Sex Toy End
หลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาเบียร์ก็รู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้ใจร้ายกับเขาอย่างที่คิดแม้ว่าเขาจะไม่เหลือญาติคนใดในชีวิตแล้วแต่เขาก็ยังมีเพื่อน มีคุณหญิงจิตราที่พร้อมจะเป็นผู้ปกครองให้และมีอีกคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด เบียร์รู้สึกว่าความรู้สึกของเขามันเริ่มชัดเจนจนแน่ใจว่ารู้สึกยังไงกับอีกคน ซึ่งความรู้สึกที่ว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากอีกคนเลย คิดได้อย่างนั้นใบหน้าใสก็ขึ้นสีระเรื่อ ครั้งก่อนมีแค่อีกคนเท่านั้นที่บอกรักเขาส่วนเขา...ให้ตายสิ เขาไม่กล้าที่จะบอกรักอีกคนจริงๆ แค่คิดว่าต้องพูดคำนั้นออกไปหัวใจก็เต้นแรงจวนจะระเบิดออกมาแล้ว
“ทำอะไร” จินที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนนั่งส่ายหัวไปมา
“ปะ...เปล่า” เบียร์ตอบแต่ไม่ยอมสบตาร่างสูง จินสาวเท้าเข้ามาหาอีกคนด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอวผืนเดียวทำให้เบียร์หน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง
“ไปแต่งตัวดีๆสิ” เบียร์ว่าโดยที่ไม่กล้ามองอีกคน
“เขินอะไร เห็นกันมากี่ครั้งแล้ว” จินว่า
“ไม่ได้เขินเสียหน่อย” เบียร์ว่าอย่างปากดี
“หึๆ งั้นเหรอ”
“คุณจิน!” เบียร์ร้องออกมาเมื่ออยู่ๆอีกคนก็ปลดผ้าขนหนูออกและเดินเปลือยไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่อายเขาที่นั่งอยู่เลย ตากลมหลับปี่อย่างไม่กล้ามองแม้ว่าเมื่อกี้จะเห็นมันเต็มตาแล้วก็ตา
“แต่งตัวเสร็จแล้ว” จินว่าทำให้เบียร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาก้เห็นว่าอีกคนแต่งตัวเตรียมไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ตากลมมองอีกคนขุ่นๆที่เมื่อกี้ทำโรคจิตใส่เขา
“คุณมันโรคจิต” เสียงใสว่า จินกระตุกยิ้มมุมปาก
“ก็นึกว่านายชอบ” จินว่าหน้านิ่ง
“ใครจะชอบของพรรค์นั่นกัน!” เบียร์รีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“แล้วเมื่อคืนใครบอกขออีก” เบียร์หน้าขึ้นสีจัดทันทีกับคำพูดของอีกคน ก็เมื่อคืนมัน...บ้าๆๆ คุณจินบ้าที่สุด!
“หืมมม ทำไมเมื่อคืนถึงขอล่ะ” จินเดินกระซิบถามที่ข้างหูบาง ทำให้เบียร์หัวใจเต้นระรัวด้วยความอายและความเขิน
“ก็เมื่อคืนมัน...” เบียร์กัดปาก
“มันอะไร” จินเลิกคิ้วแต่ก็ไม่ยอมถอยห่างจากอีกคน
“...มัน...มัน...มันเสียวนี่” จินหัวเราะออกมาทันทีกับคำตอบของร่างบาง เบียร์รีบเอาผ้าห่มมาคลุมหน้าด้วยความเขินอายกับคำพูดที่พึ่งออกมาจากปากตัวเอง
“อย่านะ” เบียร์ว่าเมื่ออีกคนพยายามดึงผ้าห่มที่เขาใช้ปิดหน้าออก
“ปิดทำไม” จินถามเสียงเรียบแต่ก็เจือไปด้วยความขบขันในท่าทางของอีกคน
“อย่ามายุ่ง ไปทำงานเลยคนโรคจิต” เบียร์ว่าแต่มีหรือจินจะยอมมือหนาที่มีแรงมากกว่ารีบดึงผ้าห่มออกจากอีกคนทันทีทำให้ใบหน้าใสที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงจัดไปแล้วปรากฏแก่สายตา
“ห้ามมองนะ ห้ามมองๆ”
“ไม่มองหรอก...” จินเว้นวรรค
“...แต่จะจูบเลย” สิ้นเสียงทุ้มมือหนาก็เชยคางอีกคนมารับจูบอันหอมหวานยามเช้าเพื่อเป็นกำลังใจก่อนไปทำงาน...หลายวันผ่านไป...วันนี้ก็เหมือนทุกเช้าที่จินและเบียร์ต้องลงมากินข้าวเช้าพร้อมกับผู้เป็นแม่
“ลงกันมาแล้วค่ะคุณ” เสียงของคุณผู้หญิงของบ้านดังขึ้นทำให้เบียร์ทำหน้างุนงงก่อนจะพบกับผู้ชายวัยกลางคนท่าทางดูดีมีภูมิฐานที่กำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะกินข้าวซึ่งปกติจะเป็นที่ประจำของคุณหญิงจิตรา
“คุณพ่อ” จินพูดขึ้นซึ่งนั่นก็ทำให้เบียร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เป็นเวลานับเดือนแล้วแต่เขาก็ไม่เคยพบคุณผู้ชายของบ้านหรือพ่อของร่างสูงสักครั้งแต่เห็นพวกแม่บ้านบอกว่าท่านทำงานอยู่ที่ต่างประเทศนานๆจะกลับมาทีหรือไม่คุณหญิงก็จะเป็นคนไปหาที่นั่นเอง
“นั่งลงสิ” คุณผู้ชายของบ้านพูดขึ้นทำให้จินและเบียร์พากันมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“พ่อกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” จินถามขึ้น
“เมื่อคืนน่ะ พอดีมากะทันหันพร้อมกับพิชัยเลยไม่ได้บอกล่วงหน้าก่อน” ผู้เป็นพ่อว่า จินพยักหน้ารับเพราะก็รู้จักลุงพิชัยซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิทของพ่อและเป็นพ่อของพิชชาดี
“เดี๋ยวค่อยคุยกันละกันนะคะ ทานข้าวกันดีกว่า” คุณหญิงของบ้านพูดขึ้นก่อนที่ทั้งสี่จะลงมีกินข้าวเช้าร่วมกัน ไม่รู้ว่าเบียร์คิดไปเองหรือเปล่าว่าพ่อของร่างสูงมองมาที่เขาอยู่หลายครั้งซึ่งเขาเองก็คาดเดาสาเหตุที่มองมาไม่ได้ แม้ว่าแม่ของร่างสูงชอบพอเขาก็จริงแต่ใช่ว่าผู้เป็นพ่อจะชอบเสียหน่อย เพียงแค่คิดได้แบบนี้ในใจก็รู้สึกเจ็บหน่วงขึ้นมาแปลกๆ...หลังจากที่กินข้าวเสร็จทั้งสี่ก็พากันมาที่ห้องรับแขกเพื่อพูดคุยและคนที่นั่งจนตัวเกร็งก็คงหนีไม่พ้นเบียร์เพราะรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าในวงสนทนานี้
“นี่น่ะเหรอที่คุณบอก” ผู้เป็นคุณผู้ชายของบ้านพูดขึ้น
“ใช่ค่ะ นี่น้องเบียร์เป็นแฟนของลูกชายเรา” ผู้เป็นภรรยาว่าด้วยรอยยิ้ม
“เป็นแฟน? ด้วยความเต็มใจหรือเปล่า ไหนคุณเคยเล่าว่าลุกเราไปทำนิสับไม่ดีกับเด็กคนนี้มาไง” ผู้เป็นสามีถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นั่นมันอดีตนะพ่อ” จินรีบค้านทันที
“อดีตแล้วยังไง พาเขามาอยู่ในบ้านนี่เขาเต็มใจหรือเปล่า เป็นแฟนกับเขานี่ยัดเยียดให้เขาหรือว่าเขาเต็มใจเป็น” ผู้เป็นพ่อถามเสียงเรียบซึ่งนั่นก็ทำให้จินชะงักทันทีเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างๆอีกคนก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย อยากจะเปิดปากพูดอะไรออกไปบ้างแต่ก็ไม่กล้า
“แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขดีนะคะ” ผู้เป็นแม่พูดเพื่อทำลายบรรยากาศเครียดๆ
“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งคู่จะเป็นยังไงแต่ผมแค่อยากรู้ว่าเด็กคนนี้เข้ามาอยู่ที่บ้านของเขาเพราะจินบังคับหรือยอมมา และที่ว่าเป็นแฟนกันที่เพราะจินบังคับหรือรักกันจริงๆ” ผู้เป็นพ่อว่าพร้อมมองมาที่เบียร์เป็นเชิงถาม เบียร์นั่งกัดปากด้วยหัวใจสั่นระรัวแม้มันจะคือความจริงที่ว่าเขาเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะอีกคนบังคับและตำแหน่งแฟนอะไรนั่นเขาก็ไม่เคยได้ยินเอ่ยปากขอเลยแต่คำว่ารักในวันนี้มันก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่าอีกคนรู้สึกยังไงกับเขาไม่ใช่เหรอ?
“แต่ผมรักเบียร์” จินว่า
“แล้วเบียร์เขารักเราหรือเปล่าล่ะ” จินนิ่งไปทันทีกับคำถามของผู้เป็นพ่อที่ถามกลับมา คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เพราะเขาเองก็ยังไม่เคยได้ยินอีกคนบอกว่ารักเขาเลยสักครั้ง
“คือผม...” เบียร์ทำหน้าลำบากใจ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงแต่แอบกลัวว่าถ้าเขาพูดมันออกไป พ่อของอีกคนจะรับไม่ได้ พ่อของอีกคนจะไม่ยอมรับเขา เขากลัวไปหมด
“ไม่เหรอ” จินถามเสียงแผ่วรู้สึกหัวใจบีบแน่นจนเจ็บปวดไปหมดเมื่อเห็นท่าทางลำบากใจในการตอบของอีกคน เบียร์หันไปมองอีกคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาหม่นๆ
“คุณจินคือ...”
“ผมว่าผมได้คำตอบแล้วล่ะครับพ่อ” อยู่ๆจินก็พูดแทรกขึ้น
“ฟังน้องให้จบก่อนสิคะจิน” ผู้เป็นแม่ท้วง
“บางทีผมก็กลัวคำนั้นๆน่ะครับแม่ ผมว่าผมไปทำงานก่อนดีกว่า” จินว่าก่อนจะลุกไป
“คุณจินเดี๋ยวก่อนสิ” เบียร์พยายามเรียกแต่อีกคนก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วจนเบียร์ตามไม่ทัน
“รักสินะ” พอเบียร์เดินกลับมาผู้เป็นพ่อของร่างสูงก็พูดขึ้น เบียร์ชะงักก่อนจะค่อยๆพยักหน้ารับ
“ถ้าผมพูดออกไปคุณท่านจะไม่รังเกียจผมใช่มั้ยครับ คุณท่านจะยอมรับผมได้ใช่มั้ยครับ” เบียร์ถามเสียงเครือด้วยความอึดอัดใจจนแทบจะร้องไห้
“ตายแล้วน้องเบียร์ไม่ร้องนะคะ คุณอ่ะ แกล้งเด็กๆแรงไปแล้ว” ผู้เป็นภรรยาให้ไปเอ็ดสามีก่อนจะเดินมากอดปลอบลูกสะใภ้(?)ทันที เบียร์ทำหน้างุนงงกับคำพูดของคุณหญิงของบ้าน
“คุณพ่อเขารู้ตั้งนานแล้วล่ะค่ะ รับได้ด้วยแต่เมื่อกี้แกล้งเก็กขรึมแกล้งน้องเบียร์กับพี่จิน”
“จะ...จริงเหรอครับ” เบียร์ถามออกมา
“จริงสิ แม่เขาเล่าเรื่องเราให้พ่อฟังมานานแล้ว ทั้งรักทั้งหลงเรายิ่งกว่าลุกในไส้แบบนี้พ่อจะไม่ยอมรับได้ยังไง” เบียร์น้ำตาไหลทันทีกับคำพูดของผู้เป็นคุณผู้ชายของบ้าน น้ำตาไหลครั้งนี้ไม่ได้เสียใจแต่เป็นเพราะกำลังดีใจและมีความสุขมากๆต่างหาก
“ทีนี้ก็เคลียร์แล้วนะคะน้องเบียร์ ที่เหลือ...ง้อพี่จินด้วยนะคะ อ่อๆ บอกรักพี่เขาด้วยล่ะ เห็นนิ่งๆหน้าตายแบบนั้นขี้คิด มากน่ะคะ” ผู้เป็นแม่ว่า เบียร์พยักหน้ารับ...เพราะท่าทางที่อารมณ์ไม่ดี หน้านิ่วคิ้วขมวดของรองประธานบริษัททำให้ไม่มีใครกล้าสู้หน้าแม้แต่เลขาเอง วันนี้จินโหมทำงานหนักมากขนาดพักกลางวันยังไม่ยอมกินข้าวขอแค่กาแฟแก้วเดียวเท่านั้น
“เอ่อ...ยังไม่เลิกงานอีกเหรอคะ” เลขาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าถึงเวลาเลิกงานแล้วแต่ผู้เป็นรองประธานก็ยังคงนั่งอ่านแฟ้มงานอยู่
“ยัง” จินตอบเสียงเรียบทำให้ผู้เป็นเลขาไม่กล้าถามต่อ...จินทำงานจนถึงสี่ทุ่มจึงกลับบ้าน ในใจก็อยากจะไปดื่มต่อกับเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่ดีตั้งแต่เช้าแต่เพราะชัชกำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องของตัวเองเลยไม่สะดวกที่จะไปด้วยทำให้จินเลือกที่จะกลับบ้านแทน เบียร์ที่ยืนชะเง้อคอรออีกคนกลับบ้านก็คลี่ยิ้มทันทีที่เห็นรถคันหรูที่คุ้นตาขับเข้ามา
“ทำไมเลิกดึกจัง” เบียร์ถามขึ้นพร้อมกับทำท่าจะช่วยอีกคนถือของแต่จินเบี่ยงตัวหนีและเดินเข้าไปบ้านไป เบียร์ถอนหายใจออกมากับท่าทางของอีกคน นอกจากจะนิ่ง หน้าตา ขี้คิดมากแล้วยังขี้งอนอีกต่างหาก
“คุณจินโกรธผมเหรอ” เบียร์ถามขึ้นขณะที่ปิดไฟนอนอีกคนนอนหันหลังให้เขาซึ่งแตกต่างจากวันอื่นที่ต้องดึงเขาเข้าไปกอด
“เปล่า” จินตอบเสียงเรียบ
“แต่คุณแทบจะไม่มองหน้าผมเลย เรื่องเมื่อเช้าใช่มั้ยที่ทำให้คุณ...”
“เลิกพูดถึงมันซะ” จินขัดขึ้น เบียร์ขมวดคิ้วก่อนจะใช้มือจับอีกคนให้พลิกตัวหันมาประชันหน้ากับตัวเอง
“ทำไมคุณไม่ฟังผมให้จบก่อน ทำไมต้องขัดตลอด”
“แล้วทำไมฉันต้องฟังด้วยว่านาย...นายไม่ได้รักฉัน” จินว่าเสียงแผ่วในท้ายประโยค
“แล้วผมพูดหรือยังล่ะว่าไม่ได้รัก” จินขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน
“แล้วนายพูดหรือยังล่ะว่ารัก” จินว่าออกมาบ้าง เบียร์กัดปากอย่างไม่กล้าพูดต่อเพราะรู้สึกเขินไม่ใช่น้อยที่ต้องมาพูดคำๆนั้น จินมองท่าทางของอีกคนก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอีกครั้งเพราะคิดว่าอีกคนกำลังจะปฏิเสธ
“ช่างเถอะ ต่อให้ตอนนี้นายไม่รักฉันก็จะทำให้นายรัก” จินว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง เบียร์มองหน้าอีกคนด้วยนัยน์ตาสั่นระริก
“คุณจิน...”
“ฉันไม่ได้โกรธแต่กำลังคิดหนักว่าจะทำยังไงให้นายรัก” เบียร์คลี่ยิ้มทันทีกับคำพูดของอีกคนรู้สึกหวั่นไหวไปหมดทั้งหัวใจ
“แล้วคิดออกหรือยัง” เบียร์ถามยิ้มๆ
“ยัง...แต่คิดไว้แล้วว่าถ้าไม่รักก็จะจับปล้ำจนกว่าจะรัก” เบียร์เบิกตากว้างทันทีกับคำพูดของอีกคน
“คนโรคจิต” เบียร์เชิดปากว่า จินหัวเราะในลำคอ
“แล้วเมื่อไหร่จะรัก” จินถามอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง เบียร์ไม่ตอบแต่กลับขยับเข้ามาจูบที่ริมฝีปากหนาเบาๆซึ่งสร้างความแปลกใจให้จินอย่างมาก
“ตอนนี้...” จินขมวดคิ้ว
“...ก็รักอยู่แล้ว” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันทีที่เบียร์พูดจบ เบียร์รีบเอาผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองทันทีเพราะความขวยเขินแม้ว่าในห้องจะมืดมองไม่เห็นว่าเขาหน้าแดงแค่ไหนก็ตาม
“หึๆ แกล้งให้ฉันเครียดงั้นเหรอ” จินถาม
“เปล่าสักหน่อยคุณคิดเองต่างหาก ไม่รอฟังให้จบด้วย” เบียร์ว่าเสียงอู้อี้ในผ้าห่ม
“อื้อออ อย่าดึงนะ” เบียร์ว่าพร้อมกับรั้งผ้าห่มที่อีกคนดึงออกแต่ก็สู้แรงอีกคนไม่ได้
“เขินอะไร ฉันต่างหากที่ต้องเขิน นายบอกรักฉันนะ” จินว่าหน้านิ่ง
“นี่หน้าเขินของคุณหรือไง” เบียร์ขมวดคิ้วถาม
“อาจจะ...แต่เวลาฉันเขินฉันไม่ชอบแสดงออกทางสีหน้าเพราะฉันชอบแสดงออกทาง...”
“คุณจินจะทำอะไรน่ะ” เบียร์ร้องออกมาเมื่ออีกคนขึ้นคร่อมเขา
“แสดงความเขินไง” จินตอบหน้าตายแต่ก็มีรอยยิ้มที่มุมปาก
“แสดงอะไรของคุณเล่า ลงไปนะ”
“ก็แสดงให้นายรู้ไงว่าเวลาเขินน่ะ...ฉันอึดแค่ไหน” สิ้นเสียงทุ้มปากหนาก็ประกบจูบอีกคนอย่างร้อนแรงและเต็มไปด้วยความหวานก่อนที่เสียงครางกระเส่าจะดังขึ้น บรรยากาศในห้องอบอวนไปด้วยความรักของคนทั้งคู่และเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน คำว่ารัก...ไม่ต้องพูดบ่อยก็ได้แค่แสดงออกมาก็น่าจะรู้นี่หน่า ว่ามั้ย?
End
จบแล้ววววววว ขอกรีดร้องดังๆค่า!!! กรี๊ดดดดดดดด!!! >0< เป็นเรื่องที่ชอบมากที่สุดที่เคยแต่งมา ชอบอิมเมจ ชอบพล็อต ชอบนิสัยตัวละคร ชอบทุกอย่างและคิดว่าคนอ่านก็น่าจะชอบเช่นเดียวกัน ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดเลยนะคะเป็นเรื่องที่กระแสดีมากเท่าที่เคยแต่งมาเลย ขอบคุณจากใจค่ะ รักๆๆ >_<
ฝากติดตามเรื่องที่สองของเซตด้วยนะคะ Sex Toy ผมไม่ได้ขายตัวเว้ย!
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54540.0___จางบิวตี้___