สวัสดีครับ
แหมๆ โปรเสียรู้ให้กับ พี่โจ เสียแล้ว
ท่าทางตอนหน้ามีลุ้นว่าใครจะนอนเต้นต์ไปไหนกะใครนะเนี่ย
ท่าให้เดานะ พี่พจน์ต้องไปชัว ไห้เป็นตัวเดินเรื่องอีกหนึ่ง อิๆ
แหม่ น่าจะให้ไปแข่งกับหมอกฤต คอนเฟริม
อืม... มีแต่คนรอ NC นะนี่
แสดงว่าหื่นๆกันท้างน๊านนนน ผมก็เหมือนกัน
แต่ไอ้นายเส้นฯมันหน้าบางขนาดนั้น มันจะเขียนได้หรือนี่ 555+
มีคนกังวลเรื่องหักมุม ไอ้นายเส้นเคยบอกว่า "ชีวิตคนเรา มันไม่แน่นอนหรอก" และท่าจะจริง
ไม่อยากบอกว่าชีวิตเมิงน่ะแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งขนมเส้นกิน (เอะยังไง??)
ขอบคุณที่ติดตามมาเสมอครับ
ปล.หนาวนี้ๆ ไปขึ้นดอยกันเถอะ เตวสักม่อนสองม่อนบ่าดาย
ตอนที่ 18
วันสุดท้ายก่อนที่จะหยุดยาว ผมตกลงกับโจว่าจะลางานก่อนวันนึง เพราะจะได้พักผ่อนยาว (วันหยุดจริงๆแค่สามวันเท่านั้นครับ แค่เดินทางก็ใช้เวลาไปครึ่งวันแล้ว) การเดินทางครั้งนี้ตกลงว่าจะใช้รถของโจไปครับเพราะถ้าเอารถโปรไปคงมีเรื่องแน่ เพราะโปรเองจะบอกกับทางบ้านว่าจะไปเข้าค่ายติวเข้ามหาวิทยาลัยโครงการของคณะแพทย์ฯของหมอพจน์ แน่นอนว่าเตี้ยมกับหมอพจน์แล้ว หมอพจน์เองตอนแรกบอกว่าจะไม่ไปครับเพราะกลัวจะมีสอบวันที่เราเดินทาง แต่พอดีว่ามีการเลื่อนสอบพอดีเจ้าตี๋โปรรู้เข้าเลยพยายามโทรไปขู่เข็ญให้หมอพจน์มากับพวกเราด้วยแต่ก็ไม่ยอมไปอยู่ดี
“นี่เพ่พจน์ เตรียมเก็บของได้ละ ไม่งั้นมีลากลงจากหอแน่”
“เอะเจ้าโปร!!! พี่พูดนี่ไม่รู้เรื่องเหรอ หรือจะให้พี่บอกที่บ้านว่าที่จริงไม่มีเข้าค่ายติว”
“เพ่พจน์เน่ ไม่ต้องมาต่อรองเลย ก็จะให้เพ่ไปด้วยอ่ะ”
ผมเห็นท่าจะไม่ดีเลยขอโทรศัพท์ให้ผมลองพูดดู
“เอะเจ้าโปร พี่บอกไม่ไปก็ไม่ไปสิ”
“หมอพจน์ นี่พี่หนึ่งนะ” ผมคว้าโทรศัพท์จากโปรไปพูเอง
“อ่ะ...ครับ พี่”
“ไปกับพี่เถอะ หน้าหนาวทั้งที ถ้าไม่ได้เที่ยวดอยมันน่าเสียดายนะ”
“ผมมีสอบน่ะครับพี่”
“เค้าเลื่อนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ครับ แต่ว่า...”
“พี่ว่าเราน่าจะปลีกเวลาสักนิดไปพักผ่อนบ้างนะ รู้ไหมชีวิตเราตอนเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตที่เราจะได้หาประสบการณ์ดีๆนอกเหนือจากตำรา ยิ่งเราถ้าขึ้นวอร์ทแล้วจะไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นแบบนี้อีกแล้วนะ”
“ครับพี่ แต่ผมเกรงใจ”
“อย่าเกรงใจเลย พี่อีกที่ต้องเกรงใจ เพราะโปรคงไปไม่ได้ถ้าไม่ได้เรา
อืม..หมอพจน์ ถ้าพี่ย้อนเวลาได้ พี่อยากจะกลับไปเรียนที่มหาลัยเหมือนเรา พี่จะทำอะไรหลายๆอย่างที่พี่ยังไม่ได้ทำ....”
ผมพูดอย่างนี้แล้วเหมือนหมอพจน์จะเงียบไปสักพัก
“ครับพี่หนึ่ง ผมคงต้องรบกวนพี่ให้มารับนะครับ กี่โมงดีครับ”
“อ่า ได้เลย เที่ยงครึ่งนะทานอะไรให้เรียบร้อยแล้วพี่จะไปรับเราที่ห้อง”
สรุปคือผมพจน์ตกลงไปกับเราครับ ผมเองก็โทรไปบอกทางบ้านว่ากลับบ้านครั้งนี้ผมจะพาเพื่อนที่ทำงานด้วยแล้วมีน้องของเพื่อนตามมาด้วยอีกสามคน ส่วนรูมเมทผมมันก็กลับบ้านครับ แต่ก็พาแฟนมันไปแนะนำที่บ้านด้วยจะว่าไปก็เหมือนผมเลยน่ะครับ (แต่ผมคงไม่บอกทางบ้านว่าโปรคือแฟนผมเท่านั้นเอง)
ในที่สุดก็ถึงเวลาออกเดินทางครับ โปรมารับผมที่ทำงานตั้งแต่ก่อนเที่ยงส่วนโจก็ไปรับน้องต้อมที่คอนโด แล้วเราก็จะมาเจอกันที่หอผมครับ ก่อนที่ผมและโปรจะไปหอก็แวะไปรับหมอพจน์ก่อนที่หอพักในมหาวิทยาลัย พอหมอพจน์ขึ้นรถมาแล้วก็บ่นนิดๆเรื่องต้องโดดเรียนไปสองคาบแต่ก็ฝากเพื่อนเลคเชอร์ให้น่ะครับ รถของโปรมาส่งผมกับหมอพจน์ที่หอก่อนแล้วก็เอารถไปเก็บที่บ้าน ไม่นานเท่าไหร่โปรก็มาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่เหมือนพวกฝรั่งสะพายแบล็คแพคกันน่ะครับ
“นี่โปร เราไม่ได้ไปออกป่าเป็นเดือนนะ ทำไมเอามาเยอะขนาดนี้” ผมถาม
“เจ้าโปรคงกลัวจะอดตายมั้งครับพี่ ดูสิมีแต่ของกิน” หมอพจน์พูดพลางเปิดกระเป๋าของโปรดู
“อ้าวก็พี่บอกว่าไปนอนเต้นท์ไม่ใช่เหรอ ของแถวนั้นคงแพงผมก็ซื้อไว้ก่อนสิ”
“เยอะจริงๆแหะ” ผมไปค้นกระเป๋าโปรดูบ้าง ก็เห็นแต่พวกขนมเต็มไปหมด
“แล้วนี่ขนขึ้นดอยเองนะ” ผมบอกโปร
“เฮ้ย ไหนว่ารถไปถึงที่พักไงพี่”
“ใครบอกต้องเดินไปอีกห้ากิโลนะ”
“เวร เจงงงงงง”
ผมก็ขยิบตาให้หมอพจน์ทีนึง หมอพจน์ก็เข้าใจครับ ส่วนเจ้าตี๋โปรก็เทขนมของกินออกมาจนหมดแล้วเลือกว่าจะเอาอะไรไปดี แต่เลือกเท่าไหร่ก็เหมือนจะเลือกไม่ได้ โปรเลยเลือกกินเอาตอนนี้เลย
“อ้าว ทำไมเอามากินตอนนี้ล่ะ”
“ก้อ เฉียดายอ่า” ขนมยังเต็มปากแต่ก็ยังพูดอยู่อีก
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เอาไปเถอะ ไม่เป็นไรพี่ล้อเล่น”
“อู้ดอี้หมายคามว่าอาย” (พูดงี้หมายความว่าไง)
“เอาเถอะ ลงไปรอโจข้างล่างดีกว่า” ผมตัดบท แต่โปรก็ยังกินไม่หยุดอยู่ดี
ผม โปรและหมอพจน์รอโจไม่นานโจก็ขับรถมา ดีนะครับที่รถโจเป็นแบบสามตอนที่ขนคนได้เยอะๆ ผมนั่งข้างคนขับครับเพราะว่าจะได้บอกทางโจ ส่วนโปร น้องต้อม หมอพจน์ก็นั่งข้างหลัง
“เพ่โจๆ ดูแลแฟนผมดีดีนะ ห้ามลวนลาม”
“มึงแหละ ห้ามแกล้งอะไรแมวน้อยเด็ดขาดไม่งั้นมีถีบลงรถแน่”
“อ่ะคร๊าบบบบบบ แล้วจะคอยดู”
ว่าเสร็จโปรก็แกล้งเอาหัวมาหนุนๆตักน้องต้อม (โปรนั่งตรงกลางน่ะครับ ติดกับน้องต้อมแล้วหมอพจน์)
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ ไอ้โปร มึงงงงงงง”
โจหยุดรถเลยครับแล้วเอามือไปตีๆหัวเจ้าตี๋โปร จนผมกับหมอพจน์ต้องดึงตัวโปรออก ส่วนน้องต้อมก็หัวเราะเล็กๆครับแล้วก็ใช้มือดันๆหัวโปรออกไป
“นี่โปร!!!! อย่ามาเล่นตอนนี้”
“แหม่ ก็ผมร๊ากกกกกพี่ต้อมเหมือนกันนะค๊าบ”
“ไม่ต้องเลยไอ้โปร มึงออกห่างแมวน้อยเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นได้เดินไปเองแน่”
“ค๊าบบบบๆๆๆ ผมไม่สนแมวน้องของพี่ก็ได้ ผมสนแร็คคูนของผมก็ได้”
ว่าแล้วโปรก็หันไปเอาตุ๊กตาแรคคูนที่อยู่ในรถของโจมากอดใหญ่
“นิไอ้โปร มึงมีเจ้าของอยู่ข้างหน้าแล้วนั่งข้างๆเนี่ยะ”
“อ่ะ เกือบลืมเลย แรคคูนที่ร๊ากกของโผมมม” โปรพูดเลียนแบบที่โจพูดกับน้องต้อมบ่อยๆน่ะครับ แล้วก็หัวเราะทั้งรถ
“ไอ้โปร ถ้าไม่คิดเห็นแก่หน้าไอ้หนึ่งนะ มึงงงง”
“จะอะไรเหรอคับ”
“จะได้ตายก่อนหนุนตักแมวน้อยแน่”
จากนั้นรถก็วิ่งไปตามถนนสายเอเชีย มันเหมือนเส้นเลือดสายหลักไปสู่ภาคเหนือรถรายังคงวิ่งกันมากมาย เราได้แวะพักระหว่างทางบ้าง ผมเองก็พูดเตือนโปรว่าอย่าเพิ่งกวนโจเลย เพราะทุกครั้งที่โปรกวนโจ โจจะขับรถน่ากลัวกว่าปกติ (ที่จริงปกติมันก็ขับน่ากลัวอยู่แล้วครับ ขับเร็วมากสงสัยอยู่กรุงเทพฯไม่เจอถนนโล่งอย่างนี้คงเก็บกด)
ในที่สุดรถก็วิ่งเข้าสู่ตัวจังหวัดบ้านเกิดของผม บ้านของผมเองนั้นก็ไม่ได้ห่างจากตัวเมืองเท่าไหร่ ทุกอย่างตามรายทางก็มีสิ่งเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลาผมเองก็บอกทางเข้าซอยบ้านผม นี่นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้กลับบ้าน พวกเรามาถึงบ้านของผมตอนค่ำ บ้านของผมไม่ใหญ่นักครับ เป็นบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ มีสามห้องนอน บ้านผมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร คุณแม่ของผมออกมารับที่หน้าประตูบ้าน ผมออกจากรถมาก็เข้าไปไหว้คุณแม่ก่อน แล้วก็บอกให้โจ โปร น้องต้อมและหมอพจน์ช่วยขนของไปไว้ที่ห้องนอนที่ว่างอยู่ แล้วผมก็ถึงมาแนะนำโจ โปร หมอพจน์และก็น้องต้อม อย่างเป็นทางการกับคุณพ่อและคุณแม่ผม ผมเพิ่งเคยเห็นโปรจะเงียบๆไม่ค่อยคุยก็ตอนนี้ล่ะครับ ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือว่าเพราะอะไร ไม่เหมือนกับโจที่โม้ได้ทุกเรื่อง วันนี้ที่บ้านผมคุณแม่ได้แสดงฝีมือทำอาหารหลายๆอย่าง ทั้งกับข้าวที่ผมชอบและกับข้าวอื่นๆที่แถวกรุงเทพฯหาทานยาก
“นี่แกงอะไรครับแม่” โจถาม
“แกงฮังเลน่ะลูก อร่อยนะ หนึ่งเค้าชอบ”
ว่าแค่นั้นโปรก็ตักเข้าปากทันที ผมก็มองหน้าโปรทีนึ่ง
“อื้อ อร่อยครับแม่ แม่น่าจะมาเป็นแม่ผมนะครับทำกับข้าวอร่อยหมดเลย
แต่แม่ผมไม่ค่อยจะได้ทำเท่าไหร่”
เป็นครั้งแรกครับที่โปรพูดกับแม่ผม
“ที่บ้านคงไม่ค่อยมีเวลามั้ง” คุณแม่ผมถามโปร
“ก็ครับ โดยมากให้พี่ที่บ้านทำให้มากกว่า”
“พี่ที่บ้าน พี่สาวเหรอ”
“ไม่ครับ พี่ที่เค้ามาทำความสะอาด มาทำอาหารให้”
“อ๋อ แบบนี้ก็ดีสิลูก แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ไม่ค่อยดีหรอกครับแม่ เพราะแม่ผมไม่ค่อยจะอยู่บ้าน...”
“อ้าว แล้วที่บ้านทำอะไรเหรอลูก”
“ก็...ทำธุรกิจของที่บ้านน่ะครับ ออกบ้านบ่อย...”
“ครับ ที่บ้านไม่ค่อยมีเวลา ผมเองก็ออกมาอยู่คนเดียวเลยไม่ค่อยได้ดูแลน้องเท่าไหร่”
โจตอบขึ้นมาทันควันครับ เหมือนว่าโจจะไหวตัวทัน เพราะตอนแรกผมแนะนำโปรว่าเป็นน้องแท้ๆของโจ (ก็ชื่อโจ กับ โปรมันสระโอเหมือนกันน่ะครับ) ส่วนน้องต้อมกับหมอพจน์ก็บอกไปว่าเป็นรุ่นน้องโจที่มหาวิทยาลัย
จากนั้นเราก็คุยกันถึงเรื่องงานเรื่องสารพัด จากนั้นก็ถึงเวลานอนแล้วครับ คุณแม่ผมจัดห้องให้หมดแล้วโดยที่ห้องนอนผมก็จะให้โปร (ก็แน่นอนอยู่แล้ว) กับหมอพจน์นอน ส่วนห้องนอนรับแขกก็ให้โจกับน้องต้อมนอน ที่ห้องนอนของผมเตียงของผมเองก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนอนสองคนก็จะเต็มเตียงแล้วครับ ดังนั้นก็ต้องปูที่นอนข้างล่างเพิ่มอีก พอโปรเข้ามาในห้องก็วิ่งเข้าไปที่เตียงผม
“จองแล้วๆๆๆๆๆ ห้ามใครแย่งน๊า”
“อืม” ผมว่าเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนผ้าปูที่ปูนอนข้างล่าง ส่วนเจ้าตี๋โปรก็มองผมตาเขียวๆใส่
“เพ่หนึ่งงงงง ขึ้นมานอนกับโผมมมมม พี่พจน์คืนนี้ห้ามแอบมอง”
“ใครกันนะบอกว่าจองแล้วห้ามใครแย่ง”
“อ่ะ ก็จองให้เราสองคนไง”
ผมล่ะอายจริงๆที่โปรพูดต่อหน้าหมอพจน์ แม้ว่าโปรจะพูดแบบนี้ต่อหน้าหมอพจน์บ่อยๆแต่ผมก็เขินทุกครั้ง แล้วยิ่งรู้ว่าหมอพจน์เองก็... ผมเองยิ่งเข้าใจเขามากขึ้น แต่หมอพจน์ก็อมยิ้มเล็กๆส่ายหัวแต่ก็ไม่พูดอะไร
“เรานอนไปเถอะ นอนดิ้นนะเราน่ะ พี่นอนด้วยไม่ได้”
“อ้าว ใครบอกอ่ะ”
“หมอพจน์บอก”
“อ้าวเพ่พจน์ ใส่ความ อิจฉาผมล่ะเซ่ที่นอนกะแฟน”
“ไอ้โปร!!” ผมขึ้นเสียงเตือน
“ผมพูดเล่นครับพี่หนึ่ง ขึ้นไปนอนบนเตียงกับโปรเถอะครับ” หมอพจน์พูดแทรกเข้ามา
“ไม่เอาละ ทำโทษ”
“ทำโทษเรื่องอะไรอ่ะ ผมทำผิดอะไรหรออ”
“อย่าๆ วันนี้ไปแกล้งโจเค้า ก็ตกลงแล้วไงว่าอย่าไปแกล้ง”
“แหม่ๆ พี่ก็...”
“ไม่เอาเลย วันนี้พี่จะนอนข้างล่าง เรานอนข้างบนไป”
“อ๊า......พี่หนึ่งอ่า ผมขอโทษษษษษ”
ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเดินไปปิดไฟแล้วก็นอนข้างล่างนั่นล่ะครับ วันนี้ผมเดินทางมาทั้งวัน ไหนจะเหนื่อยกับการแยกคู่มวยโปรกับโจแล้วด้วยผมล่ะเหนื่อยจริงๆ แล้วผมก็หลับไปจนกระทั่งตอนเช้า
เช้านี้ที่บ้านผมอากาศค่อนข้างหนาว ผมซุกตัวในผ้าห่ม แทบไม่อยากลืมตาเลย แต่เหมือนผมรู้สึกไปเองว่าเหมือนจะมีใครมานอนกอดผมอยู่เหมือนผมเป็นหมอนข้างงั้นล่ะ เอ.. หมอพจน์เหรอ แต่ผมก็ไม่คิดอะไรเพราะผมเองก็คงเป็นเหมือนข้างให้กอดน่ะครับ ไม่ว่ากัน ผมยังคงหลับตาอยู่คิดว่าจะหลับต่อ แต่ก็รู้สึกอีกแล้วว่าเหมือนคนที่นอนข้างๆผมจะดึงตัวผมไปที่หน้าเค้าแล้วจูบผมเบาๆที่หน้าผาก...
ตอนนี้ผมคิดว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว หมอพจน์ทำแบบนี้ผมว่าไม่ดีแน่ๆ เพราะถ้าโปรเห็นเข้าคงเป็นเรื่อง ผมเลยจะลุกขึ้นมาแล้วจะเดินออกไปห้องน้ำ แต่ก็มีมือมาฉุดผมไว้แล้วดึงให้กลับไปในอ้อมกอดเค้าอีกครั้ง ผมไม่ทันมองหมอพจน์เพราะเค้ากอดผมจากด้านหลัง จนผมต้องเริ่มโวยวาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าหมอพจน์จะเป็นคนแบบนี้ หรือว่ามีอะไรผิดสำแดงกันแน่นะ???