22
ยิ่งใกล้แล้วผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ในส่วนของผ้าคลุมหน้านั้นผมปักเสร็จในวันที่ 10 ซึ่งผลงานที่เสร็จออกมานั้นแม้กระทั่งอาจารย์ก็เอ่ยชมนั่นทำให้ผมโล่งใจ และเมื่อผมไม่ต้องนั่งปักผ้าแล้วก็โดนลากตัวไปทั้งขัดผิวบำรุงด้วยสูตรโบราณ ทั้งยังสระผมด้วยกลีบดอกไม้จนตอนนี้ทั้งตัวและทั้งผมมีกลิ่นหอมโชยออกมา ผมคิดว่าผมไม่ควรไปยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ไม่อย่างนั้นคงโดนผึ้งไล่ต่อยเอาแน่ๆ เหลือเวลาอยูเพียงสองวัน ตอนนี้ทั้งจวนนั้นประดับด้วยผ้าแพรสีแดง โคมแดง พี่ใหญ่ก็ดูวุ่นวายกับการจัดการโน่นจัดการนี่ ท่านพ่อก็ดูวุ่นวาย ส่วนผมนั้นนอกจากเรือนตนก็ไม่สามารถก้าวออกไปได้
“คุณชายขอรับ ฉู่กงกงนำชุดแต่งงานมาให้มอบให้ขอรับ”
“ฝากขอบคุณฉู่กงกงด้วยนะ” บ่าวรับคำเมื่อวางหีบทั้งสองหีบลงแล้วเดินออกจากเรือนไป ผมลุกไปเปิดหีบชุดแต่งงานออกดู ชุดแต่งงานสีแดงปักด้วยไหมทองคำ เพียงแค่เห็นก็รู้ว่ามันงดงามเพียงไหน ส่วนอีกหีบนั้นเป็นกวานหยกสีแดงที่พอเห็นแล้วผมแทบเป็นลม เคยคิดว่ากำไลที่ผมใส่นั้นหายากแล้วแต่หยกสีแดงที่ใหญ่ขนาดนำมาทำกวาน * ได้นั้นต้องก้อนใหญ่เพียงใด พี่เว่ยช่างทุ่มเทและเปย์หนักเกินไปแล้ว ผมรีบปิดหีบแล้วนำไปเก็บไว้ข้างหมอนทันที ส่วนชุดแต่งงานนั้นผมก็เก็บไว้ที่เดิม
“หลิงเอ๋อร์”
“ขอรับพี่ใหญ่”หันไปขานรับพี่ใหญ่ ที่ยืนมองผมอยู่ อวี้จิ้งมองน้องชายที่บัดนี้ยิ่งงดงามกว่าเดิมโข ทั้งยังกลิ่นกายหอมนี่อีก ข้าไม่ให้แต่งแล้วได้รึไม่
“พี่มิอยากให้เจ้าแต่งออกไปเลย”
“คิก พี่ใหญ่ขอรับ ต่อให้แต่งออกแล้วข้าก็ยังเป็นน้องชายของพี่ใหญ่เสมอนะขอรับ”
“เจ้าเป็นน้องชายของพี่ตลอดไปอยู่แล้วหลิงเอ๋อร์ หากเจ้าเว่ยชินทำการใดให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ จงอย่าทนตระกูลไป๋เปิดรับเจ้าเสมอ” เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ผมก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป โผกอดพี่ใหญ่แน่น
“อึก...ขอบคุณนะขอรับ ข้ารักพี่ใหญ่ที่สุดขอรับ”
“ดียิ่ง อย่าร้องไห้เลย ตาเจ้าจะบวมเสียก่อน ใกล้ถึงวันแล้วเจ้าเตรียมตัวพร้อมรึไม่”
“พร้อมขอรับ ฉู่กงกงเพิ่งจะนำชุดแต่งงานมามอบให้ขอรับ” พี่ใหญ่เหลือบมองหีบข้างเตียงแล้วหันมาพูดคุยกับผมอีกสองสามประโยคแล้วเดินจากไป
วันเวลาเหมือนว่าจะผ่านไปเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเราเฝ้ารอ และวันนี้ก็เป็นวันที่ผมรู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ผมถูกปลุกให้ลุกตั้งแต่ยามอิ๋น (03.00 – 04.59) เพื่อชำระล้างร่างกายและเตรียมตัว หลังจากชำระล้างร่างกายแล้วผมก็ถูกนำมาแต่งตัวเยี่ยงตุ๊กตาจากขันทีทั้งสี่คน เพราะต้องมีพิธีต่างๆซึ่งต่อให้รู้จากท่านพ่อแล้วแต่ก็ต้องมีผู้คอยดูแล ผมใส่เพียงชุดตัวในและกางเกงบางถูกจูงไปนั่งยังหน้ากระจก เส้นผมดำดุจแพรไหมนั้นดูบรรจงซับให้อย่างเบามือจนแห้งแล้วค่อยลงน้ำมันที่สกัดจากดอกไม้ เส้นผมถูกแบ่งขึ้นเกล้าขึ้นกลางศีรษะส่วนที่เหลือนั้นปล่อยสยาย ขันทีผู้หนึ่งนั้นวุ่นวายกับใบหน้าผมตอนนี้ผมได้แต่หลับตาแล้วรับรู้จากสัมผัสเอาว่าใครทำอะไรกับผมบ้าง
“ลืมตาได้แล้วขอรับ” ผมค่อยๆลืมตา อ่า ภาพที่เห็นในกระจกนั่นทำให้ผมต้องอ้าปากค้าง เมื่อถูกแต่งหน้าแล้วยิ่งทำให้เครื่องหน้านั้นเด่นชัด ริมฝีปากสีชาดนั้นเพิ่มความเย้ายวนให้แก่รอยยิ้มงาม
“ข้าช่างดูแปลกตา”
“งดงามมากขอรับหากท่านอ๋องทรงเห็นต้องตกตะลึงเป็นแน่ขอรับ”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น”
“ใกล้ยามเหม่าแล้ว ทานอะไรรองท้องก่อนเถอะขอรับ” ผมรีบทานอาหารบนโต๊ะให้อิ่มเพราะกลัวว่าหากผ่านช่วงเวลานี้ไปผมจะไม่ได้ทานอะไรนอกจากน้ำชา เมื่อทานเสร็จผมก็ถูกทั้งสี่คนรุมล้อม หีบชุดแต่งงานถูกเปิดออกและผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาให้กับทั้งสี่คนช่วยแต่งตัว ซึ่งดีมากๆ จากที่เห็นหากให้ผมใส่เองคงใช้เวลาเป็นวันๆ ช่างดูเป็นการแต่งตัวที่วุ่นวายจริงๆ เมื่อแต่งตัวเสร็จกวานหยกก็ถูกหยิบออกมา
“เหมาะมากเลยขอรับ”
“นั่นสิ” เมื่อกวานหยกถูกสวมลงบนมวยผมทุกอย่างก็ดูเข้ากันมาก ผมถูกประคองมานั่งที่เตียง ผ้าคลุมหน้าที่ใช้เวลาสิบกว่าวันในการปักนั้นถูกนำออกมาวางไว้ข้างกายเพื่อรอบิดา เพราะไม่สามารถออกจากห้องได้ดังนั้นขันทีทั้งสี่จึงเป็นเพื่อนคลายเหงา
ก๊อก ๆ
“หลิงเอ๋อร์พ่อเอง”
“เข้ามาเลยขอรับ” ประตูเรือนถูกเปิดออกโดยขันที ร่างสูงของบิดาก้าวเข้ามาในเรือนวันนี้ท่านพ่อหล่อเหลามากจริงๆ น้อยครั้งที่จะใส่ชุดเต็มยศเช่นนี้ เมื่อเห็นบุตรชายตนในชุดแต่งงานอยู่เบื้องหน้าความรู้สึกก็เต็มตื้นขึ้นมาทันใด หลิงเอ๋องของเขานั้นช่างงดงามยิ่ง
“ท่านพ่อ”
“มิมีอันใด พ่อแค่ตื้นตันมากเกินไป เจ้างามยิ่งหลิงเอ๋อร์” ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเมื่อได้รับคำชมจากบิดา ท่านพ่อเดินมานั่งเบื้องหน้าฉวยมือทั้งของข้างไปจับ สายตากวาดมองสำรวจ ลูกชายของเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ
“พ่อรักเจ้ามาก หากไปแล้วไม่เป็นสุข กลับมาหาพ่อนะ”
“ขอรับท่านพ่อ” ผมบีบมือท่านพ่อเบาๆ
“เอาเถอะเดี๋ยวจะเสียฤกษ์ พ่อจะคลุมหน้าให้เจ้า” ผ้าคลุมผืนงามถูกคลี่ออกแล้วคลุมให้แก่เจ้าสาวในวันนี้
“ลูกรักท่านพ่อนะขอรับ”
“พ่อรู้ พ่อขอให้เจ้าพบเจอแต่ความสุข” ใบหน้าหวานใต้ผ้าคลุมนั้นยกยิ้มกว้าง
“ขอรับ” และบิดาก็ออกจากห้องไป รอเวลา................เวลาที่เจ้าบ่าวมารับ
.
.
ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นแม้ใบหน้าจะเรียบเฉยหากแต่ในใจนั้นต่างกังวลไปต่างๆนาๆ การรอคอยสิบห้าวันและเจ็ดวันที่ไม่ได้เจอหน้า วันนี้แล้ว
วันนี้ที่กระต่ายจะเป็นของเขาเพียงผู้เดียว
“ท่านอ๋องได้ฤกษ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่กงกงในชุดพิธีการเดินเข้ามาแจ้งแก่นายเหนือหัว ที่อยู่ในอาภรณ์สีแดงลวดลายพัยคฆ์สีทองยิ่งส่งให้ร่างสูงสง่า
“ดียิ่ง” เว่ยชินรีบเดินไปยังขบวนขึ้นขี่อาชานำขบวนเกี้ยวสีแดงเพื่อไปยังจวนตระกูลไป๋ ขบวนสู่ขอยาวเหยียดยิ่งใหญ่ พร้อมกับเกี้ยว 16 คนหาม
“ไปเถอะ” สิ้นเสียงเข้ม เสียงปี่บรรเลงขบวนสู่ขอก็เดินทางไปยังจวนตระกูลไป๋ ท่ามกลางความปิติของประชาชนเมืองหยาง