอ แล้วกับผู้หญิงคนนี้ล่ะ” ผมพูดก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดรูปคู่ของปาร์คกับเกลที่ยังคงเซฟเก็บเอาไว้ส่งให้ดินดู
“นี่มัน...” ทันทีที่ดินเห็นรูป สีหน้ายิ้มแย้มของดินก็ดูซีดลงไปถนัดตา
“ดินรู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม เราได้ยินมาว่าปาร์คกำลังคบกับผู้หญิงคนนี้อยู่ เราเองก็เคยเจอสองคนนี้ไปเที่ยวด้วยกันหลายครั้งแล้วเหมือนกัน” ผมรีบอาศัยโอกาสช่วงที่ดินกำลังอึ้งเติมเชื้อไฟทันที จะว่าไปผมนี่ก็แสดงเก่งใช่ย่อยเหมือนกันนะ
“ญ่าเองก็เคยเจอนะ ตอนที่ไปกับฟร๊องก์แล้วปาร์คเข้ามาคุยกับฟร๊องก์ ผู้หญิงคนนี้ยังเข้ามาแสดงตัวพร้อมต่อว่าฟร๊องก์เลยว่าไม่ให้มายุ่งกับแฟนของตัวเอง” ชัญญ่าเองก็ใช่ย่อยเหมือนกัน รีบสมทบขึ้นมาทันที
“ชื่อเกลเรียนคณะเดียวกับแฟนกูเอง ตอนฟร๊องก์มันมาถามกู เห็นแฟนกูบอกว่ากำลังควงอยู่กับผู้ชายสถาปัต พอกูได้เห็นรูปที่ฟร๊องก์เอาให้ดูกูถึงรู้ว่าเป็นไอ้ปาร์ค” พัฒน์ก็ไม่ปล่อยให้เสียโอกาส ร่วมด้วยช่วยกันยุเข้าไปอีก ถือว่าขอให้ช่วยไม่ผิดคนจริงๆ ทำงานกันเป็นทีมมาก!
“แต่นี่... ผู้หญิงคนนี้กำลังคบกับไอ้หล่อเหรอ เป็นไปได้ไงในเมื่อ...” ดินพึมพำเสียงค่อยขณะที่ตายังมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของผมไม่ละสายตา
“ดินรู้จักด้วยเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” ผมเร่งเร้าถามต่ออย่างรวดเร็ว
“ก็เกลกำลังคบกับดินอยู่ แล้วทำไมถึงไปคบกับไอ้ปาร์คมันได้” ดินเงยหน้ามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรนะ นี่เรางงไปหมดแล้ว ตกลงผู้หญิงที่ชื่อเกลนี่ใช่แฟนปาร์คหรือเปล่า” ผมแสร้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร จนชัญญ่าถึงกับสะกิดแล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้ใต้โต๊ะกับความเนียนของผม
“เราเองก็งง เกลคบกับเราอยู่นะ ไปไหนมาไหนกับเราตลอด อีกอย่างก็ชอบเอาโน้นเอานี่มาฝากตลอด บอกว่าพ่อแม่ไปต่างประเทศบ่อย เลยซื้อกลับมาฝาก จนเราเองก็เกรงใจ แล้วที่สำคัญคือเกลไม่เคยพูดถึงปาร์คหรือทำเหมือนรู้จักปาร์คเลย เราเองก็ไม่เคยเห็นปาร์คพูดเลยว่ามีแฟนแล้ว แต่เวลาเล่นบาสเสร็จ มันเคยเปรยๆ ให้ฟังบ่อยนะว่ามันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองชอบเพื่อนคนหนึ่ง รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว แต่มันกลัวและไม่แน่ใจในความรู้สึก แล้วก็บอกว่ามันทำผิดกับเขาไว้เยอะ จนไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้หรือแก้ไขยังไง ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจที่มันพูดเหมือนกัน แต่เวลาที่มันพูดถึงเรื่องนี้ ดูมันเครียดๆ เศร้าๆ มากเลยนะ”
“รู้สึกชอบ... เพื่อนเหรอ” หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว แต่... มันอาจจะไม่ใช่ผมก็ได้
“หึหึ/คิกๆ” พัฒน์กับชัญญ่าหลุดขำออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ชัญญ่านี่สะกิดขาผมยิกเลย ยิ่งทำเอาใบหน้าผมร้อนผ่าวมากขึ้นอีก
“อืม ดูท่าทางมันจะรักและแคร์เพื่อนคนนั้นมากเลยล่ะ แต่อีกนัยก็ดูมันสับสนกับอะไรบางอย่าง เราก็ไม่รู้นะว่าเพื่อนที่มันว่าคือใคร เพราะมันไม่เคยพูดรายละเอียดอะไรของคนๆ นั้น แต่เรื่องเกลนี่เราไม่เคยได้ยินมันพูดถึงเลยนะ ขนาดอยู่มอเดียวกัน ไปเล่นบาสกับมันก็ออกจะบ่อย แต่ก็ยังไม่เคยเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันเลย”
“และ... แล้วที่ว่าดินกำลังคบกับผู้หญิงคนนั้นล่ะ” ผมดึงกลับมาเรื่องเดิม เดี๋ยวจะเสียเรื่องไปซะหมด แต่จริงๆ แล้วกำลังเบนประเด็นก่อนที่หัวใจของผมมันจะหลุดออกมาเต้นด้านนอกหน้าอกต่างหาก
“นั่นล่ะที่เราไม่เข้าใจ เรากับเกลคบกันอยู่ คบกันมาได้สักพักแล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเกลถึงไปคบกับปาร์คได้”
“ก็แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังคบซ้อนไง” ชัญญ่าโพล่งขึ้นมาทันที “ฟร๊องก์เราว่าบอกความจริงให้ดินรู้ไปเถอะ”
“ความจริงเรื่องอะไร” ดินหันไปมองชัญญ่า ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ
“ขอโทษนะดิน จริงๆ เรารู้อยู่แล้วว่าดินเป็นเพื่อนกับปาร์ค ส่วนเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเกลนั่น เราก็รู้อยู่ก่อนหน้าแล้วด้วย แต่ที่ต้องหลอกถามดินเหมือนว่าเราไม่รู้อะไรเลย เพราะเราไม่รู้จะเริ่มเข้าประเด็นยังไง เรากลัวว่าถ้าบอกไปตรงๆ ดินอาจจะไม่เชื่อ เลยต้องใช้วิธีการนี้” ผมกล่าวขอโทษก่อนจะบอกความจริงทั้งหมดกับดิน ซึ่งตอนนี้นั่งฟังผมอธิบายนิ่งๆ พร้อมกับคิ้วที่เริ่มขมวดเป็นปมมากขึ้น เขาจะต่อยปากผมไหมเนี่ยที่ไปโกหกเขาแบบนี้
“กูก็ขอโทษนะ ถึงมึงจะไม่ได้สนิทอะไรกับกู แต่มึงก็เป็นเพื่อนกูว่ะ ไอ้ปาร์คเองก็เป็นเพื่อนกูมาตั้งแต่มัธยม จะให้กูปล่อยให้เพื่อนโดนหลอกคงทำไม่ได้” พัฒน์ช่วยพูดอีกแรง ก่อนจะตบไหล่ดินเบาๆ
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” ดินยกกาแฟขึ้นมาดื่ม ก่อนจะสูดหายใจเข้าเถือกใหญ่ แล้วเอ่ยถามถึงเรื่องราวทั้งหมด
ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ดินฟัง ทุกเรื่องที่ผมรู้ตั้งแต่ที่แคมป์ส่งรูปมาให้ผมครั้งแรก จนผมไปเจอปาร์คกับเกลไปเที่ยวด้วยกัน ผมบอกดินไปว่าผมถามปาร์คและได้ยินปาร์คคุยโทรศัพท์กับหูตัวเองมาแล้ว เลยทำให้รู้ว่าสองคนนั้นกำลังคบกันอยู่ ไปจนถึงเรื่องที่เกลคบกับปาร์คเพื่อจะเข้าหาดิน แต่เกลไม่ยอมสลัดปาร์คทิ้งเพราะอาจได้ผลประโยชน์จากปาร์ค
รวมไปถึงเรื่องที่ผมขอร้องให้พัฒน์พาผมตามไปแอบดูเกลกับดินที่ร้านอาหาร และตั้งใจจะถ่ายรูปเพื่อเป็นหลักฐานไปบอกปาร์ค แต่กลับถูกจับได้ซะก่อน จนเกลไปใส่ร้ายผมจนปาร์คเข้าใจผิด รวมทั้งเรื่องที่เกลดูดเงินจากปาร์คมาอัพตัวเองให้ดูดีขึ้นและซื้อของให้ดินโดยอ้างว่าครอบครัวซื้อมาจากต่างประเทศ ผมบอกไปหมดทุกอย่าง พร้อมกับสังเกตท่าทางของดินที่สีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและมักจะยกกาแฟขึ้นดื่มหลายต่อหลายครั้งจนผมเล่าจบ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดจากฟร๊องก์ แล้วรู้ความจริงด้วยตัวเอง เราว่าเรากับไอ้ปาร์คได้มีเรื่องชกต่อยกันจนเสียเพื่อนแน่ๆ” ดินพูดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดจบ ใบหน้าและน้ำเสียงที่ผิดหวังบ่งบอกถึงอารมณ์ได้ดีโดยที่ผมได้ต้องถามต่อ ส่วนชัญญ่ากับพัฒน์ก็เลือกที่จะเงียบ
“ขอโทษที่ต้องบอกตรงๆ แบบนี้ แล้วก็ขอบคุณที่เชื่อและฟังจนจบ”
“เราดิต้องขอบคุณฟร๊องก์ ชัญญ่า แล้วก็มึงด้วยพัฒน์ที่ทำให้เราตาสว่าง แต่ก็เล่นเอาเรารู้สึกผิดเลยเหมือนกันนะ พอรู้ว่าพวกของที่เกลซื้อมาให้นั้นมาจากเงินของไอ้หล่อมัน”
“ที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ เราเชื่อว่าปาร์คไม่ติดใจเอาความหรอก แต่เราอยากขอความร่วมมือจากดินกระชากหน้ากากของผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ดินตาสว่างแล้ว จะเหลือก็แต่ปาร์คเนี่ยแหละ”
“ได้ดิ เราช่วยเต็มที่ ไอ้หล่อมันก็เพื่อนดินเหมือนกัน อีกอย่างก็เพื่อตัวดินเองด้วย” ดินพูดอย่างแข็งขัน พร้อมแววตาที่มุ่งมั่นที่แฝงด้วยความโกรธอยู่พอสมควร
“เราอยากให้ดินลองเปรยๆ ให้เกลนั่นได้ยินว่าอยากได้ของพิเศษๆ อะไรสักอย่าง ขอเป็นของที่มีราคาหน่อย เราคิดว่านางต้องซื้อให้ดินแน่นอน และแหล่งเงินทุนก็คงหนี้ไม่พ้นปาร์ค ลองเอาเป็นรองเท้าไว้ใช้เล่นบาสก็ได้ แล้วบอกประมาณว่าต้องให้พวกที่เล่นบาสด้วยกันช่วยเลือก มันเป็นรุ่นลิมิเตตหรืออะไรก็ว่าไป ดีไม่ดีเกลอาจจะให้ปาร์คไปช่วยเธอเลือกเพื่อจะซื้อมาให้ดินก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นได้ยิ่งดีเวลาที่จับได้ หลักฐานมันจะได้ชัดเจนจนดิ้นไม่หลุด ส่วนที่เหลือที่ฟร๊องก์จัดการเอง”
“กำลังอยากได้รองเท้าใหม่อยู่พอดี ลิมิเตตด้วย ยังบ่นๆ กับไอ้ปาร์คอยู่เหมือนกันว่าอยากได้แต่มันแพง ไงเดี๋ยวเราจะลองดูนะ แต่ถ้าซื้อมาแล้วจริงๆ เรากับไอ้ปาร์คใส่รองเท้าไซส์เดียวกัน จบเรื่องเดี๋ยวเราคืนมันก็แล้วกัน”
“ถ้าเกลจะซื้อให้แล้วมีการนัดกัน ยังไงรบกวนบอกเราด้วยนะ บอกผ่านทางพัฒน์ก็ได้ แล้วเดี๋ยวเราจะนัดปาร์คไปด้วยเหมือนกัน คราวนี้ล่ะจะได้กระชากหน้ากากให้ได้เห็นความเลวของผู้หญิงคนนั้นสักที”
“หึหึ เราว่าตอนนี้เรารู้แล้วแหละว่าเพื่อนที่ไอ้หล่อมันบ่นๆ ถึงอยู่คนนั้นคือใคร” ดินหัวเราะ แล้วมองหน้าผมอย่างมีเลศนัย
“ว่าอะไรนะ” ดินว่าอะไร ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร ยังไงเดี๋ยวจะลองทำตามแผนที่บอกนะ ไอ้หล่อมันจะได้รู้ตัวแล้วสมหวังเร็วๆ” ดินรับปาก แต่ก็ยังพูดในเรื่องที่ผมงงอยู่ แต่ช่างเหอะ ผมอารมณ์ดีที่แผนเป็นไปตามที่หวัง ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี
อีกไม่นานหรอก ผู้หญิงคนนั้นจะถูกถอดหน้ากากให้ทุกคนได้เห็นถึงความเลวที่ได้ทำ!
à suivre...
มาแล้วครับผม
สงสารทาร์ตกับโดนัทเหมือนกันนะ
แต่ก็สงสารฟร๊องก์ไม่แพ้กัน สำหรับฟร๊องก์เหตุผลที่ได้รับฟัง เหมือนที่คุณ Jibbubu บอก คือมันฟังไม่ขึ้น
ส่วนตอนนี้ฟร๊องก์ก็กลับมายังเรื่องของเกลอีกครั้ง
ด้วยเหตุผลที่ส่วนหนึ่งก็คือปาร์คแหละ แต่อีกส่วนคือฟร๊องก์ก็ไม่อยากเป็นคนที่ผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรด้วย
ก็มาช่วยกันภาวนาให้แผนครั้งนี้ไม่ล่มอีกแล้วกันนะ 55555+
ขอบคุณทุกคนนะฮะ
จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ