say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “9”เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากหินผาที่กำลังนั่งฟังเพื่อนพรีเซนต์งานอยู่มาที่โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัว เขาหยิบขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปดูในเฟซบุ๊กที่มีการแจ้งเตือนมา
TARA SAINAM WILKINSON ผมว่าผมรู้ว่าพี่หมายถึงเรื่องไหนนะ *อิโมจิใบหน้าครุ่นคิด*สายน้ำตอบกลับคอมเมนต์ของหินผาที่เขาไปคอมเมนต์เอาไว้จนเป็นเหตุให้เขานั่งดูภาพยนตร์ชื่อดังจนถึงเช้า ปลายนิ้วกดแป้นพิมพ์เพื่อตอบกลับ
HINPAA TARYN แน่ใจเหรอว่ารู้TARA SAINAM WILKINSON แน่ใจสิครับ ผมรู้ ผมเก่งหินผายิ้มขำเมื่อได้อ่านคอมเมนต์ล่าสุดที่ค่อนข้างอวยตัวเองของรุ่นน้องคนนี้ เขากดออกจากเฟซบุ๊กแล้วเข้าแอปฯ ไลน์ส่งข้อความหาสายน้ำในนี้แทน
“ทำไรของมึงอ่ะ” ทัชที่หันมาเห็นเพื่อนสนิทตัวเองนั่งก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์พร้อมรอยยิ้มมุมปากถามอย่างแปลกใจ ปกติหินผาไม่ใช่คนติดโทรศัพท์สักเท่าไหร่พอเห็นนั่งเล่นโทรศัพท์แบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
คำพูดของทัชไม่ได้เรียกความสนใจแค่จากหินผาแต่เรียกความสนใจจากเดียร์ด้วย “กดโทรศัพท์ไปยิ้มไปนะ”
“เออ นั่นดิ แอบคุยกับใครวะมึงอ่ะ ทำอย่างกับคนมีความรักไปได้” ทัชเสริมต่อจากคำพูดของเดียร์
“จริง” เดียร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับทัชเหมือนกัน
"มีความรักอะไรกัน” หินผาส่ายหน้ายิ้ม ๆ กับความคิดของเพื่อนสนิททั้งสองคน “กูคุยกับสายน้ำอยู่”
คำตอบของหินผาทำเอาสองหนุ่มที่เหลือหันมองหน้ากันทันทีด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ทัชจะหันกลับมาถามต่อ “มึงคุยกับน้องบ่อยเหรอวะ”
“หือ... บ่อยนะคุยกันทุกวันนั่นแหละ” หินผาเลิกคิ้วขึ้นกับคำถามของทัช เขาตอบเพื่อนสนิทไปโดยไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์
“คุยกันทุกวันเลย” ทัชทำเสียงเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนบอก
“อือ ใช่ ทำไมล่ะ”
“พวกกูแค่แปลกใจน่ะเพราะปกติมึงไม่ค่อยติดโทรศัพท์ไง” ทัชบอก “พอรู้ว่ามึงคุยกับน้องมันทุกวันก็เลยแปลกใจ”
“คุยทุกวันแต่ไม่ได้คุยทั้งวันสักหน่อย มึงจะแปลกใจไปทำไม” หินผาส่ายหน้าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ทัชกับเดียร์ต้องการจะสื่อ แต่ยังไม่มีใครได้พูดอะไรต่อก็หมดคาบเรียนพอดี อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้วพวกเขาเลยเริ่มเก็บของก่อนจะทยอยเดินออกจากห้องเรียนไป
“ไปไหนต่อ” ทัชถามหลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนลงมาอยู่ใต้อาคารแล้วเรียบร้อย “กินข้าวไหม”
“ไป ๆ ที่ไหนดี โรงอาหารไหมล่ะคนไม่น่าเยอะแล้วนะตอนนี้” เดียร์ตอบก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“ก็น่าสน งั้นไปเถอะ”
พอหินผาบอกแบบนั้นทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยทันที เวลาบ่ายโมงกว่าแบบนี้คนไม่ค่อยเยอะจึงมีที่นั่งให้พวกเขาเลือกนั่งได้สบาย ๆ
แวะทักทายรุ่นน้องในคณะตอนเดินผ่านแล้วน้อง ๆ พากันยกมือไหว้ ทัชกับหินผาให้เดียร์นั่งเฝ้าโต๊ะ ส่วนพวกเขาสองคนจะไปซื้อของกินมาให้ เมนูสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลสามจานถูกหยิบใส่ถาดพวกเขาสั่งเมนูเดียวกันจะได้ไม่ต้องรอนานมาก ทัชเดินไปซื้อน้ำส่วนหินผาก็เดินยกถาดกลับไปที่โต๊ะ
เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าที่โต๊ะไม่ได้มีแค่เดียร์ที่นั่งอยู่แต่ยังมีรุ่นน้องที่คุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่ที่โต๊ะอีก
“สวัสดีครับ / ค่ะ” รุ่นน้องพากันยกมือไหว้เมื่อเห็นหินผาเดินเข้ามาที่โต๊ะ
“ไง” เขาส่งยิ้มกลับไปให้ หยิบจานสปาเก็ตตี้ส่งให้เดียร์กับทัชที่เพิ่งเดินมาถึงและกำลังรับไหว้รุ่นน้องอยู่
หินผานั่งลงตรงข้ามกับเดียร์ซึ่งข้าง ๆ เป็นสายน้ำ ส่วนทัชนั่งข้างเดียร์ “กินอะไรกันหรือยังล่ะพวกเรา” หันมาถามรุ่นน้องทั้งหมดแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่คนข้างตัว
“เรียบร้อยแล้วล่ะครับ” สายน้ำเลยต้องกลายเป็นตัวแทนตอบคำถามแทนเพื่อน ๆ “พวกผมนั่งกันข้างในตอนเดินออกมาเห็นพี่เดียร์นั่งอยู่ก็เลยเดินเข้ามาหาน่ะครับ”
“แล้วมีเรียนต่อหรือเปล่า”
“มีครับ” สายน้ำพยักหน้ารับ “วิชาประวัติศาสตร์”
“วิชานี้ได้เกรดยากไหมคะ” มะนาวชะโงกหน้ามาถาม
“ไม่ยากหรอกนะ ตอนพวกพี่เรียนก็มีคนได้เอเยอะเลย” เดียร์ตอบคำถามของรุ่นน้อง “ข้อสอบเหมือนจะยากแต่ถ้าอ่านดี ๆ ก็สามารถตอบได้เกือบทุกข้อนั่นแหละ เน้นความจำเพราะวิชานี้ข้อสอบจะเป็นข้อเขียนแค่ไม่กี่ข้อ คะแนนเก็บก็เอาจากการตัดโมเดลน่ะ”
“ตัดโมเดลเหรอครับ” แบงก์ถาม
“ใช่ โมเดลบ้านเรือนไทยอะไรพวกนี้อ่ะแหละ ยากง่ายขึ้นอยู่กับวิธีแต่ละกลุ่ม แต่ถ้าทำออกมาได้สวยก็คะแนนดีสุด ๆ เลย” ทัชพยักหน้าให้รุ่นน้อง “เดี๋ยวก็คงจะได้ทำนั่นแหละ เรียนวิชานี้ต้องตัดโมเดลบ้านไทยไม่งั้นจะถือว่าไม่ได้เรียน”
“ฟังดูน่าจะยากนะคะ ตัดโมเดลเป็นบ้านเรือนไทย ใช้กระดาษชานอ้อยตัดเหรอคะ” เบลถามบ้าง
“แล้วแต่จะใช้เลย ตอนพวกพี่ทำพี่ใช้ไม้บัลซ่าทั้งหมด ตัดยากมากทำไม้พังไปเยอะมาก”
“เอาไว้อาจารย์สั่งงานแล้วก็มาบอกพี่สิ เดี๋ยวพวกนี้ไปช่วยตัดช่วยดูให้” เดียร์พูด “ตอนพี่อยู่ปีหนึ่งก็ได้รุ่นพี่เขามาช่วยเหมือนกัน”
น้อง ๆ พากันเอ่ยขอบคุณก่อนจะขอตัวไปเรียนต่อทั้งห้าคนเลยยกมือไหว้รุ่นพี่อีกรอบก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารไป ส่วนทัช เดียร์แล้วก็หินผายังนั่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่จัดการกับสปาเก็ตตี้หมดกันไปแล้ว
“แล้วเดียร์กลับยังไง” หินผาถามเพื่อนตัวเล็ก ในพวกเขาสามคนเดียร์เป็นคนเดียวที่ไม่มีรถและขับรถไม่เป็น เวลาไปไหนมาไหนก็มักจะเกาะติดกับทัชเพราะอยู่คอนโดเดียวกัน แต่หลังจากที่มีแฟนก็ได้แฟนรุ่นพี่นี่แหละคอยเทียวรับเทียวส่ง “พี่กันต์ติดประชุมไม่ใช่เหรอ ให้ไปส่งไหมทัชจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ”
เดียร์พยักหน้า “ใช่ พี่กันต์มีประชุมแต่เดี๋ยวกลับกับทัชได้”
“เดี๋ยวกูแวะไปส่งก่อนกลับบ้าน มึงจะได้ไม่ต้องวนรถไปวนรถมา” ทัชพูด คอนโดที่หินผาพักอยู่ไปคนละทางกับคอนโดของทัชและเดียร์ แม้ความจริงจะไม่ได้ไกลกันมาแต่ถ้าหินผาขับรถไปส่งเดียร์ก็จะต้องวนรถไปวนรถมาเสียเวลามากกว่าเดิมเสียอีก
“โอเค อย่างนั้นก็ตามนั้น”
พวกเขาสามคนแยกกันตรงหน้าโรงอาหารหินผาเดินไปยังอาคารห้องสมุดเพราะเขายังไม่อยากกลับห้อง งานก็ยังไม่มีชิ้นไหนต้องเร่งส่งอีกอย่างเขาก็ทำไปได้เยอะแล้วเลยไม่รีบเร่งเท่าไหร่ เลยตั้งใจว่าจะไปหาหนังสืออ่าน ไม่ก็ไปแอบงีบในห้องสมุดสักสองสามชั่วโมงก่อนกลับห้อง
หินผาแตะบัตรนักศึกษาตรงเครื่องแสกนเพื่อที่จะเข้าไปข้างในห้องสมุด เขาเดินไปยังโซนหนังสือพวกวรรณกรรม จริง ๆ แล้วเขาอ่านหนังสือได้หลายแนวแต่ที่อ่านบ่อยจะเป็นพวกหนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมต่าง ๆ มีบ้างที่จะอ่านนิยายหรือวรรณกรรม เพราะหนังสือพวกนี้ที่บ้านแฝดสามหลังก็มีเยอะพอสมควร
เขาสุ่มเลือกมาหนึ่งเล่มก่อนจะเดินไปริมห้องซึ่งบริเวณนี้จะจัดโซนที่นั่งเป็นโต๊ะกลมเตี้ย ๆ เก้าอี้ก็เป็นเบาะบีนแบคขนาดใหญ่แทน เวลามาห้องสมุดหินผามักจะชอบมานั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือบริเวณนี้เนื่องจากคนไม่ค่อยมี เพราะว่าอีกฝั่งของห้องสมุดนี้มีจัดโซนเป็นเบาะบีนแบคอีกหลายตัว และตรงนั้นจะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีเพียงแค่ตู้หนังสือเตี้ย ๆ วางเอาไว้เหมือนเป็นการกั้นอาณาเขตเท่านั้น คนเลยมักจะไปอยู่ตรงนั้น กับห้องมีตติ้งกันเสียมากกว่า
เจ้าตัววางกระเป๋าข้างโต๊ะกลมทิ้งตัวลงนั่งบนบีนแบคหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่น หินผาวางหนังสือเล่มที่หยิบมาไว้บนโต๊ะไม้ ปกสีฟ้าตัดกับสีของโต๊ะไม้เป็นอย่างดีเจ้าตัวเลยเปิดโหมดกล้องถ่ายรูปแล้วถ่ายภาพหนังสือนั้นเอาไว้ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วหยิบหนังสือมาอ่านเล่นแทน
ไม่แน่ใจว่าหินผาจดจ่อกับการเปิดหน้ากระดาษมานานแค่ไหนแล้ว เขาจดจ่อกับมันมากจนไม่สนใจ ไม่ได้ยินเสียงของคนเดินไปเดินมาเพื่อเลือกหนังสือ ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีใครบางคนมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกันกับเขา ไม่รู้เลยว่าใครคนนั้นแอบถ่ายรูปเขาตอนกำลังอ่านหนังสืออยู่
สายน้ำได้แต่อมยิ้มตอนที่มองภาพของหินผาในโทรศัพท์ของตัวเอง แม้ว่าเจ้าตัวจะนั่งอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้แต่เขาก็ไม่กล้ามองตรง ๆ กลัวว่าสายตาของเขาจะไปรบกวนสมาธิในการอ่านหนังสือของหินผาเข้า เขาเลยเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ทำตัวเงียบ ๆ และอ่านหนังสือที่ตัวเองพกติดมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืดคราดดึงสมาธิในการอ่านหนังสือของหินผาให้หลุด เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดดู ในจังหวะนั้นสายตาของเขาจึงได้หันไปเห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย ยอมรับว่าตกใจจนหัวใจเกือบล่วงไปถึงตาตุ่ม ตอนแรกเขานั่งอยู่คนเดียวแท้ ๆ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็มีคนมานั่งด้วยเสียอย่างนั้น ดีที่เขาไม่เผลอส่งเสียงร้องออกไป
แต่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาตกใจกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะอีกฝ่ายนั่งพิงผนังห้องหลับคอพับไปแล้วทั้ง ๆ ที่ในมือยังถือหนังสือเอาไว้อยู่เลย ใบหน้าหล่อเหลาหลับพริ้มจนหินผานึกอยากจะแกล้งให้ตื่นเพราะมันเขี้ยว โทษฐานที่ทำให้เขาตกใจ
ไวเท่าความคิดมือหนาก็เอื้อมมือไปบีบจมูกของคนอายุน้อยกว่าทันที คนโดนก่อกวนขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก หันหน้าหนีอย่างรำคาญก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” หินผาถามออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าสายน้ำตื่นขึ้นมาแล้ว
คนถูกถามก้มลงดูเวลา “ก็เกือบชั่วโมงแล้วครับ”
“นานขนาดนั้นเลย”
สายน้ำพยักหน้ารับ “ตอนแรกก็จะทักพี่อยู่แหละครับแต่เห็นพี่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือผมเลยไม่อยากกวน พี่ดูจดจ่อแล้วก็มีสมาธิกับหนังสือมากเลยขนาดคนเดินไปเดินมาหยิบหนังสือกันพี่เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงพวกนั้นเลย”
“สงสัยหนังสือเล่มนี้คงจะน่าสนใจมากไปหน่อย เวลาเจอหนังสือหรืออะไรน่าสนใจพี่มักจะจดจ่อกับมันมาก ๆ” หินผาตอบพร้อมกับหัวเราะ “แล้วนี่ไม่มีเรียนแล้วเหรอ”
“ครับ แต่ผมยังไม่อยากกลับห้องก็เลยว่าจะมานั่งเล่นที่นี่ก่อนแล้วก็มาเจอพี่พอดีนี่แหละครับ เลยถือวิสาสะนั่งด้วยเลย”
“เราสองคนนี่หัวอกเดียวกันเลยนะ พี่ก็ยังไม่อยากกลับห้อง” หินผาหัวเราะเมื่อเจอรุ่นน้องที่มีเหตุผลเดียวกัน “กลับไปอยู่คนเดียวก็เหงา ๆ มานั่งตากแอร์ที่ห้องสมุดแบบนี้ดีกว่า”
“พี่อยู่คนเดียวเหรอครับ” สายน้ำถาม
“ไม่ให้พี่อยู่คนเดียวแล้วจะให้พี่อยู่กับใครล่ะ ถามแปลกนะเรา”
“ก็... นึกว่าพี่อยู่กับฟ... แฟนอะไรแบบนี้ไงครับ” สายน้ำคอยส่องเฟซบุ๊กของหินผาตลอด ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายลงรูปคู่หรือคนที่คิดว่าจะเป็นแฟนติดแท็กอะไรมาเลย เขาเลยคิดว่าหินผาน่าจะยังไม่มีคนรัก แต่ก็ไม่มั่นใจ พอมีจังหวะให้ถามก็เลยอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“พี่ยังไม่มีแฟน” หินผาตอบ “ว่าแต่เราล่ะ ไม่มีแฟนเหรอ”
สายน้ำส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเม้มปากเพื่อกลั้นรอยยิ้มดีใจของตัวเองเอาไว้ “ผมก็ยังไม่มีครับ คงอีกนานด้วยแหละ”
“หือ... ขนาดนั้นเลย พี่ว่าถ้าสาว ๆ รู้ข่าวว่าเดือนมหา’ลัยยังไม่มีแฟน คงมีสาว ๆ มาต่อแถวขอเป็นแฟนเป็นสิบคน” หินผาแซวคนตรงหน้า “จริงสิ เพลงที่เราแชร์เอาไว้เพราะดี นึกถึงหนังที่เคยดูตอนเด็ก ๆ เลย เมื่อเช้าพี่ก็นั่งดูจนจบเรื่อง”
สายน้ำชะงักไปนิดก่อนจะพูด “พี่หินผาดูหนังแนวนี้ด้วยเหรอครับ”
หินผาพยักหน้ารับกับคำถามนั้น “เคยดูตอนเด็ก ๆ กับน้องที่รู้จักกัน ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจดูเท่าไหร่หรอกไม่ใช่แนวของพี่ แต่พอมาได้ยินเพลงที่เราแชร์ก็ทำให้นึกถึงก็เลยเปิดดูใหม่ เรารู้จักหนังเรื่องนั้นด้วยเหรอ”
“รู้จักสิครับ หนังเรื่องนี้เข้าฉายก่อนที่ผมจะย้ายไปต่างประเทศนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ดูตอนที่หนังฉายอยู่ในโรงฯ ก็เถอะครับ เป็นหนังที่ดีแล้วก็สนุกมากเลยครับพี่หินผา” สายน้ำตอบ ในใจนึกอยากจะพูดต่อไปอีกว่าก็เขานี่แหละ... น้องคนนั้นที่หินผานั่งดูภาพยนตร์อยู่ด้วยกันในบ้านของอีกฝ่าย แต่ฝั่งเจ้าของบ้านน่ะดูไปสัปหงกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนั่งข้าง ๆ ไม่ไปไหน
“สายน้ำ”
“ครับ...” สายน้ำขานรับเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อของเขาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เอาแต่มองหน้าเขานิ่ง “ม มีอะไรเหรอครับ”
“จะว่าไปนะ... เราน่ะชื่อเหมือนน้องคนนั้นเลย”
“ครับ!” หัวใจของสายน้ำเต้นรัวตอนที่ได้ยิน
“น้องที่พี่บอกไง คนที่พี่นั่งดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน เขาก็ชื่อสายน้ำ ชื่อเหมือนเราเลย ตอนนั้นที่ดูหนังจบเขาก็พูดแบบนี้ แบบที่เราพูดเมื่อกี้เลย” หินผาพูด อยู่ ๆ ก็นึกถึงตอนนั้นขึ้นมาได้เหมือนกับเป็นภาพที่ซ้อนทับขึ้นมา
“อ อ่า...”
“บางทีพี่ก็แอบคิดนะว่าเราใช่น้องคนนั้นหรือเปล่า แต่เราน่ะทั้งสูงทั้งหน้าตาหล่อต่างจากน้องคนนั้นมากเลย” พูดไปเจ้าตัวก็หัวเราะไปกับความคิดของตัวเอง “พี่นี่บ้าเนอะ”
สายน้ำได้แต่กำมือแน่นอย่างพยายามกลั้นอารมณ์ของตัวเองที่ทั้งขำทั้งโมโห นึกเห็นด้วยอยู่ในใจว่าพี่น่ะ... บ้าจริง ๆ อยากจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มออกมา พลางนึกไปถึงข้อความที่ป่าไม้ส่งมาหาเมื่อหลายวันก่อน
PAMAI ARCH
*สติ๊กเกอร์ถอนหายใจ*
ทำใจหน่อยนะสายน้ำ
น้องชายพี่มันซื่อบื้อกว่าที่พี่คิดอีกว่ะ
ถ้าอยากให้มันจำได้ก็ใบ้มันเยอะ ๆ
ไม่ก็บอกมันไปตรง ๆ เลยว่าเราคือใคร
รอให้มันรู้เองคงอีกหลายปี แม่งบื้อชิบหายเลย
อยากจะด่ามันเป็นภาษาเหนือ
ไอ้ง่าว!!
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
อย่าด่าพี่หินเยอะ พี่หินนึกตามไม่ทันนนน~~
น่าสงสารน้องน้ำเสียจริง เอาน่ะ! ให้เวลาพี่เขาอีกนิ๊ดหนึ่งนะ
ถ้าพี่เขาไม่ฉลาดขึ้นเดี๋ยวให้น้องด่าเลย 5555
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาพอดีฟางไม่สบายค่ะ เลยไม่ได้มาอัปเลย
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝน เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวร้อน
ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน
เป็นห่วงจ้า ^^
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ