ตอนที่ 10 :เป็นคนดีหรือเปล่า?"คุณคีรินทร์!" ปิงชะงักเมื่อเปิดประตูบ้านออกไปเจอว่าใครยืนกดกริ่งอยู่นอกประตูรั้ว ร่างสูงใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายตารางสีน้ำเงินเข้มกางเกงยีนส์สีซีด มีเด็กชายมายืนอยู่เคียงข้าง
"อรุณสวัสดิ์" ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาให้
"จะเที่ยงแล้วครับ" ปิงเปิดประตูรั้วเพื่อให้อาหลานเข้ามา "คุณคีรินทร์มีอะไรหรือเปล่าครับมาหาผมถึงบ้าน"
"ผมอยากมาหาก็มา"
"น่าจะโทรมาบอกผมก่อน" ปิงก้มลงมองตัวเอง เสื้อยืดตัวย้วยที่ควรนำไปทำเป็นผ้าขี้ริ้วมากกว่าเอามาใส่ กางเกงยีนส์ตัดขาให้กลายเป็นสามส่วนสีซีด ผมรวบยุ่งๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
"โทรมาก็อดเห็นสิ"
"ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลยครับ" ปิงเปิดประตูบ้าน เดินนำอาหลานเข้าไปด้านใน วันนี้มารดาของเขาออกไปทำธุระ จึงเหลือเขากับเด็กชายบลูอยู่บ้านแค่สองคน
"ผมจะชวนไปดูหนัง"
"ไปไม่ได้ครับ วันนี้แม่ผมไม่อยู่ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนบลู"
"ไม่มีปัญหาเพราะผมชวนไปดูการ์ตูน เรื่องนี้มาอยากดูผมเลยแวะมารับคุณกับบลูไปด้วย"
"มาจ๋า ลินลิน" เด็กชายบลูวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าใครมา
"ไงเจ้าลูกหมู” คีรินทร์ลูบศีรษะเด็กชายที่วิ่งเข้ามากอดเขา
"คิดถึง" เจ้าลูกหมูเงยหน้าขึ้นยิ้มหวาน คีรินทร์หัวเราะเสียงดัง "พูดแจ้วๆ เข้าใจความหมายหรือเปล่าเรา"
"ล้ากเยย"
"ฮ่าๆ" คีรินทร์ก้มลงอุ้มเจ้าตัวยุ่ง เด็กชายมาทำเสียงหึในลำคอ
"บลูครับ อาคีรินทร์ชวนไปดูการ์ตูนแบบที่้น้าปิงเคยพาไปดู บลูอยากไปไหมครับ" ปิงถามหลานชาย ปล่อยให้เป็นคนตัดสินใจ
"ปายคับ" ลูกหมูตัวกลมตอบด้วยความรวดเร็ว มาจ๋ากับลินลินไปไหนเขาก็อยากไปด้วย
"ตอบเร็วเลยนะเรา" ปิงอดมันเขี้ยวหลานชายไมได้ "ถ้าอย่างนั้นก็ไปแต่งตัวครับ" ปิงรับหลานชายมาจากคีรินทร์ “คุณคีรินทร์นั่งรอสักครู่นะครับ" ปิงชี้มือไปที่โซฟา "ตายล่ะผมลืมหาน้ำหาท่ามาให้" ปิงเบิกตากว้างเขาดันลืมมารยาทเจ้าของบ้านที่ดี
"ไม่ต้องไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกินที่ห้าง"
"โอเคครับ งั้นรอผมแป๊บหนึ่ง" ปิงอุ้มเจ้าลุกหมูขึ้นชั้นบน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลานและตัวเอง ดีที่พวกเขาอาบน้ำแล้วทั้งคู่จึงเสียเวลาไม่มากนัก ปิงอดยิ้มไมได้เมื่อคิดถึงคำพูดของคีรินทร์ อยากมาหาก็เลยมาอย่างนั้นเหรอ คนพูดจะรู้ไหมว่าทำให้คนฟังยิ้มได้
• • • • • • • •
ปิงมองเด็กชายทั้งสองเดินจูงมือกันอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนกลายเป็นความเคยชินไปแล้วที่เด็กชายตัวโตจะรับหน้าที่เป็นคนดูแลลูกหมูตัวกลม
"ตั้งแต่รู้ว่าบลูจะไม่อยู่ดูมาเอ็นดูน้องขึ้นมาก" ปิงหันไปมองคนพูด ร่างสูงเดินคู่ไปกับเขา แวะมาปลุกผมแต่เช้า ขอผมให้ชวนบลูไปดูหนังด้วยกัน"
"เหรอครับ" จู่ๆ หัวใจที่พองโตของเขาก็เหี่ยวลงเมื่อได้รู้ว่าทำไมคีรินทร์ถึงมาหาถึงบ้าน ไม่ได้มาเพราะเขาแต่มาเพราะหลานชายต่างหาก
"ใช่ แต่ท่ามากน่าดูไม่ยอมให้ผมบอกว่าอยากมาหาน้อง"
"ครับ"
"เป็นอะไร ยังปวดหัวอยู่เหรอ" คีรินทร์หยุดเดินเขาดึงแขนปิงให้หยุดตาม ยกมือขึ้นแตะหน้าผากของอีกฝ่าย
"เปล่าๆ ผมไม่ได้เป็นอะไร"
"สีหน้าคุณไม่ดีเลย" คีรินทร์มองด้วยความเป็นห่วง สีหน้าอีกฝ่ายดูเนือยๆ ไม่สดชื่น แตกต่างจากตอนออกจากบ้านมาก ปิงหลบตาทำหน้าไม่ถูก โธ่เขาจะบอกได้ยังไงว่ารู้สึกผิดหวังที่คีรินทร์ไม่ได้ตั้งใจมาหา
"มาเก๊กตั้งแต่เด็กเลยนะครับ" เมื่อไม่รู้จะตอบอย่างไร ปิงจึงเปลี่ยนเรื่องเสีย เขายิ้มออกมาน้อยๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร "อยากมาหาน้องก็ไม่ยอมบอกให้อาออกหน้าแทน"
"ก็สมกับเป็นอาหลานกัน"
"ผมว่าไม่เหมือน มาโตขึ้นน่าจะขรึมกว่าเยอะครับ"
"เปล่าผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น"
"แล้วหมายถึงเรื่องไหนครับ"
"ก็.." ดวงตาของคีรินทร์เป็นประกาย "เหมือนตรงที่ผมเองก็ต้องใช้หลานเป็นข้ออ้างน่ะสิ ขืนบอกว่าไปหาเพราะคิดถึง อยากใช้วันหยุดด้วยกัน กลัวบางคนแถวนี้ไม่ยอมออกมาด้วย"
ปิงเผลอปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เลือดลมสูบฉีด หายหงอยทันตา "บ้านนี้พิลึกจริงๆ"
"ฮ่าๆ" คีรินทร์หัวเราะลั่น "ผมอุตส่าห์ทำซึ้งคุณไม่ซึ้งเลยเหรอ"
"ไม่ล่ะครับ" ปิงส่ายหัวตีหน้าตายก่อนรีบออกเดิน
"ไม่เป็นไรครั้งหน้ามันต้องสำเร็จสิน่า" เสียงบ่นลอยเข้าหู ปิงก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม จะรอครั้งหน้าทำไหมในเมื่อเขาซึ้งตั้งแต่ครั้งนี้แล้ว
• • • • • • • •
“บูชอบอายติม” เด็กชายบลูยิ้มแฉ่งตักไอศกรีมเข้าปากด้วยความระมัดระวัง ลินลินผู้แสนใจดีพาทุกคนมากินไอศกรีมหลังดูหนังจบ
“เราก็ชอบหมดแหละขอให้เป็นของกิน อย่างอื่นน่ะชอบบ้างไหม” พี่ชายตัวสูงบ่นเบาๆ
“ชอบฉิ ชอบมางาย” เด็กชายบลูส่งยิ้มแก้มยุ้ยให้พี่ชาย
“ฮ่าๆ” คีรินทร์หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้จะพูดอะไรของหลานชาย “อ้อนเก่งแบบนี้พี่มาก็แพ้สิเรา”
“คิกคิก” ลูกหมูตัวกลมหัวเราะชอบใจ
“หัวเราะพี่เหรอเดี๋ยวเราจะโดน” มาหันไปเล่นงานกระปุกหมู แต่มีหรือเด็กชายตัวกลมจะกลัวพี่ชายที่ดุแต่ใจดี หนูน้อยมองพี่ชายด้วยสายตารักใคร่ สุดท้ายเด็กชายมาก็ต้องยอมแพ้น้องจริงๆ
“กินดีๆ” มาหยิบทิชชู่เช็ดปากสีแดงสดที่เลอะไปด้วยคราบของไอศกรีม
“ดีดี”
“ไม่ต้องพูดตามพี่”
“มาดุ” ลูกหมูทำปากยู่ หน้าหงอย
“มาพูดกับน้องดีๆ ครับ น้องยังเล็ก” คีรินทร์บอกหลานชาย กลัวเด็กชายบลูไม่รู้ว่าพี่ชายปากแข็งไปอย่างนั้นเอง
“กระปุกหมูพี่โดนอาคีรินทร์ดุเลยเห็นไหม”
“ลินลินห้ามดุมาน้า ห้ามเยย” เด็กชายตัวกลมขมวดคิ้วทำหน้าดุคีรินทร์ “มาจ๋าโอ๋ๆ น้า อ๊ะบูห้าย” เด็กชายบลูเลื่อนถ้วยไอศกรีมของตัวเองให้พี่ชายเป็นการเอาใจ
“ให้เหรอ” มาเลิกคิ้วขึ้น “พี่กินจริงๆ นะ”
“กินเยย” ลูกหมุตัวกลมพยักหน้าหนักแน่น
“กินละนะ”
“อื้อ”
มาแกล้งตักไอศกรีมเข้าปาก สายตากระปุกหมูอาลัยอาวรณ์ของโปรดจนเขาขำ
“ไม่เกินแล้วแน่นะ” มาถามซ้ำอีกที เจ้าตัวยุ่งกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ส่งยิ้มอ้อนๆ มาให้ “กินเป็นเพื่อนมาก๊ะด้าย เด๋วมาเหงา”
“ฮ่าๆ เจ้าลูกหมูเอ๊ย” คีรินทร์จับศีรษะเด็กชายบลูโยกเบาๆ “ใครสอนเราแสบจริงๆ”
“น้าปิงฉอน” เด็กชายบลูตอบฉะฉาน
“เดี๋ยว! น้าไปสอนเราตั้งแต่เมื่อไหร่” ปิงโวยหลานชายเมื่อสายตายิ้มๆ ของคีรินทร์มองมาที่เขา
“คิกคิก” ลูกหมูตัวแสบไม่ตอบ เขาจำได้สิน้าปิงชอบบอกคุณยายว่าเดี๋ยวนั่งกินเป็นเพื่อน ยายจะได้ไมเหงา บลูก็ไม่อยากให้มาเหงาเหมือนกัน กินด้วยกันเนอะ
“อ้าม” เด็กชายบลูอ้าปากเมื่อเห็นพี่ชายตักไอศกรีม มาชะงักมือมองปากอิ่มๆ ของกระปุกหมุ เขาหลุดยิ้มออกมา ยอมยื่นช้อนไปป้อนเจ้าตัวดี เสียดายไอศกรีมก็บอกเถอะเจ้าตัวยุ่ง
• • • • • • • •
“แม่ครับ” ปิงนั่งลงบนโซฟาข้างมารดา เขาคิดเรื่องนี้มาทั้งวัน ตั้งแต่รับรู้ถึงอาการผิดปกติของตัวเอง เขาผิดหวังที่คีรินทร์ไม่ได้ตั้งใจมาหาและมีความสุขเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดถึง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเขาอยากขอความเห็นจากคนที่สำคัญกับเขาที่สุด
“จ้ะ” มารดาหันมายิ้มให้เขา เด็กชายบลูนั่งเล่นอยู่ที่พื้น แม่ของเขากำลังหวีผมให้
“ผมมีเรื่องอยากปรึกษาครับ”
“ได้สิลูก” มารดาของเขาหยุดมือ หันมาฟังเขาอย่างตั้งใจ
“คือ..ถ้าผมบอกแม่ว่ามีผู้ชายมาจีบผม แม่จะว่ายังไงครับ”
“ผู้ชายเหรอ?” มารดามองเขาด้วยสายตาพิจารณา ปิงพยักหน้าเพื่อยืนยันคำพูด มารดาของเขานิ่งไปนานจนปิงรู้สึกไม่สบายใจ
“หล่อหรือเปล่า”
“ครับ!”
“ตกใจอะไรคำถามแม่ไม่เห็นยาก หล่อหรือเปล่า”
“หล่อครับ” ปิงตั้งสติได้จึงรีบตอบคำถาม
“เขานิสัยเป็นยังไงลูก”
“ดีครับ ดีกับผมมาก” ปิงมั่นใจในข้อนี้ เขาสามารถตอบมารดาได้เต็มปากเต็มคำโดยไม่ต้องคิด
“การงานดีไหม”
“ดีครับ”
“เอาล่ะปิงใช้คำว่าจีบแม่เลยอนุมานเอาเองว่าเขาน่าจะเป็นคนเข้ามาดูแลลูก เข้าใจที่แม่พยายามพูดใช่ไหมจ้ะ ไอ้ศัพท์แสงพวกนี้แม่ก็ไม่ถนัดเสียด้วยสิ”
“เข้าใจครับ” ปิงหน้าแดงซ่าน เรื่องแบบนี้แปลกใหม่สำหรับเขาเช่นกัน ยิ่งมารดาพูดชี้ชัดถึงสถานะเขาก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก
“แม่เลยถามแบบที่ถามไป ถ้าจะมีใครเข้ามาดูแลลูกของแม่จริง คำถามก็คงประมาณนี้”
“ครับ”
“แม่มีอีกคำถามเดียว” มารดาสบตาเขาด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า มันทำให้ปิงรู้สึกใจชื้นขึ้น
“ปิงชอบเขาไหมลูก”
“แม่!”
“ตอบแม่มา คนที่ปิงพูดถึงปิงชอบเขาใช่ไหม”
“ทำไมแม่ถึงคิดว่าผมชอบครับ”
“เพราะแม่เป็นแม่ของปิง แม่ต้องรู้จักลูกชายตัวเองดี ปิงไม่เคยแสดงออกว่าชอบผู้ชายแต่วันนี้ปิงมาถามแม่เรื่องนี้ก็แปลว่าต้องมีใจให้ละนะ ถ้าไม่มีคงไม่มาถาม”
ความสับสนไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองหายไปทันที จู่ๆ คำตอบก็ถูกโยนใส่หน้าโดยมารดาของเขาเอง เขาชอบคีรินทร์เข้าให้แล้วจริงๆ
“ว่าไงจ้ะ”
“ครับ ผมชอบ”
“งั้นแม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร จะผู้หญิงผู้ชาย จะเป็นใครก็แล้วแต่ขอแค่ลูกแม่รักและเขาเป็นคนดีก็พอ”
“ผม..”
“หัวใจเรานะลูก ฟังมันก็พออย่าไปฟังอย่างอื่น” มือนุ่มลูบศีรษะของเขา รอยยิ้มที่ส่งมาให้อ่อนโยนยิ่งนัก
“แม่ไม่คิดมากใช่ไหมครับ”
“คิดทำไม ถ้าจะคิดก็คิดว่าลูกจะมีความสุขไหม เขาจะดีกับลูกหรือเปล่า ชีวิตคนเรามันสั้น ดูอย่างพี่ป่านสิ ได้อยู่กันไม่นานก็ต้องจากกันแล้ว อย่าไปทิฐิ อย่ากังวลจนลืมความสุขของตัวเอง เราไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง มีความสุขกับวันนี้ให้มากที่สุดก็พอ”
“ครับแม่” ปิงสวมกอดมารดา เด็กชายบลูเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ
“แม่เห็นพี่ป่านเจ็บปวดมาก่อน แม่สัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่าอะไรที่เป็นความสุขของลูก อะไรที่ทำให้ลูกยิ้มได้แม่ยินดี”
“แม่” ปิงน้ำตารื้น ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ
“เชื่อแม่เถอะถ้าพ่อยังอยู่พ่อก็ต้องอนุญาต คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีอะไรสำคัญกว่าความสุขของลูก”
“ขอบคุณครับ” ปิงกราบลงบนตักของมารดา
“ไม่เอาเดี๋ยวแม่ร้อง เรื่องดีแท้ๆ ลูกแม่จะไม่โสดแล้ว”
“ยังครับแม่ ยัง”ปิงพูดกลั้วหัวเราะ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร อยากรู้ก่อนว่าแม่คิดยังไง ถ้าแม่รับไม่ได้ผม..”
“อย่ามาให้ร้ายแม่นะ เนี่ยๆ จะโทษแม่ใช่ไหม”
“แม่ครับ~” ปิงทำเสียงโอดครวญเมื่อมารดาทำเสียงและสีหน้าว่าเขาใส่ร้าย
“เอาเป็นว่าแม่จะไม่ถามอะไร ถ้ามั่นใจแล้วก็พามาให้แม่รู้จักดีไหม”
“ครับ” ปิงพยักหน้า “ขอบคุณครับแม่”
“จะขอบคุณแม่ทำไม แม่สิต้องดีใจที่มีคนดีๆ มาดูแลลูกชายของแม่ ดูแลกันดีๆ นะ”
“เดี๋ยวครับแม่ ฮ่าๆ” ปิงหัวเราะเสียงดัง เขาสบายใจโล่งใจขึ้นมากราวกับยกภูเขาออกจากอก ปิงห่วงความรู้สึกของมารดาที่สุด เมื่อไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เขาก็พร้อมจะยอมรับหัวใจของตัวเอง
• • • • • • • •
“มาจ๋า มาจ๋า”
“อะไรเจ้าตัวยุ่ง” มาละสายตาจากหนังสือหันไปมองเจ้าตัวกลม เด็กชายบลูยิ้มแป้น ทำตาหยีๆ ใส่พี่ชาย
“มาดีเป่า”
“หะ!”
“มาจ๋าเป็นโคนดีเป่า”
“ไม่รู้สิ ดีมั้ง” เด็กชายมาตอบแบบขอไปที เพราะไม่เข้าใจที่มาของคำถาม
“จิงเหยอ! จิงน้า” เด็กชายบลูดีใจจนออกนอกหน้า
“อืม ใครจะบอกว่าตัวเองไม่ดี ถามมาได้เจ้ากระปุกหมู”
“บูดีจาย” เด็กชายบลูยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายสดใส
“ทำไมจะขอขนมพี่กินเหรอ ถ้าไม่ให้คือไม่ดีใช่ไหมเจ้าตัวยุ่ง”
“ม่าย ม่าย” เด็กชายบลูส่ายหน้า ยิ้มแป้นแล้น เด็กชายมาเลิกสนใจ ปล่อยให้เด็กชายบลูนั่งเล่นระหว่างเขาอ่านหนังสือเรียน
เด็กชายตัวกลมนั่งมองพี่ชายเพลิน มาจ๋าของเขาเก่งที่สุด ดีที่สุดเลย คุณยายต้องให้บลูอยู่กับมาจ๋าแน่ๆ ก็มาจ๋าเป็นคนดี บลูไม่ต้องไปไหนแล้ว เด็กชายบลูยิ้มกว้างเขามีความสุขที่สุดเลย
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin