ตอนที่ 18
พาร์ท ควิน
หลังจากที่ผมโดนอีกคนกระทำจนสาแก่ใจแล้ว ตอนนี้ผมก็ได้นอนเป็นผักต้มอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงเป็นที่เรียบร้อย จากตอนแรกที่ร่างกายไม่เป็นอะไรมากแต่ตอนนี้ผมกลับลุกแทบไม่ไหวช่วงล่างระบมไปหมดจากการใช้งานอย่างหนักหน่วงเมื่อชั่วโมงก่อน ส่วนต้นเหตุตอนนี้กำลังออกไปซื้อข้าวข้างนอก ตอนแรกเจ้าตัวจะไปทำโจ๊กต่อแต่ผมให้น้องออกไปซื้อข้าวมากินเลยดีกว่าเพราะตัวน้องเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน
ระหว่างที่รอผมคว้าโทรศัพท์จากหัวเตียงมาเปิดดู ที่หน้าจอแสดงเวลาเที่ยงตรงซึ่งหมายความว่าผมไปเรียนไม่ทันแล้วแต่ถึงทันก็คงไปไม่ไหวอยู่ดี ดีไม่ดีพรุ่งนี้ก็คงต้องหยุดต่ออีก ขาผมตอนนี้ยังหุบแทบไม่ลงขืนไปเรียนมีหวังโดนไอ้พวกนั้นถามยับแน่นอน นึกแล้วก็สงสัยไม่รู้ว่าคนทำมันไปตายอดตายอยากมาจากไหนมีเท่าไหร่ใส่มาไม่ยั้งเลยสักนิด อะไรนะ ทำไมผมไม่ห้ามน่ะหรอ เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะ พอได้ยินเสียงอีกคนเรียกชื่อแล้วมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการผมก็ปฏิเสธไม่ลง เฮ้อ บอกแล้วว่าผมแพ้คิงทุกอย่างจริงๆ
คุณมี 3 สายที่ไม่ได้รับ
พอเปิดหน้าจอมาข้อความแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมารัวๆทั้งไลน์ทั้งเบอร์ แต่คงไม่พ้นกลุ่มผมที่โทรมาตามนั่นแหละครับ เห็นแบบนี้แต่ผมค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้นถึงจะมีเบอร์กับไลน์ของผมได้ นอกจากนั้นก็จะมีเฟสบุ๊คกับไอจีที่ผมจะเปิดไว้เป็นสาธารณะ ผมกดเข้าเช็คตามแจ้งเตือนก่อนที่จะพบกับความประหลาดใจ เบอร์ที่โทรเข้ามา 2 สายมาจากไอ้เตแต่อีกสายนั้นมาจากคนที่ผมไม่คิดว่าจะโทรมาเพราะเราแทบจะไม่เคยคุยกันทางโทรศัพท์เลย ผมกดโทรกลับไปด้วยความสงสัยรอสายไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหลพี่เนย์ โทษทีนะพี่พอดีผมตื่นสายเลยพึ่งเห็นว่าพี่โทรมา”
“มึงพึ่งตื่นเนี่ยนะ!”
“มันก็มีบ้างแหละพี่ ว่าแต่อยู่ๆโทรมาหาผมมีอะไรหรือเปล่า?”
“อ้อ เออ คือกู คือเรื่องเมื่อวานน่ะกู กู...”
“อะไรนะพี่พูดดังๆหน่อยไม่ค่อยได้ยินเลยอ่ะ”
“เออ! เรื่องเมื่อวานอ่ะ ขอบใจมึงมาก!”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกพี่ ว่าแต่พี่โทรมาแค่นี้อ่ะนะ”
ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยโทรมาเลยสักครั้ง ปกติเวลามีเรื่องอะไรพี่แกจะเดินมาหาอะไรแบบนั้นเลยนี่หว่า ผมว่าที่โทรมานี่ถือว่าแปลกมากเลยนะ
“เปล่าๆกูว่าจะเลี้ยงเหล้าขอบใจมึงด้วย แต่วันนี้ไปหาแล้วไม่เจอมึงกูเลยลองโทรไป...นึกว่ามึงเป็นอะไรซะอีกเห็นปกติมึงไม่ค่อยหยุดเรียน”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งพี่ มันก็ไม่ได้อะไรมากซะหน่อย”
“กูบอกว่าจะเลี้ยงก็คือจะเลี้ยงดิวะ! คืนนี้มึงว่างมั้ยล่ะ?”
“โอเคๆพี่แต่ว่าคืนนี้หรอ อ่า ก็ได้ แล้วใครไปมั่งอ่ะพี่”
ผมเงียบไปแปบนึงเพราะไม่รู้ว่าวันนี้จะไปไหวมั้ย แต่นานๆทีพี่เนย์จะมาเลี้ยงผมก็เกรงใจไม่อยากให้ต้องเลื่อนเพราะผม ผมขยับตัวเช็คสภาพร่างกายตัวเองแล้วก็น่าจะพอไปนั่งเฉยๆได้อยู่เลยตอบตกลงไป
“ก็พวกกูเหมือนเดิมมึงก็เอาเพื่อนมาปกตินั่นแหละ ร้านเดิมสี่ทุ่มนะมึง มาเร็วๆล่ะ”
“ครับๆ”
พอตกลงกันเสร็จแล้วสายก็ถูกตัดไป ผมเลื่อนหน้าจอแล้วกดเข้าไลน์ข้อความจากแชทกลุ่มหลายสิบข้อความเด้งจึ้นมาอยู่บนสุด ผมกดเข้าไปอ่านก็เจอแต่ข้อความที่ถามถึงผมจนถึงเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน ผมแชทบอกไปว่าวันนี้ตื่นสายเลยไปเรียนไม่ทันและทิ้งข้อความนัดเวลาไปกินเหล้ากับพี่เนย์ไว้ในกลุ่ม ยังไงพวกมันก็ไม่พลาดแน่อยู่แล้วพอดีกับเสียงประตูห้องดังขึ้น ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วพุ่งความสนใจไปหาคนที่เปิดประตูเข้ามา
“ซื้อข้าวมาแล้ว พี่จะกินตรงไหน” คิงเดินเข้ามาถามแล้วทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างเตียง ผมเลยพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาคิง
“โอยย” เพราะพลิกตัวแรงไปหน่อยความเจ็บจากช่วงล่างก็แล่นแปล๊บขึ้นมาจนผมหลุดเสียงร้องออกไปจนทำให้น้องที่นั่งอยู่ทำสีหน้าเคร่งเครียดเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวผมออกแล้วใช้สายตาสำรวจตามร่างกายของผมอย่างถี่ถ้วน แค่นั้นไม่พอคิงทำท่าจะเลิกเสื้อที่ผมใส่อยู่ออกอีกผมเลยต้องรีบคว้าแขนอีกคนไว้ “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พี่ขยับตัวแรงไปหน่อยเอง คิงช่วยยกมาให้พี่กินในห้องนี้หน่อยนะ” ผมไม่อยากขยับตัวไปไหนเลยสักนิด กระดิกนิดเดียวก็เหมือนร้าวไปทั้งตัว เลยบอกให้อีกคนไปเอาข้าวมากินในห้องน่าจะดีกว่า
“หึ เดินไม่ไหวแล้วสิ” น้องพูดขึ้นยิ้มๆส่งสายตาล้อเลียนชัดเจน ใช่สิ เป็นคนทำมันไม่เจ็บนี่!
“เพราะใครล่ะ”
“แล้วทำไมไม่ห้ามล่ะ”
โดนจุดสำคัญเลยครับ...
“.....ไปเอาข้าวมาเลยไป” ผมไล่ไอ้คนที่นั่งยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ให้ออกไปจากห้อง คิงลุกขึ้นตามที่บอกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ผมมองตามหลังร่างสูงออกไปแล้วได้แต่นึกสงสัยว่าไอ้ลูกหมาขี้อ้อนคนเก่ามันหายไปไหน! ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูเป็นหมาป่าแบบนี้ได้เล่า! เอ๊ะ หรือว่าผมจะเอาใจมากไปจนเหลิงเดี๋ยวนี้ถึงได้ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมา อืม สงสัยต้องเข้าโหมดจริงจังบ้างแล้วมั้งไม่งั้นเดี๋ยวจะได้ใจไปกว่านี้ ถกเถียงกับตัวเองในใจได้ไม่เท่าไหร่ประตูก็ถูกเปิดกลับเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมจากอาหารทำเอาท้องไส้ส่งเสียงเรียกร้องผมยันตัวลุกขึ้นนั่งทันที ชามข้าวถูกวางลงบนเตียงตรงหน้า หือ ในชามคือข้าวต้มทรงเครื่องที่ผมไม่คิดว่าจะได้กินตอนเที่ยงๆแบบนี้
“ไปซื้อข้าวต้มที่ไหนมา”
คิงยังไม่ได้ตอบคำถามผมแต่กลับเดินไปเปิดทีวีแล้วย้อนกลับมานั่งลงบนเตียงอีกฝั่งพร้อมกับจานข้าวของเจ้าตัว
“อาหารตามสั่ง”
“มันมีข้าวต้มด้วยหรอ”
“สั่งทำ”
เออว่ะ! มันก็สั่งทำได้นี่หว่า ผมพยักหน้าสองสามทีแล้วลงมือกินข้าวต้มของตัวเอง ระหว่างการกินมีเพียงเสียงพูดคุยจากทีวีเท่านั้น ต่างคนต่างกินข้าวไปเงียบๆจนเสร็จคิงก็หยิบถ้วยไปล้างในครัว ผมดูนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้พึ่งจะเที่ยงกว่าคิงน่าจะยังไปเรียนช่วงบ่ายทันอยู่นะ พอน้องเดินกลับเข้ามาผมก็เลยถามขึ้น
“คิง”
“ห้ะ”
“จะไปเรียนมั้ย”
“ไม่ไป” ตอบไวเหมือนไม่ได้คิด และเจ้าตัวยังยืนยันคำตอบตัวเองด้วยการทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเอนหลังพิงกึ่งนั่งกึ่งนอนกดรีโมทเปลี่ยนช่องสบายใจ
“ไปตอนนี้ก็ทันเรียนตอนบ่ายหนิ ไปเหอะ” ผมหันบอกให้คิงไปเพราะน้องเรียนวิศวะผมรู้ว่ามันยากและผมก็ไม่อยากให้น้องหยุดเรียนโดยเปล่าประโยชน์
“ไม่เอา” เสียงยืนยันหนักแน่นว่ายังไงก็ไม่มีทางไปแน่นอน เฮ้อ
.
.
.
.
.
เดี๋ยวนะ....นี่คือเวลาที่เราต้องเข้าโหมดจริงจังแล้วป่ะวะ
“คิง” ผมเรียกน้องอีกครั้งพยายามทำสีหน้าให้นิ่งที่สุด ผมตามใจมาบ่อยล้ะแต่เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด คิงหันมาสบตากับผมโดยไม่พูดอะไรหมายความว่าน้องยังคงดื้อดึงที่จะไม่ไป ผ่านไปหลายวินาทีผมยังคงสบตากับน้องอยู่แบบนั้นจนสุดท้ายน้องก็สไลด์ตัวเอาหัวมาเกยตักผมไว้กลายร่างเป็นลูกหมาขี้อ้อนตัวเดิม
โอ้ย! ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้! ใจพี่บางหมดแล้ว!
ผมก้มลงมองกลุ่มผมที่ซุกอยู่ที่หน้าขาแล้วอยากจะยกมือไปลูบเล่นแต่ก็ต้องหักใจตัวเองทำตัวนิ่งไว้ตามเดิม อย่านะควิน อย่าตามใจน้องนะเว้ย!
“คิง” ผมลองเรียกน้องอีกครั้งและกดเสียงลงต่ำกว่าเดิม ให้น้องรู้ว่าครั้งนี้ผมเอาจร...
“อยากอยู่กับพี่”
ครับ ยอมแล้วครับ
เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมต้องแพ้ให้กับคนคนนี้ คำพูดไม่กี่คำทำผมใจอ่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยกมือวางลงบนหัวทุยแล้วเกี่ยวพันนิ้วเข้ากับเส้นผมของอีกคน ลูกหมาของผมน่ารักขนาดนี้ผมจะทำใจแข็งลงได้ยังไงนะ ผมถอนหายใจก่อนจะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงแล้วตัดสินใจบอกน้องอีกครั้ง
“เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้วนี่ วิศวะน่ะเรียนหนักพี่ไม่อยากให้ขาดเรียนหรอกนะ มหาลัยน่ะไม่ใช่จะเรียนเล่นๆได้ เป็นห่วงหรอกถึงได้บอกเนี่ย”
“อือ”
ได้ยินเสียงตอบรับแต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว คิดว่ายังไงก็คงปล่อยไปตามนี้นั่นแหละแต่อยู่ดีๆคิงก็ผุดลุกขึ้นมานั่งแล้วลุกไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชุดนักศึกษาถูกหยิบออกมาจากตู้ ใช้เวลาไม่นานร่างสูงหล่อของคิงก็อยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย สายตาคมเหลือบมองผมเพียงครู่เดียวก่อนเดินออกจากห้องไปโดยไม่ร่ำลาสักคำ
คืออะไร?
โกรธ? ไม่พอใจ? พอนึกได้แบบนี้แล้วผมเองก็เริ่มจะหงุดหงิด คือผมแค่บอกให้ไปเรียนจะเอาเรื่องแค่นี้มาโกรธกันงั้นหรอ มันไม่มีเหตุผลเลย ผมบอกเพราะห่วงแท้ๆไม่คิดว่ามันจะทำให้.....
แกร๊ก
เสียงประตูถูกเปิดจากคนที่ผมนึกว่าไปแล้ว ร่างสูงของคิงกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งในมือถือน้ำไว้แก้วนึง ผมได้แต่นั่งงงจนกระทั่งอีกคนเดินเข้ามาถึงพร้อมกับยื่นของบางอย่างมาให้
“กินยาด้วย”
เม็ดยาสองสามเม็ดถูกยื่นมาให้ผมพร้อมกับน้ำแก้วนั้น ผมมองเม็ดยาสลับกับใบหน้าของคิงแล้วอยากจะร้องไห้ โถไอ้ควิน มึงนี่มันโง่นัก! น้องอุตส่าห์ไปเอายามาให้ดันไปคิดว่าน้องโกรธ ผมแอบรู้สึกผิดในใจจนอยากจะตะโกนขอโทษออกมาดังๆแต่ความจริงทำได้เพียงรับน้ำและยามาแล้วกลืนลงท้องไป
“ไปแปบเดี๋ยว เดี๋ยวมา”
ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้แล้วมองอีกคนเดินออกไปแล้วก่นด่าความคิดโง่เง่าของตัวเองในใจ แต่ว่านี่ก็ถือว่าโชคดีนะที่ผมแค่คิด ถ้าพูดออกไปล่ะเป็นเรื่องแน่
หลังจากที่คิงออกไปผมก็นอนหลับต่อจนถึงสี่โมงเย็นพอลุกขึ้นมาก็รู้สึกว่าพอได้กินยาและนอนพักร่างกายก็โอเคขึ้นกว่าเดิมเยอะ ยังขัดๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไร ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เจอข้อความในกลุ่มที่พวกไอ้ชาร์ปตอบกลับมา
Charp Charp : ไปจ้าาาาา
Song : ไอ้ชาร์ปไปกูก็ไป
TeTeTe : ตามนั้น
ผมบอกแล้วว่าพวกมันไม่พลาดผมไลน์หาไอ้เตบอกให้มันมารับด้วยเพราะว่าคงขับรถไปเองไม่ไหว.....เหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่างนะ.....
อ๋อ! ผมลืมบอกคิงไปเลยว่าคืนนี้ผมต้องไปข้างนอก พอนึกได้ยังไม่ทันที่ผมจะกดหาแชทไลน์ก็พบว่าแชทที่กำลังจะหาเด้งขึ้นมาอยู่ด้านบนสุดเพราะข้อความของอีกคนที่ส่งมาพอดี
King : พี่ควิน ต้องไปทำงานต่อที่บ้านเพื่อน กลับช้านะ
เออดี วันนี้คิงก็กลับช้าเหมือนกัน พออ่านจนผมรีบพิมพ์ตอบกลับไป
Q : กลับช้ามากมั้ย คืนนี้พี่จะไปข้างนอกเหมือนกัน
ทันทีที่กดส่งไปก็ขึ้นว่าอ่านแล้วทันทีเหมือนว่าอีกคนเปิดหน้าแชทค้างไว้ รอต่ออีกไม่กี่วินาทีก็มีข้อความตอบกลับมา
King : ไปไหน
Q : รุ่นพี่นัดกินเลี้ยงกันอ่ะ
King : ที่ไหน
Q : ที่ xxxxxpub
King : ไม่ให้ไป
พอคิงตอบกลับมาว่าไม่ให้ไปผมถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เพราะอะไรผมถึงไปไม่ได้ล่ะ
Q : ทำไมล่ะ
King : ยังไม่หายดีแล้วจะไปกินเหล้า?
Q : แต่พี่รับปากรุ่นพี่ไปแล้ว
ข้อความสุดท้ายที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้วแต่รอนานนับนาทีก็ไม่เห็นว่าคิงจะตอบกลับมา ผมกดออกจากแชทแล้วกดเข้าเช็คเฟสบุ๊คตัวเองระหว่างรอ แจ้งเตือนมากมายจากทั้งคนรู้จักและคนไม่รู้จัก แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือแจ้งเตือนที่ขึ้นมาว่าไอ้ลูกหมาของผมอัพรูปในเฟสบุ๊คครั้งแรกในรอบเดือนเมื่อแปดชั่วโมงก่อน เอ่อ ประมาณแปดโมงเช้าสินะ ผมรีบกดเข้าไปดูทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ร้อยวันพันปีเฟสบุ๊คของคิงแทบไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย การที่อยู่ๆมาอัพรูปได้นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ใจได้เลย
“รูปอะไร...หือ...เห้ย!!!!”
ทันทีที่เห็นรูปที่ถูกอัพลงไปผมเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความตกใจ หัวใจเต้นแรงดังจนก้องในหัวไปหมด ผมจ้องภาพที่ค้างอยู่หน้าจอด้วยความรู้สึกหลากหลายแต่ชัดเจนที่สุดคือความรู้สึกเต็มตื้นอยู่ในอก ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตอนนี้ผมคงจะเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“เอาจริงดิ”
ทั้งที่ภาพนี้แทบจะไม่มีอะไรอยู่ในรูปนั้นเลยไม่เห็นแม้แต่หน้าของคนที่อัพลงแต่ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่สามารถหุบยิ้มลง
จะว่ายังไงดีล่ะ....มันเป็นแค่ภาพสีน้ำเงิน....สีน้ำเงินของผ้าห่มผืนเดียวกับที่ผมใช้อยู่ตอนนี้....และเท้าสองคู่ที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา....
ไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าเท้าใคร....
ภาพแค่นี้แต่แน่นอนล่ะถมันต้องไม่ใช่เรื่องแค่นี้แน่นอน การที่ลงรูปนี้ไปมันบอกอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง คนสองคนบนเตียงเดียวกัน....มันเหมือนการประกาศว่าเจ้าของรูปมีแฟนแล้วอะไรประมาณนั้นเลย ผมไม่รอช้ารีบกดอ่านคอมเมนท์ของรูปนี้ทันที ซึ่งทุกเมนท์มันก็จะประมาณว่า...
แพรว คณิตศาสตร์ : ใคร!!!
ปู ไปหาหมอ : ไม่จริงใช่มั้ยคะคิง ฮือออ
มินท์ ชาอู่หลง : ไม่ต้องตกใจ ตีนเราเองค่ะ /มโนวนไป
วิว วันอังคาร : ใช่ผู้หญิงมั้ย ตีนดูใหญ่ๆอ่ะ
สาย ปั่น : เออผู้หญิงที่ไหนจะเท้าใหญ่ขนาดนี้
คิม เบอเร่อ : ไม่ใช่ตีนชะนีแน่นอน! ใครคือลูกสาวแม่ ตอบ!!!
นุ่น วันละนิด : อะไรเนี่ย ล้อกันเล่นใช่มั้ย
ทุกคอมเมนท์ล้วนแต่ถามถึงคนในรูปและหลายคนที่จับผิดว่ามันไม่ใช่เท้าผู้หญิง ก็แน่ล่ะ ผมก็ผู้ชายนะจะให้มาเท้าเล็กบอบบางได้ยังไง ผมเลื่อนอ่านไปเรื่อยๆ บางเมนท์ก็ดูจริงจังจนน่าทึ่งแต่ก็มีบางเมนท์ที่เรียกรอยยิ้มจากผมได้เหมือนกัน ผมลองเช็คดูที่เพจดังของมหาลัยก็พบว่ารูปนี้ถูกเอาไปสานต่อแล้วเรียบร้อย ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่ได้ซีเรียสอะไรเรื่องนี้แต่ก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะถูกถ่ายรูปไปลงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมเลื่อนดูเกี่ยวกับโพสนี้แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้อง
“ทำไมกลับมาล่ะ ไหนว่าจะไปทำงานต่อ” ผมถามคิงที่อยู่ดีๆก็มาโผล่อยู่ตรงนี้ ถึงว่าทำไมถึงไม่ตอบแชทผม คงจะขับรถกลับมาเดี๋ยวนั้นเลยสินะ
“พี่จะไปกินเหล้าได้ยังไง พี่ยังไม่หายดี” คิงไม่ได้ตอบคำถามของผมแต่พูดถึงเรื่องที่ผมจะไปข้างนอกคืนนี้แทน คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะรวมกันเป็นเส้นเดียวบ่งบอกว่าร่างสูงกำลังไม่พอใจอย่างมาก
“พี่ไม่กินก็ได้แต่ครั้งนี้พี่รหัสเป็นคนนัดมา ยังไงพี่ก็ต้องไป” ผมเข้าใจที่น้องไม่อยากให้ไปแต่ผมก็รับปากพี่เนย์ไปแล้วและที่นัดคืนนี้มันก็เพราะผมด้วยนี่
“ไม่ให้ไป” เหมือนที่ผมพูดเมื่อกี๊เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาไปเฉยๆ คิงยืนมองผมอยู่ปลายเตียงและยืนยันว่าไม่อยากให้ผมไป ผมลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปหาอีกคนใกล้ๆ
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ต้องไป ก็แค่แปบเดียวเดี๋ยวก็กลับ”
“.....”
“คิง”
“.....”
“เข้าใจมั้ยเนี่ย”
“....”
คิงไม่ยอมพูดอะไรออกมา ผมเลยปล่อยคิงให้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเดินมาเข้าห้องน้ำแทน เพราะถ้าเกิดว่าคุยต่อตอนนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรกลับมาถ้าเกิดว่าคิงยังเป็นแบบนี้อยู่ ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ออกมา คิงย้ายร่างตัวเองไปนั่งลงอยู่ตรงปลายเตียง ผมเดินผ่านมาที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจอะไร ตอนนี้พึ่งจะห้าโมงแต่ผมว่าจะไปอยู่กับไอ้เตก่อน เพราะบอกตรงๆว่าตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ในห้องนี้สักเท่าไหร่
“จะไปให้ได้เลยใช่มั้ยพี่ควิน” ประโยคแรกหลังจากที่เงียบไปนาน ฟังยังไงก็รู้ว่าคนพูดกำลังแดกดันกันอยู่
“พี่ต้องไป” ผมตอบพร้อมกับแต่งตัวไปด้วยโดยไม่ได้หันไปมอง ตอนนี้ผมเองก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้วแต่พยายามทำใจเย็นเอาไว้เพราะไม่อยากให้มันต้องถึงขั้นทะเลาะกัน
“แล้วถ้าผมไม่ให้พี่ไปล่ะ”
“พี่ว่าพี่บอกไปแล้วนะว่าต้องไป”
“งั้นผมไปด้วย”
“อะไรนะ”
“ผมจะไปด้วย”
“คิงจะไปทำไม ไม่ต้องไปหรอก” ผมหันมาถามคิงเพราะไม่เข้าใจว่าน้องจะตามไปทำไม แค่จะออกไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ทำไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ ตอนนี้ผมไม่เข้าใจร่างสูงตรงหน้าเลยสักนิด ตอนแรกบอกไม่ให้ไปเพราะผมยังไม่หายดีอันนั้นผมเข้าใจ แต่ผมก็บอกเหตุผลไปหมดแล้วแล้วทำไมถึงยังไม่ยอมให้ไป แถมขอตามไปด้วยผมก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักไปอีก
“แล้วที่นั่นมันมีอะไร ทำไมถึงไปด้วยไม่ได้”
ผมไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไรหลังจากได้ยินประโยคนี้ สมองประมวลผลทั้งหมดอย่างรวดเร็วก่อนจะตีความได้เป็นความหมายเดียว
ไม่ยอมให้ผมไปกินเหล้า....
พอผมจะไปให้ได้เลยขอตามไปด้วย....
พอผมไม่ให้ไปก็เลยถามว่ามีอะไรที่ทำให้ไปด้วยไม่ได้....
ไม่ไว้ใจ...
ความหมายเดียวที่ผมคิดได้ในตอนนี้คือไม่ไว้ใจเท่านั้น มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้อีกแล้วนอกจากนี้ มันจะมีเหตุผลอะไรอีกที่คิงพยายามห้ามผมไม่ให้ไป มันจะเป็นอะไรได้อีก
“แล้วคิงคิดว่ามันมีอะไรงั้นหรอ?”
“.....”
“ตอบพี่สิว่าคิงคิดว่ามันจะมีอะไร?” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มใส่อารมณ์กับน้อง ที่ผ่านมาผมยอมอ่อนให้ทุกอย่าง...แต่มันคงยังไม่พอที่จะทำให้อีกคนเชื่อใจกันได้
“...ไม่รู้”
“ไม่รู้ ไม่รู้แค่นี้อ่ะหรอ.....ตอนนี้พี่เองก็ไม่รู้แล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคิงกำลังคิดอะไรอยู่แต่คิงจะมาห้ามไม่ให้พี่ไปไหนไม่ได้หรอกนะ พี่เองก็มีสังคมของพี่ พี่เองก็มีเพื่อน”
“.....”
“คิงคิดว่าพี่จะไปทำอะไรลับหลังงั้นหรอ? พี่เองก็บอกทุกอย่างไปหมดแล้วแต่แค่คำพูดพี่มันไม่พอต้องไปเห็นเองกับตาแบบนั้นเลยใช่มั้ย?” ยิ่งอีกคนเอาแต่เงียบผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ แต่ละคำที่พูดไปเชือดเฉือนใจตัวเองทั้งนั้น
“ไม่ใช่!”
“ไม่ใช่อะไร! ก็ชัดเจนแล้วนี่ว่าคิงไม่ได้ไว้ใจพี่เลย” ผมไม่อยากฟังอะไรต่ออีกแล้วพูดจบผมก็เดินหนีไปที่ประตูห้องทันที มือยังไม่ทันจะเอื้อมถึงลูกบิดก็ถูกคนด้านหลังกระชากกลับเข้าไปหา ผมเซไปนิดหน่อยแต่พอตั้งหลักได้ก็ผลักอีกคนออกไปได้ อย่าลืมว่าตัวผมกับคิงก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่มันเลยไม่ยากนักที่ผมจะพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น หันหลังเดินต่อได้อีกไม่กี่ก้าวก็ถูกกระชากกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ตัวผมจมลงไปในอ้อมกอด วงแขนแกร่งโอบรัดตัวผมไว้แน่นจนเจ็บ
“ไม่ใช่นะพี่ควิน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ” พอคว้าตัวผมไว้ได้น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ละล่ำละลักพูดออกมาจนฟังแทบไม่ทัน
“ปล่อยพี่” ผมดันร่างหนาให้ออกไปแต่เพราะวงแขนที่รัดแน่นทำให้ผมขยับแทบไม่ได้ ยิ่งผมดันทุรังผลักอีกคนออกแค่ไหนแรงกอดรัดก็ยิ่งแน่นขึ้นเท่านั้น
“ไม่ใช่นะพี่...ฟังก่อนฟังคิงก่อนนะ” น้ำเสียงที่อ้อนวอนอยู่ข้างหูทำใจผมอ่อนยวบแต่ความรู้สึกแย่มันก็ยังคงอยู่ คำพูดแทนตัวเองด้วยชื่อที่น้อยครั้งจะได้ยินก็ทำให้อีกใจผมอยากจะดึงตัวอีกคนมากอดไว้แต่ก็ทำไม่ได้สุดท้ายผมก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
“ปล่อย”
“หวง”
“.....”
“หวงมาก”
“.....”
“หวงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ควิน”
“.....”
“ไม่อยากให้พี่ไปที่แบบนั้น”
“.....”
“ถ้ามีคนเข้ามายุ่งกับพี่คิงจะทำยังไง”
หวงงั้นหรอ....
เพราะแบบนั้นเองงั้นหรอ....
ผมค่อยๆยกมือของตัวเองที่กำลังสั่นข้างนึงเกี่ยวรัดเอวหนาพร้อมกับค่อยๆวางมืออีกข้างทาบทับลงแผ่นหลังของคนตรงหน้าแล้วลูบไปมาเบาๆ
“ขอโทษ”
ผมพูดพร้อมกับเอียงหน้าไปหาใบหน้าหล่อที่ซบอยู่ตรงไหล่ผมก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนขมับซ้ำๆอยู่แบบนั้นเพื่อไถ่โทษ เรื่องนี้เหตุผลจริงๆมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยหนำซ้ำยังเป็นเหตุผลที่ดีจนผมรู้สึกผิดที่คิดกับน้องไปแบบนั้น ถ้าจะมีใครสักคนที่แย่มันก็คือผมเองนี่แหละ ผมเองที่แย่ ผมเกือบทำให้ทุกอย่างมันพังด้วยมือของผมเอง
“ขอโทษนะคิง พี่ขอโทษจริงๆ”
“อือ” หัวทุยขยับขึ้นลงและตอบรับในลำคอแต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาแต่แค่นี้ก็พอแล้ว แค่น้องให้อภัยก็พอแล้ว
เรายืนกอดกันแบบนั้นโดยไม่มีใครคิดจะคลายอ้อมกอดออกสักนิด
โชคดีของผมแค่ไหนแล้ว...ที่วันนี้ผมไม่เสียน้องไป....
มีใครสัมผัสได้ถึงความไบโพล่าห์มั้ยคะ เอิร์ทว่าเอิร์ทสัมผัสได้ค่ะ -..- ตอนนี้เนื้อเรื่องก็มาถึงครึ่งทางได้แล้วนะคะ เพราะงั้นเราน่าจะได้เข้าเรื่องหลักจริงๆแล้วหลังจากที่ออกทะเลมานาน -/- ยังไงก็ตามแต่เอิร์ทขอขอบคุณทุกไลค์ ทุกคอมเมนท์ ทุกรีวิวที่ส่งมาเลยนะค เอิร์ทอ่านทุกบรรทัดของทุกคนและมันก็เป็นกำลังใจที่มากแบบผัวแม่นาคเลยอ่ะ ผ่าม! 555555555
ก่อนจากไปเอิร์ทมีคำถามมาถามทุกคนหน่อยน้า คือมีคนที่ถามถึงเรื่องเล่มนิยายเรื่องนี้มาบ้าง ซึ่งเอิร์ทบอกแล้วว่านี่คือเรื่องแรกของเอิร์ท นั่นหมายความว่าเอิร์ทยังไม่เคยทำเล่มของตัวเองมาก่อน แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเอิร์ทได้ลองไปศึกษามาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ประเด็นมาละ คือถ้าจะต้องพิมพ์เล่มจริงๆเอิร์ทคงจะต้องเปิดพรีออเดอร์ ซึ่งด้วยงบประมาณที่คำนวณมาแล้ว จำนวนหนังสือขั้นต่ำที่ต้องการน่าจะประมาณ 50 เล่ม คำถามคือจะมีคนซื้อถึง 50 เล่มมั้ยคะ555555555 ฮือออออออ ส่วนตัวเอิร์ทไม่มั่นใจเลยว่าจะมีคนซื้อเพราะโนเนมมากมาย ยังไงก็รบกวนทุกคนหน่อยเน้ออ ฝาก#คิงควินด้วยน้า จู้บ