say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “10”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
หินผานั่งเงียบ ๆ เพื่อรอฟังคำตอบ เขาไม่ได้กดดันหรือบังคับอะไร แค่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เท่านั้น ต่อให้วันนี้สายน้ำจะยังไม่พร้อมตอบคำถามของเขา เขาก็ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นเพราะในตอนนี้ทุก ๆ อย่างมันดีมากแล้ว แค่ได้รู้ว่าน้องน้ำที่เขารอมาตลอดนั่งอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“พี่หินผา” สายน้ำเอ่ยเรียกชื่อของคนที่อยู่ด้วย หลังจากที่วางแก้วน้ำเปล่าที่ยกขึ้นดื่มลงกับโต๊ะ
“อือ” หินผาส่งเสียงในลำคอเพื่อต้องการบอกว่าเขากำลังฟังอยู่ ฟังในสิ่งที่สายน้ำกำลังจะพูดนี้
สายน้ำกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกว่าลำคอแห้งผากจนต้องหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอีกรอบ เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ เหมือนต้องการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง “เรื่องที่พี่ถามผมเมื่อกี้... ที่ว่าทำไมผมไม่บอกพี่แต่แรกว่าผมคือใคร”
“เล่าให้ฟังได้ใช่ไหม” หินผาถามกลับไป
“ครับ เล่าได้” สายน้ำพยักหน้ายืนยันในคำตอบ เขาตัดสินใจแล้ว... หลังจากที่คิดทบทวนกับตัวเองในใจ เขาอยากลองที่จะก้าวสักหนึ่งก้าว ซึ่งก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะเป็นการก้าวไปข้างหน้า หรือก้าวถอยหลัง แต่การที่ทำให้ตัวเองเคลื่อนไหวก็คงดีกว่าให้ตัวเองอยู่เฉย ๆ แล้วนึกย้อนเสียดายในภายหลัง “จริง ๆ แล้ว... มีหลายเรื่องเลยที่พี่อาจจะยังไม่รู้ ผมเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะพูดทุกอย่างออกมาดีหรือเปล่า ผมไม่มั่นใจ”
สีหน้าของสายน้ำดูเป็นกังวลมากจนหินผานึกเป็นห่วง คนอายุมากกว่ายกมือวางบนกลุ่มผมนุ่มของสายน้ำแล้วลูบไปมาเบา ๆ เหมือนที่ชอบทำ ทั้งตอนที่เป็นน้องน้ำสมัยเด็ก ๆ หรือแม้แต่ตอนเป็นสายน้ำ รุ่นน้องปีหนึ่ง เดือนมหาวิทยาลัยเขาก็ชอบที่จะลูบผมอีกฝ่ายแบบนี้ “ไม่เป็นไร เล่าที่เล่าได้ ที่เล่าไหวก็พอ”
“ครับ” สายน้ำระบายยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น “เรื่องที่ผมไม่บอกพี่ว่าผมคือใคร... จริง ๆ แล้วผมมีความคิดที่จะบอกพี่อยู่หลายครั้ง แต่พอผมถามพี่เรื่องของรุ่นน้องที่พี่สนิทด้วยตอนเด็ก ๆ แล้วพี่ตอบมาแบบนั้น มันเหมือนพี่คิดเอาไว้... พี่หวัง... และพี่เชื่อว่าน้องน้ำที่โตขึ้นมาก็จะยังน่ารักไม่เปลี่ยนเหมือนกับตอนเด็ก ๆ”
“...”
“ผมเลยกลัวว่าถ้าพี่รู้ว่าผมโตมาหน้าตาแบบนี้ ต่างจากตอนเป็นเด็กน่ารัก ๆ มากขนาดนี้มันจะทำให้พี่ผิดหวัง ผมไม่อยากเห็นพี่รู้สึกผิดหวังจากสิ่งที่คาดเอาไว้ ผมเลยไม่บอก...” พูดไปก็ก้มหน้าก้มตาไป ไม่ยอมสบตากับคู่สนทนาด้วย สายน้ำบีบมือตัวเองแน่น เขาทั้งรู้สึกกลัวแล้วก็ประหม่าไปหมด
หินผาวางศอกเอาไว้บนหน้าขามือสองข้างยกขึ้นปิดหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา “พี่ผิดเอง เรื่องนี้พี่ผิดเอง ถ้าพี่ไม่ตอบเราไปแบบนั้น ถ้าพี่ไม่ยึดติดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ เราก็คงกล้าที่จะบอกพี่ แล้วเราก็คงไม่ต้องมาหลบหน้าพี่ด้วย”
“ไม่หรอกครับ พี่ไม่ผิดหรอก” สายน้ำส่ายหน้าไปมาปฏิเสธคำพูดของรุ่นพี่ตรงหน้า “ผมต่างหากที่ไม่กล้าเอง... อีกอย่างผมในตอนนี้ก็แตกต่างจากตอนเป็นเด็กมาก ๆ พี่จะนึกไม่ถึงก็ไม่แปลกหรอกครับ”
“สายน้ำ”
“จริง ๆ นะครับ พี่ไม่ผิดเลย... ผมไม่อยากให้พี่คิดแบบนั้น การที่พี่จำผมไม่ได้มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย ถ้าผมเป็นพี่ผมก็อาจจะจำไม่ได้เหมือนกัน”
หินผานั่งฟังสิ่งที่สายน้ำพูดเพราะเขาพอจะมองออกว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่สายน้ำอยากจะพูด แต่ไม่เคยได้พูดแล้วเมื่อได้พูดสักครั้งหนึ่งก็คงอยากจะพูดอะไรทุกอย่างออกมาให้หมด ไม่อยากเก็บเอาไว้ในใจให้อึดอัด
“แต่ผมก็รอมาตลอดเลยครับ รอที่จะได้กลับมาที่นี่ มาเจอพี่อีกครั้งเพราะผมเองก็ยังจำสัญญาที่พูดกับพี่เอาไว้ได้ ที่ผมจะกลับมา แต่ถึงแม้ว่าผมจะกลับมาแล้วผมก็ไม่ได้มีความกล้ามากขนาดนั้นที่จะพูดทุกอย่างออกมาเอง” ดวงตาของสายน้ำสั่นไหวตอนพูด มันเหมือนกับว่าเขาได้ปลดปล่อยทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา
ยิ่งพูด... ก็ไม่สามารถยับยั้งอะไรได้...
“แต่ผมดีใจมากเลย ที่ผมได้เจอพี่อีกครั้ง แล้วก็ดีใจมาก ๆ ที่พี่เองก็ไม่เคยลืมสัญญาเหมือนกัน”
“พี่ก็ดีใจที่ได้เจอเราอีกครั้ง” หินผาเอื้อมมือไปยีผมของน้องเล่นอย่างเอ็นดู เจ้าตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะกางแขนออก
สายน้ำเงยหน้ามองตามพลางเม้มปากแน่นตอนที่หินผากางแขนออกแล้วมามองมาที่เขายิ้ม ๆ เจ้าตัวก้มหน้ากลั้นรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอดคนตรงหน้าแน่น ๆ
“ยินดีต้อนรับกลับ”“ผมกลับมาแล้วครับ”หินผาลูบหลังคนในอ้อมกอด กอดสายน้ำแน่น ๆ อีกทีก่อนจะผละออก นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หินผาได้มองหน้าน้องชัด ๆ และใกล้ ๆ แบบนี้ คนอายุมากกว่ายิ้มบางยกมือขึ้นยีผมของน้องอย่างเอ็นดู เดิมทีตอนที่ยังไม่รู้ความจริงเขาก็นึกเอ็นดูสายน้ำมากอยู่แล้ว เอ็นดูมากจน... เผลอชอบไปอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้รู้แล้วว่าสายน้ำคือน้องน้ำ ความรู้สึกเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก ส่วนอีกความรู้สึก... คงต้องให้เวลาคอยบอกว่ารู้สึกมากน้อยแค่ไหน
“กินอะไรหรือยัง” หินผาเอ่ยถามอย่างต้องการเปลี่ยนเรื่องเพราะถ้าขืนยังพูดเรื่องเดิมอยู่คงได้เห็นคนแถวนี้ร้องไห้แน่นอนเลย เพราะแค่นี้ก็ตาแดง จมูกแดง หน้าแดง ไปหมดแล้ว
“ยังครับ พี่ล่ะ” สายน้ำก้มหน้าพลางส่ายหน้าไปมา รู้สึกว่าแก้มตัวเองมันร้อนวูบวาบและไม่ต้องให้ใครบอกหรือไปส่องกระจกสายน้ำก็รับรู้ได้ว่าใบหน้าของตัวเองจะต้องแดงมากแน่ ๆ เพราะอ้อมกอดเมื่อครู่ของหินผา
“ยังเหมือนกัน อย่างนั้นไปหาอะไรกินกัน”
“ครับ เดี๋ยวผมไปหยิบของก่อน” สายน้ำเดินหายเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหยิบกระเป๋ากับโทรศัพท์ก่อนจะเดินออกมาหาหินผาที่ยืนรออยู่
“แถวนี้มีอะไรอร่อย ๆ บ้าง” หินผาเอ่ยถามระหว่างที่พวกเขาเดินออกจากห้องไปที่ลิฟต์ คนอายุมากกว่าถอยหลังไปชิดผนังลิฟต์พลางมองน้องที่ยกคีย์การ์ดขึ้นแตะเพื่อแสกน
“เลยคอนโดผมไปหน่อยมีร้านอาหารอยู่ครับ จะลองดูไหมครับ” สายน้ำหันมาตอบคำถาม ขยับมายืนข้างกัน
“เอาสิ แบบนั้นก็ได้”
ไม่นานลิฟต์ก็เลื่อนลงมาหยุดที่ชั้นหนึ่ง ทั้งสองคนเดินออกจากลิฟต์ผ่านส่วนล็อบบี้ของคอนโดแล้วออกไปด้านนอก เพราะร้านอยู่ไม่ไกลมากพวกเขาจึงเลือกที่จะเดินไปแทน เดินไปช้า ๆ ไม่รีบเร่ง เดินอยู่ข้าง ๆ กัน และก้าวไปพร้อมกัน
ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงร้านอาหารที่ว่า ตัวร้านเป็นโครงสร้างเหล็กหลังคาจั่วทรงสูง ผนังทั้งหมดรอบด้านเป็นกระจกให้มองเห็นบรรยากาศภายในร้านได้ แถมทางร้านยังจัดสวนเพื่อสร้างบรรยากาศดี ๆ อีกด้วย สายน้ำผลักประตูเข้าไปโดยมีหินผาเดินตามหลัง พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะโซฟาริมผนังด้านในของร้านแทนริมผนังกระจก
เมนูอาหารมีค่อนข้างหลากหลาย ก่อนที่พวกเขาจะสั่งอาหารจานเดี่ยวมาคนละจาน แถมด้วยกับข้าวอีกสองอย่างมากินด้วยกัน ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ คนละแก้ว สายน้ำกวาดสายตาไปรอบร้าน ที่จริงร้านนี้เขาเคยมากินกับเพื่อน ๆ แล้ว สำรวจร้านจนทั่วแล้วด้วย แต่เพราะเขาไม่รู้จะวางสายตาเอาไว้ตรงไหนถึงได้มองไปรอบ ๆ แบบนี้แทน อยู่ ๆ ก็ไม่กล้ามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่ก็ตาม
หินผายิ้มขำท่าทางของคนตรงหน้าดูก็รู้ว่าสายน้ำคงทำตัวไม่ถูกเพราะตั้งแต่ส่งเมนูคืนพนักงานไปเจ้าตัวก็เอาแต่กวาดไปสายตาไปรอบ ๆ ไม่ยอมมองหน้าเขาสักที หากเป็นทุกทีเขาก็คงไม่นึกใส่ใจอะไร หยิบโทรศัพท์มากดเล่นรอเวลาอาหารมาเสิร์ฟไปแล้ว แต่ตอนนี้หินผารู้สึกว่าในโทรศัพท์ไม่มีอะไรน่าสนใจ คนตรงหน้านี้น่าสนใจมากกว่า
เขายังไม่คิดที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองให้สายน้ำรู้ เขาต้องการเวลา... เวลาที่เหมาะสม
เพราะไม่อยากให้น้องปวดตาจากการกวาดสายตาไปมาหินผาจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่น และเมื่อสายน้ำเห็นว่าหินผาละสายตาไปจากตัวเองแล้วก็ลอบถอนหายใจออกมา ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบ้าง
“เรียนเป็นยังไงบ้างช่วงนี้” หินผาเริ่มบทสนทนาหลังจากที่ปล่อยความเงียบครอบคลุมทั่วโต๊ะมาได้สักพัก
สายน้ำสะดุ้งนิด ๆ ตอนที่เสียงของหินผาดังขึ้น เจ้าตัวเงยหน้าจากโทรศัพท์เมื่อมองคู่สนทนาก่อนจะตอบ “ก็... ยังพอได้อยู่ครับ ยังไม่รู้สึกว่ายากเท่าไหร่ครับ”
“ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าสงสัยอะไรตรงไหนก็ถามพี่ได้ ไอ้เดียร์ไอ้ทัชก็ถามได้ หรือจะถามเข้าไลน์กลุ่มพวกพี่ป่าก็ได้เหมือนกัน” หินผาพูด “เดี๋ยวเทอมหน้าทำงานกับปีสี่นะ มีแบบนี้ทุกปี ปีหนึ่งจะได้ลองออกแบบบ้านแล้วล่ะ”
“เหมือนจะได้ยินอาจารย์พูด ๆ อยู่เหมือนกันครับ แต่อาจารย์บอกว่าจะบอกรายละเอียดอีกทีตอนก่อนปิดเทอม ตอนพี่อยู่ปีหนึ่งก็มีทำแบบนี้เหมือนกันเหรอครับ”
หินผาพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นพวกพี่ไปกระบี่กัน”
“แล้ว... อาจารย์เป็นคนจับกลุ่มให้เหรอครับ”
“เปล่าหรอก ให้จับกลุ่มกันเองน่ะ ปีสี่จะเหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้ เหมือนคอยสอนเบื้องต้นนั่นแหละ สนุกดีนะ” หินผายิ้ม “ยังไงก็อย่าลืมเลือกกลุ่มพี่แล้วกัน ดีไหม”
สายน้ำพยักหน้ารับพยายามกลั้นรอยยิ้มกว้างดีใจของตัวเอง ซึ่งมันยากมาก ๆ แต่ก็ยังโชคดีที่อาหารมาเสิร์ฟพอดีทำให้พวกเขาละความสนใจจากกันมาที่อาหารตรงหน้าที่ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ สายน้ำสั่งข้าวผัดกุ้งมาหนึ่งจาน ส่วนของหินผาสั่งเป็นข้าวสวยกับเซ็ตน้ำพริกปลาทู ส่วนกับข้าวก็เป็นทอดมันกุ้งกับต้มยำทะเล ซึ่งรสชาติต้มยำอร่อยถูกใจคนกินอาหารรสจัดอย่างหินผา แต่ค่อนข้างเผ็ดมากสำหรับสายน้ำ แค่เขาตักน้ำต้มยำชิมไปแค่ช้อนเดียวก็ปากแดงไปหมด ต้องตักข้าวผัดเข้าปากหลายคำกว่าจะหายเผ็ด
“หัวเราะชอบใจใหญ่” สายน้ำว่าเมื่อคนตรงหน้านั่งขำท่าทางลนลานของเขา
“ก็ท่าทางเรามันตลก” หินผาว่าพลางกลั้นหัวเราะไปด้วย ท่าทางของสายน้ำตอนกินน้ำต้มยำแล้วหน้าแดงปากแดงด้วยความเผ็ดต้องรีบคว้าแก้วน้ำมาดูดอึก ๆ มันดูน่าขันจนเผลอหัวเราะออกมา แต่พอเห็นสีหน้าบึ้ง ๆ ของน้องก็ต้องเม้มปากกลั้นยิ้มไว้
หินผากระแอมกระไอเพื่อกลบเกลื่อนอาการขำของตัวเอง ตักทอดมันกุ้งใส่จานของน้องให้ “กินนี่แทนแล้วกัน ไม่เผ็ด จะเอาแกงจืดอะไรไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ แบบนี้แหละผมกินได้”
ถึงแม้สายน้ำจะบอกแบบนั้นแต่หินผาก็ยกมือเรียกพนักงานก่อนจะสั่งแกงจืดมาให้สายน้ำเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง “เดี๋ยวพี่ช่วยกิน”
แล้วสายน้ำจะปฏิเสธได้ยังไงกัน “ขอบคุณครับ”
“ระหว่างรอก็กินนี่ก่อน” หินผาตักกุ้งในถ้วยต้มยำมาใส่จานข้าวตัวเองแล้วใช้ข้าวสวยคลุกไปมาบนตัวกุ้งเพื่อลดความเผ็ดลงแล้วจึงตักกุ้งตัวนั้นให้สายน้ำ
“ขอบคุณครับ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่หินผาทำแบบนี้ให้ หลายครั้งเวลาที่พวกเขาไปกินข้าวด้วยกัน แล้วถ้าสั่งเป็นกับข้าวที่มีรสเผ็ดหินผาก็จะทำแบบนี้ให้ตลอด
ใช้เวลาไม่นานอาหารทุกอย่างบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง รวมไปถึงแกงจืดที่สั่งมาเพิ่มทีหลังด้วย พอมีแกงจืดมาช่วยดับความเผ็ดสายน้ำเลยตักต้มยำกินได้อีกหลายช้อน พวกเขาเดินกลับไปที่คอนโดของสายน้ำ คนอายุมากกว่าก็เอ่ยขอตัวกลับก่อนสายน้ำเลยเดินไปส่งอีกฝ่ายที่รถ
“แล้วเจอกันนะ”
“ครับ... ขับรถดี ๆ นะครับ”
หินผาพยักหน้ารับ ยกมือยีผมของน้องไปอีกรอบก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถแล้วขับออกจากลานจอดรถไป สายน้ำยืนมองก่อนจะเดินกลับเข้าไปในล็อบบี้ ใช้บัตรสแกนเข้าลิฟต์ก่อนจะกดชั้นที่เพื่อนของตัวเองอยู่ พวกเขาทำคีย์การ์ดชั้นตัวเองมาแลกกันเอาไว้ เผื่อมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ สายน้ำจึงสามารถกดลิฟต์ชั้นที่แบงก์กับตั้มอยู่ได้
เคาะประตูห้องอยู่ไม่นานแบงก์ก็เดินมาเปิดประตูให้ เจ้าตัวแปลกใจเมื่อเห็นสายน้ำยืนอยู่แต่ก็เปิดประตูออกกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
“มีอะไรเปล่าวะ” ตั้มหันมาทัก
“เปล่า พอดีออกไปกินข้าวมาแล้วผ่านร้านเค้กเลยซื้อมาฝากพวกมึงด้วย” สายน้ำชูถุงใส่กล่องเค้กที่เขาแวะซื้อระหว่างเดินกลับคอนโดให้ดู
“เฮ้ย! กำลังอยากกินพอดี ขอบใจมากมึง” แบงก์ยิ้มกว้างรับถุงขนมเค้กมาจากสายน้ำแล้วเดินไปทางแพนทรี่ครัวก่อนจะยกจานใส่ขนมเค้กทั้งปอนด์ออกมา “กินไหมมึง”
สายน้ำส่ายหน้า “ไม่อ่ะ พวกมึงกินกันเลย”
“เออ ๆ มึงจะกลับห้องเลยเปล่า”
“ยัง ขออยู่ด้วยก่อน” สายน้ำว่าพลางเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟายาวที่ไม่มีใครนั่งเพราะเพื่อนทั้งสองคนไปนั่งอยู่ที่พื้นข้างโต๊ะญี่ปุ่นเพื่อนั่งกินขนมเค้กกัน
“ตามสบาย” แบงก์ว่า “แล้วมึงไปกินข้าวที่ไหนมาวะถึงได้ผ่านร้านนี้มาได้เนี่ย”
“ร้านที่เคยไปกินนั่นแหละ พอดีพี่หินผาแวะมาคุยธุระด้วยก็เลยไปกินข้าวกันมา”
แบงก์กับตั้มหันมองหน้ากันเองก่อนจะหันไปมองเพื่อน “ช่วงนี้มึงสนิทกับพี่เขาเนอะ”
“อือ... สนิท จริง ๆ แล้วกูกับพี่หินผาเคยรู้จักกันมาก่อนตอนเด็ก ๆ ก็เลยสนิทกันน่ะ” สายน้ำเลือกที่จะบอกเพื่อนไปเพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บเป็นความลับอะไรแล้ว เพราะหินผาก็รู้แล้วว่าเขาคือน้องน้ำในตอนนั้น
“อ้าวเหรอวะ ไม่บอกพวกกูแต่แรกอ่ะ”
“ก็... เพิ่งจำได้กันน่ะ ไม่ได้เจอกันนานมากก็เลยนึกไม่ถึง” สายน้ำตอบแบบเลี่ยง ๆ ไปก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนอิง ท่าทางแปลก ๆ จนตั้มต้องเอ่ยถาม “มึงเป็นไรเปล่าวะ ไม่สบายเหรอ”
“อ่า... เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นอะไร”
“แน่ใจนะมึง ทำไมมึงดูหงอย ๆ วะ”
“กูไม่ได้หงอย แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ พวกมึงไม่ต้องสนใจหรอกน่า กินเค้กกันไปเถอะ” สายน้ำหัวเราะเมื่อได้ยินแบงก์พูดแบบนั้น
“แน่นะมึง”
“แน่ดิ กิน ๆ ไปไม่ต้องสนใจกู” สายน้ำโบกมือไล่ให้เพื่อนทั้งสองคนหันไปสนใจขนมเค้กแทน “ปล่อยกูเอาไว้แบบนี้แหละ”
แบงก์กับตั้มเออออรับคำ มองเพื่อนตัวเองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะละความสนใจแล้วหันมาสนใจขนมเค้กต่อแทน สายน้ำพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อไม่สนใจแล้ว เขายังคงซุกหน้ากอดหมอนอิงอยู่แบบนั้น
จะให้บอกกับเพื่อนได้ยังไงว่าไม่กล้ากลับขึ้นไปบนห้องตัวเอง ห้องที่หินผาได้เข้าไปแล้ว
เข้ากลัวว่าตัวเองจะนอนเขินตายอยู่บนห้องเพราะไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็คงเห็นภาพหินผาเดิน นั่งแล้วก็ยืนอยู่ในห้องของตัวเองแน่ ๆ ใครจะคาดคิดกันว่าวันหนึ่งเขาจะมีโอกาสได้พาคนที่แอบชอบขึ้นมาบนห้องของตัวเอง แม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรนอกไปจากการพูดคุยก็เถอะ
แต่คนที่เรียกว่าเป็น
Hinpaalism แบบเขาแล้วมันก็อดที่จะมองเห็นภาพของหินผาในห้องตัวเองไม่ได้ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะกล้าอยู่ได้ยังไงกัน ถ้าหัวใจของเขาเต้นแรงตลอดเวลา หน้าแดงตลอดเวลาล่ะก็... ต้องตายแน่ ๆ
เลยต้องแวะมาหลบพักหัวใจของตัวเองไม่ให้ทำงานหนักเกินไปที่ห้องของเพื่อน ๆ ก่อนนี่ไง
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
ใกล้กันเข้ามาอีกนิดหนึ่งแล้วสำหรับคู่นี้
แต่ก็ต้องให้เวลาอีกหน่อยเนอะ จะปุ๊บปั๊บเลยก็คงไม่ใช่สไตล์พี่หินผา
เอาเป็นว่า... ให้เวลาค่อย ๆ ทำให้พวกเขารักกันกว่าเดิมดีกว่าเนอะ
น้องน้ำน่ารัก ไม่กล้ากลับเข้าห้องเพราะมีแต่ภาพพี่เขาเต็มห้องเลย
เอ็นดูวววววววววววววววว
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
ปล. เค้ามี Line@ แล้วน้า แอดมาคุยเล่น ติดตามข่าวได้เลยนะ
Line@ : @f.gc (มี @ มี . (จุด) ด้วยน้า)
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ