side story : Where R U อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม 5
ประตูเข้ามาในห้องก็เห็นไอ้วากำลังดูลายมือไอ้ไมค์อยู่
‘โห ไมค์ มึงอายุยืนมากเลยนะเนี่ย เส้นยาวถึงข้อมือแหน่ะ’
‘เส้นนี้น่ะหรอ’
‘ใช่ๆ อื้อฮือ มึงเป็นคนแข็งแรงมากๆ เลยนะเนี่ย ไม่ค่อยป่วยเลยใช่มั้ย’
‘อือใช่’
‘มึงใช้เงินเก่งปานกลางนะ’
ไอ้ไมค์พยักหน้าท่าทางจะตรงแฮะ
‘เฮ้ย ไหนดูให้กูบ้าง’ ผมแบมือไปตรงหน้า
‘กูต่อไมค์เว้ย ตามคิวๆ ’ ไอ้ต้นรีบออกปากปกป้องสิทธิ์ดูดวงของมันทันที
‘เออๆ ๆ ต่อมึงก็ได้’
พอมาถึงตาไอ้ต้น ไอ้วาก็ทำนายให้ห้าหกอย่าง ไอ้ต้นทำหน้าตื่นตาตื่นใจบอกว่าตรงไม่ขาดปาก ขณะที่ไอ้วากำลังจะดูให้ผมไอ้ต้นก็ถามว่าไอ้วายังดูอย่างอื่นเป็นอีกมั้ยนอกจากห้าหกอย่างที่บอกมันไป
ไอ้วาทำหน้าคิดก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ มันปล่อยมือผมกลับไปจับมือไอ้ต้นอีกรอบ
‘กูจะดูให้ว่าชาติที่แล้วมึงมีอาชีพอะไร’
ฟังดูน่าสนใจ ผมกับไอ้ไมค์เลยกอดอกดูใกล้ๆ ไอ้วาหยิบปากกาเมจิกแบบลบไม่ออกขึ้นมาจรดลงบนฝ่ามือไอ้ต้น
‘ต้องใช้ปากกาด้วยอ่อวะ?’
ไอ้วาพยักหน้านิ่งๆ ก่อนตอบ ‘ต้องดูลายมือคู่กับคำนวณวันเดือนปีเกิดมึงอ่ะ’
‘เกิดวันที่?’
‘แปด’
ไอ้วาดึงฝ่ามือไอ้ต้นเข้าไปใกล้หน้ามันจนพวกผมสามคนมองไม่เห็นว่าไอ้วามันเขียนอะไร
‘เดือน?’
‘พฤศจิกายน’
หลังจากถามปีเกิดและเวลาเกิดเรียบร้อยไอ้วาก็เขียนยุกยิกลงบนมือไอ้ต้น จากนั้นก็สั่งให้ไอ้ต้นกำมือข้างนั้นไว้อย่าเพิ่งเปิดดู
‘ชาติที่แล้วมึงเป็นทหาร’
‘รู้ได้ไงอ่ะ’ ไอ้ต้นท่าทางตื่นเต้น
‘เพราะมึงต้องไปรบ แบมือดูสิ’
บนฝ่ามือไอ้ต้นเต็มไปด้วยเลขที่เขียนมั่วๆ และรูปอุนจิแลบลิ้น พร้อมข้อความ ‘อย่าลืมไป(รบ)ลบนะจ๊ะ;p’
ผมกับไอ้ไมค์สตั๊นไปสามวิก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
โอ๊ยยยยย ไอ้วา ทำไมมึงแสบแบบนี้วะ กร๊ากกกก!!
วันหนึ่งในตอนเช้าตรู่ ไอ้วากับไอ้ต้นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่ที่ระเบียง หนวกหูชะมัด ไม่สงสารคนมีเรียนแค่บ่ายอย่างผมกับไอ้ไมค์บ้างเลย
‘โอ้โห เหี้ยตัวใหญ่อย่างกับจระเข้แน่ะ!’
‘เหี้ย! ใหญ่เหี้ยๆ!’ เสียงไอ้ต้น
‘รุ่นพี่บอกว่ามอเราถ้าเห็นเหี้ยแสดงว่าจะได้เอแหละ’
‘ใช่ๆ ๆ พี่กูก็บอกงั้น’
‘get Aๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ’
‘get Aๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ’
‘โอ๊ย! จะบูชาเหี้ยก็ไปบูชากันที่อื่น คนจะหลับจะนอน!’
‘รีบตบปากเลยไอ้ปอ เดี๋ยวท่านเหี้ยก็ลงทัณฑ์ให้มึงแดกเอฟหรอก’
‘ก่อนกูจะแดกเอฟมึงนั่นแหละจะแดกตีนกูถ้ายังไม่หยุดแหกปากแต่เช้าแบบนี้’
‘เกรี้ยวกราดดุดันราวกระทิง’
‘เออ!!’ ผมตลบผ้าห่มคลุมโปง
วันนี้ผมกับไอ้วามีเรียนแค่ช่วงบ่าย ในห้องจึงเหลือแค่เราสองคนเพราะต้นกับไมค์มีเรียนเช้า
หึๆ ๆ ได้เวลาล้างแค้น
‘เหี้ยยยยย!!! เหี้ยตัวใหญ่เหี้ยๆ เลยโว้ยยย มาดูเร็วไอ้วา’
‘ZZZ’
‘get Aๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!!! ไอ้วา รีบมาขอเอเหี้ยเร็วๆ โว้ย เดี๋ยวมันไปก่อนนะ’
‘ZZZ’
‘ตื่นๆ ๆ ๆ ออกมาดูเร็วมึง!!!’
‘เฮ้ย! น้อง’
‘เหี้ย!’ ผมสะดุ้งโหยง พี่หนวดเฟิ้มห้องข้างๆ ที่หน้าตากำลังอารมณ์เสียแบบสุดๆ โผล่หน้ามาที่ระเบียง
‘เบาๆ หน่อยดิวะ คนอื่นเค้าจะนอน แหกปากเหี้ยไรแต่เช้าฮะไอ้เหี้ย!’
‘ขอโทษครับพี่ๆ ’
‘อย่าให้มีอีกนะ’
‘ครับพี่ๆ ’ ผมก้มหัวขอโทษปลกๆ พอกลับเข้ามาในห้องก็เห็นไอ้วานอนกอดหมอนข้างกลั้นหัวเราะจนตัวงอ
เหี้ยเอ๊ย!!!
พรึ่บ!
แย่ชะมัด จู่ๆ ก็ไฟดับ หอถูกๆ ก็อย่างนี้แหละ
ผมวางดินสอที่กำลังนั่งทำโจทย์ก่อนจะหยิบมือถือเปิดไฟฉายเดินออกไปนอกห้อง วันนี้พวกที่เหลือมันไปเดินตลาดอินเตอร์กันส่วนผมไม่ไปเพราะจะประหยัดตังค์ สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจT-T
พัดลมก็ดับ เฮ้อ ออกไปนั่งนอกห้องดีกว่า
ห้องอื่นก็เปิดประตูออกมานั่งข้างนอกกัน เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสคุยกับเพื่อนข้างห้องและห้องตรงข้าม หลังจากไฟมาผมก็กลับเข้าห้อง
เฮ้อ เงียบจังแฮะ
พรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนนผมเลยเปิดไฟที่หัวเตียงนอนอ่านหนังสือ ไอ้ไมค์นอนอ่านนิยายกำลังภายในออนไลน์อย่างที่เป็นมาทุกคืน ไอ้ต้นนอนดูซีรี่ย์สืบสวนในโน้ตบุ๊ค ส่วนไอ้วานั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังอ่านหนังสือสอบกสพท.อย่างขะมักเขม้น
ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องคุยกันก็ได้ ขอแค่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบโดยมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยกันเงียบๆ ก็พอแล้ว
แมลงตัวหนึ่งบินมาเล่นแถวๆ ไฟหัวเตียงผมเลยเอามือปัดๆ มันออกไป พอมันตกลงมาบนต้นขาผมก็เอามือปัดอีกแต่มันก็ไม่หลุดไปผมเลยเอามือบี้มันเต็มแรงจนแบนแต๋คาขาผมไปเลย ผมหยิบซากมันลงไปทิ้งที่ถังขยะนอกระเบียงก่อนจะเทน้ำล้างมือแล้วกลับมานอนอ่านหนังสือต่อ
เช้าวันต่อมาต้นขาผมก็มีรอยไหม้สีแดงเป็นแถบยาวปรากฏขึ้น มันทั้งคันทั้งแสบ ต้องเป็นเพราะแมลงเมื่อคืนแน่ๆ ผมเลยลงไปซื้อแป้งเย็นมาทาบรรเทาอาการแสบคัน แต่พอตกเย็นผื่นก็ยิ่งแดงมากขึ้น บางแห่งเริ่มเกิดร่องรอยคล้ายแผลพุพอง แผลบนต้นขาผมตอนนี้มันน่ากลัวมาก เหมือนคนโดนน้ำร้อนสาดไม่มีผิด
‘วา มึงดูดิ’ ผมถกขากางเกงให้มันดู
‘เฮ้ย! น้ำร้อนลวกหรอวะ รีบไปล้างน้ำเย็นก่อนๆ!’ ไอ้วาดูเป็นเดือดเป็นร้อนกว่าผมที่โดนเสียอีก
‘ไม่ใช่ว่ะ เหมือนจะโดนพิษแมลง’
‘ซี๊ดดดดดด เจ็บมั้ยเนี่ย’ มันทำหน้าแหยงๆ
‘แสบแล้วก็คันมากๆ เป็นมาสองวันแล้ว’
‘สองวัน!? แล้วไม่ไปหาหมอ’
‘กูไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ นึกว่าเดี๋ยวมันก็หายเอง ที่ไหนได้แปบเดียวกลายเป็นงี้ไปแล้ว’
โอ๊ย คันแผล ผมอดเอานิ้วไปถูๆ ตรงขอบแผลไม่ได้
เพียะ!
‘อย่าเกา! เดี๋ยวลาม …มึงรอกูแปบ ไปโรง’ บาลกันเหอะ’ ไอ้วายัดหนังสือเตรียมสอบใส่เป้ หยิบเสื้อยืดมาใส่ทับเสื้อกล้าม
‘กูไปคนเดียวได้ มึงอ่านสืออยู่นี่เหอะ จะสอบแล้วนี่’
‘กู-จะ-ไป-ด้วย หุบตูดแล้วช่วยกูปิดไฟปิดพัดลมเร็วเข้า’
กว่าสองชั่วโมงกว่าจะได้เข้าตรวจ หมอบอกช่วงนี้มีนิสิตมาหาหมอด้วยอาการแบบผมเป็นจำนวนมาก สาเหตุคือแมลงก้นกระดก หรือเรียกแบบคิ้วๆ ก็แมลงเฟรชชี่เพราะส่วนใหญ่เฟรชชี่หอในมักจะโดนกันเพราะหอนั้นล้อมรอบด้วยต้นไม้รกครึ้มและสระน้ำแถมอากาศช่วงนี้ยังชื้นเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นหน้าฝนแมลงก้นกระดกเลยระบาดมาก ถ้าปิดประตูมุ้งลวดไม่สนิทมันก็จะตามเข้ามาเล่นไฟในห้อง
หลังจากทุกคนในห้องรู้เรื่องนี้ก็ช่วยระวังกันแจ พวกเราจะเช็กประตูมุ้งลวดทุกครั้งที่มีการเปิดปิดว่าสนิทดีหรือไม่ ถ้าใครในห้องเผลอเปิดประตูทิ้งไว้คนที่เหลือก็จะรีบเตือนทันที โดยเฉพาะผมที่หวาดกลัวแมลงก้นกระดกขึ้นสมองไปแล้วทุกครั้งก่อนนอนผมจะต้องสะบัดหมอนสะบัดผ้าห่มเผื่อตรวจดูว่าไม่มีแมลงถึงจะหลับลงได้
ทายาไปได้สองสัปดาห์แผลก็ดีขึ้นแต่ก็ทิ้งร่องรอยน่าเกลียดเอาไว้ให้เห็นเป็นอนุสรณ์
‘ซื้อยาทาให้มันจางลงหน่อยดีมั้ย รีบทาก่อนที่มันจะเป็นแผลเป็นเหอะ’ ไอ้วาผู้เกาะติดอาการผมทุกวันเสนออย่างเป็นห่วง
‘อืม รอยมันชัดน่ากลัวจริงๆ แหละ หาไรทาก็ดีเหมือนกัน’
ไอ้วาพาผมนั่งรถเมล์มอไปร้านยาของคณะเภสัชฯ
‘หวัดดีครับอาจารย์ ผมพาเพื่อนมาขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ’
ผมโชว์แผลที่ต้นขาให้อาจารย์ผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีดู พอเห็นแผลปุ๊บอาจารย์ก็ทักทันทีว่า
‘โดนแมลงก้นกระดกมาใช่ไหม’ ว่าพลางชี้ไปที่บอร์ดความรู้ด้านข้าง ในซองพลาสติกใสที่ติดอยู่บนบอร์ดมีซากแมลงก้นกระดกที่ส่วนท้องมีสีส้มนอนแอ้งแม้งอยู่ เสียดายที่มันตายแล้วเลยไม่เห็นว่าส่วนก้นมันชี้ขึ้น
‘ใช่เลยครับอาจารย์ ผมไปหาหมอมาอาการดีขึ้นแล้วแต่รอยมันไม่ค่อยหายน่ะครับ อาจารย์พอจะมียาตัวไหนแนะนำบางมั้ยครับที่ทาแล้วแผลมันจะจางลง’
อาจารย์ของไอ้วาแนะนำยาให้หลายตัว มีหลายแบบหลายราคา สุดท้ายผมก็เลือกที่ราคากลางๆ จ่ายค่ายาในชื่อไอ้วาเพราะนิสิตคณะเภสัชฯ จะซื้อยาได้ถูกกว่านิสิตทั่วไป
วันหนึ่งไอ้วาเกิดไปเจอปกนิยายแฟนตาซีหน้าตาน่าอ่านเรื่องหนึ่งเข้า พอถามไอ้ไมค์ก็ปรากฏว่ามันเคยอ่าน ไอ้วาเลยไปนั่งพิงเตียงฟังไมค์สปอยด์อย่างสนุกสนาน
‘กี่เล่มจบวะไมค์’
‘15 มั้งถ้าจำไม่ผิด แต่มันเก่าแล้วนะไม่รู้จะหาซื้อได้อยู่มั้ย เราอ่านตอนปอห้าแน่ะ’ โห นานมาก
หลังจากนั้นไอ้วาก็กระเสือกกระสนตามหานิยายชุดนี้เลือดตาแทบกระเด็น แต่พอเห็นราคาขายมือสองในเว็บก็ทำตาโต
‘แพงขนาดนี้ไม่อ่านก็ได้เว้ย!’ มันกระฟัดกระเฟียด
ผมคิดว่ามันคงตัดใจไปแล้ว แต่สองเดือนต่อมามันก็หอบหนังสือนิยายสิบห้าเล่มสภาพใหม่เอี่ยมอ่องกลับห้องมาด้วยใบหน้าปลื้มปีติ
ไอ้ไมค์ลุกไปดู
‘กูเขียนแบบฟอร์มเสนอซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดออนไลน์ไปว่ะ แค่เขียนเล่นๆ ไม่คิดว่าเขาจะซื้อเข้ามาให้จริงๆ ดูดิใหม่เอี่ยมอ่องเลย! โอ๊ยย ดีใจจจจ’
‘โห สมแล้วที่เป็นห้องสมุดของประชาชน ยอมฟังคำขอของประชาชนจริงๆ ด้วย’ ไอ้วาชมห้องสมุดไม่ขาดปาก
‘ดูสิๆ ปกในประทับตราว่า ‘ตามคำเรียกร้อง’ ด้วยนะ’ มันเปิดโชว์
‘แทนที่จะมานั่งอ่านหนังสือพวกนี้ ไม่เอาเวลาไปอ่านกสพท.วะ’ ผมว่า
‘…’ ไอ้วาหยุดนิ่งไปเลย
‘มึงต้องลำดับความสำคัญให้ถูกนะวา โตแล้วกูไม่พูดอะไรมากหรอก แค่จะเตือนไว้’
‘เอาน่าปอ ให้วาไว้อ่านคลายเครียดตอนพักไง’ ไมค์ว่า
‘ไอ้ปอพูดถูก กูดีใจจนลืมไปเลย เพราะปีที่แล้วกูมัวแต่บ้าการ์ตูนก็เลยพลาด ปีนี้กูต้องไม่พลาดอีก ขอบใจนะที่เตือน’
แล้ววันต่อมาผมก็ต้องช่วยไอ้วาหอบหนังสือกลับไปคืนโทษฐานที่เป็นคนทัก อ้าว! เป็นงั้นไป-*-
การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาทุกที รวมถึงการสอบกสพท.ก็ด้วย ไอ้วากำลังสู้ศึกสองทางเหมือนคนจับปลาสองมือ ผมได้แต่มองมันอย่างเป็นห่วงแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ตอนนี้มันดูเหนื่อยและโทรมมาก มันผอมลงกว่าตอนแรกที่เราเจอกันเยอะ เห็นมันบ่นว่าตั้งแต่เข้ามหา’ ลัยน้ำหนักก็ลงไปห้าโลแล้ว
เห็นยิ้มแย้มแบบนั้นที่จริงก็เครียดจนน้ำหนักลดเลยนะ
‘ทำไมมึงถึงอยากเรียนหมอ’ ผมถามทั้งที่เดาคำตอบได้อยู่แล้ว
‘รวยดี’
‘กูว่าแล้ววววว’ งกอย่างมันก็คงมีเหตุผลนี้เหตุผลเดียวล่ะ! ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ
‘มึงคิดดู แค่นั่งเฉยๆ ก็มีคนมายกมือไหว้เอาตังค์มาให้ถึงที่ จะมีสักกี่อาชีพกันที่ลูกค้าต้องยกมือไหว้คนขายวะ’
‘ก็จริง’
‘เงินเดือนก็ดี ทีนี้พ่อแม่กูจะได้สบายเสียทีไม่ต้องทำงานอีกแล้ว กูจะเลี้ยงพ่อแม่ให้สุขสบายเอง พ่อแม่อยากไปเที่ยวประเทศไหนกูก็จะพาไป แล้วก็จะส่งน้องชายเรียนสูงๆ ทุกคนจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ’
‘กูนึกภาพมึงเป็นหมอหน้าเลือดออกเลย’ แบบที่รักษาคนไข้ให้หายแล้วฆ่าให้ตายด้วยบิลค่ารักษาน่ะ..
‘กูไม่ได้จะขูดรีดประชาชนโว้ยย กูก็ทำงานโรง’ บาลรัฐรักษาคนจนแล้วก็รับจ๊อบเอกชนรักษาคนรวยไงเล่า’
อ่อ ยังดีที่มันยังคิดจะตอบแทนสังคมอยู่บ้างไม่ได้จะโกยอย่างเดียว
จู่ๆ ไอ้ไมค์ที่แข็งแรงมาตลอดก็ป่วยอย่างไม่มีเหตุผล มันไข้ขึ้นนอนซมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ได้ยินว่าคนที่แข็งแรงมากๆ ถ้าหากป่วยขึ้นมาก็จะเป็นหนักกว่าคนทั่วไปสงสัยจะจริง
พวกเราสามคนพยายามโน้มน้าวให้ไอ้ไมค์ไปหาหมอ แต่มันหัวแข็งมากให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไปเด็ดขาดจนพวกเราจนปัญญาจะพาไป
ไอ้วาค้นกล่องยาสารพัดนึกที่มันหอบมาจากบ้านกุกกักๆ ได้ยามาสองเม็ด
‘ไมค์อันนี้ยาลดไข้ ส่วนอันนี้ยาแก้แพ้ มึงไม่ยอมไปหาหมอก็กินนี่ไปก่อนละกัน’
‘เดี๋ยวมันก็หายเองแหละวา’ ไอ้ไมค์ตอบหน้าเซียว
‘ไม่ได้! มึงต้องกินนะ ไข้ขึ้นสูงมากเลย’
ผมกับไอ้ต้นยืนมองไอ้วาพยายามบังคับให้ไอ้ไมค์กินยาตาปริบๆ คนป่วยกับคนไม่ป่วยยื้อยุดกันอยู่นาน ในที่สุดไอ้วาก็ชนะ
‘ต้น มึงโทรแจ้งองค์การเภสัชฯ ดิ๊’
‘โทรไมวะ’ เป็นไอ้วาที่ถามแทน
‘แจ้งจับเภสัชกรเถื่อน ใบประกอบวิชาชีพก็ไม่มีริมาจัดยาให้เพื่อนกู’
‘ไอ้บ้า! กูเภสัชกรเถื่อน มึงก็วิศวกรเถื่อนเหมือนกันนั่นแหละ!’ แล้วมันก็เอาขวดยาเปล่าปาใส่ผม แต่ผมหลบทัน ว้ายยยย ไม่โดน :-p
‘เฮ้ย ต้น กูมีความคิดดีๆ แล้ว สนป่ะๆ ’ เวลาจะทำเรื่องไม่เป็นเรื่องไอ้วามักเริ่มด้วยการชวนไอ้ต้นก่อนเสมอ
‘อะไรเหรอ’
‘ไปกดไอติมกินกันอีกดีกว่า คราวนี้กูจะกดให้สูงกว่าครั้งที่แล้วๆ ๆ มาเลย!’
จำได้ว่าหลังจากครั้งแรกไอ้ต้นไอ้วาก็ไปกดไอศกรีมที่ร้านนั้นบ่อยมาก เรียกได้ว่าแทบขาดทุนเพราะเจอมือมารอย่างไอ้วาเลยก็ว่าได้ มันกดได้สูงมากจนกินครึ่งชั่วโมงยังไม่หมดอ่ะคิดดู ถึงขนาดที่ว่าโคนที่ใส่มายุ่ยคามือเพราะบรรจุไอศกรีมนานเกินต้องวิ่งหาจานมาใส่กันหกแทบไม่ทัน
‘มันจะล้มก่อนอ่ะดิวา’
‘คราวนี้กูมีวิธีใหม่รับรองคุ้มสุดๆ ’ ว่าแล้วไอ้วาก็หยิบกล่องทับเปอร์แวร์ขึ้นมา
‘มึงรออยู่หน้าร้านพร้อมกล่องนี้นะ พอกูออกมาจากร้านปุ๊บจะได้รีบคว่ำไอติมใส่ลงไปเลย กูจะกดแบบที่ว่าโคนเดียวกินได้สี่คนเลยอ่ะ!’
นั่นไงกูว่าแล้วววว!!
ขออธิบายนะเผื่อใครลืมไปแล้ว เมื่อเทอมก่อนมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นเพิ่งมาเปิดใกล้หอพวกเรา ร้านนี้จะมีขายไอศกรีมโคนขายแบบให้กดเอง คือเราแค่ซื้อโคนราคา20บาทแล้วเดินไปกดที่เครื่อง ใครกดได้เท่าไหร่ก็เอาไปเท่านั้น ใครกดเก่งก็ได้เยอะ กดไม่เก่งก็ได้น้อยลดหลั่นกันไป
แล้วไอ้วาแม่งก็กดเก่งมากกกกกกกกก ทุกครั้งที่มันกดพนักงานจะต้องมองเหลียวหลังอ่ะคิดดูสิ
‘โอ้โห แหร่มเลย กูเอาด้วยๆ เอากล่องกูไปด้วยกดมาสองโคนเลยวา กูจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้’ โคนนึงมึงกะเเดกยันพรุ่งนี้เลยเรอะ=[]=
‘กูไม่เอานะ รู้สึกมันดูทุเรศยังไงพิกล-_-’ ผมว่า ไอ้ห่าวานี่บ้านก็มีอันจะกินชอบทำตัวเหมือนยาจก
‘ไมค์อ่ะ’ ไมค์ส่ายหัว มันสองคนเลยไม่เซ้าซี้ ต่างพากันคว้าทัปเปอร์แวร์เดินออกไปอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
‘อ้าว ไมกลับมาเร็วจัง’ ผมถาม
‘ร้านปิดปรับปรุง=_=’ ’’ ไอ้วาตอบอย่างหงุดหงิด
‘สงสัยมันรู้ว่าพวกกูจะไปถล่ม ฮ่าๆ ๆ ๆ ’ ไอ้ต้นหัวเราะ ไอ้วาฟังอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะตาม
‘ไม่เป็นไร เปิดเมื่อไหร่ไว้เจอกัน!! กูไม่ล้มเลิกความตั้งใจหรอกโว้ย’
‘ชวนกูด้วยๆ ’
ไอ้วากับไอ้ต้นนี่มุ่งมั่นในการทำเรื่องทุเรศเหลือเชื่อนะครับ-_-
--------------------------------------------------------------------------------------------
แมลงก้นกระดก...แมลงพิษร้ายที่มาพร้อมกับฝน เพียงแค่ปัด สัมผัส ก็เกิดแผลพุพอง ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน!
แมลงก้นกระดก มาจากไหน
แมลงก้นกระดก (Rove Beetle) หรือในชื่อ ด้วงก้นกระดก ด้วงปีกสั้น ด้วงก้นงอน และแมลงเฟรชชี่ จะพบได้มากที่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ นาข้าว หรือตามพงหญ้า โดยเฉพาะในหน้าฝนจะมีการระบาดของแมลงชนิดนี้ในต่างจังหวัด หรือในเมือง และบนตึกสูง ๆ ก็พบได้บ้างเช่นกัน
แมลงก้นกระดก รูปร่างเป็นอย่างไร
แมลงก้นกระดกเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ส่วนหัวมีสีดำ ปีกน้ำเงินเข้ม ปีกมีลักษณะสั้นและแข็ง และส่วนท้องมีสีส้ม แมลงชนิดนี้มักจะงอส่วนท้ายขึ้น-ลงเมื่อเกาะตัวอยู่กับพื้น เลยได้ชื่อเก๋ ๆ ว่าแมลงก้นกระดกนั่นเองค่ะ
แมลงก้นกระดก ทำไมถึงร้าย
ของเหลวในร่างกายของแมลงก้นกระดกจะมีสารเพเดอริน (Paederin) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสารพิษชนิดนี้สามารถทำลายผิวหนังและเซลล์เนื้อเยื่อ เมื่อเราสัมผัสโดน แมลงก้นกระดกก็จะปล่อยของเหลวออกมา ทำให้ปวดร้อน คัน ปวดแสบ ผิวไหม้ มีผื่นแดง ตุ่มน้ำ เป็นหนองขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่โดนสัมผัส
แผลจากแมลงก้นกระดกมีลักษณะอย่างไร
ภาพจาก
https://www.matichon.co.th/local/news_379762เมื่อโดนพิษแมลงก้นกระดกไปประมาณ 6-12 ชั่วโมง เราจะเริ่มมีอาการแสบ คัน บริเวณผิวหนัง ต่อมาก็จะเกิดเป็นผื่นแดงที่มีขอบเขตชัดเจน ลักษณะแผลจากแมลงก้นกระดกจะเป็นแผลรอยแดง หรือเป็นรอยไหม้ในลักษณะเป็นทางยาว ร่วมกับตุ่มน้ำพองและตุ่มหนอง
แผลจากแมลงก้นกระดก รักษาอย่างไร
หากแมลงก้นกระดกมาสัมผัสตัวเราแล้ว ให้รีบล้างผิวด้วยน้ำเปล่า ฟอกสบู่ และประคบเย็นในบริเวณที่สัมผัสกับแมลงโดยตรง จากนั้นให้คอยสังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนัง หากเกิดรอยแดงเล็กน้อยสามารถหายเองได้ใน 2-3 วัน ไม่จำเป็นต้องทายาใด ๆ แต่ถ้าอาการผื่นเป็นมากขึ้นหรือมีตุ่มน้ำพองเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
วิธีป้องกันตัวเองจากแมลงก้นกระดก
- ห้ามสัมผัสหรือบี้แมลงก้นกระดก ให้ใช้วิธีเป่าหรือใช้อุปกรณ์ปัดออกไปให้พ้นตัวแทนการสัมผัส
- ควรตรวจตราที่นอน หมอน ผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อนนอน
- ควรปิดประตู หน้าต่าง ห้องนอนให้มิดชิด โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- ในช่วงกลางคืนควรเปิดไฟเท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะในห้องนอน หากไม่จำเป็นก็ควรปิดไฟเอาไว้ เพราะแมลงก้นกระดกชอบออกมาเล่นแสงไฟตามบ้านเรือนคน
อ้างอิงจาก
https://health.kapook.com/view55456.html______________________
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นท์ค่า>< ช่วงนี้อยู่บ้านเลี่ยงเดินทางกันนะคะ เป็นห่วงเด้อออ
อ่านนิยายวนไปต่ะ!