Chapter 20: คนใจร้าย
หากจะบอกว่าธีรเชษฐ์กำลังอารมณ์เสีย คงเหมือนกับบอกว่างูจงอางไม่ได้มีพิษถึงตาย
เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยรู้สึกโกรธมากขนาดนี้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่ตอนไหน
“คุณมีนาขอตัวกลับไปแล้วครับ บอกว่ามีเรียนตอนบ่าย”
นั่นคือสิ่งที่มธุวันบอกเขาหลังจากที่เขาออกมาจากห้องประชุม ธีรเชษฐ์พยักหน้ารับอย่างไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไร เพราะถึงอย่างไรการศึกษาของมีนาก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าลึกๆแล้วชายหนุ่มจะอยากเห็นหน้าอีกฝ่ายก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อในช่วงบ่ายก็ตาม
ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเย็นนี้เขาก็ได้เจอมีนาอยู่แล้ว…
ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นบัตรเข้าสวนสนุกในช่วงเย็นที่เขาซื้อมาเซอร์ไพร์สร่างเล็ก
แค่นึกถึงดวงตากลมโตที่เบิกกว้างอย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อได้เห็นแสงสีและการแสดงในสวนสนุกยามค่ำคืนก็มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีไปตลอดทั้งวันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อธีรเชษฐ์กลับมาถึงห้อง ร่างสูงขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นร่างที่ควรจะกลับมาก่อนเขาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ธีรเชษฐ์ใช้โอกาสนั้นเปิดลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือของอีกฝ่ายเพื่อซ่อนบัตรเข้าสวนสนุกไว้ข้างใน ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นตั๋วหนังที่พวกเขาไปดูด้วยกันเมื่อคราวก่อนวางอยู่ในกล่องเครื่องเขียนเล็กๆในลิ้นชัก ริมฝีปากได้รูปผุดยิ้มมุมปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ยังคงไม่มีวี่แววของมีนา ธีรเชษฐ์เหลือบมองนาฬิกาบนผนังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตัดสินใจโทรหาเด็กหนุ่ม
‘เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’
คราวนี้ร่างสูงเริ่มรู้สึกตระหนกขึ้นมาแล้ว ธีรเชษฐ์เดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นในห้องของตัวเอง ในมือยังคงกดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมโดยไม่เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่าง
ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังจะกดโทรออกเป็นรอบที่สิบกว่าๆเขาเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างบนโต๊ะเขียนหนังสือของร่างเล็ก
บนโต๊ะไม่มีชีทเรียนของมีนาวางไว้แม้แต่แผ่นเดียว สมุดจดและกระดาษโน๊ตต่างๆที่เคยวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบก็หายไปด้วย ร่างสูงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง กระชากประตูตู้เสื้อผ้าฝั่งของมีนาเปิดด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
ดังคาด ไม่มีเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มหลงเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว
ธีรเชษฐ์กัดฟันกรอด กระแทกประตูตู้เสื้อผ้าปิดด้วยโทสะที่พลุ่งพล่านอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน
เขาหลงคิดไปเอง…ว่าหากเขารู้สึกดีกับมีนา อีกฝ่ายย่อมรู้สึกดีที่ได้อยู่กับเขา
เหมือนเจ้าของที่โง่เขลา หลงคิดไปว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่ตนซื้อมาจะมีความผูกพันธ์กับตนเหมือนกับที่ตนกำลังเริ่มรู้สึก โดยลืมคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่เจ้ากระต่ายตัวนั้นจะอยากกลับไปสู่ท้องทุ่งกว้างที่ตนจากมา
“ได้…จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย…”
ชายหนุ่มคว้ากุญแจรถสปอร์ตคันหรูของตน จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลที่มารดาของมีนาเข้าพักรักษาตัว
ดังคาด เด็กหนุ่มไม่ได้อยู่ที่นั่น
“น้องมีนไปเข้าค่ายกับคณะค่ะ คุณธีรเชษฐ์มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าคะ?”
หญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เมษาเป็นหญิงสาวร่างเล็กที่หากไม่มีโรคร้ายที่ทำให้ร่างกายของหญิงสาวทรุดโทรมลงก่อนเวลาอันควรคงจัดเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง
การเห็นอีกฝ่ายทำให้ธีรเชษฐ์นึกถึงภรรยาที่ล่วงลับของตนพร้อมกับเห็นใบหน้าของมีนาซ้อนทับกับคนตรงหน้าอย่างน่าประหลาด ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกเสียดายเม็ดเงินที่จ่ายไปเพื่อช่วยให้เมษากลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง
“ผมไม่ได้มาหามีนาหรอกครับ” ชายหนุ่มตอบ ยื่นเอกสารที่ตนเตรียมมาอย่างเร่งรีบจากสำนักงานทนายความส่วนตัวให้กับคนป่วยพร้อมรอยยิ้มการค้าที่แต่งแต้มบนริมฝีปากได้รูป “พอดีผมมีเอกสารให้คุณเมษาช่วยเซ็นต์หน่อยน่ะครับ”
“ผู้ปกครองชั่วคราว?” หญิงสาวอ่านหัวข้อเอกสารปึกหนาด้วยสีหน้างุนงง
“เอกสารหลายอย่างทั้งในบริษัทและมหาวิทยาลัยจำเป็นจะต้องให้ผู้ปกครองเซ็นยินยอม มีนาคงเกรงใจไม่อยากรบกวนคุณ ทำให้เอกสารมีความล่าช้าอยู่บ่อยๆ” ร่างสูงเกริ่นด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจจอมปลอม “ผมเลยคิดว่าถ้าคุณมอบอำนาจให้ผมชั่วคราว น่าจะสะดวกกับทุกฝ่ายมากกว่า”
“ขอบคุณนะคะที่เมตตามีนาขนาดนี้”
น้ำเสียงซาบซึ้งของหญิงสาวทำให้ธีรเชษฐ์เกือบจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนกำลังจะทำ…
ก็แค่เกือบล่ะนะ
“กรอกที่อยู่ตรงนี้ด้วยครับ…”
ดวงตาสีควันบุหรี่กวาดตามที่อยู่ที่เมษากรอกด้วยลายมือบรรจง หากหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาในตอนนี้ คงจะตกใจไม่น้อยกับสีหน้าแข็งกระด้างของผู้มีบุญคุณของครอบครัวเธอ
น่าแปลก ทั้งที่จากไปไม่นานขนาดนั้น แต่มีนากลับรู้สึกว่าบ้านของตนเล็กลงจนน่าอึดอัด เพิงไม้เล็กๆที่มีขนาดพอๆกับตู้เสื้อผ้าของธีรเชษฐ์เคยเป็นที่พักพิงให้แก่สามชีวิตในครอบครัวของเขา แต่บัดนี้แค่มีนาเพียงคนเดียวก็รู้สึกแทบขาดอากาศหายใจ
ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนบนพื้นไม้แข็งๆซึ่งมีหมอนเก่าใบเล็กวางอยู่หนึ่งใบ ทั้งมารดาและยายของเขายืนกรานให้มีนาได้นอนบนหมอนเก่าที่บางจนแทบไม่เหลือนุ่นยัดไส้ใบนี้มาตั้งแต่เด็ก เป็นความสะดวกสบายเล็กๆที่หญิงทั้งสองดิ้นรนเพื่อมอบให้กับเขาทั้งที่พวกตนไม่มีอะไรติดตัว
ความรัก…
นั่นคือสิ่งเดียวครอบครัวของเขาสามารถมอบให้เขาได้ ทั้งด้วยเหตุผลที่ว่าความรักหาซื้อด้วยเงินไม่ได้ และพวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะซื้ออะไรได้นอกจากความรักที่มีติดตัว
และด้วยเหตุผลนั้นทำให้มีนาเลือกที่จะเดินจากมาตามคำขอของเมฆาและมธุวัน
เขาไม่มีอะไรให้ธีรเชษฐ์ เขาไม่มีเงิน ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีค่าพอที่จะทำประโยชน์อะไรให้ร่างสูง
สิ่งเดียวที่เขามีคือความรัก และนั่นทำให้เขาเลือกที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะสามารถทำให้อีกฝ่ายได้…นั่นคือการก้าวออกมา
เขาได้แต่ภาวนาให้ธีรเชษฐ์จะให้อภัยและเข้าใจเหตุผลของเขา แต่เด็กหนุ่มรู้นิสัยของอีกฝ่ายดีเกินกว่าจะคาดหวังเป็นจริงเป็นจัง…
ความคิดของมีนาหยุดลงเมื่อแรงมหาศาลของใครบางคนฉุดกระชากร่างเล็กของเขาให้ลอยขึ้นจากพื้น
ธีรเชษฐ์ก้มหน้ามองที่อยู่บนเอกสาร แล้วเงยหน้ามองเพิงไม้เล็กๆมุงสังกะสีเก่าๆผุพังตรงหน้าตัวเอง
หากเขาได้มาเห็นบ้านของมีนาในสถานการณ์อื่น ความรู้สึกของเขาคงมีเพียงความสงสาร แม้กระทั่งเห็นอกเห็นใจร่างเล็กที่เติบโตมาด้วยสภาพแบบนี้
แต่ในตอนนี้สิ่งที่ธีรเชษฐ์รับรู้มีเพียงความโกรธที่ทวีเพิ่มขึ้นเมื่อตระหนักว่าเด็กหนุ่มเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในที่แบบนี้มากกว่าที่จะใช้ลมหายใจร่วมกับเขา และภาพของมีนาที่นอนขดตัวหลับสนิทอยู่บนพื้นไม้แข็งไม่ได้ช่วยให้โทสะนั้นลดลงแม้สักน้อย
มือใหญ่กระชากแขนเรียวขึ้นจากพื้น ปลุกร่างเล็กจากห้วงนิทราพร้อมเสียงร้องอย่างตกใจ ชั่วอึดใจหนึ่งมีนาดูสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อดวงตากลมโตสบกับดวงตาสีควันบุหรี่ ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดลงทันตา
“คุณเชษฐ์…”
“คิดว่าเป็นคนอื่นรึไง?”
ชายหนุ่มถามเสียงเย็น แววตาของร่างสูงในตอนนี้ทำให้มีนาตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ความหวาดกลัวที่ฉายชัดบนใบหน้าเรียวรูปไข่ไม่ได้ทำให้โทสะของธีรเชษฐ์มอดลงแม้แต่น้อย เพียงออกแรงแค่นิดเดียวร่างของมีนาก็แทบลอยหวือตามไปทั้งตัว มีนาเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกว่ากระดาษที่เสียบไว้ในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาร่วงลงบนพื้น พอดีกับที่สายตาของคนที่กำลังฉุดกระชากเขาอยู่เหลือบไปเห็นเข้า
ทันทีที่ธีรเชษฐ์ก้มลงหยิบกระดาษใบนั้นมาคลี่ออกดู มีนารู้ตัวว่าโอกาสรอดของตัวเองมีค่าเท่ากับศูนย์
“หึ…ทีกับฉันทำตัวสูงส่งนักหนา” ธีรเชษฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ “แค่โดนเงินของลูกฉันฟาดหัวก็เก็บข้าวเก็บของวิ่งแจ้นมาถึงนี่…”
“มะ…ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ…”
“บอกแล้วใช่มั้ย ว่าเงินทั้งหมดฉันไม่ได้ให้เธอฟรีๆ” ธีรเชษฐ์เอ่ยขัด ไม่สนใจข้อแก้ตัวของร่างเล็ก “ฉันคงใจดีกับเธอมากไปจริงๆ”
เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นเพียงภาพเบลอในความทรงจำของมีนา ข้อมือของเด็กหนุ่มปวดระบมจากการถูกดึงกระชากตลอดทางกลับมาที่ห้อง แต่ในหัวของร่างเล็กมีเพียงความหวาดกลัวจนไม่รู้สึกถึงแรงมหาศาลที่บับข้อมือของตนไว้ราวกับคีมเหล็ก
“โอ๊ย!”
มีนาร้องออกมาในที่สุดเมื่อร่างของตนถูกผลักลงบนเตียงนุ่มที่กลายเป็นที่นอนประจำของตนตลอดช่วงที่ผ่านมา เด็กหนุ่มพยายามชันตัวขึ้นจากเตียงแต่ถูกน้ำหนักตัวของร่างสูงที่คร่อมทับลงมากักขังไว้ใต้ร่าง
“รู้มั้ยว่าฉันลงโทษคนที่ขัดคำสั่งของฉันยังไง?”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ไร้ซึ่งเศษเสี้ยวความอ่อนโยนที่มีนาเคยได้รับ เด็กหนุ่มพยายามขัดขืน แต่ดูเหมือนธีรเชษฐ์จะไม่ได้มีความยากลำบากใดๆในการตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว
“ผม…ขอโ…”
“อย่าพูดถ้าเธอไม่ได้หมายความตามนั้น” ธีรเชษฐ์ตัดบท มี “คำขอโทษ…มันลบล้างความผิดไม่ได้หรอกนะ”
เรื่องนั้นธีรเชษฐ์รู้ดีที่สุด
“ผม…อื้อ…”
คำแก้ตัวของมีนาถูกกลืนหายไปกับริมฝีปากได้รูปที่บดขยี้ลงมา แม้ความรุนแรงของฟันคมที่ขบลงบนริมฝีปากอิ่มน้ำจะไม่เหมือนกับจูบรับอรุณและจูบราตรีสวัสดิ์แสนหวานที่เขาเคยได้รับ แต่สัมผัสของธีรเชษฐ์ยังคงทำให้ร่างกายที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีโอนอ่อนตามสัมผัสโดยง่าย
ถึงอย่างนั้น มีนายังคงรู้สึกได้ว่าสัมผัสของธีรเชษฐ์นั้นไม่ใช่สัมผัสที่เขาคุ้นเคย โทสะของร่างสูงที่ฉายชัดในจูบนั้นทำให้มีนาเบือนหน้าหนีอย่างดื้อรั้น
ไม่เอาแบบนี้…
เขาไม่อยากถูกสัมผัสโดยไร้ซึ่งความรู้สึกแบบนี้
น่าแปลกที่เมื่อเขาทำเช่นนั้น น้ำหนักของร่างที่ทาบทับตัวเขาอยู่นั้นกลับผละออกไป ทำให้คนที่หลับตาปี๋อย่างหวาดกลัวบทลงโทษหันกลับมามองอีฝ่ายด้วยสีหน้างุนงง
“รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” ความโกรธในน้ำเสียงของธีรเชษฐ์เจือด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มีนาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถเป็นต้นเหตุของมันได้
“คุณเชษฐ์...”
“วันนี้ยังไม่ต้องไปเรียน” ร่างสูงเอ่ยเสียงแข็ง ลุกจากเตียงด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ต่อไปนี้หลังเลิกเรียนฉันจะไปรับ ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนฉันไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมทุกชนิด ฉันจะระงับบัตรเครดิตของเธอทุกใบ ถ้าอยากได้อะไรให้มาขอเงินกับฉันโดยตรง”
มีนาพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่ายด้วยกลัวว่าจะทำให้ร่างสูงโกรธไปมากกว่านี้
“แล้วอย่าคิดหนีไปอีก จำไว้ เพราะถ้ายังมีครั้งต่อไป ฉันจะไม่ใจดีแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแน่”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายเสียงห้วน โยนเอกสารปึกหนึ่งลงบนเตียงข้างร่างเล็กแล้วกลับออกไปจากห้อง กระแทกประตูปิดเสียงดังจนร่างบางสะดุ้งอย่างตกใจ มีนาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยิบเอกสารที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา
สำเนาเอกสารรับรองการเป็นผู้ปกครองชั่วคราวที่มีลายมือมารดาของเขาเซ็นยินยอมอย่างชัดเจน
เด็กหนุ่มปล่อยให้กระดาษในมือร่วงกลับลงไปบนเตียงอย่างหมดแรง หัวเราะเบาๆทั้งน้ำตาอย่างขมขื่นกับตลกร้ายที่เกิดขึ้น
ธีรเชษฐ์ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ต่อให้ไม่มีเอกสารพวกนี้ มีนาก็เป็นของชายหนุ่มทั้งตัวเเละหัวใจ สาเหตุเดียวที่เขาเลือกที่จะจากไปมีเพียงความหวังที่ว่าเขาจะไม่เป็นตัวถ่วงให้ชีวิตของร่างสูงตกต่ำลง
แต่หากธีรเชษฐ์ต้องการให้เขาอยู่ เขาก็จะอยู่
ต่อให้โซ่ตรวนที่ล่ามเขาอยู่นี้บาดลึกจนถึงกระดูก เขาก็จะไม่ไปไหน
ถ้านั่นคือสิ่งที่ทำให้ธีรเชษฐ์พอใจ เขาก็ยินดีที่จะถูกขังไว้ในกรงทองนี้ตลอดชีวิต
ภรัณยูยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าตนคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมโอนอ่อนตามความต้องการของทินกรในวันเกิดของร่างสูง
“อือ…ซัน ตั้งใจเรียนหน่อยสิ”
ชายหนุ่มดูร่างที่ดึงเขามานั่งซ้อนบนตักแล้วพรมจูบฝากรอยรักแสดงความเป็นเจ้าของไว้ทั่วลำคอระหงส์ตั้งแต่ครูสอนพิเศษจำเป็นนั่งลงบนเตียง พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงจัง แต่มันข่างยากลำบากเหลือเกินเมื่อมีมือใหญ่ลูบไล้หน้าท้องแบนราบพร้อมสะกิดเขี่ยยอดอกสีชมพูไวต่อสัมผัสใต้เสื้อทำงานของเขาอยู่แบบนี้
“ผมก็ตั้งใจอยู่นี่ไงครับ พี่ภัทรสอนสิครับ” เสียงทุ้มกระซิบหยอกเย้า ลิ้นร้อนลากเป็นทางยาวขึ้นมาตามเรียวคอขาว ขบเม้มติ่งหูเย็นจนคนถูกทำร้ายต้องขยับหนีเพื่อลดความรู้สึกวูบวาบที่เกิดขึ้นในช่องท้อง
“หยุด เวลาเรียนก็เรียนสิ” ร่างโปร่งเค้นเอาน้ำเสียงจริงจังของตนออกมาในที่สุด ได้ผล ทินกรหยุดการกระทำของตน แม้ว่าภรัณยูจะไม่ได้อยากเห็นสีหน้าที่สลดลงของอีกฝ่ายก็ตาม
ชั่วโมงเรียนผ่านไปอย่างช้าๆโดยที่ภรัณยูยังคงนั่งอยู่บนตักของร่างสูง แต่เด็กดีอย่างทินกรเมื่อถูกดุไปแล้วหนึ่งรอบก็กลายเป็นนักเรียนดีเด่นที่เก็บมือซุกซนของตัวเองไว้กับตัวตลอดบทเรียน ทั้งที่นั่นควรจะเป็นเรื่องดี แต่ภรัณยูกลับอดรู้สึกผิดไม่ได้
“สี่สิบหกคะแนนเต็มห้าสิบ ไม่เลวนี่”
ภรัณยูเอ่ยขึ้นหลังจากจบแบฝึกหัดท้ายบทเรียน ทินกรยิ้มรับคำชมอย่างดีใจ ปิดหนังสือแบบฝึกหัดและสมุดของตัวเองวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะหันกลับมาหาคนรักอายุมากกว่าด้วยสีหน้าคาดหวัง
ภรัณยูถอนหายใจ แต่ในที่สุดก็เผลอหลุดยิ้มขำออกมา
“อยากได้รางวัลใช่มั้ย?”
ทินกรพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น และนั่นทำให้รอยยิ้มมุมปากของร่างโปร่งเปลี่ยนเป็นหลุดขำออกมา ก่อนที่เสียงหัวเราะนั้นจะถูกปิดโดยริมฝีปากได้รูปของเด็กหนุ่ม คราวนี้แทนคำดุว่า เสียงที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวมีเพียงเสียงครางหวานหูที่ทินกรหลงใหลหนักหนา
บางทีภรัณยูก็คิดว่าตัวเองตามใจเด็กหนุ่มมากเกินไป
“ขออีกรอบนะครับ…”
เปลือกตาของร่างโปร่งเริ่มปรือปรอยจากกิจกรรมที่ลากยาวกว่าที่คิดหลายชั่วโมง แต่ร่างสูงที่ควรจะเป็นฝ่ายออกแรงมากกว่าเขากลับไม่มีท่าทีอ่อนเพลียแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังดูมีเรี่ยวแรงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
”พี่ขอพักก่อน” ภรัณยูตอบในที่สุด ทินกรไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา เด็กหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม โอบเอวบางไว้หลวมๆจากด้านหลัง พรมจุมพิตลงบนหัวไหล่เปลือยเปล่าชื้นเหงื่ออย่างรักใคร่ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายการกระทำของทินกรที่แตกต่างจากคนรักในอดีตของเขา
เรื่องบนเตียงสำหรับภรัณยูเป็นเหมือนหัวข้อต้องห้ามในความสัมพันธ์ก่อนหน้า คนที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกระซิบถามเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่าเขารู้สึกเจ็บหรือไม่ ไม่เคยมีใครถามถึงความพร้อมของเขา ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะรู้สึกดีเช่นกันหรือไม่
แน่นอน ไม่มีใครพร่ำบอกคำรักแว่วหวาน คลอเคลียข้างกายไม่ห่างเช่นที่ทินกรกำลังทำอยู่ตอนนี้ เรือนร่างที่แนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเนื้อเนื้อเดียวกันทำให้ภรัณยูรู้ดีว่าปัญหาของร่างสูงยังไม่คลี่คลาย แต่ทินกรไม่คิดจะเอ่ยขอให้เขาลำบากใจอีกครั้ง เด็กหนุ่มเพียงแต่กอดเขาไว้ในอ้อมแขนเงียบๆ ราวกับว่าแค่นั้นก็มากเกินกว่าที่ทินกรจะนึกฝัน
บางครั้งเขาก็เกลียดความเป็นเด็กดีของอีกฝ่าย
“ซัน…” ร่างโปร่งพลิกตัวกลับไปหาคนรัก ทินกรขยับถอยออกมาเล็กน้อย ยิ้มเจื่อนๆให้เขาราวกับเด็กน้อยที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
“ขอโทษครับ”
“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่” ร่างโปร่งกระซิบตอบ ขยับเข้าไปใกล้คนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มจางที่มุมปาก “พี่หายเหนื่อยแล้ว”
“…จริงเหรอครับพี่ภัทร?”เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาสีควันบุหรี่เป็นประกายระยับเมื่อได้ยินดังนั้น
ภรัณยูโกหก…
ร่างกายของเขาส่งเสียงร้องประท้วงทุกครั้งที่ขยับ สะโพกของเขายังคงร้าวระบมจากความรุนแรงที่ได้รับ แม้ว่าทินกรจะพยายามอ่อนโยนแค่ไหน
แต่เขาอยากให้ทินกรรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เลือกเขา อย่างน้อยที่สุด เขาอยากให้ทินกรรู้สึกว่าเขาสามารถให้อะไรได้พอๆกับเด็กอายุใกล้เคียงกันที่ทินกรเคยคบมา
ขาเรียวตวัดคร่อมร่างสูง ภรัณยูพลิกกายขึ้นนั่งบนตักของทินกร มือเรียวยกขึ้นทัดผมของตัวเองกับหลังหู สังเกตดวงตาสีควันบุหรี่ไล่มองตามทุกการกระทำของเขาราวกับสุนัขป่าผู้หิวโหย
สะโพกมนบดเบียดร่างข้างใต้อย่างยั่วเย้าแทนคำเชิญชวน
เขารู้ว่าตัวเองจะต้องเสียใจทีหลัง
แต่เป็นอีกครั้งที่แววตาของทินกรที่มองเขาเหมือนเป็นโลกทั้งใบทำให้ภรัณยูเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันมากกว่าสิ่งที่ยังไม่เกิด