มาแล้วววววววววว แหะๆ หายไปนาน อันเนื่องมาจากอีเว้นท์อันมากมายก่ายกองของคนเขียนเองแหละ TT เก๊าขอโต๊ดดดด
พยับที่ ๑๘
“ไหน รวิมาหาป๋าสิ”นภทีป์กวักมือไหวๆเรียกเด็กชายตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังหัดเดินให้เดินเข้าไปหา เด็กชายยิ้มแล้วเดินเตาะแตะไปหาป๋าของตัวเอง
“แอ๊”เสียงร้องดังขึ้นเมื่อรพีเด็กชายที่หน้าเหมือนรวิเปี๊ยบเดินเตาะแตะมาจากอีกทางแล้วจงใจชนฝาแฝดตัวเองเข้าเต็มไป ก็ทำไมล่ะ!! เขาหวงป๋านี่นา
“ฮือออ ฮึกกกก ฮืออออออออออออออ”สุดท้ายเสียงร้องไห้จ้าก็ดังลั่น แถมพอคนนึงร้องคนนึงก็ร้อง ทำเอาแตกตื่นกันทั้งเรือนเพราะนึกว่าคุณหนูเป็นอะไรกัน
“มีกระไรกันหรือพ่อทีป์ เด็กๆล้มหรือลูก?”
“เปล่าขอรับคุณแม่ ตาพีเดินชนตาวิล้มทั้งคู่เลยร้องไห้จ้า ส่วนตาพินั่นร้องตามพี่น้องเขาครับ”นภทีป์เล่าให้คุณหญิงฟังพลางยิ้มเอ็นดู แหม ลูกๆของเค้านี่น่ารักจังเลยแฮะ
“โอ๋ๆ ไหนมาดูทีสิพ่อวิ พ่อพี เจ็บมามั้ยลูก”รพีส่ายหัวดุ๊กดิ๊กพร้อมกับรวิ แต่ก็ได้แต่เบ้ปากในใจ ก็เขาหวงป๋านี่
“ตาพิมาหาป๋ามา ไหน ร้องทำไมครับ โอ๋ ไม่ร้องน้า รพิของป๋าเก่งที่สุดเลย”นภทีป์ยกตัวรพิขึ้นมาโยกตัวอยู่ในอ้อมกอด ทำเอาลูกอีกสองคนตาลุกวาว แต่โดนคุณย่ารวบตัวไปก่อนทั้งคู่เลยไม่มีโศกนาฏกรรมแย่งคุณป๋าเกิดขึ้นอีกรอบ
“อ้าว กระไรกันขอรับ? ไยเด็กๆตาแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้โยเยมาเยี่ยงนี้”คุณหลวงที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมาเดินตรงมาที่หอนั่ง นั่งลงข้างๆคุณหญิงพลางยื่นมือไปรับเอารวิมาอุ้มไว้อีกคน
“ตาพีเดินชนตาวิน่ะขอรับพี่นพ เลยพากันร้องไห้จ้าทั้งคู่ ตาพิเลยร้องตามเขาอีกคน”
“เสียงลั่นบ้านเลยซี คุณแม่เหนื่อยหรือไม่ขอรับ ต้องรับมือเด็กเล็กๆมากถึงสามคนเพียงนี้”
“จะเหนื่อยกระไรกันเล่าพ่อนพ หลานแม่แม่เลี้ยงของแม่ได้ดอก จริงไหมจ้ะ ตาพิของย่า หือ”
“คุณแม่นี่ละก็ ถ้าเหนื่อยก็บอกกระผมหนาขอรับ เดี๋ยวกระผมจักไปหาแม่นมมาช่วยเลี้ยงอีกสักคน”
“ไม่ต้องยุ่งยากไปดอก แค่ที่มาให้นมเด็กๆพวกนี้ก็ช่วยกันดูแลได้แล้วลูก เมียอ้ายทดนั้นมันก็ดีหนา มันก็เลี้ยงลูกมันบ้างลูกเราบ้าง ทางนี้ก็มีทั้งแม่แลพ่อทีป์จักดูไม่ไหวได้เยี่ยงไรเด็กตัวแค่นี้ แปปๆก็โตกันหมดแล้วแลลูก”
“เอ้า ไหวก็ไหวนะขอรับ แล้ววันนี้ไม่มีเรียนการเรือนกันหรือขอรับ?”
“วันนี้แม่ให้พ่อทีป์เขาหยุดพักบ้างน่ะซี ไหนจักเข้าครัวกับแม่ ไหนจักแปลหนังสือให้พ่อนพ”
“จริงด้วยซีนะขอรับ พ่อทีป์อยากไปเที่ยวเล่นบ้างหรือไม่ บ่ายนี้พี่ว่างหนา”พอได้ฟังคำนภทีป์ก็ตาลุกวาว เที่ยวเล่นหรือ ที่กรุงเทพฯสมัยรัชกาลที่ ๕ เนี้ยนะ แค่คิดก็อดตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว
“เอาซีขอรับ แต่ต้องรอพาเจ้าตัวแสบพวกนี้เข้านอนก่อนหนาขอรับกระเดี๋ยวจักร้องห่มร้องไห้ตามกันจนคุณแม่ดูไม่ไหว”
“จ้ะ กระเดี๋ยวพี่ไปผลัดผ้าก่อนหน้า เอ้า ตาวิไปหาป๋าไป”คุณหลวงจับรวิยืนตั้งไข่สักเดี๋ยวจึงปล่อยมือ รวิเดินเตาะแตไปเกาะแข้งเกาะขานภทีป์อีกคน พอเห็นน้องอยู่กับป๋าหมดรพีจึงพยายามยันตัวออกมาจากคุณย่าอีกคน ก็เขาหวงป๋าของเขานี่ สุดท้ายเลยกลายเป็นลิงสามตัวเกาะแข้งเกาะขานภทีป์เต็มไปหมด
“เอ้า กระไรมาเกาะป๋ากันหมดเยี่ยงนี้ ป๋าจะลุกยังไงเล่าลูก ไม่ง่วงกันหรือหือ?”
“แอ้ะ แอ้ะ”นภทีป์ส่ายหัวปลงๆเขาก็ลืมนึกไปว่าลูกยังพูดไม่ได้ อยากให้เรียกป๋าได้ไวๆจังนะ
“อ้าว กลายเป็นลูกลิงกันหมดเสียแล้ว ไหนพ่อพาไปนอน”คุณหลวงที่ผลัดผ้าเสร็จแล้วเดินมายกตัวรพิกับรพีออกจากตัวนภทีป์ แล้วเดินนำเข้าไปในเรือนนอนของเด็กๆกับคุณหญิงเสียก่อน
“จับมัดให้หลับยังมิรู้จะหลับหรือไม่เลยนะขอรับ”นภทีป์ว่าตอนวางลูกลงบนเปลนอนหวายเรียงกันสามคน แต่เด็กๆยังคงทำตาใสแป๋วใส่พ่อกับป๋าตัวเองอยู่อย่างนั้น คนเป็นพ่อได้แต่ทอดถอนใจ จักพาเมียไปเที่ยวเสียทีนี่ยากจริงๆเลยนะ
“มาไกวเปลเถิด กระเดี๋ยวคงหลับ”สุดท้ายก็ต้องนั่งกล่อมลูกกันอยู่เสียพักใหญ่กว่าจะยอมหลับยอมนอนกันได้
“นั่งเรือไปหรือขอรับ?”
“จ้ะ นั่งเกวียนไปท่าจะไม่เหมาะ เดี๋ยวพี่จักพาลงเรือชมเมืองดีหรือไม่ อยากไปวัดอรุณไหมจ้ะ หรือไปตลาดน้ำดี?”
“ไปวัดดีกว่าขอรับ”
“มาลงเรือเถิดกระเดี๋ยวจักกลับมามืดค่ำกันพอดี”
“ขอรับ”นภทีป์ก้าวตามคุณหลวงไปติดๆ มือหนายื่นมาตรงหน้าเพื่อรับเขาลงเรือไปด้วยกัน...เมื่อไรกันนะ ที่เขาโหยหาสัมผัสจากมือนี้เหลือเกิน...
“อ้ายทดไปวัดอรุณหนา กระเดี๋ยวข้าจักพาพ่อทีป์ไปไหว้พระ แล้วแวะดูผ้าที่ตลาดกันเสียหน่อยค่อยกลับ พ่อสามคนนั้นเสื้อผ้าเริ่มคับเสียแล้ว”
“ขอรับ”
“คุณหลวงขอรับ ช่วงนี้การบ้านการเมืองเป็นอย่างไรบ้างหรือ?”
“ก็ปั่นป่วนเหลือใจ พวกฝาหรั่งมันคิดจักหักชิงแผ่นดินเราเสียให้ได้ พ่อทีป์รู้หรือไม่ การณ์ที่พ่อทีป์มาอยู่กับพี่อย่างกับเทวานำพามาให้ คราแรกพี่คิดว่าโชคดีเหลือเกินที่พ่อทีป์รู้ภาษาพวกมันเสียปรุโปร่งมาอาศัยเรือนพี่เยี่ยงนี้คงช่วยพี่ได้มาก แลพ่อทีป์อาจจักเข้ารับราชการได้เลยเชียวหนา แต่ครานี้ใจพี่กลับคิดว่า...ดีเหลือเกินที่พ่อทีป์มาอยู่ที่นี้ อยู่เป็นดวงใจของพี่เยี่ยงนี้”
“ปากหวานจังเลยนะขอรับ พูดแล้วคืนไม่ได้นะ พูดในวัดด้วย”นภทีป์หัวเราะแผ่วเบา มองหน้าคนตรงหน้าเต็มๆตา ดีเหลือเกิน...
“มิคืนคำดอกจ้ะ พี่น่ะหรือจักหักใจจากพ่อทีป์ได้ เพียงไม่เห็นหน้าสักวันพี่ก็แทบขาดใจแล้วแล พ่อทีป์จ๋า พี่หวังใจเหลือเกินว่า เราจักอยู่กันไปเยี่ยงนี้ พี่ไม่ต้องมีใคร แลพ่อทีป์ก็อยู่เป็นของพี่เยี่ยงนี้เรื่อยไป เลี้ยงลูกสามคนของเรา เป็นอาป๋าของเจ้าตัวเล็กพวกนั้น เอ...ว่าแต่พ่อทีป์มีเชื้อจีนเชื้อเจ๊กหรือ กระไรให้ลูกเรียกตัวว่าป๋า”
“ฮะๆ มีแบบเจือจางมากทีเดียวขอรับ แต่ผมนึกคำอื่นนอกจากคำว่าพ่อไม่ได้นี่นาตอนนั้น ก็เลยให้เด็กๆเรียกว่าป๋าไปเสียเลย”
“พี่นพมาวัดบ่อยหรือขอรับ?”
“กระไรถึงถามเยี่ยงนั้น?”
“ก็...เห็นพี่นพดูเชี่ยวชาญทั้งลู่ทางในวัดแล้วก็...”
“สวดมนต์น่ะหรือ? ก็เคยบวชเรียนที่นี่จักไม่ให้รู้มากได้อย่างไร?”
“อ๋อ นั่นสินะ ผมก็เกือบลืมไปเลยว่าพี่นพบวชเรียนแล้ว”
“พี่ดูไม่แก่หรือ?”ถามพลางยิ้มพราวระยับ นภทีป์ได้แต่เบ้ปากใส่เงียบๆ หน้าจะสามสิบห้าอยู่แล้วยังมีหน้ามาถามว่าตัวเองดูไม่แก่ได้อีก คนอะไร!!
“ทำหน้าเยี่ยงนี้เท่ากับจักบอกว่าพี่แก่นักหนาล่ะซี ฮึ ถึงจักแก่อย่างไรเสียก็มัดคนแถวนี้เสียไปไหนไม่รอดแล้วกัน”คุณหลวงพูดพลางเชิดหน้าพลางทำเอาคนหนุ่มกว่าได้แต่กุมขมับ ให้ตายเถอะ นี่เขาอยู่กับเด็กช่างเอาชนะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!
“ขอรับๆ อยู่หมัดก็อยู่หมัดระวังเถ้อออ มั่นใจมากๆเข้าจะเสียของรักไปไม่รู้ตัว”นภทีป์ลอยหน้าลอยตาใส่พลางเดินลงเรือไปก่อน ใครจะคิดว่าพอเข้ามาในหลังคาเรือปลอดสายตาคนเพียงนิดกลับถูกรวบไปกอดทั้งตัว
“จะหนีพี่ไปไหนหรือหือ ไม่กลัวคนแก่ตรอมใจตายหรือ?”คุณหลวงกระซิบข้างหูนภทีป์ คนตัวบางกว่าได้แต่ขนลุกเกรียว ฮือ...พี่นพจอมหื่นกามกลับมาอีกแล้ว นี่มันการพูดยั่วโมโหเสือร้ายให้เข้าขย้ำตัวเองชัดๆ!!
“ตรอมใจกระไรกันขอรับก็เห็นอยู่นี่อย่างไรว่ายังมีแรงมาลวนลามกอดปล้ำคนอื่นเขากลางวันแสกๆ ไม่อายบ่าวมันหรือขอรับ”
“หึ ใครจักกล้าอึงอันใดไป พี่เป็นนายมันจักปิดปากบ่าวบ้านตัวเองให้เงียบไม่พูดเรื่องเจ้าเรื่องนายมิได้เชียวหรือ?”พอพูดจบคุณหลวงก็แค่นเสียงในลำคอเสียทีนึงแล้วเงียบไป นภทีป์เห็นคนที่กกกอดตนอยู่เงียบนานๆเข้าเลยแหงนหน้าขึ้นดู ถึงเห็นว่าใบหน้าหล่อคมนั้นงอง้ำ
“หือ...โกรธเสียแล้วหรือขอรับ กระไรกัน พี่นพขอรับ พี่นพ”
“โกรธหรือขอรับ”นภทีป์ยันตัวขึ้นมานั่งหลังตรงอยู่บนตักคุณหลวง พลางหมุนตัวหันหน้าเข้าหาอีกคนที่นั่งหน้างอง้ำอยู่
“จักไม่คุยกับผมจริงๆหรือ”นภทีป์โอบรอบคอคุณหลวงพลางเอนตัวเข้าหา คนตัวโตกว่าเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำไมจู่ๆพ่อทีป์ถึงกลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาทไปได้นะ!
“ทนได้จริงๆหรือขอรับ”ร่างด้านบนขยับตัวเล็กน้อยคล้ายเมื่อย แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณหลวงต้องใช้ความอดกลั้นขนาดไหนที่ไม่จับอีกคนมาปล้ำจูบกันเสียตรงนี้
ปั๊ดโธ่!! ทำไมถึงกลายเป็นแมวน้อยช่างยั่วไปได้ล่ะนี่พ่อทีป์ของฉัน!! แต่เรื่องอะไรจะยอมคุยด้วยง่ายๆ คุณหลวงยังคงเบือนหน้าหนีไม่สนใจอยู่อย่างนั้น นภทีป์เห็นได้โอกาสเลยกระซิบข้างหูแผ่วเบาอีกรอบ
“ไม่คุยจริงๆหรือขอรับ”พลางขยับลิ้นไปเลียริมหูอีกคนจนสะท้ายเฮือก
ไม่ทงไม่ทนมันแล้วโว้ย!!!
“อื้อ...”คนช่างยั่วได้แต่ป่ายไม้ป่ายมือไปมาเพราะคนตัวโตกว่าจับกดลงไปบนพื้นเรือแล้วปล้ำจูบ คนผีทะเล ไม่อายบ่าวอายไพร่บ้างหรือไงวะ!! (ไม่ได้นึกถึงตอนตัวเองยั่วเขาอยู่ตะกี้เลยแม้แต่น้อย)
“ทำไมถึงช่างยั่วนักหือ? กลัวพี่ไม่หลงหัวปักหัวปำหรือไร”คุณหลวงกระซิบพลางซุกซอกคอขาว ดีว่าในเก๋งเรือที่เป็นส่วนที่นั่งนั้นมีม่านโปร่งๆกั้นสายตาจากบ่าวไพร่อยู่บ้าง มิเช่นนั้นคงได้อายกันอีกคำรบใหญ่
“ปะ..เปล่าขอรับ ก็คุณหลวงไม่ยอมคุยกับผม”
“ก็ง้อดีๆปะไร ไยต้องเอาตัวมาคลอเคลีย เยี่ยงนี้จักให้พี่คิดเช่นไรได้”
“เอ่อ...คุณหลวงขอรับ ละ...ลุกไปก่อนดีไหม”
“แล้วไยกลับไปเรียกว่าคุณหลวงอีกแล้ว?! หรือต้องให้พี่ทวนความทรงจำให้ว่าเราหาใช้คืนอื่นคนไกล”แล้วนี่ยังไม่เรียกว่าทวนความจำอีกเรอะ!! นภทีป์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ อีตาคุณหลวงหื่นกาม ผีทะเลเข้าสิงแน่ๆ
“แหะๆ ไม่ต้องทวนความจำก็ได้ขอรับ ไยกระผมจักจำพี่นพไม่ได้ ว่าแต่...พี่นพขยับตัวขึ้นสักนิ๊ดด ก่อนดีหรือไม่ขอรับ?”
“หึหึ ยังมิใคร่อยากลุกเท่าใดดอก เห็นว่าพ่อทีป์ช่างยั่วพี่นัก พี่ก็นึกว่าอยากจักให้พี่กอด...เสียตรงนี้”แล้วทำไมตรงคำว่ากอดต้องมองด้วยสายตาระยิบระยับขนาดนั้นด้วยวะขอรับ?!!
“ลุกเลยพี่นพ คนหื่นกาม”
“หึหึ ก็ใครให้แมวแถวนี้มายั่วพี่ถึงเพียงนี้หือ เอาเถิดไว้คืนนี้ค่อยคิดบัญชีเสียทีเดียวก็ได้”คุณหลวงว่าพลางกลั้วหัวเราะแล้วลุกออกจากตัวคนตัวบางที่นั่งแหมะอยู่
ชิ!!
ไอ้คุณหลวงบ้า คนหื่นกาม หมกมุ่นสุดๆ!! ก่อนหน้านี้อยู่มาได้ยังไงโดยไม่มีเมียวะ!
“กลับกันเสียค่ำเชียวลูก ไปแวะที่ใดมาอีกหรือ?”คุณหญิงทักเมื่อเห็นสองหนุ่มเดินขึ้นเรือนพร้อมขบวนบ่าวไพร่ที่แบกของพะรุงพะรังขึ้นมาพร้อมกัน
“เสียเวลาวนเรือกลับน่ะขอรับคุณแม่ เพราะมัวแต่คุย...กันจนลืมบอกบ่าวให้แวะตลาดผ้าเลยต้องวนไปอีก ได้ผ้ามาตัดชุดให้เด็กๆเสียหลายพับเชียวขอรับ ได้ผ้ามาฝากคุณแม่ด้วยหนาขอรับ ผ้าลายกลีบบัวงามมากทีเดียว”
“เช่นนั้นหรือ ไหนเอามาให้แม่ดูที”คุณหญิงแย้มยิ้มตามประสา พลางกวักมือเรียก คุณหลวงให้บ่าวเอาผ้าไปวางบนหอนั่งด้านหน้าคุณหญิง พลางตามไปเปิดหีบห่อส่งให้ผู้เป็นแม่ดู
“งามมากทีเดียวลูก แล้วของพ่อสามคนนั้นเล่า ไหนแม่ดูที”คุณหญิงพิศดูผ้าเสียครบทุกม้วนแล้วจึงสั่งบ่าวผู้หญิงมารับผ้าไปตัดเย็บเสื้อให้หลานชาย ส่วนผ้าลายกลีบบัวก็ให้แบ่งตัดมาอัดกลีบทำสไบ
“วันนี้เด็กๆตื่นมางอแงหรือไม่ขอรับ”นภทีป์ถามพลางมองไปทางเด็กสามคนที่เล่นกันอยู่อีกปีกหนึ่งโดยมีพี่เลี้ยงคอยดูแล ยิ่งโตยิ่งเผยให้เห็นว่ามิใช่คนไทยแท้ๆ
“ไม่งอแงอย่างไรไหวลูก ตื่นมาก็ร้องไห้จ้าเอะอะกันทั้งเรือน เรียกหาแต่ป๋า ป๋า ติดพ่อทีป์เสียงอมแงม ดูทีไม่เห็นร้องหาย่าบ้าง”คุณหญิงบ่นพลางยิ้มเอ็นดู นางมิได้น้อยอกน้อยใจถึงเพียงนั้นดอก กระไรก็รู้ว่าเด็กน้อยพวกนั้นต้องเกาะติดพ่อทีป์แจแน่ๆ ก็ไม่เคยบ่นไม่เคยดีเลยสักแปะ หากไม่มีนางคอยปรามยามดื้อยามซนบ้างเห็นทีจักได้กลายเป็นนักเลงหัวไม้กันเสียทั้งสามคน
“ก็ป๋าเขาเลี้ยงตามใจนี่ขอรับคุณแม่จักไม่ติดได้อย่างไร”
“โธ่ พี่นพอ่ะ ก็ผมสงสารลูกนี่นา ไม่เห็นต้องตีเลย”
“ดูที เด็กผู้ชายไม่ฟาดกันเสียบ้างจักกำราบอยู่หรือ?”
“คนแก่ใจร้าย”นภทีป์ค่อนขอดแล้วลุกไปหาลูก ทิ้งคุณหลวงกับคุณหญิงที่ได้แต่มองตามปลงๆ จะทำอย่างไรได้ ก็พ่อทีป์เขารักของเขานี่นา จักปรามกันอย่างไรไหวคงได้แต่รอดุลับหลังป๋าของเด็กๆนั้นแหละ
อย่างไรเสียคุณหลวงก็พึงใจที่จะอยู่อย่างนี้ยิ่งนัก...เหมือนพ่อ แม่ ลูกเปี๊ยบเลย!!
-----------------------------
มาแล้วจ้า หลังจากหายไปนาน -3- แหะๆ
เรื่องนี้แต่งจบแน่ๆนะเออ แต่ยังไม่รู้จะจบตอนไหนแค่นั้นเอ๊งงงงง
;-;