>> ต่อเขาควรจะพูดตอนนี้เพราะทุกคนอยู่กันครบ เขาจะทำให้เสียเวลามากไปกว่านี้ไม่ได้
“หมอครับ หัวใจของผม.......ผมขอยกให้วิณณ์”
“อะไรนะ” หมอฟิล์มร้องเสียงหลง
“ตะวันพูดอะไรออกมาลูก” ดาราเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คุณตะวัน คุณรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา” เป็นหมอชายที่ถามออกมา
“รู้ซิครับ ผมรู้ว่าวิณณ์เป็นอะไรและก็รู้ว่าพวกคุณหมอกำลังพยายามหาหัวใจมาเพื่อผ่าตัดให้กับวิณณ์”
“เดี๋ยวนะครับ คุณรู้เหรอครับ”
“ครับ”
“รู้ได้ยังไง”
ชายมั่นใจว่าเรื่องนี้มีแค่เขา ฟิล์มและวิณณ์เองที่รู้ตอนแรก ส่วนเรื่องที่จะหาหัวใจมาผ่าตัดให้นั้น ทุกคนก็เพิ่งจะรู้พร้อมกันที่นี่และตอนนั้นทั้งวิณณ์และตะวันก็ยังไม่ได้สติด้วยกันทั้งคู่
“ไม่สำคัญหรอกครับ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการหาหัวใจไม่ใช่เหรอครับ และผมก็จะเป็นผู้บริจาคให้วิณณ์”
“คุณตะวันมันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ ผมรู้ว่าคุณอยากช่วยวิณณ์แต่หัวใจที่บริจาคมันต้องมาจากผู้บริจาคที่สมัครใจ และต้องถูกลงความเห็นจากทางแพทย์เท่านั้น”
“ผมสมัครใจ”
“คุณตะวัน”
หมอชายถึงกับเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“คุณตะวันแต่คุณยังไม่ตาย หมอไม่สามารถเอาหัวใจ อย่าว่าแต่หัวใจเลย อวัยวะอะไรก็ตามจากคนที่ปกติได้นะครับ หมอเข้าใจที่คุณอยากช่วยไอ้วิณณ์ แต่หมอว่าตอนนี้เราได้แต่ต้องรอผู้บริจาคอื่นเท่านั้นครับ”
“หมอครับ ผมรู้ผมเข้าใจหมดทุกอย่าง ผมจะเซ็นต์ขอบริจาคอวัยวะและระบุผู้รับอย่างชัดเจนหมอไม่ต้องห่วงนะครับ”
“คุณจะทำอะไรคุณตะวัน อย่าบอกนะว่าคุณจะฆ่าตัวตาย ถ้าคุณฆ่าตัวตายเพื่อมาบริจาคอวัยวะยิ่งยากไปกันใหญ่เลยนะครับ”
หมอฟิล์ม
“ผมไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ ไม่ต้องห่วง ผมแค่อยากจะบอกให้คุณหมอทราบไว้ก่อนว่าผมจะทำเรื่องบริจาคหัวใจโดยระบุผู้รับคือวิณณ์ ทันทีที่ผมตายหมอต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้ผม”
“คุณตะวันผมไม่เข้าใจ คุณบอกว่าคุณจะไม่ทำอะไรตัวเองแน่นอน แต่คุณกลับพูดเหมือนกับว่าคุณรู้ ว่าคุณจะตาย”
“สัญญาซิครับ”
“......”
“สัญญาซิครับว่าหมอจะทำ จะรีบจัดการทันที สัญญาซิครับหมอ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ หมอชายมองหน้าตะวันเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ แต่สายตาที่มองกลับมากลับนิ่งและไม่แสดงออกถึงความลังเลซักนิด
“หมอครับ”
“คุณตะวัน หมอสัญญา แต่....”
“.....”
“หมอจะทำก็ต่อเมื่อ การบริจาคดำเนินไปอย่างถูกต้อง”
ตะวันยิ้ม
“แน่นอนครับ การบริจาคจะเป็นไปอย่างถูกต้องทุกอย่าง”
“ตะวันลูกจะทำอะไรนะ” เมื่อตั้งสติได้ ดาราจึงเอ่ยปากถามลูกชายทันที
“แม่ครับ ตะวันขอโทษแต่ตะวันไม่สามารถกลับมาได้แล้วจริงๆ ตะวันต้องไปตามทางของตะวัน”
“แม่ไม่เข้าใจ ทำไมลูกพูดแบบนี้ นี่ไงลูกกลับมาหาแม่แล้วอยู่กับแม่แล้วนี่ไง”
ตะวันยิ้มเป็นรอยยิ้มที่เปื้อนๆไปด้วยน้ำตา วันนี้เขาต้องทำร้ายจิตใจคนที่รักเขาอีกครั้งแล้วหรือ
“แม่ พ่อ พี่วายุ คุณน้า ดาริน พี่หมอชาย พี่หมอฟิล์ม ลม”
.
.
.
“นี่คือคำขอครั้งสุดท้ายของผม เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมที่ทำให้เกิดขึ้น วิณณ์ต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะผม ผมไม่สามารถกลับมาเป็นตะวันได้อีกแล้วเพราะฉะนั้นขอให้ผมได้ทำอะไรเพื่อวิณณ์สักครั้งเถอะนะครับ”
“แกจะทำบ้าๆ แบบนี้ไม่ได้นะตะวัน” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น
“พ่อครับ ผมไม่ได้มาเพื่อขออนุญาติ แต่ผมมาบอกความต้องการของผมให้ทุกคนช่วยทำตาม”
“ผมนายตะวัน เรืองฤทธิ์ในฐานะของผู้บริจาคเมื่อข้าพเจ้าหมดลมหายใจ ข้าพเจ้าขอบริจาคและมอบหัวใจให้กับนายวิณณ์ ธรรมรัตน์”
“ตะวัน!”
“พี่ตะวัน!”
“คุณตะวันอย่าทำแบบนี้”
“ตะวัน ฮึกกกก”
เขามองทุกคนตรงหน้า ทุกคนดูไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แม่เขายังคงทำใจไม่ได้ พ่อยังคงไม่ยอมรับ คุณน้าและดารินเองก็เอาแต่ร้องไห้ พี่วายุ ลม หมอชาย หมอฟิล์มเองมองมาที่ผมอย่างสงสัย
“ตะวันรักวิณณ์ใช่ไหมลูก” เขามองหน้าแม่สบตากับแม่อย่างมั่นคง
“ครับ”
“แล้ววิณณ์เองก็รักตะวันใช่ไหม”
เขามองไปด้านหน้าและยิ้มออกมา
“เราสองคนไม่เคยคิดหรือหาเหตุผลกันสักครั้ง เราแค่รู้ว่าเรารู้สึกยังไงแค่ได้อยู่ด้วยกัน ได้พูดคุยหัวเราะไปด้วยกัน มันก็ทำให้มีความสุขแล้วครับ”
“แล้วถ้าตะวันไม่ได้อยู่กับวิณณ์ตะวันจะไม่เสียใจเหรอลูก”
“เสียใจซิครับ แต่ตะวันเห็นแก่ตัวไม่ได้ ถ้าเราดันทุรังที่จะอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็ต้องมีคนหนึ่งที่จากไปอยู่ดี และถ้าตะวันเลือกที่จะอยู่ คนที่จะต้องตายก็คือวิณณ์ ทั้งที่ตะวันเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด ตะวันจะให้ใครมารับผิดชอบแทนตะวันไม่ได้ครับ”
ตะวันมองหน้าผู้เป็นแม่ เขาโน้มตัวลงไปกอด ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเขา ดูแลฟูมฟักเขามาตั้งแต่เล็กจนโตเพียงคนเดียว
“แม่ครับ ตะวันขอโทษ”
ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู เธอกอดลูกชายพร้อมกับโยกตัวไปมาเหมือนกับตอนเด็กๆ ที่เธอมักจะกล่อมเด็กน้อยตะวันให้หลับไปกับอกของเธอ
“ตะวันเป็นลูกที่ไม่ดีเลยเนอะ เอาแต่ทำให้แม่เสียใจ ถ้าตะวันไม่อยู่แล้วแม่ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ”
ผู้เป็นแม่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ตะวันรับรู้ได้ถึงอกท่าสั่นกระเพื่อมของผู้เป็นแม่
“พี่วายุ ผมฝากแม่ด้วยนะพี่ พ่อผมขอโทษที่ผมเป็นลูกที่ไม่เรื่อง ลมพี่ขอโทษนะความจริงพี่ไม่ได้เกลียดหรือโกรธอะไรลมเลย
คุณน้า ดาริน ผมฝากวิณณ์ด้วยนะครับ ผมอยากจะอยู่ข้างเขา ทำอะไรหลายอย่างกับเขา แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว” ตะวันพยายามฝืนยิ้มออกไป
“พี่หมอชาย หมอฟิล์ม ผมรบกวนด้วยนะครับ”
“แม่ครับ อย่าร้องไห้เลยนะ
ตะวันขอโทษ……ฮึกกกก…..ตะวันขอโทษ...นะ.......ครับแม่.....”
เขาได้แต่พูดขอโทษแม่ซ้ำๆ เขาเป็นลูกอกตัญญูแทนที่จะอยู่ทดแทนบุญคุณแม่ เขาก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายเพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รักไม่เห็นค่า และครั้งนี้เขาก็เลือกที่จะตายเพราะผู้ชายอีกคนเช่นกัน แต่เหตุผลมันต่างกันเเขาไม่สามารถเห็นแก่ตัวเอาชีวิตตัวเองรอดและทิ้งให้อีกคนตายได้
และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือวิณณ์
วิณณ์ ผู้ชายแสนดีที่เข้ามาในช่วงจังหวะชีวิตที่กำลังเคว้งคว้าง เขาได้พบกับคำว่ามิตรภาพ ความจริงใจ วิณณ์ห่วงใยใส่ใจเขาในทุกเรื่อง ทำทุกอย่างเพื่อเขาให้บรรลุภารกิจทั้งที่ไม่จำเป็นและทิ้งไปตอนไหนก็ได้ และสุดท้ายในช่วงเวลาคับขันวิณณ์ก็ยังอยู่ข้างเขาเสมอ
ถ้าจะมีอะไรตอบแทนได้ นั่นก็คือ ชีวิตที่เขาจะคืนให้กับวิณณ์
“ตะวันรักแม่นะครับ รักมาก ตะวันขอโทษที่เป็นเด็กไม่ดี ทำให้แม่ต้องคอยห่วง กังวล และเสียใจ ตะวันขอโทษนะครับ.....ถ้าเลือกได้ตะวันก็อยากจะอยู่กับแม่ แต่ถ้าตะวันทำแบบนั้นมันก็เหมือนตะวันเห็นแก่ตัว วิณณ์อุตส่าห์ช่วยตะวันมาตลอด ทั้งที่เขาจะเลิกช่วยตอนไหนก็ได้แต่เขาก็ไม่ทำ เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะตะวัน แล้วถ้าเขาต้องมาตายเพราะตะวันอีก ตะวันจะอยู่อย่างมีความสุขได้ยังไง”
ตะวันรักแม่นะครับ ตะวันเชื่อว่าแม่จะเข้าใจตะวัน
ว่า......เขาได้ถึงวาระของตัวเองแล้วจริงๆ
“ตะวันไม่พูดแบบนี้ลูก มันเป็นลางไม่ดี น้าใจไม่ดี”
“ใช่ค่ะพี่ตะวัน อย่าทำแบบนี้ พี่คิดว่าพวกเราจะดีใจเหรอค่ะที่พี่ตะวันทำแบบนี้”
“อย่าคิดมากกันซิ ตะวันบอกแล้วว่าตะวันไม่ได้จะฆ่าตัวตายหรืออะไรทั้งนั้น......แค่......
.............ตอนนี้.......มันถึงเวลาของตะวันแล้ว”
ตะวันพูดด้วยเสียงสั่นเครือถึงเขาจะเคยตายมาแล้ว แต่มันไม่เหมือนกันตอนนั้นเขาตายแบบทันทีไม่ต้องพูดหรือร่ำลา หรือต้องมามองหน้ากับคนที่รักที่ตอนนี้กำลังมองเขากลับมาด้วยสายตาตัดพ้อ
หยดน้ำใสๆ ไหลเลอะแก้มจากที่มองทุกคนชัดในสายตา ทว่าเวลานี้กลับพร่าเลือนพยายามเพ่งเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น สมองเบาหวิวเหมือนจะหลุดลอยไปได้ทุกเวลา ขาที่มั่นคงกลับสั่นไหวจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ มือสั่นชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขาต้องไปแล้วจริงๆ เหรอ
ถึงเวลาของเขาแล้วใช่ไหม
เขาจะไม่ได้เจอกับทุกคนแล้วใช่ไหม
แม่
พ่อ
พี่วายุ
ลม
คุณน้า
ดาริน
พี่หมอ
วิณณ์ดาราสะดุ้งตื่นเธอพบว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่โซฟาที่หน้าห้องพักฟื้นของตะวัน และคนอื่นๆ ก็อยู่กันครบแต่ยังไม่มีใครตื่น นี่เธอฝันเหรอ ทำไมมันเหมือนจริงมาก เธอคิดย้อนไปถึงความฝัน
ตะวัน!!!
เธอรีบวิ่งไปที่หน้ากระจกห้องของตะวัน ตะวันยังนอนอยู่ตรงนั้น
ตึกๆ
เสียงฝีเท้าวิ่งมาทางด้านหลัง หมอชาย หมอฟิล์ม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ”
“คุณน้าใจเย็นๆ รอก่อนนะครับ” หมอฟิล์มจับมือเพื่อให้ดาราอุ่นใจก่อนจะเข้าห้องไป
“คุณพยาบาลเกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ”
“คนไข้ความดันตก ตอนนี้ชีพจรต่ำมากค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ตะวัน” เธอเกาะกระจกจ้องมองไปด้านใน เธอกำลังจะเสียลูกไปอีกครั้งอย่างงั้นเหรอ
“โธ่ตะวัน ตะวันลูกแม่ ฮืออออ”
ดาราร้องไห้ทรุดนั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง เธอกำลังจะเสียลูกไป แม่กำลังจะเสียดวงใจของแม่ไป เธอพร่ำร้อง คร่ำครวญ
“คุณน้า คุณน้าเป็นอะไรค่ะ”
ดารินรู้สึกตัว ทันทีที่เธอได้ยินและเห็นดารากำลังร้องไห้จึงรีบเข้ามาหา และคนอื่นก็ตามมาสมทบทั้ง วายุ ลม แม่ของวิณณ์
“ตะวัน ฮืออ ตะวัน”
ดารินประคองดาราไว้ ในใจก็ตีกันยุ่งเหยิงว่าเธอควรจะพูดหรือไม่ ด้วยความสงสัยใครรู้ที่มีมากเธฮจึงตัดสินใจพูดออกมา
“หนูฝันด้วยค่ะ”
“…..”
“…..”
“ฝันว่าพี่ตะวันฟื้นขึ้นมา มาพูดกับพวกเราทุกคน แล้วก็สุดท้ายพี่ตะวันก็บอกว่า
ว่า ถ้าพี่เขา ตาย แล้ว พี่เขาจะบริจาคหัวใจให้พี่วิณณ์ค่ะ”
ดารินกลั้นใจพูดออกไป มันช่างเป็นคำพูดที่อึดอัด
“ผมก็ฝัน”
“พี่ด้วย”
“แม่เองก็ฝัน”
“หะ นี่ทุกคนฝันพร้อมกันหมดเลยเหรอ”
แกร้กกก
ประตูห้องเปิดออก หมอชายและหมอฟิล์มเดินออกมา ดูจากหน้าตาแล้วคงเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“พี่หมอ เป็นยังไงบ้างค่ะ”
“ใช่ค่ะหมอ ลูกน้าเป็นยังไงบ้างค่ะ”
“ตอนนี้คุณตะวันอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจครับ”
“หมายความว่ายังไงคะหมอ บอกน้าให้เข้าใจง่ายๆ หน่อยเถอะค่ะ”
“คือ ตอนนี้คุณตะวันอยู่ในสภาวะสมองตาย และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าเราถอดออกคุณตะวันก็จะ…….ตาย”
“ตะวัน ตะวัน ฮืออออ”
ทุกคนตกอยู่ในสภาวะนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไร เรื่องที่พวกเขาฝันกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ จะบอกว่ามันเป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ ตะวันมาเพื่อบอกทุกคนว่าเขาจะตายและต้องการบริจาคหัวใจให้วิณณ์ แล้วพวกเราควรจะทำยังไงละ ต้องทำตามที่ตะวันขอเอาไว้อย่างนั้นหรือ
“หมอค่ะ ทำตามที่ตะวันต้องการเถอะค่ะ”
“ไม่ ไม่ค่ะคุณดาราอย่าทำแบบนี้ ฉันรับไม่ได้ ไม่ได้จริง”
“ไม่ต้องคิดมากค่ะ นี่คือสิ่งที่ตะวันต้องการและเขาก็มาบอกด้วยตัวเอง คนเป็นแม่อย่างฉันจะไม่ทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของลูกได้ยังไงละคะ”
“แต่ฉันรับไม่ได้” ดาราจับมือแม่วิณณ์ไว้
“อย่างน้อยฉันก็ยังรู้ว่าจะมีตะวันอยู่ข้างๆ ถึงแม้จะในร่างคนอื่นก็เถอะ”
“แต่คุณน้าครับ เราจะไม่รออีกสักหน่อยเหรอครับ” หมอชายเอ่ยขึ้น
“หมอค่ะ ถ้าหมอมั่นใจว่าตะวันจะฟื้นและกลับมาเป็นปกติได้ หมอคงไม่มาบอกน้าแบบนี้หรอกใช่ไหมค่ะ อีกอย่างหมอสัญญากับตะวันแล้ว หมอต้องรักษาสัญญา”
“แล้วคุณน้าไม่เสียใจเหรอครับ”
“เสียใจซิ เสียใจมากด้วย” ดาราตอบกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือ “แต่ตะวันจะยังอยู่กับน้าเสมอในนี้ ในหัวใจของแม่คนนี้” น้ำตาของผู้เป็นแม่หยดเป็นสาย แต่ทว่าใบหน้ากลับแน่วแน่มั่นคง
“ครับ”
เตียงของคนทั้งคู่ถูกเข็นออกจากห้องพักฟื้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องผ่าตัด รถถูกเข็นผ่านประตูห้องแล้วห้องเล่า ผ่านแสงจ้าจากหลอดไฟไปทีละดวง ทีละดวง ในที่สุดก็ถึงประตูห้องผ่าตัด
“หมอค่ะ ขอน้าคุยกับลูกอีกครั้งนะคะ”
“ครับ”
ดาราเดินเข้าไปที่เตียงของตะวัน
“ลูกชายของแม่ยังน่ารักเหมือนตอนเป็นเด็กไม่ผิด แม่เฝ้าทนุถนอมเลี้ยงดูลูกมาตลอดถึงเวลาที่เราเป็นแม่ลูกกันมันจะสั้น แต่แม่ก็รักลูกเหลือเกิน เกิดชาติหน้าขอให้เราได้เป็นแม่ลูกกันอีกนะ ลูกรักของแม่”
ดาราก้มจูบที่หน้าผากของลูกชาย ต่อให้ทำใจแข็งแค่ไหน แต่น้ำตาของผู้เป็นแม่ก็ไหลอยู่ดี
“ชาตินี้ลูกแม่คงทำบุญมาน้อย เจอคนที่รักก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน” ดาราจับมือของตะวันและวิณณ์มาจับกันไว้ “หากชาติหน้ามีจริง แม่ขอให้ลูกทั้งสองคนเกิดมาคู่กัน รักกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนะลูก แม่ขออวยพรให้เราล่วงหน้าเลยนะ”
“คุณดู!!!” ดารินสะกิดให้วายุดูภาพตรงหน้า
ทั้งที่ทั้งคู่ไม่รู้สึกตัว แต่กลับเหมือนรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ผู้เป็นแม่บอก
น้ำตาหยดใสที่ไหลลงมา
ตะวันจูงมือวิณณ์พาเดินออกไปที่ใต้ต้นไม้กลางทุ่งหญ้า เขามองไปที่ท้องฟ้าตอนนี้สว่างสดใส ผิดกับในใจเขาที่มันห่อเหี่ยวมืดมนจนอยากจะกรีดร้องเพื่อระบายมันออกไป แต่ก็ทำไม่ได้
“วิณณ์”
“......”
“ตะวันขอบคุณนะสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา ขอบคุณที่ช่วยกันเคียงข้างกัน ขอบคุณที่ทำให้ตะวันทุกอย่าง”
“.....”
“ตะวันโชคดีมากๆ ที่ได้มาเจอวิณณ์ถึงจะเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นตะวันก็ยังรู้สึกดี ขอบคุณโชคชะตาที่พาให้เรามาเจอกัน”
“เดี๋ยวนะตะวัน มาพูดอะไรแบบนี้ตะวันตัดสินใจอะไรไป วิณณ์ไม่ได้เห็นด้วยหรอกนะ แล้วก็ไม่ยอมรับด้วย”
“.....”
“ยังไงเราก็ต้องกลับไปพร้อมกัน”
“วิณณ์ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นวิณณ์ก็จะอยู่”
“ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ชีวิตวิณณ์ วิณณ์ตัดสินใจเอง”
“แต่ไม่ใช่สำหรับครั้งนี้”
“งั้นเราก็อยู่ที่นี่ด้วยกัน”
“วิณณ์ อย่างอแงได้ไหม วิณณ์ไม่เคยเป็นแบบนี้ ปกติวิณณ์จะเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลเสมอ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ดื้อแบบนี้ละ”
วิณณ์ นั่งลงถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะเอนกายลงบนพื้นดินและหลับตา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตะวันคิดคืออะไร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนที่ต้องอยู่คือตะวันไม่ใช่เขา แต่จะให้เขาทำยังไง ในใจของเขาตอนนี้มันตีรวนกันไปหมด เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าสวรรค์อาจจะหลงลืมปล่อยๆ เรื่องนี้ไปบ้าง นรกอาจจะใจดีทำเป็นไม่รู้ หรืออาจจะมีปาฏิหารย์ซักนิดที่ตะวันจะได้อยู่กับเขา แต่มันก็ไม่ใช่
สุดท้ายเราก็ต้องจากกัน
“เป็นวิณณ์ได้ไหม ให้วิณณ์ได้ทำเพื่อตะวันอีกครั้งนะขอร้อง”
วิณณ์พูดมันออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เขายกมือขึ้นปิดหน้าไม่รู้น้ำตามาจากไหน นานแค่ไหนที่เขาไม่ร้องไห้ แต่กับครั้งนี้มันแทบทนไม่ไหว แค่คิดว่าจะไม่มีเขาแล้วมันก็ทนไม่ไหวแล้ว
มันเจ็บที่ใจจนพูดไม่ออก ได้แค่ขดตัวลงหวังว่ามันจะช่วยได้แต่ก็ไม่
“วิณณ์ อย่าทำแบบนี้ วิณณ์....วิณณ์”
ตะวันคุกเข่าลงข้างตัว เขาเอื้อมมือไปจับแขนของคนที่นอนออก ดวงตาคู่นั้นมองกลับมาที่เขาถึงมันจะแดงจนแทบไม่เห็นตาขาว แต่ตาของเราก็ยังจ้องกันไม่หนีไปไหน
“ตะวันรักวิณณ์นะ มันเกิดขึ้นตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ทุกวันที่มีวิณณ์ ตะวันไม่เคยกลัวอะไรอีกเลย แล้ววิณณ์จะให้ตะวันทำร้ายคนที่ตะวันรักได้ยังไง จะให้ตะวันไปแย่งชีวิตจากวิณณ์มาได้ยังไง ตะวันทำไม่ได้หรอก”
วิณณ์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งสองมือยังคงกอบกุมมือขอคนตัวเล็กไว้
“แล้วตะวันคิดว่าวิณณ์จะอยู่ได้ไหม”
“....”
“คำตอบคือ ไม่ แบบนี้แล้วตะวันยังจะทำร้ายวิณณ์ให้อยู่คนเดียวได้ลงเหรอ”
“วิณณ์อย่ามองตะวันแบบนี้ ขอร้อง....อย่าทำให้ตะวันต้องล้มเลิกสิ่งที่ตั้งใจเลย”
ตะวันเอื้อมมือไปจับแก้มทั้งสองข้างของวิณณ์ให้อยู่นิ่งและมองตรงมาที่ตัวเอง ตอนนี้ไม่เหลือตำรวจที่แข็งแกร่งคนนั้น เขาเห็นแค่เพียงผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
“ตะวันรักวิณณ์นะ รักมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจำไว้ว่าเราไม่เคยห่างไกลกัน ตะวันจะอยู่ในนี้เสมอ” ตะวันชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของวิณณ์
“ใช้ชีวิตที่แหลือเพื่อตะวันด้วยนะ”
วิณณ์กอดตะวันไว้ในอ้อมอก ใจสลายมันเป็นแบบนี้เหรอเป็นแบบที่เขาเป็นอยู่ใช่ไหม มันจุก มันแน่น อึดอัดทำอะไรไม่ได้ เขามองหน้าคนตัวเล็กที่เอาแต่ร้องไห้ บอบบางขนาดนี้ทำไมถึงได้เด็ดเดี่ยวนักนะ
“วิณณ์รักตะวันนะ ตะวันจะอยู่ในนี้เสมอ วิณณ์จะรอวันที่เราได้เจอกันและได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง” และเขาก็ก้มลงไปจุมพิตที่ปากบาง
“สัญญานะ”
“สัญญา”ถ้าต้องอยู่โดยปราศจากหัวใจ เขาจะอยู่ได้ยังไง
ถ้าต้องอยู่โดยไร้ชีวิต เขาจะอยู่ไปเพื่อใคร
หนทางที่เลือกอาจดูโหดร้าย แต่คนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างเขาจะกลัวอะไร ขอเพียงให้ได้เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเขาก็พร้อมยอมรับได้
ดวงตะวัน ถึงจะร้อน
แต่ก็ยังคงให้แสงสว่าง
ทำให้ฝนตกได้ชุ่มฉ่ำ
และให้ความอบอุ่นยามหนาวเหน็บ
“ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อตะวันด้วยนะ มีความสุขกับทุกๆ วันให้มากที่สุด ตะวันไม่ได้จากไปไหน ยังอยู่ในนี้เสมอ”
ตะวันรักวิณณ์นะ
รักที่สุด
.
.
.
สุดที่รัก
จากใจนักเขียน :
ขอบพระคุณคนอ่านที่อดทนติดตาม ถึงจะช้า (ไปมากกก)
ตอนจบของเรื่องนี้ถูกกำหนดไว้แล้วตามนี้เลยคือ ตะวันตาย แต่ถึงแม้จะกำหนดไว้แล้ว แต่บอกเลยว่ายากมากที่จะเขียนให้ได้ดั่งใจ (เพราะลบ เขียน รื้อ เขียน อยู่แบบนี้เป็นสิบรอบ)
ตะวันได้พร แต่เพราะต้องช่วยคนที่รักเขาจึงยอมยกพรให้วิณณ์ไป ท่านพญายมก็ยังจะทดสอบจนถึงตอนสุดท้าย (จริงแล้วมนุษย์เรามีความดีในตัวทุกคนอยู่ที่ใครจะหยิบมันออกมาใช้ และใช้เมื่อไหร่)
ขอบพระคุณจริงๆ ค่ะ จบแล้วจริง ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามอ่านกันทุกคนนะคะ _/\_