{ { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]  (อ่าน 32814 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ผีหึงซะแล้ว

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ผู้หญิงหรือ? สงสัยคดีนี้ต้องมีรเบิดแปะรูชะนีแน่ๆ  :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ก็ชอบ น้องก็ชอบบีม
แวม ท่าทางไม่พอใจที่บีม ให้เบอร์พี่วี

ว่าแต่ใคร อะไร ที่มายิงแวม
ผู้หญิงคนนั้น ที่กินเหล้ากับแวมเป็นนกต่อสินะ
อย่างนี้บีม ให้เมฆกับนาคิมไปดูกล้องวงจรปิดได้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 6



“ เธอให้ปากคำว่าเธอขับรถไปส่งคุณแวมจริง แต่เธอปฏิเสธว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะครับ อีกอย่างตามที่คุณเล่ามาก็ไม่สามารถชี้ชัดเอาผิดอะไรเธอได้ แล้วเราก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอด้วยนะครับ ”
คุณตำรวจชี้แจงเรื่องคดีให้ผมฟัง

หลังจากที่ผมฟังที่ไอ้แวมเล่า ผมก็หาเวลาว่างมาสถานีตำรวจเพื่อคุยกับคนที่รับผิดชอบคดีนี้ทันที พร้อมกับให้การตามที่ไอ้แวมบอก แต่ผมไม่บอกหรอกนะว่าผมฟังมาจากไอ้แวมเล่า ก็ใครจะเชื่อล่ะว่าผมคุยกับผีได้

ตำรวจให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ผับจึงพบว่าไอ้แวมออกมากับผู้หญิงคนนั้นจริง แต่เธอก็ให้การปฏิเสธว่ามีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้

“ เข้าใจแล้วครับ ”
ผมเอ่ยอย่างปลงๆ สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องอะไรอยู่ดี เพราะหลักฐานก็ไม่แน่นหนาพอ อีกอย่างถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง เธอคนนั้นก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยจริงๆก็ได้ เธออาจจะเพียงแค่มีน้ำใจมาส่งไอ้แวมเท่านั้น

“ ขอบคุณมากๆนะครับที่ให้การช่วยเหลือทางเรา ”
คุณตำรวจยศผู้กองกล่าวด้วยความยินดีพร้อมกับเดินมาส่งผมที่รถ

“ ไม่เป็นไรครับ ”



ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมใช้เวลาอยู่สถานีตำรวจนานพอสมควร ป่านนี้ไม่รู้ไอ้แวมจะก่อเรื่องอะไรอีกรึเปล่า มันบังคับให้ผมไปหามันทุกวันพร้อมกับขู่ว่าถ้าไม่ไปมันจะหลอกคนทั้งตึก ดึกขนาดนี้ผมจึงต้องแบกสังขารตัวเองขับรถไปที่โรงพยาบาลต่อ จากสถานีตำรวจไปโรงบาลก็ใช่ว่าจะใกล้

เอี๊ยด
เอ่า รถเสียอีก เวรเอ้ย

แก๊กๆๆ
ผมพยายามบิดกุญแจสตาร์ทใหม่อยู่หลายรอบ แต่รถเจ้ากรรมก็ไม่มีวี่แววว่าจะติดเลย รถคันนี้เก่ามากแล้ว ชอบเสียกลางทางอยู่บ่อยๆ เข้าออกอู่เป็นว่าเล่น

“ ตาแก่จ๋า ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ ติดเถอะนะขอร้อง โถ่ววว ”
ผมบ่นให้รถคันเก่าที่ผมตั้งชื่อให้มันว่าตาแก่ ตาแก่คันนี้ชอบสร้างปัญหาให้ผมบ่อยเหลือเกิน เสียตอนไหนไม่เสีย มาเสียอะไรดึกป่านนี้ แล้วถนนเส้นนี้ก็แทบจะไม่มีรถผ่านมาเลย

เอาไงดี? ผมตัดสินใจกดโทรศัพท์หาไอ้เกื้อเพื่อขอเบอร์ช่างซ่อมรถ แต่ยังไม่ทันที่ปลายสายจะรับ ก็มีรถกระบะสีดำคันหนึ่งเข้ามาจอดขนาบข้างผมพร้อมเปิดกระจกออกมาถาม

“ รถเสียเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ”
ผมหันหน้าไปตอบเจ้าของรถกระบะ

“ เอ่า หมอบีม ”

“ เมฆ ”
ที่แท้เจ้าของรถกระบะคันนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ใต้เมฆช่วยโทรเรียกช่างมาซ่อมรถให้ผม แต่ช่างบอกว่าคงต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่หลายชิ้น รถเก่าก็งี้แหละครับ ช่างเลยเอารถมาลากตาแก่ของผมไปเข้าอู่ วันนี้ผมเลยต้องรบกวนติดรถใต้เมฆไปก่อน

“ จะไปไหน? เดี๋ยวกูไปส่ง ”
ดูจากรถกระบะที่ขับแล้ว ใต้เมฆน่าจะเป็นคนสไตล์ลุยๆสมกับเป็นเด็กคณะเกษตรฯจริงๆ แต่อย่าดูถูกเด็กคณะนี้นะครับ ผมได้ยินมาว่าพ่อของเขามีที่ดินทางภาคเหนือหลายพันไร่ และทำการเกษตรได้กำไรเดือนละหลายล้านบาทเลยทีเดียว

ภายนอกใต้เมฆดูท่าทางสุขุม แถมยังหน้าตาดีเกินเหตุเหมือนกับเพื่อนในแก๊งค์ของเขา ทำให้ใครๆก็คิดว่าเขาเป็นคนเข้าถึงยาก แต่ก็เข้าถึงยากจริงๆนั่นแหละ

อย่างใต้เมฆถ้าอยู่ในชุดนักศึกษาก็มีมาดคุณชายหน่อยๆเหมือนกัน เขาควรอยู่นิ่งๆดีที่สุด เพราะถ้าเขาเอ่ยปากพูดเมื่อไหร่รู้เลยว่าเขานิสัยเถื่อนพอสมควร แม้กับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างผม เขาก็ขึ้นกูมึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผมเนี่ยถ้าไม่สนิทด้วยผมจะพูดสุภาพสุดๆ เลยไม่กล้าใช้สรรพนามเดียวกับเขา แต่ดูแล้วเขาก็เป็นคนตรงๆดี ผมชอบคนนิสัยแบบนี้นะ

“ ไปโรงพยาบาลครับ ”

“ ดึกป่านนี้เนี่ยนะ? ”

“ ครับ ไปหาแวมนั่นแหละ ”

“ นี่หมอ ถามจริงๆนะ หมอเป็นเพื่อนไอ้แวมจริงๆเหรอ? ”

“ ที่จริงก็ไม่ใช่หรอกครับ ผมเพิ่งรู้จักแวมตอนที่เค้ามาอยู่โรงบาลนี่เอง ”

“ ว่าแล้ว อย่างไอ้แวมนี่นะ ใครจะทนเป็นเพื่อนมันได้ มันก็มีแต่พวกกูเป็นเพื่อนนี่แหละ ”

“ เอ่า แล้วทำไมแวมถึงไม่มีเพื่อนล่ะครับ? ”

“ ก็ดูนิสัยมันดิ โลกส่วนตัวสูง ไม่แคร์ใคร ถึงจะหน้าตาดีมีคนเข้าหาเยอะแต่มันก็ทำตัวหยิ่งใส่เขาตลอด แต่ถ้าใครรู้จักตัวตนของมันจริงๆก็จะเห็นมุมดีๆของมันเองแหละ ถ้ามันรู้สึกดีกับใครมันก็จะเผยนิสัยส่วนดีให้คนๆนั้นเห็น สำหรับกูมันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยนะ ไอ้คิมก็ด้วย ”

ผมฟังจากที่ใต้เมฆเล่ามาก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมไอ้แวมถึงไม่มีเพื่อน ก็ผมเห็นหน้ามันครั้งแรกยังรู้สึกไม่ถูกชะตาเลย คนอะไรหน้าตาดีซะเปล่า ทำหน้าหยิ่งแถมขี้เก๊กตลอดเวลา แต่พอรู้จักมันจริงๆมันก็มีมุมดีๆอยู่บ้างนะ

“ แล้วเมฆพอจะรู้มั๊ยว่าแวมมีศัตรูที่ไหนบ้าง? ”

“ อืม ศัตรูเหรอ? ก็ไม่เห็นจะมีนะ เออ กูเห็นมันไม่ค่อยถูกกันกับพี่คนนึงในคณะมันน่ะ ชื่อพี่เทียน มันบอกว่ามันไม่ค่อยชอบพี่คนนี้เท่าไหร่ ”
พอใต้เมฆพูดจบรถกระบะสีดำก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่นานก็มาหยุดจอดที่หน้าตึกคนไข้พอดี

“ ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง ถ้าไม่ได้เมฆมาช่วยนะ ผมต้องแย่แน่ๆเลย ”

“ เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเบอร์โทรได้มั๊ยล่ะ? ”
ใต้เมฆไม่พูดเปล่า แถมยื่นมือถือมาให้ผมด้วย

“ เอ่อ ”

“ ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากให้ กูไม่เอาก็ได้ ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ”

“ ไม่ต้องกลัวกูหรอก แค่จะเอาเบอร์ไว้เผื่อจะได้ติดต่อกันไง กูน่ะจีบใครแล้วเขาไม่เล่นด้วยก็ไม่ตื้อหรอกนะ ถึงหมอจะน่ารักขนาดไหน แต่หล่อๆอย่างกูก็มีคนรอคิวอีกเพรียบเลยล่ะ ”
ผมคลี่ยิ้มให้กับคำพูดของใต้เมฆ โล่งอกที่เขาไม่ได้จะจีบผม ก็จริงอย่างที่เขาว่าแหละ หล่อระดับเดือนคณะแบบนี้ไม่ต้องจีบใครก็ได้มั๊ง คงมีคนเข้าหาเป็นว่าเล่น

ผมรับโทรศัพท์มือถือจากมือใต้เมฆมากดเบอร์ตัวเองลงไปแล้วส่งคืนให้เขา ก่อนจะเอ่ยลาเปิดประตูลงจากรถ

“ ฝันดีล่วงหน้านะหมอ ฝากบอกไอ้แวมด้วยว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้กูกับไอ้คิมจะมาเยี่ยม ”

“ ได้ครับ ฝันดีล่วงหน้าเช่นกันครับ ”



ผมหอบหมอนกับผ้าห่มที่เพิ่งไปขอจากแม่บ้านมาเพื่อที่จะมานอนเฝ้าไอ้แวม ลำบากจริงๆเลย พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าอีก ดึกขนาดนี้แล้วก็นอนนี่เลยละกัน

พอก้าวเท้าเข้ามาในห้อง 502 ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นยะเยือก บรรยากาศเงียบสงัดวังเวงมาก ทั้งห้องมืดสนิทเพราะไม่ได้เปิดไฟ ผมจึงเดินหอบผ้าห่มไปควานหาสวิตช์อย่างยากลำบาก

แก๊ก
สวิตช์เปิดไม่ติดซะงั้น สงสัยไฟจะเสีย

สายลมที่พัดเข้ามาจากประตูระเบียงทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือก พร้อมผ้าม่านที่ปลิวไสวไปมาชวนให้รู้สึกขนลุกชะมัด ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินใกล้เข้ามา แต่ด้วยความมืดทำให้ผมมองเห็นเพียงเงาลางๆของคนๆนั้น เงานั้นค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ

ไอ้ผีเจ้าปัญหามันต้องแกล้งอะไรผมอีกแน่ๆ!

“ นี่นาย เลิกเล่นได้แล้ว มันมืด มองไม่เห็น ”
ผมบ่นอย่างเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้ง่วงมากจริงๆ เรียนหนักทั้งวันแล้วยังต้องไปคุยเรื่องคดีกับตำรวจ แถมรถยังมาเสียอีก กว่าจะมาถึงนี่ก็ดึกมากแล้ว ผมเหลือเวลาพักผ่อนอีกแค่น้อยนิดเท่านั้นเอง ไม่มีอารมณ์มากลัวผีอะไรทั้งนั้นแหละตอนนี้

พรึ่บ
พอผมพูดจบ หลอดไฟก็ถูกเปิดขึ้นแล้วทั้งห้องก็สว่างทันที ว่าแล้วว่าต้องเป็นฝีมือไอ้แวมแน่ๆ ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา ไม่รู้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน

“ หมอไปไหนมาครับ? ทำไมถึงกลับดึก? ”
ผีที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนไม่พอใจอยู่นิดๆ

“ ไปสถานีตำรวจมา ก็ไปสืบเรื่องคดีของนายนั่นแหละ ”

“ เหรอครับ? กลับดึกจังเลยนะ ”
มันพูดเหมือนประชดผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ อือ เลิกเรียนก็ค่ำ แล้วกว่าจะมาถึงนี่อีก ”

“ แล้วเมื่อกี้ใครมาส่ง!? ”
มันเริ่มขึ้นเสียง อะไรวะ? ถามดีๆไม่เป็นรึไง?

“ ก็รถมันเสีย ”

“ ผมถามว่าใครมาส่ง! ”

“ จะขึ้นเสียงทำไมวะ! ก็ใต้เมฆเพื่อนมึงนั่นแหละมาส่ง! ”
ผมขึ้นเสียงกลับจนมันทำหน้าอึ้งไม่กล้าพูดต่อ ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยจะอยู่ ยิ่งหงุดหงิดๆอยู่ด้วย

“ ผมขอโทษครับ ”
มันเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงจนผมตามไม่ทัน จากที่โกรธๆอยู่ก็กลายเป็นรู้สึกผิดซะงั้น

“ อือ ลุกออกจากโซฟาได้แล้ว ง่วง จะนอน ”

“ ครับ ”

“ เอ่า ลุกดิ ”
บอกจะลุกแต่มันก็นั่งอยู่ท่าเดิม แถมมองหน้าผมอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดซะที

“ มีไรก็พูดมา ง่วงนอน ”
ผมบ่นให้มันรีบๆพูด จะได้รีบลุกจากโซฟาให้ผมนอน เพราะผมง่วงมากจริงๆ

“ หมออย่าใกล้ไอ้เมฆมากได้มั๊ยครับ? ”

“ ทำไมอ่ะ? ”

“ ก็มันเป็นคนเจ้าชู้ ”

“ อ่าฮะ ”
แล้วมันมาบอกผมเพื่อ? แต่ผมก็พยักหน้ารับรู้อย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก ตอนนี้ง่วงจริงๆ อยากนอน

“ ผมกลัวมันจะจีบหมอ ”

“ ไร้สาระน่า ออกไปได้แล้ว จะนอน ”
ผมปัดมือไล่มันลุกออกจากโซฟา

“ หมอออ ”
มันทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กงอแง เอิ่ม ผมว่าการเป็นวิญญาณอาจจะทำให้เราทำนิสัยแปลกๆกว่าตอนเป็นคนมากจริงๆก็ได้นะ ดูที่มันทำตอนนี้สิ เฮ้อออ

“ จะนอน ”
ผมบ่นอีกรอบ

“ ครับ ”
แล้วมันก็ยอมแพ้ลุกจากโซฟาแต่โดยดี



หลังเลิกเรียนวันนี้ผมตั้งใจว่าจะไปหาคนชื่อพี่เทียนอะไรนั่นซะหน่อย ตอนนี้เขาเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยมากสุดเพราะเป็นคนที่ไม่ถูกกับไอ้แวม

ผมมาหยุดยืนอยู่หน้าตึกคณะวิศวะที่มีคนเดินไปมาอยู่น้อยนิด เพราะตอนนี้ก็หกโมงกว่าแล้ว ผมเลิกเรียนช้ากว่าคณะวิศวะ ไม่รู้ว่าพี่เทียนเขาจะกลับแล้วรึยัง?

“ เฮ้ย มองหาใครวะ? ”
ผู้ชายร่างท้วมใส่ช็อปวิศวะโยธาเดินเข้ามาถามผม ดูแล้วท่าทางหาเรื่องสุดๆ

“ เอ่อ มาหาพี่เทียนครับ รู้จักมั๊ย? ”

“ อ่อ ไอ้เทียน ตอนนี้นั่งทำโปรเจคกับเพื่อนอยู่ลานเกียร์นู้นน่ะ ”
พี่เขาชี้ไปทางลานเกียร์ที่อยู่ด้านซ้ายมือ ผมรู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่เพราะเขาเรียกพี่เทียนว่าไอ้ เขาคงจะอยู่ปี 4 เหมือนกัน

“ ขอบคุณครับ ”
ผมเอ่ยขอบคุณพี่เขาก่อนจะเดินไปที่ลานเกียร์ โชคดีจริงๆที่พี่เทียนยังไม่กลับ

พอมาถึงก็เห็นนักศึกษาวิศวะกลุ่มนึงประมาณห้าหกคนกำลังนั่งวุ่นอยู่กับการช่วยกันทำโปรเจคจบอยู่ พี่เทียนต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนี้แน่ๆ

โอ้ย!
พอผมจะเดินเข้าไปในลานเกียร์ ก็เกิดสะดุดล้มลงซะงั้น รุ่นพี่กลุ่มนั้นพอได้ยินเสียงร้องก็หันมามองผมเป็นตาเดียว น่าอายชะมัด

“ เฮ้ยพวกมึง มีคนสะดุดลานเกียร์ว่ะ ”

“ นั่นมันหมอบีมนี่หว่า กูเคยเห็นน้องเขาในเพจ cute boy เว้ย ”

“ โอ้โหว น่ารักซะด้วย ”

“ อยากได้เกียร์พี่มั๊ยน้อง? ”

“ ฮิ้ววว ”

ดูเหมือนรุ่นพี่กลุ่มนั้นจะละความสนใจจากโปรเจคตรงหน้าแล้วหันมาแซวผมแทน แบบนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายเข้าไปอีก ให้ตายเถอะ

“ มาหาใครครับน้อง? ”
รุ่นพี่หน้าหล่อคนนึงเดินมาก้มหน้าถามผมที่นั่งอยู่บนพื้นเพราะสะดุดล้มเมื่อกี้ รุ่นพี่คนนี้ดูน่าเคารพสุดในกลุ่มนี้แล้ว เขาน่าเคารพตรงไหนน่ะเหรอ? ก็เขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เอ่ยปากแซวผมน่ะสิ

“ ผมมาหาพี่เทียนครับ ”
ผมลุกขึ้นยืนแล้วตอบพี่เขา

“ แล้วน้องมาหาเขาทำไม? ”

“ เอ่อ... ”
นั่นน่ะสิ ผมจะบอกว่ามาหาเขาทำไมดี? จะให้บอกว่ามาสืบคดีไอ้แวมเพราะผมสงสัยเขาเนี่ยนะ? มีหวังโดนกระทืบตายพอดี ผมไม่มีเหตุผลอะไรมาเป็นข้ออ้างเลย อยู่ดีๆก็พุ่งมานี่ซะงั้น ลืมคิดข้อนี้ไปได้

“ ว่าไง? ”

“ คือว่า...ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่เทียนครับ ”
ผมพูดพร้อมกวาดตามองว่าใครคือพี่เทียนกันแน่

“ มีเรื่องอะไร? ”

“ เอ่อ... ”
เชี่ยละ จะบอกว่ามีเรื่องอะไรดีวะ? ไม่ได้เตรียมสคริปท์มา คิดไม่ออกโว้ย

“ มีไรก็พูดมา พี่นี่แหละชื่อเทียน ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2017 01:40:47 โดย lostboy »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 7



พี่เทียนเป็นหนุ่มหน้าตาดี ผิวสีแทน หน้าคม ไว้หนวดดูเถื่อนนิดๆ แต่ดูรวมๆแล้วพี่เขาถือว่าหล่อเข้มไปอีกแบบ

“ ร้านนี้ไวไฟแรง คุยที่นี่แหละ ”
พี่เทียนชวนผมมาร้านกาแฟใกล้ๆตึกวิศวะ แถมให้ผมเลี้ยงกาแฟอีกต่างหาก เขาบอกว่าต้องการไวไฟแรงๆในการทำงาน พอมาถึงร้านพี่แกก็เอาแต่จ้องคอมหาข้อมูลทำโปรเจค ไม่ใส่ใจผมที่นั่งอยู่ตรงหน้าพี่เขาสักนิด
“ เออ สรุปบีมมีไรจะคุยกับพี่เหรอ? ”
เขาเอ่ยถามผมลอยๆเหมือนจะไม่ค่อยสนใจผมนัก สายตายังจ้องหน้าคอมเช่นเดิม

“ เอ่อ ที่จริงผมจะคุยเรื่องแวมน่ะครับ ”

“ ฮึ? ไอ้แวมทำไม? ”
พี่เขาละสายตาจากงานแล้วเงยหน้ามาสนใจที่ผมพูด

“ ผมได้ยิมมาว่าพี่ไม่ค่อยถูกกับแวม ”

“ อ่า ใช่ พี่ไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่ ”

“ ทำไมล่ะครับ? ”

“ ที่จริงก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอก แต่มันชอบทำตัวอินดี้ไม่เข้าสังคม พี่เป็นพี่สันฯตอนปีสอง สั่งให้มันทำกิจกรรมอะไรก็ไม่ทำ มันเถียงพี่จนมีเรื่องกัน จากนั้นพี่ก็ไม่ถูกกับมันจนทุกวันนี้แหละ ”

“ อ่อ ”
ที่จริงปัญหาของพี่เทียนกับไอ้แวมก็แค่เรื่องเล็กน้อย แค่กระทบกระทั่งกันเท่านั้นเอง แล้วไอ้แวมก็คงนิสัยไม่แคร์ใครอย่างที่ใต้เมฆว่าจริงๆด้วย ที่จริงแล้วพี่เทียนก็ไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับไอ้แวมหรอก

“ อย่าบอกนะว่าคิดว่าพี่ฆ่าไอ้แวม ฮ่าๆ ”
พี่เทียนพูดอย่างกับรู้ใจผมแน่ะ แต่เขาพูดติดตลกไปเท่านั้นเอง

“ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ”

“ อย่างงี้ที่เขาลือกันว่าหมอบีมเป็นหมอผีปราบผีไอ้แวมที่หลอกคนในโรงบาลก็เรื่องจริงน่ะสิ ”

“ พูดไปพี่ก็ไม่เชื่อหรอกครับ ”

“ เออ พี่ไม่เชื่อหรอก เกิดมาก็ไม่เคยเจอผีสักตัว แต่ถ้าเป็นอย่างที่พี่ได้ยินมาจริง ไอ้แวมทำไมถึงเชื่อฟังบีมจังเลยล่ะ ปกติมันไม่ยอมใครนะ หรือว่า มันจะชอบบีม ”
พี่เขาแค่พูดแซวขำๆ

“ ชาเย็นที่สั่งได้แล้วครับ ”
พนักงานหนุ่มในร้านเดินมาเสิร์ฟชาเย็นให้ผม แล้วเขาก็ยืนมองผมอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไปไหนสักที เขาจ้องผมจนผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก

“ นี่น้อง เลิกยืนมองแฟนพี่ได้แล้ว พี่ไม่ชอบ ”
พี่เทียนพูดกับพนักงานคนนั้นด้วยสีหน้าโมโห

“ ขอโทษครับพี่ ”
พนักงานหนุ่มเอ่ยขอโทษพี่เทียนแล้วรีบเดินหนีไปอย่างไว

“ เสน่ห์แรงจริงๆนะบีม ”
พี่เทียนเอ่ยล้อเลียนผม ผมชอบนิสัยพี่เทียนจริงๆ พี่เขาเป็นคนเฮฮาอยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันวันแรกนะเนี่ย

“ พี่ก็เนียนเลยนะครับ ”

“ แน่นอนอยู่แล้ว ถือว่าพี่ช่วยเป็นไม้กันหมาให้เป็นค่ากาแฟแก้วนี้แล้วกันนะ ”
พี่เขาหยิบแก้วลาเต้ปั่นในมือขึ้นมาโชว์ ซึ่งแก้วนั้นผมเป็นคนจ่ายนั่นแหละครับ

“ แล้วพี่จะทำงานอีกนานป่ะเนี่ย? นี่มันก็ค่ำแล้วนะ ”

“ เออ กลับก็ได้ ”

“ เฮ้ย ผมไม่ได้ไล่นะพี่ กินกาแฟให้หมดก่อนก็ได้ ”

“ ก็ถือไปกินด้วยดิวะ ยากอะไร ”
พี่เขาปิดโน๊ตบุ๊ค เก็บเอกสารลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะกลับอย่างรวดเร็ว
“ เออ แล้วบีมกลับยังไงอ่ะ? ”

“ อ๋อ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับครับ ”
รถผมเสียอยู่ที่อู่ ยังซ่อมไม่เสร็จเลย

“ งั้นกลับรถพี่ เดี๋ยวไปส่ง ”

“ ไม่เป็นไรครับ มันไกล ”

“ ไกลแค่ไหนก็ไปส่งได้ มาดิ ”
พี่เทียนพยักหน้าให้ผมเดินตาม
“ มา ”
พอเห็นว่าผมไม่ยอมตามไป พี่เขาก็เดินมากอดคอผมให้เดินไปด้วยกัน

“ ไปด้วยก็ได้ครับ ”
ผมแกะมือพี่เทียนออก แล้วก็ต้องยอมเดินตามเขาไปที่รถแต่โดยดี

“ บ้านอยู่แถวไหนอ่ะ? ”
พอขึ้นรถมาพี่เขาก็ถามว่าจะให้ไปส่งไหน

“ ผมจะแวะไปเวี่ยมแวมที่โรงบาลก่อนครับ ”

“ ไปทุกวันเลยเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ”

“ อืม พี่ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องโปรเจคจนไม่ได้ไปเยี่ยมมันซะที พอดีวันนี้ได้โอกาส งั้นพี่ขอไปเยี่ยมมันด้วยเลยละกัน”

“ ครับ ”

ครืดดด ครืดดด ครืดดด
พอนั่งรถมาได้สักพักมือถือในกระเป๋าผมก็สั่นขึ้น หน้าจอปรากฏเบอร์แปลกๆที่ผมไม่คุ้น

“ หวัดดีครับหมอบีม ”

“ เอ่อ นี่ใครครับ? ”

“ พี่วีไงครับ พี่อยากถามว่าวันนี้หมอบีมว่างมาทานข้าวเย็นกับพี่รึเปล่าครับ? ”

“ เอ่อ วันนี้น่าจะไม่สะดวกนะครับ ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้วด้วย ”

“ แย่จัง พี่ก็เลิกงานค่ำแบบนี้ทุกวันด้วยสิ แล้วพี่จะมีโอกาสได้เลี้ยงขอบคุณหมอบีมรึเปล่าครับ? ”

“ ไม่เป็นไรครับพี่วี พี่วีไม่ต้องเลี้ยงขอบคุณอะไรผมก็ได้ครับ ”

“ แต่... ”

“ น้องบีมต้องทานข้าวเย็นกับผมครับ ไม่มีเวลาไปกินข้าวกับคุณหรอก ”
พี่เทียนแย่งมือถือจากมือของผมไปพูดกับปลายสายเอง แล้วเขาก็ถือวิสาสะกดตัดสายไปเลย

“ พี่เทียน ทำอะไรเนี่ย? ”

“ พี่รำคาญ อยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไปตรงๆเลยสิ เกรงใจอะไร? ”

“ ขอบคุณนะครับ วันนี้พี่เป็นไม้กันหมาให้ผมสองรอบเลยนะ ฮ่าๆ ”

ผมรู้สึกถูกชะตากับพี่เทียนมากๆ คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ผมเองก็ฝันอยากมีพี่ชายสักคนเหมือนกันนะ

“ จะให้พี่กันใครให้ก็บอกได้ พี่เต็มใจช่วยเสมอ ไอ้น้องชาย ”
พี่เขาละมือข้างซ้ายจากพวกมาลัยมาผลักหัวผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“ ได้เลยครับพี่เทียน ”



“ คุณพ่อ หวัดดีครับ ยังไม่เลิกงานเหรอครับเนี่ย? ”
ผมมาโรงพยาบาลก็เจอคุณพ่อยังสวมเสื้อกาวน์อยู่เลย ท่าทางท่านดูเหน็ดเหนื่อยมากจนผมเป็นห่วง กลัวว่าท่านจะทำงานหนักเกินไป

“ พ่อเพิ่งตรวจคนไข้เสร็จน่ะ จะกลับพอดีเลย แล้ววันนี้ไม่พักที่หอเหรอลูก? ”

“ ผมเยี่ยมแวมเสร็จก็ว่าจะกลับไปนอนที่บ้านล่ะครับ คุณพ่อทานข้าวรึยังครับ? ถ้ายังเดี๋ยวขากลับผมซื้อไปฝาก ”

“ พ่อทานเรียบร้อยแล้วล่ะ เอ่า แล้วนี่ใครเหรอ? ”
พ่อผมหันไปหาพี่เทียนที่ยืนเงียบอยู่ตั้งนาน

“ หวัดดีครับพ่อ ผมชื่อเทียนครับเป็นรุ่นพี่ที่คณะของแวมครับ พอดีมาส่งบีมเลยแวะมาเยี่ยมแวมด้วย ”

“ อ่อ หวัดดีลูก เยี่ยมกันเสร็จแล้วก็อย่ากลับดึกล่ะ อันตราย ”

“ โถ่วคุณพ่อครับ บ้านเราอยู่ใกล้แค่นี้เอง ”

“ พ่อบอกเทียนเค้า ”
เอ่า

“ ครับพ่อ กลับบ้านดีๆนะครับ ”
พอพ่อเดินไป พี่เทียนก็หันมาหาผมแล้วทำหน้าขำทันที หือ ไอ้พี่เทียน เห็นคนหน้าแตกแล้วขำเนี่ยนะ?



“ ยังไม่ตายอีกเหรอวะ? ”
นั่นเป็นประโยคแรกที่พี่เทียนทักทายคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง พี่เขาคงจะไม่เห็นว่าวิญญาณไอ้แวมกำลังทำหน้าอารมณ์เสียอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง

“ หมอเอาไอ้นี่มาทำไมเนี่ย? ”
ไอ้แวมหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆให้มันไปทีนึง จะเอ่ยปากพูดกับมันก็กลัวพี่เทียนจะหาว่าผมคุยกับอากาศ

“ เฮ้อ ไม่มีมึงแล้วกูก็เหงาว่ะ ไม่มีใครมาให้กูหาเรื่องแล้ว รุ่นน้องคนไหนก็ไม่กล้าเถียงกูแบบมึงเลย ”
พี่เทียนบ่นลอยๆ

“ ขี้เกียจเถียงด้วยเว้ย หาเรื่องกันอยู่ได้ รีบเรียนจบซะทีเหอะ เบื่อหน้า ”
ไอ้แวมบ่นใส่พี่เทียนกลับ แต่พี่เขาก็คงไม่ได้ยินอะไรแม้แต่นิด ผมส่ายหัวให้กับการกระทำของสองคนนี้อย่างขำๆ รู้ว่าอีกคนไม่ได้ยินยังจะบ่นใส่กันอีก

“ แต่มึงนอนอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว อย่าฟื้นขึ้นมากวนตีนกูเลย ที่จริงกูก็ไม่อยากมาเยี่ยมมึงนักหรอกนะ กลับดีกว่า เสียเวลา ”
พี่เทียนคงจะแกล้งพูดไปงั้นแหละ ที่จริงผมรู้นะว่าพี่เขาก็อยากมาเยี่ยมไอ้แวมเหมือนกัน

“ กลับไปให้ไวเลย ไม่ต้องกลับมาอีกนะ ”

“ พี่กลับก่อนนะบีม ”
พี่เทียนพูดพร้อมโน้มตัวมากระซิบข้างหูผมเบาๆว่า “ ถ้าผีไอ้แวมมีจริง พี่ก็อยากจะขอแกล้งมันซะหน่อยนะ จุ๊บ ”
พอกระซิบจบ พี่เขาก็ขยับปากมาหอมแก้มผมพร้อมทำเสียงจุ๊บดังๆอีกต่างหาก

“ พี่เทียน! ”
ผมตกใจจนสะดุ้ง

“ ไปละ บาย ”
แล้วพี่เขาก็เดินจากไปหน้าตาเฉย

“ หมายความว่าไงครับหมอบีม? ”
ไอ้แวมเดินเข้ามายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผม แล้วมันก็ทำเสียงราบเรียบเพื่อกดดันอีกต่างหาก

“ อะไร? ”

“ หมอไปรู้จักไอ้นี่ได้ยังไง? ”

“ ก็เพิ่งรู้จักวันนี้แหละ ฉันไปสืบเรื่องของนายไง ”

“ ไปสืบทำไม? หมอเลิกสืบเรื่องของผมได้แล้ว มันไม่เกี่ยวกับหมอเลย แล้วเจอกันวันแรกก็ให้มันหอมแก้มแล้วงั้นเหรอ? ”
มันพูดด้วยน้ำสียงโมโห

“ แล้วทำไมต้องโกรธด้วยวะ? เรื่องของนายฉันไม่ยุ่งก็ได้ ”

“ ผมไม่ได้โกรธที่หมอมายุ่งเรื่องของผม ผมโกรธที่หมอให้ไอ้พี่เทียนหอมแก้มต่างหากล่ะ ”

“ พี่เขาแค่แกล้งเล่น ”

“ ไม่รู้ล่ะ หมอห้ามไปยุ่งกับมันอีก แล้วก็ไม่ต้องสืบเรื่องของผมแล้วด้วย ”

“ ฉันแค่อยากให้นายเข้าร่างได้เท่านั้นเอง ”

“ หมออยากให้ผมรีบไปจากหมอซะทีใช่มั๊ยล่ะ ”
มันดูโกรธมากแล้วมันก็หายตัวไปทันที ผมพยายามเรียกมันหลายรอบก็ไม่ยอมออกมา คงจะโกรธจริงๆนั่นแหละ หายไปซะงั้น แล้ววันนี้ผมมาหามันแค่นี้เนี่ยนะ?

เฮ้อ ทำไมผมต้องไม่สบายใจที่ทำให้มันโกรธด้วย ผมไม่ได้ผิดอะไรซะหน่อย แต่ยังไงผมก็ต้องง้อมัน ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ จากที่บอกพ่อว่าจะมานอนบ้าน สุดท้ายก็ต้องกลับมาอาบน้ำที่บ้านแล้วไปนอนเฝ้าไอ้แวมเหมือนเดิม

ผมกลับบ้านมาก็เห็นคุณพ่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอนอีกนะ?

“ คุณพ่อครับ ยังไม่นอนอีกเหรอ? ”
คุณพ่อรีบปิดหนังสือทันทีที่ผมเดินเข้าไปหา ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆคุณพ่อ
“ อ่านอะไรครับ? ”
ผมมองหนังสือเล่มนั้นแว๊บนึงก็รู้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการรักษาโรค

“ พ่อก็นั่งทบทวนตำรับตำราไปเรื่อยน่ะ แล้วไปเยี่ยมคุยแวมมาเป็นไงบ้าง ผีคุณแวมยังสบายดีมั๊ย? ”
พ่อพูดเรื่องผีแบบเป็นเรื่องปกติ เพราะท่านเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ ผมเดาใจเค้าไม่ถูกหรอกครับ อารมณ์ขึ้นๆลงๆทุกวัน ”
คุณพ่อหัวเราะเบาๆกับคำพูดของผม

“ แต่ลูกของพ่อเนี่ยก็ขยันไปหาเค้าทุกวันไม่บ่นซักคำเลยนะ ตั้งแต่ยังไม่เห็นผีคุณแวมลูกก็ไปเยี่ยมเขา เดี๋ยวนี้ก็ยังไปหาเขาอยู่ แต่ก่อนกลัวผีไม่ใช่เหรอเรา? ”

“ เดี๋ยวนี้เลิกกลัวแล้วครับ ”

“ แต่อีกไม่นานคุณแวมก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว อาการเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ทางบ้านเขาก็ติดต่อให้เขาไปอยู่ที่บ้าน ”

“ ครับ ”
ผมควรจะดีใจสิที่ไอ้แวมจะได้กลับบ้าน

“ ไปอาบน้ำอ่านหนังสือได้แล้วลูก ดึกแล้ว จะได้รีบนอน ”

“ ครับคุณพ่อ วันนี้ผมว่าจะไปนอนเฝ้าคุณแวมน่ะครับ ”

คุณพ่อไม่ว่าอะไร ท่านพยักหน้ารับรู้ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่ท่านก็นั่งลงที่เดิมอีกครั้ง เหมือนคุณพ่อจะรู้สึกหน้ามืด

“ คุณพ่อเป็นอะไรรึเปล่าครับ ”
ผมรีบวิ่งไปเอายาดมมาให่ทาน

“ ไม่เป็นไรหรอกลูก สงสัยพ่อจะแก่แล้ว ฮ่าๆ ”
คุณพ่อนั่งดมยาดมอยู่สักพักถึงจะลุกขึ้นได้

“ เดี๋ยวผมพาคุณพ่อไปส่งที่ห้องนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำงานหนัก ”
ผมบ่นให้ท่านนิดหน่อยก่อนจะพาท่านไปนอนพักผ่อนที่ห้อง จากนั้นผมก็กลับห้องตัวเองมาอาบน้ำ แล้วก็ต้องหอบชีทและหนังสือไปอ่านที่โรงบาลด้วย

“ แวม อยู่รึเปล่า? ”
ผมเข้าไปในห้องไม่เจอไอ้แวมเหมือนเดิม ผมก็เรียกมันอยู่นาน จะโกรธอะไรนักหนาเนี่ย?

“ ฮึ มาทำไม? ”
มันโผล่มานั่งอยู่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ สีหน้ายังดูไม่พอใจผมอยู่เช่นเดิม

“ ก็มาง้อคนบางคน ”

“ ง้องั้นเหรอ? ”

“ เออ หายโกรธดิ ”

“ ไม่หาย ผมโกรธมาก ทำไมหมอถึงให้ไอ้พี่เทียนมันหอมแก้ม? ”

“ ก็บอกว่าพี่เขาแกล้งเล่นไง ”

“ ไม่รู้ล่ะ ผมยังไม่เคยแตะตัวหมอเลยซักนิด แล้วไอ้พี่เทียนมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ได้หอมแก้มหมอ ”
มันทำหน้าโกรธกว่าเดิมแล้วหายตัวไปอีกรอบ คราวนี้เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มาแล้วครับ แต่ผมว่ามันคงอยู่แถวนี้แหละ มันออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้วนี่

“ อ่านหนังสือก่อนนะ มีไรก็ออกมาบอกนะ วันนี้ฉันนอนนี่แหละ ”
ผมพูดดังๆเผื่อมันอยู่มุมไหนสักมุมแล้วอาจจะได้ยินเสียงผม จากนั้นผมก็นั่งอ่านหนังสือจนเวลาล่วงเลยไปไม่รู้นานเท่าไหร่ และผมก็ยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด มีคนบอกว่าการอ่านหนังสือให้มีสมาธิคือการอ่านไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องดูเวลา จิตใจจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าเท่านั้น

“ หมอบีมครับ ตีสามแล้วนะ ”
อยู่ดีๆไอ้แวมก็ปรากฏตัวมานั่งอยู่ข้างๆผม เล่นซะผมตกใจเกือบตาย เพราะเมื่อกี้อ่านหนังสือเพลินไปหน่อย มันบอกว่าอะไรนะ? ตีสามแล้วงั้นเหรอ? อืม ยังไม่ได้นอนเลย

“ ตายๆๆ พรุ่งนี้เรียนแลปกรอสแต่เช้า ”
ผมบ่นแล้วปิดหนังสือทิ้งตัวลงนอนทันที ไอ้แวมลุกขึ้นยืนมองผมอย่างงงๆ

“ หมอ หลับแล้วเหรอครับ? ”

“ อืม ”
ผมงัวเงียตอบไอ้แวมโดยที่ยังหลับตาอยู่ พอรู้เวลาปุ๊ปผมก็หลับปั๊ปทันที ผมเป็นคนหลับง่ายแบบนี้แหละครับ

หลับง่ายแต่ตื่นยาก

“ หมอบีมครับ หมอบีม เจ็ดโมงกว่าแล้ว ”
เสียงใคร? อะไรนะ? เจ็ดโมงกว่าเหรอ? อืม

“ เชี่ย เอ่าแวม ไปก่อนนะ สายแล้ว ขอบใจมากที่ปลุก ”
ผมพูดกับไอ้แวมอย่างเร็วก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องคนไข้เพื่อกลับบ้านอาบน้ำไปเรียนให้ทัน ถ้าไม่มีไอ้แวมปลุกเนี่ยผมต้องตายแน่ๆ มันไม่ปล่อยให้ผมหลับเพลิน แถมปลุกได้ถูกเวลาจริงๆ ดีนะที่บ้านอยู่ใกล้

ตอนวิ่งออกมาพยาบาลก็มองผมแปลก แต่พวกเธอก็ยิ้มทักทายผมเช่นเคย สภาพผมตอนเพิ่งตื่นนี่คงดูไม่ได้จริงๆ หัวฟูอีกต่างหาก ช่างเถอะ ตอนนี้รีบมาก

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าบ้าน เมื่อคืนนอนดึกทำให้วันนี้ตื่นสายกว่าปกติ มีทำ Lab ตอนแปดโมงครึ่งซะด้วย โทรเรียกแท็กซี่มารับตั้งนานแล้วก็ยังไม่มาซะที เมื่อไหร่ตาแก่ของผมจะซ่อมเสร็จนะ

ครืดดด ครืดดด ครืดดด
“ ใครครับเนี่ย? ”
ผมพูดกับปลายสายที่เป็นใครก็ไม่รู้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะรอแท็กซี่นานมากแล้ว จะเข้าเรียนสายมั๊ยเนี่ย?

“ กูใต้เมฆเอง ได้ยินว่าบ้านหมออยู่ใกล้โรงบาล แล้วรถหมอก็ยังซ่อมไม่เสร็จนี่ ติดรถไปด้วยกันก็ได้ ตอนนี้มาทำธุระแถวนี้พอดี ”

“ จริงดิ? ขอบคุณมากครับ ”
ผมไม่ปฏิเสธ ไม่มีการเกรงใจอะไรแล้วตอนนี้ แถมผมยังเอ่ยแสดงความดีใจอีกต่างหาก เพราะตอนนี้แทบจะไปเรียนสายอยู่แล้ว ถ้ารอแท็กซี่มามีหวังโดนอาจารย์ฆ่าตายแน่ๆ แถมอาจต้องโดนซ่อมแลปกรอสคนเดียวด้วย ผ่าศพคนเดียวคงจะหลอนน่าดู

ผมบอกทางมาบ้านผมให้ใต้เมฆ ไม่นานรถสปอร์ตสุดหรูคันสีดำของใครก็ไม่รู้มาหยุดจอดอยู่ตรงหน้าบ้านผม แล้วใต้เมฆก็เปิดกระจกลงมากวักมือเรียกผมให้ขึ้นรถ โดยมีนาคิมเป็นคนขับรถให้

“ ทำไมวันนี้ติดรถคิมมาได้ครับเนี่ย? ”
ผมเอ่ยถามทันทีที่ขึ้นมาบนรถ

“ ก็เมื่อคืนไอ้เมฆมันเมาสลบอยู่ในผับ เลยลำบากผมต้องไปรับมันมานอนบ้านผมน่ะครับ ”
นาคิมตอบ

“ เออหมอ วันก่อนกูฝันถึงไอ้แวมด้วย เหมือนไอ้แวมมันจะชอบหมอเลยว่ะ ”

“ ฝันว่าอะไรวะ? ”
นาคิมหันไปถามใต้เมฆอย่างสนอกสนใจ

“ มึงฟังกูดีๆนะไอ้คิม แล้วมึงช่วยกูจับประเด็นด้วย ไอ้แวมมันบอกว่า อะแฮ่มๆ ไอ้เมฆ กูขอได้มั๊ยวะ อย่าจีบหมอบีมเลย อยู่ห่างๆหมอบีมหน่อยนะ ”
ใต้เมฆแอคติ้งเป็นไอ้แวมแล้วทำน้ำเสียงอ้อนวอน

“ กูว่าไม่ใช่ละ อย่างไอ้แวมนี่นะจะทำน้ำเสียงแบบนั้นกับมึง ”

“ เออ ที่จริงมันพูดว่า เชี่ยเมฆ ถ้ามึงจีบหมอบีม กูจะมาบีบคอมึง อยู่ห่างๆหมอบีมไว้ซะ ”
ใต้เมฆทำน้ำเสียงดุๆเหมือนที่ไอ้แวมชอบทำเวลาโมโห

“ ฮ่าๆ ชัดเลย มันชอบหมอบีมแน่ๆ ”
นาคิมจากที่ทำหน้านิ่งๆก็หลุดขำทันที

“ แต่มันคิดว่าเป็นผีแล้วน่ากลัวสินะ? มีการขู่จะบีมคอกูอีก กลัวตายล่ะ ฮ่าๆ ผีเพื่อนกูหลงเสน่ห์หมอบีมเข้าแล้ว ”
ใต้เมฆหันมาพูดกับผมแบบขำๆ

พวกเขาเริ่มที่จะลดความขี้เก๊กแล้วทำตัวร่าเริงต่อหน้าผมแล้ว สามหนุ่มหล่อแก๊งค์นี้คงเป็นประเภทที่ถ้าไม่สนิทก็จะเก๊กใส่ตลอด ชอบปิดตัวเอง ทำตัวให้เข้าถึงยากสินะ แต่ผมก็ยังไม่กล้าถือตัวว่าสนิทกับพวกเขาหรอก ดูพวกเขาสิ ช่างแตกต่างกับผมจริงๆ เดินไปไหนด้วยกันสาวๆคงมองผมเป็นคนสุดท้ายแหละ

“ แวมเนี่ยนะจะชอบผม คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ”
ผมเอ่ยค้าน

“ ใช่แน่ๆ กูเป็นเพื่อนมันทำไมจะดูไม่ออก แต่ก่อนไอ้แวมปฏิเสธตลอดว่าไม่ชอบผู้ชาย ไงล่ะทีนี้ ”
ใต้เมฆพูด

“ ใช่ สงสัยเราจะได้เพื่อนสะใภ้เป็นผู้ชายแล้วล่ะ ”
นาคิมเสริม

“ แต่แวมมีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ ใครวะ? ”
ใต้เมฆทำหน้าสงสัย

“ ก็เฟย์ไงครับ เธอเป็นเพื่อนในคณะของผม ”

“ เออว่ะ อันนี้กูก็ไม่รู้นะ กูไม่เคยเห็นมันจีบผู้หญิงคนไหนเลย มีแต่เขามาเข้าหามันเอง แต่คนนี้แหละคนแรกที่มันจีบ ”
ใต้เมฆว่า

ถ้าไอ้แวมไม่เคยจีบใครเลยจริงๆ แต่มันมาจีบเฟย์ แสดงว่ามันต้องชอบเฟย์มากสินะ พอรู้แบบนี้แล้วผมรู้สึกแย่ชะมัด เป็นอะไรวะ? เขาจะรักใครชอบใครก็เรื่องของเขาดิ แต่ถ้ามันรู้ว่าเฟย์มีคนอื่น มันก็คงจะเสียใจน่าดู

“ แต่พอผมถาม ไอ้แวมก็บอกว่าเฟย์ไม่ใช่แฟนมันนะ มันอาจจะนึกสนุกอยากจีบสาวเล่นๆก็ได้ ”
นาคิมบอก

เอ่า ตกลงมันยังไงกันแน่ ไอ้แวมจีบเฟย์เล่นๆงั้นเหรอ? อย่างนี้มันก็นิสัยไม่ดีเลยนะ แต่ถ้ามันรู้ว่าเฟย์มีคนอื่นก็คงจะไม่เสียใจมากหรอก แล้วผมจะแอบดีใจนิดๆทำไมล่ะเนี่ย ?



“ มึงไปสนิทสนมกับสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมนั่งรถมาด้วยกัน? ”
ไอ้ก่อกระซิบถามผมขณะที่เพื่อนคนอื่นกำลังตั้งอกตั้งใจกับการลงมือผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ในการเรียน Lab gross anatomy อยู่

“ ตั้งใจเรียนดิวะ เกรงใจอาจารย์ใหญ่ซะบ้าง ”
ผมบ่นให้มัน แล้วมันก็เงียบทันที หันไปตั้งใจทำ Lab ต่อ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงครึ่งแล้ว มีเวลาพักครึ่งชั่วโมง ภาคบ่ายต้องไปเรียนร่วมกับรุ่นพี่ชั้นคลินิกอยู่โรงพยาบาลอีก ไม่ต้องกินกันแล้วมั๊งข้าวเนี่ย เวลาไม่พอแน่ๆ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียนเสริมภาคค่ำ

“ นั่นใครมารับเฟย์วะ? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผมระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งกินขนมปังประทังชีวิตกันอย่างเร่งรีบอยู่หน้าตึกคณะ ผมเงยหน้ามองออกไปก็เห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ นั่นนาวานี่นา เขาคงขับรถมารับเฟย์ไปทานข้าวล่ะมั้ง แล้วเฟย์จะไปเรียนทันมั๊ยเนี่ย? โรงบาลก็ใช่ว่าจะใกล้
 
“ คุณนาวา เป็นดาราครับ กำลังดังเลย ”
ไอ้เกื้อพูดขึ้น เห็นมันดูนิ่งๆเรียบร้อยแบบนี้ แต่เรื่องข่าวคราวต่างๆมันอัพเดททันตลอดนะครับ โดยเฉพาะเรื่องวงการบันเทิงกับวงการแฟชั่นมันชอบมาก

“ พอเห็นว่าเขากำลังดังเลยรีบพามาเปิดตัวออกสื่อสินะ มึงนกอีกแล้วว่ะหมอบีม เห็นมั๊ย กูเตือนมึงหลายครั้งแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา มึงก็ไม่เชื่อกู ”
เมื่อก่อนผมชอบเฟย์มาก แต่ไอ้ก่อมันคอยแอนตี้เฟย์ บอกว่าเฟย์ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อ จนได้มาเจอกับตัวเองจนได้ คงต้องยอมรับสกิลการดูนิสัยคนของไอ้ก่อจริงๆ มันทันคนตลอดไม่เคยพลาด

“ ว่าให้ผู้หญิงอีกแล้วนะก่อ เราเป็นผู้ชายไม่ควรพูดให้ผู้หญิงเสียหายนะ ”
ไอ้เกื้อหันไปดุ แต่ไอ้ก่อก็ทำหน้าตาเฉยไม่ยอมสำนึกอยู่ดี

“ ก็มันจริงนี่นา น้องทับทิมกรอบของมึงก็ด้วยนะไอ้เกื้อ โน้น มาโน้นแล้ว ”
น้องทับทิมสาวสวยคณะนิเทศฯกำลังเดินตรงมานั่งข้างๆไอ้เกื้อ

“ เกื้อคะ วันนี้เค้าอยากไปกินเค้กร้านที่เปิดใหม่อยู่หน้ามออ่ะ เลิกเรียนพาเค้าไปกินหน่อยนะ ”
เจ้าหล่อนเข้ามาเกาะแขนออดอ้อนไอ้เกื้อ

“ แต่วันนี้ผมมีเรียนภาคค่ำนะครับ ทับทิมรอไหวเหรอ? ”

“ อีกแล้วนะคะ เกื้อไม่มีเวลาให้เค้าเลย ตอบไลน์ก็ไม่ค่อยตอบ หึ ”
เธอค้อนวงใหญ่ใส่ไอ้เกื้อ

“ ผมขอโทษครับ ถ้าวันไหนผมเลิกเรียนเร็วเดี๋ยวผมไปรับนะครับ แล้วไว้เราไปกินเค้กกันนะ ”
ไอ้เกื้อลูบผมเธออย่างเอ็นดู

“ เกื้ออ่ะ เดี๋ยวผมเค้ายุ่งหมด ก็ได้ค่ะ วันนี้อย่าลืมตอบไลน์เค้านะ ”
เธอปัดมือไอ้เกื้อออกจากผมของเธอเพราะกลัวผมเสียทรง ก่อนจะหอมแก้มไอ้เกื้อแล้วขอตัวไปเรียนภาคบ่าย

“ แหวะ เลี่ยน ”
พอทับทิมไปแล้วไอ้ก่อก็ทำหน้าพะอืดพะอมล้อเลียนไอ้เกื้อ

“ หมอเกื้อ วันนี้ไม่มีเรียนภาคค่ำไม่ใช่เหรอครับ? หืม? ”
ผมทำเสียงกวนตีน ถามไอ้เกื้ออย่างจับผิด

“ ผมคงจำวันผิดน่ะ ช่างเถอะ รีบไปเรียนกันได้แล้วครับ ”
ไอ้เกื้อเปลี่ยนเรื่องแล้วรีบไปเอารถออกมารับพวกผมทันที

“ มึงว่าไอ้เกื้อมันรักน้องทับทิมอะไรนี่จริงเปล่าวะ? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผม

“ ไม่รู้ว่ะ ”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2017 23:33:35 โดย lostboy »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
แวะมาเชียร์แวม รีบๆเข้าร่างมารุกหมอบีมหน่อยเร๊วววว

ออฟไลน์ nung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอจ้า  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 8



หลังเลิกเรียนผมจะแวะมาหาแวมที่โรงพยาบาลทุกวัน เป็นแบบนี้มาประมาณเดือนกว่าแล้ว แรกๆก็ไม่เต็มใจมาเท่าไหร่หรอก แต่เพราะโดนเจ้าผีตัวปัญหานี่ขู่ว่าจะหลอกคนทั้งตึก และเขาก็ทำจริงๆ วันนึงผมสอบแล้วเลิกคลาสดึกเลยนอนหอเพราะเหนื่อยมาก วันนั้นงานเข้าเลยครับ ทั้งตึกไม่สงบต้องเดือดร้อนผมมาปราบผีเช่นเคย จนผมกลายเป็นหมอผีในสายตาคนอื่นๆไปหมด

แต่ตอนนี้การมาที่นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว วันไหนไม่มาจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ผมเริ่มสนิทกับแวมมากขึ้นทุกที จากที่เคยมองเขาในแง่ลบว่าชอบทำตัวหยิ่ง ชอบสร้างปัญหา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมเริ่มรู้สึกดีกับแวมมากขึ้น เวลาผมมีเรื่องอะไรก็จะมาเล่าให้เขาฟังเสมอ มีปัญหาอะไรเขาก็จะคอยรับฟังและให้คำปรึกษาผมตลอด เหนื่อยกับอะไรก็มาระบายให้แวมฟัง จนบางทีผมก็แอบคิดว่าโชคดีที่มีเขาเข้ามาในชีวิตนะ

บ๊อกๆ บ๊อกๆ

“ คุณพ่อครับ หมาใครเนี่ย? น่ารักจัง ”
ผมเอ่ยถามคุณพ่อที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด สีหน้าท่านดูซีดๆเพราะคงเหนื่อยกับการรักษาคนไข้เคสเมื่อกี้

“ ไม่รู้เหมือนกัน มีคนเอามาทิ้งไว้น่ะ พ่อเลยกะว่าจะเอาไปเลี้ยงที่บ้าน ลูกว่าดีมั๊ย? ”

“ ดีครับ ผมอยากเลี้ยงหมามานานแล้ว ”
ผมเข้าไปอุ้มเจ้าโกลเด้นตัวน้อย ตอนนี้มันตัวเล็กมาก คงเพิ่งคลอดได้ไม่นาน แต่หมาพันธุ์นี้พอโตขึ้นต้องตัวโตแน่นอน

“ แล้วเราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดี? ”

ผมนึกชื่อให้เจ้าหมาน้อยอยู่ซักพักก่อนจะได้ชื่อที่ถูกใจ
“ ชาเย็นครับ ”

“ ชาเย็น? ”

“ ใช่ ผมชอบกินชาเย็น แล้วมันก็ขนสีส้มเหมือนชาเย็นเลย คุณพ่อดูสิ ”

บ็อกๆ
เจ้าชาเย็นทำตัวซุกซนเลียมือผมจนเปียกชุ่มไปหมดแล้ว

“ ท่าทางมันจะชอบชื่อนี้นะ ”
คุณพ่อหัวเราะเบาๆ

“ งั้นผมขออุ้มมันไปให้คุณแวมดูนะครับ ”

“ ระวังด้วยล่ะ เจ้านี่มันยิ่งดื้อๆอยู่ ”

“ ครับผม ”

ผมรีบอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นลิฟฟ์มาที่ห้อง 502 ทันที ผมเป็นคนชอบหมามากๆ และตอนนี้ผมก็รู้สึกเห่อมันเหลือเกิน

“ หมอบีมไปเอาหมาใครมาอุ้มเล่นครับ? ”
แวมขมวดคิ้วงุ้นเมื่อเห็นผมอุ้มหมาเข้ามาในห้อง เขานั่งรอผมที่โซฟาเป็นประจำทุกวัน เวลาผมไม่อยู่คงจะเหงาน่าดู

“ นี่ มันชื่อชาเย็น น่ารักมั๊ย? ”
ผมอุ้มมันเข้ามาใกล้ๆแวม แต่เขาดันถอยหนีซะงั้น

“ ผมไม่ชอบหมาครับ แล้วผมก็ไม่ชอบกินชาเย็นด้วย ทำไมถึงตั้งชื่อนี้ล่ะครับ? ”
แวมมองหน้าเจ้าหมาน้อยอย่างหงุดหงิด

“ ก็ฉันชอบหมานี่นา ชาเย็นฉันก็ชอบกินมากด้วย ”

“ ถ้าคุณหมอชอบ งั้น...ผมชอบด้วยก็ได้ครับ ”
พูดจบแวมก็ยอมขยับเข้าไปใกล้ๆเจ้าชาเย็น เขายอมผมทุกอย่างอยู่แล้ว เป็นผีที่ว่านอนสอนง่ายมาก ว่าแต่ผมกลายเป็นคนเลี้ยงผีตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย?

ผมปล่อยชาเย็นออกจากอ้อมกอดให้มันได้เดินเล่น และสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชาเย็นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าแวมแล้วกระดิกหางดิ๊กๆไปมา

“ ชาเย็นมันมองเห็นผมด้วยครับ ”
แวมหันมาบอกผมพร้อมคลี่ยิ้มดีใจ เขาพยายามจะอุ้มหมาน้อยตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้
“ ชาเย็น มาหาพ่อมา ”
แวมดีดนิ้วเรียกเจ้าชาเย็นให้เข้ามาหา หมาน้อยตรงหน้ากระโดดโลดเต้นไปมาแล้ววิ่งเข้าไปพยายามเลียมือเขา แต่พอเลียไม่ได้ก็เห่าบ๊อกๆทันที

แวมหัวเราะอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเจ้าโกลเด้นตัวน้อย ผมมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนๆนี้บ่อยๆ แต่ก่อนเขาแทบจะไม่ยิ้มเลย น้อยครั้งนักที่จะเห็นมุมแบบนี้ของเขา

“ พรุ่งนี้ฉันมีสอบแต่เช้านะ ”
พอผมพูดจบ แวมก็ละความสนใจจากเจ้าชาเย็นแล้วหันมาทำหน้าบึ้งมองผม

“ หมอบีมกำลังจะบอกว่าคืนนี้จะไม่อยู่กับผมเหรอครับ? ”

“ เปล่า ไม่ได้จะบอกแบบนั้นซะหน่อย แค่จะเอาหนังสือมาอ่านที่นี่ คืนนี้นายช่วยอยู่เงียบๆไม่รบกวนฉันได้ไหม? ”

“ รับทราบครับ ”
จากสีหน้าที่บึ้งตึงดูอารมณ์ดีขึ้นทันทีเมื่อผมบอกว่าจะไม่ไปไหน

“ เดี๋ยวฉันขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เอาเจ้าชาเย็นไปไว้ที่บ้านด้วย ”
พูดจบแวมก็พยักหน้ารับรู้

“ อย่าไปนานนะครับ ”



“ คุณหมอไม่ง่วงเหรอครับ? ”
ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาจนถึงเที่ยงคืนกว่า โดยมีแวมเป็นเพื่อนคอยนั่งเฝ้าผมอยู่ตลอด เป็นผีนี่ก็ดีนะ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องการเวลานอนพักผ่อนด้วย

“ ไม่ง่วงหรอก เรื่องนี้มันยากน่ะ ต้องอ่านหลายรอบหน่อย ”

“ แต่มันดึกแล้วนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นขับรถไปเรียนแต่เช้าไม่ใช่เหรอ? ”

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ”

“ ที่จริงวันนี้หมอบีมนอนที่หอพักก็ได้นะครับ ไม่ต้องลำบากมาที่นี่ก็ได้ ”

“ ถ้าฉันไม่มานายก็ก่อเรื่องอีกน่ะสิ ”

“ ขอโทษครับ ”
วิญญาณที่นั่งอยู่บนเตียงเริ่มทำหน้ารู้สึกผิด

“ แต่ฉันก็เต็มใจมานะ ”
เขาคลี่ยิ้มทันทีที่ผมบอกแบบนั้น

ติ๊งงง ( เสียงไลน์ )

พี่วี : หมอบีมครับ พรุ่งนี้ว่างไหมครับ? พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวเย็นน่ะ
- 00.12 น.

Beam : เอ่อ พรุงนี้ผมน่าจะเลิกเรียนดึกหน่อยครับ คงไม่สะดวก
- 00.13 น.

พี่วี : งั้นไม่เป็นไรครับ
- 00.13 น.

พี่วี : ( สติ๊กเกอร์แมวร้องไห้ )
- 00.13 น.

Beam : ไว้วันหลังนะครับพี่วี
- 00.14 น.

พี่วี : ก็ได้ครับ ถ้างั้นบีมว่างวันไหนบอกพี่นะด้วยนะครับ
- 00.14 น.

Beam : ครับ
- 00.15 น.

“ คุยกับใคร? ”
แวมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ฟังดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าติดจะไม่พอใจนิดๆ

“ คุยกับพี่วี ”
ผมตอบไปตามความจริง

“ ช่วงนี้คุยกันบ่อยจังเลยนะครับ ไปกินข้าวด้วยกันก็บ่อย ”
เขาพูดเสียงเรียบพร้อมทำหน้านิ่งประชดอีก

“ อืม ”

“ อืม? หมอบีม ผมไม่ชอบนะ ”

“ ไม่ชอบอะไร? ”

“ ก็ไม่ชอบที่หมอทำแบบนี้ ”

“ แบบนี้? แบบไหนล่ะ? ”

“ ก็ที่หมอทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นไง ”

“ แล้วไงต่อ? ”

“ ผมหึง ”
ประโยคนี้ทำให้ผมชะงักทันที หึง? เขาหึงผมจริงๆด้วย ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เขาเคยบอกว่าชอบผมมันจริงรึเปล่า? นึกว่าแค่พูดเล่นซะอีก

“ หึง? ”

“ อืม ผมดูออกว่าพี่วีชอบหมอ หมออย่าเปิดโอกาสให้เขามากนะครับ หมอก็รู้ว่าตอนนี้ผมสู้เขาไม่ได้ แค่จะแตะต้องตัวหมอ ผมยังทำไม่ได้เลย ”

“ ... ”

“ รับปากกับผมสิครับ ”

“ ว่า? ”

“ รับปากว่าหมอจะยังไม่เปิดใจให้ใคร รอผมก่อนนะครับ นะครับ ”

“ ... ”

“ คุณหมอ รับปากสิครับ ”
แวมทำสีหน้าอ้อนวอน นี่เขากำลังสื่อว่าเขาชอบผมจริงๆงั้นเหรอ?

“ อืม ”

“ อืม? ”

“ ก็ได้ ”
แล้วเขาก็เผยรอยยิ้มดีใจทันทีที่ผมตอบไปแบบนั้น



“ เฮ้อ วันนี้แม่งโคตรเหนื่อยเลยว่ะ ”

“ ใช่ครับ สอบย่อยแล้วยังต้องติวเสริมบล็อกใหม่อีก ”

พอเลิกเรียนไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็บ่นไม่หยุด แต่วันนี้ก็เหนื่อยอย่างที่มันว่าจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังงาน อยากจะนอนพักสักสิบตื่น

“ มึงไปไหนต่อวะหมอบีม? ”

“ ไปโรงบาล ”

“ หมอบีมขับรถไปโรงพยาบาลทุกวันไม่เหนื่อยเหรอครับ? ตอนนี้ก็ค่ำแล้วด้วย ”

“ นั่นสิ มึงจะไปเยี่ยมคุณแวมทุกวันทำไมวะ? ไปเยี่ยมแล้วเขาก็ไม่ตื่นขึ้นมาหรอก พ่อแม่เขายังไม่ไปเยี่ยมบ่อยเท่ามึงเลย ”

“ เรื่องของกูป่ะล่ะ ”

ผมเดินคุยกับไอ้ก่อไอ้เกื้ออยู่ดีๆรถกระบะสีดำคันคุ้นตาก็ขับมาจอดตรงหน้าพวกผม พร้อมกับเจ้าของรถที่เปิดกระจกมาทักทาย
“ หวัดดีครับหมอบีม วันนี้ผมว่าจะไปเยี่ยมไอ้แวม หมอบีมไปด้วยกันมั๊ยครับ? ”

“ วันนี้ผมเอารถมาครับ ”
ผมยิ้มตอบใต้เมฆไป

“ ไม่เป็นไรครับ ที่จริงผมก็แค่จะแวะมาทักทาย เอ่อ เจอกันที่โรงบาลนะครับหมอบีม ไปแล้วนะไอ้เปี๊ยก ”
ใต้เมฆหันไปกวนตีนไอ้ก่อโดยการเรียกมันว่าไอ้เปี๊ยก และนั่นก็ถือว่าเป็นการกวนตีนที่สำเร็จ เพราะไอ้ก่อทำหน้าโมโหมาก แต่มันไม่ทันจะได้โต้ตอบอะไร รถกระบะสีดำก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

“ กูล่ะเกลียดขี้หน้าไอ้หมอนี่จริงๆเลย มึงไปสนิทสนมกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? ถ้ากูเจอมันอีกจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดู ”
ไอ้ก่อหันมาหงุดหงิดใส่ผมแทนซะงั้น

“ ใจเย็นสิก่อ ”
ไอ้เกื่อพยายามปรามพี่ชายไม่ให้โมโห

“ นั่นดิ มึงไปเกลียดอะไรเขานักหนาวะ? ”

“ ก็ดูมันเรียกกูว่าไอ้เปี๊ยกดิ ”

“ ก็มึงเตี้ย ”

“ มึงสูงตายล่ะหมอบีม ”
เอ่า เข้าตัวซะงั้น

“ ก็เตี้ยกันทั้งกลุ่มนั่นแหละครับ ”

“ เออ ป่ะเกื้อกลับบ้าน อารมณ์เสีย ”
ไอ้ก่อทำหน้าหงุดหงิดแล้วเดินนำไอ้เกื้อไปที่รถทันที

“ บายพวกมึง ดูแลไอ้ก่อดีๆนะเว้ยไอ้เกื้อ อย่าให้มันไปกัดใครเข้าล่ะ ”



ผมมาเยี่ยมแวมที่โรงบาลเช่นเคย แต่พอไปถึง เขากลับไม่อยู่ในห้องแล้ว

“ วันนี้คุณหมออนุญาตให้คนไข้ถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้วค่ะ ญาติคนไข้ก็มารับไปอยู่ที่บ้านแล้ว ”
พยาบาลเอ่ยบอกผม ผมได้ยินดังนั้นก็เดินไปถามคุณพ่อที่กำลังคุยกับใต้เมฆอยู่พอดี

“ คุณพ่ออนุญาตให้คุณแวมออกไปแล้วเหรอครับ? ”

“ ใช่ลูก ร่างกายเขาแข็งแรงมากแล้วนะ ”

“ เฮ้อ แบบนี้ผมก็ไม่ได้เจอหน้ามันบ่อยๆแล้วสิ จะไปเยี่ยมมันที่บ้านก็ไม่อยากเจอหน้าไอ้พี่วีเท่าไหร่ ”
ใต้เมฆบ่น

“ เราน่าจะดีใจนะครับที่แวมได้กลับไปอยู่บ้าน อาการเขาก็ดีขึ้นมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่เหรอครับ ”
ถึงผมจะบอกแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกหวิวๆ พอคิดว่าจะไม่ได้เจอแวมเหมือนทุกวันก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ก็เขากลายเป็นส่วนนึงในชีวิตผมไปแล้วนี่ครับ ต่อไปหลังเลิกเรียนก็คงไม่ได้มาเยี่ยมเขาอีกแล้ว ผมคงไม่มีเพื่อนมานั่งเฝ้าเวลาอ่านหนังสือตอนดึกๆ ไม่มีใครมาฟังผมบ่นและรับฟังเรื่องราวที่ผมไปเจอมาในแต่ละวัน แต่เขาอาจจะมีความสุขก็ได้ที่ได้กลับไปอยู่บ้าน และผมก็ควรที่จะยินดีกับเขาไม่ใช่เหรอ



หลังเลิกเรียนวันนี้เป็นวันแรกในรอบเดือนที่ผมไม่ต้องแวะไปที่โรงพยาบาล รู้สึกยังไม่ชินเท่าไหร่ เหงาแปลกๆแฮะ แต่วันนี้เลิกเรียนเร็วผมเลยกลับบ้านมาหาคุณพ่อ

“ ไงหมอบีม? หน้าหงอยมาเชียวนะ ”
คุณพ่อเอ่ยทักทายผมก่อนจะรีบแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก

“ คุณพ่อจะแต่งตัวออกไปไหนครับเนี่ย? ”

“ มีเคสผ่าตัดด่วนน่ะ พ่อต้องรีบไป ”

“ ช่วงนี้คุณพ่อดูโทรมๆนะครับ ทำงานหนักไปรึเปล่า? ”

“ พ่อสบายมากลูก เดี๋ยวพ่อต้องรีบไปแล้วนะ วันนี้หาข้าวกินเองล่ะ ”

“ ครับ ”
พอพูดจบท่านก็รีบเดินออกไปทันที ผมเป็นห่วงคุณพ่อจริงๆ ช่วงนี้ท่านดูโทรมมาก ผมกลัวว่าท่านจะทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวน่ะสิ

( ไลน์ )
พี่วี : วันนี้มาทานข้าวบ้านพี่นะครับ จะได้มาเยี่ยมแวมด้วย
- 18.25น.

ผมอ่านข้อความจากพี่วีแล้วก็เกิดลังเล ผมอยากไปเจอแวม แต่ก็ไม่อยากเจอพี่เขาเท่าไหร่ พี่วีแสดงออกมากว่าชอบผม เวลาผมอยู่กับพี่เขาผมรู้สึกอึดอัดสุดๆ แต่ก็ไม่กล้าบอกพี่เขาไปตรงๆเพราะเกรงใจ แต่วันนี้พี่วีชวนผมไปทานข้าวที่บ้านก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้รู้ทางไปบ้านแวมแล้วจะได้ไปเยี่ยมแวมด้วย

Beam : ตกลงครับ
- 18.28น.

พี่วี : งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันครับ
- 18.28น.

Beam : ครับ
- 18.29น.






---------------------------------------

ใจเย็นๆนะครับ แวมใกล้เข้าร่างแล้วล่ะ(มั๊ง)
ค่อยเป็นค่อยไปครับ อย่าเพิ่งรีบเข้าร่างเลย เดี๋ยวดราม่า
 :hao3: :hao3: :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 00:31:26 โดย lostboy »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
บีม ต้องน่ารักแน่ๆ
พี่วี เห็นปึ๊บชอบปั๊บเลย

จริงๆเกื้อ คบหญิงไปอย่างนั้นหรือเปล่า
ดูไม่ได้ตามใจ ไม่อยากชิดใกล้ ว่างก็บอกมีงาน ยังไง
แล้วก่อ ก็ว่านางคบคนอื่นด้วย สงสัยเหมือนเฟย์ปะ คบซ้อนสินะ

ก่อ นี่ไม่ใช่เคยชอบกับเมฆนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2017 07:28:44 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: อีพี่วีนี้ทำคะแนนจัง อิอิ

ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 9



บ้านแวมอยู่ห่างจากตัวเมืองไปไม่ไกลนัก ระหว่างนั่งรถมากับพี่วีผมก็พยายามจำเส้นทางไว้ คราวหน้าจะได้มาถูก บ้านหลังนี้ใหญ่โตโดดเด่นมาก มองดูคล้ายกับคฤหาสน์ยังไงอย่างงั้น รวยมากขนาดนี้ ท่านนักการเมืองใหญ่พ่อของแวมคงจะถูกตรวจสอบทรัพย์สินอยู่หลายรอบ

แต่ครอบครัวนี้ก็คงไม่รวยผิดปกติเพราะโกงกินอะไรหรอก แม่ของแวมเป็นลูกผู้ดีเก่า มรดกมีมากมายมหาศาลอยู่แล้ว ใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด แถมยังเปิดธุรกิจบริษัทก่อสร้างอีก และดูเหมือนว่าธุรกิจนี้จะเจริญมากจนตีตลาดบริษัทผู้รับเหมาอันดับหนึ่งของประเทศเสียด้วย ถ้าแวมเรียนจบคงมาทำงานเป็นวิศวะกรที่นี่สบายๆ

“ นี่ไงครับหมอบีมที่ผมเล่าให้คุณแม่ฟัง ”

ตอนนี้ผมกำลังนั่งทานอาหารร่วมกับพี่วีและหม่อมหลวงพิมพาแม่ของเขา ผมขอเรียกเธอว่าคุณหญิงแล้วกันนะครับ ส่วนท่านมาวินไปดูงานต่างประเทศอีกหลายวันถึงจะกลับ

คุณหญิงแต่งตัวหรูหราสมฐานะจริงๆ ดูจากเครื่องเพชรที่ห้อยอยู่บนคอนั่นราคาคงไม่ต่ำกว่าแปดหลักเลยทีเดียว แถมยังกินอยู่สุขสบายมาก ดูอาหารบนโต๊ะนี่สิ วางเรียงรายเป็นสิบจาน จะให้กินแค่สามคนคงไม่หมดแน่ๆ

“ อืม แม่รู้สึกคุ้นๆหน้าเขานะ ”
“ คุณแม่อาจจะเคยเจอหมอบีมตอนไปเยี่ยมแวมก็ได้นะครับ ”
“ ไม่น่าจะใช่นะ แม่ไปทีไรก็เจอแต่หมอเจ้าของไข้ ”

คุณหญิงกับพี่วีกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับผมอยู่ โดยที่ผมยังไม่ได้กล่าวทักทายหรือแนะนำตัวอะไรกับเธอเลยสักนิด เพราะผมยังรู้สึกเกร็งและวางตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่

“ ผมเองก็ยังไม่เคยเจอคุณหญิงเลยครับ ”
ผมบอกเธอ แต่ดูเธอจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า เธอมองผมด้วยหางตาเหมือนจะรังเกียจนิดๆด้วยซ้ำ หรือเพราะผมเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยไฮโซอะไร?

“ สงสัยฉันจะจำผิดไปน่ะ ทานข้าวก่อนสิ ตามสบาย ”
เธอหันมาพูดกับผม ถึงประโยคที่เธอพูดจะเป็นไปในด้านดี แต่น้ำเสียงเธอก็ติดจะไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

“ แล้วคุณแม่จะไปไหนครับ? ”
พี่วีถามเมื่อเห็นคุณหญิงลุกออกจากโต๊ะอาหาร

“ แม่อิ่มแล้วจ่ะ วันนี้อาหารไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ”
ว่าจบเธอก็ลุกขึ้นทันที ผมรู้สึกอยากกลับบ้านตอนนี้เลย ถ้าเจ้าของบ้านแสดงออกว่าไม่ชอบเราขนาดนี้ เป็นใครก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะ

“ บีมอย่าไปสนใจคุณแม่เลยนะ ท่านก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ ถ้าคุณหญิงไม่ชอบผม งั้นผมกลับก็ได้นะครับ ”

“ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก คุณแม่ไม่ได้ไม่ชอบบีม ท่านแค่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่พี่ เอ่อ พี่ชอบผู้ชายน่ะ ท่านพยายามหาผู้หญิงมาจับคู่ให้พี่อยู่บ่อยๆ แต่พี่ก็ปฏิเสธทุกครั้ง ”

“ ครับ ผมเข้าใจแล้ว ครอบครัวไหนก็อยากให้ลูกชายแต่งงานมีหลานไว้สืบสกุลทั้งนั้น ”

“ แต่บีมรู้ใช่มั๊ยว่าพี่ชอบบีม  ”

“ เอ่อ ผมว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะครับ ผมจะได้ไปเยี่ยมแวมแล้วรีบกลับ ผมกลัวมันจะดึกเอาน่ะครับ ”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารบนโต๊ะต่อ



“ แวมอยู่ไหนครับ? ผมอยากไปเยี่ยมเขา ”
พอกินข้าวเสร็จผมก็ถามหาแวมทันที

“ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ แวมก็อยู่ห้องของเขา เดี๋ยวพี่พาไป ”

“ แต่พี่วียังทานข้าวไม่เสร็จเลยนี่ครับ บอกผมก็ได้ครับว่าห้องไหน เดี๋ยวผมไปเอง ”

“ พี่อิ่มแล้วล่ะ ตามพี่มาสิ ”

พี่วีลุกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินนำผมขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง

“ แวมอยู่ห้องนี้เหรอครับ? ”

พี่วีไม่ตอบอะไรแต่ก็พยักพเยิดให้ผมเปิดประตู

พอผมเข้าไปก็พบว่าห้องนี้เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ผมเดินไปที่เตียง แวมควรจะนอนอยู่บนเตียง แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะห้องนี้ไม่มีใครอยู่เลย

“ แวมอยู่ไหนครับ? ”
“ ก็อยู่ห้องของเขาน่ะสิ ”
“ เอ่อ แล้วนี่ห้องใครครับ? ”

พี่วีกดล็อคประตูแล้วเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ผมว่าสถานการณ์มันชักจะไม่ดีแล้วล่ะ ผมค่อยๆถอยหลังให้ห่างจากพี่เขา แต่การถอยหลังไปมันก็ยิ่งทำให้ผมเดินเข้าไปในตัวห้องเรื่อยๆ ถ้าคิดจะหนีคงยากแน่ๆ ผมมองประตูที่อยู่ด้านหลังพี่เขา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่โชคร้ายที่ผมโดนคว้าตัวเอาไว้ซะก่อน

“ จะวิ่งหนีพี่ไปไหนครับ? ”

“ พี่วีจะทำอะไร? ปล่อยผมนะ ”
ผมพยายามใช้แรงสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมแขนแกร่งนั่น แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะขนาดตัวและแรงของพี่วีมากกว่าผม

“ อย่าดื้อกับพี่สิครับ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะ ”
เขาพยายามโน้มใบหน้าเข้ามา แต่ผมก็เอี้ยวหลบได้ทัน

“ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่ว... อื้อ ”
พอผมร้องพี่วีก็เอามือมาปิดปากผมไว้ ก่อนจะดันตัวผมให้ล้มลงไปบนที่นอน ตอนนี้ตัวของเขากำลังคร่อมผมอยู่ ผมยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้

“ พี่บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ ทำตัวน่ารักๆสิครับ ”

“ อื้อออ ”
ผมพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่เพราะมือที่กดปิดปากผมอยู่ทำให้แทบจะไม่มีเสียงเลย

“ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ชอบบีม พี่จีบบีมมาสักพักแล้วนะ พี่ว่าเราควรจะ... ”
พี่วีพูดไปโดยที่มืออีกข้างลูบไล้เอวของผมไปมา ผมเริ่มกลัวจนตัวสั่นเทาไปหมด ไม่ว่าอะไรจะเป็นไปต่อจากนี้ ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดเลย ใครก็ได้ช่วยผมด้วย

ก๊อกๆๆ

“ ใครวะ? ไม่ว่าง! ”
พี่วีตะโกนบอกคนด้านนอก แล้วหันมาสนใจร่างกายของผมต่อ เสียงเคาะประตูเงียบไปสักพักก่อนที่มันจะดังขึ้นมาอีกครั้ง

ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ

“ บอกว่าไม่ว่างไงวะ! ”

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
จากเสียงเคาะปกติ ตอนนี้กลายเป็นเสียงทุบประตูแรงๆ

พี่วีทำหน้าหัวเสียเดินไปเปิดประตูอย่างโมโห เสียงทุบประตูยังดังอย่างต่อเนื่องระหว่างที่พี่วีเดินไป บานประตูถูกกระชากเปิดออกโดยคนด้านในอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่าด้านนอกนั่นมีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย!

พี่วีกำลังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมอาศัยจังหวะนี้วิ่งสวนทางเขาออกจากห้องอย่างไปรวดเร็ว แต่พี่วีก็ยังตะโกนเรียกผมพร้อมกับวิ่งตามมาได้ทัน

“ บีม พี่ขอโทษ ”
เพราะผมวิ่งช้าไปทำให้เขาคว้าแขนผมไว้จนได้
“ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ ”

“ ผมเรียกแท็กซี่กลับเองดีกว่าครับ ”
ผมแสดงออกว่าผมโกรธพี่วีมาก

“ แต่... ”

“ ปล่อยครับ ”
ผมสะบัดแขนออกจากเขาได้สำเร็จ ก่อนจะปลีกตัวออกมาแล้วโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับ



ระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ผมก็ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เป็นไปได้ยังไงที่พี่วีเปิดประตูออกไปแล้วจะไม่เจอใคร ก็เสียงเคาะประตูมันยังดังอยู่เลย พอเปิดประตูปุ๊บคนที่อยู่หลังประตูจะหายวับไปได้ในเวลาเพียงวินาทีเดียวงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือแวมแน่ๆ ถึงผมจะไม่เจอเขาแต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าเขายังอยู่ ยังไม่ได้กลับเข้าร่างไปสินะ

“ คุณหมอ ”

“ เฮ้ย!! ”

เอี๊ยดดด

“ แหกปากเฮ็ดหยัง ”
คุณลุงคนขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหันพร้อมสบถภาษาอีสานใส่ผมทันที

ตอนนี้แวมกำลังนั่งอยู่ข้างๆผม!

‘ ออกมาได้ยังไง? ’
ผมพิมพ์ข้อความลงไปในมือถือเพื่อให้แวมอ่าน เพราะถ้าผมพูด ลุงคนขับคงหาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวแน่ๆ

“  ไม่รู้เหมือนกันครับ อยู่ดีๆผมก็มาอยู่ตรงนี้ได้ ”

‘ แล้วเมื่อกี้ฝีมือนายใช่มั๊ย? ’

“ ใช่ครับ ”

‘ ขอบใจนะ ’

“ หมออยู่ห่างๆพี่วีไว้นะครับ ผมรู้จักนิสัยพี่ผมดี ถ้าพี่วีอยากได้อะไรเขาก็จะเอาให้ได้ ”

‘ อืม แล้วนายออกมาข้างนอกทำไม? เดี๋ยวก็กลับเข้าร่างไม่ได้หรอก ทำแบบนี้มันเหมือนผีจริงๆเข้าไปทุกที ’

แวมหัวเราะทันทีที่อ่านข้อความของผม ผมขมวดคิ้วกับการกระทำนั้น เดี๋ยวนี้หัวเราะเป็นด้วยเหรอ? แล้วนี่ผมกำลังซีเรียสอยู่นะ

“ ผมยอมเป็นผีก็ได้ครับ ถ้าได้อยู่ใกล้ๆหมอ ”

“ บ้าป่ะ! ”
ผมหลุดปากพูดออกไปเสียงดังจนคนขับสะดุ้ง

“ เอ๋า ขับรถอยู่ดีๆ ด่าข่อยเฮ็ดหยัง? ”

“ เอ่อ ผมไม่ได้ด่าพี่นะครับ ”
ผมรีบยกมือขอโทษขอโพยพี่เขาแทบไม่ทัน



บ๊อกๆๆ
ทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้านก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้าชาเย็นโดยการวิ่งเข้ามาเลียขาผมเช่นเคย

“ คุณพ่อนอนดึกอีกแล้วนะครับ ”
ผมเดินไปหาคุณพ่อที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตัวเดิม

“ ก็รอลูกนั่นแหละ ไปไหนไม่เห็นบอกพ่อเลย ”

“ ผมไปเยี่ยมคุณแวมมาครับ ”

“ แล้วเขาเป็นไงบ้างล่ะ? ”

“ นั่นไงครับ ”

คุณพ่อมองตามสายตาผมไปหยุดอยู่ที่เจ้าหมาน้อยมันกำลังกระโดดโลดเต้น แลบลิ้นเลียอากาศแล้วยังเห่าบ๊อกๆอีก

“ เจ้าชาเย็นมันเป็นอะไรน่ะ? ”
คุณพ่อทำหน้างงๆ

“ มันไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แต่มันกำลังเล่นกับคุณแวมต่างหากล่ะ ”

“ ฮะ! จริงเหรอ? นี่ลูกหมายความว่าวิญญาณคุณแวมอยู่ตรงนั้นงั้นเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ”

“ ไม่น่าเชื่อ เจ้าชาเย็นมันเห็นผีได้ด้วยเหรอ? ”

“ นั่นน่ะสิครับ ดูสิ ท่าทางมันจะชอบคุณแวมมากเลยนะครับพ่อ ”

ตอนนี้แวมกำลังหยอกล้อเจ้าหมาน้อยอย่างสนุกสนาน ส่วนเจ้าชาเย็นก็กระดิกหางไม่หยุด ท่าทางคงจะติดใจเจ้าของคนใหม่ซะแล้ว

“ ชาเย็น มานี่มา ”
ผมเรียกเจ้าหมาน้อยให้มาหา แต่มันก็ไม่ยอมมา เอาแต่เล่นกับแวมอยู่นั่นแหละ

“ เห็นทีมันจะชอบคุณแวมมากกว่าลูกนะเนี่ย ”
คุณพ่อหัวเราะ

“ ใช่ครับ ชาเย็นชอบผมมากกว่า ”
แวมพูดพร้อมหันมายักคิ้วอีกต่างหาก

“ เอาเข้าไป ใช่สิ จำไว้เลยนะชาเย็น จะไม่ซื้อขนมมาฝากแล้ว ไม่ต้องมาง้อด้วย ”
แล้วผมก็เดินเข้าห้องนอนไปอย่างหงุดหงิด

พอผมเข้ามาในห้องก็พบว่าเจ้าผีที่แย่งชาเย็นของผมไปกำลังนั่งอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว

“ เฮ้ย ทำไมมาเร็วงี้? ”

“ ก็ผมเป็นผีนี่ครับ ”

“ นายยังไม่ตายซะหน่อย แล้วเข้ามาทำไมเนี่ย? ทำไมไม่กลับบ้าน เดี๋ยวก็เข้าร่างไม่ได้สักทีหรอก ”

“ ผมไม่ได้อยากเข้าร่างซะหน่อย ผมอยากอยู่ใกล้ๆหมอ ”

“ อยากเป็นผีจริงๆรึไง? ถ้าตายแล้วระวังยมบาลมารับไปนรกนะ ”

“ โหว หมอพูดแบบนี้ ผมไม่อยากตายแล้วนะเนี่ย ”

“ ถ้าไม่อยากตายก็หาวิธีเข้าร่างตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เอาแต่ตามฉันแบบนี้ ”

“ ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมอยากอยู่ใกล้ๆหมอ ”

“ เฮ้อ นายนี่มันหัวรั้นจริงๆ อยากตามก็ตามเหอะ แต่อย่าตามเข้ามาในห้องน้ำก็พอ จะอาบน้ำ ”
ว่าจบผมก็คว้าผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำทันที

แต่เขาก็ยังตามมา...
โว้ยยยย ก็บอกว่าอย่าตามเข้ามาไง! พูดภาษาคนรู้เรื่องมั๊ยเนี่ย?

“ ไอ้ผีบ้า! ออกไปจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้นะ ”

“ ผมแกล้งเล่นครับหมอ ไปแล้วครับ ”

“ ถ้านายเข้ามาอีก ฉันจะจ้างหมอผีมาจับนายลงหม้อดินเลยคอยดู! ”
เมื่อผีเจ้าปัญหาออกไปจากห้องน้ำผมก็ตะโกนขู่ไล่หลังเขาต่อ คิดอะไรไม่ออกก็เอาหมอผีมาขู่เลยละกัน



“ คุณหมอยังจะอ่านหนังสืออีกเหรอครับ? ดึกแล้วนะ ”
“ อืม ”

ตอนนี้เวลาเกือบตีหนึ่งแต่ผมก็ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เสียงแจ้งเตือนไลน์จากพี่วีดังไม่หยุดจนผมต้องปิดเครื่อง ตอนนี้ต้องการสมาธิในการอ่านมากกว่า

“ พี่วีแชทมาเหรอครับ? ”
“ อืม ”

ผมยังคงนั่งอ่านหนังสือโดยที่มีผีตัวนึงกำลังเดินสำรวจห้องผมทุกซอกทุกมุม เดินไปเดินมาจนผมชักเริ่มจะเวียนหัวแล้ว

“ นี่ จะเดินอีกนานมั๊ย? ไม่เคยเห็นห้องนอนคนหรือไง? ”

“ ก็ห้องนี้ไม่เหมือนห้องนอนคนนี่ครับ เหมือนห้องสมุดมากกว่า เดินไปทางไหนก็เจอแต่หนังสือ ”

“ นั่นสิ ฉันชอบอ่านแล้วก็สะสมหนังสือด้วย รู้ตัวอีกทีก็เต็มห้องแบบนี้แหละ ”

“ แต่ผมไม่ค่อยชอบอ่านนะ ชอบคิด ชอบคำนวณอะไรมากกว่า ”

แวมจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนึงแต่ก็ชะงักเพราะมือของเขาแตะหนังสือไม่ได้

“ ทำไมตอนเคาะประตูกับโยนข้าวของถึงทำได้ล่ะ? ”

“ มันต้องใช้การเพ่งจิตนิดหน่อยนะครับ ผมก็ทำไม่ค่อยเป็นหรอก เรื่องนี้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ไหมครับ? ”

“ แค่เรื่องนายเป็นวิญญาณตอนนี้วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้แล้ว ”

“ นั่นสินะ คุณหมออ่านเล่มนี้ให้ผมฟังหน่อยสิครับ ”

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ต้องยอมปิดตำราเรียนที่อยู่ในมือ ไม่เป็นไรหรอก หนังสือในมือนี่ผมก็อ่านไปหลายรอบแล้ว แค่ทวนซ้ำเท่านั้นเอง

ไหนดูซิว่าผีเจ้าปัญหานี่สนอกสนใจอะไรกับหนังสือเล่มนั้นนักหนา แล้วยังต้องให้ผมอ่านให้ฟังอีก เฮ้อ

‘ 134340 Pluto ’
ชื่อหนังสือเล่มนี้เป็นชื่อของดาวดวงหนึ่งที่ถูกตัดออกจากระบบสุริยะ รหัสหน้าชื่อก็เป็นวิธีเรียกวัตถุบนท้องฟ้าที่ไม่ใช่ดาวเคราะห์นั่นเอง

หนังสือที่แวมชี้ให้ผมหยิบขึ้นมานี้ถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่ได้มีการแปลไทยแต่อย่างใด ผมค่อนข้างเก่งภาษาอังกฤษพอสมควรจึงสามารถอ่านได้สบายมาก

ในหนังสือจะเล่าถึงความเป็นมาของดาวพลูโต ซึ่งคนบนโลกต่างเคยตื่นเต้นกับการค้นพบมัน

ดาวดวงนี้อยู่ในวงโคจรของดวงอาทิตย์เหมือนกับเรา แต่กลับมีวิธีการโคจรที่แปลกจากเพื่อนๆ และอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากเกินไป

เราเริ่มค้นพบวัตถุใหม่ในวงโคจรหลายชิ้นที่ใหญ่พอจะยกฐานะมาเป็นดาวเคราะห์ได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พลูโตดวงเล็กๆจึงไม่ได้สลักสำคัญอะไรอีกต่อไป

ทุกคนไม่ได้ตื่นเต้นดีใจกับการมีดาวดวงนี้อีกแล้ว แถมยังเปลี่ยนนิยามของดาวเคราะห์เพื่อกรีดกันดาวดวงน้อยนี้ออกไปอีก สุดท้ายมันก็กลายเป็นเพียงดาวเคราะห์แคระดวงหนึ่งที่ถูกลืมไปเท่านั้นเอง

ผมอ่านหนังสือเล่มเล็กนี้จนจบในเวลาไม่นาน มันเป็นหนังสือสารคดีที่เน้นภาพประกอบเป็นหลัก ผมชอบอ่านมันมาก ภาพประกอบแต่ละหน้าแสดงถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลได้เป็นอย่างดี แต่แก่นแท้ของความกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ที่จริงก็คือความเงียบเหงาและว่างเปล่าเท่านั้นเอง

“ น่าสงสารดาวพลูโตจังเลยนะครับ ”

“ ใช่ ที่จริงมันก็โคจรของมันอยู่ที่เดิม เราต่างหากล่ะที่ไปดึงมันเข้ามา ให้ความสำคัญเรียกมันว่า ‘ ดาวเคราะห์ ’  สุดท้ายก็เป็นเราเองที่นิยามคำๆนี้เปลี่ยนไป กำหนดความหมายให้มันใหม่ ตัดมันออกจากวงโคจรทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ”

“ เป็นดาวที่ถูกลืมสินะ ”

“ ช่ายยย ง่วงแล้ววว นอนก่อนนะ ”
ผมพูดเสียงยานคางด้วยความง่วง ก่อนจะเก็บหนังสือเข้าที่เดิมแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว

“ ขอบคุณนะครับหมอบีม ”

“ หืม? ”

“ หมอบีมใจดีไม่เปลี่ยนเลย ขอบคุณที่อ่านหนังสือให้ผมฟังนะครับ ”

“ อืมมม ”
ผมงัวเงียตอบโดยที่ไม่ได้จับใจความกับคำพูดอะไรของเจ้าของเสียงนัก ความง่วงกำลังฉุดดึงให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทรามากขึ้นทุกทีๆ

“ ฝันดีนะครับ ”
ผมได้ยินคำว่าฝันดีปลิวผ่านสายลมเหมือนมีคนมากระซิบข้างหูให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา รู้สึกอบอุ่นกับคำๆนี้อย่างบอกไม่ถูก ผมบอกฝันดีเจ้าของเสียงกลับแบบไม่เอ่ยคำพูดใดๆ พูดเพียงในใจไปว่า ‘ ฝันดีเช่นกันนะ ’
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2018 08:02:17 โดย lostboy »

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
พี่วีก็ดีนะแวมก็ดีเอา2เลย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่วีนี่ยังไง เจอหน้าบีมก็ชอบเลย
แล้วนี่พยายามปลุกปล้ำแวมที่บ้านตัวเองซะด้วย

แต่คุณหญิงแม่แวม ก็แปลกๆนะ
ที่ว่าคุ้นหน้านี่คุ้นหน้าแม่บีม หรือพ่อบีม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีพี่วีเลวมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด