ตอนที่ ๓๒
ครอบครัวกำมะลอแสนสุขสันต์
ด้วยเหตุวุ่นวายมากมายมหาศาลที่เกิดขึ้นลุดวิกจึงจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหา แต่ครั้นจะเค้นหาความจริงรายบุคคลจากแก๊งเหมียวทรีโอสุดซ่าแก๊งนี้ก็ดูจะชวนปวดตับไตยิ่งกว่า ตัวหนึ่งก็ความจำเสื่อม ตัวหนึ่งแกล้งโง่ ส่วนอีกตัวเชิดใส่ไม่รู้ไม่ชี้ คนถามโง่แค่ไหนก็เดาออกว่าพวกนายมีปัญหากับความจริงบางอย่างใช่ไหม พวกนายกำลังสุมหัวปิดบังอะไรจักรวาลนี้อยู่หรือเปล่า นี่ช่างเป็นฝูงแมวที่สมควรหิ้วรายตัวไปใส่ถังขยะแล้วปิดฝาเขย่าๆให้หน้ามืดตาลายคายความลับออกมาจริงๆ
จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง มีอย่างที่ไหนพอกิลเบิร์ตอ้วก ทั้งบิลลี่กับวิลเลียมก็อ้วกตาม พอไข้ขึ้น อีกสองคนก็ไข้ขึ้นด้วย เป็นอุปทานหมู่หรือไงถึงได้ดูปวกเปียกตามไปหมดราวกับว่าสื่อใจถึงใจกันอย่างงั้น! ลุดวิกยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากจะเอาเลือดเจ้าพวกนี้มาแยกดีเอ็นเอหาความจำเพาะเหลือเกิน พวกนายแน่ใจนะว่าไม่ใช่ลูกแมวจากคอกเดียวกัน!
สุดท้ายลุดวิกย่อมต้องสงบสติอารมณ์ตัดใจจากการตีหัวแมวจับใส่ถังขยะ แต่ตัดสินใจจะเดินทางไปอันทาเรสตามล่าหาความจริงแทน แต่ครั้นจะไปคนเดียว เจ้าแมวเถื่อนที่บ้านก็ข่วนเขาหน้าแทบแหก ร้องโวยวายแสบแก้วหูตลอดเวลา แถมอีกสองตัวหลังยังหูผึ่งตะเกียกตะกายจะไปด้วย ทำเอาสองแฝดพี่น้องคนเลี้ยงแมววิ่งวุ่นวายตามไปด้วย วันๆเห็นฟินน์กับเฟรเซียรบราฆ่าฟันกับแมวสามตัวนี่จนลุดวิกแทบอยากรับสองคนนี่เป็นลูกบุญธรรม ช่วยดูแลปัญหาครอบครัวแทนเขาทีเถอะ!
เมื่อเห็นเจ้านายเครียดลงกระเพาะ ลูคัสกับนิโคลัสที่แม้จะวุ่นมากกับการเมืองก็จำต้องทำอะไรบางอย่าง ลูคัสเพิ่งเสร็จสิ้นการจัดงานศพน้องชายอาสาจะช่วยดูแลงานราชการของดวงดาวแทน โดยขอเฟรเซียผู้รู้ธรรมเนียมราชสำนักเป็นผู้ช่วยอีกแรง งานส่วนการทหารยกให้เป็นของนิโคลัสที่ยังไม่วายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสวดด่าท่านชายาเจ้าปัญหาตลอดเวลา มีอย่างที่ไหนเวลาปกติก็วุ่นวายมากพอแล้ว พอท้องแล้วแทนที่จะสงบเสงี่ยมกลับยิ่งสร้างความวุ่นวาย
สำหรับฟินน์ เขาจำยอมต้องเก็บข้าวของเดินทางไปช่วยลุดวิกดูแลแก๊งแมวที่ตอนนี้อารมณ์แปรปรวนหนักข้อ จนหนุ่มน้อยชักอดสงสัยไม่ได้ว่า ตกลงที่ท้องนี่คุณกิลเบิร์ตคนเดียว หรือลุดวิกดอดไปกุ๊กกิ๊กกับอีกสองคนที่เหลือจนพลอยท้องไปด้วย! แต่พอเผลอคิดแบบนี้หนุ่มน้อยก็ต้องตบหน้าตัวเองเรียกสติ ก็เห็นๆอยู่ว่าลุดวิกทั้งรักทั้งหลงกิลเบิร์ตขนาดนี้ ไม่มีทางจะไปหาเศษหาเลยกับเพื่อนภรรยาหรอก! บิลลี่ยังพอเห็นว่าน่ารัก แต่อย่างเจ้าศพแมวดองใส่โหลตัวสีขาวนั่น น่าเกลียดจะตาย!
แต่ว่าอาการของบิลลี่กับวิลเลียมนั่นมันคืออะไร? ฟินน์คิดไปคิดมาก็สงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับที่วิลเลียมเป็นผู้ใช้ปฏิสสารหรือไม่ แต่เขาก็ลังเลที่จะไปบอกข้อมูลกับลุดวิก อย่างไรเสียนี่ก็เรื่องส่วนตัวของวิลเลียม ถึงไม่ชอบหน้ากันแค่ไหนเขาก็ไม่ควรก้าวล่วง จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในอกมองความวุ่นวายของครอบครัวลุดวิกอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
หลังจากตบตีกันเสร็จทุกฝ่าย ข้อสรุปสุดท้ายของลุดวิกก็คือต้องดันทุรังไปอันทาเรสด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ แต่จากการตรวจสอบ อันทาเรสตอนนี้กำลังมีงานใหญ่คือการหาคู่ครองให้ท่านเจ้าอาณานิคม ซึ่งคนที่อันทาเรสเรียกว่า การประลองหาคู่ให้ฮ่องเต้ อะไรทำนองนั้นนั่นล่ะ ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงจึงพลุกพล่านอยู่ในความวุ่นวายเล็กน้อย ดังนั้นเพื่อความสะดวกก็จำเป็นต้องปลอมตัวกันบ้าง
เริ่มจากลุดวิกที่คิดจะปลอมเป็นขุนนางมั่งคั่งชาวอาทีเรียพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันมาท่องเที่ยว แน่ล่ะว่าภรรยาของเขาย่อมต้องเป็นกิลเบิร์ต! แต่ว่า ปัญหามันอยู่ที่แล้วจะทำยังไงกับอีกสองคนที่มีอาการคลื่นไส้เวียนหัวเหมือนคนท้องอยู่ตลอดเวลาแบบนั้นเล่า! จะให้บอกว่าเป็นอุปทานหมู่ของเพื่อนภรรยางั้นเรอะ พูดไปคนเขาจะหัวเราะใส่อย่างชังน้ำหน้าเท่านั้น
“ง่ายๆ คุณก็บอกว่าบิลลี่กับวิลเลียมเป็นภรรยาของคุณด้วยสิ!” กิลเบิร์ตบอกหน้าตาเฉยตาใสแจ๋ว คุณนายผู้นี้ช่างใจกว้างจนคุณสามีหน้าเหวอขนหัวลุก อดสะเทือนใจไม่ได้ว่านี่ไม่หวงสามีเลยเรอะ! หึงสิ! ช่วยหึงหน่อยสิ!!
“ฉันมีภรรยาคือเธอคนเดียว! คนที่ท้องก็มีแค่เธอคนเดียวด้วย!” ลุดวิกประกาศกร้าวหน้าดำหน้าแดง เขาบอกแล้วว่าจะไม่ยอมมีภรรยาคนอื่น แม้เป็นละครก็ไม่เอา อย่ามาเล่นตลกกับหัวใจของเขาเชียวนะ! อุตส่าห์คิดแบบนี้ แทนที่ภรรยารักจะซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตา กิลเบิร์ตกลับตบหัวไหล่เขาปุๆ ก่อนจะยิ้มร่าหัวเราะแล้วพูดต่อหน้าตาเฉย
“คิดมากไปแล้ว แค่เล่นละคร เป็นลูกผู้ชายหัดใจกว้างๆหน่อยสิ!” แมวดำแยกเขี้ยวหัวเราะน้อยๆ ท่าทางมีความสุขที่กำลังจะได้ไปเที่ยวพักร้อน หลงลืมวัตถุประสงค์ที่แท้จริงไปชั่วขณะ “ถ้าคุณมีบิลลี่กับวิลเลียมเป็นภรรยาจริงๆ ฉันก็มีเพื่อนเล่นทุกวัน น่าสนุกดีออก!”
ไหงงั้นเล่า!
ลุดวิกนั้นแอบน้อยใจกับความไม่หือไม่อือของภรรยา ส่วนบิลลี่กับวิลเลียมนั้นแน่ล่ะว่าค้านหัวชนฝา คนหนึ่งเป็นเจ้าแมวเวอร์จิ้นแฟนยังไม่เคยมีแต่จะให้เล่นละครเป็นภรรยาน้อยของคนอื่น อีกคนคือวิลเลียมผู้เคยเป็นแต่ท่านสามีสุดจะหยิ่งเหลือหลาย ตอนนี้จะให้เล่นละครเป็นภรรยารองถึงตายก็ไม่ยอม!
“พวกนายใจแคบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกแล้วไงเป็นลูกผู้ชายต้องใจกว้างน่ะ! ถือว่าจะได้ไปเที่ยวด้วยกันไง!” เจ้าแมวดำตัวแสบพูดประโยคเก่า แต่ครั้นพอสองแมวได้ยินว่ากิลเบิร์ตเป็นคนเสนอความคิดนี้ก็ดันใจอ่อนลงยวบยาบ กิลเบิร์ตว่าอะไรดีพวกเขาก็ว่าตาม ไม่หือไม่อือตามๆกันไปด้วย เดือดร้อนฟินน์ที่ต้องมาเล่นบทเด็กรับใช้ผู้ติดตามดูแลคุณนายทั้งสาม
ซึ่ง...วุ่นวายเกินไปแล้ว!
การเดินทางไปอันทาเรสจำเป็นต้องแนบเนียนพวกเขาจึงใช้วิธีเช่ายานอวกาศแบบเหมาลำเดินทางแบบหรูหราอลังการ สวมใส่เสื้อผ้าแบบชาวอาทีเรียชั้นสูงร่ำรวยเหลือหลาย เมื่อยานอวกาศจอดเทียบที่ท่าอากาศยานใหญ่โตของอันทาเรส ก็มีกระทั่งคนขับรถมารอรับ ลุดวิกนั้นกัดฟันกรอดค่อยๆพยุงบรรดาภรรยาที่กำลังท้องแต่ละคนขึ้นรถ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขัดใจ ทำไมเขาถึงต้องมากลายเป็นสามีให้เจ้าแมวสองตัวที่เหลือนี่ด้วยนะ!
“ดีจริงเลยนะครับคุณผู้ชาย ภรรยาท้องพร้อมกันสามคน เยี่ยมจริงๆ!” เจ้าคนขับรถหนวดจิ๋มท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ยรีบประจบคุณผู้ชายกระเป๋าหนักท่านนี้ทันที หารู้ไม่ว่าฟินน์ที่นั่งฟังอยู่ข้างคนขับอยากขอให้หมอนี่สงบปากสงบคำเหลือเกิน ไม่เห็นหรือว่าคุณผู้ชายหน้าดำทะมึนแล้ว! นั่นไม่ใช่ภรรยา แต่เป็นเพื่อนภรรยาต่างหาก!
“อืม ขอบคุณ” ลุดวิกตอบรับเรียบๆ เขาพยายามสงบสติอารมณ์และมองไปยังแผนที่เส้นทางบนจอมอนิเตอร์ส่วนตัว จากภาพความทรงจำของกิลเบิร์ตอาคารที่เขาเห็นจากการใช้เทเลคิเนซิสนั้นอยู่ในเขตใจกลางเมืองหลวง “ช่วงนี้ที่นี่คึกคักนะ”
“ใช่แล้วครับ ฮ่องเต้กำลังจะเลือกคู่ครองย่อมต้องคึกคัก หญิงสาวชายหนุ่มเก่งกาจหน้าตาดีมากมายต่างเข้าร่วมการประลองกันทั้งนั้นคาดว่าน่าจะจัดกันยาวถึงสิบวัน พวกคุณมาช้าไปหน่อยเมื่อวานมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เปิดตัวผู้สมัครกันอลังการมาก ท่านจอมยุทธ์ผมสีเทาตาสีม่วงคนนั้นเก่งมากเลยนะครับ นับว่าเป็นตัวเก็งทีเดียว” คนขับรถอธิบายและชี้ไปที่โบรชัวร์แนะนำผู้สมัครประหนึ่งรายการบันเทิงศึกชิงเจ้ายุทธจักร แต่ลุดวิกนั้นกำลังหงุดหงิดเลยคร้านจะหยิบขึ้นมาดู
ต่อมารถเลี้ยวเข้าไปในเขตเมือง คนขับรถจึงชี้ชวนให้ดูคนมากหน้าหลายตาหลากเผ่าพันธุ์ที่มาเสนอตัวเป็นคู่ครองของฮ่องเต้ แต่ปากก็ยังคงพูดถึงท่านจอมยุทธตาสีม่วงสุดเก่งกาจอยู่ไม่ขาด
“แต่ท่านจอมยุทธหูแหลมคนนั้นก็เก่งมากนะครับ สูสีเป็นตัวเก็งเหมือนกัน แต่ด้อยกว่าท่านจอมยุทธตาสีม่วงหน่อย” ว่าพลางชี้ไปที่โปสเตอร์ติดผนังข้างทาง คราวนี้ลุดวิกเผลอมองตามไปด้วย เห็นเป็นรูปพ่อหนุ่มหน้าอ่อนผมดำยาวสลวยหูแหลมใส่ตุ้มหูกรุยกรายถือหอกยาว สะโอดสะองแต่ท่าทางทะมัดทะแมงแกร่งกล้ามาก อันที่จริงฮ่องเต้ที่เลือกคู่ด้วยวิธีการนี้คาดหวังอะไรจากบรรดาว่าที่ผู้สมัครเป็นฮองเฮากันแน่นะ
จริงๆนี่คือการรับสมัครสามีที่ใช้สรรพนามว่าฮองเฮาสินะ?
หลังจากนั่งรถชมเมืองมาสักพัก ลุดวิกก็เริ่มเห็นภาพของดาวดวงนี้ชัดเจนมากขึ้น อันทาเรสในสายตาของลุดวิกคือดวงดาวที่มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ ผู้คนที่นี่สวมเสื้อผ้ากรุยกรายใช้ลวดลายโบราณแบบในประเทศฮั่นของอดีตเทียร่า ตึกรามบ้านช่องยังเป็นทรงแบบอารยธรรมฮั่นโบราณแลดูเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แม้แต่ถนนหนทางก็ยังปูด้วยหินและอิฐจำลอง แต่ก็เหมือนกับอาทีเรีย มันคือความโบราณแต่เพียงเปลือกตามรสนิยมของเจ้าอาณานิคมคนแรกที่คลั่งไคล้ของโบราณ ถึงขนาดใช้คำเก่าแก่อย่าง ‘ฮ่องเต้’ เป็นคำเรียกตำแหน่งเจ้าอาณานิคมของตนเอง
แต่ความเป็นจริงที่นี่เป็นดวงดาวที่มีเทคโนโลยีระดับสูง มีท่าอากาศยานอวกาศที่ใหญ่โตโอ่อ่าเป็นหนึ่ง ทั้งยังเป็นดวงดาวสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ในส่วนของการโปรโมทการท่องเที่ยวลุดวิกต้องยอมรับว่าอาทีเรียยังต้องเรียนรู้จากอันทาเรสอีกมาก เขาวางแผนว่าถ้าการตามหาความทรงจำของกิลเบิร์ตเป็นไปอย่างราบรื่นก่อนกลับก็อยากจะปรึกษาเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกับเจ้าอาณานิคมที่นี่
ส่วนในตอนนี้ สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ครอบครัวกำมะลอเลือกไว้จากภาพความทรงจำของกิลเบิร์ตคือ อารามเก่าแก่ของเมืองหลวง ซึ่งก็บังเอิญเป็นย่านท่องเที่ยวสำคัญที่คับคั่งไปด้วยผู้คน และไม่ห่างจากบริเวณที่จัดงานประลองเลือกคู่ด้วย พวกลุดวิกพากันเดินลงจากรถและตีเนียนเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชม หากแต่กิลเบิร์ตกลับสอดส่ายสายตามองทุกสิ่งไม่วางตา เขาย่อมอยากจะฟื้นความทรงจำให้ได้ไม่มากก็น้อย
“ไง คุ้นบ้างไหม” ลุดวิกถามขณะจูงมือกิลเบิร์ตเดินเข้ามาด้านในของอาคารด้วยท่าทางประคบประหงม คนผ่านไปมาย่อมสังเกตได้ว่านี่ย่อมเป็นคู่สามีภรรยาชาวต่างดาวที่แตกต่างกันอย่างน่าประหลาด ฝ่ายสามีนั้นผมสีทองแวววาว ดวงตาสีฟ้าดูแปลกตาแต่หล่อเหลาเจิดจ้า ส่วนภรรยานั้นเป็นชายหนุ่มผมสีดำตาสีดำลักษณะคล้ายชาวอันทาเรส โดยรวมพวกเขาถือว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่ค่อนข้างสะดุดตา
“ฉันจำไม่ได้ แต่เท่าที่เห็นจากภายนอกที่นี่เป็นอาคารแบบภาพในหัวของฉันจริงๆ” กิลเบิร์ตตอบพลางมองสถาปัตยกรรมภายในอาคารที่ไม่คุ้นตา ทั้งที่แอบหวังว่าจะจำอะไรได้มากขึ้น แต่ตอนนี้กลับมืดมนไปหมด ใบหน้าของเขายามนี้หม่นหมองลงหลายส่วนด้วยความเสียดาย ทว่า ลุดวิกไม่ได้กดดันเขา กลับค่อยจับจูงมือพาเดินไปเรื่อยๆ
“ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ คิดเสียว่ามาเที่ยว มา ฉันจะเล่าเรื่องของที่นี่ให้ฟัง ที่นี่คือหอฟ้า เป็นสถานที่ๆฮ่องเต้ใช้ประกอบพิธีบูชาฟ้าดิน ช่วงนี้เป็นเทศกาลท่องเที่ยวเลยเปิดให้เข้าชม เดี๋ยวเราลองเดินไปเรื่อยๆดู เสร็จแล้วค่อยออกไปทานข้าวเที่ยงกันดีไหม ฉันให้จองร้านดังของที่นี่ไว้แล้ว เธอกับลูกของเราอยากทานอะไรดี กิล” ฝ่ายคุณสามียิ้มหวานจับมือภรรยารักทำตัวประหนึ่งโลกนี้มีเพียงเราสองคน เขาเองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้กำลังพาภรรยามาฮันนีมูนกันสองต่อสองหรอกนะ
ยามนี้พวกเขาทั้งคู่จึงหลุดเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัว ทอดทิ้งอีกสามคนที่เหลือไว้ไม่ดูดำดูดี
แต่นั่นล่ะอีกสามคนที่ว่าย่อมไม่สนใจเลยสักนิด ตอนนี้บิลลี่กำลังสนุกสนานกับการถ่ายรูปด้วยกล้องสามมิติ เดินไปก็โพสต์ท่าถ่ายรูปไป เจ้ากล้องอัตโนมัติก็บินตามเขาถ่ายรูปไปเรื่อยๆ พอถ่ายเสร็จบิลลี่ก็ชักชวนวิลเลียมกับฟินน์เดินดูนู่นนี่นั่นไปตลอดทาง แน่ล่ะว่าไม่ลืมจะเดินไปซื้ออาหารสีขาวท่าทางดูนุ่มฟูที่เรียกว่าซาลาเปาไส้หมูมากัดชิม ตามด้วยบรรดาขนมจีบ ฮะเก๋าที่หอมฟุ้งน่าดูน่ากินไปหมด มีความสุขีปรีดิ์เปรมเดินไปกินไปจนคนเดินผ่านไปมาแทบจะเห็นเป็นแมวสีทองอ้วนป้อมตัวเขื่องกระโจนไปมาตามกลิ่นอาหารพร้อมกับส่ายหางดิ๊กๆ
ครั้นพอเดินวนจนครบรอบ บิลลี่ก็โบกไม้โบกมือชักชวนวิลเลียมกับฟินน์เข้าไปนั่งที่ร้านอาหารใหญ่โตตามนัดหมายกับพวกกิลเบิร์ต พวกเขาเลือกที่นั่งชั้นสองเพื่อชมความสวยงามของหอฟ้า บิลลี่จัดแจงกางเมนูสั่งอาหารมาจำนวนมาก เจริญอาหารอย่างยิ่งจนเหมือนคนท้องจริงๆเข้าไปทุกที ครั้นพอลุดวิกกับกิลเบิร์ตเดินตามมาสมทบยามเที่ยงวัน ย่อมพบกับเศษซากอาหารที่เจ้าแมวอ้วนจัดการสั่งมากินเสียเต็มที่ แวบหนึ่งลุดวิกเห็นเจ้าแมวอ้วนนี่กำลังนอนตีพุงแปะๆตบหางกับพื้นอย่างสุขีสโมสร เป็นแมวตะกละจริงๆด้วย!
(ต่อ)