ตอนที่ 29 :: ของฝาก
[บีทส์]
ครืด...ครืด…
ผมหยุดมือที่กำลังตัดขนมปังอยู่วางมีดไว้บนเขียงไม้ ก่อนจะยื่นมือไปล้างเศษขนมออกที่ซิงค์น้ำเช็ดผ้ากันเปื้อนลวกๆ ตอนนี้ผมกำลังทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ สำหรับเราสองคนอยู่น่ะครับ ส่วนพี่ซันน่าจะอาบน้ำอยู่ผมได้ยินเสียงอาบน้ำแว่วๆ
“ครับ”
ผมกดรับ ก่อนจะเอาแก้มแนบไปกับโทรศัพท์ ใช้ไหล่ประคองโทรศัพท์ให้แนบไปกับหู แล้วเดินกลับมาที่ครัวขนาดเล็กในห้องพี่ซัน
“อรุณสวัสดิ์ครับบีทส์”
เสียงหล่อดังมาตามสาย ผมขมวดคิ้วเพราะจำเสียงของปลายสายได้
“ครับพี่เจ”
ตอบรับพลางหั่นขนมปังจัดใส่จานเหมือนที่เคยทำประจำ อาหารง่ายๆ แบบนี้ไม่ต้องอาศัยความสามารถอะไรมากมาย แถมยังประหยัดได้อีกด้วยนะครับ เหมาะสำหรับคนที่อยู่หอหรือมีเวลาทานอาหารเช้าไม่มาก ใส่พวกผักไปด้วยก็ได้สารอาหารที่ทรงคุณค่าแล้ว จริงๆ ผมก็พูดโม้ไปแบบนั้นล่ะครับ พอดีเมื่อเช้าผมตื่นสายเลยทำข้าวต้มไม่ทัน แหะๆ
“ทำอะไรอยู่เรา พี่โทรมากวนรึเปล่า” พี่เจถามต่ออย่างอารมณ์ดี ผมหัวเราะแห้งๆ ยกจานขนมปังมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วกลับไปชงกาแฟให้กับคนที่อยู่ในห้อง
พี่ซันทานกาแฟดำครับ ส่วนผมก็นี่เลย ‘นมสด’ คุณนายบอกว่านมดีต่อสุขภาพครับ ผมเคยชวนให้พี่ซันทานนมแทนกาแฟนะแต่พี่มันบอกว่าแค่นี้มันก็สูงจะแย่แล้วให้ผมกินน่ะดีแล้ว (พอโดนพี่มันหลอกด่าผมก็เลยเลิกเซ้าซี้)
“กำลังนั่งกินขนมปังอยู่ครับ เดี๋ยวก็ไปมหาลัยแล้ว” ผมตอบ พลางเหลือบมองพี่ซันที่กำลังก้าวออกมาจากห้องนอนในสภาพหัวเปียก มือหนากำลังวุ่นวายอยู่กับการถูผ้าขนหนูไปกับผมเปียกหยาบๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วแกล้งสลัดน้ำใส่ ผมเอียงหน้าหลบเพราะกลัวน้ำจะโดนโทรศัพท์ พี่ซันหัวเราะหึๆ เดินไปนั่งที่ประจำของตัวเอง (พอใจเหลือเกินที่ได้แกล้งผม)
“ใคร”
พี่ซันเปิดปากถามแบบไร้เสียงแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะยื่นหน้าจอไปให้พี่มันดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเพราะผมเมมชื่อไว้ว่า ‘พี่เจ’
พี่มันเลิกคิ้วถาม “ไอ้เจ?”
ผมพยักหน้ารับ พี่ซันเฮอะในลำคอก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง ผมทำท่าจะเรียกตามแต่ก็ไม่กล้าออกเสียงเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ในสายจะได้ยินแล้วสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าบีทส์” ปลายสายถามกลับมา
“เอ่อ...เปล่าครับ ว่าแต่พี่โทรหาผมทำไม” ผมถามกลับ แต่สายตาผมมองไปที่ประตูห้องนอน
“พี่แค่อยากเจอเราน่ะ พอดีไปเที่ยวมา เลยซื้อขนมมาฝากเยอะเลย” พี่เจเอ่ยบอกพร้อมกับหัวเราะ ได้ยินเสียงเอ่ยแซ็วแทรกเข้ามา...น่าจะเป็นพี่ไลท์มั้งครับ
ผมหันไปมองที่ประตูห้องนอนอีกทีหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู เห็นพี่ซันเดินออกมาโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไว้ที่บ่า ผมมองตามร่างสูงที่เดินตรงเข้ามาก่อนจะลากเก้าอี้ตัวข้างๆ มานั่งติดกับผม มือหนาเอื้อมมาแย่งโทรศัพท์ที่ผมถืออยู่
“เฮ้ยพี่…” ผมร้องห้ามแบบไร้เสียง พี่ซันปรายตามองผมดุๆ ก่อนที่มือหนาจะหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ ข้างหนึ่งเสียบใส่หูตัวเองส่วนอีกข้างที่มีไมค์พี่มันยื่นมาเสียบไว้ที่หูผมก่อนที่มือข้างหนึ่งของพี่ซันจะวางเท้าเก้าอี้ผมไว้ แล้วขยับเอียงตัวมาแนบติดกับตัวผมเพราะกลัวหูฟังจะหลุด
โอ๊ย มุมนี้เล่นเอาผมใจสั่นแต่เช้าเลยครับ!
“พูดไปสิ”
พี่ซันเอียงหน้ามามองผมแล้วออกคำสั่งกับผมอีกครั้ง คือหูฟังมันก็ไม่ได้ยาวมากไงครับทำให้ตอนนี้ผมกับพี่ซันแทบจะสิงกันอยู่แล้ว
“คือผมเกรงใจอ่ะพี่ ไม่น่าซื้อมาเลยเสียดายตังค์” ผมเกรงใจจริงๆ นะ แม้จะรู้อยู่นิดนึงก็เถอะว่าพี่มันอยากจะเต๊าะผม เลยซื้อของมาให้
“เกรงใจทำไม คนกันเองน่า ว่าแต่จะเข้ามากี่โมงพี่จะได้แวะเอาไปให้” พี่เจถามต่อ ผมหันไปมองหน้าพี่ซันเพื่อถามความเห็น พี่มันจ้องหน้าผมเขม็งแล้วส่ายหัว มือหนาเลื่อนมาเกาะอยู่ที่สะโพกผมแล้วออกแรงลูบ ผมตีมือพี่มันเป็นการปรามถามว่าพี่มันสลดไหม
...ไม่เลยครับ…หน้าโคตรด้าน
“ว่าไงบีทส์ จะเข้ามากี่โมง”
“ไม่แน่ใจเลยพี่ ถ้าพี่เจอเพื่อนผมก็ฝากพวกนั้นไว้ก่อนได้นะครับ” ผมอึกอัก ตอบกลับไปแบบแบ่งรับแบ่งสู้
“ได้ไง...บอกแล้วไงว่าอยากเจอ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับไม่ได้เจอหน้าบีทส์เลย รู้มั้ยว่าพี่คิดถึง” พี่เจหัวเราะแล้วตอบกลับ ผมยิ้มแหยๆ ไอ้พี่คนนี้หยอดได้เป็นหยอดเลยเว้ย
“วู้ว คิดถงคิดถึงอะไรกัน จั๊กจี้” ผมหัวเราะขำๆ กับคำหยอดของพี่เจ แล้วเปลี่ยนประเด็น “ขอบคุณนะครับสำหรับของฝากแต่คราวหลังไม่ต้องลำบากก็ได้ อ๊ะ ผมต้องรีบไปแล้วกลัวตกรถ แค่นี้ก่อนนะพี่ สวัสดีครับ” ตอบกลับพลางเอี้ยวตัวหนีมือไอ้คนหน้าด้านข้างๆ ที่ฉวยสอดมือเข้ามาในเสื้อผม ก่อนเลื่อนมือสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอกจนผมตัวงอเลยต้องรีบตัดบท เพราะมือที่เหลืออยู่ข้างเดียวของผมไม่สามารถปัดป้องมือที่กำลังกลายร่างเป็นปลาหมึกของพี่ซันได้เลย แม่ง...
ผมรีบกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ก่อนจะยื่นมือไปตีมือที่กำลังรุ่มร่ามอยู่บนตัวผมของพี่ซันแรงๆ จนพี่มันหดมือกลับ แต่เสือกขยับตัวมาใกล้ โดยที่ผมนั่งหันหน้าเข้าหาโต๊ะส่วนพี่มันหันเก้าอี้เข้าหาผม เท้าทั้งสองข้างของพี่มันก็วางพาดอยู่ที่เก้าอี้ของผมเช่นกัน
“บีทส์” พี่ซันเรียกพลางเลื่อนมือไปถอดหูฟังจากหูตัวเองยื่นให้ผม
“ครับ”
ผมขานรับพลางเก็บโทรศัพท์กับหูฟังไปไว้ข้างๆ ตัว
“รู้ใช่มั้ยว่ามันสนใจมึง”
ผมกระพริบตาขึ้นลงปริบๆ ก็พอรู้อยู่หรอกเพราะพี่มันชอบมาวอแวตั้งแต่ไปเข้าค่ายแล้วก็ตามผมมาตลอด แต่ผมไม่คิดว่าพี่เจจะจริงจังอะไรนี่
“ผมไม่แน่ใจ...เพราะไม่คิดว่าพี่เขาจะชอบผมจริงๆ” พี่ซันเลิกคิ้ว “เก๊าะ...พี่เขาแมนออก” ผมเสียงอ่อยท้ายประโยค พี่ซันเฮอะในลำคอ ยื่นมือมาดีดหน้าผากผม
“โอ๊ย...ทำร้ายร่างกายเค้าเหรอ~” ผมแสร้งโอดโอย ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเอง
พี่ซันยิ้มเย็นๆ “มึงบอกไม่แน่ใจว่ามัน ‘เป็น’ แล้วอย่างกูเนี่ย...” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “น่าเป็นนักรึไง”
ผมหลุดยิ้ม “ฮั่นแน่...หึงก็บอก”
พี่ซันส่ายหัว “กูแค่เสียดาย เซ่อๆ อย่างมึง...ไม่รู้จะไปคลำหาที่ไหนได้อีก” ตอบพลางแกล้งยื่นขาเตะเก้าอี้ผมสะเทือน ชิส์ ไอ้คนปากแข็ง!!
“อย่าเข้าใกล้มันถ้าไม่จำเป็น ถือว่าทำเพื่อความสบายใจของกูก็แล้วกัน”
พี่ซันพูดเสียงเรียบ ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มนั่น พี่ซันเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตา ผมยิ้มเอาใจ พลางยื่นนิ้วไปจิ้มไหล่
“นี่...”
พี่ซันหันกลับมามองหน้าผม
“เชื่อเถอะครับ ผมไม่เคยวิ่งเข้าหาเขา...เหมือนที่วิ่งเข้าหาพี่” ผมพูดติดตลก
“กูไม่ได้พูดเล่น”
พี่ซันบอกเสียงจริงจังก่อนจะลุกกลับไปนั่งที่เดิมแล้วลงมือกินกาแฟกับขนมที่ผมทำให้เงียบๆ ผมแกล้งยื่นขาไปเตะพี่มันใต้โต๊ะ ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมาเลิกคิ้วให้
“ผมเองก็จริงจังนะ” ผมบอกเสียงดังฟังชัด
พี่ซันมองหน้าผมนิ่ง ก่อนมุมปากจะยกยิ้ม พร้อมยื่นมือมายีหัวผม
“หึ รีบกินเถอะเดี๋ยวจะสาย”
ผมยิ้มรับก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ หลังจากนั้นก็เตรียมตัวไปมหาลัยพร้อมพี่ซัน
+++++++++++++++++++++++++
“กดอะไรนักหนา” ผมเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์พร้อมกับหันไปหาคนข้างๆ ที่กำลังขับรถอยู่ ตอนนี้รถติดไฟแดงอยู่ครับพี่มันเลยหันมาจ้อง(จับผิด) ผมได้
“อะไรเล่า” ผมยู่ปาก
“ผัวมึงนั่งหัวโด่อยู่นี่” พี่ซันว่าต่อไม่จริงจัง แหมๆ เดี๋ยวนี้ผัวเมียนี่หลุดออกมาจากปากบ่อยซะเหลือเกินนะ
“ชิส์...ทำเป็นบ่น เอ้อ ของขวัญที่ผมเคยให้พี่ ยังอยู่หรือเปล่าครับ” ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะหันไปถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยให้ของขวัญวันเกิดพี่ซัน ไม่เคยเห็นเลย แอบเสียใจนะเนี่ย พี่ซันเลิกคิ้วพร้อมกับพยายามนึก
“อย่าบอกนะว่าทิ้งไปแล้วอ่ะ”
“แล้วถามถึงทำไม” พี่ซันถามกลับไม่ตอบ
“นึกว่าพี่จะเอามาใช้ซะอีก” ผมอ้อมแอ้มตอบ
“แล้วให้อะไรกูมาล่ะ” พี่ซันถามต่อ ชิส์ แม้แต่แกะก็ยังไม่ได้แกะหรอกเหรอเนี่ย บ๊ะ ไอ้พี่บ้านี่ไม่คิดจะสนใจของขวัญที่ผมให้เลยใช่ป๊ะ ใช่ซี้ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้นี่!
“จ้างให้ก็ไม่บอก” ผมตอบ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแกล้งไม่สนใจคนข้างๆ พี่ซันขำในลำคอ กระดิกนิ้วขับรถอย่างอารมณ์ดี
“เจอกันตอนเย็นนะครับ” ผมหันไปบอกคนขับรถที่วนมาจอดส่งผมที่ตึกคณะข้างๆ กับตึกที่ผมเรียน
“อย่าลืมเรื่องที่กูบอกนะ” พี่ซันเอ่ยปากบอก ผมเลิกคิ้วเรื่องไหนอีกล่ะก็รู้อยู่ว่าผมความจำไม่ค่อยดีแต่ก็ชอบพูดสั้นๆ ไม่มีประธาน กิริยา กรรม อะไรเล้ย แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง
“เรื่องไอ้เจ” ไอ้คนหน้าหล่อจิ๊ปาก พร้อมกับเอ่ยบอกในเรื่องที่ต้องการจะย้ำ ผมร้องอ๋อ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูลงจากรถ
“ไปนะครับ” ผมเดินอ้อมมาที่ประตูฝั่งขนขับแล้วบอกพี่ซันที่เปิดกระจกลง
“มานี่ดิ๊อะไรติดหน้า” พี่ซันเอ่ยเรียกพลางกระดิกนิ้ว ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปหาเพื่อให้อีกคนช่วยหยิบออกให้สงสัยเศษขนมปังจะติดหน้า
“อื้อ!...” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่ซันก็คว้าหน้าผมเข้าไปใกล้มือหนาเลื่อนมาดึงท้ายทอยผมเข้าไปในตัวแล้วบังคับจูบ ริมฝีปากผมทาบทับลงไปที่ริมฝีปากอีกคนก่อนที่พี่ซันจะเอียงหน้าปรับองศาแล้วค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวพันกับลิ้นผม ผมกระชับมือสองข้างที่เกาะอยู่ที่ขอบประตูรถแน่น พี่ซันผละหน้าออกห่างผมเว้นระยะห่างแค่คืบ ก่อนจะกดจูบย้ำมาที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง
“ไปเรียนได้แล้ว”
มือหนาตบมาที่แก้มผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ ผมสะดุ้งพลางลืมตา ก่อนจะถอยออกจากตัวรถแล้วเม้มปาก
เวร...
นี่กูเผลอเคลิ้มไปกับพี่มันอีกแล้วใช่ไหม พี่ซันยิ้มขำก่อนจะกดปิดกระจกรถพร้อมกับเคลื่อนตัวรถออกไป ผมมองตามตัวรถพร้อมกับหลุดยิ้ม
ไอ้พี่บ้า
ผมเดินมาคณะที่ตัวเองเรียนประจำ ‘ตึกบริหารฯ’ คือชื่อเรียกของสถานที่ที่ผมสิงสถิตย์อยู่ประจำครับ ปีหนึ่งทางมหาลัยจะให้เรียนวิชาพื้นฐานก่อน ดังนั้นในแต่ละเซควิชา จึงเป็นการเรียนรวมคละกันในหลายๆ สาขา และจะมีการหมุนเวียนเรียนไปในแต่ละตึกที่เป็นเจ้าของวิชา งงไหมครับถ้างงก็กลับไปอ่านใหม่อีกทีถ้ายังไม่เข้าใจก็กลับไปอ่านอีกสักทีนะครับ ฮ่าๆ
เอ๊ะ นั่นมันอิพิงค์นี่ ยืนคุยกับใครวะ
ผมรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เมื่อเห็นอิพิงค์กำลังยืนคุยกับใครสักคนอยู่ที่ข้างตึก ผู้ชายที่ไหนวะ อิพิงค์ดูซีเรียสมากเพราะผมเห็นมือไม้มันออกอาการชัดเจนก่อนจะสะบัดมือที่อีกคนเกาะกุมอยู่ที่แขนมันออกแรงๆ ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ก่อนจะเจ็บใจตัวเองเมื่ออิพิงค์มันหันมาเจอผมก่อน เหมือนมันจะเอ่ยปากไล่คนที่ยืนคุยกับมันอยู่แล้วเดินเลี่ยงมาหาผม
ผมรู้ว่ามันแค่มารับหน้าผมไม่ให้เดินไปถึงคนของมันต่างหาก มันไม่ได้ใจดีถึงกับเดินมารับหน้าผมหรอกครับ
“คุยกับใครวะท่าทางซีเรียส” ผมเอ่ยปากถามทันทีพลางชะเง้อคอมองตามหลังผู้ชายคนนั้นไป เห็นแต่หลังไวๆ สูงพอๆ กับไอ้ตี๋เลยนะน่ะ หุ่นก็พอๆ กันเสียดายไม่เห็นหน้า
“ก็คนรู้จักแหละ” อิพิงค์กระชับกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดของมันแล้วยักไหล่ตอบ ผมหรี่ตาแล้วแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันเพื่อหวังจับผิด อิพิงค์หดคอหนี มึงมีความลับกับกูใช่ไหมฮะอิพิงค์
โป๊ก!
“โอ๊ย เคาะหัวกูทำไมวะ!” ผมโวยเมื่อไอ้คนที่กำลังโดนผมไล่ต้อนยื่นมือมาฟาดหัวเข้าให้ อิพิงค์ยืนเท้าสะเอว
“เอาเรื่องของมึงให้รอดก่อนเหอะก่อนที่จะมาเสือกเรื่องของกู” มันด่าเข้าให้ ผมยู่ปาก แหมทีเรื่องของกูไม่ต้องเชิญมึงก็เสือกเหมือนกันนั่นแหละครับเพื่อน
“เอ๊ะ...แล้วนี่มาเรียนยังไงพี่สุดหล่อของกูมาส่งใช่มะ ปากเจ่อๆ นะมึง แบบนี้โดนจูบก่อนลงรถชัวร์เลย แหมๆๆ ร้อนแรงแต่เช้า” ผมกำลังจะเอ่ยปากค้าน แต่โดนอิพิงค์เอ่ยสวนกลับมาด้วยหมัดฮุกตรง เล่นเอาผมหุบปากแทบไม่ทัน
เพื่อนเวรเล่นกูแต่เช้า T^T
“อะไร นี่กูกำลังถามมึงอยู่นะเว้ย”
“สรุปคือพี่สุดหล่อกูมาส่งจริงๆ แสดงว่าเมื่อคืนโดนไปหลายยกเขาเลยต้องมาส่ง ว๊าย มีผัวดีแบบนี้มึงหาให้กูสักคนสิกูอยากได้ กูอยากโดน~!” อิพิงค์เข้ามาเกาะแขนผมก่อนจะเขย่าพลางกรี๊ดใส่หูผม
“โว๊ะ มึงอย่าเวอร์ทางเดียวกันเหอะเลยมาด้วยกัน อย่าไปพูดแบบนี้ที่ไหนนะมึงคนอื่นได้ยินเข้าจะเป็นเรื่อง” ผมตอบพลางสั่งมันในขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปใต้ตึกคณะแล้วมุ่งไปที่โต๊ะประจำของเรา มันหัวเราะคิกคักแล้วพยักหน้าเออออ
“อ้าวบีทส์” เสียงไอ้ตี๋ร้องทัก นี่มึงจะมาทำไมแต่เช้าวะเนี่ยขยันเกินหน้าเกินตากูไปล่ะนะ (ทำไม่ได้เหมือนมันไง) ผมยิ้มรับวางกระเป๋าบนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆ มัน
“มาทำไมแต่เช้า” ว่าแล้วก็เอาซะหน่อยคันปากยิบๆ
“ก็มารอไง” ไอ้ตี๋ตอบ ผมหรี่ตารอใครของมึง
“แหมตี๋ มารอเราก็บอกอิบีทส์มันไปสิ ไม่รู้เหรอว่าอิบีทส์มันโง่ คิดเองไม่เป็นหรอก” อิพิงค์เอ่ยปากกัดผมพลางหัวเราะคิกคัก ผมขมวดคิ้วมองมองมันหน่ายๆ นี่มึงจะกัดกูไปถึงไหนฮะ ไอ้ตี๋กูเห็นนะว่ามึงแอบขำกู
“ทานข้าวกันมายัง” ไอ้ตี๋ถาม ผมพยักหน้ารับส่วนอิพิงค์ส่ายหัวพลางกระพริบตาปริบๆ อ้อนไอ้ตี๋ มีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงทำแล้วมันไม่ได้ดูน่ารักเลยพิงค์ ผมส่ายหัวกับอาการของเพื่อนตรงหน้า
“อ้าวเนม” ผมเอ่ยทัก เมื่อเนมเดินเข้ามาใกล้ถึงโต๊ะที่เรานั่ง เนมยิ้มให้ผมก่อนจะ เดินไปนั่งลงข้างๆ อิพิงค์ที่นั่งอยู่คนละฝั่งกับผม
“มาถึงกันนานแล้วเหรอ” เนมเอ่ยถามพวกเราเนิบๆ
“ไม่นานหรอก เราก็เพิ่งมาถึง” ผมหันไปตอบ
“เอาน้ำมั้ยเราไปซื้อให้” ไอ้ตี๋เอ่ยถามพลางลุกขึ้นยืน อย่างที่ทุกคนคิดครับอิพิงค์ลุกตามทันที โอ๊ยเพื่อนกู ฮ่าๆ
“เลี้ยงด้วย” ผมบอกพร้อมกับยิ้มแฉ่งไปให้มันหนึ่งที ไอ้ตี๋ส่ายหัวขำๆ แล้วพยักหน้ารับ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมรอพลางๆ ส่วนเนมก็หยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมาขีดๆ เขียนๆ
ผมเงยหน้าขึ้นไปหาคนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างตัวเอง ก่อนจะพบกับใบหน้าคมเข้มของคนที่ผมไม่อยากจะเจอตัวมากที่สุด
“เจอตัวจนได้”
พี่เจพูดกับผมยิ้มๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปรับถุงขนมอีกถุงจากพี่ไลท์ที่ยืนพิงโต๊ะข้างๆ อยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“มาแต่เช้าเลยพี่” ผมทัก พี่เจวางถุงขนมไว้บนโต๊ะ
“พี่เอาขนมมาให้” อีกคนบอกผมพลางยักคิ้ว
“ว๊ายนึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็พี่เจของพิงค์นี่เอง” เสียงมาแต่ไกลทั้งๆ ที่ตัวอยู่ห่างไปกว่ายี่สิบเมตร ผมแอบเห็นพี่เจถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้อิพิงค์ตามเสียงเรียก ส่วนไอ้ตี๋เดินไปนั่งข้างเนมเพราะที่ของมันโดนพี่เจจับจอง ส่วนด้านข้างผมพี่ไลท์ก็เดินมานั่งแล้วเรียบร้อย
“ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะพิงค์” พี่เจเอ่ยแซ็ว อิพิงค์อายม้วนเลยครับ ก่อนที่สายตามันจะเจอเข้ากับถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะตาโต
“พอดีพี่ไปช่วยงานคุณพ่อที่ฮ่องกงมา เลยซื้อขนมมาฝาก” พี่เจเห็นสายตาของอิพิงค์เลยอธิบายกับมันยิ้มๆ ผมยิ้มแหยๆ เมื่ออิพิงค์ยิ้มแซ็วมาทางสายตา
“แหม...แล้วมีของพิงค์บ้างบ้างมั้ยคะพี่เจ” อิพิงค์จีบปากจีบคอพูด ผมเบ๋ปากด้วยความหมั่นไส้มัน พี่เจหัวเราะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยเขินๆ
“ขนมนี่พี่ก็เอามาฝากน้องๆ ทุกคนแหละครับแต่ถุงนี้แค่บีทส์นะ” พี่เจส่งยิ้ม พร้อมกับเลื่อนถุงกระดาษที่แยกไว้ต่างหากมาให้ผม
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยพี่ ผมเกรงใจ”
ถึงผมจะเห็นว่าของฟรีมันสำคัญก็เถอะแต่ไม่รู้ทำไม ของฟรีจากไอ้พี่เจเนี่ยไม่อยากรับไว้เลย เหมือนต้องตามไปชดใช้ยังไงก็ไม่รู้
“อ้าวนัท...” เสียงเนมเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนผม พอหันไปมองทางด้านหลังของตัวเองเจอไอ้นัทที่เดินสะพายเป้เข้ามา มันหยุดยืนที่หัวโต๊ะเพราะไม่มีที่นั่งแล้ว พลางปรายตามองพี่เจกับพี่ไลท์แวบหนึ่งแล้วค่อมหัวให้เป็นมารยาทด้วยสีหน้านิ่งๆ ผมเห็นมันสบตากับพี่เจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พี่เจจะหันมายิ้มให้ผม
“งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ ไว้พี่โทรหา”
ผมพยักหน้ารับคำ พี่เจหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ผมในโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปกับเพื่อนสนิทอย่างพี่ไลท์ ไอ้นัททิ้งตัวลงนั่งข้างผม
“ไหนอิบีทส์ เอามาดูสิว่าเขาให้อะไรมึง” อิพิงค์โพล่งขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาหยิบกล่องกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าผมไปแกะ นี่มึงไม่คิดจะขออนุญาตกูเลยใช่ไหมเพื่อนเวร ถึงกูจะไม่ได้อยากรับแต่มึงก็ช่วยรักษามารยาทหน่อยสิเว้ย!
“มึงนี่” ผมบ่น ก่อนจะหันไปเจอไอ้ตี๋ที่เขี่ยข้าวในจานเล่นไม่ยอมตักกินสักที ผมเลยแกล้งยื่นขาไปเตะที่ขามัน มันสะดุ้ง ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วให้ผม
“ข้าวมีไว้แดกไม่ใช่มีไว้เขี่ย” ผมด่าพร้อมกับหัวเราะ ไอ้นัทที่นั่งข้างๆ หาวปากกว้างพลางยกแขนขึ้นยืดเส้นยืดสาย
“ต๊ายอิบีทส์!!” เสียงของอิพิงค์เรียกความสนใจจากพวกเราทุกคนรวมไปถึงบรรดาเพื่อนร่วมคณะที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียง
“มึงจะเสียงดังทำซากอะไรฮะ!” ผมด่ามันแบบไม่เต็มเสียง เหมือนมันจะเพิ่งรู้ตัวเพราะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ ก่อนที่มันจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบกลางวง
“พี่เจให้สร้อยข้อมือมึงอ่ะ ดูสิสวยมาก!” อิพิงค์เฉลยก่อนจะยื่นกล่องสี่เหลี่ยมมาให้ผมดู ไอ้นัทเลิกคิ้วหันมามองผม แม้แต่เนมเองยังชะโงกหน้ามาดู ผมยกมือขึ้นมาเกาหัวแรงๆ
“พี่มันชอบมึงสินะ” ไอ้นัทถาม ผมถอนหายใจ กูก็ไม่แน่ใจว่ะ
“กูสังเกตตั้งแต่ไปเข้าค่ายครั้งนั้นแล้วมึง” อิพิงค์ออกความเห็น ผมถลึงตาปรามมันดุๆ แต่อินี่มันยักไหล่ไอด้อนแคร์ใส่ผม ผมเลยไม่สนใจยกแก้วน้ำแดงขึ้นมาดูด!
“กูก็บอกไม่ถูกวะ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างอิตานี่กับลุงรหัสไอ้ออยกูว่าคนหลังนี่ภาษีดีกว่าเยอะ”
“พรวด!!”
ผมสำลักน้ำก่อนจะไอค่อกแค่กหลังากที่ไอ้นัทพูดจบ มันยื่นมือมาช่วยทุบหลังให้ก่อนจะบ่นตามมาว่าผมจะรีบกินไปไหน โอ๊ยแล้วมึงพูดอะไรของมึงล่ะวะ กูรู้ว่ามึงพูดเพราะมึงไม่รู้ แต่บ้านมึงเป็นหมอดูเหรอจะตรงประเด็นไปไหม!!
“พูดบ้าอะไรของมึง!” ผมทำเป็นไม่พอใจไอ้นัท ก้มหน้าก้มตาตักน้ำแข็งใส่ปาก
ไอ้นัททำหน้าเหรอหราแล้วพูดแก้คำ “อะไร กูก็แค่เปรียบเทียบให้ฟัง ลุงรหัสไอ้ออยเขาก็เป็นแฟนพี่รหัสไอ้บีทส์ เมื่อเช้ากูยังเห็นพี่เขาขับมาส่งแฟนเขาอยู่เลยกูเห็นแวบๆ” ผมชะงักกึก
“ก็มึงไปพูดถึงพี่สุดหล่อเขาทำไมละนัท” อิพิงค์ช่วยพูด
ไอ้นัทจิ๊ปากแล้วขมวดคิ้ว “กูว่านะ ถึงพี่แกจะชอบทำหน้าเหมือนไม่ถูกใจใคร แต่กูว่าคนแบบนี้ดูง่ายไม่ชอบก็แสดงออกมาตรงๆ แต่กับพี่เจกูว่าเขาแปลกๆ กูคงคิดมากไปว่ะ” ไอ้นัทว่าต่อ ผมพยักหน้ารับ
จริงของมัน อย่างพี่ซันไม่ชอบก็บอกแถมยังออกอาการให้เห็นแบบจะๆ แต่กับพี่เจ...มันเป็นแบบที่ไอ้นัทบอกจริงๆ นะครับ ผมก็อธิบายไม่ถูกแต่มันรู้สึกได้อ่ะ
“เออมึงอ่ะคิดมาก” อิพิงค์รับคำ
“กูล่ะไม่ค่อยชอบขี้หน้าไอ้พี่เจนั่นเลย ตอนแรกกูเฉยๆ นะ พอเจอบ่อยๆ เห็นสิ่งที่เขาแสดงออกกับมึง กูว่ามันไม่ใช่อ่ะ” ไอ้นัทบ่นต่อหน้านิ่วคิ้วขมวด นี่มึงจริงจังใช่ไหมเพื่อน ผมยิ้มแหยๆ ให้ไอ้นัทก่อนจะมองเลยไปยังอิพิงค์ที่กำลังมองมาที่ผมอยู่เหมือนรู้กัน
“นั่นสิ เราเองยังเกร็งๆ เลยเวลาเจอพี่เขา” เนมที่นั่งเงียบมานานออกความเห็นบ้าง
“เออ...กูจำได้ว่าอาจารย์ป้าแกสั่งการบ้านเมื่อคืน ลืมทำเลยว่ะดีนะเข้ากรุ๊ปไลน์แล้วมีคนส่งเฉลยมาให้ลอกไม่กันกูแย่แน่ๆ โจทย์ว่ายาวแล้ว แต่วิธีทำแม่งยาวกว่าเยอะ!” ไอ้นัทบ่นขึ้นมาอีกเหมือนเพิ่งนึกได้ ผมขมวดคิ้ว
“ฮะ! มีการบ้านด้วยเหรอ” อิพิงค์เป็นคนแรกที่ถามขึ้น ไอ้นัทหันหน้าไปมองอิพิงค์หน่ายๆ “ไม่มีกูจะบ่นเหรอ อย่าบอกนะว่า…”
“เชี่ยแล้วมึง!!” ผมกับอิพิงค์โพล่งขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนสถานการณ์จะเข้าขั้นโกลาหลเมื่อต่างคนต่างหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วกดเข้ากรุ๊ปไลน์
เวรเอ้ย ลืมลอกการบ้าน!!
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ผมหันไปตามเสียงที่เอ่ยทัก พี่ซันเลิกคิ้วถามผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ปลายเตียง พี่มันกำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างลงในกระดาษมาตั้งแต่เช้า
“วันนี้ผมได้ยินเพื่อนที่คณะคุยกันว่าไปเที่ยวสวนสัตว์เขาดินมา” ผมเกริ่น
“แล้ว?”
“พี่ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ผมอยากไปบ้างอ่ะ” ผมทำตาเป็นประกาย เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้พี่ซันก็น่าจะหยุดเหมือนผม พอดีว่ามันเป็นวันหยุดของทางมหาลัยที่ประกาศหยุดน่ะครับ พี่มันขมวดคิ้วเล็กๆ ก่อนจะหันไปดูปฏิทินแวบหนึ่ง
“ไม่ได้จริงๆ ว่ะ กูต้องเคลียร์งาน” พี่ซันหันมาทำหน้าลำบากใจกับผมก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ ผมทำหน้าเสียดายก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ช่วงนี้ผมเห็นพี่ซันยุ่งมากทั้งเตรียมสอบอ่านหนังสือ เคลียร์งาน ผมเห็นพี่มันนอนดึกตลอด แต่ช่วงนี้ดูเพลาๆ ลงแล้วเลยอยากจะพาพี่มันไปพักผ่อนสมองบ้าง อีกอย่างผมเสียดายบัตรฟรีที่ขอได้จากเพื่อนมา ฮ่าๆ
“งั้นพี่อยากได้อะไรมั้ย” ผมกดปิดทีวีแล้วหันไปถาม ก่อนจะลุกขึ้นยืน ไม่ลืมที่จะหยิบมือถือของตัวเองติดมือมาด้วย ร่างสูงของพี่ซันไม่ตอบเพราะมัวแต่ก้มหน้าอ่านเอกสารในมือ ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกแล้วยิ้มให้กำลังใจตัวเอง
“โอเค งั้นผมไปหาอะไรทำข้างนอกดีกว่าอยู่ในนี้ก็กวนพี่เปล่าๆ” ผมบอกแล้วเดินออกมานั่งเล่นที่โซฟาห้องรับแขกก่อนจะหยิบมือถือออกมากดเล่นฆ่าเวลา พอดีกับที่ไอ้ตี๋ทักมาถามว่าตื่นหรือยัง